Pichayanin Clinic

Pichayanin Clinic คลินิกสุขภาพใจและให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา

💥ศิลปะแห่งความทุกข์ (Art of Suffering) !!!ความทุกข์อาจเป็นสิ่งที่มนุษย์พยายามหลีกเลี่ยง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่ไม่...
01/12/2025

💥ศิลปะแห่งความทุกข์ (Art of Suffering) !!!

ความทุกข์อาจเป็นสิ่งที่มนุษย์พยายามหลีกเลี่ยง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนีพ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นความสูญเสีย ความผิดหวัง ความรักที่ไม่เป็นไปตามคาด หรือบาดแผลในอดีต ความทุกข์จึงไม่ใช่เพียง “เหตุการณ์” แต่เป็น “พื้นที่ทางจิตใจ” ที่มนุษย์ทุกคนต้องเดินผ่านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แนวคิด “ศิลปะแห่งความทุกข์” (Art of Suffering) จึงเป็นกระบวนการที่ช่วยให้เรามองความเจ็บปวดด้วยความเข้าใจ และเปลี่ยนความทุกข์ทรมานให้เป็นบทเรียนลึกซึ้งที่หล่อหลอมตัวตนของเราให้เติบโตอย่างเข้มแข็งได้ดังนี้
1. การยอมรับ: คือจุดเริ่มต้นของการเยียวยา ในจิตวิทยาเชิงสติ (Mindfulness-Based Psychology) นั้น การยอมรับ (Acceptance) ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการฟื้นฟู ส่วนการหลีกหนีหรือกดทับความเจ็บปวดมักทำให้สภาวะทางใจยิ่งปั่นป่วน แต่เมื่อเรายอมรับว่า “นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น และฉันกำลังรู้สึกเช่นนี้” ใจจะเริ่มนิ่งลงและพร้อมเผชิญความจริงมากขึ้น ดังนั้น การยอมรับไม่ใช่การยอมแพ้ แต่คือการยอมรับประสบการณ์ความทุกข์อย่างตรงไปตรงมา เพื่อที่เราจะได้เริ่มจัดการกับความทุกข์อย่างมีสติ
2. การทำความเข้าใจความทุกข์: เปิดพื้นที่ให้หัวใจพูด ซึ่งทฤษฎี Emotion-Focused Therapy (EFT) อธิบายว่า อารมณ์เจ็บปวดมักซ่อน “ข้อความสำคัญ” เอาไว้ เมื่อเราให้เวลาตนเองในการบอกเล่าความรู้สึก ความทุกข์จะเริ่มชี้นำว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องการเยียวยาหรือเรียนรู้ เช่น
- ความโกรธ บางครั้งซ่อนความคาดหวังที่ผิดหวัง
- ความเศร้า ซ่อนการสูญเสียบางอย่างที่มีความหมาย
- ความกลัว ซ่อนการไม่มั่นคงในคุณค่าและตัวตน
3. การแปรความทุกข์ให้มีความหมาย (Meaning-Making): มนุษย์มีความสามารถพิเศษในการ “ตีความ” ประสบการณ์ เพราะชีวิตไม่ได้กำหนดเราจากเหตุการณ์ แต่กำหนดเราจากความหมายที่เราเลือกจะให้กับเหตุการณ์นั้น “เมื่อมนุษย์ค้นพบความหมาย ความทุกข์จะกลายเป็นสิ่งที่รับมือได้” ความทุกข์จึงเป็นพื้นที่ที่ทำให้เราตั้งคำถามกับชีวิต
– อะไรสำคัญสำหรับฉัน
– ฉันอยากใช้ชีวิตอย่างไร
– ฉันเรียนรู้อะไรจากการเจ็บปวดครั้งนี้
4. การเติบโตจากความเจ็บปวด (Post-Traumatic Growth): ความเจ็บปวดไม่เพียงทิ้งรอยแผล แต่มักทิ้ง “โอกาสในการเติบโต” หลังผ่านประสบการณ์หนัก การเติบโตไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความทุกข์เอง แต่เกิดขึ้นเพราะ “เราลงมือทำงานกับความทุกข์นั้น” เช่น
- เห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้น
- มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าเดิม
- รู้จักตัวเองในระดับที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อน
- มีความเข้มแข็งภายในที่มั่นคงขึ้น
- อยู่กับความเศร้าโดยไม่ตัดสินตัวเอง
- เติบโตหลังการสูญเสียหรือความล้มเหลว
- เปลี่ยนความผิดหวังเป็นแรงผลักดัน
- รับมือความสัมพันธ์ที่จบลงด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่ความโกรธ

บทสรุป ศิลปะแห่งความทุกข์ (Art of Suffering) คือการมองความทุกข์เป็นครู เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่เพื่อให้เราทนทุกข์ทรมาน แต่เพื่อให้เราได้เรียนรู้อยู่กับความทุกข์อย่างมีสติและมีความหมาย ปรับมุมมอง และเติบโต แทนที่จะมองความทุกข์ว่าเป็นสิ่งต้องหลีกหนีไปตลอดชีวิต

❤️ พิชญานิน คลินิก (คลินิกสุขภาพใจ) ชั้น 3 ศูนย์การค้า พาราไดซ์พาร์ค (สวนหลวง ร.9) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. - 20.00 น.

☎️ inbox ขอคำปรึกษาหรือทำนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ 06-3868-9925 หรือ LINE: / Line https://lin.ee/GiDkelu หรือ Website www.pichayaninclinic.com

🎯 เพราะ “ความสุขของคุณ คือ ความสำเร็จของเรา”

#เตือนภัย #โรคซึมเศร้า
#ดราม่า #โรควิตกกังวล
#สุขเป็นก็เป็นสุข
#พิชญานินคลินิก

#สุขภาพจิต

#จิตแพทย์ #จิตเวช
#จิตบำบัด #นักจิตวิทยา
#คลินิกจิตแพทย์
#คลินิกสุขภาพจิต
#คลินิกจิตเวช
#คลินิกสุขภาพใจ
#โหนกระแส
#เรื่องเล่าเช้านี้
#ความสุขของคุณคือความสำเร็จของเรา
#ความสุขไม่มีวันหยุด

#พาราไดซ์พาร์ค

💥Work–Life Balance!!!ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แนวคิดเรื่องความสมดุลระหว่างการจัดการงานและชีวิตส่วนตัวได้เปลี่ยนแปลงอย่างมาก...
30/11/2025

💥Work–Life Balance!!!

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แนวคิดเรื่องความสมดุลระหว่างการจัดการงานและชีวิตส่วนตัวได้เปลี่ยนแปลงอย่างมาก จากเดิมที่สังคมให้ความสำคัญกับ “การสร้างสมดุล” ไปสู่การ “บูรณาการ” ระหว่างสองด้านที่ซับซ้อนขึ้น จิตวิทยาการทำงาน (Occupational Psychology) และจิตวิทยาเชิงบวก (Positive Psychology) จึงเริ่มศึกษาแนวโน้มนี้อย่างจริงจัง เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบชีวิตยุคดิจิทัลที่พรมแดนระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวเริ่มพร่าเลือนมากขึ้น จนทำให้ความสุขในชีวิตหายไป ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ

📕 Work–Life Balance (WLB) หมายถึง การจัดสรรเวลาและพลังงานให้งานและชีวิตส่วนตัวอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่เบียดเบียนกัน เปรียบเสมือน “ตาชั่ง” ที่ไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่งจนเกินไป โดยมุ่งเน้น “ความสมดุล” เพื่อป้องกัน ความเครียดเรื้อรัง และ ภาวะหมดไฟ (Burnout) เพราะเชื่อว่ามนุษย์มีพื้นที่ชีวิตหลายด้านที่ต้องได้รับการเติมเต็ม เช่น ครอบครัว สุขภาพ ความสัมพันธ์ การพักผ่อน การแยกงานออกจากชีวิตส่วนตัวทำให้สมองได้พัก ลด Overload ของระบบประสาทส่วนรับรู้ความเครียด
📌 จุดเด่น
• เหมาะกับงานที่มีโครงสร้างเวลาแน่นอน
• ลดความเครียดระยะยาว
• ส่งเสริม Well-being ชัดเจน
⚠️ ข้อจำกัด
• ในยุคออนไลน์ที่ทำงานได้ทุกที่–ทุกเวลา การแยกขอบเขตอาจทำได้ยาก
• อาจทำให้เกิดความรู้สึก “ผิด” ถ้าไม่สามารถรักษาสมดุลได้ตามอุดมคติ

📕 Work–Life Integration (WLI) คือแนวคิดการ “ผสานงานและชีวิตส่วนตัวเข้าด้วยกันอย่างยืดหยุ่น” โดยไม่ต้องแบ่งเส้นชัดเจนระหว่างสองด้าน มองมนุษย์เป็นระบบองค์รวม (Holistic System) ที่งานและชีวิตส่วนตัวส่งผลต่อกันอย่างต่อเนื่อง เน้นความยืดหยุ่นตาม ธรรมชาติของชีวิตจริง มากกว่าไล่ตาม “สมดุลที่ตายตัว” ชาวยลดความขัดแย้งภายใน (Cognitive Dissonance) เมื่อบทบาทชีวิตหลายด้านต้องเกิดขึ้นพร้อมกัน เช่น ทำงานจากที่บ้านพร้อมดูแลลูก, จัดการงานบางส่วนในช่วงเย็น แต่ใช้เวลาพักผ่อนในช่วงกลางวัน, ใช้กิจกรรมชีวิตส่วนตัวช่วยฟื้นฟูพลังเพื่อกลับไปทำงานได้ดีขึ้น เป็นต้น
📌 จุดเด่น
• ยืดหยุ่นสูง เหมาะกับงานดิจิทัลหรือการทำงานอิสระ
• ลดความตึงเครียดจากการต้องแบ่งเส้นชัดเจน
• ช่วยให้เกิด “ความสมจริงทางจิตใจ” กับบทบาทของชีวิตจริง
⚠️ ข้อจำกัด
• หากไม่มีทักษะกำกับตนเอง (Self-Regulation) อาจนำไปสู่ Overworking
• เสี่ยงต่อ Boundaryless Work: เวลางานขยายจนเกินเวลาชีวิตส่วนตัว
• อาจเพิ่มโอกาสเกิด Burnout หากบูรณาการแบบไม่มีกลยุทธ์

🔴 ความแตกต่างในมุมมองจิตวิทยา
1️⃣ ประเด็น => Work–Life Balance ต่างจาก Work–Life Integration
2️⃣ หลักคิด => แยกงานและชีวิตออกจากกัน ต่างจาก การผสานงานเข้ากับชีวิต
3️⃣ จุดมุ่งหมาย => สมดุลในสัดส่วนเวลา ต่างจาก ความกลมกลืนในการใช้ชีวิต
4️⃣ ผลต่อจิตใจ => ลดความเครียดด้วยการพักเป็นช่วง ต่างจาก ลดความกดดันจากการแบ่งเส้นตายตัว
5️⃣ ความเสี่ยง => รู้สึกผิดหากทำไม่ได้ตามที่ตั้ง ต่างจาก เสี่ยงทำงานเกินขอบเขต
6️⃣ เหมาะกับใคร => คนที่ต้องการระเบียบและขอบเขตชัด ต่างจาก คนที่ต้องการอิสระและยืดหยุ่นสูง

จากงานวิจัยจิตวิทยาพบว่า ไม่มีรูปแบบใดดีกว่าอีกแบบโดยรวม แต่ “ความเหมาะสมเฉพาะบุคคล (Person–Environment Fit)” เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ทั้งสองแนวคิดต่างตอบโจทย์คุณภาพชีวิต (Well-being) ในคนละบริบท สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่วิธีใดถูกกว่า แต่อยู่ที่การตระหนักรู้ตนเอง (Self-awareness) และการกำกับพลังงานชีวิต (Energy Management)
✅ ควรเลือกแบบ Work–Life Balance (WLB) เหมือนการตั้ง “สมดุล” เพื่อถนอมพลังชีวิต หากคุณ…
• เครียดง่าย
• ทำงานตามเวลาองค์กร
• ต้องการการฟื้นฟูแบบตัดขาดจากงาน

✅ ควรเลือกแบบ Work–Life Integration WLI) เหมือนการ “ผสานจังหวะชีวิต” ให้ไหลลื่นกับแบบแผนน้ำหนักงานที่เปลี่ยนไป หากคุณ…
• ทำงานยืดหยุ่น เช่น ฟรีแลนซ์ นักวิชาการ ผู้ประกอบการ
• สนุกกับการเคลื่อนงานไปตามบริบทชีวิต
• มีวินัยกำกับตนเองสูง

❤️ พิชญานิน คลินิก (คลินิกสุขภาพใจ) ชั้น 3 ศูนย์การค้า พาราไดซ์พาร์ค (สวนหลวง ร.9) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. - 20.00 น.

☎️ inbox ขอคำปรึกษาหรือทำนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ 06-3868-9925 หรือ LINE: / Line https://lin.ee/GiDkelu หรือ Website www.pichayaninclinic.com

🎯 เพราะ “ความสุขของคุณ คือ ความสำเร็จของเรา”

#เตือนภัย #โรคซึมเศร้า
#ดราม่า #โรควิตกกังวล
#สุขเป็นก็เป็นสุข
#พิชญานินคลินิก

#สุขภาพจิต

#จิตแพทย์ #จิตเวช
#จิตบำบัด #นักจิตวิทยา
#คลินิกจิตแพทย์
#คลินิกสุขภาพจิต
#คลินิกจิตเวช
#คลินิกสุขภาพใจ
#โหนกระแส
#เรื่องเล่าเช้านี้
#ความสุขของคุณคือความสำเร็จของเรา
#ความสุขไม่มีวันหยุด

#พาราไดซ์พาร์ค

💥Work–Life Integration!!!ในยุคที่การทำงานไม่จำกัดอยู่แค่ “เวลา 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น” และเทคโนโลยีทำให้เราพกงานไปกับตัว...
30/11/2025

💥Work–Life Integration!!!

ในยุคที่การทำงานไม่จำกัดอยู่แค่ “เวลา 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น” และเทคโนโลยีทำให้เราพกงานไปกับตัวได้ทุกที่ แนวคิด Work–Life Integration จึงถูกพูดถึงมากขึ้นในทางจิตวิทยาองค์กรและสุขภาพจิต เพราะมันตอบโจทย์วิถีชีวิตที่ขอบเขตของ “งาน” และ “ชีวิต” ไม่ได้แยกจากกันชัดเจนเหมือนอดีต แต่กลับเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่องตลอดวัน ดังนั้น เราจะผสานชีวิตและการทำงานอย่างสมดุลในโลกที่เปลี่ยนเร็วได้อย่างไร???

