Mind&Health by Dr.KIT

Mind&Health by Dr.KIT สุขภาพดีทั้งกาย ใจ และสังคม ช่วยให้ทุกคนมีความสุขในทุกวัน

จากข่าวญาติคนไข้ตบพยาบาล เราไม่อาจแก้ไขนิสัยของผู้รับบริการได้ แต่เราสามารถปรับปรุงการทำงาน ตัว รพ. เพื่อลดการเกิดเหตุกา...
22/02/2025

จากข่าวญาติคนไข้ตบพยาบาล เราไม่อาจแก้ไขนิสัยของผู้รับบริการได้ แต่เราสามารถปรับปรุงการทำงาน ตัว รพ. เพื่อลดการเกิดเหตุการณ์ซ้ำซากนี้ได้ โดยการแก้ไขในเชิงระบบครับ

แนวทางแก้ไขเชิงระบบ

1. อบรมและติดตามมาตรการ ESB

ควรมีการอบรมและติดตามพฤติกรรมการให้บริกรของเจ้าหน้าที่ (Excellent service behavior:ESB) อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพยาบาล และควรขยายไปถึงทีมแพทย์ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและมีศักยภาพในการสื่อสารที่สร้างสรรค์

2. ระบบควบคุมการเข้า-ออกพื้นที่สำคัญ

ควรจัดให้มีระบบควบคุมการเข้าถึง (Access Control) ในพื้นที่เสี่ยง เช่น ห้องฉุกเฉิน (ER), ห้องไอซียู (ICU) และหอผู้ป่วย เพื่อลดความเสี่ยงที่ญาติหรือบุคคลภายนอกจะเข้ามาก่อเหตุหรือรบกวนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ โดยกำหนดให้การเข้าออกต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่

การดำเนินการของโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต

ปัจจุบัน โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ตได้ลงทุนในระบบควบคุมการเข้าออกเพื่อเพิ่มความปลอดภัย หลังจากเคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน เช่น

- ญาติบุกรุกเข้ามาคุกคามเจ้าหน้าที่

- การรบกวนการทำงานของทีมแพทย์ระหว่างการกู้ชีพในห้องฉุกเฉิน

- บุคคลภายนอกเดินเข้าออกหอผู้ป่วยโดยพลการ และมีกรณีขโมยทรัพย์สินของผู้ป่วย

หากกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับประเด็นนี้และสนับสนุนงบประมาณในการปรับโครงสร้างทางกายภาพของโรงพยาบาลทุกแห่งในสังกัด จะช่วยป้องกันเหตุการณ์รุนแรงซ้ำซ้อน และสร้างความมั่นใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย


Business Model Canvas คือแผนผังที่ช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของธุรกิจในแบบองค์รวม โดยแบ่งออกเป็น 9 ส่วนสำคัญ เรามาเริ่มกันเ...
01/07/2024

Business Model Canvas คือแผนผังที่ช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของธุรกิจในแบบองค์รวม โดยแบ่งออกเป็น 9 ส่วนสำคัญ เรามาเริ่มกันเลยครับ/ค่ะ

**1. Customer Segments (กลุ่มลูกค้า):**
นี่คือการระบุกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรา ลูกค้าของเราเป็นใคร? แบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ ได้อย่างไร? สิ่งที่ต้องทำคือการเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าให้ดี เพื่อที่จะสามารถสร้างสรรค์สินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีที่สุด

**2. Value Propositions (คุณค่าที่มอบให้ลูกค้า):**
สิ่งที่เรามอบให้ลูกค้า และเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าเลือกเราเหนือคู่แข่ง คุณค่าอาจจะมาในรูปของสินค้า บริการ หรือประสบการณ์ที่ดี เราต้องถามตัวเองว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ลูกค้าเลือกเรา?

**3. Channels (ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า):**
วิธีการที่เรานำคุณค่าไปสู่ลูกค้า ช่องทางเหล่านี้อาจเป็นช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย หรือออฟไลน์ เช่น ร้านค้า, การจัดงานอีเว้นท์ เราต้องเลือกช่องทางที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของเรา

**4. Customer Relationships (ความสัมพันธ์กับลูกค้า):**
วิธีการที่เราสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า เราควรมีการสื่อสารและการบริการที่ดี เพื่อสร้างความพึงพอใจและความภักดีจากลูกค้า

**5. Revenue Streams (แหล่งรายได้):**
แหล่งที่มาของรายได้ วิธีการที่เราสร้างรายได้จากกลุ่มลูกค้า เช่น การขายสินค้า, ค่าสมาชิก หรือค่าบริการ เราต้องรู้ว่ารายได้หลักของเรามาจากไหนและมีวิธีการเพิ่มรายได้อย่างไร

**6. Key Resources (ทรัพยากรหลัก):**
สิ่งที่เราจำเป็นต้องมีเพื่อสร้างและส่งมอบคุณค่า เช่น บุคลากร, เทคโนโลยี, วัสดุ และเงินทุน ทรัพยากรเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจของเราดำเนินไปได้

**7. Key Activities (กิจกรรมหลัก):**
กิจกรรมที่เราต้องทำเพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้ เช่น การผลิต, การตลาด, การขาย หรือการบริการลูกค้า เราต้องระบุให้ชัดเจนว่ากิจกรรมหลักของเราคืออะไร

**8. Key Partnerships (พันธมิตรหลัก):**
ความร่วมมือกับบุคคลหรือองค์กรอื่นๆ ที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ เช่น ซัพพลายเออร์, ผู้ร่วมทุน, หรือพันธมิตรทางธุรกิจ การมีพันธมิตรที่ดีสามารถช่วยให้เราสามารถทำธุรกิจได้ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

**9. Cost Structure (โครงสร้างต้นทุน):**
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ เช่น ค่าวัสดุ, ค่าแรง, ค่าเช่า และค่าใช้จ่ายอื่นๆ การเข้าใจโครงสร้างต้นทุนจะช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้ง 9 ส่วนนี้ประกอบกันเป็นภาพรวมของธุรกิจที่ช่วยให้เราเข้าใจและวางแผนกลยุทธ์ได้ดียิ่งขึ้น Business Model Canvas ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการวางแผนธุรกิจใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจที่มีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น

วันนี้เราจะมาพูดถึงหัวข้อ "การทำงานแบบ Silo คืออะไร?" และทำไมการทำงานแบบนี้ถึงอาจไม่ดีต่อองค์กรของคุณเริ่มต้นจากคำว่า "S...
26/06/2024

วันนี้เราจะมาพูดถึงหัวข้อ "การทำงานแบบ Silo คืออะไร?" และทำไมการทำงานแบบนี้ถึงอาจไม่ดีต่อองค์กรของคุณ

เริ่มต้นจากคำว่า "Silo" ที่มาจากภาษาอังกฤษ ซึ่งหมายถึง "ถังเก็บ" หรือ "ที่เก็บสินค้า" ในบริบทขององค์กรหรือธุรกิจ การทำงานแบบ Silo หมายถึง การทำงานที่แยกเป็นส่วนๆ ไม่เชื่อมโยงหรือสื่อสารระหว่างกัน หน่วยงานหรือแผนกต่างๆ ในองค์กรทำงานกันโดยไม่แบ่งปันข้อมูล ความรู้ หรือทรัพยากรระหว่างกัน เปรียบเสมือนว่าแต่ละหน่วยงานถูกเก็บไว้ในถังเก็บข้อมูลแยกกัน

การทำงานแบบ Silo นี้มีผลกระทบต่อองค์กรอย่างไรบ้าง? ขอยกตัวอย่างดังนี้:

1. **การสื่อสารที่มีปัญหา**: เมื่อแผนกต่างๆ ไม่สื่อสารกัน ข้อมูลที่สำคัญอาจไม่ถูกส่งต่อ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือข้อมูลที่ขาดหายไป ส่งผลให้งานที่ทำออกมาไม่สมบูรณ์หรือผิดพลาดได้

2. **ความไม่มีประสิทธิภาพ**: การทำงานแบบแยกส่วนทำให้เกิดการทำงานซ้ำซ้อน เพราะแต่ละแผนกทำงานในรูปแบบของตัวเองโดยไม่รู้ว่ามีใครทำอะไรอยู่แล้ว ส่งผลให้ใช้ทรัพยากรอย่างไม่คุ้มค่า

3. **การตัดสินใจที่ขาดความครอบคลุม**: เมื่อข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกแบ่งปันกัน การตัดสินใจที่เกิดขึ้นจะขาดความรอบคอบ เพราะพนักงานไม่มีข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นต่อการตัดสินใจ

4. **ขวัญและกำลังใจของพนักงาน**: การทำงานแบบแยกส่วนทำให้พนักงานรู้สึกเหมือนไม่มีส่วนร่วมในภาพรวมขององค์กร ทำให้ขาดความรู้สึกเป็นทีมและลดขวัญกำลังใจ

เพื่อแก้ไขปัญหาการทำงานแบบ Silo องค์กรควร:

1. **ส่งเสริมการสื่อสารระหว่างแผนก**: จัดการประชุมหรือกิจกรรมที่ทำให้พนักงานจากแผนกต่างๆ ได้พบปะและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน

2. **สร้างระบบการจัดการข้อมูลที่ดี**: ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการจัดเก็บและแบ่งปันข้อมูลให้เป็นระบบ และเข้าถึงได้ง่าย

3. **ส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีม**: ฝึกอบรมและสร้างแรงจูงใจให้พนักงานเห็นความสำคัญของการทำงานร่วมกัน

4. **ปรับโครงสร้างองค์กร**: ทำให้โครงสร้างองค์กรมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเน้นการทำงานข้ามแผนกหรือการทำงานในรูปแบบโครงการ

การทำงานแบบ Silo อาจเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการพัฒนาองค์กร แต่ถ้าเราสามารถทำให้การทำงานในองค์กรเป็นไปอย่างราบรื่นและประสานงานกันได้ จะช่วยให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น

#พัฒนาการทำงาน
#พัฒนาองค์กร

มาดูขั้นตอนการรับการบริการตรวจ mammogramกันครับ
10/05/2023

มาดูขั้นตอนการรับการบริการตรวจ mammogramกันครับ

07/05/2023
การใช้ยามะเร็งมุ่งเป้า ในมะเร็งรังไข่
05/05/2023

การใช้ยามะเร็งมุ่งเป้า ในมะเร็งรังไข่

#การใช้ยามุ่งเป้ารักษาผู้ป่วยมะเร็งรังไข่
เป็นวิธีการรักษา มะเร็งรังไข่ ที่ใช้ยาที่เป็นตัวเป้าหมายเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรง โดยปกติแล้วเซลล์มะเร็งจะมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากเซลล์ปกติ ซึ่งสามารถนำมาเป็นตัวเป้าหมายในการใช้ยามุ่งเป้าได้
ยามุ่งเป้าสามารถทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรง โดยไม่มีผลกระทบต่อเซลล์ปกติ และยังช่วยลดอาการของผู้ป่วยจากผลข้างเคียงของการรักษาแบบเคมีบำบัด (Chemotherapy) ได้อีกด้วย
การใช้ยามุ่งเป้า ในการรักษามะเร็งรังไข่มีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะมีตัวเป้าหมายที่แตกต่างกันไป วันนี้จึงอยากชวนทุกคนมารู้จักไปพร้อมๆกัน
https://bit.ly/3HnfF8f

--------------------------------------------
📢 ไม่พลาดข่าวสารสุขภาพและโปรโมชั่นดี ๆ จากเรา
👍 เพียงกด like และ กดติดดาว ⭐️ (see first)
💁‍♀️ เพจศูนย์มะเร็งตรงเป้า โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต 🏥
------------------------------------
ปรึกษาเรื่อง มะเร็ง ได้ที่ศูนย์มะเร็งตรงเป้า โรงพยาบาลจุฬารัตน์9แอร์พอร์ต __
☎️ 0933285561
Line _: HIFU9000
Podcast 🗣https://anchor.fm/chularatcancercenter
Email: Chularatcenter@gmail.com
Blockdit : https://bit.ly/43H6U27
ที่อยู่ : 90/5 ม.13 ซอยกิ่งแก้ว 25/1 ถ.กิ่งแก้ว ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทราปราการ ใกล้กับ สนามบินสุวรรณภูมิ
Google map▶️
https://maps.app.goo.gl/9jjLa
#โรคมะเร็งปอด #มะเร็งต่อมลูกหมาก #มะเร็งตับ #มะเร็งท่อทางเดินน้ำดี #มะเร็งต่อมไทรอยด์ #มะเร็งเต้านม #มะเร็งกระเพาะอาหาร #มะเร็งถุงน้ำดี #มะเร็งลำไส้ใหญ่ #มะเร็งรังไข่ #มะเร็งกระดูก #มะเร็ง #เนื้องอกมดลูก #รักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด #เทคโนโลยีHIFU #โรงพยาบาลจุฬารัตน์9แอร์พอร์ต

เมื่อกระทำสิ่งผิดพลาดไปแล้ว ควรทำอย่างไรการทำผิดพลาดต่างๆ อาจจะมีความหลากหลายและมีระดับความรุนแรงต่างกันไป ดังนั้นวิธีกา...
01/05/2023

เมื่อกระทำสิ่งผิดพลาดไปแล้ว ควรทำอย่างไร

การทำผิดพลาดต่างๆ อาจจะมีความหลากหลายและมีระดับความรุนแรงต่างกันไป ดังนั้นวิธีการให้สังคมรอบข้างให้อภัยก็อาจแตกต่างกันไปตามบุคคลและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง แต่โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถปฏิบัติตามหลักการต่อไปนี้เพื่อให้สังคมอภัยและยอมรับเราเมื่อเรากระทำผิดพลาด

1. ยอมรับความผิด
การยอมรับว่าเราทำผิดและรับผิดชอบความผิดนั้น เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราได้รับผิดชอบต่อการกระทำของเราและพร้อมที่จะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น

2.ขอโทษ
การขอโทษเป็นการแสดงความเสียใจและความยินดีที่จะแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยการขอโทษนั้นจะทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำผิดรู้สึกว่าได้รับการเอาใจใส่และเห็นความจริงในความผิดที่เกิดขึ้น

3.แสดงความจำเป็นที่จะปรับปรุงตนเอง
การแสดงให้เห็นว่าเราจะทำให้ตนเองดีขึ้นและไม่ทำผิดอีกต่อไป โดยการแสดงความตั้งใจในการปรับปรุงตนเองนั้น จะทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบได้รับการเอาใจใส่และเห็นว่ามีการพัฒนาต่อไป

4.ทำการชดเชย
การชดเชย เป็นการแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นด้วยการให้สิ่งที่เสียไปหรือช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้กลับสู่สภาวะเดิม การชดเชยนั้นอาจเป็นการชดเชยด้วยทางการเงินหรือการชดเชยด้วยการทำบุญและประโยชน์สังคมอื่น ๆ เพื่อให้เห็นว่าเราจริงใจต้องการแก้ไขความผิดพลาดนั้น และยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือเพื่อช่วยแก้ไขสถานการณ์

การให้สังคมอภัยต่อความผิดพลาดของเรานั้นเป็นการแสดงความเป็นมนุษย์และความสุภาพของเรา ซึ่งเราควรจะปฏิบัติตามหลักการและความเห็นอกเห็นในสังคม เพื่อให้สังคมมีความสามารถในการรับรู้และยอมรับเราเมื่อเราพยายามทำให้ตนเองและสังคมดีขึ้นโดยรวม

28/04/2023

แนวทางการให้วัคซีนต้านโควิด เม.ย. 66

รายงานปัญหาการทำงานแล้วโดนหัวหน้าตำหนิ ควรทำอย่างไรการรายงานปัญหาการทำงานเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการ...
21/04/2023

รายงานปัญหาการทำงานแล้วโดนหัวหน้าตำหนิ ควรทำอย่างไร

การรายงานปัญหาการทำงานเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการทำงานทีมและการพัฒนาศักยภาพขององค์กร หลายครั้งพบว่าการรายงานปัญหาตรงๆ ปราศจากเทคนิคที่ดี กลับกลายเป็นผลเชิงลบแก่ผู้รายงานทั้งที่ผู้รายงานมีความตั้งใจดีเพื่อองค์กร

ดังนั้นการรายงานปัญหาควรมีวิธีการที่เหมาะสมและสามารถหลีกเลี่ยงการตำหนิจากหัวหน้างานได้ ซึ่งอาจใช้วิธีดังนี้:

1. เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม:
หากมีปัญหาเกิดขึ้น ควรหาเวลาที่เหมาะสมในการแจ้งปัญหาให้กับหัวหน้างาน เช่น เวลาที่ไม่มีงานด่วนๆ เป็นต้น โดยไม่ควรรายงานปัญหาในช่วงที่เราเสียอารมณ์หรือทำงานรีบร้อน

2. ใช้วิธีการสื่อสารที่เหมาะสม:
การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในการรายงานปัญหา ควรเลือกใช้วิธีการสื่อสารที่เหมาะสม และอยู่ในกรอบของวิธีการสื่อสารที่เราตั้งใจเลือกใช้ เช่น การสื่อสารทางโทรศัพท์ หรือการนัดหมายเพื่อพูดคุยหน้าต่อหน้า

3. พูดอย่างเปิดเผยและสุภาพ:
การพูดคุยเปิดเผยปัญหาโดยไม่ว่าง่ายหรือยากก็จะช่วยให้ผู้รับฟังเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ นอกจากนี้ การพูดอย่างสุภาพจะช่วยลดความขัดแย้งและเพิ่มโอกาสในการแก้ไขปัญหา

4. เล่าอธิบายปัญหาที่เกิดขึ้น:
ให้เล่าอธิบายปัญหาที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน โดยไม่ต้องมีความเห็นตัวเองหรือแสดงอารมณ์เกินไป

5. ให้ข้อมูลเพียงพอ:
ให้ข้อมูลที่จำเป็นเพียงพอเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น วันที่เกิดปัญหา สถานที่ และผลกระทบต่องาน

6. รายงานปัญหาในลักษณะขอความช่วยเหลือ:
การรายงานปัญหาในลักษณะขอความช่วยเหลือจะช่วยให้หัวหน้างานเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องสำคัญและต้องการความช่วยเหลือ

7. หาข้อเสนอแนะ:
ประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญ การรายงานปัญหาโดยที่มีการวิเคราะห์ พร้อมข้อเสนอแนะทางเลือกการแก้ปัญหา แสดงถึงศักยภาพการทำงานของตัวคุณเอง และข้อเสนอแนะควรมีหลายวิธี เพื่อให้หัวหน้าเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง ซึ่งจะได้ผลการตอบรับที่ดีกว่าคุณตัดสินใจแทนหัวหน้า

#พัฒนาตนเอง #พัฒนาการทำงาน

การรับมือกับการนินทา ว่าร้าย ป้ายสี ~ อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเ...
19/04/2023

การรับมือกับการนินทา ว่าร้าย ป้ายสี

~ อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา~

การติฉินนินทานั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเจอ แม้แต่พระพุทธเจ้าเองยังหนีไม่พ้น ไฉนคนธรรมดาอย่างเราจะไม่ถูกนินทา

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เราพบกันอยู่ทุกวัน การนินทามักส่งผลในทางลบกับผู้ถูกนินทาไม่มากก็น้อย ซึ่งทำให้หลายคนเกิดอาการหัวร้อนและทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม กลายเป็นเข้าทางคำนินทาไปยิ่งกว่าเดิม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผู้ถูกนินทาไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น ดังนั้นเราจะรับมืออย่างไรกับคำนินทา มีคำแนะนำ 4 ข้อดังนี้ครับ

1. เมื่อเราถูกใส่ร้าย นินทา ให้คิดว่า เราสูงกว่า เรานำหน้ากว่า เราเจ๋งกว่าเขา
การที่เขาเอาเราไปนินทา แปลว่าเราได้อยู่ในจุดที่เขาอยากอยู่แต่ไม่สามารถทำได้ ด้วยความรู้สึกอัดอั้นของตัวเขาเองทำให้เขาต้องทำอะไรบางอย่างให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ด้วยการกล่าวหาคุณ
หากคุณเจอคนแบบนี้ให้ปล่อยผ่านเลยไป อย่าไปสนใจ หรือโต้เถียง เพราะเขาต้องการแค่อยากให้ตัวเองรู้สึกดีเท่านั้น มันไม่เกี่ยวอะไรกับตัวคุณเลย อย่าเอาอารมณ์ของตัวเองไปเสียเวลากับคนเหล่านั้น

2. มองเขาด้วยความเมตตา
รับรู้และเข้าใจว่าตัวเขาต้องเกลียดตัวเองขนาดไหน และเขาไม่มีความสุขขนาดไหนเขาถึงได้ทำแบบนั้น คนเราโดยปกติถ้าเขามีความสุขจะทำให้คนอื่นมีความสุข มีแต่คนที่ไม่มีความสุขเท่านั้นที่จะทำให้คนอื่นเป็นทุกข์เพราะรับที่คนอื่นมีความสุขมากกว่าไม่ได้
ให้คุณมองเขาด้วยความเมตตาเพราะเขามีความทุกข์เขาถึงอยากให้คนอื่นทุกข์ด้วย

3. ทำตามเป้าหมายของคุณต่อไป
เมื่อคุณถูกกล่าวหาหรือนินทาว่าร้าย ให้คุณอย่าสนใจ หรือหยุดเพื่ออธิบายใดๆ คุณมีหน้าที่เพียงแค่ทำตามเป้าหมายของคุณต่อไป เพราะคนที่ใส่ร้ายเพราะเขาอิจฉา ถ้าคุณหยุดเป้าหมายก็จะเข้าทางเขา
คุณแค่ทำตามความฝันและประสบความสำเร็จและมีความสุขต่อไป นั่นจะเป็นการแก้แค้นได้อย่างดีที่สุด เพราะตัวเขาจะรู้สึกร้อนเป็นไฟเมื่อรู้ถึงความสำเร็จและความสุขที่คุณมี

4. มองเห็นเป็นสัจธรรม
คนในโลกที่ไม่ถูกนินทาไม่มี ด้วยความที่ว่ามนุษย์เรามักมีความรู้สึกทั้งรักโลภโกรธหลง เสียใจ ดีใจ สิ่งที่เราทำมันจะมีคนที่ถูกใจและคนที่ไม่ถูกใจ ถือว่าเป็นสัจธรรมของโลก ทุกคนต้องเจอถ้ายังเป็นมนุษย์อยู่
สิ่งที่คุณต้องทำคือ ทำตามสิ่งที่คุณต้องการต่อไป แค่ทำให้ตัวคุณและคนที่คุณรักมีความสุข แค่นั้นคุณก็จะมีความสุข ซึ่งไม่เกี่ยวข้องใดๆกับคำนินทาเหล่านั้นเลย

การรับมือกับคำนินทา ว่าร้ายนั้น เพียงแค่เราเข้าใจ และมองพวกเขาเหล่านั้นด้วยความเมตตา เราจะเห็นความทุกข์ยากของเขา บางครั้งคนเราการเลือกรับอะไรต่างๆเข้ามาในจิตใจมันจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและความสุขของเรา

เลือกแต่สิ่งดีๆถึงแม้ว่าเราจะลำบากแต่เราก็มีความสุข ต่างจากการเลือกรับแต่สิ่งไม่ดี ถึงแม้ว่าเราจะมีเงินล้นฟ้าก็หาความสุขไม่ได้
#พัฒนาจิตใจ #สุขภาพจิต

ที่อยู่

ศูนย์มะเร็งตรงเป้า โรงพยาบาลจุฬารัตน์9แอร์พอร์ต ถ. กิ่งแก้ว
Bangkok

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Mind&Health by Dr.KITผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram