18/11/2025
ตั้งครรภ์ธรรมชาติไม่เป็นผล หันมาใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือที่เปลี่ยนชีวิตของคู่รัก 💑
ในยุคปัจจุบัน ภาวะการมีบุตรยาก ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะเรามีเทคโนโลยีช่วยการมีบุตรที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วและก้าวหน้า โดยหนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานี้ก็คือ ICSI (Intracytoplasmic S***m Injection) ซึ่งหลายคนอาจเคยได้ยืนชื่อเทคนิคนี้ แต่อาจมีคำถามว่า จริง ๆ แล้ว ICSI คืออะไร ? แล้วจะช่วยแก้ปัญหาการมีบุตรยากได้จริงหรือไม่ ? ในวันนี้ Prime Fertility Center จะพาว่าที่คุณพ่อและคุณแม่ ไปทำความรู้จักเทคนิคนี้กันให้มากขึ้นกันนะคะ
🩺 ทำความรู้จักเทคนิค ICSI แบบง่าย ๆ กัน
ICSI เป็นกระบวนการปฏิสนธิที่ใช้อสุจิ 1 ตัว ฉีดเข้าไปในไข่โดยตรงผ่านกล้องความละเอียดสูง เป็นเทคนิคที่พัฒนาขึ้นมาจากการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) เพื่อช่วยในกรณีที่ฝ่ายชายมีปัญหาเรื่องอสุจิ หรือในเคสที่มีการทำเด็กหลอดแก้ว แล้วไม่ประสบความสำเร็จมานั่นเองค่ะ
🩺 มัดรวม 5 เรื่องเกี่ยวกับ ICSI ที่คุณอาจไม่เคยรู้
1. ICSI ต่างจาก “เด็กหลอดแก้ว” อย่างไร ? หลายคนอาจเข้าใจว่า ICSI และเด็กหลอดแก้ว เป็นวิธีการเดียวกัน ซึ่งจริง ๆ แล้ว ICSI เป็นรูปแบบหนึ่งของการทำเด็กหลอดแก้วค่ะ แต่จะเจาะลึกและแก้ปัญหาเฉพาะจุดได้มากกว่า เหมาะกับคู่รักที่มีปัญหาเฉพาะด้าน เช่น ฝ่ายชายมีจำนวนอสุจิน้อย หรืออสุจิเคลื่อนตัวผิดปกติ
2. เด็กที่เกิดจากการทำ ICSI จะพัฒนาเหมือนเด็กทั่วไปไหม ? คู่รักบางส่วนอาจเข้าใจว่า การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ปัญหาการมีบุตรยาก จะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก แต่ความจริงแล้ว เด็กที่เกิดจากการทำ ICSI จะมีพัฒนาการที่ไม่ต่างจากเด็กที่เกิดแบบธรรมชาติเลยนะคะ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตัวเด็ก จะขึ้นอยู่กับการดูแลเด็กหลังคลอดมากกว่า อย่างไรก็ตาม การเลือกไข่และอสุจิที่แข็งแรงสมบูรณ์ จึงเป็นเพียงตัวช่วยหนึ่งที่ลดความเสี่ยงได้เบื้องต้นเท่านั้นค่ะ
3. ฝ่ายชายไม่มีอสุจิในน้ำเชื้อ ยังทำ ICSI ได้หรือเปล่า ? ทำได้แน่นอนค่ะ! แม้ว่าฝ่ายชายจะมีภาวะไม่มีอสุจิในน้ำเชื้อ (Azoospermia) ก็ยังสามารถใช้เทคนิคทางการแพทย์ เช่น TESA หรือ PESA ในการดูดอสุจิจากอัณฑะออกมาใช้งานได้โดยตรง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยเช่นกันค่ะ ว่าจะสามารถดึงอสุจิมาใช้งานได้มากน้อยเท่าไหร่
4. ทำ ICSI สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลยไหม ? การทำ ICSI มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาร่วมกันค่ะ เช่น อายุ สุขภาพของฝ่ายหญิง คุณภาพของไข่ ความสมบูรณ์ของมดลูก และสุขภาพโดยรวมของคู่รักทั้งสองฝ่าย โดยแพทย์จะทำการประเมินอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาที่เฉพาะเจาะจงให้กับคู่รักแต่ละคู่นะคะ
5. การเลือกคลินิกปรึกษามีบุตรยาก ส่งผลมากน้อยแค่ไหน ? แน่นอนว่ามีส่วนสำคัญมากๆ เลยค่ะ เพราะการเลือกคลินิกปรึกษาการมีบุตรยากที่ดี ควรต้องมีห้องแล็บที่ได้มาตรฐาน เครื่องมือที่ทันสมัย แพทย์เฉพาะทาง มีทีมที่พร้อมให้คำปรึกษา และที่ขาดไม่ได้คือต้องมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง พร้อมไปกับการดูแลสภาพจิตใจของผู้เข้ารับการรักษาด้วยเช่นกันค่ะ
🩺 ICSI เหมาะกับใครบ้าง ?
• ฝ่ายชายที่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพอสุจิ เช่น อสุจิมีจำนวนน้อย เคลื่อนไหวผิดปกติ หรือรูปร่างอสุจิผิดมาตรฐาน ทำให้เกิดการปฏิสนธิแบบธรรมชาติไม่ได้
• ผู้ที่เคยทดลองทำ IVF มาแล้ว แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
• ผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป เนื่องจากคุณภาพของไข่อาจเสื่อมสภาพตามอายุ การใช้ ICSI จึงช่วยเพิ่มโอกาสให้ไข่ได้รับการปฏิสนธิโดยตรงได้
• ผู้ที่มีปัญหาเรื่องไข่ไม่ตอบสนองหรือรังไข่ทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไข่น้อยหรือคุณภาพของไข่ไม่ดีนัก ICSI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของไข่ ให้ตอบสนองต่ออสุจิได้ดีขึ้น
• คู่รักที่ต้องการคัดกรองพันธุกรรม (PGT) เพื่อหลีกเลี่ยงโรคทางพันธุกรรม หรือวางแผนการมีลูกที่แข็งแรง
ในยุคที่อะไรหลาย ๆ อย่างไม่แน่นอน การฝากไข่อาจเป็นทางเลือกที่ช่วยให้คุณวางแผนชีวิตได้ และหากคุณกำลังมองหาคลินิกที่ไว้วางใจได้ Prime Fertility Center คือหนึ่งในตัวเลือกค่ะ เพราะเราคือคลินิกเฉพาะทางที่ให้การรักษาด้านภาวะมีบุตรยาก ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า มีแพทย์เฉพาะทางด้านภาวะมีบุตรยาก พร้อมให้คำปรึกษาตรงไปตรงมา และดูแลทุกขั้นตอนด้วยความเข้าใจ เพื่อให้การฝากไข่ของคุณเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดค่ะ
+++++++++++++
ติดตาม Contents ดี ๆ และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :
➤ Facebook : m.me/primefertilitycenter
➤ Line
➤ Instagram / Twitter : primefertilitycenter
➤ Website : www.primefertilitycenter.com
➤ TikTok : primefertilitycenter
➤ Youtube : Prime Fertility Center
➤ Tel : 02-029-1418-9, 062-648-6688
#เด็กหลอดแก้ว #อิ๊กซี่
#เก็บไข่แช่แข็ง #มีบุตรยาก #ตรวจคัดกรองโครโมโซม #คลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก #มีลูกยาก #นายแพทย์พูนเกียรติปัญญามิตร #อยากมีลูก #ท้องยาก #ท้องได้ที่ไพร์มคลินิก #หมอใหม่ไกด์ให้ลูก