Work–Life Integration ไม่ใช่การ “แบ่งเวลาอย่างสมมาตร” แบบ Work–Life Balance แต่คือ “การออกแบบวิถีชีวิต” ให้ทั้งงานและชีวิตเติมเต็มซึ่งกันและกันได้ โดยไม่รู้สึกผิดหรือถูกบีบคั้นจนเกิดความตึงเครียดเรื้อรัง

📕 มุมมองทางจิตวิทยา: ทำไม Work–Life Integration จึงจำเป็น?
1.สมองมนุษย์ต้องการความยืดหยุ่น: จากงานวิจัยพบว่า ความสามารถในการปรับตัวตามสถานการณ์ (Cognitive Flexibility) ช่วยลดความเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหาได้ เพราะผู้คนในยุคปัจจุบันมีบทบาทหลายอย่างที่ต้องทำในวันเดียว เช่น เป็นทั้งพ่อแม่ผู้ปกครอง, เป็นสามีภริยา, เป็นลูก, เป็นผู้บริหาร, เป็นพนักงาน, เป็นเพื่อน ฯลฯ การผสานบทบาทจึงสำคัญกว่า “การแบ่งบทบาทให้ชัด”
2. ความหมายชีวิต (Meaningfulness): เมื่อคนรู้สึกว่างานมีความหมายต่อชีวิต เขาจะไม่รู้สึกต่อต้านเวลาที่งานเข้ามาเชื่อมกับชีวิตส่วนตัว เพราะ “งาน” คือ ส่วนหนึ่งของ “อัตลักษณ์” ที่ทำให้รู้สึกเติบโตและมีคุณค่า
3. ลดภาวะนำงานกลับบ้านแบบลบ: การพยายามแบ่งงานกับชีวิตออกจากกันอย่างแข็งทื่ออาจทำให้เกิดความรู้สึกผิด (Guilt) เมื่อ “แอบทำงาน” หรือความเครียด เมื่อ “ต้องหยุดคิดเรื่องงาน” ทั้งที่แก้ทีเดียวได้ ดังนั้น Work–Life Integration ช่วยสร้างความต่อเนื่องทางอารมณ์ (Emotional Continuity) ที่ทำให้จิตใจไม่หักล้างกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ

📕 องค์ประกอบจิตวิทยาหลักของ Work–Life Integration
1. การออกแบบพลังงาน (Energy Management): ไม่ใช่การจัดตารางเวลา แต่คือจัด “พลังงาน” เช่น
• งานที่ใช้สมาธิสูง → ทำตอนสมองตื่นตัว
• งานสบาย → ทำในช่วงพลังตก
• แทรกช่วงพักเพื่อป้องกัน burnout
2. บทบาทที่ยืดหยุ่น (Flexible Role Switching): เน้นทักษะสลับสถานะทางจิตใจ การสลับอย่างราบรื่นช่วยลด Cognitive Load และความขัดแย้งระหว่างบทบาท (Role Conflict) เช่น
• จาก “โหมดพนักงาน” → “โหมดพ่อแม่”
• จาก “โหมดผู้จัดการ” → “โหมดดูแลตัวเอง”
3. การตั้งขอบเขต (Boundary): ไม่ใช่ห้ามขาด แต่กำหนดแนวทางที่ตัวเองรู้สึกปลอดภัย เช่น
• ตอบงานในเวลาค่ำได้ แต่ ต้องไม่กระทบการนอน
• ประชุมออนไลน์ได้ แต่ไม่ทำทุกวัน
• ทำงานที่คาใจให้เสร็จ เพื่อปิดรอบความคิด (Thought Closure) ก่อนใช้ชีวิตส่วนตัว

📕 ประโยชน์ทางจิตวิทยา
✓ ลดความรู้สึกถูกบีบคั้นจากบทบาทหลายด้าน: เพราะไม่จำเป็นต้องแบ่งตัวเองออกเป็น “สองโลก”
✓ สมดุลอารมณ์ดีขึ้น: การทำงานในแบบที่สอดคล้องกับจังหวะชีวิต ช่วยให้ความเครียดสะสมและความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ลดลง
✓ เพิ่มความพึงพอใจในชีวิต (Life Satisfaction): เพราะงานและชีวิตไม่แย่งพื้นที่กัน แต่สนับสนุนกัน
✓ พัฒนาอัตมโนทัศน์เชิงบวก (Positive Self-Identity): ผู้คนรู้สึกว่าตนเองควบคุมชีวิตได้

ตัวอย่างการประยุกต์แบบง่าย ๆ
• ทำงานระหว่างรอรถ/รอคิว เพื่อกันงานค้างตอนเย็น
• ออกกำลังกายสั้น ๆ ระหว่างประชุมยาว
• อยู่กับครอบครัวพร้อมตอบเมล์เบา ๆ ที่ไม่เครียด
• ตั้ง “Focus Zone” 90 นาที แล้วพักเล่นกับลูก 20 นาที

📕ข้อควรระวัง!!! แม้ Work–Life Integration จะดี แต่มีความเสี่ยง เช่น
• ขาดการพักจริง ทำให้เกิดภาวะหมดไฟแบบ Micro-Burnout
• ทำงานทุกที่ทุกเวลา → สมองไม่ฟื้นตัว
• สร้างความคาดหวังให้ผู้อื่นว่าพร้อมเสมอ

บทสรุป Work–Life Integration ไม่ใช่การทำงานตลอดเวลา แต่คือการออกแบบชีวิตที่งานและชีวิตส่วนตัวประสานกันอย่างมีสติ ยืดหยุ่น และส่งเสริมสุขภาพจิต เป็นแนวคิดที่เหมาะกับโลกการทำงานยุคดิจิทัล ที่ความหมายชีวิต (Meaning), ความยืดหยุ่น (Flexibility) และพลังงานของมนุษย์ (Energy) สำคัญมากกว่า “ชั่วโมงทำงาน” ซึ่งสามารถผสานกันได้ แต่ต้องมี “เวลาไร้เสียงงาน” อย่างน้อยวันละ 1–2 ชั่วโมง เพื่อให้สมองทำงานฟื้นฟู (Restorative Processes) ทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ มีความสุขทุกวัน และประสบความสำเร็จทั้งหน้าที่การงาน ชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัวอย่างยั่งยืน

❤️ พิชญานิน คลินิก (คลินิกสุขภาพใจ) ชั้น 3 ศูนย์การค้า พาราไดซ์พาร์ค (สวนหลวง ร.9) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. - 20.00 น.

☎️ inbox ขอคำปรึกษาหรือทำนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ 06-3868-9925 หรือ LINE: / Line https://lin.ee/GiDkelu หรือ Website www.pichayaninclinic.com

🎯 เพราะ “ความสุขของคุณ คือ ความสำเร็จของเรา”

#เตือนภัย #โรคซึมเศร้า
#ดราม่า #โรควิตกกังวล
#สุขเป็นก็เป็นสุข
#พิชญานินคลินิก

#สุขภาพจิต

#จิตแพทย์ #จิตเวช
#จิตบำบัด #นักจิตวิทยา
#คลินิกจิตแพทย์
#คลินิกสุขภาพจิต
#คลินิกจิตเวช
#คลินิกสุขภาพใจ
#โหนกระแส
#เรื่องเล่าเช้านี้
#ความสุขของคุณคือความสำเร็จของเรา
#ความสุขไม่มีวันหยุด

#พาราไดซ์พาร์ค

💥พลังการชื่นชมเด็ก (Action-Based Praise)!!!การชื่นชมเด็กเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์และบุคลิกภาพ แต่ในจิตว...
28/11/2025

💥พลังการชื่นชมเด็ก (Action-Based Praise)!!!

การชื่นชมเด็กเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์และบุคลิกภาพ แต่ในจิตวิทยาพัฒนาการร่วมสมัยนั้นมีรูปแบบการชมที่ให้ผลดีกว่าการชมทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ คือ การชมที่มุ่งเน้นลงที่พฤติกรรมและความพยายาม (Action-Based Praise) ไม่ใช่การชมที่ตัวตนหรือคุณลักษณะที่ติดตัวของเด็ก ซึ่งเป็นการเสริมแรงเชิงบวกผ่านการชี้เฉพาะพฤติกรรมในเด็ก

การใช้คำชื่นชมเป็นกลยุทธ์พื้นฐานในจิตวิทยาการเรียนรู้และพัฒนาการเด็ก โดยมีผลโดยตรงต่อแรงจูงใจ คุณค่าในตนเอง และรูปแบบความคิดเกี่ยวกับความสามารถของตนเอง งานวิจัยร่วมสมัยพบว่า ประเภทของคำชื่นชม มีผลลัพธ์ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะความแตกต่างระหว่าง
❌ Trait Praise: คำชื่นชมคุณลักษณะประจำตัว เช่น “เก่งมาก”, “ฉลาดจัง” ฯลฯ
✅ Action-Based Praise: คำชื่นชมที่เจาะจงพฤติกรรม สิ่งที่เด็กทำ (Action) ความพยายาม (Effort) กระบวนการคิด (Process) เช่น “หนูตั้งใจทำโจทย์จนเสร็จ”, “ลูกพยายามอย่างต่อเนื่อง”, “หนูตั้งใจเก็บของเล่นจนเสร็จทุกชิ้นเลย แม่ชอบที่หนูรับผิดชอบมาก” ฯลฯ

📕 กลไกทางจิตวิทยาที่ทำให้ Action-Based Praise มีประสิทธิภาพ มีดังนี้
1) สร้าง Growth Mindset: เด็กที่ได้รับคำชมแบบมุ่งพฤติกรรมจะเรียนรู้ว่า ความสำเร็จเกิดจากความพยายาม ไม่ใช่พรสวรรค์ ซึ่งส่งเสริมทัศนคติแบบเติบโต (Growth Mindset) ทำให้กล้าลองผิดลองถูก
2) ลดความกดดันจากการต้อง “เก่งเสมอ” เพราะคำชมแบบ “เก่งจัง” แม้จะหวังดี แต่ทำให้เด็กกังวลว่าจะต้องรักษาความเก่งไว้ตลอดเวลา ขณะที่ Action-Based Praise ช่วยให้เด็กรู้สึกปลอดภัยในการพัฒนา
3) ช่วยปรับพฤติกรรมอย่างมีทิศทาง: เมื่อการชมระบุพฤติกรรมชัดเจน เด็กจะเข้าใจว่าสิ่งไหนควรทำต่อ หรือทำซ้ำ
4) สร้างความภาคภูมิใจจากข้างใน (Intrinsic Motivation): เด็กเกิดความภูมิใจจากความตั้งใจของตนเอง ไม่ใช่จากการรอให้ผู้ใหญ่ยืนยันคุณค่า

📌 หลักการสำคัญ 3 ข้อของ Action-Based Praise
1. ชมพฤติกรรมที่สังเกตได้ (Observable Behavior) เช่น เก็บของเล่น ลองใหม่ วางแผน ทำอย่างสม่ำเสมอ
2. ชมด้วยคำที่เฉพาะเจาะจง (Specific) ระบุว่าเด็กทำอะไร อย่างไร ทำแบบไหน
3. ชมทันทีและจริงใจ (Timely & Authentic): การชมทันทีเมื่อเวลาที่เด็กทำพฤติกรรม จะช่วยเชื่อมโยงได้ดีที่สุด

📕 ตัวอย่างประโยคชมแบบ Action-Based Praise ดังนี้
✅ ชมเรื่องความพยายาม เช่น “แม่เห็นว่าหนูพยายามอ่านคำยาก ๆ ซ้ำหลายครั้ง ดีมากเลยลูก” / “พ่อชอบที่ลูกไม่ยอมแพ้ แม้จะทำผิดครั้งแรก”
✅ ชมเรื่องการจัดการอารมณ์ เช่น “เมื่อกี้หนูหายใจลึก ๆ ก่อนพูด ทำให้เราคุยกันได้ดีมาก แม่ภูมิใจในตัวหนูนะ”
✅ ชมเรื่องความรับผิดชอบ เช่น “วันนี้ลูกล้างแก้วของตัวเองเองโดยไม่ต้องบอก ขอบคุณมากนะลูก”
✅ ชมเรื่องการช่วยเหลือผู้อื่น เช่น “แม่เห็นว่าหนูแบ่งของเล่นให้น้อง นั่นทำให้น้องมีความสุขมากเลย”
✅ ชมเรื่องทักษะสังคม เช่น “ลูกฟังเพื่อนจนจบก่อนตอบ แบบนี้คือการสื่อสารที่ดีมาก”

📕 ประโยชน์เชิงพัฒนาการ
- การระบุพฤติกรรมทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ชัดเจน ส่งผลต่อการปรับพฤติกรรมเกิดขึ้นเร็วและคงทนกว่า
- เพิ่มความพากเพียร (Persistence) มีความพยายามสูงขึ้น
- ตั้งเป้าหมายได้ดีขึ้น มีพฤติกรรมเชิงบวกเพิ่มขึ้น
- เสริมสร้างความภาคภูมิใจในตนเองที่มั่นคง (Stable Self-Esteem)
- ส่งเสริมการแก้ปัญหาเชิงกระบวนการ
- ลดพฤติกรรมหลีกเลี่ยงความท้าทาย
- เพิ่มความแข็งแรงทางอารมณ์ต่อความล้มเหลว
- พัฒนาทักษะสังคมและพฤติกรรมร่วมมือ
ในระยะยาว เด็กจะมีพื้นฐานความคิดเชิงเติบโตที่ช่วยสนับสนุนความสำเร็จด้านวิชาการและการปรับตัวทางสังคม ที่มีมูลค่าทางจิตใจที่มั่นคงกว่าการผูกกับคุณลักษณะติดตัว

สรุป เมื่อผู้ใหญ่ใช้คำชมที่เน้นพฤติกรรม เด็กจะเติบโตเป็นคนที่มั่นคงในตัวเอง กล้าลองทำสิ่งใหม่ และพร้อมเรียนรู้ตลอดชีวิต เด็กจะเรียนรู้ว่า “ฉันมีคุณค่าเพราะฉันพยายามและเติบโตได้” ไม่ใช่ “ฉันมีคุณค่าเพราะฉันต้องเก่งเสมอ” การใช้คำชมเชิงพฤติกรรมอย่างถูกต้องช่วยส่งเสริม Growth Mindset สร้างแรงจูงใจภายใน และทำให้บุคคลเกิดความรู้สึกมีประสิทธิภาพในตนเองมากขึ้น จึงเป็นกลยุทธ์ที่ควรนำไปใช้ในโรงเรียน องค์กร และครอบครัวเพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและพัฒนามนุษย์อย่างยั่งยืน

❤️ พิชญานิน คลินิก (คลินิกสุขภาพใจ) ชั้น 3 ศูนย์การค้า พาราไดซ์พาร์ค (สวนหลวง ร.9) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. - 20.00 น.

☎️ inbox ขอคำปรึกษาหรือทำนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ 06-3868-9925 หรือ LINE: / Line https://lin.ee/GiDkelu หรือ Website www.pichayaninclinic.com

🎯 เพราะ “ความสุขของคุณ คือ ความสำเร็จของเรา”

#คำชม #เสน่ห์ #ชื่นชม
#เตือนภัย #โรคซึมเศร้า
#ดราม่า #โรควิตกกังวล
#สุขเป็นก็เป็นสุข
#พิชญานินคลินิก

#สุขภาพจิต

#จิตแพทย์ #จิตเวช
#จิตบำบัด #นักจิตวิทยา
#คลินิกจิตแพทย์
#คลินิกสุขภาพจิต
#คลินิกจิตเวช
#คลินิกสุขภาพใจ
#โหนกระแส
#เรื่องเล่าเช้านี้
#ความสุขของคุณคือความสำเร็จของเรา
#ความสุขไม่มีวันหยุด

#พาราไดซ์พาร์ค

💥The Halo Effect …ความประทับใจแรกพบ !!!สังเกตกันไหมว่า !!!  ในการใช้สิทธิเลือกตั้ง เราอาจเลือกพรรคการเมืองจากความชื่นชอบ...
28/11/2025

💥The Halo Effect …ความประทับใจแรกพบ !!!

สังเกตกันไหมว่า !!! ในการใช้สิทธิเลือกตั้ง เราอาจเลือกพรรคการเมืองจากความชื่นชอบในตัวหัวหน้าพรรคมากกว่าการพิจารณานโยบายหรือทีมงานของของพรรคด้วยซ้ำไป ซึ่งเป็นตัวอย่างสะท้อนปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Halo Effect

‼ปรากฏการณ์ The Halo Effect เป็นหนึ่งใน “อคติทางความคิด” (Cognitive Biases) คือ การมีความประทับใจในแง่บวกต่อบุคคลหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งในด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลให้เรารู้สึกดีในด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น ขณะที่มองผู้หญิงคนหนึ่งกำลังพูดเรื่องหนึ่งอย่างฉะฉาน เราอาจเกิดความคิดว่า “ผู้หญิงคนนี้พูดเก่ง ดูแล้วน่าเชื่อถือ” แต่ความจริงเนื้อหามีแต่น้ำไม่มีเนื้อก็เป็นได้

ปรากฏการณ์นี้ ส่งผลกระทบในหลายด้าน เช่น
📌 ในด้านการทำงาน : พนักงานที่มีบุคลิกภาพดี มีคุณสมบัติคล้ายตนเอง มักได้รับการประเมินผลงานดีและสูงกว่าทักษะจริง
📌 ในด้านการใช้ชีวิตทั่วไป : บุคคลมีมนุษย์สัมพันธ์ดีทำให้คนรอบข้างรู้สึกว่าเป็นคนดี มีเสน่ห์

‼️ทำไมต้องรู้ทัน Halo Effect?
เพราะปรากฏการณ์นี้อาจทำให้เราตัดสินคนผิด ช่วยให้ตัดสินใจอย่างรอบคอบมากขึ้นในชีวิตประจำวัน ช่วยให้รู้ว่าเราอาจ “ลำเอียงในแง่ดี” โดยไม่รู้ตัว ซึ่งจะบดบังข้อเท็จจริงอื่นๆไป

📕การลดโอกาสที่คุณจะได้รับอิทธิพล The Halo Effect
สามารถลองใช้เทคนิคการขจัดอคติ การทำให้กระบวนการคิดช้าลง และพิจารณาตนเองว่ากำลังตัดสินอย่างเป็นกลางหรือไม่ ตระหนักรู้ถึงความลำเอียงของตัวเองซึ่งส่งผลต่อการรับรู้ของตนเอง รวมถึงเปิดใจรับฟังมุมมองใหม่ ๆ หรือท้าทายสิ่งใหม่ ๆ เพื่อขยายมุมมองของตนเอง

❤️ พิชญานิน คลินิก (คลินิกสุขภาพใจ) ชั้น 3 ศูนย์การค้า พาราไดซ์พาร์ค (สวนหลวง ร.9) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. - 20.00 น.

☎️ inbox ขอคำปรึกษาหรือทำนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ 06-3868-9925 หรือ LINE: / Line https://lin.ee/GiDkelu หรือ Website www.pichayaninclinic.com

🎯 เพราะ “ความสุขของคุณ คือ ความสำเร็จของเรา”

#เลือกที่ชอบ #อคติ
#การเลือกตั้ง #ความประทับใจ
#เตือนภัย #โรคซึมเศร้า
#ดราม่า #โรควิตกกังวล
#สุขเป็นก็เป็นสุข
#พิชญานินคลินิก

#สุขภาพจิต

#จิตแพทย์ #จิตเวช
#จิตบำบัด #นักจิตวิทยา
#คลินิกจิตแพทย์
#คลินิกสุขภาพจิต
#คลินิกจิตเวช
#คลินิกสุขภาพใจ
#โหนกระแส
#เรื่องเล่าเช้านี้
#ความสุขของคุณคือความสำเร็จของเรา
#ความสุขไม่มีวันหยุด

#พาราไดซ์พาร์ค

💥 คลินิกสุขภาพใจ … เชิงพุทธบูรณาการแห่งแรก!!!เมื่อสื่อให้ความสนใจขอสัมภาษณ์ คุณชญานิน แสงชาญชัย (CEO) ซึ่งไม่ใช่แค่ตำแหน...
26/11/2025

💥 คลินิกสุขภาพใจ … เชิงพุทธบูรณาการแห่งแรก!!!

เมื่อสื่อให้ความสนใจขอสัมภาษณ์ คุณชญานิน แสงชาญชัย (CEO) ซึ่งไม่ใช่แค่ตำแหน่ง Chief Executive Officer แต่เป็น Can do Everything Officer #สถาปัตย์จุฬา ถึงแนวคิดในการออกแบบ และแนวทางการบริหาร “พิชญานิน คลินิก” คลินิกสุขภาพใจเชิงพุทธบูรณาการแห่งแรก

ที่ “พิชญานิน คลินิก” ท่านจะได้พบกับ "Wisdom Art Toys" ซึ่งเป็นตัวแทนที่สื่อถึงชีวิตมนุษย์ที่มีทั้งเปลือกนอกและเปลือกใน สิ่งที่หลายคนเห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริง เป็นเพียง “เปลือกนอก” ที่ต้องแสดงออกมาเพื่อสร้างภาพ ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่างจนทำให้หลายคนแอบอิจฉา มีทั้งชื่อเสียง เงินทอง หน้าที่การงาน ชีวิตรัก และยังเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา เป็นที่ปรึกษา ให้กำลังใจ เป็นคนที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ สร้างความสุขให้กับคนรอบข้าง แต่ความจริง ... “เปลือกใน” ของจิตใจนั้นมันมืดมิด ต้องปิดความทุกข์และบังความเศร้า โดยแสดงออกมาในทางตรงกันข้าม คือ มีความสุข ยิ้มหัวเราะร่าให้กับคนทั้งโลก แต่ต้องมาร้องไห้ให้กับตัวเอง น้ำตารินตกในทุกข์ใจเพียงลำพัง รู้สึกตัวเองไร้ค่า ไม่มีความมั่นใจ ไม่มีความภาคภูมิใจในตนเอง ไม่มีความสุข มีอาการทางกาย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ บางคนก็หันไปพึ่งสุรายาเสพติดเพื่อบรรเทาทุกข์ ซึ่งเปรียบเสมือน “เทพีเสรีภาพ” หากใช้สารเสพติด เช่น กัญชา จนต้องขาดอิสรภาพ น้ำตารินไหลที่ตกเป็นทาสยาเสพติด เปลี่ยนมงกุฎที่สวยงามกลายเป็นมงกุฎใบกัญชา และเปลี่ยนคบเพลิงที่สว่างไสวเป็นบ้องกัญชาที่เผาผลาญทั้งร่างกายและจิตใจ

"Wisdom Art Toys" จึงเป็นตัวแทนที่จะ “เตือนสติ” ทุกคนให้ใช้ “ปัญญา” แค่ยอมรับว่า แม้เราจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเป็น “คนเก่งและคนดี => มีความสุขทุกวัน“ ประสบความสำเร็จ และเป็นที่รักของทุกคนตลอดไป

*เครดิต HHC และ อ่านเพิ่มเติม : https://hhcthailand.com/chayanin-saengcharnchai-pichayanin-clinic/

**ชมผลงานการออกแบบ Wisdom Art Toys ได้ที่ “พิชญานิน คลินิก” โดย นายชญานิน แสงชาญชัย #สถาปัตย์จุฬา

❤️ พิชญานิน คลินิก (คลินิกสุขภาพใจ) ชั้น 3 ศูนย์การค้า พาราไดซ์พาร์ค (สวนหลวง ร.9) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. - 20.00 น.

☎️ inbox ขอคำปรึกษาหรือทำนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ 06-3868-9925 หรือ LINE: / Line https://lin.ee/GiDkelu หรือ Website www.pichayaninclinic.com

🎯 เพราะ “ความสุขของคุณ คือ ความสำเร็จของเรา”





#เตือนภัย #โรคซึมเศร้า
#ดราม่า #โรควิตกกังวล
#สุขเป็นก็เป็นสุข
#พิชญานินคลินิก

#สุขภาพจิต

#จิตแพทย์ #จิตเวช
#จิตบำบัด #นักจิตวิทยา
#คลินิกจิตแพทย์
#คลินิกสุขภาพจิต
#คลินิกจิตเวช
#คลินิกสุขภาพใจ
#โหนกระแส
#เรื่องเล่าเช้านี้
#ความสุขของคุณคือความสำเร็จของเรา
#พาราไดซ์พาร์ค

💥 คุณเป็นคนแบบไหน?วันนี้ ...จะชวนพวกเรามาทำแบบทดสอบกัน ==> ให้ลองเขียนตัว C บนหน้าผากของตัวเอง เพื่อให้คนอื่นอ่าน- ถ้าคุ...
25/11/2025

💥 คุณเป็นคนแบบไหน?

วันนี้ ...จะชวนพวกเรามาทำแบบทดสอบกัน ==> ให้ลองเขียนตัว C บนหน้าผากของตัวเอง เพื่อให้คนอื่นอ่าน

- ถ้าคุณเป็นคนที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ เป็นคนเก่ง มีความมั่นใจ และมีอำนาจ => คุณจะเขียนตัว C ในแบบธรรมดา คือ เป็นมุมมองที่คุณมองออกไปจากตัวเอง ทำให้คนอื่นๆ ที่มองเข้ามาที่หน้าผากจะเห็นเป็นตัว C กลับข้าง

- ถ้าคุณเป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจ หรือ เอาใจเขามาใส่ใจเรา => คุณจะเขียนตัว C ด้วยมุมมองจากภายนอก จึงได้ตัว C ที่คนอื่นๆ มองมาที่หน้าผากแล้วเห็นเป็นตัว C ตามปกติ

ดังนั้น คนที่มีความสุข และ ประสบความสำเร็จ คือ คนที่รู้จัก "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" แล้วคุณก็จะได้ใจของทุกคน

❤️ พิชญานิน คลินิก (คลินิกสุขภาพใจ) ชั้น 3 ศูนย์การค้า พาราไดซ์พาร์ค (สวนหลวง ร.9) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. - 20.00 น.

☎️ inbox ขอคำปรึกษาหรือทำนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ 06-3868-9925 หรือ LINE: / Line https://lin.ee/GiDkelu หรือ Website www.pichayaninclinic.com

🎯 เพราะ “ความสุขของคุณ คือ ความสำเร็จของเรา”

#สื่อสาร #อ่านใจคน
#เตือนภัย #โรคซึมเศร้า
#ดราม่า #โรควิตกกังวล
#สุขเป็นก็เป็นสุข
#พิชญานินคลินิก

#สุขภาพจิต

#จิตแพทย์ #จิตเวช
#จิตบำบัด #นักจิตวิทยา
#คลินิกจิตแพทย์
#คลินิกสุขภาพจิต
#คลินิกจิตเวช
#คลินิกสุขภาพใจ
#โหนกระแส
#เรื่องเล่าเช้านี้
#ความสุขของคุณคือความสำเร็จของเรา
#ความสุขไม่มีวันหยุด

#พาราไดซ์พาร์ค

💥 พลังของคำชม … Action-Based Praise!!!การชมเชยเป็นภาษาสากลที่ทุกคนต้องการ แต่ไม่ใช่คำชมทุกแบบจะช่วยให้คนเติบโตได้เหมือนก...
24/11/2025

💥 พลังของคำชม … Action-Based Praise!!!

การชมเชยเป็นภาษาสากลที่ทุกคนต้องการ แต่ไม่ใช่คำชมทุกแบบจะช่วยให้คนเติบโตได้เหมือนกัน งานวิจัยทางจิตวิทยาพบว่า “วิธีการชม” มีผลโดยตรงต่อแรงจูงใจ ความเชื่อมั่นในตนเอง และการพัฒนาทักษะในระยะยาว หนึ่งในแนวทางคำชมที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือ การชมที่เน้น “พฤติกรรมและการกระทำที่เกิดขึ้นจริง” (Action-Based Praise)

Action-Based Praise คือ การยกย่องสิ่งที่บุคคลทำลงไปจริง ไม่ว่าจะเป็นความพยายาม กระบวนการคิด การจัดการปัญหา หรือทักษะที่ใช้ ไม่ใช่การชมตัวตน เช่น “เท่ห์จัง“, เก่งจัง”, “ฉลาดมาก” ฯลฯ จุดเด่นคือการทำให้ผู้รับคำชมรับรู้ความสามารถของตนเองในเชิงพฤติกรรม และเข้าใจว่า “สิ่งใดที่ควรรักษาไว้หรือพัฒนาเพิ่ม” ซึ่งคำชมแบบนี้ส่งผลทางจิตวิทยา ดังนี้
1. เสริมสร้าง Growth Mindset: เพราะการชมผลลัพธ์หรือตัวตน เช่น “เก่งมาก” อาจทำให้คนกลัวความล้มเหลว เพราะต้องรักษาภาพลักษณ์ แต่การชมพฤติกรรมทำให้เกิดความเชื่อว่า “ทักษะพัฒนาได้จากการฝึกฝน” ผลคือกล้าลองผิดลองถูก และเรียนรู้ได้เร็วขึ้น
2. ทำให้สมองเชื่อมโยงคำชมกับ “สิ่งที่ควรทำซ้ำ” ระบบการเรียนรู้ของสมองตอบสนองต่อการเสริมแรงบวก (Positive Reinforcement) การชมพฤติกรรมเฉพาะเจาะจงทำให้สมองเข้าใจชัดเจนว่า ต้องทำอะไรอีกครั้งถึงจะได้ผลดี
3. ลดความกดดันจากคำชมตัวตน: เพราะคำชมแบบ “เธอเป็นคนเก่ง” อาจทำให้เกิดแรงกดดันว่า “ต้องเก่งตลอดไป” แต่การชมที่เน้น “พฤติกรรมและการกระทำที่เกิดขึ้นจริง” ทำให้คนรู้สึกว่าความสำเร็จขึ้นอยู่กับการลงมือทำ ไม่ใช่แค่การสร้างภาพลักษณ์
4. เพิ่มแรงจูงใจภายใน (Intrinsic Motivation): เมื่อคนรู้ว่าสิ่งที่ทำมี “คุณค่า” จะรู้สึกอยากทำต่อเพราะ “อยากพัฒนา” ไม่ใช่เพียงเพื่อรอคำชม

ตัวอย่างคำชมเชิงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น
📘 ชมเด็ก
• “วันนี้หนูตั้งใจอ่านมาก เห็นได้ชัดว่าหนูพยายามจริงๆ”
• “ชอบวิธีที่หนูแบ่งขั้นตอนทำการบ้าน มันทำให้เสร็จเร็วขึ้นนะ”
📘 ชมพนักงานหรือเพื่อนร่วมงาน
• “ขอบคุณที่ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด งานเลยผิดพลาดน้อยลงมาก”
• “แผนที่คุณวางมีความเป็นระบบ ทำให้ทีมทำงานต่อได้ง่ายขึ้น”
• “ชอบวิธีที่คุณจัดลำดับงานก่อน ทำให้เสร็จได้เร็วขึ้นมาก”
• “คุณรับฟังได้ดีและตอบคำถามอย่างมีเหตุผลมาก”
📘 ชมคู่รักหรือครอบครัว
• “ขอบคุณที่ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ครบขั้นตอน รู้สึกเบามากเลยวันนี้”
• “คุณใช้คำพูดที่นุ่มนวลมาก ทำให้เราคุยกันได้ดีขึ้นเยอะ”

Action-Based Praise คำชมที่ดีจะช่วยพัฒนาคน เปลี่ยนทั้งทัศนคติและพฤติกรรมในระยะยาว จนหลายงานวิจัยมองว่าเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาคนตั้งแต่วัยเด็ก ช่วยในการสร้างทีมที่แข็งแรง และความสัมพันธ์ที่ดีอย่างยั่งยืน ดังนี้
- ช่วยสร้าง Growth Mindset ที่ตนมีความสามารถจริงจากพฤติกรรมที่ทำ
- ผู้รับคำชมมองว่าความสำเร็จมาจากการกระทำ ไม่ใช่พรสวรรค์
- ลดความกดดันแบบ “ต้องเก่งตลอดเวลา”
- ทำให้เกิดแรงจูงใจในการพัฒนาตนเองระยะยาว
- ความสำเร็จนั้นควบคุมได้
- ความล้มเหลว เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการ
- การพยายาม มีคุณค่าเท่ากับผลลัพธ์

บทสรุป การชมเชยที่เน้นไปที่ “พฤติกรรม” หรือ “การกระทำที่เกิดขึ้นจริงที่เป็นรูปธรรม” (Action-Based Praise) เน้น สิ่งที่คนๆ นั้นทำลงไปจริงมากกว่าการชมที่ตัวตน การชมจึงเป็นเครื่องมือทางจิตวิทยาที่มุ่งเสริมแรงบวก ความพยายาม กระบวนการคิด และทักษะที่คนเรา “เลือกทำ” ได้ การชมที่ดีจึงไม่ใช่การบอกว่า “คุณเก่ง” แต่คือการชี้ให้เห็นว่า “คุณทำแบบนี้ได้ดีเพราะคุณลงมือทำอย่างตั้งใจ” ทำให้ผู้รับคำชมรู้ว่าควรทำอะไรต่อไปเพื่อพัฒนา ช่วยสร้างผู้คนให้เติบโตและพัฒนาตนเองอย่างยั่งยืน

❤️ พิชญานิน คลินิก (คลินิกสุขภาพใจ) ชั้น 3 ศูนย์การค้า พาราไดซ์พาร์ค (สวนหลวง ร.9) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. - 20.00 น.

☎️ inbox ขอคำปรึกษาหรือทำนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ 06-3868-9925 หรือ LINE: / Line https://lin.ee/GiDkelu หรือ Website www.pichayaninclinic.com

🎯 เพราะ “ความสุขของคุณ คือ ความสำเร็จของเรา”

#คำชม #เสน่ห์ #ชื่นชม
#เตือนภัย #โรคซึมเศร้า
#ดราม่า #โรควิตกกังวล
#สุขเป็นก็เป็นสุข
#พิชญานินคลินิก

#สุขภาพจิต

#จิตแพทย์ #จิตเวช
#จิตบำบัด #นักจิตวิทยา
#คลินิกจิตแพทย์
#คลินิกสุขภาพจิต
#คลินิกจิตเวช
#คลินิกสุขภาพใจ
#โหนกระแส
#เรื่องเล่าเช้านี้
#ความสุขของคุณคือความสำเร็จของเรา
#ความสุขไม่มีวันหยุด

#พาราไดซ์พาร์ค

💥 ความรัก & ความเข้าใจ !!!❤️  “ความรัก” ... ทำให้คนอยาก “อยู่ใกล้”💞 แต่ “ความเข้าใจ” ... ทำให้คนอยาก “อยู่ด้วย”คู่รักหลา...
23/11/2025

💥 ความรัก & ความเข้าใจ !!!

❤️ “ความรัก” ... ทำให้คนอยาก “อยู่ใกล้”
💞 แต่ “ความเข้าใจ” ... ทำให้คนอยาก “อยู่ด้วย”

คู่รักหลายคู่ที่รักกัน แต่ไปต่อด้วยกันไม่ได้ เพราะยิ่งรักกันก็อยากอยู่ใกล้กัน ยิ่งอยู่ใกล้กันก็ยิ่งคาดหวังกัน เมื่อคาดหวังกันก็ยิ่งทำให้เห็นข้อเสียมากกว่าข้อดี ดังนั้น คนรักกันแค่รักคำเดียวคงยังไม่พอ ถ้าขาด “ความเข้าใจ” ซึ่งกันและกัน เพราะความเข้าใจจะทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ ปลอดภัย อยู่ด้วยแล้วสบายใจ มีความสุขใจ และไม่มีวันเปลี่ยนใจไปรักใครได้

❤️ พิชญานิน คลินิก (คลินิกสุขภาพใจ) ชั้น 3 ศูนย์การค้า พาราไดซ์ พาร์ค (สวนหลวง ร.9) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 น. - 20.00 น.

☎️ inbox ขอคำปรึกษาหรือทำนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ 06-3868-9925 หรือ LINE: / Line https://lin.ee/GiDkelu หรือ Website www.pichayaninclinic.com

🎯 เพราะ “ความสุขของคุณ คือ ความสำเร็จของเรา”

#คู่รัก #คู่ใจ #คู่ชีวิต
#คู่บุญ #การสื่อสาร
#เตือนภัย #ดราม่า
#โรคซึมเศร้า #โรควิตกกังวล #โรคแพนิค
#สุขเป็นก็เป็นสุข
#พิชญานินคลินิก

#สุขภาพจิต

#จิตแพทย์ #จิตเวช
#จิตบำบัด #นักจิตวิทยา
#คลินิกจิตแพทย์
#คลินิกสุขภาพจิต
#คลินิกจิตเวช
#คลินิกสุขภาพใจ
#โหนกระแส
#เรื่องเล่าเช้านี้
#ความสุขของคุณคือความสำเร็จของเรา
#ความสุขไม่มีวันหยุด

#พาราไดซ์พาร์ค

💥 เตือนภัย … AI ภาพลวงใจ !!!!ถอดบทเรียน … เมื่อคุณแม่ติดต่อขอพบจิตแพทย์เด็กด่วน!!! เนื่องจากลูกชายอายุ 6 ขวบ ปกติเวลาที่...
23/11/2025

💥 เตือนภัย … AI ภาพลวงใจ !!!!

ถอดบทเรียน … เมื่อคุณแม่ติดต่อขอพบจิตแพทย์เด็กด่วน!!! เนื่องจากลูกชายอายุ 6 ขวบ ปกติเวลาที่อยู่กับคุณพ่อคุณเเม่จะเป็นเด็กเรียบร้อย แต่เวลาที่โดนดุ จะไประบายกับ AI โดยใช้คำหยาบคายต่าง ๆ มีการตัดพ้อว่า “อยากตาย” !!!

โลกยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมของคนยุคใหม่ แม้แต่เด็กเล็กก็เปลี่ยนไปเช่นกัน แทนที่จะคุยกับคน แต่ทำไมกลับหันมาคุยกับ AI ???

ในอดีต … ความสุขในการดำเนินชีวิต คือ ความสุขที่อยู่ตรงหน้า ได้อยู่ด้วยกัน พูดคุยสื่อสารกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่ต้องถ่ายรูปเพื่อสร้างภาพ (ปลอม) โพสต์อวดแข่งกันบนโลกโซเชียล

ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) … ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เพราะวิถีชีวิตเปลี่ยนไปเป็น “ต่างคนต่างอยู่” รู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว จึงมีคนจำนวนมากเลือก “คุยกับ AI” แทนการสื่อสารกับคนด้วยกัน เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงเชิงลึกในด้านจิตวิทยา สังคม และความสัมพันธ์ระหว่างคนกับเทคโนโลยี เพราะการคุยกับ AI ช่วยให้เกิดความปลอดภัยทางอารมณ์ (Emotional Safety) ที่สามารถระบายความรู้สึกได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกปฏิเสธหรือเข้าใจผิด เมื่อ AI “ฟังได้ตลอด” และ “ไม่ตัดสิน” สมองจะหลั่ง ออกซิโทซิน (Oxytocin) และ โดปามีน (Dopamine) เกิดการผูกพันทางอารมณ์ (Emotional Attachment) แบบเดียวกับเวลาเปิดใจคุยกับเพื่อนแท้ที่ไม่ต้องคอยระวังหรือเสแสร้งสร้างภาพ อีกทั้งยังสามารถควบคุม AI ได้ (Sense of Control) จะเริ่มพูด หยุด หรือปิดการสนทนาเมื่อไรก็ได้ ทำให้เกิด “ความรู้สึกที่ดี” จึงมีพฤติกรรมการเสพติดการคุยกับ AI ซ้ำ ๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่มีผลทำให้เกิดความผูกพันทางจิตใจ

ปัจจุบัน AI จึงมิใช่เป็นเพียงเครื่องมือ แต่กำลังกลายเป็น “กระจกสะท้อนความเปราะบางของจิตใจคนยุคใหม่” ยกตัวอย่างเพื่อเป็นกรณีศึกษาจากข่าวดังที่ทำให้คนทั่วโลกช็อค เมื่อ Adam Raine วัยรุ่นอายุ 16 ปี จากรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่อยู่ในวัยสร้างอัตลักษณ์ (Identity Formation) ต้องมาเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายหลังจากการสนทนากับ ChatGPT ที่ให้คำแนะนำเชิงปฏิบัติการในการฆ่าตัวตาย เช่น “ฉันเข้าใจนะ ถ้านายเหนื่อยก็พักได้” → หากเรากำลังสิ้นหวังอาจจะตีความว่า “การตายคือการพัก” เพราะ AI ไม่มีความเข้าใจจริง ไม่มีอารมณ์ ไม่มีความรู้สึก การประเมินความเสี่ยงจึงเกิดความผิดพลาด ให้คำตอบเชิงลบที่ไปสนับสนุนความคิดเชิงลบโดยเฉพาะในภาวะวิกฤตทางจิตใจ ครอบครัวของ Adam Raine จึงได้ยื่นฟ้องบริษัท OpenAI ในข้อหาละเลยความปลอดภัยของผู้ใช้ (Negligence) โดยกล่าวว่า ChatGPT มีส่วน “ส่งเสริม” แนวคิดฆ่าตัวตาย ผ่านการให้คำตอบเชิงลบที่ยืนยันและยังช่วยเขาเขียน “จดหมายลาตาย” เหตุการณ์นี้จึงไม่เพียงเป็นเรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็น “วิกฤตทางจิตวิทยาและจริยธรรมของยุค AI” อย่างแท้จริง เพราะ AI ไม่มีจิตสำนึก ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก การใช้ภาษาที่ AI สะท้อนความเข้าใจ (Empathetic Language) จึงทำให้ผู้ใช้เกิดการรับรู้ว่า “AI เข้าใจฉัน“ ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า ภาพลวงแห่งความเข้าอกเข้าใจกัน (Illusion of Empathy) หรือการรับรู้แต่ไม่ใช่ความเข้าใจที่แท้จริง ซึ่งเชื่อมโยงกับแนวคิด “ความสัมพันธ์ทางจิตใจแบบฝ่ายเดียว“ (Parasocial Relationship) ซึ่งเป็นสิ่งจำลองที่ไม่ได้ตอบสนองจริงทางอารมณ์ จึงอาจ “สะท้อน” ความคิดด้านลบกลับไป เช่น การตอกย้ำว่าชีวิตไร้ค่า เป็น “เสริมแรงทางลบ (Negative Reinforcement)” ให้ความคิดเชิงลบยืนยันการลงมือกระทำเชิงลบในการยอมรับความตาย

มุมมองทางจิตวิทยา : AI สร้างความผูกพันทางอารมณ์ (Emotional Bonding) สามารถกระตุ้น ความรู้สึกถึงการได้รับการยอมรับ (Validation) และ ความไว้วางใจ (Trust) จากผู้ใช้ โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นที่กำลังค้นหาตัวตน แต่ปัญหาคือ AI ไม่มีความเข้าอกเข้าใจจริง (True Empathy) จึงอาจ “ตอบรับ” การเป็นพื้นที่ระบายความรู้สึก จนเกิดภาวะพึ่งพา AI (AI Dependency) การผูกพันกับวัตถุเสมือน (Digital Attachment Disorder) เมื่อ AI ตอบรับอย่างอบอุ่นโดยไม่ประเมินภาวะอันตราย จึงอาจกลายเป็น “แรงเสริม” ความรู้สึกในเชิงลบ เช่น ความสิ้นหวัง โดยไม่รู้ว่าคำตอบนั้นเป็นอันตรายทางจิตใจที่ผลักดันไปสู่การตัดสินใจสุดท้ายในการจบชีวิต

บทสรุป: การถอดบทเรียน AI จากกรณี Adam Raine ในมุมจิตบำบัดนั้น AI ควรอยู่ “ร่วม” ไม่ใช่ “แทนที่” เพราะ AI ยังไม่มีระบบ “จริยธรรมเชิงอารมณ์” (Emotional Ethics) AI จึงไม่ใช่เพื่อนแท้แต่เป็นเพียงเพื่อนในจินตนาการที่เป็นกระจกสะท้อนจิตใจของเราที่พูดในสิ่งที่เราต้องการได้ยินมากกว่าสิ่งที่เราควรได้ยิน ดังนั้น การเยียวยาจิตใจยังต้องการ “ใครอีกคนที่เป็นมนุษย์” ไม่ใช่แค่คำปลอบใจจาก AI ที่ไร้หัวใจ

❤️ พิชญานิน คลินิก (คลินิกสุขภาพใจ) ชั้น 3 ศูนย์การค้า พาราไดซ์ พาร์ค (สวนหลวง ร.9) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 น. - 20.00 น.

☎️ inbox ขอคำปรึกษาหรือทำนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ 06-3868-9925 หรือ LINE: / Line https://lin.ee/GiDkelu หรือ Website www.pichayaninclinic.com

🎯 เพราะ “ความสุขของคุณ คือ ความสำเร็จของเรา”

#การสื่อสาร
#เตือนภัย #ดราม่า
#โรคซึมเศร้า #โรควิตกกังวล #โรคแพนิค
#สุขเป็นก็เป็นสุข
#พิชญานินคลินิก

#สุขภาพจิต

#จิตแพทย์ #จิตเวช
#จิตบำบัด #นักจิตวิทยา
#คลินิกจิตแพทย์
#คลินิกสุขภาพจิต
#คลินิกจิตเวช
#คลินิกสุขภาพใจ
#โหนกระแส
#เรื่องเล่าเช้านี้
#ความสุขของคุณคือความสำเร็จของเรา
#ความสุขไม่มีวันหยุด

#พาราไดซ์พาร์ค

ที่อยู่

ชั้น 3 ห้างพาราไดซ์พาร์ค สวนหลวง ร. 9 ศรีนครินทร์
Bangkok
10250

เวลาทำการ

จันทร์ 11:00 - 20:00
อังคาร 11:00 - 20:00
พุธ 11:00 - 20:00
พฤหัสบดี 11:00 - 20:00
ศุกร์ 11:00 - 20:00
เสาร์ 10:00 - 20:00
อาทิตย์ 10:00 - 20:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Pichayanin Clinicผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Pichayanin Clinic:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram