สุขกายใจบิใส

สุขกายใจบิใส นวัตกรรมดูแลสุขภาพที่คุณเลือกเองไ? นวัตกรรมดูแลสุขภาพที่คุณเลือกเเพื่อสุขภาพดีดี

5 เทคนิคน่ารู้ ใช้ครีมบำรุงผิวหน้า #อย่างไรให้เหมาะกับผิวตัวเองการเลือกครีมบํารุงผิวหน้า อย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว สาวๆท...
24/05/2018

5 เทคนิคน่ารู้ ใช้ครีมบำรุงผิวหน้า

#อย่างไรให้เหมาะกับผิวตัวเอง
การเลือกครีมบํารุงผิวหน้า อย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว สาวๆที่หน้ามัน หน้าแห้ง หน้าหมองคล้ำ ผิวแพ้ง่าย เคยสงสัย ไหม ว่าทำไมคนสองคนที่ใช้ครีมบำรุงผิวชนิดเดียวกัน แต่ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเพราะสภาพผิวที่ต่างกันไปของแต่ละบุคคลนั่นเองครับ

1 . วิธีเลือกครีมบํารุงผิวหน้าแห้ง

ผิวแห้งกร้าน เป็นผิวที่ขาดความชุ่มชื้น จึงต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวมากเป็นพิเศษ ดังนั้นครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับคนที่มีสภาพผิวแบบนี้ จึงควรเป็นครีมที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์แบบเข้มข้น หรือมีส่วนผสมของออยล์

ซึ่งจะช่วยให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้นานกว่าเดิม เป็นผลให้ผิวค่อยๆ เนียนนุ่ม แก้ปัญหาผิวแห้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะช่วงที่อากาศร้อนจัดหรือหนาวจัด อย่าละเลยการใช้ครีมเด็ดขาด

2 . การเลือกครีมบํารุงผิวหน้ามัน

ผิวมัน เป็นลักษณะของผิวที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ครีมมากเป็นพิเศษ เพราะอาจจะทำให้ผิวมันมากกว่าเดิมได้ โดยครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับคนที่มีผิวมันนั้น ควรเป็นครีมชนิด (Oil Free) หรือไม่มีส่วนผสมของออยล์นั่นเอง ซึ่งเมื่อใช้แล้วมั่นใจได้เลยว่าจะไม่ทำให้ผิวหน้ามันเยิ้มในระหว่างวันแน่นอน แถมยังช่วยลดความมันบนใบหน้าได้อีกด้วย

3 . วิธีการเลือกครีมบํารุงผิวหน้าหมองคล้ำ

ผิวหมองคล้ำ เนื่องจากต้องเจอกับแสงแดดและมลภาวะบ่อยๆ ควรใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ อัลฟ่า ไฮดรอกซี่ แอซิด เพราะมีส่วนช่วยในการเร่งให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดลอกออกมา จึงเผยให้เห็นผิวที่ดูกระจ่างใสและขาวเนียนน่าสัมผัสยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าผิวหมองคล้ำมากแค่ไหน ก็หมดกังวลไปได้เลย

4 . วิธีเลือกครีมบํารุงผิวหน้าปกติ

ผิวปกติ เป็นลักษณะของผิวที่ไม่แห้งและไม่มัน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการการดูแลอย่างล้ำลึกเช่นกัน โดยครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิวแบบนี้ จะเป็นครีมที่มีส่วนประกอบของสารที่สามารถเพิ่มความมันและความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ค่อนข้างมาก เพื่อให้ผิวยังคงความชุ่มชื้นและมีสุขภาพผิวที่ดีไปโดยตลอดนั่นเอง

5 . การเลือกครีมบํารุงผิวแพ้ง่าย

สำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย โดยมักจะมีผื่นขึ้นหรือเป็นสิวได้ง่ายเสมอ ควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่ปราศจากน้ำหอมและสารกระตุ้นภูมิแพ้ต่างๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขนด้วย

#แค่เลือกครีมให้เหมาะกับสภาพผิวก็สามารถบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพและเติมความชุ่มชื้นเนียนนุ่มได้ดีสุดๆเพราะฉะนั้นสำหรับใครที่กำลังมองหาครีมบำรุงผิวดีๆให้กับตัวเองอยู่ล่ะก็อย่าลืมเลือกครีมให้เหมาะกับผิวตัวเองด้วยนะ

01/03/2018

ด้วยรักและห่วงใย
มองไม่ชัดมัวไม่หาย มาหาเรา
T. 062-416-5462

22/02/2018

5 วันดีขึ้น ตาแจ่มบอกลา การมองไม่ชัด พร่ามัว น้ำตาไหล
ด้วยสภาวะเช่นนี้ ไม่ต้องกังวลใจ ทุกปัญหาตอบโจทย์ เอาอยู่
สอบถาม โทร 062-416-5462

สีน้ำมูก บอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพของเราได้บ้าง?เป็นหวัดทีไร ก็มีน้ำมูกทุกที ทั้งแบบน้ำใสๆ กับน้ำมูกข้นหนืด สีขาวอมเขียวอมเ...
07/02/2018

สีน้ำมูก บอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพของเราได้บ้าง?

เป็นหวัดทีไร ก็มีน้ำมูกทุกที ทั้งแบบน้ำใสๆ กับน้ำมูกข้นหนืด สีขาวอมเขียวอมเหลือง สีน้ำมูกที่ต่างกัน บอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพของเราได้บ้าง มาดูกันค่ะ

ทำไมสีของน้ำมูก ถึงบ่งบอกลักษณะของสุขภาพของเราได้?

สีของน้ำมูกบอกสุขภาพของเราได้ เพราะสีของน้ำมูกสามารถบอกได้ว่าระบบภูมิคุ้มกันโรคในร่างกายกำลังต่อสู้กับเชื้อโรคชนิดใด หนักหนาแค่ไหน มีอาการติดเชื้อ หรืออักเสบหรือไม่ หรือต้องเจอกับอะไรบ้าง

ทำไมเราต้องมีน้ำมูก?

น้ำมูกโดยปกติแล้วมักมีลักษณะเป็นน้ำใสๆ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น อาจมีความหนืดเล็กน้อย มีส่วนประกอบเป็นน้ำ โปรตีน สารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) และเกลือละลาย (เหมือนที่พบในน้ำตา ใครเคยน้ำตา หรือน้ำมูกเข้าปาก ก็จะรู้สึกถึงรสชาติเค็มๆ หน่อย) น้ำมูกจะไหลออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้จมูกแห้งจนเกินไป และปกป้องจากการหายใจเอาลมผสมฝุ่นผง หรือสิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กเข้าไปในปอด

ลักษณะน้ำมูก บอกโรค

- น้ำมูกใส
น้ำมูกใสๆ ไม่มีสี และค่อนข้างจะไหลเป็นน้ำ อาจมาจากการร้องไห้ หรือเป็นหวัดเล็กน้อย โดยน้ำมูกที่ออกมาจะช่วยให้ภายในโพรงจมูกชุ่มชื่น ไม่แห้งจนเกินไป น้ำมูกลักษณะนี้สามารถหายไปได้เองโดยไม่ต้องทานยา

- น้ำมูกเหนียวข้น
หากน้ำมูกมีลักษณะเหนียวข้น หรือมีความหนืดมากกว่าน้ำใสๆ อาจเริ่มเป็นสัญญาณบอกว่าร่างกายของเราเริ่มมีอาการแพ้อะไรบางอย่างเกิดขึ้น เช่น แพ้เกสรดอกไม้ หรืออาหารบางชนิด

- น้ำมูกเหนียวข้น มีสีเขียว หรือเหลือง
หากมีน้ำมูกที่เหนียวข้นกว่าเดิม และยังมีสีเขียว หรือเหลือง อาจมีความเป็นไปได้ว่าระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเริ่มทำงาน การเปิดโหมดทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน คือการเริ่มรวบรวมพลังจากเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งในเม็ดเลือดขาวจะมีเอนไซม์ที่ทำให้น้ำมูกมีสีเขียวหรือเหลืองนั่นเอง

- ระยะเวลาที่มีน้ำมูก
อย่างไรก็ตาม หากคุณมีน้ำมูกเหนียวข้นสีเขียว หรือเหลืองราว 2-3 วันขึ้นไป นั่นหมายความว่าคุณกำลังเป็นไข้หวัดใหญ่ (ชนิดที่ติดเชื้อจากไวรัส) หากอาการดีขึ้น น้ำมูกจะค่อยๆ หายไปภายในเวลา 10-14 วัน แต่คุณก็ควรจะทานยา และดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดียิ่งขึ้น หากน้ำมูกยังไม่หายภายใน 2-3 อาทิตย์ นั่นอาจหมายถึงคุณอาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น มีไข้ ไซนัสอักเสบ ปวดบวม หรือปอดอักเสบ ดังนั้นควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย และทำการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป

นอกจากสี และลักษณะของน้ำมูกแล้ว สี และลักษณะของอุจจาระก็สามารถบอกสุขภาพของเราได้ด้วยเช่นกัน อยากรู้อ่านต่อได้เลย

7 อาการเลือดออกบอกโรค อันตรายหรือไม่ เช็คให้ไวก่อนโรคถามหา เลือดออกพร้อมสารคัดหลั่งเหล่านี้อันตรายหรือไม่ แล้วเกิดจากอะไ...
25/01/2018

7 อาการเลือดออกบอกโรค อันตรายหรือไม่ เช็คให้ไวก่อนโรคถามหา
เลือดออกพร้อมสารคัดหลั่งเหล่านี้อันตรายหรือไม่ แล้วเกิดจากอะไร ได้เวลารู้ไว้เพื่อรู้ทันภัยสุขภาพ

สารคัดหลั่ง คือสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าช่วยให้ความชุ่มชื้น ช่วยกำจัดแบคทีเรีย หรือแม้แต่ช่วยขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย โดยเราสามารถสังเกตความผิดปกติได้จากสารคัดหลั่งเหล่านี้ อย่างเช่นอาการเลือดออก ซึ่งถ้าหากมีเลือดออกมาพร้อมกับสารคัดหลั่งแล้วนั่นแปลว่าต้องมีปัญหาสุขภาพบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของเราแน่นอน แต่จะบ่งบอกอะไรได้บ้างนั้น ตามมาดูกันเลยค่ะ

1. มีเลือดปนน้ำลาย

น้ำลายของเราถูกสร้างขึ้นเพื่อชำระล้างเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ภายในปาก แต่ถ้าหากน้ำลายนั้นมีเลือดเจือปนก็อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น คออักเสบ หลอดอาหารฉีกขาด การติดเชื้อ แผลในปาก การขาดสารอาหารต่าง ๆ หรือแม้แต่โรคอันตรายอย่าง โรคมะเร็ง นอกจากนี้โรคระบบทางเดินหายใจ อย่างเช่น วัณโรค หรือโรคปอดแตก ก็ทำให้มีเลือดปนในน้ำลายได้เช่นกัน

2. เสมหะเป็นเลือด

ภาวะเลือดในเสมหะ มองผิวเผินอาจคล้ายกับเลือดในน้ำลาย แต่ต่างกันตรงที่เสมหะเป็นเลือดที่ออกมานั้นจะออกมาพร้อมกับอาการไอเรื้อรัง นอกจากนี้ยังอาจมีอาการไข้ และหายใจถี่ร่วมด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณอันตรายของโรคที่เกี่ยวกับปอด โรคมะเร็งในลำคอ หรือหลอดลม โดยมักจะเกิดขึ้นกับคนที่สูบบุหรี่จัด หรือผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ติดต่อกันมานาน ดังนั้นถ้าหากคุณมีอาการไอเป็นเลือดติดต่อกันนาน ๆ ละก็ อย่ามัวแต่รอให้หายเอง ไปตรวจจะดีกว่าค่ะ

3. น้ำมูกมีเลือดปน

โดยปกติแล้วน้ำมูกของคนเราจะมีสีใส แต่ถ้าในกรณีที่เลือดหรือมีเศษสีน้ำตาลปนมาในน้ำมูก นั่นอาจจะไม่ใช่แค่อาการเลือดกำเดาไหลเพียงเท่านั้น แต่อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น สภาพอากาศที่ร้อนหรือแห้งจนเกินไป การกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงที่จมูก การสั่งน้ำมูก หรือสูดจมูกบ่อย ๆ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้เส้นเลือดฝอยในจมูกแตกและมีเลือดออก ถ้าหากออกมาไม่มากนักก็มักจะเจือปนกับน้ำมูก แต่ถ้าหากเลือดออกมาก็จะทำให้เป็นเลือดกำเดาไหลนั่นเอง

แต่หากไม่ได้เกิดจากปัจจัยที่ว่ามาข้างต้นก็อาจเป็นสัญญาณของโรคอื่น ๆ อาทิ โรคภูมิแพ้ ความดันโลหิตสูง หรือโรคที่ร้ายแรงอย่างโรคมะเร็งไซนัส หรือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่พบได้ไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ตาม หากไม่มั่นใจ ควรไปพบแพทย์เพื่อความสบายใจดีกว่าค่ะ


4. อาเจียนเป็นเลือด

คนเรามักจะสับสนว่าการที่มีเลือดปนมากับอาเจียนนั้นคืออาการอาเจียนเป็นเลือด ไอเป็นเลือด หรือเลือดกำเดากันแน่ เพราะทั้ง 3 อาการนั้นมีเลือดออกมาทางปากได้เหมือนกัน แต่หากเป็นอาการอาเจียนเป็นเลือด ก็มักจะมีภาวะอุจจาระเป็นเลือดร่วมด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วสาเหตุที่ทำให้เกิดอาเจียนเป็นเลือดก็มักมาจากภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือในหลอดอาหาร แต่ทั้งนี้ก็อาจจะเกิดจากเนื้องอกที่เกิดขึ้นภายในปาก ลำคอ ช่องท้องหรือหลอดอาหาร หรือแม้แต่ความเสียหายของตับอย่างรุนแรงด้วย ฉะนั้นเพื่อความแม่นยำของโรคต้องวินิจฉัยร่วมกับอาการอื่น ๆ ด้วยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นค่ะ

5. น้ำนมมีเลือดปน

สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร ไม่ต้องตกใจไปหากมีเลือดออกมาพร้อมกับน้ำนม เนื่องจากอาการเลือดออกดังกล่าวเกิดจากการให้นมบุตรมากเกินไปจนทำให้หัวนม และเส้นเลือดฝอยบริเวณทรวงอกแตกเพราะการปั้มนมด้วยมือหรือเครื่องที่ผิดวิธี นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากซีสต์ที่เกิดขึ้นบริเวณท่อน้ำนม โดยอาการเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายต่อทั้งคุณแม่และคุณลูก อีกทั้งยังสามารถหายไปได้เองตามธรรมชาติอีกด้วย

6. ปัสสาวะเป็นเลือด

ภาวะเลือดปนในปัสสาวะ หรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ปัสสาวะเป็นเลือด (Hematuria) เป็นสัญญาณความผิดปกติที่เกิดกับระบบทางเดินปัสสาวะ ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะปัสสาวะ ไต กรวยไต หรือทางเดินปัสสาวะ ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไตหรือกระเพาะปัสสาวะ การใช้ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด และสาเหตุที่อันตรายที่สุดก็คือโรคมะเร็ง

โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการปัสสาวะเป็นเลือดนั้นแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และแบบที่ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องตรวจจึงจะเห็นเม็ดเลือดในปัสสาวะ โดยแบบที่สังเกตได้ด้วยตาเปล่า สีของปัสสาวะจะเป็นสีชมพู แดง หรือสีน้ำตาลเข้ม แต่ถ้าเป็นแบบที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า จะต้องสังเกตจากอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าอาการปัสสาวะขัด หรือรู้สึกเจ็บเวลาปัสสาวะ รวมทั้งอาการไข้ ซึ่งอาการทั้ง 2 แบบนี้ ผ่านไปภายใน 48 ชั่วโมงแล้วยังไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยค่ะ

7. อุจจาระเป็นเลือด

อุจจาระเป็นเลือดไม่ใช่อาการที่ดีเท่าไรนัก เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหากับระบบลำไส้ ไม่ว่าจะเป็นอาการถุงผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ แผลปริที่ขอบทวารหนัก ลำไส้อักเสบเรื่องรัง เลือดออกในลำไส้ส่วนล่าง เนื้องอก หรือในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดก็คือโรคมะเร็งในระบบลำไส้ ซึ่งหากไม่มีอาการอะไรนอกจากถ่ายลำบาก นั่นก็อาจเป็นเพราะว่าคุณท้องผูกอย่างหนักจนเกิดแผลในลำไส้และเลือดออกเวลาถ่าย แต่ถ้าหากคุณถ่ายได้เป็นปกติ หรือถ่ายเป็นน้ำแล้วมีเลือดปนออกมาละก็ อย่าสันนิษฐานเองเด็ดขาด ไปหาหมอตรวจให้ชัวร์ดีที่สุดค่ะ

แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่สารคัดหลั่งที่ออกมาจากร่างกาย แต่เราก็ไม่มองข้าม เพราะนอกจากอาการเลือดออกแล้ว สี กลิ่น และลักษณะของสารคัดหลั่งก็สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพได้ ดังนั้นทางที่ดีหากสามารถสังเกตได้บ่อย ๆ จะดีมากเลย อย่างน้อยเราจะได้รับมือกับสุขภาพได้ทันท่วงที

22/01/2018

ตาดีสร้างได้
ตาแจ่มใส ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
T. 06-2416-5462

8 อาการ เช็คด่วน!! ❌ก่อนเสียการมองเห็น✅ภาพมัวคุณมีปัญหามองเห็นภาพมัวหรือไม่? ✅มีปัญหามองภาพไม่ชัดเจน - ในระยะไกลผู้มีสาย...
09/12/2017

8 อาการ เช็คด่วน!! ❌ก่อนเสียการมองเห็น
✅ภาพมัว
คุณมีปัญหามองเห็นภาพมัวหรือไม่?

✅มีปัญหามองภาพไม่ชัดเจน - ในระยะไกล
ผู้มีสายตาสั้นสามารถมองเห็นวัตถุที่อยู่ในระยะใกล้ได้ชัดเจน แต่ไม่คมชัดในระยะไกล อาจทำให้กิจกรรมบางอย่างเช่น การขับรถเป็นปัญหาได้

✅มองวัตถุที่อยู่ใกล้ๆได้ยากลำบาก
หากคุณมีสายตายาว คุณจะมองวัตถุต่างๆในระยะใกล้ได้ยากลำบากตัวอย่างเช่น อ่านหนังสือได้ยาก

✅ปวดตาและเมื่อยล้าดวงตา
เมื่อยล้าดวงตาอาจเป็นผลจากเรื่องพื้นๆ เช่น การที่คุณต้องจ้องมองหน้าจอดิจิตอลต่างๆยาวนานเกินไป

✅ปัญหาตาแห้ง
ปัญหาตาแห้งเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยมาก มักเกิดกับผู้สูงวัย

✅ตามัวตอนกลางคืน
ตามัวตอนกลางคืนอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุร่วมกัน อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากำลังมีปัญหาเรื่องโภชนาการ โรคเรื้อรัง หรือโรคตาบางอย่าง

✅การปวดศรีษะและดวงตาของคุณ
มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่การเริ่มต้นปวดศีรษะ หรือแม้แต่การเพิ่มความถี่ของการปวดศีรษะ เกี่ยวโยงกับสุขภาพตาของคุณ

✅ความคมชัด - คุณภาพของการมองเห็น
แม้ว่าการมองเห็นภาพที่ไม่คมชัดจะสามารถแก้ไขได้ง่ายด้วยวิธีต่างๆก็ตาม แต่มันก็ยังอาจเป็นสัญญาณบอกถึงการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้

29/11/2017

มื่อนี่ เลยอยากให้พี่น้องซาวไทยหันมาเริ่มต้น ดูแล สายตา
เพราะเมืองไทย มีอิหยังน่ามองอีกหลายเด้อครับ
ปรึกษาเพิ่มเติม 091-426-1625
หรือแอดไลน์ http://line.me/ti/p/~jirattwee
เด้อครับพ่อแม่พี่น้อง

📣อาการของภาวะตาแห้ง " ที่ไม่ควรละเลย "1️⃣️คันตา แสบตา ระคายเคืองตามีความรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมคล้ายทรายหรือฝุ่นอยู่ใ...
29/11/2017

📣อาการของภาวะตาแห้ง " ที่ไม่ควรละเลย "

1️⃣️คันตา แสบตา ระคายเคืองตา
มีความรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมคล้ายทรายหรือฝุ่นอยู่ในตา
แพ้แสง แพ้ลม
2️⃣️บริเวณตาขาวมีสีแดงจากการอักเสบ ขอบเปลือกตาแดง
ตามัวในบางขณะ
3️⃣️รู้สึกไม่สบายตาเมื่อตื่นนอน

✌️การรักษาเบื้องต้น

1.การใช้น้ำตาเทียมเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา

2.การใช้ยาหยอดตากลุ่มสเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบของผิว
นัยน์ตาหรือผิวเยื่อบุตา และช่วยบรรเทาอาการคันระคายเคือง
ตา แต่การใช้ยากลุ่มนี้จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
และใช้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น

3.การทำความสะอาดเปลือกตาด้วยน้ำยาพิเศษ เพื่อกำจัดเชื้อ
โรคหรือสิ่งสกปรกที่อยู่บริเวณรอบเปลือกตา

4.การประคบน้ำอุ่นอุณหภูมิประมาณ 41-43 องศาเซลเซียสเป็น
ประจำเช้า-เย็น

5.การนวดและทำความสะอาดเปลือกตา (การกดรีดไขมันตาม
แนวการวางตัวของต่อมไมโบเมียนที่ขอบเปลือกตา)

6.การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ลดการเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์
หรือสมาร์ทโฟน และพักสายตาเป็นระยะๆ

06/11/2017
สิ่งที่ควรทำเป็นนิสัยสำหรับคนสายตาสั้นสายตาสั้นเป็นปัญหาเกี่ยวกับสายตาที่เกิดขึ้นแล้วย่อมสร้างปัญหาให้กับเจ้าของสายตาไม่...
06/11/2017

สิ่งที่ควรทำเป็นนิสัยสำหรับคนสายตาสั้น

สายตาสั้นเป็นปัญหาเกี่ยวกับสายตาที่เกิดขึ้นแล้วย่อมสร้างปัญหาให้กับเจ้าของสายตาไม่น้อย ไม่ว่าจะปัญหาการมองไม่ชัด จะต้องใส่แว่นหนาๆ บางครั้งก็ดูไม่เท่ไม่สวย จนอาจทำให้บางคนถึงกับนอยด์ก็มี วันนี้เราจึงมีวิธีการบำบัดอาการสายตาสั้นมาฝากกันค่ะ

นิตยสารด้านสุขภาพของอเมริกานำเสนอวิธีช่วยบำบัดอาการสายตาสั้นให้ดีขึ้น โดนยืนยันว่า หากคุณได้ลองนำไปปฏิบัติทุกวัน เป็นระยะเวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์ จะรู้สึกเลยว่าสายตาของคุณดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และนี่ก็คือหัวข้อแรกที่ว่าด้วยเรื่องการปรับเปลี่ยนนิสัย เพื่อจะช่วยให้สายตาของคุณดีขึ้น

1. สวมแว่นสายตาเมื่อจำเป็นเท่านั้น พยายามอย่าสวมแว่นเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อตา และระบบประสาทรอบดวงตาของคุณรู้สึกผ่อนคลาย

2. วิธีอ่านหนังสืออย่างถูกต้อง คือต้องถอดแว่นออกทุกครั้ง แล้วพยายามอ่านหนังสือโดยที่ให้ตาทั้งสองข้างอยู่ห่างจากหนังสือมากที่สุด แต่ต้องเป็นระยะที่สามารถอ่านหนังสือได้อย่างชัดเจน หากทำจนเป็นนิสัยแล้วจะรู้สึกว่าคุณจะค่อยๆ สามารถอ่านหนังสือได้ห่างมากขึ้นไปเรื่อยๆ

สำหรับคนที่สายตาสั้นไม่เท่ากัน ระยะห่างที่ชัดเจนของตาแต่ละข้างนั้นค่อนข้างจะต่างกัน ดังนั้นเวลาอ่านหนังสือให้ใช้มือข้างใดก็ได้ปิดตาไว้ข้างหนึ่งแล้วค่อยๆ อ่านด้วยตาทีล ะข้างสลับกันไป แต่ถ้าสายตาต่างกันเพียงนิดเดียว อ่านพร้อมกันทั้งสองข้างเลยก็ได้

3. กะพริบตาให้บ่อยประมาณ 1 ครั้ง ต่อ 10 วินาที จะช่วยให้กล้ามเนื้อตารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น"

ที่อยู่

94 รังสิต ธัญบุรี
Bangkok
12130

เบอร์โทรศัพท์

+66655547987

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สุขกายใจบิใสผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram