Iwelty The Path to a Life of Well-being.

17/10/2025

นิยามของสุขภาพดีในยุคนี้ คือการดูแลแบบองค์รวมที่เริ่มต้นจากภายในสู่ภายนอกอย่างแท้จริง

Pinn Clinic เขาเชื่อว่าสุขภาพที่ดีคือพื้นฐานของทุกสิ่ง ที่นี่จึงเป็นมากกว่าคลินิก แต่เป็นพื้นที่ที่พร้อมดูแลคุณในทุกมิติ ด้วยแนวคิด Holistic Wellness ที่ผสมผสานเทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ากับการดูแลสุขภาพกายและใจ เพื่อสร้างสมดุลที่ยั่งยืนสำหรับคุณโดยเฉพาะ

ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ต้องการการดูแลที่ครบจบในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการเติมความสดชื่นด้วยโปรแกรม Hyperbaric Oxygen Therapy, การปรับสมดุลคลื่นสมองเพื่อการพักผ่อนด้วย ExoMind หรือการเติมวิตามินผิวสูตรเฉพาะบุคคลที่สามารถทำไปพร้อมกับการทำเล็บได้แบบสบายๆ

นอกจากนี้ Pinn Clinic ยังมีคลาสออกกำลังกายอย่างพิลาทิสเพื่อสร้างความแข็งแรง และ Sound Healing ที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์และจิตใจให้ผ่อนคลายอย่างล้ำลึก

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ที่พร้อมให้คำปรึกษาและออกแบบการดูแลสุขภาพที่เหมาะกับคุณจริงๆ ทั้งร่างกายและจิตใจ ลองให้ Pinn Clinic เป็นผู้ช่วยดูแลคุณนะคะ

ทุกโปรแกรมอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำจากทีมแพทย์ เพื่อให้คุณได้ค้นพบเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเองในแบบที่ปลอดภัยและยั่งยืน

ช่วงเวลาที่เรารู้สึก “หลงทาง” มักจะมาพร้อมคำถามในใจเสมอว่า เรากำลังทำอะไรอยู่? สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือสิ่งที่เราต้องการจริ...
16/10/2025

ช่วงเวลาที่เรารู้สึก “หลงทาง” มักจะมาพร้อมคำถามในใจเสมอว่า เรากำลังทำอะไรอยู่? สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ไหม? เพราะมันไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เราจึงรู้สึกกลัว ไม่มั่นคง และอึดอัด
แต่รู้อะไรไหมว่า ความรู้สึกหลงทางไม่ใช่จุดจบของเส้นทางนะ มันคือ “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” ระหว่างตัวตนเดิมที่เราเคยเป็น กับตัวตนใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นเหมือนจังหวะพักที่เราถูกบังคับให้อยู่กับความเงียบ เพื่อฟังเสียงตัวเองให้ชัดขึ้นอีกครั้ง
คนหลายคนมักเข้าใจผิดว่าการเติบโตจะต้องมีทิศทางที่แน่นอน ต้องรู้เสมอว่ากำลังจะไปไหน แต่ในความเป็นจริง ไม่มีใครประสบความสำเร็จ หรือเป็นตัวเองได้ โดยไม่เคยหลงทางมาก่อน และหลายครั้ง “การหลงทาง” นี่แหละที่พาเราไปเจอตัวตนใหม่ที่ใช่กว่าเดิม
แล้วเมื่อเราหลงทาง ควรทำยังไง?
แทนที่จะพยายามรีบหาทางออก ลองเริ่มจากการ “อยู่กับทางตันนั้นให้ได้ก่อน”
1. ยอมรับว่าต้องใช้เวลา
เวลาหลงทาง เรามักอยากรีบหาคำตอบ แต่การยิ่งพยายาม “หาทางออก” กลับทำให้ยิ่งสับสนกว่าเดิม ลองปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความไม่รู้สักพัก ปิดเสียงจากโลกภายนอก เพื่อฟังเสียงใจว่ากำลังบอกอะไรเราอยู่
2. แยกแยะว่าอะไรคือเสียงของคุณ และอะไรคือเสียงของคนอื่น
หลายครั้งเรารู้สึกหลงทางเพราะเราใช้ชีวิตตามความคาดหวังของคนอื่นมากเกินไป ลองถามตัวเองตรงๆ ว่า “สิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่ตอนนี้ เป็นเพราะฉันอยากทำ หรือเพราะกลัวจะถูกมองว่าไม่ดีพอ?”
3. สังเกตสิ่งเล็กๆ ที่น้อยๆ ทำให้รู้สึก ‘มีชีวิตชีวา’
ไม่ต้องถึงขั้นรู้แล้วว่า “อยากทำอะไรในชีวิต” แค่สังเกตสิ่งเล็กๆ ที่ทำให้รู้สึกดีขึ้น เช่น ตอนที่ได้ดูหนังเรื่องหนึ่ง ได้เดินในสวน หรือได้อยู่กับคนที่ไม่ต้องพยายามเป็นใครเลย ความสุขเล็ก ๆ เหล่านี้คือเบาะแสของความหมายที่แท้จริงในชีวิตคุณ
การหลงทางไม่ใช่สัญญาณของความล้มเหลว แต่คือช่วงเวลาที่ชีวิตกำลังพาเรา “ออกจากสิ่งที่ไม่ใช่” เพื่อให้มีพื้นที่ว่างพอสำหรับสิ่งที่ใช่กว่าเดิม บางครั้งคุณอาจยังไม่รู้ว่ากำลังไปที่ไหน แต่ก็ไม่เป็นไรเลย เพราะสิ่งสำคัญไม่ใช่การรีบหาทางออก แต่อยู่ที่การซื่อสัตย์กับตัวเองในทุกเส้นทางที่เดินต่างหาก

15/10/2025

จะดีแค่ไหนถ้าบ้านที่คุณอยู่ ไม่เพียงมอบความสุข แต่ยังสร้างสุขภาพที่ดีและช่วยดูแลโลกไปพร้อมกัน

นี่คือหัวใจของแนวคิด ‘Sansiri Sustainable Design’ ที่แสนสิริตั้งใจออกแบบที่อยู่อาศัยที่ ‘ยั่งยืน’ ในทุกมิติ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของทุกคน

เขาใส่ใจในการออกแบบมาก ตั้งแต่บ้านเย็นสบายประหยัดพลังงาน การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญที่สุดคือด้าน ‘Health & Well-being’ เพราะสุขภาพของคุณคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด ด้วยการเลือกใช้สีและเฟอร์นิเจอร์, ระบบบ้านปลอดฝุ่นที่กรองได้ทั้ง PM 2.5, ไปจนถึง Universal Design ที่คิดเผื่อสมาชิกทุกคนในครอบครัว
เพราะเขาเชื่อว่าความสุขที่ยั่งยืนเริ่มต้นจาก ‘ที่อยู่อาศัยที่ดี’

ความรู้สึกที่ว่าอากาศและเสียงคลื่นของทะเลฮีลใจได้นั้น เคยเป็นเพียงแค่ความเชื่อ แต่ในปัจจุบันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มายืน...
15/10/2025

ความรู้สึกที่ว่าอากาศและเสียงคลื่นของทะเลฮีลใจได้นั้น เคยเป็นเพียงแค่ความเชื่อ แต่ในปัจจุบันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มายืนยันว่า การใช้ชีวิตใกล้ “พื้นที่สีน้ำเงิน” อย่างทะเลหรือแม่น้ำ มีส่วนเชื่อมโยงกับสุขภาพกายใจที่ดีขึ้น และอาจสัมพันธ์กับการมีอายุขัยที่ยืนยาวขึ้นจริง
หนึ่งในงานวิจัยที่สำคัญที่สุดในหัวข้อนี้คือ โครงการ BlueHealth ซึ่งเป็นความร่วมมือของนักวิจัยทั่วยุโรป โดยผลการศึกษาชิ้นสำคัญที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ Communications Biology เมื่อปี 2023 ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพของผู้คนกว่า 15,000 คน จาก 18 ประเทศในยุโรป และนอกยุโรป (ออสเตรเลีย, แคนาดา, ฮ่องกง, แคลิฟอร์เนีย) ผลการวิจัยพบว่า ผู้ที่อาศัยใกล้ชายฝั่งทะเล มีแนวโน้มมีสุขภาพโดยรวมที่ดีกว่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มรายได้น้อย ซึ่งชี้ให้เห็นว่าทะเลอาจช่วยลดความเหลื่อมล้ำช่องว่างทางสุขภาพได้ด้วย
แล้วทำไมทะเลจึงดีต่อสุขภาพนัก? นักวิทยาศาสตร์เสนอ 5 กลไกที่อาจอธิบายได้ดังนี้
1.คุณภาพอากาศที่ดีกว่า: อากาศบริเวณชายฝั่งมักมีระดับมลพิษต่ำกว่าพื้นที่ในเมืองและละอองน้ำทะเลยังอุดมไปด้วยไอออนประจุลบ ซึ่งมีงานวิจัยบางชิ้นชี้ว่าอาจช่วยให้ร่างกายรู้สึกสงบและผ่อนคลายได้
2. ส่งเสริมการเคลื่อนไหวร่างกาย: สภาพแวดล้อมริมทะเล ล้วนเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้ผู้คนออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งมากขึ้น เช่น การเดิน, วิ่ง, ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน ซึ่งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดของการมีสุขภาพที่แข็งแรง
3. ลดความเครียดและฟื้นฟูจิตใจ: การได้มองเห็นพื้นผิวน้ำที่กว้างใหญ่และได้ยินเสียงคลื่นเป็นระยะๆ มีผลโดยตรงต่อการลดระดับฮอร์โมนความเครียดในร่างกาย นักจิตวิทยาสิ่งแวดล้อมชี้ว่าช่วยฟื้นฟูสมาธิและความเหนื่อยล้าทางจิตใจได้อย่างดี
4. เพิ่มโอกาสในการเข้าสังคม: พื้นที่สาธารณะริมทะเลมักเป็นจุดนัดพบและทำกิจกรรมร่วมกันของคนในชุมชน การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยป้องกันภาวะซึมเศร้าและส่งเสริมให้มีสุขภาพจิตที่ดีในระยะยาว
5. วิตามินดี: การใช้ชีวิตใกล้ทะเลมักเปิดโอกาสให้ร่างกายได้สัมผัสกับแสงแดดมากขึ้น ซึ่งวิตามินดี มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพกระดูกและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
แม้งานวิจัยเหล่านี้จะชี้ถึง “ความสัมพันธ์” มากกว่า “เหตุและผลโดยตรง” เพราะยังมีปัจจัยอื่น เช่น สถานะทางเศรษฐกิจหรือวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัยริมทะเล แต่หลักฐานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ยืนยันได้ว่า สภาพแวดล้อมริมทะเลมอบองค์ประกอบครบชุดที่เอื้อต่อการมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพ หรือที่เราเรียกว่า Longevity นั่นเอง

14/10/2025

Chiva-Som Academy คือสถาบันที่เปรียบเสมือนหัวใจในการสร้างบุคลากรสายเวลเนสคุณภาพ

iwelty ได้รับโอกาสสุดพิเศษชมบรรยากาศจริงของคลาส ‘Spa Treatments’ ได้เห็นเลยว่าหัวใจสำคัญของการสอนที่นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคนิค แต่คือการประเมินว่าร่างกายของลูกค้าแต่ละคนเหมาะกับทรีตเมนต์แบบไหน และมีข้อจำกัดตรงไหนบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นคุณครูผู้สอนทุกท่านยังจบจากวิชาชีพสายสุขภาพโดยตรง ทำให้มั่นใจได้เลยว่าทุกขั้นตอนตั้งแต่การซักประวัติสุขภาพอย่างละเอียด ไปจนถึงการดูแลเรื่องความเป็นส่วนตัวและใส่ใจอย่างแท้จริง

เครื่องยืนยันคุณภาพที่ชัดเจนที่สุดก็คือ Therapist มืออาชีพจาก Chiva-Som Hua Hin ที่หลายคนรู้จัก ต่างก็ต้องผ่านหลักสูตรและมาตรฐานจากสถาบันแห่งนี้เช่นกัน

และสำหรับใครที่ใฝ่ฝันอยากเดินบนเส้นทางสายอาชีพนี้ ที่นี่คือประตูสู่โอกาสระดับสากลอย่างแท้จริง เพราะหลักสูตรของที่นี่ได้รับการรับรองมาตรฐาน CIBTAC (ซิบ-แทค) ที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก

สมกับคำกล่าวที่ว่า ‘ไม่ใช่แค่ผู้สร้าง Therapist แต่คือผู้สร้างมาตรฐานให้วงการ Wellness’ ใครที่กำลังมองหาการดูแลสุขภาพที่ไว้วางใจได้ หรือสนใจในเส้นทางอาชีพสายนี้ บอกเลยว่าที่นี่คือคำตอบค่ะ

#นักบำบัด

เราอาจจะคิดว่าการนั่งสมาธิวันละ 10 นาที เป็นเพียงกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่น่าเกิดผลอะไรกับเรามาก ซึ่งถ้านั่งเพียงวันสองว...
14/10/2025

เราอาจจะคิดว่าการนั่งสมาธิวันละ 10 นาที เป็นเพียงกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่น่าเกิดผลอะไรกับเรามาก ซึ่งถ้านั่งเพียงวันสองวัน ก็อาจจะจริง แต่ถ้านั่งติดต่อกัน 14 วัน…ผลลัพธ์ก็อาจเกินคาดกว่าที่คิดนะ
มีวิจัยหลายชิ้นที่น่าเชื่อถือชี้ว่า การทำสมาธิสามารถส่งผลต่อร่างกายและสมองในหลายมิติ ตั้งแต่การปรับคลื่นสมอง การเปลี่ยนโครงสร้างสมอง ไปจนถึงผลต่อยีนและการแสดงออกของเซลล์เลย เพราะการนั่งสมาธิจะช่วยเพิ่ม Hippocampus ซึ่งเป็นส่วนสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำและการเรียนรู้ให้มีขนาด ‘ใหญ่ขึ้น’ ในขณะเดียวกัน Amygdala หรือสมองที่ทำงานเกี่ยวกับความเครียด จะลดขนาด ‘เล็กลง’ ทำให้เรามีสติและสมาธิมากขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ก็จะทำให้เราตอบสนองต่อสถานการณ์ตึงเครียดได้ดีกว่าเดิมด้วย
แต่สมาธิไม่ได้ดีแค่เรื่องสมอง ยังช่วยปรับสมดุลระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous System) ทำให้หัวใจเต้นช้า ความดันเลือดลดลง และร่างกายเข้าสู่ภาวะผ่อนคลายได้ง่ายขึ้น งานวิจัยจาก Johns Hopkins University พบว่าการนั่งสมาธิอย่างต่อเนื่องช่วยลด คอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนความเครียด ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น ลดการอักเสบในร่างกาย และลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังอีกด้วย
แล้วถ้านั่งสมาธิมากกว่า 10 นาทีล่ะ?
ผลวิจัยหลายชิ้นชี้ว่าเวลาที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่เรื่องเสียเปล่า เพราะการนั่งสมาธิเพิ่มขึ้นแค่ 20–30 นาทีต่อวัน ก็ให้ผลชัดเจนขึ้นในเรื่อง ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และเพิ่มความสุข นอกจากนี้ยังช่วยปรับ คลื่นสมอง Alpha และ Theta ให้สมดุล ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ไหลลื่น สมาธิยาวนานขึ้น และความเครียดลดลงอย่างชัดเจน
อีกทั้งหากทำต่อเนื่องเป็นเดือนหรือปี สมองจะปรับตัวจนเกิด Neuroplasticity หรือการสร้างเส้นทางประสาทใหม่ ซึ่งส่งผลให้พฤติกรรม การเรียนรู้ และการตัดสินใจของเราเปลี่ยนไปในทางบวกในระยะยาว ความสามารถในการจัดการกับความเครียด ความสัมพันธ์ และงานก็พัฒนาขึ้นตามไปด้วย
สมาธิไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือให้เราสงบจิต สงบใจชั่วคราว แต่ยังช่วยปรับโครงสร้างสมอง ปรับระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเครียด เปลี่ยนคลื่นสมอง และแม้กระทั่งปรับยีนที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมของร่างกาย ซึ่งถือเป็นผลลัพธ์ที่หากเทียบกับเวลาที่เสียไปแล้วนั้นคุ้มค่ามาก
ดังนั้นมาลองชาเลนจ์ตัวเองแค่วันละ 10 นาที 14 วัน แล้วมารอดูผลลัพธ์กัน ว่ามันจะเปลี่ยนชีวิตเราได้มากน้อยแค่ไหน
#นั่งสมาธิ #ประโยชน์ของการนั่งสมาธิ

Morning Affair Vol.5 ปาร์ตี้กาแฟที่ฮ็อตที่สุดในกรุงเทพฯ กลับมาอีกครั้ง พร้อมจัดเต็มกว่าเดิม สนุกกว่าเดิม และสเปซที่กว้าง...
13/10/2025

Morning Affair Vol.5 ปาร์ตี้กาแฟที่ฮ็อตที่สุดในกรุงเทพฯ กลับมาอีกครั้ง พร้อมจัดเต็มกว่าเดิม สนุกกว่าเดิม และสเปซที่กว้างขึ้นกว่าเดิม!
Tictactoe Bangkok ร่วมกับ RISE COFFEE แบรนด์กาแฟสเปเชียลตี้ สร้างเช้าวันอาทิตย์ที่ทำให้คำว่า ‘พักผ่อน’ คือความสนุกและการเชื่อมต่อกับผู้คน เพราะสุดท้ายแล้วคำว่าปาร์ตี้ ไม่จำเป็นต้องรอถึงคืนวันศุกร์หรือค่ำวันเสาร์เสมอไป มันอาจจะเกิดจากเช้าวันอาทิตย์ ที่ตื่นมาแล้วพบเพื่อนใหม่ แล้วอาจได้สบตาใครบางคนเพราะแก้วกาแฟก็ได้
ปาร์ตี้รอบนี้ความสนุกจัดเต็มยิ่งกว่าเดิม กับสองสเตจสุดพิเศษ คือ Daydreamer Stage จัดขึ้นที่ Sphere Hall และ Heartbreaker Stage ที่ Tictactoe สายแดนซ์ สายคราฟต์ และสายครัวซองต์จะต้องหลงรัก เพราะที่นี่จะเสิร์ฟทั้งกาแฟ ครัวซองต์อบใหม่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบเบาๆ ที่ดื่มได้โดยไม่ต้องกลัวเช้าวันจันทร์
จัดขึ้นวันที่ 19 ตุลาคม 2568 เวลา 10.30-16.00 ที่ร้าน Tictactoe ชั้น 5 Emsphere
สำหรับบัตรเข้าร่วมงาน เวที Sphere Hall ราคา 490 บาทและบัตรเข้าร่วมทั้ง 2 เวที ราคา 990 บาท โดยบัตรทุกใบได้รับเครื่อง ดื่ม 2 แก้ว สามารถซื้อบัตรและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

เคยถามตัวเองไหมว่า ‘ความสุขที่ยั่งยืน’ มันหน้าตาเป็นแบบไหน?หนึ่งในคำตอบของใครหลายคน อาจคงเป็นการได้อยู่ในพื้นที่ที่ทำให้...
12/10/2025

เคยถามตัวเองไหมว่า ‘ความสุขที่ยั่งยืน’ มันหน้าตาเป็นแบบไหน?
หนึ่งในคำตอบของใครหลายคน อาจคงเป็นการได้อยู่ในพื้นที่ที่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย สบายใจ และเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งก็คือ ‘บ้าน’ ของเรานั่นเอง
iwelty มีโอกาสได้มาเข้าร่วมงาน "Sansiri Sustainable Design: สร้างสุขที่ยั่งยืน" ที่ valles HAUS เป็นอีเวนต์ที่แสนสิริแสดงให้ทุกคนเห็นว่าบ้านที่ดี ไม่ใช่แค่ต้องสวยงามหรือน่าอยู่ แต่ยังต้องสามารถเป็นพื้นที่ที่ ‘ดูแล’ เราได้ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ และยังใจดีต่อโลกใบนี้ไปพร้อมๆ กันด้วย
ซึ่งแนวคิด Sansiri Sustainable Design ของบ้านที่ดีต่อใจและดีต่อโลกของแสนสิรินั้น สร้างจาก 4 แกนที่จับต้องได้ดังนนี้
1. Cooliving-Design (ดีไซน์เพื่อบ้านเย็นสบาย) แสนสิริให้ความสำคัญกับการออกแบบที่สอดรับกับสภาพอากาศของประเทศไทย โดยการวางทิศทางอาคารเพื่อเปิดรับลมธรรมชาติและหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง พร้อมเลือกใช้นวัตกรรมอย่างฟิล์มกันความร้อนและกระจกตัดแสงที่ป้องกันรังสียูวีได้สูงสุด 93% ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้อุณหภูมิภายในบ้านเย็นสบาย ลดการพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ และนำไปสู่การประหยัดพลังงาน
2. Resource Efficiency (ดีไซน์เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน) มุ่งเน้นการลดภาระต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ครอบคลุมตั้งแต่การเลือกใช้หลอดไฟ LED, การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อใช้พลังงานสะอาด ไปจนถึงการเลือกใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ ซึ่งไม่เพียงดีต่อโลก แต่ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้อยู่อาศัยในระยะยาว
3. Green Material (ดีไซน์ที่เลือกใช้วัสดุรักษ์โลก) โครงการของแสนสิริภายใต้แนวคิดนี้ จะเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีกระบวนการผลิตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ รวมถึงการนำวัสดุเหลือใช้ กลับมาสร้างให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นทางการก่อสร้าง
4. Health & Well-being (ดีไซน์เพื่อสุขภาวะที่ดี) ถือเป็นแกนหลักที่แสนสิริให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ประกอบด้วย:
คุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality): เลือกใช้สีทาภายในและเฟอร์นิเจอร์สูตร Zero-VOCs ที่ปลอดสารระเหยที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ พร้อมติดตั้งระบบบ้านปลอดฝุ่นที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 และเชื้อไวรัสได้
การเข้าถึงธรรมชาติและอาหารปลอดภัย: จัดสรรพื้นที่ส่วนกลาง Sansiri Backyard ให้ลูกบ้านสามารถปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษ เพื่อเป็นแหล่งอาหารปลอดภัยและกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ
การออกแบบเพื่อทุกคน (Universal Design): ใส่ใจในรายละเอียดการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานที่สะดวกและปลอดภัยสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นเด็ก, ผู้สูงอายุ, ผู้พิการ และสัตว์เลี้ยง
การเปิดตัวแนวคิด "Sansiri Sustainable Design" ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของแสนสิริ ที่มุ่งมั่นจะยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัย โดยเชื่อมโยงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเข้ากับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้อยู่อาศัย ตอกย้ำปรัชญาของแบรนด์ที่เชื่อว่า “ทุกวัน...ชีวิตดี” ต้องเริ่มต้นจากบ้านที่มีคุณภาพและยั่งยืน
#สร้างสุขที่ยั่งยืน #บ้านเพื่อสุขภาพ #อสังหาริมทรัพย์

ถ้าความสุขของการอ่านหนังสืออยู่ที่จินตนาการ แล้วจะเป็นยังไง หากสามารถพาตัวเองเข้าไปอยู่ในฉากจินตนาการนั้นได้จริงๆ? นี่คื...
11/10/2025

ถ้าความสุขของการอ่านหนังสืออยู่ที่จินตนาการ แล้วจะเป็นยังไง หากสามารถพาตัวเองเข้าไปอยู่ในฉากจินตนาการนั้นได้จริงๆ? นี่คือเทรนด์ใหม่ที่เรียกว่า ‘Books in Places’ หรือ ‘Literary Tourism’ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมโดยเฉพาะในหมู่นักอ่านรุ่นใหม่ที่ต้องการประสบการณ์การอ่านที่ไม่เหมือนใครและเพิ่มอรรถรสมากกว่าเดิม
หัวใจของเทรนด์นี้คือการที่คุณนั่งอ่านนวนิยายที่กำลังบรรยายบรรยากาศของกรุงโรม แล้วคุณก็นั่งอยู่ ณ จัตุรัสใจกลางกรุงโรมนั้นจริงๆ หรือจะเป็นการเดินตามรอยเส้นทางที่ตัวละครหลักใช้ชีวิตอยู่ เพื่อให้ประสบการณ์การอ่านนั้น ‘มีชีวิต’ ขึ้นมา เทรนด์นี้นอกจากจะเพิ่มอรรถรสให้กับเรื่องที่อ่านแล้ว เรายังได้ท่องเที่ยวไปในตัวด้วย
การเติบโตของเทรนด์ Books in Places มีปัจจัยหลักมาจากพลังของคนในออนไลน์อย่างชุมชนคนรักหนังสือบนแพลตฟอร์ม TikTok ได้กลายเป็นกระแสในการขับเคลื่อนเทรนด์นี้ และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการท่องเที่ยวหลังการโลกระบาดใหญ่อย่างโควิด-19 จึงทำให้ผู้คนมองหาการเดินทางที่มีความหมายมากขึ้น ได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การท่องเที่ยวเชิงวรรณกรรมจึงเข้ามาตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว
ความตื่นตัวของ คือกลไกสำคัญที่ทำให้ Literary Tourism กลายเป็นเทรนด์หลัก โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z แต่เทรนด์นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแสในโลกออนไลน์ เพราะยังสร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอีกด้วย ยกตัวอย่างคือ มีบริษัทที่จัดทริปในชื่อ Books in Places ขึ้นโดยเฉพาะ ซึ่งเน้นการเดินทางไปยังสถานที่จริงในนวนิยายทั่วโลก เช่น การเดินทางตามรอยหนังสือไปยังฟลอเรนซ์ หรือบาร์เซโลนา เพื่อยืนยันว่ามีความต้องการในตลาดสูงมากจนเกิดผู้ให้บริการรายใหม่
อีกทั้งโรงแรมหลายแห่งก็เริ่มปรับตัวตามเทรนด์นี้ เช่น การจัดห้องพักให้มี ‘Curated In-Room Libraries’ หรือจัดทริป ‘Reading Retreat’ ที่เน้นบรรยากาศที่ส่งเสริมการอ่านโดยเฉพาะ
กล่าวได้ว่า Books in Places ได้เปลี่ยนการอ่านจากกิจกรรมที่ต้องเน้นอยู่ในที่เงียบๆ ให้กลายเป็นการผจญภัยที่เต็มไปด้วยการความตื่นเต้น และนี่คืออนาคตของการท่องเที่ยวที่ผสมผสานระหว่างศิลปะ วัฒนธรรม และการออกเดินทางที่มาจากแรงบันดาลใจในหน้าหนังสือ
#วรรณกรรม #ชุมชนนักอ่าน

10/10/2025

สัมผัสวัฒนธรรมการพักผ่อนแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ที่ Yunomori Onsen & Spa ร่วมกับ Dairy Home มอบประสบการณ์สุดพิเศษในแคมเปญ ‘แช่...แล้วจิบ’ ชวนคุณมาค้นพบความสุขตามแบบฉบับดั้งเดิม ที่การดื่มนมเย็นๆ หลังแช่ออนเซ็น คือความผ่อนคลายที่สมบูรณ์แบบ

เริ่มต้นการผ่อนคลายในบ่อออนเซ็นจากน้ำแร่ธรรมชาติของ Yunomori ที่มีให้เลือกหลากหลายอุณหภูมิและคุณสมบัติ ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำร้อนที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ หรือบ่อน้ำเย็นที่ช่วยกระตุ้นความสดชื่นให้ทั้งร่างกายและจิตใจ

หลังจากร่างกายได้ผ่อนคลายจากสายน้ำอุ่นๆ ก็ถึงเวลาเติมเต็มความสดชื่นจากภายใน ด้วยนมคุณภาพดีจาก Dairy Home ความอร่อยบริสุทธิ์ของนมเย็นๆ จะช่วยดับความร้อนและคืนความกระปรี้กระเปร่า เป็นความรู้สึกเรียบง่ายที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ออนเซ็นได้อย่างน่าประทับใจ

สู่การสปาผิวไปกับ ‘Milk Scrub Massage’ ทรีตเมนต์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคุณค่าของน้ำนม สัมผัสการบำรุงอย่างล้ำลึกที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน คืนความเนียนนุ่มชุ่มชื้น เผยผิวเปล่งปลั่งกระจ่างใสสุขภาพดี

ปิดท้ายด้วยมื้ออาหารสุดพิเศษจาก Happy Rice ที่นำผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกจาก Dairy Home มาทำเป็นเมนูอร่อย ทั้งนาเบะไก่รสนุ่มละมุนและสมูตี้โยเกิร์ตออร์แกนิก ที่มอบความสดชื่นจากธรรมชาติ เพิ่มพลังให้ร่างกายอย่างสมบูรณ์

อยากชวนทุกคนมาสัมผัสประสบการณ์ ‘แช่...แล้วจิบ’ ที่ผสมผสานการพักผ่อนและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ที่ Yunomori Onsen & Spa พร้อมให้บริการตั้งแต่วันนี้ - 31 ธันวาคม 2568

09/10/2025

Jopa Pilates Studio

จุดเริ่มต้นของสตูดิโอแห่งนี้เกิดจากความตั้งใจของครูแคท (ผู้มีประสบการณ์สอนมากกว่า 4 ปี และผ่านการสอบทุกหลักสูตรจากสถาบัน Balanced Body) เป็นสตูดิโอที่ใช้พื้นฐานจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์การกีฬา (Sport Science) มาออกแบบการสอนให้เป็นไปตามเป้าหมายของผู้ฝึก

คลาสของ Jopa Pilates Studio มีความหลากหลายถึง 8 ประเภท ซึ่งคลาสที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงคลาสออกกำลังกาย แต่คือการออกแบบการเคลื่อนไหวให้ผู้ฝึกได้เข้าใจร่างกายอย่างลึกซึ้ง ใส่ใจเรื่องการจัดระเบียบท่าทางให้ถูกต้อง
ความพิเศษของ Jopa Pilates Studio คือโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้ฝึกทุกระดับอย่างแท้จริง ตั้งแต่ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานไปจนถึงระดับแอดวานซ์ ด้วยคลาสที่หลากหลายและทีมผู้สอนที่มีความเชี่ยวชาญ

โดยเฉพาะคลาสที่เป็นซิกเนเจอร์ Tower Climber คลาสรีฟอร์มเมอร์ที่มีการปีนบน Tower เพื่อเพิ่มระดับความสนุกในคลาสเรียน โดยเป็นการฝึกความแข็งแรงของร่างกายทุกส่วนให้ทำงานสอดคล้องกัน

นอกเหนือจากคลาสเรียนคุณภาพแล้ว สตูดิโอยังได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ด้วยโทนสีที่อบอุ่นและสบายตา โดดเด่นด้วยบรรยากาศที่โปร่งสบาย รับแสงธรรมชาติ สร้างสภาวะที่ผ่อนคลายและเหมาะสมกับการฝึกสมาธิไปพร้อมกับการเคลื่อนไหว ที่ JOPA Pilates Studio

การพักผ่อนที่แท้จริงไม่ต้องไปไกล เพียงแค่การไปแช่ออนเซ็น แล้วจิบนมนุ่มๆ ออร์แกนิก ต่อ แค่นี้ก็พอจะเปลี่ยนวันธรรมดาให้เป็...
09/10/2025

การพักผ่อนที่แท้จริงไม่ต้องไปไกล เพียงแค่การไปแช่ออนเซ็น แล้วจิบนมนุ่มๆ ออร์แกนิก ต่อ แค่นี้ก็พอจะเปลี่ยนวันธรรมดาให้เป็นการรีเซตทั้งกายและใจได้
Yunomori Onsen & Spa ร่วมกับ Dairy Home ชวนทุกคนมา ‘แช่...แล้วจิบ’ พิธีกรรมการแช่ออนเซ็นแบบญี่ปุ่น กับความอบอุ่นของวัตถุดิบท้องถิ่นที่ถ่ายทอดผ่านนมและเมนูเพื่อสุขภาพ
เริ่มต้นตั้งแต่ การแช่ออนเซ็นในน้ำแร่ที่จัดอุณหภูมิและคุณภาพน้ำอย่างพิถีพิถัน ปล่อยให้ความร้อนและแร่ธาตุช่วยคลายความตึงของกล้ามเนื้อ และหยุดความคิดในหัวสักพักให้เราได้อยู่กับปัจจุบัน
แล้วต่อด้วยจิบนมออร์แกนิกจาก Dairy Home ซึ่งการดื่มนมหลังแช่น้ำแร่นี้ เป็นประเพณีดั้งเดิมของญี่ปุ่น เพราะเชื่อว่าจะช่วยเติมแร่ธาตุ คืนสมดุลภายในร่างกายและสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้แช่ได้
ส่วนโปรแกรม Milk Scrub Massage สครับน้ำนมสูตรพิเศษ
ที่ได้แรงบันดาลใจจากนมของ Dairy Home ด้วยสัมผัสเนื้อสครับที่เนียนละเอียดจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า พร้อมเติมความชุ่มชื้น ให้ผิวเนียนนุ่ม และรู้สึกผ่อนคลายจากกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสครับ
ปิดท้ายด้วยมื้อเพื่อสุขภาพ จากเมนูที่ออกแบบมาให้เติมเต็มการบำรุงจากภายใน จาก Happy Rice Restaurant ที่ร่วมมือกับ Dairy Home ไม่ว่าจะเป็น Dairy Dream Nabe Chicken Chunks หม้อไฟน้ำซุปนมเข้มข้น ต่อด้วยของหวาน Moji Melt Soft Serve ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟทานคู่กับวาราบิ โมจิ ปิดท้ายด้วยสมูทตี้ Tropical Zen Blend สับปะรดผสมโยเกิร์ตออร์แกนิก
โดยโปรแกรมพิเศษนี้ ทั้งเมนูและบริการจะมีบริการถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ส่วนนมรุ่นพิเศษทั้ง 5 รสชาติจะมีวางจำหน่ายอย่างในระยะยาวที่ร้าน Yunomori Onsen & Spa ทุกสาขา
#ดื่มนมหลังแช่ออนเซ็น #ดูแลก่อนรักษา #ดูแลสุขภาพ

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+66942324554

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Iweltyผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Iwelty:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram