คลินิกนมแม่ รพ.สมุทรปราการ

08/09/2023

เลี้ยงลูกให้ได้สมองดี ตอนที่5/40

นมแม่ อุ้ม กอด บอกรัก มากที่สุดคือดีที่สุดและไม่มีคำว่ามากเกินไป

ทารก 12 เดือนแรกมีหน้าที่เรียนรู้ที่จะไว้วางใจแม่ และไว้วางใจโลก (trust) หากทำไม่ได้พัฒนาการอื่นๆจะล่าช้าออกไป (distrust)

แม่จึงมีหน้าที่ทำให้เขารู้ว่าแม่มีอยู่จริงเสมอ และโลกนี้อบอุ่นปลอดภัยน่าอยู่มาก

เวลาเด็กร้องไห้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กเลี้ยงยากหรือง่าย เราตอบสนองเสมอ ช่วงเวลา 12 เดือนแรกไม่ใช่เวลาฝึกความอดทน เราให้นม อุ้ม กอด บอกรัก ร้องเพลงกล่อมทุกครั้ง ไม่มีคำว่ามากเกินไป และไม่มีคำว่าติดมือ

เด็กเลี้ยงยากจะแผดเสียงดังกว่า ถีบเท้าหนักหน่วง สะบัดหัวไปมาแม้ว่าจะได้นมแล้ว กินยากนอนยากร้องไห้ง่าย เราตอบสนองด้วยความนุ่มนวล คุณแม่ไม่จำเป็นต้องวิ่งหัวหกก้นขวิดเพื่อตอบสนองเร็วที่สุด เดินนวยนาดเป็นนางงามบนเวทีได้แต่ตอบสนองเสมอ มิใช่ทอดทิ้ง

คุณพ่อจึงเป็นคนสำคัญ ไม่ว่าจะช่วยอุ้ม หรือทำงานส่วนอื่นเพื่อแบ่งเบาภาระให้แก่คุณแม่ เวลาคุณแม่พบเด็กเลี้ยงยาก จะเหมือนถูกดูดพลังไปจำนวนมาก ต้องการเวลารวบรวมลมปราณอยู่บ้าง

เด็กเลี้ยงยากหรือเลี้ยงง่ายเป็นเฉดสีจากสีเทามากไปเทาน้อย มิใช่ดำหรือขาวที่ชัดเจน เด็กหลายๆคนมียากมีง่ายปะปนกัน เราใช้หลักการเดียวกันคือนมแม่ อุ้ม กอด บอกรักมากที่สุดได้เสมอ แม้แต่ตอนกลางดึกหากตบก้นนอนเบาๆแล้วไม่หลับ ร้องแหกปากทุรนทุรายอยู่เป็นนานสองนาน คำแนะนำคือนมแม่และอุ้มมากที่สุด ไม่มีคำว่ามากเกินไป และทำไปได้เรื่อยๆอีกหลายปีจนกว่าเขาจะอิ่มคุณแม่และไม่เอาเราอีก

นมแม่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์เสมอและตลอดไป ให้ได้เรื่อยๆจนกว่าจะหมด หากไม่มีนมแม่ตั้งแต่แรก การอุ้ม กอด บอกรัก ร้องเพลงกล่อมก็มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์เสมอและตลอดไปเช่นกัน ให้ได้เรื่อยๆไม่มีวันหมดจนถึงวัยรุ่นและเลยออกไป

เราไม่รู้ว่าวัยรุ่นแต่ละคนจะต้องใช้ต้นทุนแม่มากเพียงไรเมื่อวันที่พายุวัยรุ่นพัดกระหน่ำ เราเตรียมไว้มากที่สุดคือดีที่สุด

ไม่มีการนำเด็กเลี้ยงยากไปให้คนอื่นเลี้ยงเพียงเพราะคุณแม่ต้องการการนอน คุณแม่เป็นคนสำคัญเพราะเป็นแม่ และเป็นเจ้าของครรภ์มารดาที่เขาคุ้นเคยมานานแสนนาน

เรื่องติดแม่ไม่มีสาระตั้งแต่แรก ติดไว้แหละดี ส่วนเรื่องฟันผุและ growth hormone มีวิวาทะอยู่เสมอ และเป็นเช่นเดียวกับชีวิตทุกเรื่องนับจากนี้ไป นั่นคือคนเราไม่มีวันได้ทั้งหมด และสุขภาพจิตอาจจะเป็นเรื่องสำคัญกว่าเพราะเวลาที่เสียหายถึงระดับเกิดโรคแล้วจะกลายเป็นเรื่องที่ซ่อมแซมกันได้ยากที่สุด

เด็กเลี้ยงยากจะมิใช่เลี้ยงยากตลอดไปหากเรารู้เท่าทันวันนี้แล้วเร่ิมตอบสนองตั้งแต่วันนี้ เรามีเวลามากถึง 12 เดือน ไม่ใช่น้อยๆ

#เลี้ยงลูกให้สมองดี

แต่งงานเพื่อมาช่วยกัน พิธีแต่งงานเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ มีพระผู้เป็นเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์รับทราบ ถ้าจะไม่ช่วยกัน ไม่ต้องถึงกับแต่งงานก็ได้

29/10/2022

ขอบพระคุณ คุณหมอและครอบครัว มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

12/01/2021

มาใหม่แล้วจร้า! 🤱สิทธิ์ปกส.ปี2564

03/10/2020

ส่งเสริมให้เด็กไทยได้รับวัคซีนพื้นฐานครบตามเกณฑ์

14/09/2020

#แก้นิสัยลูกติดขวดนม
#วิธีเลิกขวดนมให้ได้ผลสำหรับเด็กเล็ก

เลิกขวดนม สำหรับเด็กๆ นั้นขั้นตอนแรกคุณแม่ควรรู้ก่อนว่า เลิกขวดนมนั้น สามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือน โดยในระยะแรกให้เริ่มจากการลดนมในมื้อดึกลง และหากลูกเป็นเด็กวัย 3 ขวบขึ้นไป จะเลิกขวดนมยากขึ้น เพราะเค้าจะอยู่ในวัยต่อต้าน ดังนั้นยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีค่ะ
ส่วนวิธีการเลิกขวดนม คุณแม่สามารถทำได้โดยการ ค่อยๆ บอกเค้าล่วงหน้าว่าจะไม่ให้ใช้ขวดนมแล้ว จากนั้นให้เก็บขวดนมให้พ้นสายตา พาเค้าไปเลือกลายแก้วด้วยตนเอง จะได้อยากใช้แก้วมากขึ้น หาหลอดสวยๆ มาดึงดูดความสนใจ เมื่อเค้าถามหาขวดนม คุณแม่ลองหาวิธีการต่างๆ มาช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ อาจจะลองชวนคุยถึงเรื่องอื่นหรือเปลี่ยนประเด็นไปเลย พร้อมตั้งกฎว่า หลังแปรงฟันแล้วห้ามกินนมเด็ดขาด หากเค้ารู้สึกมือว่างๆ เมื่อไม่ได้ถือขวดนมแล้วให้ลองหาตุ๊กตามาให้ถือเป็นการทดแทน โดยอย่าลืมที่จะพูดชวนให้ดื่มน้ำจากแก้ว และชมเชยเมื่อเค้าทำได้ ที่สำคัญคือ คุณแม่ต้องใจแข็งเข้าไว้ค่ะ

เลิกขวดนมแล้วดีอย่างไร เรามาดูข้อดีของการเลิกขวดนมกันค่ะ เมื่อเด็กไม่ติดขวดนม ไม่ดื่มนมตอนดึกก็จะช่วยลดปัญหาฟันผุลงไปได้เยอะ ลูกจะได้นอนยาวพักผ่อนได้เต็มที่มากขึ้น รวมถึงสามารถทานอาหารที่หลากหลายได้มากกว่าเดิม ทั้งหมดนี้ส่งผลทำให้พัฒนาการในด้านอื่นๆดีขึ้นอีกด้วยค่ะ

#สารพันปัญหาการเลี้ยงลูก

11/09/2020

👩🏻❤️👶🏻เตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ ท้องอย่างไรไม่ให้อ้วน ลูกน้อยแข็งแรงสุขภาพดี 🥳

ปัจจุบันการการเตรียมสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ให้พร้อมถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก หากคุณพ่อคุณแม่แข็งแรงและมีสุขภาพดี มีการวางแผนที่ดี และเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการตั้งครรภ์ และดูแลสุขภาพในช่วงตั้งครรภ์ตามคำแนะนำของแพทย์ ย่อมมีโอกาสส่งผลต่อการให้กำเนิดลูกน้อยที่สมบูรณ์แข็งแรงและมีพัฒนาการที่ดีได้อีกด้วย

รศ.พญ.สุชยา ลือวรรณ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มช. กล่าวว่า “การเตรียมความพร้อมด้านร่างกายของคุณแม่นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะเรื่องของน้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐาน หรือ โรคอ้วน ซึ่งสามารถหาค่าตามดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI) สำหรับคนอ้วนจะมีปัญหามีบุตรยากมากกว่าคนทั่วไป 3 เท่า และเมื่อตั้งครรภ์แล้วอาจมีภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ตามมา แต่หากยังไม่ตั้งครรภ์แนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดูแลเรื่องอาหาร ออกกำลังกาย และเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจหาโรคเบาหวาน และ ต่อมธัยรอยด์ นอกจากนี้เมื่อพบว่ามีน้ำหนักสูงเกินมาตรฐาน ควรตั้งเป้าหมายหากลดน้ำหนักลง 10 เปอร์เซ็นต์ก่อนตั้งครรภ์ จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆได้ รวมถึงการเตรียตัวโดยการใช้วิตามินช่วย เสริมกรดโฟลิคเตรียมพร้อมก่อนตั้งครรภ์ เพราะช่วยในการสร้างตัวอ่อน ป้องกันภาวะผิดปกติของเด็ก ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความพิการบางอย่างได้

อย่างไรก็ตามช่วงตั้งครรภ์ ไม่แนะนำให้คุณแม่ลดน้ำหนัก แต่ก็ควรเพิ่มน้ำหนักอย่างเหมาะสม ถ้าก่อนตั้งครรภ์มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ คือมีค่า BMI น้อยกว่า 18.5 น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ควรอยู่ที่ 13 - 18 กิโลกรัม หากมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ คือมีค่า BMI 25 – 29.9 ก่อนตั้งครรภ์ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ควรอยู่ระหว่าง 7 – 11 กิโลกรัม สำหรับผู้หญิงที่เป็นโรคอ้วน คือมีค่า BMI เกิน 30 น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ควรอยู่ระหว่าง 5 – 9 กิโลกรัม แม้ว่าทารกในครรภ์จะต้องการสารอาหารที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต แต่น้ำหนักที่มากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายต่อทารกได้ เพราะอาจทำให้ทารกตัวใหญ่และอาจมีปัญหาในภายหลังเนื่องจากมีน้ำหนักตัวตอนเกิดที่มากเกินไป เช่น มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคหอบหืด โรคอ้วนในวัยเด็กมากขึ้น การเจริญเติบโตผิดปกติ ปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าเด็กปกติ เพิ่มความเสี่ยงการเกิด Metabolic syndrome (ภาวะเกิดจากการเผาผลาญอาหารของร่างกายผิดปกติ)
สำหรับการคุมอาหารช่วงตั้งครรภ์ แนะนำให้รับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท ธัญพืช ถั่ว( ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเขียว) ผักสีเขียวและเหลือง โดยข้อดีของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จะมีการแปลงเป็นพลังงานอย่างช้าๆ ใช้พลังงานสะสมในรูปแบบไขมันก่อน หลีกเลี่ยง อาหารหรือของว่าง ที่บอกว่า"แคลอรี่ต่ำ หรือ แคลอรี่เป็น O" ให้เลือกกินผลไม้ ถั่ว เป็นของว่างแทน ดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน ทานบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงทานน้อยมื้อแต่ทานเยอะ ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 15-30 นาที เน้นออกกำลังกายความแรงระดับกลางและ แบบคาร์ดิโอ คือ ร่างกายรู้สึกเหนื่อย หายใจหอบ มีเหงื่อ เช่น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน
สำหรับคุณแม่ที่เตรียมตั้งครรภ์ หรือกำลังตั้งครรภ์อยู่ แม้ว่าการเตรียมความพร้อมด้านร่างกายระหว่างตั้งครรภ์จะสำคัญ แต่อย่าลืมดูแลสุขภาพจิตของคุณแม่ให้ดีด้วย ไม่เครียด หรือวิตกกังวลพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะถ้าคุณมีความสุข ลูกในท้องก็จะมีสุขภาพที่ดี ร่างกายแข็งแรง พัฒนาการได้อย่างเต็มที่”
*******************************

11/09/2020

24/08/2020

หนูหิว...

20/08/2020

ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนพ่อแม่ รพ.สมุทรปราการค่ะ

19/08/2020