ชมรมไทรอยด์ คุณกุศล

ชมรมไทรอยด์ คุณกุศล ชมรมไทรอยด์ ดูแลรักษาผู้ป่วยไทรอยด์. โดยไม่ใช้ยา

14/11/2017

สวัสดีครับพี่พี่เพื่อนๆน้องน้องทุกคนวันนี้ผมจะมาแนะนำคนไหนที่ต้องการเรียนออนไลน์ วันนี้ผมจะมาบอกรายละเอียด เกี่ยวกับการเรียนออนไลน์ เพราะทุกวันนี้ มีการโฆษณา การเรียนออนไลน์เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด บางคนก็โดนหลอกบางคนก็เสียเงินฟรีๆ เสียเวลาเสียความรู้สึก เพราะที่กล่าวมาแล้ว ผมก็โดนมาแล้วเหมือนกัน วันนี้จึงจะมา บอกเพื่อนๆว่า ต่อไปนี้จะได้ไม่ต้องโหลดหลอก อีกต่อไป เพราะ ข้อมูลนี้ไม่เคยบอกใครที่ไหนเลย เพื่อนๆคงจะเคยได้ยิน ที่เขาลงโฆษณากันว่า สัมมนาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย พอไปจริงๆ ต้องเสียเงินครับ หรือวางบริษัท บอกว่า รับสมัครพนักงาน โพสต์ขายของ ทาง Social รับรายได้ อาทิตย 4000-5000 บาท ไม่มีอยู่จริงเพราะผมไปมาแล้ว วันนี้ เลยจะมาบอกเพื่อนๆอย่าไปเชื่อโกหกเราทั้งนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จึงอยากมาบอกและเตือนเพื่อนๆด้วยความจริงใจ แต่วันนี้ผมก็ได้เจอกับบริษัทที่จริงใจและไม่โกหกเราน่าจะเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทย ที่บอกความจริงและไม่มีการบังคับว่าคุณมาเรียนแล้ว ว่าจะทำหรือไม่ทำ เพื่อนๆคงสงสัยว่าเป็นบริษัทเครือข่ายหรือไม่ หรือเป็นบริษัทขายตรงหรือเปล่า ผมขอบอกเลยว่า ถูกต้องเป็นบริษัทขายตรง ใช่เป็นบริษัทเครือข่ายอ้าวแล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะ นี่แหละครับข้อมูลที่ผมจะบอก ว่ามันต่างกันตรงไหน เพราะ บริษัทนี้สอน ออนไลน์ 100% สอนตั้งแต่ ไม่รู้อะไรเลย สอนจนคุณทำเป็น พอคุณทำเป็นแล้ว ไม่มีการบังคับ พอคุณเรียนจบแล้ว คุณจะทำหรือไม่ทำ ก็เรื่องของคุณหรือ คุณจะขายอย่างเดียวก็ได้ หรือจะไปขายของของคุณก็ได้ หรือคุณจะสร้างเครือข่ายก็ได้ มันก็เรื่องของคุณ พออ่านมาถึงตรงนี้ คงจะตอบปัญหาให้กับเพื่อนๆทุกคน ต่อไปจะได้ไม่ต้องโดนเขาหลอกอีกทุกวันนี้มันต้อง พูดเรื่องจริง เอาใจวัดใจกันไปเลย ถ้าเพื่อนๆคนไหน คิดว่ามันมีประโยชน์คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงช่วยกันแชร์เยอะๆ ทีนี้เรามาดูตารางการเรียนออนไลน์กัน
คอร์สแรก เรียนฟรี 2 ชม. ปูพื้นฐานออนไลน์ และสื่อออนไลน์ครับ

คอร์สที 2 เรียน 1 วัน สอนการทำงานผ่านไลน์ และไลน์ @ ค่าเรียน 200 บาท มีอาหารกลางวัน และเบรคกาแฟให้

คอร์สที 3 เรียนแบบ แอดวานซ์ สอนละเอียด การสร้างเพจ การถ่ายรูป แต่งรูป การเลือกกลุ่มเป้าหมาย การสร้างคอนเท้นต์โฆษณา ฯลฯ และอื่นๆที่จำเป็น...สอนแบบเวิคชอป มี ผู้ช่วยโค้ชประกบ สอนทำจนเป็น...ต้องใช้โน๊ตบุค...คอร์สนี้เรียน 4 วัน เรียนเสาร์.อาทิตย์ 2 ครั้ง.....ค่าเรียน 1500 มีอาหารและเบรคให้ทุกวันเช่นกัน

คอร์สแรก วันอังคาร พฤหัส 19.00-21.00
วันเสาร์ 14.00-16.00 ครับ
เลือกรอบเองได้ครับ ่พอคุณเรียนจบตามคอร์สนี้แล้ว มีให้เรียนอีก 12 วันฟรี วันอังคารถึงวันศุกร์ เวลา 13.00 ถึง 17.30น. ขอย้ำฟรี นี่คือเรื่องจริง ถ้าหากเพื่อนๆ พี่พี่น้องน้องๆ ต้องการมาเรียนออนไลน์หรือต้องการข้อมูล โทรมาที่
0816662409
0808968695 สุดท้ายนี้ ผมคงหวังว่า น่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการ เรียนออนไลน์ ถ้ามันมีประโยชน์ ขอให้เพื่อน แชร์กันมากๆนะครับ จะได้ไม่โดนหลอก อีกต่อไป จากความหวังดีและจริงใจ จากเด็กหน้ามนคนอุบลครับผม รักเพื่อนๆทุกคน ปล

สวัสดีคะ เพื่อนๆชาว pantip ทุกคน เรามีประสบการณ์แชร์เรื่องโรคไทรอยด์เป็นพิษ(hyperthyroid)ไม่เอาไม่พูดแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื...
05/11/2017

สวัสดีคะ เพื่อนๆชาว pantip ทุกคน เรามีประสบการณ์แชร์เรื่องโรคไทรอยด์เป็นพิษ(hyperthyroid)ไม่เอาไม่พูด
แนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อ aommy คะ อายุ25 ปี ตอนนี้ว่างงานคะ เริ่มแรกเลยเนี้ยไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ ใช้ชีวิตปกติมาก ทานเก่งแต่ไม่อ้วน เริ่มมีอาการแบบชอบเป็นตะคริวอ่ะคะ ขาไม่มีแรง มือสั่น จนแฟนทัก ตอนแรกเราก็คิดว่าเราคงตื่นเต้นอ่ะ มือเลยสั่นก็พอนานไปรู้สึกว่ามีก้อนที่คอด้วย แล้วประกอบกับทางครอบครัวเรามีคนเป็นไทรอยด์ แล้วก็ว่าเอ้!! หรือเราจะเป็นตามกรรมพันธ์ุก็ค้นเนตไปเรื่อยอ่ะคะ ว่าเราเป็นโรคนี้หรือเปล่า อาการเป็นยังไงแล้วก็ตรงกับอาการที่เราเป็นอยู่ด้วยเลยคิดว่าเอาแล้วเราคงเป็นไทรอนด์เป็นพิษ ชนิด hyperthyroid แล้วแน่แท้ จึงตัดสินใจ บอกแฟนพาไปหาหมอที เราก็ไปหาหมอกันที่โรงพยาบาลประจำโรงพยาบาลนึงย่านรามคำแหง พบคุณหมอเจาะเลือดดู ก็ใช่เลยคะ หมอบอกว่าอาการของคุณเข้าได้กับโรคไทรอยด์เป็นพิษนะคะ หมอก็ให้เอกสารมาฉบับนึง คือรายละเอียดเกี่ยวกับโรคที่เราเป็น สาเหตุ วิธีรักษา หมอแนะนำให้เรากินยาเพื่อรักษาโรคไปก่อนเพราะว่าอายุยังน้อยมีโอกาศที่จะโรคนี้จะสงบได้ แต่อาจจะกลับมาเป็นอีกได้ รับรองไม่ได้ว่าหายขาดแล้วอีก2อาทิตย์ นัดเจาะเลือดดูผลอีกที เราก็ไปตามนัดเรื่อยๆ จนโรค hyperthyroid ดีขึ้น หมอจึงให้ลดยาเหลือกิน 1 เม็ด เช้า จากกิน 1 เม็ดเช้าเย็น เราก็รู้สึกปกติทุกอย่างคิดในใจว่าเอ่อ ดีนะเรามือไม่สั่น ไม่เหน่ือยด้วย ก็ใช้ชีวิตปกติคะ จนตอนเย็นไปซื้อของที่ห้างแห่งนึง เริ่มมีอาการคันหนังศรีษาอย่างรุนแรงเลยคะ ตอนแรกคิดว่าเรายังไม่ได้สระผมนิน่า เดี่ยวจะกลับไปสระ กลับไปสระผมแล้วก็ยังคันมากคราวนี้ลามมาที่หลังคะ นั้งเกาทั้งคืนไม่ได้นอนเลยตัวแดงแป๊ดเลยคะ ตื่นเช้ามาต้องรีบไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าน่าจะแพ้ยา จึงให้หยุดยาและกินยาแก้แพ้ แต่ตอนนั้นคันมากหมอจึงฉีดยาแก้คันผ่านเส้นเลือดใหญ่ ซึ่งไม่ช่วยอะไรเลยคะ -- เราก็ได้ยาแก้แพ้มาปิ๊กนึง แพ้ อากาศ ผื่นคันและอีกมากมาย กิน4 วัน แล้วนัดดูอาการ 4 วันอาการก็ยังไม่หาย แต่ดีขึ้น พอหยุดยาไทรอยด์เราก็รู้สึกว่าอาการเดิมกลับมาอีก แถวพ่วงคันมาด้วยเราก็โอ๊ย!!ไม่ไหวล่ะ เราขอแอบไปหาหมออีกคนนึงละกัน เพื่อที่จะได้มีทางเลือกที่ดีกว่าเราหาข้อมูลทางเนต แพทย์คนไหนเก่งเรื่องไทรอยด์น๊า ก็ได้ชื่อแพทย์ โรงพยาบาล และเวลาออกตรวจมาคะ โทรไปจองคิวกับโรงพยาบาลเลยคะ เพราะคุณหมอเข้าแค่วันเดียว คิวแน่น เซียวคะ แต่ก็ได้คิวคะ ไปหาหมอลืมบอกว่าโรงพยาบาลนี้อยู่แถวพญาไทยคะ เราก็รอคิวพบหมอนานเหมือนกันคะ เกือบ2 ชม.เพราะว่าต้องรอให้คิวก่อนหน้าตรวจหมดก่อน แล้วก็ถึงคิวเราคะ แอบดีใจ555^^ ได้เจอหมอสักที ครั้งแรกที่เจอคุณหมอ ภาพเเรกคือผู้ชายค่อนข้างมีอายุ ใส่แว่น เราก็ไหว้คุณหมอแล้วคุณหมอก็ซักประวัติ แล้วก็บอกว่าเราไปรักษาโรงพยาบาลนี้มานะ แพ้ยาตัวนี้ คุณหมอตรวจที่คอ จับ ดูให้กลืนน้ำลายขึ้นลง แล้วบอกว่าหมอแนะนำให้กลืนแร่ นะเพราะว่าคุณเป็นเยอะขนาดของต่อมที่ไทรอยด์เป็นพิษมีขนาดใหญ่กว่าคนปกติถึง5 เท่า และมีเลือดมาเลี้ยงที่ต่อมจำนวนมาก กินยาก็ไม่รู้ว่าจะแพ้อีกไหม หมอให้กลับมาคิดดูก่อนว่าเอาไง นัดอีกทีอาทิตย์หน้า ไม่ได้ให้ยาอะไรมา เรากลับมาศึกษาเรื่องการกลืนแร่ ก็รตกลงใจว่าเราจะกลืนแร่ จึงกลับไปหาหมอตามนัด แล้วบอกการตัดสินใจว่าเราจะทำตามที่คุณหมอแนะนำคือกลืนแร่ คุณหมอควักไปส่งตัวมาแล้วบอกว่าวันที่5-6 นี้ว่างไหมให้ไปกลืนแร่เลย งดยาไทรอยด์ งดไอโอดีน คาเฟอีนทั้งหลายก่อนถึงวันกลืนแร่ คนที่เรื่องกินเรื่องใหญ่มากอย่าวเราก็แย่เลยซิคะ หันซ้ายหันขวาก็ไอโอดีน ปกติเป็นคนที่ทานค่อนข้างเค็มอยู่ด้วยคะ จึงนอยด์ๆอยู่ อีกวันนึงเราจึงถือใบส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อหาวันกลืนแร่ คะ ไปโรงพยาบาลรัฐบาลนี้ครั้งแรกไม่น่ากลัวอย่างที่คิดคะ ไปถึงเกือบบ่าย2 ทำบัตรผู้ป่วยนอก เร็วคะ ประมาณ 10 นาทีเสร็จ แล้วที่แฟ้มพร้อมไปส่งตัวไปที่ตึกที่จะกลืนแร่คะ พยาบาลซักประวัติ และได้คิวกลืนแร่ในอีก8 วันคะ พยาบาลถามนั้นถามนี้นิดหน่อยและอธิบายรายละเอียดคะ แล้วชี้ไปหาโต๊ะตัวนึงบอกว่าต้องนั้นมีเกลือเอาไปทำกับข้าว แล้วเอาเงินใส่กล่องตามศัทราคะ แวบแรกเราดีใจกว่าได้วันกลืนแร่อีกคะ เพราะนั้นคือเราไม่ต้องกินข้าวจืดๆอีกแล้ว เลยเอามาหลายซองเลยคะ ตรงตรงที่มีเกลือเขียนว่า เกลือไม่มีไอโอดีน แต่ยังสงสัยอยู่นิดนึง เราต้องงด

05/11/2017

ไทรอยด์เป็นพิษ
ความหมาย ไทรอยด์เป็นพิษ


ไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism, Overactive Thyroid) คือภาวะที่ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนออกมามากเกินไป ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานมากขึ้น เป็นสาเหตุทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วแบบผิดปกติ หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดปกติ เหงื่อออกง่าย และหงุดหงิด ฉุนเฉียว เป็นต้น

ไทรอยด์เป็นพิษ

ต่อมไทรอยด์ เป็นต่อมที่อยู่ส่วนหน้าของบริเวณลำคอใต้ลูกกระเดือก และติดกับหลอดลม มีลักษณะคล้ายผีเสื้อ ลักษณะทางกายภาพของต่อมแบ่งเป็นทั้งหมด 2 ซีก คือ ซีกซ้ายและซีกขวา ซึ่งต่อมทั้ง 2 ซีกจะเชื่อมกันด้วยเนื้อเยื่ออิสมัส (Isthmus) โดยต่อมไทรอยด์จะทำหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนไทโรซีน (Thyroxine - T4) และฮอร์โมนไทรไอโอโดไทโรนีน (Triiodothyronine - T3) ซึ่งทำหน้าที่ในการควบคุมการเผาผลาญของร่างกายและฮอร์โมนแคลซิโทนิน (Calcitonin) ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในระบบไหลเวียนของเลือด ซึ่งถ้าหากเกิดความผิดปกติจนทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป ฮอร์โมนไทโรซีน และฮอร์โมนไทรไอโอโดไทโรนีน ก็จะถูกผลิตออกมามากจนกลายเป็นพิษ

อาการของไทรอยด์เป็นพิษ

อาการไทรอยด์เป็นพิษค่อนข้างคลุมเครือและคล้ายกับอาการเจ็บป่วยอื่น ๆ ทั้งนี้ถ้าหากผู้ป่วยมีภาวะไทรอยด์เป็นพิษที่ไม่รุนแรงมากนัก ก็อาจไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมา โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อาการมักไม่ค่อยแสดงออกอย่างชัดเจนมากนัก อย่างไรก็ตามอาการต่อมไทยรอยด์เป็นพิษก็ถือเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้

อาการที่พบได้มากที่สุดในคนที่มีอาการไทรอยด์เป็นพิษก็คือ อาการคอพอก ซึ่งเป็นอาการที่ต่อมไทรอยด์โตขึ้น ผู้ป่วยจะรู้สึกหรือเห็นก้อนขนาดใหญ่ที่บริเวณคอ ซึ่งบางครั้งแพทย์ก็อาจสามารถตรวจพบอาการคอพอกได้ นอกจากนี้ยังมีอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากโรคไทรอยด์เป็นพิษได้ เช่น

อารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล หงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิ
คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว
นอนหลับยาก
มีปัญหาสายตา เช่น ตาโปน เห็นภาพซ้อน เป็นต้น
สุขภาพผมเปลี่ยนไป ผมเปราะบางขาดง่าย และมีอาการผมร่วง
ผู้หญิงมีรอบเดือนผิดปกติ ประจำเดือนมีสีจางและมาไม่สม่ำเสมอ
กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะบริเวณต้นขาและต้นแขน
เล็บยาวเร็วผิดปกติ
หัวใจเต้นเร็วมากกว่า 100 ครั้ง/นาที โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
มือสั่นตลอดเวลา
มีอาการคัน
เหงื่อออกมาก
ผิวหนังบาง
น้ำหนักลด แต่มีความอยากอาหารมากขึ้น
อาจพบเต้านมมีขนาดใหญ่ขึ้นในเพศชาย
ทั้งนี้หากเริ่มมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณสำคัญของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ หรือเกิดจากเนื้องงอกที่บริเวณต่อมหมวกไตได้ หากปล่อยไว้จะยิ่งรักษาได้ยากมากขึ้น

สาเหตุของไทรอยด์เป็นพิษ

สาเหตุของโรคไทรอยด์เป็นพิษ เกิดขึ้นจากการที่ต่อมไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติ จนทำให้ร่างกายมีปริมาณของฮอร์โมนไทรอยด์มากกว่าความต้องการของร่างกาย และมีสภาวะเป็นพิษ จนส่งผลต่อร่างกายในด้านต่าง ๆ โดยไทรอยด์เป็นพิษ เกิดจาก 3 สาเหตุหลัก ๆ ได้แก่

โรคเกรฟวส์ (Graves' Disease) จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนไทโรซีนออกมามากผิดปกติจนกลายเป็นพิษ ซึ่งยังคงไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าโรคเกรฟวส์นั้นเกิดจากอะไร พบเพียงแต่ว่าโรคดังกล่าวมักเกิดขึ้นในผู้หญิงในวัยรุ่นและวัยกลางคน อีกทั้งยังเป็นได้ว่าเป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยการสูบบุหรี่จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงโรคเกรฟวส์มากขึ้น
การรับประทานอาหาร การรับประทานอาหารที่มีไอโอดีนมากเกินไปก็สามารถก่อให้เกิดโรคไทรอยด์เป็นพิษ เนื่องจากไอโอดีนเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์
เนื้องอกที่ต่อมไทรอยด์ เป็นกรณีที่พบได้น้อย เนื้องอกที่เกิดบริเวณไทรอยด์ และเนื้องอกที่เกิดบริเวณต่อมใต้สมอง อาจส่งผลให้เกิดการหลั่งของฮอร์โมนไทรอยด์มากขึ้นจนกลายเป็นพิษได้
การอักเสบของต่อมไทรอยด์ (Thyroiditis) การอักเสบที่ไม่ทราบสาเหตุของต่อมไทรอยด์สามารถส่งผลต่อการทำงานของของต่อมไทรอยด์ได้ โดยการอักเสบของต่อมไทรอยด์จะทำให้ฮอรโมนไทรอยด์ถูกผลิตออกมามากขึ้น และทำให้ฮอร์โมนรั่วไหลออกไปที่กระแสเลือด ทั้งนี้การอักเสบของต่อมไทรอยด์ส่วนใหญ่ไม่มีอาการเจ็บ ยกเว้นอาการไทรอยด์อักเสบแบบกึ่งเฉียบพลันที่เกิดขึ้นได้น้อย สามารถส่งผลให้เกิดอาการเจ็บได้
การได้รับการเสริมฮอร์โมนไทรอยด์ที่มากเกินไป ยาที่มีส่วนประกอบของไอโอดีนบางชนิด เช่น ยาอะไมโอดาโรน (Amiodarone) ที่ใช้ในการรักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ จะทำให้เกิดการหลั่งของฮอร์โมนไทรอยด์มากขึ้นจนกลายเป็นพิษ
การวินิจฉัยโรคไทรอยด์เป็นพิษ

การวินิจฉัยด้วยตัวเอง วิธีวินิจฉัยโรคไทรอยด์เป็นพิษด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ ก็คือการสังเกตความผิดปกติของร่างกาย หากมีอาการใด ๆ ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น น้ำหนักลดผิดปกติ มือสั่น เหนื่อยง่าย หายใจสั้น หรือมีอาการบวมที่บริเวณคอ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจให้แน่ชัด

การวินิจฉัยโดยแพทย์ การวินิจฉัยอาการโดยแพทย์สามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งในขั้นแรกแพทย์จะซักประวัติเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพหรือประวัติการรักษา รวมถึงการตรวจร่างกายภายนอกเพื่อหาสัญญาณของโรคไทรอยด์เป็นพิษ ซึ่งสัญญาณของโรคไทรอยด์เป็นพิษ ได้แก่

น้ำหนักลด
ชีพจรเต้นเร็ว
ความดันโลหิตสูง
ตาโปน
ต่อมไทรอยด์โต
หากมีอาการเหล่านี้ แพทย์อาจทำการสั่งตรวจเพิ่มเติมด้วยการตรวจ 2 วิธีคือ การตรวจเลือด และการเอกซเรย์

การตรวจเลือด - การตรวจเลือดจะเน้นไปที่การตรวจเพื่อเช็กการทำงานของต่อมไทรอยด์ และการเผาผลาญ เช่น

ตรวจวัดปริมาณฮอร์โมนไทรอยด์ ปริมาณของฮอร์โมนไทรอยด์ T3 และ T4 ในเลือดเป็นสิ่งระบุชัดเจนได้ถึงการทำงานของต่อมไทรอยด์ว่าผิดปกติหรือไม่ หากกว่าไม่ปกติก็แปลว่ามีอาการของโรคไทรอยด์เป็นพิษ
ตรวจวัดการทำงานของต่อมใต้สมอง (Thyroid-Stimulating Hormone: TSH) เป็นการตรวจวัดปริมาณฮอร์โมนต่อมใต้สมองซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการทำงานของต่อมไทรอยด์
การตรวจวัดระดับปริมาณแอนติบอดีของต่อมไทรอยด์ (Thyroidglobulin) ซึ่งจะช่วยวินิจฉัยโรคเกรฟวส์ได้
การเอกซเรย์ - จะช่วยให้แพทย์สามารถเห็นการทำงานและความผิดปกติของฮอร์โมนไทรอยด์ได้ชัดขึ้น โดยใช้วิธีดังนี้

การตรวจอัลตราซาวด์ เป็นการตรวจที่จะช่วยวัดขนาดของต่อมไทรอยด์และความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้แพทย์มองเห็นความผิดปกติได้
การตรวจต่อมไทรอยด์ (Thyroid Scan) เป็นการตรวจโดยใช้รังสีเพื่อให้เห็นการทำงานของต่อมไทรอยด์ ซึ่งจะช่วยให้เห็นว่าต่อมไทรอยด์มีการทำงานที่มากกว่าปกติหรือไม่
การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบซีทีสแกน (CT Scan) หรือเอ็มอาร์ไอ (MRI) ใช้ในกรณีที่แพทย์สงสัยว่าความผิดปกติของต่อมไทรอยด์อาจมีเนื้องอกหรือมะเร็งปน และการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองจะใช้ในกรณีทีแพทย์สงสัยว่าโรคไทรอยด์เป็นพิษอาจเกิดจากต่อมใต้สมองหลั่งฮอร์โมนผิดปกติ
ทั้งนี้หากเอกซเรย์แล้วพบว่ามีการพบเนื้องอก ก็จะต้องมีการเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจต่อไปว่าใช่เนื้องอกจากโรคมะเร็งหรือไม่ เมื่อแพทย์ทราบสาเหตุของโรคไทรอยด์เป็นพิษแล้วจึงรักษาในขั้นต่อไป

การรักษาโรคไทรอยด์เป็นพิษ

การรักษาโรคไทรอยด์เป็นพิษจะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น อายุ เงื่อนไขทางร่างกาย รวมถึงสาเหตุและความรุนแรงของโรค โดยวิธีที่ใช้ในการรักษามีดังนี้

การรับประทานยาต้านไทรอยด์ ยาเมไทมาโซล (Methimazole: MMI) และยาโพพิลไทโออูราซิล (Propylthiouracil: PTU) เป็นยาต้านไทรอยด์ที่มีการใช้ในประเทศไทยอย่างแพร่หลาย โดยกลไกการทำงานของยาคือ ตัวยาจะเข้าไปขัดขวางการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ไม่ให้สร้างฮอร์โมนมากจนเกินไปภายใน 2-8 สัปดาห์ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้จัดปริมาณการใช้ยาให้ทุก ๆ 4 สัปดาห์ โดยพิจารณาจากผลการตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งการรักษาด้วยยาต้านไทรอยด์จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกายของผู้ป่วย ทั้งนี้ผลข้างเคียงจากการใช้ยาที่พบได้ก็คือ อาการแพ้ยาที่อาจทำให้เกิดผื่น มีไข้ และปวดตามข้อ แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงอย่างภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (Agranulocytosis) แต่พบได้น้อย ทำให้ในการใช้ยานี้แพทย์อาจต้องมีการเจาะเลือดเพื่อตรวจระดับเม็ดเลือดขาวควบคู่ไปกับการรักษาในกรณีที่สงสัยว่าผู้ป่วยมีภาวะนี้ด้วย
การรักษาด้วยรังสีไอโอดีน (Radioactive Iodine) เป็นการรักษาด้วยการรับประทานสารรังสีไอโอดีน ซึ่งเป็นสารที่มีความปลอดภัย โดยสารชนิดนี้จะถูกดูดซึมโดยต่อมไทรอยด์ และทำลายเนื้อต่อม ทำให้ต่อมไทรอยด์ค่อย ๆ หดตัวลงและอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น ใช้ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 3-6 เดือน แต่ก็มีผลข้างเคียงคือจะทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้น้อยลงจนเกิดภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ผู้ป่วยจะต้องรับประทานยาเสริมฮอร์โมนไทรอยด์ร่วมด้วย การรักษาด้วยรังสีนี้จะใช้กับผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป
การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ (Thyroidectomy) ในกรณีที่ผู้ป่วยอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือไม่สามารถใช้ยาในการรักษาหรือรักษาด้วยรังสีไอโอดีนได้ การผ่าตัดก็จะช่วยรักษาโรคไทรอยด์เป็นพิษได้ แต่เกิดในกรณีที่น้อยมาก โดยในการผ่าตัด แพทย์จะนำต่อมไทรอยด์ส่วนใหญ่ออกเพื่อรักษาอาการ แต่ความเสี่ยงในการผ่าตัดก็คืออาจทำลายเส้นเสียงและต่อมพาราไทรอยด์ได้ และหลังจากทำการผ่าตัดแล้ว ผู้ป่วยจะต้องรับประทานยาเพื่อรักษาระดับฮอร์โมนไปตลอดชีวิต อีกทั้งหากในการผ่าตัดมีการนำเอาต่อมพาราไทรอยด์ออกไปด้วย ผู้ป่วยจะต้องรับประทานยาเพื่อควบคุมระดับแคลเซียมด้วย
การใช้ยาต้านเบต้า (Beta Blockers) ยาต้านเบต้าจะช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจให้ช้าลง บรรเทาอาการใจสั่น และอาการวิตกกลังวล และมักใช้กับผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง ทว่ายาดังกล่าวก็มีผลข้างเคียง เช่น ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ปวดหัว ท้องไส้ปั่นป่วน ท้องผูก ท้องเสีย หรือวิงเวียนศีรษะ
การปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โรคไทรอยด์สามารถก่อเกิดภาวะขาดน้ำได้ การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยลดภาวะขนาดน้ำและทำให้อาการดีขึ้น
นอกจากนี้ ในระหว่างการรักษาโรคไทรอยด์ ผู้ป่วยจะต้องปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร โดยเน้นอาหารที่มีแคลเซียมและโซเดียมให้มากขึ้น แต่ต้องควบคุมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ไทรอยด์เป็นพิษยังทำให้กระดูกบางลง ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารเสริมที่มีแคลเซียมและวิตามินดีควบคู่กันไปด้วยทั้งในระหว่างการรักษาหรือหลังจากหายแล้ว เพื่อบำรุงกระดูกให้แข็งแรงขึ้น ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้แนะนำปริมาณของอาหารเสริม และช่วยวางแผนในการรับประทานอาหารรวมทั้งการออกกำลังกายแก่ผู้ป่วย

ภาวะแทรกซ้อนของโรคไทรอยด์เป็นพิษ

โดยส่วนใหญ่แล้ว หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องอย่างทันท่วงที โอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนก็จะน้อย แต่ถ้าหากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษาอย่างจริงจังก็อาจพบกับภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้ เช่น

ปัญหาสายตา พบได้ในผู้ป่วยโรคเกรฟวส์เท่านั้น ที่มีปัญหาต่อมไทรอยด์เป็นพิษ โดยปัญหาสายตาที่เป็นภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ ตาแห้ง ตาไวต่อแสง ตาแฉะ เห็นภาพซ้อน ตาแดง หรือบวม ตาโปนออกมามากว่าปกติ และบริเวณเปลือกตาแดง บวม เปลือกตาปลิ้นออกมาผิดปกติ โดยส่วนใหญ่แล้วอาการทางสายตาจะดีขึ้นเมื่อโรคไทรอยด์เป็นพิษได้รับการรักษา แต่ก็มีบางส่วนที่ต้องสูญเสียการมองเห็น ดังนั้นในการรักษาโรคไทรอยด์เป็นพิษ ผู้ป่วยอาจต้องพบจักษุแพทย์เพื่อรักษาควบคู่กันไปด้วย
ปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจ ภาวะแทรกซ้อนที่มักเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคไทรอยด์เป็นพิษก็คือ ความผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจ ไม่ว่าจะเป็น หัวใจเต้นเร็ว หรือโรคหัวใจเต้นผิดปกติที่เกิดจากการสั่นที่หัวใจห้องบน (Atrial Fibrillation) หรือแม้แต่ภาวะหัวใจวาย ซึ่งเกิดจากการที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้เพียงพอ แต่ภาวะแทรกซ้อนชนิดนี้จะบรรเทาลงหากรักษาได้อย่างถูกต้อง
ภาวะไทรอยด์ต่ำ หลายครั้งการรักษาไทรอยด์เป็นพิษก็อาจทำให้ระดับฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าปกติจนเกิดภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ และก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น รู้สึกหนาวและเหนื่อยง่าย น้ำหนักขึ้นผิดปกติ มีอาการท้องผูก และมีอาการซึมเศร้า ทว่าอาการจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และมีผู้ป่วยเพียงบางรายเท่านั้นที่เกิดอาการโดยถาวรและต้องใช้ยาในการควบคุมระดับฮอร์โมนไทรอยด์ไปตลอดชีวิต
กระดูกเปราะบาง โรคไทรอยด์เป็นพิษ หากไม่ได้รับการรักษาสามารถส่งผลเสียต่อมวลกระดูก ทำให้กระดูกอ่อนแอ หรือกลายเป็นโรคกระดูกพรุน เนื่องจากการที่ร่างกายมีฮอร์โมนไทรอยด์มากไปจะส่งผลต่อความสามารถในการดูดซึมแคลเซียมของกระดูกได้
ไทรอยด์เป็นพิษขั้นวิกฤต หากมีการควบคุมระดับไทรอยด์ที่ไม่ดี อาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น หรือเป็นอันตรายต่อชีวิต ซึ่งสัญญาณที่บอกว่าไทรอยด์เป็นพิษเข้าขั้นวิกฤตคือ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ มีไข้สูงเกินกว่า 38 องศาเซลเซียส ท้องเสีย อาเจียน ตัวเหลือง ตาเหลือง มีอาการสับสนมึนงงอย่างรุนแรง และอาจถึงขั้นหมดสติได้ โดยสาเหตุที่อาจทำให้อาการเข้าสู่ภาวะวิกฤต ได้แก่ การติดเชื้อ การรับประทานยาไม่สม่ำเสมอ การตั้งครรภ์ และความเสียหายของต่อมไทรอยด์ โดยภาวะไทรอยด์เป็นพิษขั้นวิกฤติเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้
ไม่เพียงเท่านั้น ในกลุ่มสตรีที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ โรคไทรอยด์เป็นพิษอาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ได้ เช่น

ครรภ์เป็นพิษ
อาการแท้ง
คลอดก่อนกำหนด
เด็กทารกมีน้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่าปกติ
ดังนั้นผู้ป่วยที่มีการวางแผนว่าจะตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อที่แพทย์จะได้วางแผนในการควบคุมอาการไม่ให้รุนแรงในระหว่างตั้งครรภ์ รวมถึงแพทย์จะพิจารณาเปลี่ยนวิธีการรักษาให้เหมาะสมต่อไป

วิธีป้องกันโรคไทรอยด์เป็นพิษ

ไทรอยด์เป็นความผิดปกติของร่างกายที่ไม่สามารถป้องกันได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องคอยหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย นอกจากนี้ในกรณีที่ผู้ป่วยเคยป่วยด้วยโรคไทรอยด์เป็นพิษหากสิ้นสุดการรักษาแล้ว การติดตามผลในระยะยาวก็อาจเป็นสิ่งที่จำเป็น ขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค เพื่อไม่ให้โรคไทรอยด์เป็นพิษกลับมาเป็นซ้ำอีก หากสูบบุหรี่ก็ควรหลีกเลี่ยงเพราะการสูบบุหรี่จะทำให้ความเสี่ยงโรคไทรอยด์เป็นพิษมากขึ้น โดยในการติดตามผล แพทย์จะสั่งให้ตรวจเลือดเป็นระยะ ๆ เพื่อเฝ้าระวังอาการและเตรียมรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วันนี้มาดูกันว่าโรคไทรอยด์ชนิดอ้วนกับชนิดผอม ต่างกันอย่างไรควรรู้ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมขนาดเล็กที่มีรูปร่างเหมือนผีเสื้ออยู...
02/11/2017

วันนี้มาดูกันว่าโรคไทรอยด์ชนิดอ้วนกับ
ชนิดผอม ต่างกันอย่างไรควรรู้
ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมขนาดเล็กที่มีรูปร่างเหมือนผีเสื้ออยู่ที่คอใต้ลูกกระเดือกมีขนาดยาว4 ซม.กว้าง 1-2 ซม. ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย อุณหภูมิของร่างกาย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ระดับไขมันในเลือด รวมทั้งอารมณ์และความรู้สึก

ปกติต่อมไทรอยด์จะหลั่งฮอร์โมนออกมาในปริมาณที่เหมาะสม ฮอร์โมนที่สำคัญคือ Tetraiodothyronine( thyroxin หรือ T4) และ Triiodothyronine(T3) โดยฮอร์โมนนี้จะมีฐาตุไอโอดินเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ถ้าฮอร์โมนหลั่งน้อยไปเรียก Hypothyroid ร่างกายจะเผาผลาญน้อยลง แต่ถ้าฮอร์โมนหลั่งมากร่างกายจะเผาผลาญมากทำให้น้ำหนักลดเรียก Hyperthyroid

การวินิจฉัยโรค

1. การตรวจเลือดหาระดับไทรอยด์ฮอร์โมน ต่อมใต้สมอง Pituitary gland จะสร้างฮอร์โมนที่เรียกว่า Thyroid stimulating hormone TSH ทำหน้าที่กระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมน thyroxin หรือ T4 และ T3 เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญอาหาร

-หากต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนมากเกินไปเรียก Hyperthyroid ตรวจเลือดจะพบว่า T4 และ T3 สูงแต่ TSH ต่ำ
-หากต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนน้อยเกินไปเรียก Hypothyroid ตรวจเลือดจะพบว่า T4 และ T3 ต่ำแต่ TSH สูง

2. Thyroid scan คือการตรวจต่อมไทรอยด์โดยการให้ผู้ป่วยรับประทานเกลือ iodine ที่อาบรังสี หลังจากนั้นนำผู้ป่วยเข้าเครื่องตรวจ ประโบชน์ของ Thyroid scan คือ

-บอกว่าต่อมไทรอยด์มีการอักเสบหรือไม่ Thyroiditis
-บอกว่าต่อมไทรอยด์มีการสร้างฮอร์โมนเพิ่มขึ้นหรือไม่
แยกก้อนที่ต่อมไทรอยด์ว่าเป็นHot nodule หรือ Cold nodule

Hot nodule หมายถึงก้อนที่ต่อมไทรอยด์ที่มีการสร้างฮอร์โมนสูง มักจะไม่เป็นมะเร็ง ส่วนCold nodule มีโอกาศเป็นมะเร็งร้อยละ 5 มะเร็งต่อมไทรอยด์ส่วนใหญ่เป็น Cold nodule

3. Needle aspirate เป็นการใช้เข็มเจาะเนื้อไทรอยด์และดูดเอาเนื้อไทรอยด์ส่งตรวจทางกล้องจุลทัศน์เพื่อตรวจชิ้นเนื้อว่าเป็นมะเร็ง หรือคอพอกเป็นพิษ หรือเป็นซีต
4. การตรวจ ultrsound เพื่อตรวจดูว่าก้อนไทรอยด์นั้นเป็นก้อนเนื้อ หรือเป็น cyst

โรคไทรอยด์ชนิดอ้วน – ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย ( Hypothyroid )

เป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนออกมาน้อย ทำให้ร่างกายเกิดอาการของการขาดฮอร์โมนไทรอยด์ ต่อมใต้สมอง [pituitary gland] จะสร้างฮอร์โมนที่เรียกว่า Thyroid stimulating hormone [TSH] ออกมาเพื่อกระตุ้นต่อมไทรอยด์ทำงานมากขึ้น ต่อมไทรอยด์จึงมีขนาดโตขึ้นที่เรียกว่าคอพอก goiter

สาเหตุ

-เกิดจากการอักเสบของต่อมไทรอยด์ thyroiditis
-เกิดจากการผ่าตัดต่อมไทรอยด์มากเกินไป
-เกิดจากการใช้น้ำแร่รักษาต่อมไทรอยด์เป็นพิษ
-อาการของต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย

อาการของผู้ป่วยเกิดจากการที่ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยร่างกายก็มีการเผาผลาญน้อย ผู้ป่วยที่เป็นไม่มากอาจจะไม่มีอาการอะไร หากไม่รักษาโรคจะเป็นมากขึ้นจนเกิดอาการของต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย คือ

-อ่อนเพลีย
-ผิวหยาบและแห้ง ผิวซีด และผมแห้ง
-อมรมณ์ผันผวน
-ขี้ลืม
-น้ำหนักเพิ่ม
-กลืนลำบาก
-ขี้หนาว
-เบื่ออาหาร

กลุ่มอาการ Subclinical Hypothyroidism

เป็นภาวะที่พบได้บ่อยเป็นภาวะที่พบว่าค่า TSH สูง โดยที่ค่า T3 T4 มีค่าปกติโดยที่ไม่มีอาการ การตัดสินใจรักษาจะต้องพิจารณาให้รอบครอบเพราะหากรักษาจะต้องรักษาตลอดชีพ

การวินิจฉัยโรค

โดยการเจาะเลือดตรวจหาฮอร์โมนของต่อมธัยรอยด TSH T3 T4 จะพบว่าค่า T4 ปกติหรือต่ำ แต่ค่า TSH จะสูงเป็นการยืนยันการวินิจฉัย

การรักษา

โดยการให้ thyroid hormone ตลอดชีวิต โดยต้องเริ่มให้ขนาดน้อยแล้วปรับยาจนกระทั่งค่า T4 และ TSH อยู่ในเกณฑ์ปกติ

ไม่ควรเปลี่ยนยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
ควรตรวจหาระดับ TSH เป็นระยะเพื่อปรับยาไทรอยด์

หากการวินิจฉัยไม่ผิดพลาดท่านจะต้องรับประทานยาไปตลอดชีวิต ไม่ควรหยุดยาเองแม้ว่าท่านจะป่วยจากโรคอื่น

โรคไทรอยด์ชนิดผอม – ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroid คอพอกเป็นพิษ)

หมายถึงภาวะที่ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนออกมามากกว่าปกติทำให้เกิดอาการของภาวะฮอร์โมนเกินร่างกา ยมีการเผาผลาญอาหารมากเกินไป

สาเหตุสำคัญของโรคคอพอกเป็นพิษ

-โรค Grave’s disease เกิดภาวะที่มีภูมิของร่างกายมีการกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้สร้างฮอร์โมนออกมามาก ผู้ป่วยจะมีต่อมไทรอยด์โต

-โรค Multinudular toxic goiter หมายถึงภาวะที่ก้อน [nodule] ในต่อมไทรอยด์ทำงานสร้างฮอร์โมนเพิ่มขึ้น อาจจะเป็นก้อนเดียว หรือหลายก้อน

-Thyroiditis เป็นการอักเสบของต่อมไทรอยด์ ช่วงแรกของการอักเสบจะมีอาการของคอพอกเป็นพิษ แต่ระยะหลังจะเป็นต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย

ผู้ป่วยคอพอกเป็นพิษจะมีอาการอะไรบ้าง

-อารมณ์แปรปรวน
-นอนไม่หลับ
-กล้ามเนื้ออ่อนแรง
-ตาโปน
-มือสั่น
-ใจสั่น เหนื่อยง่าย
-คอพอก
-ประจำเดือนผิดปกติ
-ขี้ร้อน
-น้ำหนักลดแม้ว่าจะรับประทานอาหารได้ดี

การวินิจฉัย

เจาะเลือดตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ พบว่าค่า T3 หรือ T4 สูงและค่า TSH ต่ำ
ทำไทรอยด์สแกน เพื่อดูสภาพต่อมไทรอยด์ว่าโตทั้งต่อมหรือไม่ มีก้อนหรือไม่ หรือเป็นต่อมไทรอยด์อักเสบ

การรักษา

การรักษามีได้หลายวิธีแพทย์จะพิจารณาจาก อายุ เพศ สภาพของผู้ป่วย ชนิดของคอกพอกเป็นพิษ ความรุนแรงของโรค การรักษามีได้ 3 วิธีคือ

-การรับประทานยาเพื่อลดการสร้างฮอร์โมน เช่นยา PTU ,Methimazole
-การรับประทานน้ำแร่ radioactive iodine เมื่อรับประทานน้ำแร่ซึ่ง iodine ที่มีรังสีจะทำลายเนื้อต่อมไทรอยด์ แพทย์จะคำนวณขนาดยาที่เหมาะสม
-การผ่าตัด ปัจจุบันการผ่าตัดมีความนิยมลดลงไปมาก โดยเลือกกับผู้ป่วยบางราย เช่น เด็ก วัยรุ่น หรือหญิงตั้งครรภ์ที่มีปัญหาในการรักษา หรือผู้ที่มีต่อมโตมาก มีอาการทางตารุนแรง หรือมีก้อนในต่อม

ยาอื่นๆได้แก่กลุ่ม betablockerเช่น propanolol,atenolol,metoprolol เพื่อลดอาการของโรค

ได้ทำความรู้จักกัน โรคไทรอยด์ ทั้งสองชนิดกันไปแล้วนะคะ จริงๆแล้วโรคไทรอยด์ไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง แต่แค่ต้องดูแลตัวเองตลอดเวลา ท่านผู้อ่านลองสังเกตอาการของตัวเองดูว่ามีความผิดปกติและมีอาการเหมือนดังที่กล่าวมาไหม ถ้าสงสัยให้รีบไปตรวจที่โรงพยาบาลทันทีเลยนะคะ เพื่อที่เราจะได้รักษาอย่างทันท่วงที

แต่ในปัจุบันมีทางเลือกอีกช่องทางคือการดื่มยาสมุนไพร เพื่อป้องกันหรือรักษาได้ แนะนำ โกเรจินส์ ดี 9 พลังมหัศจรรย์
จากธรรมชาติ
สนใจโทร 0808968695
0816662409
กุศล วงค์วรรณ

ถ้าคุณ!!มีอาการง่วงทุกที่ทุกเวลาเช็คด่วน!! ก่อนจะสายภัยร้ายจากไทรอยด์9 อาการ สัญญาณ อันตราย!!1. อ่อนเพลียเหนื่อยง่ายใจสั...
29/10/2017

ถ้าคุณ!!มีอาการง่วงทุกที่ทุกเวลา
เช็คด่วน!! ก่อนจะสายภัยร้ายจากไทรอยด์
9 อาการ สัญญาณ อันตราย!!
1. อ่อนเพลียเหนื่อยง่ายใจสั่น
2. ผมร่วงเยอะมากนอนไม่หลับ
3. รู้สึกง่วงตลอดเวลา
4. ประจำเดือนมาไม่ปกติ
5. อ้วนขึ้นหรือผอมลงอย่างผิดสังเกต
6. รู้สึกหนาวตลอดเวลา
7. สายตาพร่ามัว
8.หงุดหงินง่าย
9.อารมณ์แปรปวน
-----------------------------------------------------
หากท่านมีอาการเหล่านี้
สอบถามหรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ชุดดูแลไทรอยด์ได้ที่ โทร. 080-896-8695
081-666-2409(ศล)
หรือคลิกลิงค์ด้านล่างนี้เพื่อสอบถามเพิมเต็ม
"ชมรมไทรอยด์"
https://line.me/R/ti/p/%40hyn7603v

9.พลังมหัสศจรรย์จากธรรมชาติ   ที่สามารถช้วยคุณจากโรค   ต่างๆได้ ผลิตภันฑ์โกเรจินส์ ดี ผลาน9พลังอันทรงคุณค้าจากธรรมชาติเพ...
28/10/2017

9.พลังมหัสศจรรย์จากธรรมชาติ
ที่สามารถช้วยคุณจากโรค
ต่างๆได้
ผลิตภันฑ์โกเรจินส์ ดี ผลาน9พลังอันทรงคุณค้าจากธรรมชาติเพื่อสุขภาพ และผิวพรรณสวยเปล่งปลั่งขาวเนียน
สดใสจากภายในสู่ถายนอก โกเรจินส์
ดี ได้รวมสิ่งดีๆระดับโลกเข้าด้วยกัน
ทำให้ประสิทธิภาพโกเรจินส์ ดีเห็นผล
ได้อย่างรวดเร็วในผู้ที่มีปัญหาด้านสุข
ภาพและยังช่วยบำรุงรางกายสำหรับผู้
ที่ต้องการดูแลสุขภาพทั่วๆไป
โกเรจินส์ ดี ช้วยอะไรกับร่างกายเรา
1.ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส
2.ช่วยเสริมภูมิต้านทาน เพิ่มเม็ดเลือด-
ขาว
3.ช่วยดูแลเส้นเลือดในสมองไม่ให้แตก-
งาย
4.ช่วยแก้ปัญหาระบบทางเดินหายใจ
5.ช่วยลดสารอนุมูลอิสระ สาเหตุโรค-
มะเร็ง
6. ช่วยชะลอความแก่ ป้องกันโรค
7. ช่วยลดการสร้างเมลานิน สาเหตุของ
การเกิดฝ้ากระ
8. ช่วยเสริมสร้าง การทำงาน ของคอล
ลาเจน
9. ช่วยขับล้างสารพิษออกจาก ร่างกาย
10. ช่วยดูแลตับ และไต ป้องกัน โรค
ภูมิแพ้
11. ช่วยให้ผ่อนคลาย ทำให้หลับ สนิท
12. ช่วยเพิ่มความ ยืดหยุ่น ของผนัง
หลอดเลือด
13. ช่วยปรับสมดุล ดูแล การเต้น
ของหัวใจ
14. ช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพ การทำงาน
ของสมอง
15. ช่วยปรับสมดุล และลดน้ำตาล ใน
เลือด
16. ช่วยลดปัญหา การเสื่อม สภาพต่างๆ
ของร่างกาย
17. ช่วยแก้ปัญหา ไมเกรน ลดการปวด
ศรีษะ อ่อนเพลีย
18. ซ่อมแซม ส่วนที่สึกหรอ ของร่างกาย
เช่น ปอด ตับ ไต หัวใจ ม้าม
สนใจสั่งซื้อ ผลิตภัณฑ์ โกเรจินส์ดี
หรือปรึกษา เกี่ยวกับ โรคต่างๆ
โทร 081 666 2409
080 896 8695
ชมรมไทรอยด์ คุณกุศล
หรือ หรือคลิกด้านล่าง นี้
https://line.me/R/ti/p/%40hyn7603v

ถ้าคุณ!!มีอาการง่วงทุกที่ทุกเวลาเช็คด่วน!! ก่อนจะสายภัยร้ายจากไทรอยด์9 อาการ สัญญาณ อันตราย!!1. อ่อนเพลียเหนื่อยง่ายใจสั...
28/10/2017

ถ้าคุณ!!มีอาการง่วงทุกที่ทุกเวลา
เช็คด่วน!! ก่อนจะสายภัยร้ายจากไทรอยด์
9 อาการ สัญญาณ อันตราย!!
1. อ่อนเพลียเหนื่อยง่ายใจสั่น
2. ผมร่วงเยอะมากนอนไม่หลับ
3. รู้สึกง่วงตลอดเวลา
4. ประจำเดือนมาไม่ปกติ
5. อ้วนขึ้นหรือผอมลงอย่างผิดสังเกต
6. รู้สึกหนาวตลอดเวลา
7. สายตาพร่ามัว
8.หงุดหงินง่าย
9.อารมณ์แปรปวน
-----------------------------------------------------
หากท่านมีอาการเหล่านี้
สอบถามหรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ชุดดูแลไทรอยด์ได้ที่ โทร. 080-896-8695
081-666-2409(ศล)
หรือคลิกลิงค์ด้านล่างนี้เพื่อสอบถามเพิมเต็ม
"ชมรมไทรอยด์"
https://line.me/R/ti/p/%40hyn7603v

โรคไทรอยด์ โรคที่เกิดจากอาการผิดปกติของต่อมไทรอยด์ มีอาหารอะไรบ้างที่ควรเลี่ยง มีอาหารอะไรบ้างที่ควรทาน มาดูกันเลย      ...
28/10/2017

โรคไทรอยด์ โรคที่เกิดจากอาการผิดปกติของต่อมไทรอยด์ มีอาหารอะไรบ้างที่ควรเลี่ยง มีอาหารอะไรบ้างที่ควรทาน มาดูกันเลย

ไทรอยด์ ต่อมไร้ท่อที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกาย หากมีการทำงานผิดปกติอาจทำให้เกิดโรคไทรอยด์เป็นพิษ หรือโรคขาดไทรอยด์ได้ ซึ่งถ้าเป็นโรคเหล่านี้แล้ว ต้องเข้ารักษาด้วยการพบแพทย์ แต่นอกเหนือจากการพบแพทย์ การควบคุมหรือหลีกเลี่ยงอาหารต่าง ๆ ที่ไปทำให้โรคไทรอยด์แย่ลงก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่คนส่วนมากเลือกปฏิบัติ วันนี้เราจึงนำอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงของผู้ป่วยโรคไทรอยด์เป็นพิษและโรคขาดไทรอยด์มาฝากกันค่ะ แต่ก่อนอื่นเรามารู้จักหน้าที่และการทำงานของต่อมไทรอยด์สักหน่อย
ไทรอยด์ เป็นต่อมไร้ท่อขนาดใหญ่ที่สุดของร่างกาย อยู่บริเวณส่วนหน้าของลำคอ มีหน้าที่สร้างฮอร์โมน โดยใช้ไอโอดีนจากอาหารเราที่กินเข้าไป และยังทำหน้าที่หลั่งไทรอยด์ฮอร์โมนออกมาสู่กระแสเลือด เพื่อควบคุมการเผาผลาญของร่างกาย อุณหภูมิของร่างกาย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ระดับไขมันในเลือด ควบคุมการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมอง รวมทั้งอารมณ์และความรู้สึก ให้เป็นไปอย่างเหมาะสมด้วย

หากต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติสามารถส่งผลให้เป็นโรคไฮเปอร์ไทรอยด์หรือไทรอยด์เป็นพิษ และโรคไฮโปไทรอยด์หรือโรคขาดไทรอยด์ฮอร์โมนได้ ซึ่งหากป่วยขึ้นมา จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องควบคุมอาหารเพื่อไม่ให้อาการแย่ลง แต่โรคทั้งสองก็มีอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงต่างกัน ดังนี้

* ป่วยไทรอยด์เป็นพิษ (ไฮเปอร์ไทรอยด์) ห้ามกินอะไร

ไทรอยด์เป็นพิษหรือไฮเปอร์ไทรอยด์ เกิดจากความผิดปกติที่ทำให้เนื้อเยื่อไทรอยด์ทำงานมากเกินปกติ ทำให้มีการสร้างฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์มากขึ้น และทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติไปด้วย จะมีอาการผอมลง หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น ร้อนง่าย เหงื่ออกเยอะ อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย และนอนไม่ค่อยหลับ ซึ่งควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์เพิ่ม ดังนี้

1. อาหารที่มีไอโอดีน สังกะสี และซีลีเนียมสูง

โรคไทรอยด์

ไอโอดีน สังกะสี ซีลีเนียมที่พบได้มากในอาหารทะเล ปลา เนื้อวัว เครื่องในสัตว์ กระเทียม เห็ด เมล็ดทานตะวัน ถั่วเหลือง และธัญพืชต่าง ๆ เป็นสารอาหารสำคัญที่ต่อมไทรอยด์จะนำไปใช้ผลิตฮอร์โมน ซึ่งผู้ป่วยไฮเปอร์ไทรอยด์ หรือไทรอยด์เป็นพิษเป็นผู้ป่วยที่มีฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกายเกินความจำเป็นอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ควรบริโภคอาหารที่มีไอโอดีน สังกะสี และซีลีเนียมสูง เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนเพิ่มขึ้นอีก

2. นมและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม

โรคไทรอยด์

นมและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมส่งผลกระทบต่อต่อมไทรอยด์คล้าย ๆ กับเกลือเสริมไอโอดีนเลยค่ะ เพราะนมก็สามารถกระตุ้นให้มีการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์เพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากในนมเต็มไปด้วยไอโอดีนและซีลีเนียมที่เป็นส่วนสำคัญต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ หากทานเข้าไปมาก ๆ ก็จะไปกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานเพิ่มขึ้น จนมีอาการแย่ลงได้

3. แอลกอฮอล์และคาเฟอีน

โรคไทรอยด์

หลาย ๆ คนคงรู้อยู่แล้วว่าเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์อย่าง ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง เหล้า และเบียร์เป็นสิ่งไม่ดีต่อร่างกาย โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยไฮเปอร์ไทรอยด์ เพราะคาเฟอีนและแอลกอฮอล์สามารถทำให้การทำงานของต่อมไทรอยด์ไม่คงที่ได้ แถมแอลกอฮอล์และคาเฟอีนถือเป็นเครื่องดื่มที่เป็นสิ่งเร้า ซึ่งผู้ป่วยไฮเปอร์ไทรอยด์ไม่ควรได้รับอาหารที่ไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์เพิ่ม เพราะมีฮอร์โมนไทรอยด์ที่มากเกินไปอยู่แล้ว ดังนั้นผู้ป่วยไฮเปอร์ไทรอยด์จึงควรงดแอลกอฮอล์และคาเฟอีน แล้วหันมาดื่มพวกน้ำสมุนไพร เช่น ตะไคร้ ขิง ดอกคำฝอย แทนค่ะ

4. ไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ

โรคไทรอยด์

ผู้ป่วยไทรอยด์ไม่ควรบริโภคไขมันต่าง ๆ ที่ไม่ดีต่อสุขภาพอย่าง ไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ ที่สามารถพบได้มากในคุกกี้ เค้ก เฟรนช์ฟรายส์ เพราะไขมันพวกนี้สามารถทำให้ต่อมไทรอยด์มีอาการอักเสบเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรหันมาบริโภคไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพแทน ซึ่งพบมากในปลาทะเล และ ปลาน้ำจืดบางชนิด

5. อาหารที่กินแล้วแพ้

โรคไทรอยด์

แน่นอนว่าหากบริโภคอาหารที่แพ้เข้าไปจะทำให้อาการไฮเปอร์ไทรอยด์แย่ลงได้ แต่ปัญหาใหญ่คือบางคนไม่ทราบว่าตัวเองแพ้อะไร ซึ่งส่วนมากอาหารที่คนแพ้มักจะเป็นนม ไข่ ข้าวสาลี ถั่ว ถั่วเหลือง ปลา สัตว์น้ำที่มีเปลือกหุ้มและหอย ทางที่ดีควรไปตรวจกับแพทย์ในแน่ชัด เพื่อจะได้ไม่ต้องเสี่ยงไปกระตุ้นโรคไฮเปอร์ไทรอยด์ค่ะ

นอกจากหลีกเลี่ยงอาหารต้องห้ามเหล่านี้แล้ว ผู้ป่วยไฮเปอร์ไทรอยด์ควรทานอาหารที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่ ผ่านการปรุงแต่งน้อย อย่างข้าวกล้อง แป้งไม่ขัดขาว เพราะจะคงคุณค่าของสารอาหารไว้มาก ทานผักผลไม้เยอะ ๆ โดยเฉพาะกล้วย เพราะในกล้วยมีสารช่วยลดแลคติก เอซิด(Lactic Acid) ที่ช่วยลดอาการเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคไทรอยด์ รวมทั้งยังควรเนื้อสัตว์ประเภทโปรตีนไขมันต่ำ เช่น อกไก่ เนื้อปลา เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพราะผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษมักจะมีความรู้สึกอยากอาหาร แต่ทานเท่าไหร่น้ำหนักก็ไม่ค่อยขึ้น การทานโปรตีนไขมันต่ำจะช่วยให้อิ่มอยู่ท้องได้นานขึ้น

++++++++++++

* ป่วยไฮโปไทรอยด์ ห้ามกินอะไร

ไฮโปไทรอยด์ เป็นภาวะขาดฮอร์โมนต่อมไทรอยด์เนื่องจากมีการทำงานของไทรอยด์ต่ำ หรือไม่มีต่อมไทรอยด์ สาเหตุอาจเกิดจากการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ไป หรือมีอาการไทรอยด์อักเสบแบบ Hashimoto’s thyroiditis ซึ่งเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง (autoimmune disorder) ชนิดหนึ่ง ทำให้ผลิตไทรอยด์ฮอร์โมนออกมาได้น้อย โดยจะมีอาการหนาวง่าย ท้องผูก ประจำเดือนมาผิดปกติ ปวดกล้ามเนื้อ เฉื่อย ช้า ผิวแห้ง และมีอาการซึมเศร้า ซึ่งคนที่ป่วยเป็นโรคไฮโปไทรอยด์ควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้

1. ถั่วเหลือง

โรคไทรอยด์

จริง ๆ แล้วประเด็นที่ว่าผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์ทานถั่วเหลืองได้ไหมยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่พอสมควรค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์แบบองค์รวม เคยออกมาเตือนว่า ผู้ที่เป็นโรคไฮโปไทรอยด์ ไม่ควรรับประทานถั่วเหลืองหรืออาหารเสริมที่มีสารอาหารจากถั่วเหลืองเป็นส่วนประกอบ เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ซึ่งอาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ อาทิ ไทรอยด์ทำงานช้าลง

แต่ทว่าก็มีงานวิจัยจากหลายแห่งพบว่า การทานถั่วเหลืองอาจไม่ได้กระทบต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ก็เป็นได้ เพราะยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าสารในถั่วเหลืองส่งผลต่อโรคไทรอยด์ จึงทำให้ผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์สามารถทานถั่วเหลืองได้ แต่อย่างไรก็ตามถ้าจะทานถั่วเหลืองจริง ๆ ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมไม่มากเกินไปจะดีที่สุดค่ะ

2. ผักตระกูลกะหล่ำ

โรคไทรอยด์

ผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์ไม่ควรรับประทานผักตระกูลกะหล่ำ ทั้ง กะหล่ำปลี ผักกาดขาว บรอกโคลี คะน้า และหัวไชเท้า เนื่องจากพืชเหล่ามีสารกอยโตรเจน (goitrogen) ที่เป็นตัวไปขวางการจับไอโอดีนของต่อมไทรอยด์ เพื่อสร้างฮอร์โมนไทรอกซิน (thyroxin) ซึ่งจะทำให้เกิดคอหอยพอกนั่นเอง

อย่างไรก็ตามผักกระกูลกะหล่ำก็ยังมีประโยชน์อื่น ๆ และสามารถช่วยยับยั้งมะเร็งได้ เราจึงมีความจำเป็นต้องกินผักตระกูลนี้อยู่บ้าง ซึ่งวิธีที่จะทำให้เรากินผักตระกูลนี้ได้อย่างปลอดภัยก็คือต้องนำไปต้มให้สุกค่ะ เพราะการต้มจะทำให้สารพิษต่าง ๆ หายไปได้ ดังนั้นหากจะกินควรต้มให้สุก และห้ามกินแบบดิบ ๆ เด็ดขาดนะคะ

3. ชาและกาแฟ

โรคไทรอยด์

มีการศึกษาพบว่ายารักษาไทรอยด์จะไม่มีประสิทธิภาพ หากผู้ป่วยกินยาแล้วดื่มชาหรือกาแฟตามทันที เพราะในกาแฟมีคาเฟอีน ซึ่งคาเฟอีนมีฤิทธิ์ที่สามารถไปขัดขวางการดูดซึมของฮอร์โมนไทรอยด์ได้ แพทย์จึงแนะนำว่าหลังกินยารักษาไทรอยด์เสร็จ ควรรออย่างน้อยครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยกินกาแฟ หรือทางที่ดีควรงดพวกชา กาแฟแล้วหันไปดื่มพวกน้ำสมุนไพรแทนจะดีที่สุด

4. แอลกอฮอล์

โรคไทรอยด์

แอลกอฮอล์นอกจากจะไปกระตุ้นการการทำงานของต่อมไทรอยด์ ซึ่งไม่ดีต่อผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษแล้ว ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ยังไม่ดีต่อผู้ป่วยโรคขาดไทรอยด์เช่นกันค่ะ เพราะแอลกอฮอล์สามารถไปยับยั้งการผลิตฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ ทำให้มีอาการขาดฮอร์โมนไทรอยด์ และยังมีฤทธิ์ทำให้ฮอร์โมนไทรอยด์ไม่สมดุลกันด้วย ว่าแล้วผู้ป่วยที่เป็นโรคไทรอยด์จึงควรรับประทานแอลกอฮอล์ในปริมาณน้อย หรือถ้าเป็นไปได้ควรงดแอลกอฮอล์จะดีที่สุดค่ะ

5. กลูเตน

โรคไทรอยด์

จริง ๆ แล้วผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์สามารถทานอาหารที่มีกลูเตน อย่างเช่น ข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ได้โดยไม่มีผลกระทบอะไรต่อสุขภาพ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่แพ้กลูเตนอยู่แล้ว ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้ไว้ด้วยค่ะ เพราะกลูเตนสามารถไปทำลายระบบการทำงานของลำไส้เล็ก และขัดขวางการดูดซึมยารักษาต่อมไทรอยด์ อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงโรคฮาชิโมโต ซึ่งเป็นภาวะที่ไทรอยด์ฮอร์โมนพร่องไป หรือแม้แต่อาจทำให้เกิดโรคคอพอกหรือไทรอยด์เป็นพิษที่ทำให้ไทรอยด์ฮอร์โมนผลิตออกมามากเกินไปได้อีก ฉะนั้นถ้าหากคุณแพ้กลูเตนควรหันมาบริโภคพวกอาหารที่ปราศจากกลูเตนแทนจะดีที่สุด

6. อาหารแปรรูป

โรคไทรอยด์

ผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์ต้องการไอโอดีนมาช่วยเพิ่มฮอร์โมนไทรอยด์ให้เป็นปกติ แต่ในอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก กุนเชียง อาหารกระป๋อง เป็นอาหารที่แทบจะไม่มีเกลือไอโอดีนเลย ส่วนมากจะมีแต่เกลือโซเดียมเท่านั้น จึงไม่เหมาะที่จะให้ผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์ทานสักเท่าไหร่ อีกทั้งอาหารที่มีโซเดียมสูงยังสามารถทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงได้ แล้วยิ่งผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์ที่มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ถ้าได้รับสารโซเดียมมาก ๆ ก็ยิ่งไปกระตุ้นทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ง่ายค่ะ

7. อาหารไขมันเยอะ

โรคไทรอยด์

ผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่ทานแล้วอ้วน อย่างอาหารฟาสต์ฟู้ด เนย มาการีน เพราะสารในอาหารพวกนี้จะไปรบกวนการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ และขัดขวางการดูดซึมยารักษาไทรอยด์ของผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์ได้

8. อาหารที่มีน้ำตาลสูง

โรคไทรอยด์

โรคไฮโปไทรอยด์สามารถทำให้ระบบเมตาบอลิซึมหรือกระบวนการเผาผลาญของร่างกายทำงานช้าลงได้ ดังนั้นผู้ป่วยไทรอยด์จึงควรหลีกเลี่ยงการการทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง เพราะในอาหารที่มีน้ำตาลสูงมีแคลอรีเยอะ ร่างกายจะเผาผลาญออกได้ช้าและจะสะสมเป็นไขมันในร่างกาย ก่อให้เกิดโรคอ้วนตามมาได้ง่ายกว่าคนปกติ นอกจากนี้หากผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์ทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงยังทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ยากขึ้น จนอาจส่งผลให้เป็นเบาหวานได้ด้วย

ส่วนอาหารที่ผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์ควรรับประทานคืออาหารที่มีไอโอดีนมาก ๆ เช่น ปลา อาหารทะเล สาหร่าย ไข่ และนม เพราะต่อมไทรอยด์จะผลิตฮอร์โมนจากไอโอดีนที่เรากินเข้าไป เมื่อเรามีไอโอดีนมากพอจึงช่วยทำให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนจนกลับมาสมดุลเป็นปกติได้

อย่างไรก็ตามนอกจากหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ควรทาน และเลือกทานแต่อาหารที่ดีแล้ว อย่าลืมทานยาหรือเข้ารับการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์ด้วยนะคะ เพราะแค่ควบคุมอาหาร อาจไม่สามารถทำให้หายจากโรคไทรอยด์ได้ค่ะ
ขอข้อมูลปรึกษา080-8968695
081-666-240-9

ที่อยู่

Bangkok
10510

เบอร์โทรศัพท์

0808968695

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ชมรมไทรอยด์ คุณกุศลผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ชมรมไทรอยด์ คุณกุศล:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram