อาศรมวิถีธรรม

อาศรมวิถีธรรม กรดไหลย้อน ระบบย่อยมีปัญหา ปรึกษาด่วน

เราจะเน้นการให้ข้อมูลด้านสุขถาพเพื่อการพึ่งตนเองและในพึ่งพากันได้ในครอบครัว เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ซึ่งปัญหาภายในคือปัญหาหลักที่เป็นต้นเหตุของโรคปวดและโรคเสื่อมสารพัด

อาการป่วยเปลี่ยนอารมณ์… และนี่คือความจริงที่คนส่วนใหญ่มักไม่เข้าใจเวลาร่างกายเสียสมดุล ระบบประสาทอัตโนมัติจะสั่นไหวแบบที...
04/12/2025

อาการป่วยเปลี่ยนอารมณ์… และนี่คือความจริงที่คนส่วนใหญ่มักไม่เข้าใจ

เวลาร่างกายเสียสมดุล ระบบประสาทอัตโนมัติจะสั่นไหวแบบที่เจ้าตัวควบคุมไม่ได้ ความดันของความคิดจะสูงขึ้น ความไวของอารมณ์จะเพิ่มขึ้น และความเหนื่อยล้าภายในจะค่อย ๆ ดันออกมาเป็นความหงุดหงิด อ่อนไหว เศร้า หรือนิ่งลึก โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น บางวันร้องไห้ง่าย บางวันหงุดหงิดนิดเดียวก็เหมือนอารมณ์พุ่งขึ้นทันที ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะเขา “นิสัยไม่ดี” แต่เพราะร่างกายกำลังส่งสัญญาณว่า “มันเหนื่อยมากแล้ว”

เมื่อร่างกายอักเสบ ระบบย่อยรวน ฮอร์โมนแกว่ง หรือเส้นประสาทถูกกดทับ อารมณ์จะ “ขยับตาม” แบบอัตโนมัติ
คุณลองคิดดูสิ...ถ้าลำไส้บวมตึง ระบบประสาทก็จะตื่นตัว ถ้าหายใจไม่ลึก หัวใจก็จะเต้นเร็ว ถ้ากล้ามเนื้อตึง สัญญาณความเครียดก็จะสูงขึ้น เพราะทุกระบบนั้นเชื่อมโยงกัน เวลาเจ็บด้านกาย…อารมณ์จะสั่นก่อนเสมอ

ดังนั้น คนป่วยที่กลายเป็นคนเหวี่ยงง่าย ดูเงียบผิดปกติ อ่อนแอทางใจ หรือรู้สึกว่าตัวเอง “ไม่เหมือนเดิม” ทั้งหมดเป็นอาการของระบบที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือ ไม่ใช่ตัวตนจริงของเขาเลย

และเมื่อเข้าใจเช่นนี้ เราจะเริ่มมองคนป่วยด้วยใจที่อ่อนโยนขึ้น ไม่ไปซ้ำเติมเขา ไม่ไปตัดสินเขา ไม่ไปคาดหวังให้เขา “เข้มแข็งเหมือนเดิม” เพราะในวันที่เขาอ่อนแรงที่สุด สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่คำสั่ง แต่คือพื้นที่ปลอดภัยให้เขาหายใจ

ในทางกลับกัน คนป่วยเองก็ต้องรู้ว่าอารมณ์ที่เปลี่ยนไปไม่ใช่เพราะคุณแย่ลง แต่เพราะร่างกายกำลังใช้พลังเกือบทั้งหมดในการประคองตัวเองอยู่ จริงไปแล้วคุณไม่ได้ผิด และไม่ได้อ่อนแอหรอก คุณแค่กำลังผ่านช่วงที่ต้องให้เวลาตัวเองมากขึ้น และเมื่อระบบเริ่มฟื้น อารมณ์ก็จะฟื้นตาม

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในสภาวะ ของการฟื้นตัว
เมื่อร่างกายค่อย ๆ ฟื้น อารมณ์จะค่อย ๆ กลับมา
เมื่อใจค่อย ๆ สงบ ร่างกายจะค่อย ๆ ซ่อม
และเมื่อเราเข้าใจความเชื่อมโยงนี้ เราจะไม่โทษตัวเอง ไม่โทษคนที่เรารัก และไม่หลงกลอารมณ์ชั่ววูบที่เกิดจากสัญญาณของโรค

ด้วยรักจากอาจารย์.

บางครั้งการฟื้นตัว มันเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ที่เรามักมองข้าม… เช่น ความรู้สึกดีขึ้นเพียงนิดเดียวหลังอาหาร ความแน่นท้องที่ลด...
03/12/2025

บางครั้งการฟื้นตัว มันเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ที่เรามักมองข้าม… เช่น ความรู้สึกดีขึ้นเพียงนิดเดียวหลังอาหาร ความแน่นท้องที่ลดลง ลมหายใจที่ปลอดโปร่งขึ้น หรือการขับถ่ายที่เป็นธรรมชาติมากกว่าเมื่อวานนิดหนึ่ง
และคนที่กำลังฟื้น เขาจะรู้ทันทีว่า “ร่างกายเริ่มตอบรับแล้ว”

เหมือนกับเรื่องราวของหลาย ๆ คนที่บอกว่า
เพียงแค่ให้ตัวเองโอกาสลองเปลี่ยนอะไรเล็ก ๆ ในชีวิต เช่น การจิบเครื่องดื่มที่เป็นมิตรต่อระบบย่อย วันละนิด… อีกสองสามวันถัดมากลับรู้สึกว่า “ลมในท้องลดลง” “อาการอึดอัดดีขึ้น” “ท้องไม่ค่อยผูกเหมือนก่อน” หรือ “ระบบย่อยเหมือนเริ่มทำงานตามธรรมชาติของมันอีกครั้ง”

สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้ ไม่ได้เล็กเลยสำหรับหัวใจของคนที่เคยทรมานมานาน
เพราะมันคือ สัญญาณที่ร่างกายกำลังหันกลับมาหาเราอีกครั้ง

หลายคนเลือกใช้น้ำต้มยำไซเดอร์เป็นตัวช่วยเล็ก ๆ ระหว่างวัน เพราะมันไม่หนัก ไม่เผ็ด ไม่แรงเกินไปจนกระทบกระเพาะ แต่กลับช่วย “เปิดประตูการย่อย” ให้ลื่นขึ้นนิดหนึ่ง ช่วย “ปล่อยลมเก่า” ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ และช่วยให้ร่างกายที่เคยอืดแน่นเริ่มเบาขึ้นโดยไม่ต้องทนทรมาน

________

ช้อปปี้มอบโค้ดจัดหนัก คุ้มมาก ช้อปคุ้ม 4 ต่อ ใช้โค้ดพร้อมกันได้แล้ว
อย่าลืมเก็บโค้ดและกดติดตามร้านค้าก่อนสั่งซื้อนะครับ
🛒SHOPEE 🟠
https://th.shp.ee/tpcW1Vk

🛒 หรือซื้อได้ที่:
LINE ID
แอดมินนุ๊ก : 🔗 https://lin.ee/DbnaPk3
แอดมินแหม่ม : 🔗 https://lin.ee/NMJvOSc
แอดมินบัว : 🔗 https://lin.ee/5EmCW3E

โรคคือแรงสั่นสะเทือนชนิดหนึ่งที่เข้ามาเขย่าชีวิตให้เราหยุด มอง และฟังบางสิ่งที่เราเคยมองข้ามไปนานเกินไป จนร่างกายต้องส่ง...
02/12/2025

โรคคือแรงสั่นสะเทือนชนิดหนึ่งที่เข้ามาเขย่าชีวิตให้เราหยุด มอง และฟังบางสิ่งที่เราเคยมองข้ามไปนานเกินไป จนร่างกายต้องส่งสัญญาณแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้เรากลับมาดูแลตัวเองในแบบที่ “จิตดั้งเดิมของเรา” ต้องการจริง ๆ ไม่ใช่ในแบบที่โลกภายนอกบังคับให้เป็น

โรคเปลี่ยนคนได้จริง เปลี่ยนตั้งแต่ความคิด อารมณ์ พลังงาน จังหวะชีวิต ไปจนถึงวิธีที่คุณมองโลก มองความทุกข์ และมองตัวเอง มนุษย์ทุกคนมีจุดที่พังได้ มีวันที่ยืนไม่ไหว มีคืนที่ร้องไห้จนหมดแรง แต่ในความทรุดโทรมภายในนั้นเอง… มีพลังอีกแบบหนึ่งกำลังเกิดขึ้น

เมื่อร่างกายอ่อนแรง จิตจะเริ่มตั้งคำถามกับชีวิต เมื่อจิตเริ่มตั้งคำถาม พลังชีวิตจะเริ่มเคลื่อน เมื่อพลังเริ่มเคลื่อน เส้นทางใหม่จะเริ่มเปิด นี่คือความจริงที่คนเคยป่วยเท่านั้นที่เข้าใจมันมากที่สุด เพราะเมื่อคุณเคยเจ็บลึก คุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คุณจะระวังขึ้น อ่อนโยนขึ้น ใส่ใจลมหายใจมากขึ้น เห็นค่าการกิน การนอน การพัก การผ่อน และการไม่ฝืนตัวเองมากขึ้น คุณจะเริ่มรักตัวเองแบบที่ไม่เคยรักมาก่อน เพราะครั้งหนึ่งคุณเคยปล่อยให้ตัวเองทรุดโทรมจนเกินจะรับได้ และคุณไม่อยากกลับไปตรงนั้นอีก

โรคเปลี่ยนความถี่ของจิต เปลี่ยนการมองโลก เปลี่ยนวิธีที่คุณวางใจ เปลี่ยนความสำคัญในชีวิตจากสิ่งภายนอกกลับมาสู่ “ความอยู่รอดของใจ” โรคทำให้คุณตาสว่างว่าอะไรจำเป็นจริง และอะไรเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญเลยแม้แต่นิดเดียว

หลายคนเพิ่งรู้ว่า ความสงบสำคัญกว่าเงิน ความสบายสำคัญกว่าการทำให้คนอื่นพอใจ และการหายใจสำคัญกว่า “การเร่งให้ตัวเองเก่งทันคนอื่น” เสมอ

แต่ในอีกด้านหนึ่ง… คนก็สามารถเปลี่ยนโรคได้เช่นกัน เมื่อจิตของคุณเริ่มสั่นในความถี่ที่สูงขึ้น เบา โปร่ง เปิดใจ ไม่กลัว ไม่เร่ง ไม่ต้าน พลังงานภายในจะเริ่มจัดระเบียบตัวเองใหม่ ระบบย่อยจะเริ่มเดิน ลำไส้จะเริ่มฟื้น ระบบประสาทจะหยุดชักตึงและเริ่มคลาย ภูมิคุ้มกันจะค่อย ๆ กลับมาทำหน้าที่ของมันเองอีกครั้ง นั่นเพราะร่างกายได้รับ “สัญญาณที่ถูกต้องจากจิต”

โรคอาจเป็นครูที่เข้มงวดที่สุดในชีวิต แต่มันมอบบทเรียนที่คุ้มค่าที่สุดเช่นกัน เพราะหลังจากผ่านความป่วยระดับลึก ๆ มาได้ คน ๆ นั้นจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก เขาจะละเอียดขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น ไม่ฝืนเหมือนเมื่อก่อน และที่สำคัญที่สุด คือ เขาจะรักชีวิตในแบบที่คนไม่เคยป่วยจะไม่มีวันเข้าใจ

และเมื่อวันหนึ่งเขาฟื้นขึ้นมา เขาจะรู้สึกได้เลยว่า สิ่งที่โรคพรากไป ไม่ได้สูญเปล่าเลย เพราะมันแลกมาด้วย “ตัวเราเวอร์ชันที่ตื่นรู้กว่า แข็งแรงกว่า และมีแรงสั่นสะเทือนสูงกว่าเดิมมาก”

นั่นแหละคือของขวัญที่โรคมอบให้ ในรูปแบบที่แม้จะเจ็บปวด แต่ก็ทรงคุณค่าอย่างมหาศาลสำหรับชีวิตของเราเสมอ

ด้วยรักจาก จานเบิร์ด.

ไม่มีจิตดวงไหนล้มลงได้โดยไม่มีเหตุผล และไม่มีหัวใจดวงไหนทรุดลงได้ หากไม่เคยยืนหยัดสู้มาก่อน ความอ่อนล้าไม่ได้เกิดจากความ...
02/12/2025

ไม่มีจิตดวงไหนล้มลงได้โดยไม่มีเหตุผล และไม่มีหัวใจดวงไหนทรุดลงได้ หากไม่เคยยืนหยัดสู้มาก่อน ความอ่อนล้าไม่ได้เกิดจากความอ่อนแอ แต่เกิดจากการ “รับน้ำหนักชีวิต” ไว้นานเกินไป จนร่างกายและจิตใจส่งสัญญาณว่า…พอแล้ว หยุดก่อน เดี๋ยวนี้

ถ้าเรามองลึกให้พ้นเปลือกความเจ็บ เราจะเห็นว่าความทรุด ความเหนื่อย ล้วนเป็นหลักฐานของการพยายาม เป็นเครื่องยืนยันว่าคุณไม่เคยปล่อยมือจากชีวิตของตัวเองเลย ไม่ว่าจะผ่านอะไรมาบ้างก็ตาม

มีเพียงคนที่ “สู้มามากพอ” เท่านั้น ที่จะรู้ว่าการทรุดลงครั้งหนึ่ง ไม่ใช่จุดจบของความเข้มแข็ง แต่คือช่วงพักของความเข้มแข็งต่างหาก เพราะจิตที่ทรุดได้ คือจิตที่ “กล้ารู้ตัว” ว่าเหนื่อย รู้ตัวว่าแบกมากเกินไป และรู้ตัวว่าถึงเวลาต้องให้ตัวเองได้พักหายใจสักครั้ง

ไม่มีพลังงานไหนแข็งแรงได้ถ้าไม่ยอมพัก ไม่มีคลื่นไหนสูงได้ถ้าไม่เคยลดระดับมาก่อน และไม่มีแสงไหนเปล่งประกายได้ หากไม่เคยผ่านความมืดมาก่อนเช่นกัน

ความจริงคือ…จิตที่ยังรับรู้ว่าตัวเองกำลังตกลง คือจิตที่ยัง “ตื่น” อยู่ เพราะคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังร่วง นั่นแหละที่อันตรายที่สุด แต่คนที่ยอมรับว่าใจมันตก ยอมรับว่าไม่ไหว ยอมรับว่าอยากพัก นั่นคือจิตที่ยังมีพลังชีวิตเหลือเฟือ เพียงแค่กำลังรอจังหวะใหม่ของการลุกขึ้น และการลุกครั้งนี้มักจะดีกว่า หนักแน่นกว่า และสูงกว่าครั้งไหน ๆ ในชีวิต

ขอให้คุณจำไว้อย่างหนึ่ง...
พลังงานของมนุษย์ไม่ได้ขึ้นสูงเพราะไม่เคยตก แต่ขึ้นสูงเพราะ “รู้วิธีลุกจากความตกด้วยตัวเอง” และทุกครั้งที่คุณลุก นั่นคือการยกระดับความถี่พลังงานภายในให้สูงขึ้น และหัวใจคุณจะชัดเจนขึ้นหลังยอมรับความจริงบางอย่างได้ในที่สุด

อย่ากลัววันที่ใจมันตก เพราะจิตที่ตกวันนี้ อาจเป็นจิตที่กำลังจะ “ลุกขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตคุณ” วันหนึ่งข้างหน้า สิ่งที่คุณคิดว่าเป็นจุดอ่อนที่สุด อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตที่สูงที่สุด ความเจ็บวันนี้อาจเป็นประตูไปสู่ความแข็งแรงแบบใหม่ และความทรุดวันนี้อาจเป็นรากฐานที่มั่นคงของชีวิตอีกบทที่กำลังจะเริ่ม

คุณแค่กำลังเปลี่ยนระดับพลังงาน
และทุกครั้งที่คุณเปลี่ยน คุณกำลังเติบโต

ด้วยรักจากอาจารย์.

หลังเที่ยงประมาณ 13.00 - 16.00 น. ระบบประสาทจะเริ่มผ่อนแรงลงการย่อยอาหารหลังมื้อกลางวันยังทำงานอยู่เลือดบางส่วนถูกดึงไปช...
01/12/2025

หลังเที่ยงประมาณ 13.00 - 16.00 น. ระบบประสาทจะเริ่มผ่อนแรงลง
การย่อยอาหารหลังมื้อกลางวันยังทำงานอยู่
เลือดบางส่วนถูกดึงไปช่วยกระบวนการย่อย
จึงทำให้เกิดอาการง่วง เพลีย มึน หายใจตื้น หัวไม่แล่น หรือบางคนจะมีลมดันขึ้นง่ายเป็นพิเศษ
ยิ่งคนลำไส้อ่อนแอ มีกรดไหลย้อน หรือมีปัญหาการดูดซึมอาการจะยิ่งชัดกว่าคนทั่วไปหลายเท่า

และนี่คือจุดที่ คนจำนวนมากเข้าใจผิด
คิดว่าตัวเองใกล้เป็นลม คิดว่ากรดไหลย้อนกำเริบ คิดว่าน้ำตาลตก หรือคิดว่าโรคกำลังกลับมา
ทั้งที่จริง…มันคือ “ช่วงที่ร่างกายต้องการพลังงานหมุนเวียน”

ไม่ใช่น้ำหวาน ไม่ใช่กาแฟ ไม่ใช่อาหารหนัก
แต่คือสิ่งที่ร่างกาย “รับแล้วใช้ได้ทันที” โดยไม่ต้องย่อย

ร่างกายไม่ได้ต้องการพลังงานมาก
แค่ต้องการ พลังที่ย่อยแล้วและพร้อมใช้ทันที

และนี่คือเหตุผลที่ผมมักแนะนำเสมอว่า…

ยามบ่ายที่อ่อนเพลีย ให้จิบน้ำผักเข้มข้นขวดนี้เล็กน้อย
มันไม่ได้เข้าไป “บำรุงแบบจอมปลอม”
แต่เข้าไปเติม กรดอะมิโน วิตามิน เกลือแร่ และพลังงานระดับเซลล์
ที่ช่วยประคองระบบประสาทและระบบไหลเวียน
โดยไม่ทำให้กระเพาะหนัก และไม่กระตุ้นกรด

✔ ลมหายใจจะเต็มขึ้น
✔ อาการเพลียจะลดลง
✔ สมองจะใสขึ้น
✔ การบีบตัวของลำไส้จะเริ่มกลับมา
✔ พลังงานจะกลับมาแบบ “ไม่กระตุก”

เป็นการทำให้ระบบทั้งหมดได้เดินต่ออย่างราบรื่นโดยไม่สะดุด

คนที่มีอาการลมดัน แน่น หายใจไม่สุดตอนบ่าย
มักตอบรับดีมาก เพราะมันไม่ไปสร้างลมใหม่
แต่ช่วยให้ลมเก่าถ่ายออกได้ง่ายขึ้น

คนที่ต้องทำงาน คนที่ต้องเลี้ยงลูก คนที่ล้าเพราะพักน้อย
ช่วงบ่ายคือตัววัดสำคัญว่า “ระบบไหลเวียนและระบบลำไส้ยังไหวหรือไม่”

และนั่นคือเหตุผลที่…

การดูแลตัวเองช่วงบ่ายสำคัญมากพอ ๆ กับตอนเช้า

บางคนถามว่า “ต้องกินทุกวันไหม?”
คำตอบคือ - ไม่จำเป็น
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มีอาการวูบ ง่วง คิดไม่ออก เพลียหลังเที่ยงเป็นประจำ
หรือมีปัญหาลมในระบบทางเดินอาหาร
การจิบน้ำผักเข้มข้นช่วงบ่ายครั้งละน้อย ๆ
จะช่วยให้ร่างกาย “เดินวันนั้นให้จบแบบไม่ทรมาน”

_________

🛒 ซื้อได้ที่:
LINE ID
แอดมินนุ๊ก : 🔗 https://lin.ee/DbnaPk3
แอดมินแหม่ม : 🔗 https://lin.ee/NMJvOSc
แอดมินบัว : 🔗 https://lin.ee/5EmCW3E

หรือสั่งผ่าน SHOPEE 🟠
🔗 https://th.shp.ee/tpcW1Vk

ร่างกายของเราไม่เคยหยุดทำงาน ไม่เคยหยุดสร้าง และไม่เคยหยุดฟื้นเลยแม้เพียงวินาทีเดียวและการฟื้นฟูก็ไม่ได้เกิดขึ้นจากการกิ...
01/12/2025

ร่างกายของเราไม่เคยหยุดทำงาน ไม่เคยหยุดสร้าง และไม่เคยหยุดฟื้นเลยแม้เพียงวินาทีเดียว

และการฟื้นฟูก็ไม่ได้เกิดขึ้นจากการกินอะไรพิเศษเพียงวันสองวัน
แต่เกิดจาก “รอบการผลัดเปลี่ยนเซลล์” ที่ดำเนินไปอย่างเป็นจังหวะ
เหมือนต้นไม้ที่แตกใบใหม่ตามฤดูกาล ไม่ว่าฤดูกาลก่อนหน้าจะวิกฤตหนักแค่ไหนก็ตาม

#ผิวหนัง ชั้นนอกสุดคือหนึ่งในเซลล์ที่ผลัดเร็วที่สุด
ทุก 28 วัน ผิวที่เคยหมอง แห้ง ลอก เสื่อม หรืออักเสบ
จะถูกแทนที่ด้วยผิวใหม่ที่สดกว่า
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเมื่อระบบย่อยดี เลือดดี ลำไส้ดี ผิวจะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง

#เลือดใหม่ ไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียวเช่นกัน
เม็ดเลือดแดงใช้เวลาประมาณ 120 วันกว่าจะสร้างและหมุนเวียนครบหนึ่งรอบ
หากวันนี้คุณเริ่มกินให้ตรงเวลา กินให้ย่อยง่าย และไม่ทำร้ายลำไส้
อีก 3 - 4 เดือนข้างหน้า คุณจะเริ่มรู้สึกว่า
หน้าตาสดขึ้น หายใจดีขึ้น แข็งแรงขึ้น
เพราะเลือดใหม่ที่กำลังใช้ชีวิตแทนเลือดเก่าที่เคยอ่อนแรง

#เยื่อบุลำไส้ ประมาณ 3 - 5 วัน
ตรงนี้แหละคือหัวใจของการฟื้นลำไส้
เยื่อบุลำไส้มีอายุเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
มันผลัดเร็วที่สุดในร่างกาย
เพราะมันต้องสัมผัสอาหาร สารเคมี และความเครียดมโหฬารในทุกมื้อ

ดังนั้นทันทีที่คุณหยุดอาหารแสลง
หยุดทำร้ายลำไส้
และเติมของที่มัน “ย่อยง่าย ดูดซึมง่าย ไม่เป็นภาระ”
ผนังลำไส้จะเริ่มสร้างใหม่แทบจะทันที
แต่การจะ “แข็งแรงจริง” ต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ถึงหลายเดือน
เพราะมันต้องยึดเกาะ สร้างชั้นปกป้อง และฟื้นระบบประสาทร่วมด้วย

#ตับ คืออวัยวะที่ฟื้นตัวเก่งที่สุดในร่างกาย
แต่ก็เป็นอวัยวะที่ถูกทำร้ายง่ายที่สุดจากอาหาร นิสัย และความเครียด
การฟื้นตับต้องใช้เวลาโดยเฉลี่ย 150 วัน
นี่คือเหตุผลว่าทำไมคนที่หยุดอาหารมัน หวาน แป้งขัดขาว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
และกินอาหารย่อยง่ายต่อเนื่อง
อาการอ่อนเพลีย หน้ามัน ผิวหมอง ตื่นไม่สดชื่น
จะดีขึ้นอย่างเด่นชัดในเดือนที่ 4 - 5

#กล้ามเนื้อและระบบประสาท ประมาณ6 - 12 เดือน
ความเครียดเรื้อรัง แพนิค กรดไหลย้อน ลำไส้อักเสบ
ล้วนทำลายระบบประสาทอัตโนมัติ
และระบบนี้ไม่มีคำว่า “ฟื้นเร็ว”

มันต้องเวลา
ต้องความสม่ำเสมอ
ต้องใจที่ไม่เร่ง

ผู้ที่เดินตามแนวทางอย่างจริงจัง
จะเริ่มรู้สึกถึงความมั่นคง ความสงบ การหายใจที่ลึกขึ้น
ในช่วงเดือนที่ 6 - 12
เพราะวงจรประสาทได้ถูกจัดระเบียบใหม่

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…

คุณต้องเข้าใจว่า “เวลา” คือกลไกการรักษาที่มีพลังที่สุดในร่างกาย
แต่เวลาจะทำงานได้ ก็ต่อเมื่อเราหยุดเร่ง หยุดกลัว และหยุดทรมานระบบย่อยของเราเอง

ไม่ว่าคุณจะป่วยมานานแค่ไหน
ร่างกายยังไม่เคยหยุดสร้าง
ยังไม่เคยหยุดเปลี่ยน
ยังไม่เคยหยุดฟื้น

สิ่งเดียวที่คุณต้องทำคือ
กลับมาเข้าจังหวะกับมัน

กินให้พอดี
นอนให้พอ
หายใจให้ลึก
คิดให้เบา
และให้เวลากับ "วงจรชีวิตของเซลล์" ได้ทำงานอย่างที่ธรรมชาติออกแบบมา

และเมื่อคุณอยู่กับมันอย่างไม่เร่ง
ทุกระบบในร่างกายจะค่อย ๆ เปลี่ยนกลับ
สู่ "จังหวะธรรมชาติของมัน"
จังหวะที่มันเคยทำงานได้อย่างสงบ สมดุล และมั่นคง
ก่อนที่ชีวิตที่เร่งรีบ ความกลัว และความเครียดจะเข้ามารบกวน

ด้วยรักจากอาจารย์.

คุณหายได้ถ้าคุณหยุดต่อสู้กับตัวเองหนังสือเล่มนี้ไม่ได้รักษาโรคแต่มันรักษาวิธีคิดรักษาจังหวะชีวิตรักษาความสัมพันธ์ระหว่าง...
01/12/2025

คุณหายได้
ถ้าคุณหยุดต่อสู้กับตัวเอง

หนังสือเล่มนี้ไม่ได้รักษาโรค
แต่มันรักษาวิธีคิด
รักษาจังหวะชีวิต
รักษาความสัมพันธ์ระหว่าง “ใจกับร่างกาย”
ให้กลับมาทำงานเป็นทีมอีกครั้ง

ทุกหน้าถูกเขียนเพื่อคนที่กำลังเหนื่อย
คนที่กำลังท้อ
คนที่อยากดีขึ้นแต่หาทางไม่เจอ
คนที่มีคำถามเต็มหัว แต่ไม่มีใครตอบให้เข้าใจง่าย ๆ สักที
และคนที่อยากฟื้นด้วยธรรมชาติ แต่ไม่รู้ควรเริ่มตรงไหนก่อน

ถ้าอ่านอย่างตั้งใจ
คุณจะเริ่มเห็นว่า…

การหายไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ต้องเริ่มจากการ “ยอมให้ตัวเองหาย”
ต้องคืนพื้นที่ให้ร่างกายทำงาน
ต้องหยุดวิ่งหนีอาการ และหยุดลงโทษใจตัวเอง

บางหน้าอาจทำให้คุณนิ่งไปพักหนึ่ง
บางบรรทัดอาจทำให้คุณร้องไห้
บางข้อความอาจทำให้คุณเห็นตัวเองชัดขึ้น
และบางประโยคอาจทำให้คุณรู้สึกว่า
“ที่ผ่านมา…เราทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัวเลย”

ถ้าช่วงนี้คุณกำลังรู้สึกว่า
หมดแรง
หลงทาง
หรือไม่แน่ใจว่าร่างกายจะดีขึ้นจริงไหม

ลองเปิดหนังสือเล่มนี้ดูสักนิด
มันอาจเป็นตัวช่วยเล็ก ๆ ที่ทำให้คุณ
เริ่มมองเห็นประตูของการฟื้นอีกครั้ง

และบางที อาจเป็นครั้งแรกที่คุณรู้สึกว่า
คุณไม่ได้สู้คนเดียว
และคุณยังมีสิทธิ์ที่จะ “ดีขึ้นกว่าเดิมมาก”
แม้ตอนนี้ยังไม่เห็นปลายทางก็ตาม

_______

🛒 ซื้อหนังสือได้ที่:
LINE ID
แอดมินนุ๊ก : 🔗 https://lin.ee/DbnaPk3
แอดมินแหม่ม : 🔗 https://lin.ee/NMJvOSc
แอดมินบัว : 🔗 https://lin.ee/5EmCW3E

หรือสั่งผ่าน SHOPEE 🟠
🔗 https://th.shp.ee/tpcW1Vk

“การทำซ้ำ” คือหัวใจของการเปลี่ยนแปลงจากแก่นในและยั่งยืนที่สุดในชีวิตมนุษย์ เพราะร่างกาย สมอง และระบบประสาทของเรา ไม่ได้เ...
01/12/2025

“การทำซ้ำ” คือหัวใจของการเปลี่ยนแปลงจากแก่นในและยั่งยืนที่สุดในชีวิตมนุษย์ เพราะร่างกาย สมอง และระบบประสาทของเรา ไม่ได้เปลี่ยนจากคำพูดหนึ่งประโยค ไม่ได้เปลี่ยนจากแรงบันดาลใจชั่ววูบ และไม่ได้เปลี่ยนจากการ “ตั้งใจครั้งเดียว” แต่จะเปลี่ยนจากสิ่งเล็ก ๆ ที่เรายอมทำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนมันกลายเป็นวิถีใหม่ของชีวิต

ทุกครั้งที่คุณทำพฤติกรรมหนึ่งซ้ำ ระบบประสาทจะจดจำ ทุกครั้งที่คุณเลือกอาหารที่ดีซ้ำ ลำไส้จะเริ่มเชื่อใจ
ทุกครั้งที่คุณหายใจลึก ๆ ซ้ำ กลไกตื่นเต้นจะค่อย ๆ ปิดตัวลง ทุกครั้งที่คุณไม่ด่วนกลัวอาการซ้ำ สมองจะเริ่มเรียนรู้ว่ามัน “ปลอดภัยแล้ว” และนี่แหละ…คือจุดที่ร่างกายเริ่มซ่อมตัวเองจริง ๆ

การทำซ้ำจึงไม่ใช่ความน่าเบื่อ แต่เป็นการค่อย ๆ ปรับจังหวะชีวิตให้เข้ากับจังหวะธรรมชาติของร่างกาย
เป็นการส่งสัญญาณซ้ำ ๆ ให้ระบบภายในว่า
“เราเลือกเส้นทางนี้นะ เราไม่ทำร้ายตัวเองอีกแล้วนะ เราจะค่อย ๆ กลับบ้านนะ”

และเมื่อมันซ้ำมากพอ สิ่งที่เคยเป็นพฤติกรรมใหม่ จะกลายเป็นนิสัย สิ่งที่เคยเป็นนิสัย จะกลายเป็นชีวิต และสิ่งที่เคยเป็นชีวิต จะกลายเป็น “สุขภาพใหม่” โดยที่คุณแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่

นี่คือพลังเรียบง่ายที่เปลี่ยนร่างกาย เปลี่ยนอารมณ์ เปลี่ยนสมอง เปลี่ยนชีวิตได้จริง และไม่มีสิ่งใดแข่งกับมันได้เลย

ด้วยรักจากอาจารย์.

ตอนนี้ทีมงานกำลังเร่งปรุงอาหารและจัดใส่กล่องอย่างเต็มกำลังเพื่อทยอยส่งต่อให้พี่น้องในหลายพื้นที่ ที่ยังประสบภัยน้ำท่วมอย...
30/11/2025

ตอนนี้ทีมงานกำลังเร่งปรุงอาหารและจัดใส่กล่องอย่างเต็มกำลัง
เพื่อทยอยส่งต่อให้พี่น้องในหลายพื้นที่ ที่ยังประสบภัยน้ำท่วมอยู่ ได้อิ่มท้อง มีแรง และมีกำลังใจ

ลมหายใจหนึ่งครั้ง อาจไม่แก้ปัญหาทั้งชีวิตแต่ลมหายใจหนึ่งครั้ง… ช่วยพาคุณกลับมาหาตัวเองก่อนและทันทีที่คุณกลับมาอยู่กับตัว...
29/11/2025

ลมหายใจหนึ่งครั้ง อาจไม่แก้ปัญหาทั้งชีวิต
แต่ลมหายใจหนึ่งครั้ง… ช่วยพาคุณกลับมาหาตัวเองก่อน
และทันทีที่คุณกลับมาอยู่กับตัวเองได้
ทุกอย่างจะค่อย ๆ เบาลง

ไม่ว่าคุณจะเครียดแค่ไหน วิตกเท่าไหร่ คิดมากจนหัวใจหนักเพียงใด… ขอให้คุณ “หายใจ” ไว้ก่อนเสมอ

เวลาที่ใจเราวิ่งหนีไปไกล
เวลาที่ความคิดพาเราไปในที่มืด ๆ
เวลาที่ร่างกายส่งสัญญาณจนเราไม่รู้จะควบคุมตรงไหนก่อน

สิ่งเดียวที่เรายังควรทำ
คือ หายใจยาวๆ ลึกๆ

ไม่ใช่เพราะมันจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นทันที
แต่เพราะการหายใจคือ “จุดเริ่มต้นของการกลับมาควบคุมตัวเองอีกครั้ง”

เวลาคุณกลัว ลมหายใจจะตื้น
เวลาคุณเครียด ลมหายใจจะเร็ว
เวลาคุณเจ็บ ลมหายใจจะขาดช่วง

แต่พอคุณบอกตัวเองว่า
ไม่เป็นไร… หายใจไว้ก่อน
ร่างกายจะเริ่มผ่อน
หัวใจจะเริ่มเชื่องช้า
ระบบประสาทจะเริ่มลดการตื่นตัว
ตัวคุณจะเริ่ม “กลับมานั่งอยู่ในร่างกายตัวเอง”

หลายครั้งชีวิตมันโหดเกินกว่าที่จะคิดบวก
หลายครั้งร่างกายมันเจ็บเกินกว่าที่จะฝืนเข้มแข็ง
หลายครั้งจิตใจมันสับสนเกินกว่าที่จะมองเห็นทางออก

แต่ถ้าคุณยัง “หายใจเป็น”
คุณยัง “รอดอยู่”
และตราบใดที่คุณยังรอด
คุณยังเดินต่อได้เสมอ

คุณไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งให้ใครเห็น
คุณไม่ต้องเก่งในทุกเรื่อง
คุณไม่ต้องแก้ทุกอย่างในวันนี้

แค่หายใจเข้า…
ให้รู้ว่าคุณยังอยู่ตรงนี้
หายใจออก…
ให้รู้ว่าคุณยังมีพลังจะเริ่มใหม่

มันจะไม่ดีขึ้นในทันที
แต่มันจะ “ค่อย ๆ ดีขึ้น”
ทีละลมหายใจ
ทีละคืน
ทีละวัน

และพอถึงวันหนึ่ง คุณจะหันกลับไปดูตัวเองในวันนี้แล้วบอกว่า

“ดีแล้วที่วันนั้น… ฉันยังหายใจต่อ”

เพราะทุกอย่างที่คุณกำลังเจอ
มันจะกลายเป็นเพียงเรื่องหนึ่งที่ผ่านเข้ามา แล้วก็ผ่านไป

จำไว้นะ...
ในวันที่ชีวิตหนักจนเหมือนจะรับไม่ไหว
ให้พูดกับตัวเอง ว่า

“ไม่เป็นไร… หายใจไว้ก่อน เดี๋ยวมันจะผ่านไป”

แล้วมันจะผ่านไปจริง ๆ
เพราะลมหายใจ คือสวิตช์ปิดความกลัว
และเปิดประตูให้สติกลับมาทุกครั้ง

ด้วยรักจากอาจารย์.

อ่านข้อความของคุณแล้วอาจารย์รู้สึกดีใจครับดีใจที่หนังสือไม่ได้แค่ “ให้ความรู้” แต่พาใครหลายคนกลับมาเจอ ตัวเอง อีกครั้งหล...
29/11/2025

อ่านข้อความของคุณแล้วอาจารย์รู้สึกดีใจครับ
ดีใจที่หนังสือไม่ได้แค่ “ให้ความรู้” แต่พาใครหลายคนกลับมาเจอ ตัวเอง อีกครั้ง

หลายคนบอกเหมือนกันว่า พอเริ่มอ่านกลับรู้สึกว่า
มันพาให้ใจ ค่อย ๆ ช้าลง
อ่านแบบ “ไม่เร่ง”
เหมือนกำลังรับรู้สัญญาณร่างกายตัวเองทีละสัญญาณ

นี่แหละครับ…เหตุผลที่หนังสือถูกออกแบบมาแบบนั้น

เพื่อให้ทุกคนที่กำลังเจ็บ กังวล หรือเหนื่อย
ได้มีช่วงเวลาอยู่กับตัวเองจริง ๆ
ไม่ใช่แค่อ่านให้จบ แต่ “อ่านให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น”

และยิ่งดีใจมากกว่า
ที่หนังสือเล่มนี้ทำให้คุณเห็นว่า
เราไม่ได้ป่วยเพราะร่างกายอย่างเดียว
แต่เพราะเราเร่งรีบจนห่างจากตัวเองมานานเกินไป

ขอบคุณที่เปิดใจให้หนังสือเล่มนี้
ขอบคุณที่อนุญาตให้ตัวเองฟื้น

และสำหรับใครที่กำลังลังเล
หรือยังหาทางไม่เจอเหมือนที่คุณเคยรู้สึก
หนังสือเล่มนี้อาจเป็น “แสงเล็ก ๆ” ที่ช่วยให้คุณเดินต่อได้เช่นกัน

เพราะบางครั้ง…
สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่คำปลอบใจ
แต่คือ “คำอธิบาย” ที่ทำให้เราเข้าใจตัวเองได้มากขึ้น

และนี่คือเหตุผลที่หนังสือเล่มนี้ถูกสร้างขึ้นครับ

___________

🛒 ซื้อหนังสือได้ที่:
LINE ID
แอดมินนุ๊ก : 🔗 https://lin.ee/DbnaPk3
แอดมินแหม่ม : 🔗 https://lin.ee/NMJvOSc
แอดมินบัว : 🔗 https://lin.ee/5EmCW3E

หรือสั่งผ่าน SHOPEE 🟠
🔗 https://th.shp.ee/tpcW1Vk

ตื่นเช้ามา ให้ "เสก" น้ำสะอาดดื่มหนึ่งแก้วไม่ใช่เสกแบบไสยศาสตร์แต่คือการเสก “พลังงาน” ให้ใจของเราเองเพราะน้ำคือสิ่งแรกที...
28/11/2025

ตื่นเช้ามา ให้ "เสก" น้ำสะอาดดื่มหนึ่งแก้ว

ไม่ใช่เสกแบบไสยศาสตร์
แต่คือการเสก “พลังงาน” ให้ใจของเราเอง

เพราะน้ำคือสิ่งแรกที่เข้าไปแตะระบบประสาท
แตะเลือด
แตะลำไส้
และแตะความคิดของเราในเช้าวันนั้นทันที

ถ้าเราดื่มแบบรีบ ๆ
น้ำก็เป็นเพียงน้ำหนึ่งแก้วธรรมดา
แต่ถ้าเราดื่มพร้อมความตั้งใจที่ดี
มันจะกลายเป็นสัญญาณแรกของวันว่า…
วันนี้ฉันเลือกเริ่มใหม่

ก่อนดื่ม ให้หลับตาสักเสี้ยววินาที
แล้วตั้งใจเพียงหนึ่งอย่าง เช่น…

"วันนี้ใจฉันนิ่งขึ้น"
"วันนี้ฉันเลือกความเบาสบาย"
"วันนี้ร่างกายของฉันฟื้นขึ้นอีกนิด"
"วันนี้ฉันใจดีกับตัวเองมากกว่าเมื่อวาน"

คำใดก็ได้…ที่ทำให้ใจคุณอ่อนโยนขึ้นเพียง 1%

แล้วค่อยจิบน้ำช้า ๆ ให้มันไหลผ่านลำคอ เข้าไปปลุกระบบทั้งหมดอย่างนุ่มนวล
เหมือนคุณกำลังส่งจังหวะใหม่ให้ร่างกายรับรู้ว่า…

“วันนี้เราเริ่มแบบนี้ อย่างสงบ อย่างรู้ตัว อย่างที่เราควบคุมได้”

แค่แก้วเดียว
แต่สร้างคลื่นพลังงานได้ทั้งวัน

น้ำที่ดื่มเข้าไปไม่ได้เปลี่ยนร่างกายเพียงอย่างเดียว
มันเปลี่ยน ทิศของจิต
และเมื่อจิตตั้งทิศใหม่ได้ ร่างกายจะขยับตามเสมอ

นี่คือ “การเสก” แบบคนมีสติ
แบบคนที่กำลังเลือกจังหวะชีวิตใหม่ด้วยตัวเอง
แบบคนที่กำลังฟื้น ไม่ใช่ด้วยอาหาร ไม่ใช่ด้วยยา
แต่ด้วยความตั้งใจที่ถูกต้องตั้งแต่แก้วแรกของวัน

ดื่มอย่างรู้ตัวหนึ่งแก้ว
ให้มันเป็น “สัญลักษณ์ของการเริ่มต้นที่ดี”

แล้วคุณจะเห็นว่า…
หลายอย่างในชีวิตวันนี้จะไหลลื่นกว่าที่คิดมากครับ

ด้วยรักจากอาจารย์.

ที่อยู่

Bangkok
10230

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ อาศรมวิถีธรรมผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram