Run Along Now วิ่งตามโลก

Run Along Now วิ่งตามโลก ออกกำลัง-กิน-นอน-ไม่เครียด เพื่อชีวิตที่มีคุณภาพ Keep it simple

11/12/2025

สุขอนามัยของการนอน,
ถ้าหลับยาก ทำอย่างไรให้หลับ?

1068.จดหมายข่าวรายเดือน จาก Huberman Lab Neural Network1/+ ในซีรีส์แขกรับเชิญกับ ดร. Matthew Walker เราอธิบายวิธีการกำหน...
10/12/2025

1068.

จดหมายข่าวรายเดือน จาก Huberman Lab Neural Network

1/
+ ในซีรีส์แขกรับเชิญกับ ดร. Matthew Walker เราอธิบายวิธีการกำหนดความต้องการการนอนของคุณ sleep needs และวิธีพัฒนาคุณภาพการนอน sleep quality

+ จดหมายข่าวนี้ เน้น โปรโตคอล protocols 😊 ขั้นตอนแบบเป็นระบบที่ผ่านการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์) สำคัญจากเอพิโสดเหล่านั้น ที่ช่วยเพิ่มความสามารถของคุณในการ
• หลับให้ได้ง่ายขึ้น fall asleep
• นอนต่อเนื่อง stay asleep และ
• เพิ่มคุณภาพโดยรวมของการนอน overall sleep quality

2/
ปัจจัยพื้นฐานของการนอน Sleep Fundamentals: QQRT
Q = Quantity (ปริมาณ)
+ คือ จำนวนชั่วโมงการนอนรวมทั้งหมด ผู้ใหญ่ทั่วไปต้องการการนอน 7–9 ชั่วโมง
+ เพื่อให้เพียงพอทั้ง หลับลึก deep sleep และ หลับฝัน REM sleep (ช่วงที่สมองทำงานสูง ใช้ฟื้นฟูสมอง)

Q = Quality (คุณภาพ)
+ คือ ความต่อเนื่อง และ โครงสร้างของการนอน
+ การตื่นบ่อย ถึงแม้ว่าคุณจะจำไม่ได้ ถือเป็นคุณภาพการนอนที่ไม่ดี
+ เครื่องวัดการนอนแบบสวมใส่จะประเมิน sleep efficiency (ประสิทธิภาพการนอน = เวลาที่หลับจริง ÷ เวลาที่อยู่บนเตียง) ค่า ≥ 85% ถือว่าเป็นเป้าหมายที่ดี
*Orthosomnia ออร์โธซอมเนีย: ความกังวลเกินเหตุเกี่ยวกับ “คะแนนการนอน” ในอุปกรณ์ จนทำให้นอนไม่ดี

R = Regularity (ความสม่ำเสมอ)
+ การนอนและตื่นเวลาเดิมทุกวัน → ทำให้นาฬิกาชีวภาพ circadian rhythm คงที่
ตั้งเป้าเวลาเข้านอน–ตื่น ช้า/เร็ว ต่างกันไม่เกิน ± 30 นาที
+ การมี “ตั้งเตือนก่อนเวลาเข้านอน bedtime alarm” เป็นอีกวิธีช่วยให้สม่ำเสมอได้ง่าย

T = Timing (จังหวะเวลาการนอน)
+ ควรสอดคล้องกับ chronotype (โครโนไทป์ = ลักษณะธรรมชาติของมนุษย์ว่าเป็นคนนอนเช้า-นอนดึก)
• ใช้แบบสอบถาม Morningness–Eveningness Questionnaire (MEQ) เพื่อประเมิน
• นอนผิดเวลา → คุณภาพการนอนลดลง

3/ ประเมินคุณภาพการนอนของคุณ Determine Your Sleep Quality
+ ถามตัวเองว่า
• ตื่นมารู้สึกสดชื่นไหม?
• หรือรู้สึกว่ายังนอนได้อีก?

+ ถ้ายังไม่สดชื่น → ส่วนถัดไปคือ สุขอนามัยการนอน Sleep hygiene ซึ่งช่วยปรับการนอนให้ดีขึ้น

4/ พื้นฐานสุขอนามัยการนอน Sleep Hygiene Basics

1- แสงและความมืด Light & Dark
+ Melatonin เมลาโทนิน = ฮอร์โมนทำให้ง่วง และช่วยบอก “เวลาเข้านอน”
• ความมืด = กระตุ้นเมลาโทนิน
• แสงจ้า (โดยเฉพาะตอนกลางคืน) = กดการหลั่งเมลาโทนิน → ไม่นง่วง

+ คำแนะนำ
• ลดความสว่างในบ้านตอนเย็น ใช้ไฟเตี้ยลง–โทนเหลือง/ส้ม/แดง
• ลดเวลาอยู่หน้าจอ หากต้องใช้ → ลดความสว่างและเพิ่ม warmth
• ใช้ blackout curtains หรือ eye mask
• ตอนเช้า → ออกไปรับแดด 10–15 นาที เพื่อยุติเมลาโทนินและตั้งนาฬิกาชีวภาพให้เริ่มวันใหม่
2- อุณหภูมิ Temperature
+ แกนกลางร่างกายต้องลดลงประมาณ 1°C ก่อนจะหลับได้ง่าย
+ วิธีช่วยได้:
• ห้องเย็นประมาณ 19°C
• ยื่นเท้าหรือมือออกจากผ้าห่ม
• อาบน้ำอุ่นก่อนนอน ช่วยให้ตัวเย็นลงหลังจากนั้น → หลับง่ายขึ้น
3- อาหารและเวลาที่กิน Food & Meal Timing
+ โดยทั่วไป
• กินก่อนนอน ~2 ชั่วโมง ไม่ค่อยมีผลเสีย
• แต่การกินใกล้เวลานอนมาก → เพิ่มความเสี่ยงกรดไหลย้อน
• อย่าให้อิ่มเกิน–หิวเกินก่อนนอน
• ลดน้ำดื่มช่วงก่อนนอนมากเกินไป → ลดการตื่นกลางคืน
4- คาเฟอีน Caffeine
+ คาเฟอีน → ไม่ลดความต้องการการนอน แต่ “หลอกสมองว่าตื่น”
+ Adenosine อะดีโนซีน = สารที่ทำให้ต้องการนอน → ถูกคาเฟอีนบล็อก → เมื่อหมดฤทธิ์จะเกิด “คาเฟอีนแครช”
+ คำแนะนำ
• เลี่ยงคาเฟอีนภายใน 8–10 ชั่วโมงก่อนนอน
• บางคนทนได้ ไม่แปลว่าจะไม่กระทบโครงสร้างการนอน เช่น REM
5- กิจวัตรผ่อนคลายก่อนเข้านอน Wind-Down Routine
+ ก่อนหยุดรถต้องชะลอ → ก่อนนอนสมองก็ต้อง “ชะลอ”
+ ควรทำกิจกรรมผ่อนคลาย ~ สมาธิ ~ เพลง ~ พอดแคสต์ ~ หนังสือ
+ หลีกเลี่ยง • ข่าว • โซเชียล• ออกกำลังกายหนัก
6- แอลกอฮอล์ Alcohol
+ แอลกอฮอล์ = ยากดประสาท ไม่ใช่ตัวช่วยการนอน
+ ดื่มแล้ว “หลับง่าย” แต่
• ทำลายโครงสร้างการนอน
• ทำให้นอนไม่ต่อเนื่อง

5/ ถ้าหลับยาก Trouble Falling Asleep?

1)- Walk It Out
+ หากนานกว่า 20–25 นาที → ลุกออกจากเตียง ทำสิ่งผ่อนคลาย
+ ป้องกันการเชื่อมโยงว่า “เตียง = นอนไม่หลับ”

2)- Do Nothing
+ คืนนอนไม่ดี → ห้าม
• ตื่นสาย
• เข้านอนเร็ว
• เพิ่มคาเฟอีนอน
• งีบเย็น
+ เพราะจะทำให้ circadian rhythm เสียไปอีก

3)- Mental Walk
+ จินตนาการว่า เดินในเส้นทางที่คุ้นเคย → เปลี่ยนโฟกัสจากความคิดฟุ้งซ่าน
งานวิจัยพบว่า ช่วยให้หลับเร็วกว่า “นับแกะ”

4)- งีบหลับตอนบ่าย Limit Daytime Naps
+ งีบ ≤ 20–30 นาที ห้ามเกินบ่ายกลางวัน
+ ถ้ายังไม่ดีขึ้น อาจมี sleep disorder เช่น
• สภาวะหยุดหายใจขณะหลับ Sleep apnea)
• นอนไม่หลับเรื้อรัง Insomnia
ควรพบผู้เชี่ยวชาญ

Cr : จดหมายข่าวรายเดือน จาก Huberman Lab Neural Network

10/12/2025

เข้าใจ “โรคหัวใจ” จากมุมมองเรื่อง
EZ water - น้ำสถานะที่ 4

1067.เข้าใจ “โรคหัวใจ” ด้วยมุมมองใหม่ๆ (Part 2)อ่าน เข้าใจ “โรคหัวใจ” ด้วยมุมมองใหม่ๆ (Part 1) จากโพสนี้https://m.facebo...
09/12/2025

1067.

เข้าใจ “โรคหัวใจ” ด้วยมุมมองใหม่ๆ (Part 2)

อ่าน เข้าใจ “โรคหัวใจ” ด้วยมุมมองใหม่ๆ (Part 1) จากโพสนี้
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1457711629695933&id=100063713287130

ตอนที่ ;
1. เรื่องราวของ LDL ไม่สอดคล้องกับความจริง
2. หลอดเลือดแดงได้รับการปกป้องโดย “น้ำที่ปรับโครงสร้าง Structured water“ หรือ EZ water
3. Plaque คือ “เนื้อเยื่อซ่อมแซม” ไม่ใช่ “ก้อนไขมันสะสม”
4. หัวใจวายคือ “ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด” ไม่ใช่ “ท่ออุดตัน”
5. ทำไม EZ water ถึงป้องกันได้ทั้ง 3 ปัจจัยที่ก่อให้เกิดลิ่มเลือด
6. อะไรทำลาย EZ water
7. อะไรสร้าง EZ water ให้แข็งแรง
8. ทำไมฮัสซีย์ถึงหัวใจวาย และเขาทำให้ plaque ถอยกลับได้อย่างไร

#ตอนที่ 5). น้ำแบบ EZ water ทำให้ “ตัวกระตุ้น 3 อย่างของการเกิดลิ่มเลือด clotting triggers” หมดฤทธิ์ได้อย่างไร

+ หัวใจสำคัญของสิ่งที่ Hussey ค้นพบ คือ EZ water ป้องกันตัวกระตุ้นทั้ง 3 อย่างที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดได้
อ่านเรื่อง EZ water จากโพสนี้
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1431455112321585&id=100063713287130
(1) EZ ป้องกัน การบาดเจ็บของ ชั้นผิวบุหลอดเลือด endothelial injury
+ เมื่อ ‘พลังงานแบบแผ่รังสี radiant energy’ เช่น แสงแดด, แสงอินฟราเรด ตกกระทบผิวด้านในของผนังหลอดเลือดแดง จะทำให้ =>

+ น้ำจะก่อตัวเป็นชั้น EZ ลักษณะคล้ายเจล ซึ่งผลักทุกอย่างออก exclude ยกเว้นไอออนขนาดเล็กมากๆ น้ำ EZ เป็นน้ำที่มีโครงสร้างเป็นระเบียบ และมีประจุเฉพาะ

+ ถ้า EZ ยังสมบูรณ์ องค์ประกอบในเลือดจะไม่สัมผัสผนังหลอดเลือดเลย
เมื่อไม่สัมผัส → ก็ไม่บาดเจ็บ → เท่ากับ ไม่เริ่มต้นกระบวนการเกิดลิ่มเลือด
(2) EZ ป้องกัน การไหลเวียนที่ถูกรบกวน หรือการคั่งนิ่ง disturbed / stagnant flow
+ EZ ไม่ได้แค่ป้องกัน - มันยัง ‘ทำให้ของไหลเคลื่อนที่ อีกด้วย

+ เมื่อ EZ ก่อตัว มันจะ ’แบ่งแยกประจุ‘ ออกจากกัน:
~ EZ จะมีประจุลบสูงมาก
~ ทำให้น้ำทั่วไปด้านข้างจะมีประจุบวกมากขึ้น (H⁺ เยอะ)
สิ่งนี้ทำให้เกิด “แรงดันไฟฟ้า” ที่ผลักน้ำให้เคลื่อนไปด้านหน้า

+ Pollack แสดงให้เห็นว่า:
~ น้ำเคลื่อนผ่านท่อที่ชอบน้ำ hydrophilic ได้โดยไม่ต้องมีปั๊ม
~ เลือดของตัวอ่อนลูกไก่ยังคงไหล แม้หัวใจหยุดเต้นแล้ว
~ การเพิ่มแสงอินฟราเรด ทำให้การไหลเพิ่มขึ้น ~300%
~ การบล็อคแสงอินฟราเรดทำให้การไหลหยุดลง

+ เมื่อ EZ พังลง: การไหลจะช้าลง → เวลาที่เลือดค้างอยู่จุดเดิมเพิ่มขึ้น → ยิ่งนาน ยิ่งจับตัวเป็นลิ่มได้ง่าย = ความเสี่ยงเป็นลิ่มเลือดสูงขึ้น
(3) EZ ป้องกัน ภาวะเลือดข้น-จับตัวง่าย hypercoagulable หรือ “เลือดเหนียว”
+ EZ จะก่อตัวบนพื้นผิวที่ชอบน้ำ hydrophilic surfaces ในเลือด:
~ เม็ดเลือดแดง (RBCs), ~ เกล็ดเลือด (platelets), ~ ไลโปโปรตีน (lipoproteins)

+ สิ่งนี้สร้าง แรงต่างศักย์ซีต้า zeta potential (ประจุลบแรงรอบๆ อนุภาคแต่ละชนิดในเลือด)
~ Zeta potential = ค่าแรงผลักไฟฟ้าระหว่างเซลล์/ อนุภาคในของเหลว
~ Zeta potential สูง → เซลล์ผลักกัน → ไม่เกาะกัน → ไม่เกิดลิ่มเลือดง่าย

+ ทำให้เซลล์จะผลักกันแทนที่จะจับตัวกัน, เม็ดเลือด RBC ไม่เรียงซ้อนกัน, เกล็ดเลือดไม่ถูกกระตุ้นก่อนเวลา

+ เมื่อ EZ เสื่อมลง: ความต่างศักย์ zeta potential ลดลง → เซลล์ติดกัน → เลือดเหนียว-ข้น จับตัวกันง่ายขึ้น hypercoagulable

#ตอนที่ 6). อะไรทำลายโครงสร้างน้ำแบบ EZ water และทำให้หลอดเลือดเปิดรับความเสียหายได้?

Hussey พูดตรงๆ เกี่ยวกับตัวกระตุ้นต้นน้ำ upstream trigger:
+ ภาวะเครียดออกซิเดชัน oxidative stress ทำลายน้ำเฟสที่ 4 EZ water ในหลอดเลือด, ทำลายผนังหลอดเลือดแดง, และ

+ ทำให้ ไนตริกออกไซด์ nitric oxide NO ลดลง ซึ่งสำคัญมากสำหรับ การส่งสัญญาณของระบบประสาทอัตโนมัติ ANS ไปยังหัวใจ

+ เขามองปัญหา เป็น “ความไม่สมดุล 3 เรื่อง”:
1). - ความไม่ยืดหยุ่นทางเมตาบอลิก metabolic inflexibility (เผาผลาญไขมันไม่ได้)
2) - ภาวะเครียดออกซิเดชัน oxidative stress
3) - ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ANS dysfunction
=> เขาเชื่อว่า 3 อย่างนี้ ’โดยเฉพาะเมื่อซ้ำเติมด้วย การขาดสารอาหาร nutrient deficiencies คือ สาเหตุรากฐานของโรคเรื้อรังส่วนใหญ่‘
1). ความไม่สมดุลเรื่องที่ 1 - ความไม่ยืดหยุ่นทางเมตาบอลิก Metabolic Inflexibility

+ หัวใจ “ชอบ” คีโตน ketones, ในงานทดลองหนึ่ง:
~ เมื่อระดับคีโตนต่ำกว่า 34 mg/100 ml, หัวใจถูก ’บังคับ‘ ให้เผาผลาญกลูโคสมากขึ้น
~ เมื่อคีโตนอยู่ที่ 34–80 mg/100 ml, หัวใจ ’เปลี่ยนไปใช้คีโตนเป็นหลัก‘ เมื่อมีคีโตนมากขึ้น การใช้เชื้อเพลิงอื่นลดลง 30–60%

+ ไขมันจากอาหารจะถูกบรรจุใน chylomicrons และส่งตรงไปยังหัวใจทางระบบน้ำเหลือง lymphatic system
*Chylomicron = ไมโครอนขนส่งไขมันจากลำไส้เข้าสู่ระบบน้ำเหลือง

+ หัวใจยังมี เส้นทางสัญญาณ ไปยังเซลล์ไขมันเพื่อร้อง ’ขอเชื้อเพลิงเพิ่ม‘ ได้ด้วย

+ ข้อสรุปของ Hussey:
~ “หัวใจชอบเผาผลาญคีโตน เพื่อให้มีเชื้อเพลิงแบบนี้ เราต้องลดคาร์โบไฮเดรตลงให้พอที่ร่างกายจะเรียนรู้การเผาผลาญไขมันแทน”
~ “ภาวะหัวใจวายที่ไม่มีการอุดตัน เกิดขึ้นเมื่อชุดของเหตุการณ์บังคับให้หัวใจต้องเผาผลาญกลูโคสเป็นหลัก และความไม่ยืดหยุ่นทางเมตาบอลิก metabolic inflexibility ทำให้เรื่องนี้เกิดง่ายขึ้น”

2). ความไม่สมดุลเรื่องที่ 2 - ภาวะเครียดออกซิเดชัน Oxidative Stress (ตัวทำลาย EZ)

+ ทุกอย่างที่ “แย่งอิเล็กตรอน steals electrons” ทำให้ EZ พัง มีอะไรบ้าง:
• ภาวะดื้ออินซูลิน Insulin resistance, การเผาผลาญที่พึ่งกลูโคสมาก chronic glucose-heavy metabolism, การเผาผลาญไขมันแย่ poor fat oxidation,
• สารที่เกิดจากการจับตัวของน้ำตาลกับโปรตีน AGEs - Advanced Glycation End Products ตัวการเริ่มต้นการเกิดหลอดเลือดตีบแม้ไม่มีคอเลสเตอรอล
• ภาวะลำไส้รั่วเข้าเลือด Endotoxemia จากลำไส้รั่ว/ โรคเหงือก/ รากฟัน
• โลหะหนัก Heavy metals: mercury (ทำให้ plaque หนาขึ้น 35%), lead, arsenic, cadmium, aluminum
• BPA (ทำให้รอยโรคใหญ่ขึ้น 104–120%)
• มลพิษจากอากาศ Air pollution, พิษจากยาฆ่าแมลง pesticides (glyphosate ทำให้ EZ หดตัวลง)
• การบริโภคน้ำมันพืช Seed oils
• ความเครียดเรื้อรัง Chronic stress
• นาฬิกาชีวภาพที่ถูกขัดจังหวะ Circadian disruption
• การได้รับแสงแดด/ แสง IR น้อย Low sunlight, lack of infrared
• การไม่สัมผัสพื้นดิน No grounding
• การรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามากไป EMF exposure (WiFi ลด EZ water 15–20%)

+ EPA / EMF / glyphosate / AGEs = สารเคมี-คลื่น ที่รบกวนสมดุลอิเล็กตรอน → EZ พัง

3). ความไม่สมดุลเรื่องที่ 3 - ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ANS Dysfunction (ระบบจัดการความเครียดเสียสมดุล)

+ ระบบประสาทอัตโนมัติที่ทำงานได้ไม่สมบูรณ์ เป็นเรื่องสำคัญมาก โดยมีตัวชี้วัดที่ดีที่สุดคือ HRV (Heart Rate Variability = ความแปรผันของอัตราการเต้นหัวใจ)

+ ในงานศึกษาพบว่า เหตุการณ์ที่หัวใจขาดเลือด ischemic events 95% เกิดขึ้น หลังจาก HRV หดตัวลงเกือบหมด ก่อนหน้านั้น

+ HRV เปลี่ยนก่อน ischemia จะเกิดขึ้น → บ่งชี้ว่ามัน “เป็นเหตุ” ไม่ใช่ ‘ผลตามมา’ ระบบประสาทของคุณ “เสียสมดุลก่อน” - ก่อนที่หัวใจจะล้มเหลว

#ตอนที่ 7). - อะไรบ้างที่สร้าง EZ Water และปกป้องหัวใจ?

+ ถ้าภาวะเครียดออกซิเดชัน และชีวิตยุคใหม่ ทำให้ EZ water พัง - การป้องกันต้องเริ่มจาก สร้าง EZ water ขึ้นมาใหม่ ด้วย 5 ข้อนี้ :
1)- พลังงานแผ่รังสี Radiant Energy ;

1.1 แสงแดดและอินฟราเรด : สร้างน้ำที่ปรับโครงสร้าง EZ water ในหลอดเลือด → ทำให้การไหลดีขึ้น → ความดันลดลง
1.2 ซาวน่า Sauna : เป็นการเลียนแบบ อินฟราเรดจากแสงแดด และ “ชาร์จ” EZ water
1.3 การต่อสายดิน “grounding” การสัมผัสหรือเชื่อมโยงร่างกายกับพื้นโลก : เชื่อมร่างกายกับประจุของโลก → ส่งเสริม EZ
1.4 การไปสัมผัสธรรมชาติ : ช่วยลดปัจจัยเครียดจากเมือง urban stressors
1.5 น้ำแร่-น้ำจากแหล่งธรรมชาติ : ให้ “substrate พื้นฐาน“ ที่ดีกว่าสำหรับการสร้าง EZ water
1.6 การจัดวิถีชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ circadian : เช่น เช้ารับแสงแดด + กลางคืนอยู่มืดๆ - ช่วยให้การซ่อมแซมผนังหลอดเลือด endothelium ผ่านการทำงานของเมลาโทนิน
2)- ลดภาวะเครียดออกซิเดชัน Oxidative Stress ;

2.1 จำกัดการใช้น้ำมันพืช seed oils ที่มีโอเมกา-6 (หรือไขมันที่ออกซิไดซ์ง่าย)
2.2 ลดคาร์บแปรรูป + หลีกเลี่ยง AGEs : เพราะ AGEs เพียงอย่างเดียว ก็เริ่มให้เกิด atherosclerosis ได้)
*AGEs = Advanced Glycation End Products สารที่เกิดจากการจับตัวของน้ำตาลกับโปรตีน ช่วยทำลายหลอดเลือด
2.3 รักษาลำไส้ให้แข็งแรง เพื่อลดภาวะลำไส้รั่ว endotoxemia (สารพิษ/เชื้อจากลำไส้รั่วเข้าเลือด)
2.4 รักษาโรคปาก-ฟัน เช่น โรคเหงือก, รากฟัน, ฟันผุลึก
2.5 ลดการสัมผัสสารพิษ: โลหะหนักทำให้ plaque หนาขึ้น, BPA ที่ทำให้รอยโรคใหญ่ขึ้น 104–120%
2.6 ใช้เกลือแร่ mineral salts แทนเกลือปรุงอาหารปกติ table salt
3)- ฟื้นฟูความยืดหยุ่นทางเมแทบอลิซึม Metabolic Flexibility ;

3.1 จำกัดคาร์โบไฮเดรตแปรรูป
3.2 ใช้ไขมันจากสัตว์ animal fats
3.3 รักษาอัตราส่วน Triglycerides ต่อ HDL ให้น้อยกว่า 1.5, และ HOMA-IR (ตัววัดความต้านทานอินซูลิน) ให้น้อยกว่า 1.5
* HOMA-IR = ตัวชี้วัดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
3.4 ใช้การงดอาหาร fasting เป็นเครื่องมืออย่างมีกลยุทธ์
3.5 หัวใจที่ใช้ไขมันและคีโตนเป็นเชื้อเพลิง จะมีเสถียรภาพกว่าหัวใจที่ถูกบังคับให้ใช้กลูโคสแต่อย่างเดียวที่เปราะบาง
4)- ปรับสมดุลระบบประสาทอัตโนมัติ (ANS) ;

+ ทำสมาธิ, สัมผัสธรรมชาติ, ใช้แสงอินฟราเรด, สัมผัสความเย็น, นอนให้พอเหมาะ, สร้างสัมพันธ์ทางสังคม, ต่อสายดินให้ร่างกาย grounding, รักษาลำไส้, กินโอเมกา-3 (ถ้าใช้), ลดการสัมผัสคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EMF), รับแสงแดด
+ แบบหายใจ: ประมาณ 5.5–6 ครั้งต่อนาที พร้อมการผ่อนลมหายใจยาว ช่วยให้ ANS สมดุลดีที่สุด
5)- การฝึกฝนอย่างถูกวิธี ;

+ นักวิ่งมาราธอน: บวม, สมรรถภาพลดลง, มีรอยแผลเป็น scar แม้ว่าจะวิ่งมามากกว่า 100 มาราธอน การเสียชีวิตของนักวิ่งมาราธอน: 93% มาจากหัวใจวาย
+ สิ่งที่แนะนำ:
~ ฝึก strength (ยกน้ำหนัก/ฝึกแบบมีแรงต้าน) 1–2 ครั้ง/สัปดาห์,
~ ฝึกแบบ short bursts (ระเบิดพลัง ความเข้มข้นสูงแต่สั้น) 1–2 ครั้ง/สัปดาห์,
~ ฝึกยืดเหยียด และโยคะ,
~ หลีกเลี่ยงการออกกำลังแบบความทนทานสูงต่อเนื่อง (endurance volume สูง เช่น อัลตร้ามาราธอน)
+ เมื่อ EZ แข็งแรง:
• ผนังหลอดเลือด endothelium ถูกปกป้อง,
• การไหลเวียนราบลื่น,
• เลือดแต่ละส่วนแยกกัน,
• การเกิดลิ่มเลือดทำได้ยาก

#ตอนที่ 8/. - ทำไม Hussey ถึงหัวใจวาย (และเขาย้อนคืนคราบพลัคได้อย่างไร)

+ Hussey ไม่รู้ ‘สาเหตุที่แน่นอน’ เขาเชื่อว่ามันคือ “พายุสมบูรณ์แบบ” (perfect storm = หลายปัจจัยเล็กๆ รวมกันจนเกิดเหตุใหญ่)
~ เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 (ความเสี่ยงสูงอยู่แล้ว แม้จะคุมด้วยอาหาร/ ออกกำลังกาย)
~ ภาวะขาดน้ำ (คิดว่า น้ำต้มกระดูก bone broth พอ)
~ ท้องผูก (คิดว่าเป็นเรื่องปกติ)
~ ความกังวลเรื่องโควิด-19
~ เหตุการณ์ครอบครัวที่เครียด 2–3 วันก่อนหน้า
~ นอนไม่ดี 2 คืนติดกัน
~ ออกกำลังกายหนักถึงขั้นล้มเหลว to failure: วิ่งขึ้นเขาเร็ว uphill sprints, วิดพื้น, ลันจ์ lunges

+ ไม่มีคราบพลัค มีเพียงเงื่อนไขที่เหมาะสมต่อการเกิด “ลิ่มเลือด clot formation”

+ แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น => หลังหัวใจวาย ‘อุปกรณ์ปิดแผลของสายสวน catheter closure device‘ ไปเปลี่ยนรูปแบบการไหลของเลือด ในหลอดเลือดต้นขา femoral artery

+ ภายในไม่กี่สัปดาห์ คราบพลัคเกิดขึ้น ‘ตรงจุดนั้นพอดี’ การอุดตัน 70–99%
=> ไม่มีการเปลี่ยนของ LDL, ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของอาหาร,
มีเพียงการไหลเวียนที่ถูกรบกวน → นำไปสู่การเกิดคราบพลัค

# เขาย้อนคืนคราบพลัคได้อย่างไร : เขาโฟกัสที่
• รับแสงแดด
• เข้าซาวน่า
• รับ IR อินฟราเรด
• สัมผัสพื้นดิน grounding
• ปรับนาฬิกาชีวภาพ circadian ให้เหมาะสม (circadian optimization = จูนร่างกายให้เข้ากับนาฬิกาชีวิต)

+ หนึ่งปีต่อมา: การอุดตันเหลือ 0–50%,
สองปีต่อมา: หลอดเลือดกลับมา “ปกติสมบูรณ์”,
สามปีต่อมา: ยังปกติดี

+ ศัลยแพทย์หลอดเลือดของเขากล่าวว่า: “เราไม่อาจพูดว่ามันดีขึ้น เพราะเราไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้ดีขึ้นมาก่อน”, แต่เขาดีขึ้นจริง นี่คือสิ่งที่ ‘ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน’ (unheard of = แทบเป็นไปไม่ได้ในวงการแพทย์)

/3/ - บรรทัดล่างสุด = สรุปสาระสำคัญ =

+ การแพทย์สมัยใหม่ช่วยชีวิตผู้คน ‘หลังจาก‘ หัวใจวายเกิดขึ้นแล้ว แต่การป้องกันต้องอาศัยความเข้าใจว่า อะไรคือ “สาเหตุจริง” ของมัน

+ โรคหัวใจไม่ใช่ปัญหาของ LDL, LDL ไม่สามารถเริ่มต้นการเกิดคราบพลัคได้เอง (plaque = คราบไขมัน + เนื้อเยื่อซ่อมแซมบนผนังหลอดเลือด)

+ คราบพลัค มีส่วนถึง 87% ที่เป็น ‘เนื้อเยื่อซ่อมแซมที่มาจาก ลิ่มเลือด clot’
(clot-derived repair tissue = เนื้อเยื่อซ่อมแซมที่เกิดจากการแข็งตัวของเลือด)

+ หัวใจวาย คือ เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับ ‘ลิ่มเลือด clot event’ ซึ่งสอดคล้องกับ Virchow’s triad
*Virchow’s triad = 3 เงื่อนไขที่ทำให้เกิดลิ่มเลือด:
~ ผนังหลอดเลือด อักเสบ-บาดเจ็บ,
~ การไหลเวียนเลือด ผิดปกติ,
~ เลือด “เหนียว-ข้น จัด”

+ น้ำ EZ (Exclusion Zone water) ปกป้องจากทั้งสามปัจจัย
*EZ water = น้ำในสภาวะโครงสร้างพิเศษแบบเจลลี่ มีประจุลบสูง เกิดเมื่อเราได้รับแสงอินฟราเรด/ แสงอาทิตย์

+ ชีวิตสมัยใหม่ทำลาย EZ ก่อนเป็นอย่างแรก,
~ อย่าโทษ LDL, ~ จงเข้าใจ “ลิ่มเลือด”, และ ~ ปกป้อง EZ

+ การป้องกันสรุปลงได้ในหลักการเดียว:
= “หยุดทำลายน้ำ EZ และเริ่มสร้างมันขึ้นมา” =
จะทำอย่างไร?
• รับแสงแดด
• ทำซาวน่า
• สัมผัสพื้นดิน grounding
• ปรับชีวิตให้สอดคล้องกับนาฬิกาชีวิต (circadian alignment)
• สร้างความยืดหยุ่นทางเมตาบอลิซึม (metabolic flexibility = ร่างกายใช้ทั้ง น้ำตาลและไขมัน เป็นพลังงานได้ดี)
• สร้างสมดุลระบบประสาทอัตโนมัติ (ANS balance)
• ลดความเครียดออกซิเดชัน (low oxidative stress)

+ ทำสิ่งเหล่านี้ แล้วคุณจะกำจัด “กลไกจริง” ที่ Hussey กล่าวว่า เป็นตัวขับโรคหัวใจ ไม่ใช่ ’ตัวลวง‘ ที่ทำให้เข้าใจผิด

Cr : https://x.com/the_no_mind/status/1996292313102914021?s=61

ช่วงนี้ลุงมาเที่ยวอาบป่าอยู่ อ่านเรื่อง “อาบแสง” ของหมอป๊อป Diet Doctor Thailand ไปก่อนน้า
09/12/2025

ช่วงนี้ลุงมาเที่ยวอาบป่าอยู่

อ่านเรื่อง “อาบแสง” ของหมอป๊อป Diet Doctor Thailand ไปก่อนน้า

💡 อ่างอาบแสงที่มองไม่เห็น: ปริมาณอินฟราเรดที่ท่วมท้นในสภาพแวดล้อมของคุณ และเหตุผลที่มันสำคัญต่อสุขภาพมนุษย์

👉โดย Zaid K. Dahhaj

ก้าวออกไปข้างนอก (ไม่ว่าจะมีเมฆมาก, มีแดดจัด, ฤดูหนาว, ฤดูร้อน, เช้า, หรือเย็น) และคุณกำลังอาบแสงอินฟราเรดอยู่ ไม่ว่าคุณจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ดวงตาของคุณมองไม่เห็น แต่ "ไมโทคอนเดรีย" ของคุณมองเห็นได้ ผิวของคุณมองเห็นได้ เลือดของคุณมองเห็นได้ ทุกสิ่งมีชีวิตรอบตัวคุณกำลังดูดซับและแผ่รังสีมันออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "พืชสีเขียว"

อินฟราเรดคือผู้ทำงานหลักที่เงียบสงบของสเปกตรัมแสงอาทิตย์ และคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามันอยู่รอบตัวพวกเขามากแค่ไหน หรือมีความสำคัญต่อสุขภาพของพวกเขาอย่างไร

🌳 ภายนอกอาคารถูกครอบงำด้วยอินฟราเรด

ผู้คนหมกมุ่นอยู่กับแสง UV เพราะมันปรากฏให้เห็นในเรื่องราวของการถูกแดดเผาและมะเร็ง แต่แสง UV เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของแสงอาทิตย์

นี่คือการแจกแจงที่แท้จริงที่ระดับพื้นดิน:

🌞รังสี UV ประมาณ 3–5% ของแสงอาทิตย์
🌈แสงที่มองเห็น (Visible) ประมาณ 42–45% ของแสงอาทิตย์
🔥อินฟราเรด (Infrared) 50%+ ของแสงอาทิตย์ (แบ่งย่อยเป็นอินฟราเรดใกล้, กลาง, ไกล)

อินฟราเรดคือ "ส่วนใหญ่" ของสิ่งที่เข้าถึงร่างกายของคุณ

และไม่เหมือนกับ UV "เมฆแทบจะไม่ลดทอนอินฟราเรดเลย" ในวันที่มีเมฆมาก คุณอาจสูญเสียรังสี UV-B ไป 70–90% แต่คุณจะยังได้รับอินฟราเรด 60–90% ขึ้นอยู่กับความหนาของเมฆ

นั่นหมายความว่าร่างกายของคุณยังคงได้รับความยาวคลื่นแห่งการฟื้นฟู แม้ว่าดวงตาของคุณจะบอกว่าวันนั้นดูมืดมัวและหดหู่ก็ตาม

🌿 พืชสีเขียวปล่อยอินฟราเรดพิเศษกลับมาหาคุณ

เมื่อแสงที่มองเห็นกระทบพืชสีเขียว สิ่งที่น่าสนใจจะเกิดขึ้น:

* พืชดูดซับแสงที่มองเห็นเพื่อ "สังเคราะห์แสง" (photosynthesis)
* พวกมัน "ปฏิเสธพลังงานส่วนเกิน" ในรูปของอินฟราเรดใกล้ที่สะท้อนออกมา
* พวกมัน "ปล่อยอินฟราเรด" ออกมาเพราะเนื้อเยื่อที่มีชีวิตทั้งหมดแผ่ความร้อน

นี่คือเหตุผลที่:

* ป่าจะส่องแสงเข้มข้นในภาพอินฟราเรด
* ทุ่งหญ้า, ใบไม้, และเรือนยอดของต้นไม้ดูสว่างขึ้นในฟิลเตอร์สีแดง
* ดาวเทียมใช้การสะท้อนของอินฟราเรดใกล้ (NIR reflectance) เพื่อวัดสุขภาพของพืช

ดังนั้น เมื่อคุณอยู่กลางแจ้งใกล้กับพืชพรรณ คุณกำลังยืนอยู่ใน "เครื่องขยายเสียงอินฟราเรด"

พืชทำหน้าที่เหมือน "กระจกทางชีวภาพ" ของความยาวคลื่นที่แน่นอนซึ่งสนับสนุนสุขภาพของไมโทคอนเดรียในมนุษย์

ธรรมชาติได้สร้าง "ห้องบำบัดด้วยอินฟราเรด" ให้คุณฟรี ๆ อย่างแท้จริง

👁️ ดวงตาของคุณมองไม่เห็นอินฟราเรด แต่ชีววิทยาของคุณตรวจจับได้ทันที

มนุษย์วิวัฒนาการมาเพื่อมองเห็นในช่วง 400–700 นาโนเมตร แต่แสงอินฟราเรดมีช่วงตั้งแต่ ~700 nm ถึง 1 mm

ทำไมเราถึงมองไม่เห็นมัน?

* เซลล์รับแสงในจอประสาทตาไม่ได้ปรับให้เข้ากับความยาวคลื่นที่ยาวกว่า
* โฟตอนอินฟราเรดมีพลังงานไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นการเปลี่ยนรูปของ opsin
* วิวัฒนาการให้ความสำคัญกับการนำทางด้วยการมองเห็น ไม่ใช่การรับรู้ด้วยอินฟราเรด

แต่การไม่เห็นอินฟราเรดไม่ได้หมายความว่ามันไม่เกี่ยวข้อง

ผมจะใช้ภาพของเพื่อนคนหนึ่งชื่อ Roger Seheult ซึ่งได้ฟิลเตอร์อินฟราเรดที่แสดงอินฟราเรดที่ปกติมองไม่เห็นให้เป็นสีแดงที่มองเห็นได้ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าตกใจอย่างน้อยที่สุด

เนื้อเยื่อของคุณดูดซับอินฟราเรดได้อย่างลึกซึ้ง:

* อินฟราเรดใกล้แทรกซึมลึก 3–5 ซม. เข้าไปในร่างกาย ลึกยิ่งกว่าเมื่อคำนึงถึงการกระเจิงของแสงภายในเนื้อเยื่อ
* อินฟราเรดเปลี่ยนเป็นความร้อนและ "เพิ่มการไหลเวียนโลหิตจุลภาค" (microcirculation)
* อินฟราเรดทำปฏิกิริยากับ "ไซโตโครม ซี ออกซิเดส (cytochrome c oxidase) ในไมโทคอนเดรีย"
* อินฟราเรดฟื้นฟูกระแสอิเล็กตรอนและการผลิต ATP

ดวงตาของคุณไม่เห็นมัน แต่เป็นเหตุผลหลักว่าทำไมคุณถึงมีชีวิตอยู่ตั้งแต่แรก

✅ ประโยชน์ต่อสุขภาพของอินฟราเรดนั้นมากมายและมีเอกสารหลักฐานที่ดี

อินฟราเรดได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยที่แข็งแกร่งจำนวนมาก มันคือการสนับสนุนเซลล์ที่ขับเคลื่อนด้วยฟิสิกส์ มันช่วย "เพิ่มประสิทธิภาพของไมโทคอนเดรีย, ลดการอักเสบ, เพิ่มการไหลเวียนของเลือดและจุลภาค, ปรับปรุงการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ, สนับสนุนการจัดเรียงนาฬิกาชีวภาพ, ป้องกันความเสียหายจาก UV และปรับสภาพผิวสำหรับแสง UV ที่มากขึ้น, ปรับปรุงอารมณ์และการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ, และอื่น ๆ อีกมากมาย"

🏠 เหตุผลที่การอยู่แต่ในอาคารทำลายสภาพแวดล้อมอินฟราเรดของคุณ

กระจกทำลายการสัมผัสอินฟราเรดความยาวคลื่นยาวตามธรรมชาติของคุณ เนื่องจากหน้าต่างกระจกที่ปล่อยรังสีต่ำ (low emission glass) "ปิดกั้นอินฟราเรดส่วนใหญ่" เพื่อวัตถุประสงค์ด้านประสิทธิภาพพลังงาน ในขณะที่ LED ภายในอาคาร "ไม่ปล่อยความยาวคลื่นยาวเลย"

ดังนั้น ไมโทคอนเดรียของคุณจึงได้รับแสงสีน้ำเงินที่แยกออกมา โดยไม่มีความยาวคลื่นที่ยาวกว่า, ไม่มีความสมดุลของสเปกตรัมเต็มรูปแบบ นี่คือวิธีที่แสงในอาคารขัดขวางชีววิทยาของนาฬิกาชีวภาพ, สุขภาพผิว, และสุขภาพเมแทบอลิซึมโดยรวมอย่างชัดเจน

ข้างนอก แม้ภายใต้เมฆ คุณกำลังอาบ "พลังงานอินฟราเรดที่ฟื้นฟู" เป็นหมื่นมิลลิวัตต์

ข้างในอาคาร คุณกำลัง "อดอยาก"

07/12/2025

เข้าใจ “โรคหัวใจ” ด้วยมุมมองใหม่ๆ (Part 1)

1066.วันนี้ลุงจบงานอาสา ทำส่วน command center 3 วันแล้ว เจอรุ่นหนุ่มสาวก็สนุกสนานดี ดีที่ยังไม่โดนเรียกว่า ลุง!ตอนไปเชีย...
06/12/2025

1066.

วันนี้ลุงจบงานอาสา ทำส่วน command center 3 วันแล้ว เจอรุ่นหนุ่มสาวก็สนุกสนานดี ดีที่ยังไม่โดนเรียกว่า ลุง!

ตอนไปเชียร์นักวิ่งเข้าเส้นชัย ได้รับพลังจากนักวิ่งนานาชาติมากมาย พรุ่งนี้ขอวิ่งเองบ้าง

ลงระยะ “Suthep20” ไว้ ระยะ 21k gain 1200m เทียบเท่ากับทางราบ 33 km สตาร์ทพรุ่งนี้เช้า 0630 หวังว่าจะจบก่อนเที่ยง

bib no. 3643 ตามเชียร์ได้นะ ฮูเร

#อาบป่า #กลางแจ้ง

1065.เข้าใจ “โรคหัวใจ” ด้วยมุมมองใหม่ๆ (Part 1)/1/+ ดร. Stephen Hussey  สตีเฟน ฮัสซีย์ อายุ 34 ปี เขายังหนุ่ม, เขาออกกำล...
06/12/2025

1065.

เข้าใจ “โรคหัวใจ” ด้วยมุมมองใหม่ๆ (Part 1)

/1/
+ ดร. Stephen Hussey สตีเฟน ฮัสซีย์ อายุ 34 ปี เขายังหนุ่ม, เขาออกกำลังกาย, เขากินอาหารคลีน, (clean diet = อาหารไม่แปรรูป ไม่มี junk food)

+ คะแนนค่าแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Calcium Score) ของเขาเท่ากับ 0 (ศูนย์ = ปกติ ไม่มี plaque)

+ แล้วเขาก็เกิดภาวะ “widowmaker หัวใจวายชนิดรุนแรง“ ร้ายแรงถึงขั้นที่มีเพียงประมาณ 12% ที่รอดชีวิต หากเกิดขึ้นเหตุนี้นอกโรงพยาบาล (“Widowmaker” = การอุดตันของ Left Anterior Descending Artery)

+ เขารอดชีวิต และเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ เคสของเขาเผยให้เห็น “ความจริงที่โหดร้าย” อย่างหนึ่ง
=> โมเดลอธิบายโรคหัวใจที่ตั้งอยู่บน LDL นั้น “ไม่สมบูรณ์”

+ มันไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมโรคหัวใจยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่มีการใช้ statins มากขึ้น มีการตรวจมากขึ้น และมีการ “ป้องกัน” มากกว่าที่เคย

/2/
+ ดังนั้น ฮัสซีย์จึงศึกษาลึกลงไปอีก สิ่งที่เขาพบ ล้มล้างความเชื่อที่สะสมมาหลายสิบปีเกี่ยวกับว่า
~ “อะไร” ทำลายหลอดเลือด,
~ “อะไร” ทำให้การไหลเวียนเลือดล้มเหลว, และ
~ ทำไม “ชีวิตยุคใหม่” ถึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะทำให้เกิดโรคหัวใจ,

ตอนที่ ;
1. เรื่องราวของ LDL ไม่สอดคล้องกับความจริง
2. หลอดเลือดแดงได้รับการปกป้องโดย “น้ำที่ปรับโครงสร้าง Structured water“ หรือ EZ water
3. Plaque คือ “เนื้อเยื่อซ่อมแซม” ไม่ใช่ “ก้อนไขมันสะสม”
4. หัวใจวายคือ “ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด” ไม่ใช่ “ท่ออุดตัน”
5. ทำไม EZ water ถึงป้องกันได้ทั้ง 3 ปัจจัยที่ก่อให้เกิดลิ่มเลือด
6. อะไรทำลาย EZ water
7. อะไรสร้าง EZ water ให้แข็งแรง
8. ทำไมฮัสซีย์ถึงหัวใจวาย และเขาทำให้ plaque ถอยกลับได้อย่างไร

เริ่มจากปัญหาแรก:
#ตอนที่ 1). เรื่องราวของ LDL ไม่สอดคล้องกับความจริง

+ หลายทศวรรษที่ผ่านมา เราถูกสอนให้เข้าใจโมเดลง่ายๆ แบบนี้:

+ ไขมันอิ่มตัวทำให้ LDL สูง → LDL ไปสะสมในหลอดเลือด arteries → หลอดเลือดอุดตัน → หัวใจวาย

+ ดังนั้นวงการหัวใจวิทยาจึงค่อยๆ ลดระดับ LDL “ที่ถือว่ารับได้” จาก 300 → 250 → 200 → 150 → และตอนนี้ ค่า LDL“เหมาะสมที่สุด”

ที่อยู่

M. BannRomMai, Soi WatYaiRom Rama2-33 Road Thakham Bangkhuntien
Bangkok
10150

เบอร์โทรศัพท์

+66818295551

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Run Along Now วิ่งตามโลกผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Run Along Now วิ่งตามโลก:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram