Trust.นักจิตวิทยาการปรึกษา

Trust.นักจิตวิทยาการปรึกษา นักจิตวิทยาการปรึกษา - ให้บริการด้านสุขภาพจิต
บทความเกี่ยวกับความรู้และแนวคิดทางด้านจิตวิทยา

บางครั้งคน ๆ นึงก็ไม่ได้อ่อนแอไปซะทุกเรื่องแต่ด้วยความที่ในมุมที่อ่อนแอเป็นมุมที่อยากถูกรัก ถูกปลอบโยน จึงเกิดการเรียกร้...
11/12/2025

บางครั้งคน ๆ นึงก็ไม่ได้อ่อนแอไปซะทุกเรื่อง
แต่ด้วยความที่ในมุมที่อ่อนแอ
เป็นมุมที่อยากถูกรัก ถูกปลอบโยน

จึงเกิดการเรียกร้องความรักด้วยการเป็นคนอ่อนแอ
เพราะอยากให้เขาเห็นว่า ฉันเองก็สมควรถูกรักถูกดูแล
ด้วยความอ่อนโยนในความสัมพันธ์เหมือนกัน
ซึ่งนั่นอาจจะทำให้คน ๆ นั้นรับรู้ตนเองผิดไปจากความเป็นจริง แล้วใช้ชีวิตแบบคนอ่อนแอที่เปราะบางมาตลอด

แต่ถ้าหากเราตระหนักได้ว่า
เราก็มีด้านที่ดีและแข็งแรงนะ
ยอมรับและให้คุณค่าในจุดนี้บ้าง

เราก็จะมองเห็นได้ว่า ความรักและความสัมพันธ์ที่ดี
จะเกิดขึ้นจากจุดที่แข็งแรง
เมื่อคน ๆ นั้นรักเราอย่างแท้จริง เขาจะได้เห็นจุดอ่อนแอของเราจริง ๆ
แล้วเราก็ไม่ใช่คนอ่อนแอที่ล้มตัวใส่คนรักแล้วคอยคาดหวังให้เขาดูแลเราอย่างเดียว

แต่เราคือคน ๆ นึงที่มีคุณค่าและดูแลความสัมพันธ์ได้ดี
เขาก็จะตอบแทนเราด้วยการดูแลเราดีเช่นกัน

ด้านของเราที่อ่อนแอ ก็จะถูกดูแลด้วยความรักที่อ่อนโยนบนความสัมพันธ์ที่ดี โดยที่เราไม่ต้องทำตัวอ่อนแอเพื่อร้องขอความรักอยู่ตลอดเวลา

ชีวิตต้องก้าวต่อไป จากความจริงที่ปรากฏที่ตรงหน้าในชีวิตของมนุษย์เรา มีเรื่องซับซ้อนอย่างมากมายบ้างก็สามารถหาความจริงได้บ...
24/11/2025

ชีวิตต้องก้าวต่อไป จากความจริงที่ปรากฏที่ตรงหน้า

ในชีวิตของมนุษย์เรา มีเรื่องซับซ้อนอย่างมากมาย
บ้างก็สามารถหาความจริงได้
บ้างก็ไม่สามารถหาความจริงได้

แต่ในท้ายที่สุดมันจะมีความจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้าคุณอยู่
และไม่ว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในจะเป็นอะไร
คุณต้องตัดสินใจจากสิ่งตรงหน้าอยู่ดี
ผมอยากจะขอยกตัวอย่างเคสที่นำปัญหาเรื่องความสัมพันธ์มาปรึกษา
ปัญเรื่องความสัมพันธ์มันแฝงด้วยความซับซ้อน
และบางทีมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว แต่พอเรายอมรับมันไม่ได้
ก็คิดและทึกทักว่ามันซับซ้อน

มันอาจจะเรียกว่า "วุฒิภาวะ - Maturity"
เป็นการเจริญเติบโตทางจิตใจที่พร้อมจะเรียนรู้
พร้อมที่จะยอมรับความจริงตรงหน้าในแบบที่มันเป็น

บางครั้งเราก็ถามหาเหตุผลมากมายที่เราถูกบอกเลิก
บางครั้งเราก็ถามหาเหตุผลมากมายที่เขาไม่ซื่อสัตย์
บางครั้งเราก็ถามหาเหตุผลมากมายที่เขาไม่จริงใจ
บางครั้งเราก็ถามหาเหตุผลมากมายที่เขาไม่รักษาและดูแลเรา
บางทีมันคาใจนะ เกิดคำถามกับตัวเองว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้
เราทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า เราอยากปรับตัวและแก้ไข
เพื่อรักษาสิ่งที่สำคัญเอาไว้ แต่ในท้ายที่สุด...

เราไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เราพยายามหาคำตอบ
มันเป็น #คำตอบที่แท้จริง
เราอาจจะได้ความจริงที่จริงกลับมาก็ได้
เราอาจจะได้คำโกหกซ้ำซ้อนกลับมา
ทำให้เรางงงวยและสับสนกว่าเดิม

ทุกคนต่างมีช่วงเวลาตรงนี้ทั้งแหละ
แต่ในท้ายที่สุดเราก็อยู่กับความจริงตรงหน้าแหละนะ
ความสัมพันธ์มันจบลงแล้ว
เขาคือคนไม่ซื่อสัตย์
เขาคือคนไม่จริงใจ
เขาเลือกที่จะไม่รักษาและดูแลไว้เลย

ความเป็นจริงมันก็เท่านี้นั่นแหละครับ
บางครั้งมันทรมานที่จะต้องยอมรับมัน
แต่มันมีความจำเป็นอย่างมากที่เราจะต้อง
อดทน และ นิ่งเข้าไว้
อดทนหมายถึง อดทนต่อการเรียนรู้บทเรียนที่แสนเจ็บปวด
นิ่งเข้าไว้หมายถึง มีสติอยู่กับความจริงตรงหน้า

รักษาคุณค่าของตัวเองไว้ในวันที่เจ็บปวด
บางทีถ้าคุณได้ลองพยายามทำอะไรมากมายลงไปแล้ว
คุณอาจจะค้นพบว่า ในช่วงเวลานั้นคุณได้ทำอะไรโง่ ๆ ลงไปมากมาย
ทำให้ตัวเองเสียคุณค่า เสียเวลา เสียพลังชีวิต

แต่ไม่เป็นไรนะ มันก็คือประสบการณ์
ทุกคนล้วนฟูมฟายเพราะเจ็บปวด
ดิ้นรนเพราะทรมานกับทุกข์ได้
แต่ในท้ายที่สุดเราก็วนกลับมาหาความจริงตรงหน้า
เพราะฉะนั้นแล้วบางที มันไม่ต้องพยายามอะไรมากมาย
พยายามยอมรับมันให้ได้ก็เพียงพอ

ไม่ต้องถามหรือหาคำตอบใดเพิ่มขึ้นมาเลย
มันเหนื่อยมาก ๆ เลยนะ
เก็บแรงกายแรงใจไว้ใช้ชีวิตในวันนี้

ยอมรับความจริง แล้วเดินต่อไป
ใช้ชีวิตให้มีคุณค่า คุยกับตัวเองเยอะ ๆ
รู้จักตัวเองให้มาก ๆ รักตัวเองให้เป็น

เมื่อยอมรับและผ่านพ้นความจริงตรงนี้ไปได้
เราจะมีชีวิตที่กลับมามีความสุขอีกครั้ง
แม้ว่าในอดีตเราจะเจอความจริงที่แสนเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม

06/10/2025

ปัญหาด้านสุขภาพจิต
สามารถมองได้หลายมิติ และหลายระดับ

สิ่งสำคัญจึงเป็นการศึกษาที่หลากหลาย
แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่หลงลืมแก่นของตัวเอง
ในด้านมิติเราสามารถทำความเข้าใจในด้าน
-มิติครอบครัว การเลี้ยงดู
-ประวัติโรคของคนในครอบครัว
-การพัฒนาบุคลิกภาพ
-พัฒนาการทางด้านร่างกาย
-สังคมความเป็นอยู่ในระหว่างเติบโต
-ค่านิยม ศาสนา วัฒนธรรม สภาวะเศรษฐกิจ
- อื่น ๆ

ในด้านระดับก็มองได้เบื้องต้น
-ระดับบุคคล หรือ ปัจเจกชน
-ระดับสังคม ; เล็ก , กลาง และใหญ่
-ระดับระบบนิเวศ
การแก้ปัญหาด้านสุขภาพจิต
จึงต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง

ไม่ใช่เพียงการออกมาพูดว่า
ใช้ชีวิตแบบไหนแล้วจะดี
ควรใช้ชีวิตยังไง ควรเป็นคนแบบไหน

เพราะมนุษย์มีทั้งความหลากหลาย
แต่ก็มีความเฉพาะในแต่ละบุคคล
จากสถิติที่สามารถหาข้อมูลได้

ปี 2562 : พบผู้ป่วยจิตเวชเข้ารับบริการ 2.8 ล้านคน

ปี 2565 : พบผู้ป่วยจิตเวชเข้ารับบริการ 2,474,769 คน

ปี 2566 : มีผู้ป่วยจิตเวช 4 ล้านคน คิดเป็น 6.44% ของประชากรไทย

ยังไม่นับผู้ป่วยแฝงที่ยังไม่ได้เข้ารับบริการ

หมายเหตุ : สถิตินี้นับจากการเข้ารับบริการทางการแพทย์ในไทยที่รวบรวมได้ จึงใช้คำว่าผู้ป่วย
ปัญหาด้านสุขภาพจิตเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้
มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี
การเก็บข้อมูลสถิติก็ยาก

การกระจายบุคลากรเพื่อตอบสนอง
ต่อปัญหาด้านสุขภาพจิตก็ยังทำได้ยาก

ทั้งปัญหาด้านงบประมาน
จำนวนบุคลากร ปัญหาเชิงนโยบาย
และอื่น ๆ อีกมากมาย
ผมไม่ได้คาดหวังว่า
ปัญหาด้านสุขภาพจิตจะหมดไป
ในสังคมของเรา

เพราะชีวิตคนเรา
สมควรถูกใช้ตามความต้องการของเรา
การจะเจอเรื่องทุกข์ใจ หรือความผิดพลาด
มันเป็นเรื่องปกติมาก ๆ

และการเกิดโรคทางจิตเวชหรือาการต่าง ๆ
ก็เป็นสิ่งที่ป้องกันหรือห้ามกันได้ยาก
ผมคาดหวังว่าสักวันหนึ่ง
ประเทศไทยของเรานี้

จะมีกำลังบุคลากรเพียงพอ
ที่จะตอบสนองต่อปัญหาของผู้คน
รับมือกับความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์

รวมไปถึงมีหน่วยงานและนโยบาย
ที่จะลดทอนปัญหาเหล่านี้ในส่วนที่ลดได้

เช่น ปัญหายาเสพติดที่ส่งผลต่อสถาวะจิตใจ
ความรุนแรงในครอบครัว
ความไม่สมดุลของระบบแรงงาน
ปัญหาค่าครองชีพ (ส่งผลต่อจิตใจเราได้เช่นกัน)
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ผมเพียงคนเดียวทำอะไรมากไม่ได้
หรือกลุ่มนักวิชาชีพกลุ่มเดียวก็อาจจะทำได้ยาก

ก็ตั้งใจว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
เพราะแม้เราจะเปลี่ยนโลกและสังคมไม่ได้

แต่ก็สามารถทำให้การใช้ชีวิตของใครสักคน
ที่อยู่บนโลกและสังคมดีขึ้นได้

Send a message to learn more

30/09/2025

ผมค่อนข้างสนใจ ทฤษฎีใหม่ ๆ ตามอินเตอร์เน็ต
ปกติก็ไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้
เพราะรู้สึกไม่อินเท่าไหร่

ปีนี้เลยเปลี่ยนความคิดตัวเองใหม่
ไหน ๆ เล่น Facebook ก็ต้องเห็นแล้ว
ลองเปิดใจให้สักหน่อย

สิ่งนึงที่ผมชอบอ่าน (อ่านเฉย ๆ )
ก็คือ month theory (ไม่รู้เรียกถูกมั้ยฮะ)
จะเป็นโพสต์ที่นำเสนอว่า
แต่ละเดือน มันจะเป็นยังไง
มีความหมายแบบไหน
จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเราบ้าง

เช่น เดือนนี้เดือนตุลาคม
ก็จะเป็น October theory
พออ่านดูแล้ว ถ้าเราอยู่ในสภาวะ
ไม่มีกำลังใจ ก็รู้สึกเหมือนกันนะ

แต่คิดในอีกมุม ถ้าเราพึ่งพาสิ่งนี้
หรือยึดถือความเชื่อแบบนี้จริงจัง

ทุกเดือนในชีวิตเรา ก็จะถูกกำกับ
ด้วยทฤษฎีตามเดือนเหล่านี้หรือเปล่า
การเปิดใจให้กับสิ่งที่ไม่ชอบ
แล้วลองคิดตามในมุมอื่น ๆ
ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เข้าใจสังคมได้เท่าทัน

ทุกวันนี้รู้สึกว่าข้อมูลข่าวสาร
มันเยอะและรวดเร็วมาก ๆ

จนบางทีก็รู้สึกว่าสังคมเดินไปข้างหน้าไวมาก
ก้าวของสังคมอาจจะรวดเร็วกว่าก้าวของผู้คน
ตระหนักรู้ต่อสังคมแล้ว
เราต้องไม่ลืมตระหนักรู้ต่อตนเองด้วยนะครับ

แม้ชีวิตเราจะอยู่ท่ามกลางสังคม
แต่คนเดินและลงมือกระทำก็คือตัวเรา

เลือกจังหวะที่ใช่ เส้นทางที่ชอบ
ค้นหา เรียนรู้ และพัฒนาในแบบของตนเอง
เพื่อไม่หลงลืมตัวเองระหว่างเดินทาง

และไม่จมกับตัวเองมากเกินไป
จนลืมบรรยากาศในขณะที่เดินทาง

Send a message to learn more

นักจิตวิทยา ก็คือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งนักจิตวิทยาการปรึกษานักจิตวิทยาคลินิกนักจิตบำบัด และ นักจิตสาขาอื่น ๆที่ต้องทำงานกับ...
29/09/2025

นักจิตวิทยา ก็คือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง

นักจิตวิทยาการปรึกษา
นักจิตวิทยาคลินิก
นักจิตบำบัด และ นักจิตสาขาอื่น ๆ

ที่ต้องทำงานกับความเจ็บปวดของผู้คน
บางครั้งตัวนักจิตเองก็ได้พบความเจ็บปวดของตัวเอง
ยิ่งนักจิตทำงานกับเคสได้ลึกซึ้งมากเท่าไหร่
การเข้าถึงความรู้สึกเชิงลึกของเคส
ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากตามไปด้วย

ซึ่การที่ตัวนักจิตเองจะพบเจอบาดแผล
สัมผัสความเจ็บปวดของตัวเอง
ก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก ๆ

เพราะเรื่องราวและความรู้สึกของเคส
อาจจะกระตุ้น กระทบ หรือสะท้อน
สิ่งที่อยู่ภายในจิตใจของนักจิตได้เช่นกัน
เราอาจจะเรียกสิ่งนี้ว่า Counter Transference หรือ Transference in Transference ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้

โดยเฉพาะการที่เราทำงานร่วมกันกับเคส
ในลักษณะแบบ long term
การเจอความเจ็บปวดภายในจิตใจ
ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร ไม่ว่าจะเป็น
ตัวนักจิต หรือ ตัวเคส เองก็ตาม

นักจิตที่ทำงานกับตัวเองสม่ำเสมอ
อาจจะไม่ใช่นักจิตที่สมบูรณ์แบบ
อาจจะไม่ใช่นักจิตที่ขาวสะอาด

แต่เมื่อนักจิตต้องทำหน้าที่
เป็นกระจกท้อนตัวตนและความรู้สึกของเคส
นักจิตจะไม่เป็นกระจกที่ขุ่นมัวหรือบิดเบี้ยว
ทุก ๆ คนนั้นก็มีบาดแผลในจิตใจ
ไม่มากก็น้อย ไม่หนักก็เบา

ไม่มีใครเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ
ไม่มีใครเป็นมนุษย์ที่ใสสะอาด
นักจิตที่ทำงานกับตัวเอง
จะมองเห็นบาดแผลและความเจ็บปวด
ที่ซ่อนอยู่ในจิตใจและตัวตนของตนเอง

การจะเยียวยาสิ่ง ๆ นี้ได้นั้นก็เรื่องนึง
แต่การตระหนักต่อสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจ
จนมองเห็นว่า อาจจะกระทบต่อเคส

คือสิ่งสำคัญอันดับแรกที่จะต้องเกิดขึ้น
เพราะนักจิตไม่ควรเอาเวลาของเคส
หรือความรู้สึกของเคส เป็นเครื่องมือเยียวยาจิตใจตนเอง
แม้นักจิตจะไม่ได้เยียวยาบาดแผลของตัวเองได้
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า นักจิตจะทำงานกับบาดแผลของเคสไม่ได้

เมื่อนักจิตผ่านกระบวนการตระหนักรู้ที่มากพอ
นักจิตเองก็จะเข้าใจความเจ็บปวดต่อบาดแผลนั้น

แผลที่อยู่ในใจก็คงเจ็บปวดแล้ว
แต่การรับรู้ต่อบาดแผลนั้น
อาจจะเป็นความเจ็บปวดอีกชั้นนึง

ที่ห่อหุ้มความเจ็บปวดของบาดแผลอีกที
แล้วเคสก็ต้องสัมผัสต่อความเจ็บปวดนี้
ก่อนที่จะไปเผชิญหน้าบาดแผลภายในจิตใจ
เพราะเราเข้าใจว่า มนุษย์ไม่ได้สมบูรณ์แบบ
การเติบโตมีบาดแผลและความเจ็บปวดได้
การใช้ชีวิต ก็ไม่ได้มีแต่เรื่องดี ๆ เสมอไป

และเราก็เข้าใจว่า สักวันหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว
ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อบาดแผลและความเจ็บปวด
ก็คือเจ้าของที่เก็บซ่อนสิ่งเหล่านี้เอาไว้

ความเข้าใจที่นักจิตจะมอบให้คือ empathy
ความเข้าใจในสิ่งที่เคสเป็นในแบบของเคส

ไม่ได้เข้าใจเพราะว่า
ตัวเองก็เจ็บและมีแผลเหมือนกัน
การตระหนักต่อบาดแผลและความเจ็บปวด
คือสิ่งที่ทำให้นักจิตไม่เป็นกระจกสะท้อนที่บิดเบี้ยวและขุ่นมัว

สิ่งนี้จะทำให้เคสไม่มองเห็นตัวเองพลาด
และไม่หลงทางใน session เมื่อทำงานกับสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจ
การเป็นนักจิต
ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ดีไปกว่าใคร ๆ

แต่ต้องรู้จักตัวเองให้มากและชัดเจน
เพื่อไม่ให้เป้นกระจกสะท้อน
ที่บิดเบี้ยวและขุ่นมัว

จนพาเคสหลงทาง
แล้วใช้เคสเป็นสิ่งเยียวตาตนเอง

09/09/2025

การถูกนอกใจ สร้างบาดแผลทางจิตใจได้มากพอสมควร
ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการแพนิค หรือ ภาวะซึมเศร้าอ่อน ๆ ได้

หากปล่อยไว้เป็นเวลานาน
อาการที่เกิดขึ้น อาจจะพัฒนาตัวเอง
ให้มีความรุนแรง หรือเข้าสู่ภาวะเรื้อรังได้
การแก้ไขปัญหา ไม่ได้จำกัดอยู่ที่
คุณเลิกกับแฟนไหม หรือ ยุติความสัมพันธ์ลง

อาการและปัญหาทางความรู้สึกต่าง ๆ
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเรา

หากยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้า
เพื่อการยุติความสัมพันธ์ลง
อย่างน้อยขอให้พร้อมกับการรับผิดชอบตัวเอง
เมื่อเคสลักษณะนี้เดินเข้ามาใน session

ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า ทำไมไม่เลิกกับคนที่นอกใจ

นักจิตจะต้องสำรวจมิติของเคสให้มากพอ
โดนนอกใจแล้วรู้สึกยังไงบ้าง เจ็บปวดตรงไหนไหม

เพราะอะไรถึงยังอยากอยู่ในความสัมพันธ์นี้ต่อ
ความสัมพันธ์นี้มีคุณค่ากับตัวคุณยังไงบ้าง

การที่ยังอยู่ในความสัมพันธ์นี้
คุณคิดว่ามันส่งผลหรือกระตุ้น อาการแพนิค และ ซึมเศร้าในตัวคุณไหม ?
บางครั้งตัวตนของเคสเปราะบาง
ทำการพึ่งพิงความสัมพันธ์แบบคนรัก
เพื่อบดบังปมบางอย่างในอดีต

พอความสัมพันธ์มันพังลง
จะให้ปล่อยเลยก็อยาก
มีอยู่ก็ยังดีกว่าไม่มี...

เพราะปมในใจก็หนักพอแล้ว
ต้องปล่อยสิ่งที่คิดว่าประคองชีวิตตัวเองได้
ต้องยอมรับว่ามันไปต่อไม่ได้
ใช่ สักวันหนึ่ง มันคงต้องยอมรับนั่นแหละ
แต่ถ้าตอนนี้ไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร
แค่รู้ไว้ว่าวันหนึ่งต้องพร้อม ก็พอแล้ว

ซึ่งในจุดนี้นักจิตก็สามารถซัพพอร์ตความรู้สึก
ประคับประคองจิตใจและตัวตนของเคสได้

โดยที่ไม่จำเป็นว่า ตั้งประเด็นใน session ว่า
"ต้องเลิกกับแฟน / ต้องยุติความสัมพันธ์"

แต่ความรู้สึกก็ได้รับการเยียวยา
และทำให้คุณค่อย ๆ แข็งแรงขึ้น เมื่อคุณพร้อม คุณค่อยตัดสินใจใหม่ก็ได้ ว่าจะทำยังไงกับความสัมพันธ์นี้

Send a message to learn more

09/09/2025

การใช้องค์ความรู้วิเคราะห์สถานการณ์ทางสังคม หรือ ตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงหลายอย่าง ที่ตัวนักจิตวิทยาต้องรับผิดชอบ

เช่น เราเอาคลิปของบุคคลท่านหนึ่งมา
แล้วก็นั่งวิเคราะห์พฤติกรรมเขา

ต่อให้เราไม่ได้พูดเชิงตัดสินต่อบุคคลท่านนั้น
และวิเคราะห์ได้ถูกต้อง ก็ยังเป็นสิ่งที่
#ผิดจรรยาบรรณ อยู่ดี
เพราะการวิเคราะห์ของเรา
สามารถถูกนำไปใช้โจมตีบุคคลดังกล่าวได้
นั่นหมายถึงเราอาจเป็นส่วนหนึ่งของสารตั้งแต่การกระทำต่าง ๆ ที่จะไม่เป็นผลดีต่อบุคคลท่านนั้น

สิ่งที่นักจิตสามารถทำได้และปลอดภัย
คือการให้องค์ความรู้ตามหลักวิชาการ
โดยที่ไม่ได้พากพิงหรืออ้างอิงบุคคลใด

ส่วนการนำองค์ความรู้ที่เราให้ไปใช้นั้น
เป็นความรับผิดชอบส่วนตนของผู้อื่น
ซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของนักจิตแล้ว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นี่เป็นเพีงหลักยึดของนักจิตวิทยา
ที่ยึดโยงกับจรรยาบรรณวิชาชีพ

หากไม่ใช่นักจิตวิทยา ก็ไม่สามารถที่จะพิจารณาตามหลักการนี้ได้ เพราะไม่ได้อยู่ภายใต้จรรยายบรรณวิชาชีพของนักจิตวิทยา

การผลักดันคุณภาพด้านสุขภาพจิตของนักจิตวิทยา จึงต้องกระทำในเชิงบวกหรือทิศทางบวก ซึ่งหลายคนจะมองว่า เป็นข้อจำกัดทางจรรยาบรรณก็ได้

แต่ในขณะเดียวกัน ในฐานะนักวิชาชีพด้านสุขภาพจิต เราก็ไม่ควรสร้างแบบอย่าง หรือ ผลิตสารตั้งต้น ที่เนื้อแท้เป็นพฤติกรรมก่ำกึ่งหรือพฤติกรรมเชิงลบทางด้านสุขภาพจิตขึ้นมา ซึ่งก็ได้ระบุไว้ในจรรยาบรรณของ APA เช่นกัน

Send a message to learn more

09/09/2025

การที่มนุษย์คนหนึ่ง ถูกลดทอนความเป็นมนุษย์
อาจทำให้เขาใช้กลไกการป้องกันตนเอง
เปลี่ยนแปลงตนเองไปเป็นแบบคนที่มาทำร้ายตน

"ในเมื่อเธอทำฉันได้ ฉันก็ทำเธอได้"
"ฉันเคยถูกกระทำมาแบบนี้ ทำไมฉันจะทำบ้างไม่ได้"
"ฉันทำคนอื่นแบบไหน ฉันพร้อมรับแบบนั้น แฟร์ดี"
หากเราไม่ยินดีต่อการกระทำที่ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์
การไม่สร้างเมล็ดพันธุ์และส่งต่อการกระทำนั้น
เป็นสิ่งสำคัญในระดับสังคมที่เราอาศัยอยู่

กว่าคน ๆ นึงจะเป็นคนที่มองไม่เห็นความเป็นมนุษย์
ไร้ซึ่งมนุษยธรรม มองข้ามคุณค่าความเป็นคน

เขาก็คงผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาไม่น้อยเช่นกัน
ซึ่งเราก็ไม่จำเป็นจะต้องไปลดทอนคุณค่าในตัวตนเขา

เพราะเรากำลังยืนในจุดที่
รับไม่ได้ต่อการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์
คงไม่มีใครเกิดมาแล้วเป็นคนดีและคนเลวร้ายแต่แรก
ทุกคนต่างเติบโตขึ้นผ่านประสบการณ์ของชีวิต
รวมไปถึงต้นทุนทางร่างกายและสังคมที่แตกต่างกัน

แม้เราจะรับไม่ได้ต่อการกระทำที่เลวร้าย
แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเลวร้าย
ที่ตอกย้ำ สาปแช่ง คอนเฟิร์มว่าการกระทำนั้นเลวร้าย

ไม่จำเป็นสะใจที่มีคนอื่นทำแทนเรา
ไม่ยินดีที่เขาถูกลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์
ไม่จำเป็นต้องสานต่อเมล็ดพันธุ์นี้อีกแล้ว

ทั้งทางตรงและทางอ้อม.

วุฒิภาวะทางอารมณ์ คือ ความสามารถในการเข้าใจ ควบคุม และแสดงออกถึงอารมณ์ของตัวเองได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการรับรู้อารมณ์ของผ...
07/09/2025

วุฒิภาวะทางอารมณ์ คือ
ความสามารถในการเข้าใจ ควบคุม และแสดงออกถึงอารมณ์ของตัวเองได้อย่างเหมาะสม

รวมถึงการรับรู้อารมณ์ของผู้อื่นและตอบสนองได้อย่างเห็นอกเห็นใจ
ผู้ที่ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์
อาจมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์
ทำให้เกิดความขัดแย้งกับผู้อื่นได้ง่าย

นอกจากนี้ยังอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล และซึมเศร้า รวมถึงส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ส่วนตัวและอาชีพการงาน
นอกจากนี้ ผู้ที่ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์
อาจใช้กลไกการป้องกันตนเองแบบไม่เหมาะสม
เพื่อสนับสนุนการกระทำหรือความคิดของตัวเอง
เพื่อยืนยันการกระทำของตนเองว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ทำให้มีพฤติกรรม toxic เมื่อปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
แสดงพฤติกรรม toxic ลงใน social
ซึ่งขาดการตระหนักรู้ว่า

สิ่งที่กระทำลงไปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม
การขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์ สามารถแก้ไขได้
แม้จะเติบโตเข้าสู่ช่วงวัยผู้ใหญ่แล้ว

เมื่อสามารถทำการเข้าใจการพัฒนาบุคลิกภาพของตน
เข้าใจวิธีการรับมือ วิธีการจัดการอารมณ์ของตนเอง
มองเห็นแพทเทิร์นพฤติกรรมที่เกิดซ้ำ ๆ

เกิดการเรียนรู้ใหม่ โดยใช้ความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นมาใหม่กับนักจิต
เมื่อมีการรับรู้อารมณ์ที่ชัดขึ้น
จะส่งผลให้สามารถเข้าใจอารมณ์ของตนเองดีขึ้น
ทำให้มีการจัดการอารมณ์และการแสดงออกดีขึ้น

นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในความสัมพันธ์
เมื่อใช้เวลานานมากพอในกระบวนการนี้
วุฒิภาวะทางอารมณ์จะถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่

07/09/2025

ไม่จะว่าด้วยเหตุผลอะไร
บริบทแบบไหน สถานการณ์อะไร

อาการป่วยและโรคทางจิตเวช
ไม่ควรถูกนำมาเป็นคำด่าทอหรือสาปแช่งผู้อื่น

13/08/2025

การเป็นพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบให้ลูกเห็น
แต่ไม่ได้ให้ความใกล้ชิดและความผูกพันธ์กับลูกมากพอ

อาจจะทำให้เด็กคนนึงพัฒนาความรู้สึกวิตกกังวลทางจิตใจผ่านการเลี้ยงดูและบุคลิกภาพของพ่อแม่
มันคือความรู้สึกที่เห็นพ่อแม่ดีเลิศ และสมบูรณ์แบบ
จนตัวเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามองไปทางไหน
พ่อแม่ก็ไม่ได้มีข้อเสียอะไร

แต่ทำไมในใจของฉันมันถึงรู้สึกขาด
ทำไมถึงไม่รู้สึกเพียงพอกับความรักที่พ่อแม่ให้
ทำไมถึงไม่ได้รู้สึกใกล้ชิดและอบอุ่นใจกับพ่อแม่

ทั้งที่พ่อแม่ก็ไม่ได้ผิดอะไร
หรือเป็นตัวฉันเองที่ผิดและดีไม่พอ
ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ที่กำลังสับสน
อาจจะสร้างความกดดันตามมา

แล้วก่อให้เกิดรูปแบบความคิดแบบโทษตัวเอง
เพราะพ่อแม่ก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ฉันยังรู้สึกขาด
เหมือนไม่ได้ถูกเติมเต็มจากพ่อแม่

จนต้องปลดปล่อยความกังวลในความสับสนนี้
ด้วยการหาใครสักคนที่เป็นต้นเหตุ
ซึ่งคน ๆ นั้นก็คือตัวฉันเอง
จนในที่สุด ลูกก็รู้สึกว่า พ่อแม่ยังอยู่ในสายตา
แต่ไม่ได้อยู่ใกล้กันมากพอ
ที่จะเชื่อมโยงกันด้วยความรู้สึก

และเมื่อการโทษตัวเองและความรู้สึกดีไม่พอ
สะสมและก่อตัวขึ้นอย่างแข็งแรง

ก็อาจทำให้คน ๆ นึงมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง
ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เขาดีไม่พอ แต่เพราะพ่อแม่ดูดีเกินไป
และไม่เคยให้ความรักที่ใกล้ชิดกับเขา

13/08/2025

ปฏิเสธไม่ได้ว่า พออยู่ในบทบาทนักวิชาชีพ
สังคมย่อมมีภาพการรับรู้ต่อวิชาชีพ
ให้ความน่าเชื่อถือ โดยอัตโนมัติ

เหมือนกับที่เราจะเชื่อหมอเรื่องโภคภัยไข้เจ็บ
เหมือนกับที่เราเชื่อทนายเรื่องกฎหมาย
เหมือนกับที่เราเชื่อนักจิตเรื่องสุขภาพจิต
ทำให้นักวิชาชีพต้องมีความตระหนักรู้ในวิชาชีพ
เพราะมีส่วนสำคัญต่อสังคม แม้ว่าจะไม่ 100%

แต่ก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแบบชัดเจน
สำหรับด้านนักจิตวิทยา ก็เป็นสิ่งสำคัญ
แล้วถูกระบุไว้ในจรรยาบรรณ
สำหรับผมเอง มองว่านี่คือความรับผิดชอบ
หากจะดำเนินอาชีพในวิชาชีพนี้
ก็ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ได้

เพราะฉะนั้นแล้ว จะใช้ความเห็นส่วนตัว
ในการแสดงออกผ่านบทบาทวิชาชีพอย่างเดียว
เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมที่จะกระทำแบบนั้น
นักจิตวิทยา ก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง
ไม่ได้มีความวิเศษมากไปกว่าใคร

สิ่งที่ตอบได้ดี มาจากพื้นฐานด้านองค์ความรู้
และการตกตะกอนในประสบการณ์การทำงาน
ซึ่งไตร่ตรองด้วยมาตรฐานทางจรรยาบรรณ

ที่อยู่

279 ม. หมู่บ้านบุรีรมย์ ประชาอุทิศ 76/1 ทุ่งครุ
Bangkok
10140

เวลาทำการ

อังคาร 09:00 - 23:00
พุธ 09:00 - 23:00
พฤหัสบดี 09:00 - 23:00
ศุกร์ 09:00 - 00:00
เสาร์ 09:00 - 23:00
อาทิตย์ 09:00 - 23:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Trust.นักจิตวิทยาการปรึกษาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Trust.นักจิตวิทยาการปรึกษา:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ทำไมถึงชื่อ Trust.นักจิตวิทยาการปรึกษา

ผมเป็นคนไม่ถนัดเรื่องตั้งชื่อหรือไอเดียสร้างสรรค์เท่าไหร่ อาจจะเพราะเป็นคนที่ใช้การคิดวิเคราะห์อย่างมากมาตลอด พอจะตั้งชื่อหรือนึกชื่อให้คนจดจำก็นึกไม่ออก แต่ก็มีไอเดียว่าอยากให้เป็นชื่อที่มันเกิดขึ้นได้เพราะตัวตนของผม มีอุดมการณ์ของผมแฝงอยู่ในชื่อนั้น มีแก่นของชีวิตของผมแทรกซึมอยู่ในชื่อนั้น ทุกอย่างก็เริ่มต้นจากการทบทวนตนเอง

ผมถามตัวเองว่าตัวตนในงานปรึกษาและบำบัดของผมคือะไร ผมก็รู้สึกว่างานของเราเนี่ยบางทีมันก็ย้อนแย้งในตัวเองนะ ผมมีหน้าที่ให้ผู้รับบริการเข้าใจตัวเอง เข้าถึงตัวตนที่แท้จริงของตนเองโดยที่ก้าวผ่านหน้ากากบางอย่างที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ชีวิตในสังคม แต่ในขณะเดียวกันนักจิตวิทยาการปรึกษาอย่างผมกลับต้องสร้างภาพพจน์บางอย่างขึ้นมาเพื่อความสะดวกในการทำงาน แต่ถึงท้ายที่สุดเราก็ใช้ความจริงใจและความเป็นตัวเองพูดคุยกับผู้บริการอยู่ดี ก็เลยได้ไอเดียว่า งานของเราเนี่ยมันขับเคลื่อนผ่านสิ่งที่เรียกว่า “Trust” ถ้าไม่มี Trust นี้งานเราก็ไปไหนไม่ได้ มันไม่เกิดความก้าวหน้า และเราเองก็พยายามสร้าง Trust นี้ในความสัมพันธ์ระหว่างเรากับผู้รับบริการ. ก็พูดขึ้นมาว่า “เอ้อ นี่แหละตัวตนของเราเลย” งั้นใช้ชื่อว่า Trust นี่แหละ มันใช่ที่สุดแล้ว แต่ก็รู้สึกว่ามันสั้นไปนะ ดูยังไม่อิน งั้นเอาเป็น Trust.นักจิตวิทยาการปรึกษา แล้วกัน ใส่หัวใจในเนื้องานเราเข้าไป ผสมผสานกับอาชีพของเรา เพื่อให้คนได้สัมผัสถึงตัวตนของเรา

.

Trust.นักจิตวิทยาการปรึกษา มันแฝงไปด้วยอุดมการณ์และแก่นของชีวิตอย่างไร? ผมมีความเชื่อว่าที่ผู้คนยังไม่นิยมเดินมาพบนักจิตวิทยาเพื่อดูแลจิตใจตนเองนั้น เป็นเพราะพวกเขาเหล่านั้นยังขาดข้อมูลที่ถูกต้อง ขาดความเข้าใจที่เป็นจริง. ผมไม่ได้อยากหาเลี้ยงชีพด้วยอาชีพนักจิตวิทยาการปรึกษาเท่านั้น ผมมีความต้องการที่จะขับเคลื่อนวงการนักจิตวิทยาการปรึกษาและวงการสุขภาพภาพจิตในสังคมไทย ผมรู้สึกว่าเมื่อนักจิตวิทยาการปรึกษาอย่างผมหรือคนอื่น ๆ ก้าวออกมาสื่อสารกับผู้คนในสังคม สร้างความเชื่อที่ดี ความเข้าใจที่ถูกตัว ให้พวกเขาได้รับข้อมูลจากนักจิตวิทยาการปรึกษาที่ได้ทำงานด้านนี้จริง ๆ เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นผู้คนก็จะมีความเชื่อใหม่ ๆ ที่ดี มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่ต้องมาคิดเรื่องกล้าหรือไม่กล้ามาพบนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ เพราะความกล้ามันไม่ควรมาเป็นประเด็นในการตัดสินใจ เมื่อต้องชั่งใจกับความกล้า นั่นอาจจะหมายถึงมีความกลัวบางอย่างอยู่ในใจ ซึ่งผมมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลยนะ ประเด็นที่ผู้คนควรขบคิดเรื่องที่ว่า ฉันอยากมาพบหรือไม่อยากมาพบกันแน่นะ? ฉันจะสำรวจตัวเองอย่างไรว่าควรมาพบได้หรือยัง และถ้าอยากมาพบจะไปเจอกันที่ไหนบ้าง และผู้คนในสังคมก็ควรยินดีที่เพื่อมนุษย์เลือกที่จะใส่ใจดูแลตนเอง ไม่ใช่ไปหยอกล้อซ้ำเติมตามความเชื่อเดิม ๆ ทั้งที่ในความจริงตรงหน้า “เขาเพียงแค่ดูแลจิตใจของตนเองร่วมกับนักวิชาชีพด้านสุขภาพจิต” เท่านั้นเอง!