01/12/2025
เล่าเรื่องเอดส์จากอดีต สู่ปัจจุบัน
เอชไอวีเข้ามาประเทศไทยเมื่อ 2527 (40 ปีที่แล้ว)
ตนเองมาทำงานด้านเอดส์เมื่อปี 2541 ตอนนั้นยาต้านไวรัสเอดส์มี่แค่ตัวเดียวคือ AZT (Zidoudine, AntiVIR) ไอ้ตัวยาตัวนี้่คิอกินไปสักพักเล็บจะดำ ผิวจะคล้ำลง เป็นฝ้า คนก็เริ่มกลัวกัน ทุกวันนี้ก็ยังมีคำถาม กินยาต้านแล้วจะคล้ำลงไหม AZT กินไประมาณ 6 เดือนก็เริ่มดื้อยา
ต่อมาก็มี Lamivudine, Lamivir, หรือ สามทีซี (3TC) เอามาใช้ร่วมกับ AZT
แรกๆ กินแยกไปก่อน สักพักก็พัฒนาเป็นยารวมเม็ด AZT+3TC = Zilavir
สมัยนั้นราคายาแพงมาก เดือนละ 3-4 หมื่นบาท ถ้าไม่รวยจริงไม่มีปัญญากินยาต้านจริงๆ
ทางเลือกก็จะมียาสมุนไพร ตอนนั้น สมุนไพรดังๆที่ไหนก็แห่กันไปกิน และปี 41-42 ผู้ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มมากขึ้น เสียชีวิตกันมากขึ้น
สมุนไพรของ ดร.โสภณ ตอนนั้นไปเข้าคิวรับสมุนไพรกันเยอะมาก แต่ก็ไม่ดีขึ้น บางคนก็ทรุดลงไปอีก
ต่อมาเป็นสมุนไพร V -1 วีวีน ของ สล้าง บุญนาค ที่บางปะกง คนก็แห่กันไปรับมากิน กินไปก็ไม่หาย ตายกันไปเยอะเลย
ตอนนั้นก็มีวัดพระบาทน้ำพุแล้ว คนไปอยู่วัดพระบาทกันเยอะ บางคนก็หนีออกมาก็มี
บางคนก็ไปหาหมอพระ หมอผี ไปเอาน้ำหยดลงหินมากินก็มี ใครว่าหมอผี หมอพระที่ไหนดีๆ ก็เฮโลกันไป
หลังจากมียาต้าน AZT+3TC ออกมา ก็มียา Stavudine (D4T) ddI, DDC Nevirapine
ยา ddI เม็ดยาเท่ากับเหรียญบาท ต้องเคี้ยวก่อนกินยา ซึ่งรสชาติคนไข้แต่ละคนกลัวกันมา บางคนต้องพกครกเล็กๆ ติดตัวไว้ เอาไว้ตำก่อนกิน เพราะจะได้ไม่ต้องเคี้ยว ต้องกินทุกวันเช้าเย็น มื้อละ 3 เม็ด
ก็มีโครงการวิจัยของสภากาชาดไทย ชื่อ HIVNAT เกิดขึ้น เป็นโครงการวิจัยยาต้านตัวใหม่ๆ เช่น Crixivan, Viracept, Ritronavir, Lopinavir, tonofovir (TDF) Efavirenz
Ritronavir ตอนออกมาใหม่ๆ จะเป็นยาน้ำ ใช้ไซริงดูดยาแล้วพ่นเข้าปาก อย่าให้โดนลิ้น ไม่งั้นพุ่งแน่ๆ เพราะมันขม
Efavirenz คือยาตัวที่แรงที่สุด กินแล้วฝันร้าย คลื่่นไส้ ผะอืดผะอม ตัวร้อน วูบวาบ จึงแนะนำให้กินก่อนนอนเท่านั้น
Stavudine (d4T) ผลข้างเคียงคือแก้มตอบ ตูดลีบ แข้งขาลีบ
ต่อมาปี 2548 ยาต้านไวรัสเอชไอวีเริ่มเข้าสู่ระบบประกันสุขภาพ ประกันสังคม
ก็จะมีสูตรที่กินง่ายๆ กินมื้อเดียว เรียกว่า "สูตรนางฟ้า"
คือยา 3TC+TDF+EFV คนไข้เอชไอวีไม่ต้องจ่ายค่ายาแล้ว รับยาฟรี
จากกินแยกกันก็พัฒยาเป็นยารวมเม็ด ATIPLA, TEEVIR, GPO VIR T
TRUSTIVA.
จากนั้นการพัฒนาสูตรยาต้านใหม่ๆเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ งานวิจัยใหม่ก็เกิดขึ้นตาม จนถึงปัจจุบัน ยาต้านไวรัสเอชไอวี คือกินง่ายมาก กินเม็ดเดียว ผลข้างเคียงก็น้อย
ยาฉีดรักษาก็มีแล้ว เหลือแต่รอความหวังว่าจะมียารักษาให้หายขาดได้เมื่อใด
การป้องกันเอชไอวีก็พัฒนาไปไกลมาก
เป็นเอชไอวีทานยาต้านไวรัส ก็ไม่แพร่เชื้อให้คนอื่นได้แล้ว
ผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถมีลูกได้ ทำหัตถการต่างๆ ได้เหมือนคนทั่วไป
โดยไม่ต้องกังวลว่าจะแพร่เชื้อให้คนอื่น
แต่ก็ยังมีคนไม่เข้าใจเอชไอวีอีกไม่น้อยเลย ต้องทำต่อไป..