27/04/2021
การให้ฮอร์โมนทดแทนในชายวัยทอง
🥰ชายวัยทอง หรือ ชายสูงอายุที่อยู่ในภาวะพร่องฮอร์โมน เป็นภาวะตามธรรมชาติที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายประการ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีหลายชนิดในร่างกาย ไม่เฉพาะแต่ฮอร์โมนเพศเท่านั้น ยังมีฮอร์โมนอื่นๆอีกเช่น โกรทฮอร์โมน ดีไฮโดรอีพิแอนโดรสเตอโรน (DHEA) เมลาโทนิน เล็ปติน และ ไทรอยด์ฮอร์โมน เป็นต้น สารเหล่านี้ล้วนมีผลต่อสุขภาพและการเสริมสร้างสุขภาพของผู้ชายวัยทอง การดูแลรักษาชายสูงวัยในต่างประเทศนั้นมีมานานแล้ว แต่ในประเทศไทยเพิ่งเริ่มเป็นที่สนใจและมีแพทย์ให้บริการตรวจรักษาเมื่อไม่นานมานี้ ก็พบว่าจากการศึกษามากมายแสดงว่า การใช้ฮอร์โมนเพศชายเสริมในผู้ชายที่พร่องฮอร์โมนนั้นมีประโยชน์ เป็นการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรคที่พอจะป้องกันได้ และประวิงเวลาของโรคที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การดูแลตนเองและพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจคัดกรองโรคที่พบบ่อยในชายวัยทองเป็นเรื่องจำเป็นแม้จะไม่ได้รับฮอร์โมนเพศชายเสริมก็ตาม ส่วนคนที่จำเป็นและได้ประโยชน์จากการเสริมฮอร์โมน แพทย์ก็จะพิจารณาให้ฮอร์โมนที่เหมาะสม ทั้งชนิด ขนาด และ ระยะเวลา ดังนั้นเมื่อเข้าสู่อายุ 50 ปี ผู้ชายจึงควรพบแพทย์เพื่อการประเมินภาวะพร่องฮอร์โมนและเตรียมตัวสู่วัยทองของชีวิตอย่างดี
การให้ฮอร์โมนทดแทนในชายวัยทอง
อาการของผู้ชายวัยทอง ได้แก่
มีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ ร่วมกับการลดลงของสติปัญญา ความจำ มีอาการอ่อนเพลีย อารมณ์ซึมเศร้า และหงุดหงิดง่าย
ปัญหาการนอนหลับ
การลดลงของมวลกล้ามเนื้อ รวมทั้งความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง
ไขมันที่อวัยวะภายในเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ไขมันในเลือดสูงและเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
มีขนตามตัวลดลง และมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง
มวลกระดูกลดลง เป็นผลให้เกิดกระดูกบาง กระดูกพรุน และเพิ่มความเสี่ยงต่อการดูกหัก
ปริมาณของเม็ดเลือดแดงลดลง
ความรู้สึกและความพึงพอใจทางเพศ การแข็งตัวของอวัยวะเพศลดลง
การวินิจฉัย
เนื่องจากมีความแตกต่างของการขาดฮอร์โมนเพศในชายและหญิงวัยทอง คือ ในผู้ชายวัยทองฮอร์โมนเพศจะค่อยๆ ลดลง และไม่ได้ขึ้นกับอายุ อีกทั้งยังมีความแตกต่างกันผู้ชายแต่ละคน บางคนอาจจะเริ่มมีปัญหาตั้งแต่อายุ 40 ปี แต่ผู้ชายที่มีอายุ 80 ปีบางคนก็ยังมีฮอร์โมนเพศและสุขภาพยังดีอยู่ก็ได้ จึงจำเป็นต้องมีเกณฑ์การวินิจฉัยดังนี้
1. อาศัยอาการ ด้วยการประเมินอาการ 3 ด้าน คือ ด้านร่างกายและระบบไหลเวียน ด้านจิตใจ และด้านเพศ โดยอาศัยแบบสอบถาม ซึ่งช่วยในการคัดกรอง และใช้ในการติดตามผล
2. จากการตรวจเลือด เพื่อหา ฮอร์โมนเทสทอสเตอโรนชนิดรวม และ s*x hormone binding globulin ในช่วงเวลา 7.00-11.00 น. นำผลเลือดทั้งสองมาคำนวณให้ได้ค่าฮอร์โมนเทสทอสเตอโรนอิสระซึ่งมีความแม่นยำกว่าการตรวจ เทสทอสเตอโรนรวม แล้วนำผลมาพิจารณาดังนี้
ถ้าฮอร์โมนเทสทอสเตอโรนรวมมีค่ามากกว่า 12 นาโนโมลต่อลิตร หรือ 346 นาโนกรัมต่อเดซิลิตร ถือว่าปกติ ไม่ต้องให้ฮอร์โมนทดแทน ต้องหาสาเหตุอื่น
ถ้าฮอร์โมนเทสทอสเตอโรนรวมมีค่าน้อยกว่า 8 นาโนโมลต่อลิตร หรือ 231 นาโนกรัมต่อเดซิลิตร ถือว่าพร่องฮอร์โมน ต้องให้ฮอร์โมนทดแทน
ถ้าฮอร์โมนเทสทอสเตอโรนรวมมีค่าระหว่าง 12-8 นาโนโมลต่อลิตร จะต้องใช้ค่าฮอร์โมนอิสระมาพิจารณา ถ้ามีค่าน้อยกว่า 180 พิโกโมลต่อลิตร (หรือ 52 พิโกกรัมต่อมิลลิลิตร) ถือว่าพร่องฮอร์โมน ต้องให้ฮอร์โมนทดแทน แต่ถ้ามากกว่า 250 พิโกโมลต่อลิตร (หรือ 72 พิโกกรัมต่อมิลลิลิตร) ถือว่าปกติ
ข้อห้ามในการใช้ฮอร์โมนเพศชายทดแทน
1. เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก หรือว่าสงสัยจะเป็น
2. เป็นมะเร็งเต้านม หรือสงสัยว่าจะเป็น
3. ต่อมลูกหมากโตทีมีอาการอุดตันการปัสสาวะที่รุนแรง
4. มีความเข้มข้นของเลือดมากเกินไป
5. มีการหยุดหายใจขณะหลับ
6. หัวใจล้มเหลวอย่างรุนแรง
7. ต่อมลูกหมากโตอย่างรุนแรง จนมีอาการของการอุดตันทางเดินปัสสาวะ
8. แพ้ฮอร์โมนเพศชาย
การติดตามชายวัยทองที่ได้รับฮอร์โมนทดแทน
การตรวจก่อนเริ่มต้นให้ฮอร์โมนและการตรวจซ้ำเมื่อครบทุกปี นอกจากการตรวจฮอร์โมนเพศเพื่อการวินิจฉัยภาวะพร่องฮอร์โมน แล้วควรตรวจ
1. การตรวจเพื่อคัดกรองหาโรคในผู้สูงอายุทั่วไป เช่น ดัชนีมวลกาย สัดส่วนรอบเอวต่อรอบสะโพก ความดันโลหิตสูง ความเข้มข้นของเลือด เบาหวาน ไขมันในเลือด โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคต่อมลูกหมากโต มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ ถ้าหากไม่มีปัญหาค่าใช้จ่ายก็อาจจะตรวจความหนาแน่นของกระดูกเพิ่มเติม
2. ประเมินพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อสุขภาพ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับวัฒนะธรรมของชุมชน
การตรวจติดตามเป็นระยะ
1. โรคที่ตรวจพบและให้การรักษา เช่น ไขมันเลือดผิดปกติ เป็นต้น
2. ผู้ที่ตัดสินใจใช้ฮอร์โมนทดแทน ควรได้รับการตรวจ ความเข้มข้นของเลือด และพีเอสเอ (เพื่อคัดกรองหามะเร็งของต่อมลูกหมาก) ทุก 3 เดือน
เอกสารอ้างอิง
Lunenfeld B, Saad F, Hoesl CE. ISA, ISSAM and EAU recommendations for the investigation, treatment and monitoring of late-onset hypogonadism in males: scientific background and rationale. Aging male 2005;8:59-74.
Ref: เข้าถึงข้อมูล วันที่ 27/04/2564 http://www.healththailand.com/article/122/
Nieschlag E, Swerdloff R, Behre HM, Gooren LJ, Kaufman JM, Legros JJ et al. Investigation, treatment and monitoring of late-onset hypogonadism in males. Aging male. 2005; 8:56-8.
8 อาการ ที่อาจนำไปสู่ความเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ 09 มี.ค 2560 00:00 น. โดย {Webmaster}