Elderly Care Community การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ

Elderly Care Community การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ สาระความรู้การดูแล ส่งเสริม และฟื้นฟูสุขภาพผู้สูงอายุ

พลิกความเชื่อ! 4 ความจริงเรื่องการฟื้นฟูโรคหลอดเลือดสมอง จากแนวทางเวชปฏิบัติล่าสุดปี 2025การฟื้นฟูสมรรถภาพหลังป่วยด้วยโร...
09/10/2025

พลิกความเชื่อ! 4 ความจริงเรื่องการฟื้นฟูโรคหลอดเลือดสมอง จากแนวทางเวชปฏิบัติล่าสุดปี 2025

การฟื้นฟูสมรรถภาพหลังป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง หรือ สโตรก (Stroke) มักถูกมองว่าเป็นเส้นทางที่ยาวนานและต้องใช้ความพยายามอย่างมหาศาล หลายคนเชื่อว่าการฟื้นฟูต้องเริ่มต้นให้เร็วที่สุดและเข้มข้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ความเชื่อเหล่านี้ถูกต้องเสมอไปหรือไม่?

น่าประหลาดใจที่แนวทางเวชปฏิบัติทางคลินิก (Clinical Guidelines) ฉบับล่าสุดสำหรับการจัดการโรคหลอดเลือดสมอง เผยให้เห็นความจริงบางอย่างที่อาจขัดแย้งกับความเข้าใจดั้งเดิมของเรา ข้อค้นพบเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงทฤษฎี แต่เป็นข้อแนะนำที่อิงจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบัน บทความนี้จะเจาะลึก 4 ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจที่สุดจากแนวทางเวชปฏิบัติฉบับปี 2025 สำหรับนักกายภาพบำบัด ซึ่งจะเปลี่ยนมุมมองที่คุณมีต่อการฟื้นฟูผู้ป่วยสโตรกไปอย่างสิ้นเชิง

1. การฟื้นฟูระยะแรก: ทำไม "ยิ่งเยอะ ยิ่งเร็ว" ถึงไม่ใช่คำตอบเสมอไป

ความเชื่อทั่วไปคือ ยิ่งเริ่มทำกายภาพบำบัดอย่างเข้มข้นและรวดเร็วหลังเกิดสโตรกได้เท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อการฟื้นตัวเท่านั้น แต่แนวทางเวชปฏิบัติกลับให้ "คำแนะนำที่คัดค้านอย่างยิ่ง" (Strong recommendation AGAINST) ต่อการเริ่มต้นทำกิจกรรมนอกเตียงอย่างเข้มข้นภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังเกิดอาการ

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าผู้ป่วยควรนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ แนวทางฯ ได้ให้ความกระจ่างว่า ควร เริ่มมีการเคลื่อนไหว (Mobilization) หรือทำกิจกรรมนอกเตียงภายใน 48 ชั่วโมง แต่ต้องไม่ใช่กิจกรรมที่ "เข้มข้น" ในทันที สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง แนะนำให้ทำกิจกรรมนอกเตียงเป็นช่วงสั้นๆ แต่ทำบ่อยๆ ประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเวชปฏิบัติที่อิงตามหลักฐานนั้นช่วยปกป้องผู้ป่วยจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และปรับกระบวนการฟื้นฟูให้เหมาะสมที่สุด ท้าทายสัญชาตญาณของเราที่มักคิดว่า "ยิ่งเยอะยิ่งดี"

สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ไม่แนะนำให้เริ่มกิจกรรมนอกเตียงอย่างเข้มข้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังเกิดอาการ

2. อุปกรณ์ที่เห็นกันบ่อยๆ แต่กลับไม่ได้ผลอย่างที่คิด

ในกระบวนการฟื้นฟู เรามักจะเห็นการใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อช่วยผู้ป่วย แต่หลักฐานล่าสุดชี้ว่าอุปกรณ์บางอย่างที่ดูเหมือนเป็นมาตรฐานกลับไม่ได้รับการแนะนำให้ใช้เป็นประจำอีกต่อไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวทางเวชปฏิบัติได้ให้ "คำแนะนำที่คัดค้านอย่างยิ่ง" ต่อการใช้อุปกรณ์พยุงมือและข้อมือ (Hand and wrist orthoses/splints) เป็นประจำ โดยระบุว่าหลักฐานแสดงให้เห็นว่าอุปกรณ์เหล่านี้ไม่มีผลต่อการทำงานของมือ ความเจ็บปวด หรือพิสัยการเคลื่อนไหว นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำคัดค้านการใช้การยืดกล้ามเนื้อ (Stretch) เพื่อลดภาวะกล้ามเนื้อเกร็ง (Spasticity) หรือการใช้อุปกรณ์พยุงร่วมกับการยืดเพื่อป้องกันการเกิดข้อยึดติด (Contractures) ในผู้ป่วยที่ได้รับการบำบัดแบบแอคทีฟ (Active therapy) อยู่แล้ว ข้อเท็จจริงนี้กระตุ้นให้ทั้งนักบำบัดและผู้ป่วยหันมาให้ความสำคัญกับการบำบัดเชิงรุกที่ได้ผลจริงตามหลักฐาน แทนที่จะพึ่งพาการบำบัดเชิงรับที่ไม่มีประสิทธิภาพ

ไม่ควรใช้อุปกรณ์พยุงมือและข้อมือ (Splints) เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงานตามปกติ เนื่องจากไม่มีผลต่อการทำงาน ความเจ็บปวด หรือพิสัยการเคลื่อนไหว

3. "ตัวเลขมหัศจรรย์": ปริมาณการทำกายภาพบำบัดที่เหมาะสมคือเท่าไหร่?

คำถามที่ว่า "ต้องทำกายภาพบำบัดมากแค่ไหนถึงจะเพียงพอ?" อาจฟังดูคลุมเครือ แต่แนวทางเวชปฏิบัติได้ให้เป้าหมายที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยมี "คำแนะนำอย่างอ่อน" (Weak recommendation) ให้ผู้ป่วยได้รับการบำบัดตามตารางเวลา (ทั้งกิจกรรมบำบัดและกายภาพบำบัด) อย่างน้อยวันละ 3 ชั่วโมง

แต่รายละเอียดที่สำคัญที่สุดในคำแนะนำนี้คือ "ต้องแน่ใจว่าอย่างน้อย 2 ชั่วโมงในนั้น เป็นการฝึกฝนภารกิจเชิงรุก (Active task practice)" คำว่า "การฝึกฝนภารกิจเชิงรุก" หมายถึง การฝึกฝนกิจกรรมที่ใกล้เคียงกับชีวิตประจำวันจริงๆ เช่น การฝึกยืนขึ้นจากเก้าอี้ การเดิน หรือการใช้แขนทำกิจกรรมต่างๆ นอกจากนี้ แนวทางฯ ยัง "แนะนำอย่างยิ่ง" (Strong recommendation) ให้ใช้การบำบัดแบบกลุ่ม (Group circuit class therapy) เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมบำบัดได้ในปริมาณที่มากขึ้นตามเป้าหมาย

4. พลังของผู้ป่วยและครอบครัว: หัวใจสำคัญของการฟื้นฟู

การฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับนักบำบัดเพียงฝ่ายเดียว แนวทางฯ ฉบับใหม่ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของ "คน" ในกระบวนการฟื้นฟูอย่างชัดเจน โดยให้ "คำแนะนำอย่างยิ่ง" ว่าการตั้งเป้าหมายการฟื้นฟูจะต้องเป็นกระบวนการที่ทำร่วมกันระหว่างผู้ป่วย ครอบครัว และผู้ดูแล โดยเป้าหมายต้องมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง มีความเฉพาะเจาะจง และท้าทายความสามารถ

นอกจากนี้ ยังมี "คำแนะนำอย่างยิ่ง" ให้มีการให้ข้อมูลและการสนับสนุนที่ปรับให้เหมาะสมกับผู้ดูแลในทุกระยะของการฟื้นฟู การสนับสนุนนี้ไม่ได้เป็นเพียงนามธรรม แต่หมายรวมถึงการให้ข้อมูลที่จำเป็น เปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัยกับทีมแพทย์และนักบำบัดเกี่ยวกับผลการประเมิน แผนการรักษา การวางแผนจำหน่าย ไปจนถึงการให้ข้อมูลติดต่อหน่วยงานในชุมชน และที่สำคัญคือ มี "คำแนะนำอย่างยิ่ง" ใหม่สำหรับการแทรกแซงเพื่อการจัดการตนเอง (Self-management interventions) เช่น โปรแกรม 'Take Charge After Stroke' ซึ่งช่วยเสริมพลังให้ผู้ป่วยสามารถกำกับการฟื้นฟูของตนเองได้หลังจากกลับบ้าน ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นว่าการดูแลผู้ป่วยสโตรกสมัยใหม่มองผู้ป่วยและครอบครัวในฐานะ "หุ้นส่วน" ที่มีบทบาทสำคัญในทีมบำบัด ไม่ใช่ผู้รับการรักษาเพียงอย่างเดียว

บทสรุป: คิดใหม่เรื่องการฟื้นฟูสโตรก

แนวทางเวชปฏิบัติล่าสุดได้มอบมุมมองใหม่ที่น่าทึ่งให้แก่เรา ชี้ให้เห็นว่าการฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีประสิทธิภาพนั้นขับเคลื่อนด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าประหลาดใจ ซึ่งมักจะท้าทายความเชื่อและแนวปฏิบัติแบบเดิมๆ

หัวใจสำคัญของการฟื้นฟูไม่ได้อยู่ที่การ "ทำมากขึ้น" เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การทำอย่าง "ชาญฉลาด" ตรงเป้าหมาย และอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย การฟื้นตัวคือการเดินทางที่ต้องใช้ความพยายามอย่างชาญฉลาด มีเป้าหมายที่ชัดเจน และมีทีมที่แข็งแกร่ง ซึ่งประกอบด้วยทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย และครอบครัว

ท้ายที่สุดนี้ ลองถามตัวเองว่า "การเข้าใจความจริงที่อิงตามหลักฐานเหล่านี้ จะเปลี่ยนวิธีที่เราสนับสนุนคนที่เรารักในการเดินทางเพื่อฟื้นฟูหลังการเป็นสโตรกได้อย่างไร?"

อาการปวดเป็นปัญหาสุขภาพที่รบกวนการดำเนินชีวิตของผู้สูงวัย ห้ามพลาดการติดตามสาระน่ารู้ทางสุขภาพสำหรับผู้สูงวัยได้ที่นี่
09/05/2025

อาการปวดเป็นปัญหาสุขภาพที่รบกวนการดำเนินชีวิตของผู้สูงวัย ห้ามพลาดการติดตามสาระน่ารู้ทางสุขภาพสำหรับผู้สูงวัยได้ที่นี่

ทุกคนน่าจะเคยมีอาการปวด อย่างน้อยก็หนึ่งครั้งในชีวิต บางครั้งอาจเป็นอาการปวดซึ่งคงอยู่ไม่นาน อาทิ ปวดศีรษะ ปวดแผล ฟกช้ำ อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุหลายคนอาจมีอาการปวดซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน โดยมีสาเหตุจากปํญหาทางสุขภาพ เช่น โรคข้อเสื่อม โรคเบาหวาน โรคงูสวัด และโรคมะเร็ง เป็นต้น

อาการปวดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. อาการปวดเฉียบพลัน มักเกิดขึ้นแบบทันทีทันใด แต่จะคงอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ และอาการจะดีขึ้นเมื่อร่างกายมีการซ่อมสร้างตัวเอง เช่น อาการปวดหลังการผ่าตัดกระดูกหัก อาการปวดฟัน อาการปวดจากการมีนิ่วในไต เป็นต้น
2. อาการปวดเรื้อรัง มักมีอาการคงอยู่เป็นระยะเวลานาน อย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งผู้สูงอายุส่วนใหญ่อาจมีอาการปวดเรื้อรังจากโรคข้อเสื่อม การบาดเจ็บ หรือเคยได้รับการผ่าตัด ซึ่งเคยมีอาการปวดเฉียบพลันจนกระทั่งมีอาการปวดแบบเรื้อรังตามมา

อาการปวดส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้สูงอายุ ดังนี้
- รบกวนการทำกิจวัตรประจำวัน
- รบกวนการนอน การรับประทานอาหาร
- มีความยากลำบากในการทำงานที่ต้องอาศัยความต่อเนื่อง
- ทำให้รู้สึกเป็นกังวล หรืออาจเกิดอาการซึมเศร้าได้
- เก็บตัว ไม่ยอมทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน และครอบครัว

เมื่อเกิดอาการปวดขึ้นอาจตั้งคำถามกับตนเอง ดังนี้
- ปวดบริเวณไหนของร่างกาย?
- เริ่มปวดตั้งแต่เมื่อไหร่?
- เมื่อปวดแล้วหายได้เองไหม?
- ปวดแบบไหน ปวดแปล๊บๆ ตื้อๆ ตุ๊บๆ หรือแสบร้อน?
- มีอาการอื่นๆ เช่น ไข้ เบื่ออาหาร ร่วมด้วยไหม?
- ปวดมากในช่วงเวลาใด ตอนเช้า ตอนเย็น หรือหลังรับประทานอาหาร?
- ปวดมากน้อยเพียงใด โดยอาจให้ระดับคะแนนปวด ตั้งแต่ 0-10 เมื่อ 0 คือไม่รู้สึกปวด และ 10 คือ รู้สึกปวดมากจนทนไม่ไหว
- เมื่อปวดแล้วทำอย่างไร ประคบ ประคบเย็น เปลี่ยนท่าทาง แล้วอาการดีขึ้นไหม?
- ยาที่รับประทานอยู่เป็นประจำส่งผลข้างเคียงให้มีอาการมากขึ้นไหม?

อาการปวดอาจเป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติของร่างกาย ไม่ควรละเลย ควรพาผู้สูงอายุไปเข้ารับการตรวจ และรักษาอย่างเหมาะสม

ศูนย์ ฌาน เฮอริเทจ แคร์ รับดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์ ผู้ป่วย Stroke ต้องการฟื้นฟู กายภาพบำบัด หลังออกจาก โรงพยาบาล📌รับฟื้นฟูผู...
07/04/2025

ศูนย์ ฌาน เฮอริเทจ แคร์
รับดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์ ผู้ป่วย Stroke ต้องการฟื้นฟู กายภาพบำบัด หลังออกจาก โรงพยาบาล

📌รับฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพฤกษ์ เป็น หลัก เน้นกายภาพบำบัด เพื่อให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองได้ สามารถกลับบ้านได้ รับดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง
ผู้มีภาวะพึ่งพิง
MAP ศูนย์ Chan Heritage Care
แผนที่นำทาง https://maps.app.goo.gl/HDbhtt2giNTQ5PWs8
จ่ายล่วงหน้า 1เดือน เข้าพักได้เลยค่ะ

โทร. 02-1036731,094-9695242
คุณหนิง ผู้จัดการศูนย์
🏪รับดูแลผู้สูงอายุ ดูแลผู้ป่วย ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ คนแก่ คนชรา ผู้ป่วยระยะพักฟื้น พุทธมนฑล สาย 1 พุทธมณฑลสาย 2 จรัลสนิทวงศ์ ราชพฤกษ์ บรมราชนนี บางแค กาญจนาภิเษก

🏩Chan Heritage Care ให้บริการดูแลผู้สูงอายุ และผู้ป่วยระยะพักฟื้น ทั้งแบบประจำและแบบชั่วคราว ดูแลผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองได้และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โดยทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุโดยตรง มีบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่สงบเงียบ เหมาะสมแก่การพักฟื้น อีกทั้งเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
👉🏻เราให้บริการดูแลผู้สูงอายุ ดูแลบุคคลที่ท่านรักด้วยความอบอุ่นเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ศูนย์ของเรามีทีมพยาบาล ผู้ช่วยทางการพยาบาล
นักกายภาพบำบัดวิชาชีพที่เน้นฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพฤกษ์โดยตรง ที่มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญให้การดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
“ฟื้นฟูให้ได้ผล ต้องเน้นความต่อเนื่อง“

โปรแกรมกายภาพบำบัด องค์รวม ฟื้นฟู กาย ใจ จิตวิทยา เพิ่มคุณภาพชีวิต
ทำหัตถการโดยนักกายภาพบำบัดผู้ชำนาญการ

🏪ศูนย์อยู่ แยก พุทธมณฑลสาย 1 ตัด กับ ถนนพระเทพ (พรานนก- สาย 4) ติดสวนขนาดใหญ่ อยู่ในย่านชุมชนที่เงียบสงบ สะอาด บรรยากาศเหมาะสำหรับการพักฟื้นอบอุ่นเสมือนอยู่บ้าน

🚘การเดินทางสะดวกเชื่อมต่อถนนได้หลายเส้นทาง ถนนพุทธมณฑล สาย 1
ถนน พระเทพ (พรานนก สาย 4)
สิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ
- ตลาด ธนบุรี 2
- ตลาด สายใต้ ใหม่
-ตลาดนัดวัดประดู่ สาย 1
- โรงพยาบาลศิริราช
- โรงพยาบาลธนบุรี 2
- โรงพยาบาลเกษมราษฎร์บางแค
-โรงพยาบาลราชพิพัฒน์

#รับดูแลผู้สูงอายุ #ศูนย์ฟื้นฟูstroke #อัมพฤกษ์ #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ #เนอร์สซิ่งโฮม #ดูแลผู้สูงอายุ #ดูแลคนชรา #ดูแลคนแก่ #กายภาพบำบัด #รับดูแลคนชรา #ดูแลผู้ป่วย #สถานรับเลี้ยงคนชรา #พยาบาลผู้สูงอายุ #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุตลิ่งชัน #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุกาญจนาภิเษก #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุบรมราชชนนี #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุพุทธมนฑลสาย1 #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุพุทธมนฑลสายสาย2 #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุบางแค #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุราชพฤกษ์ #ฌานเฮอริเทจแคร์
#ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพฤกษ์
#ดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัด #ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ดูแลด้วยใจซื่อสัตย์ อาบน้ำ เช็ดตัว เปลี่ยนผ้า ดูแลการขับถ่าย จัดอาหาร เล่นเกมส์
ทำกิจกรรม

ทุกคนน่าจะเคยมีอาการปวด อย่างน้อยก็หนึ่งครั้งในชีวิต บางครั้งอาจเป็นอาการปวดซึ่งคงอยู่ไม่นาน อาทิ ปวดศีรษะ ปวดแผล ฟกช้ำ ...
06/05/2024

ทุกคนน่าจะเคยมีอาการปวด อย่างน้อยก็หนึ่งครั้งในชีวิต บางครั้งอาจเป็นอาการปวดซึ่งคงอยู่ไม่นาน อาทิ ปวดศีรษะ ปวดแผล ฟกช้ำ อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุหลายคนอาจมีอาการปวดซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน โดยมีสาเหตุจากปํญหาทางสุขภาพ เช่น โรคข้อเสื่อม โรคเบาหวาน โรคงูสวัด และโรคมะเร็ง เป็นต้น

อาการปวดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. อาการปวดเฉียบพลัน มักเกิดขึ้นแบบทันทีทันใด แต่จะคงอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ และอาการจะดีขึ้นเมื่อร่างกายมีการซ่อมสร้างตัวเอง เช่น อาการปวดหลังการผ่าตัดกระดูกหัก อาการปวดฟัน อาการปวดจากการมีนิ่วในไต เป็นต้น
2. อาการปวดเรื้อรัง มักมีอาการคงอยู่เป็นระยะเวลานาน อย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งผู้สูงอายุส่วนใหญ่อาจมีอาการปวดเรื้อรังจากโรคข้อเสื่อม การบาดเจ็บ หรือเคยได้รับการผ่าตัด ซึ่งเคยมีอาการปวดเฉียบพลันจนกระทั่งมีอาการปวดแบบเรื้อรังตามมา

อาการปวดส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้สูงอายุ ดังนี้
- รบกวนการทำกิจวัตรประจำวัน
- รบกวนการนอน การรับประทานอาหาร
- มีความยากลำบากในการทำงานที่ต้องอาศัยความต่อเนื่อง
- ทำให้รู้สึกเป็นกังวล หรืออาจเกิดอาการซึมเศร้าได้
- เก็บตัว ไม่ยอมทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน และครอบครัว

เมื่อเกิดอาการปวดขึ้นอาจตั้งคำถามกับตนเอง ดังนี้
- ปวดบริเวณไหนของร่างกาย?
- เริ่มปวดตั้งแต่เมื่อไหร่?
- เมื่อปวดแล้วหายได้เองไหม?
- ปวดแบบไหน ปวดแปล๊บๆ ตื้อๆ ตุ๊บๆ หรือแสบร้อน?
- มีอาการอื่นๆ เช่น ไข้ เบื่ออาหาร ร่วมด้วยไหม?
- ปวดมากในช่วงเวลาใด ตอนเช้า ตอนเย็น หรือหลังรับประทานอาหาร?
- ปวดมากน้อยเพียงใด โดยอาจให้ระดับคะแนนปวด ตั้งแต่ 0-10 เมื่อ 0 คือไม่รู้สึกปวด และ 10 คือ รู้สึกปวดมากจนทนไม่ไหว
- เมื่อปวดแล้วทำอย่างไร ประคบ ประคบเย็น เปลี่ยนท่าทาง แล้วอาการดีขึ้นไหม?
- ยาที่รับประทานอยู่เป็นประจำส่งผลข้างเคียงให้มีอาการมากขึ้นไหม?

อาการปวดอาจเป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติของร่างกาย ไม่ควรละเลย ควรพาผู้สูงอายุไปเข้ารับการตรวจ และรักษาอย่างเหมาะสม

เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ขาดพลังงาน อาจเป็นการตอบสนองปกติของร่างกายซึ่งเกิดขึ้นจากการมีกิจกรรมทางกาย การตึงเครียดทางอารมณ์ ค...
05/05/2024

เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ขาดพลังงาน อาจเป็นการตอบสนองปกติของร่างกายซึ่งเกิดขึ้นจากการมีกิจกรรมทางกาย การตึงเครียดทางอารมณ์ ความเบื่อ และนอนไม่เพียงพอ ในทางกลับกันก็อาจเป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติของร่างกายและจิตใจที่รุนแรงได้

สาเหตุของความเหนื่อยล้ามีอะไรบ้าง?
ความเหนื่อยล้าอาจเกิดจากการเป็นโรค ได้แก่ การติดเชื้อ การเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ โรคไทรอยด์ โรคโลหิตจาง โรคหลอดเลือดสมอง และโรคพาร์กินสัน เป็นต้น การอยู่ในระหว่างการรักษาทางการแพทย์ เช่น การได้รับเคมีบำบัดโรคมะเร็ง ช่วงพักฟื้นหลังการผ่าตัด นอกจากนี้ อาจเกิดจากการรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาต้านอาการซึมเศร้า ยาแก้แพ้ และยาแก้อาการปวด เป็นต้น

การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดความเหนื่อยล้า โดยอาจมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะสุขภาพ ความกลัวที่จะไม่มีคนดูแล การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ปัญหาด้านการเงิน เมื่อเกิดความตึงเครียดทางอารมณ์จากสาเหตุเหล่านี้อาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้าได้เช่นกัน

พฤติกรรมการในชีวิตประจำวันอาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้าได้ เช่น นอนดึก ดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ มีการออกกำลังกายน้อยหรือหนักเกินไป และความเป็นคนเบื่อง่ายเมื่อไม่มีอะไรทำ เป็นต้น

การจัดการความเหนื่อยล้าทำอย่างไร?
หากมีความเหนื่อยล้าต่อเนื่องเป็นระยะนานหลายสัปดาห์ติดต่อกัน ควรได้รับการค้นหาสาเหตุและการรักษาทางแพทย์ที่เหมาะสม และอาจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย หรือมีกิจกรรมทางกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น

เคยสังเกตุไหมว่าบางคนเวลาป่วยทำไมถึงป่วยนานกว่าปกติ ในขณะที่บางคนเมื่อป่วยแล้วสามารถหายป่วยได้อย่างรวดเร็ว ในสถานการณ์ขอ...
04/05/2024

เคยสังเกตุไหมว่าบางคนเวลาป่วยทำไมถึงป่วยนานกว่าปกติ ในขณะที่บางคนเมื่อป่วยแล้วสามารถหายป่วยได้อย่างรวดเร็ว

ในสถานการณ์ของเกิดโรคติดเชื้อ เช่น COVID-19 หรือเกิดโรคติดเชื้อตามฤดูกาล เช่น ไข้หวัดใหญ่ อาจทำให้บางคนติดเชื้อได้ง่าย บางคนเมื่อติดเชื้อแล้วสามารถหายได้อย่างรวดเร็ว หรือบางคนอาจไม่ติดเชื้อเลยก็ได้

ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune system) ของร่างกายมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวต่อเชื้อโรคได้ หรือเรียกว่า "Immune resilience"

"Immune resilience" หมายถึง ความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว หรือมีการตอบสนองที่เหมาะสมต่อตัวกระตุ้นต่างๆ ที่ทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบติดเชื้อซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่ออายุมาก หรือมีปัญหาสุขภาพ

โดยทั่วไป ร่างกายจะมีเซลล์เม็ดเลือดขาวที่คอยควบคุมและต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ เรียกว่า T cell ซึ่งเมื่อเกิดการเจ็บป่วย หรืออายุมากขึ้นจะทำให้ระดับความสมดุลของเซลล์เลือดขาวชนิด CD4+ และ CD8+ มีความแตกต่างกัน โดยค่าระดับความแตกต่างของสมดุลเซลล์เม็ดเลือดขาวทั้ง 2 ชนิด เมื่อมีค่าน้อยๆ จะทำให้ร่างกายมี "Immune resilience" ได้ดีกว่าค่ามากๆ

ปัจจุบันจึงมีการพัฒนาวิธีการ และแนวทางการรักษาใหม่ๆ เพื่อใช้คาดกาณ์ความเสี่ยงการเกิดโรค รวมทั้ง เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายมี "Immune resilience" ในการทำให้คนสูงวัยมีสุขภาพแข็งแรง มีอายุขัยที่ยาวนานขึ้น อย่างไรก็ตาม การรับประทานที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็ยังเป็นวิธีการมาตรฐานที่ทำให้ห่างไกลจากโรคได้

ถ้าหากผู้สูงวัยนอนหลับไม่เพียงพอ หรือมีคุณภาพของการนอนไม่ดี จะมีความเสี่ยงทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ในระยะยาว ทำให้เกิดโรคเ...
27/04/2024

ถ้าหากผู้สูงวัยนอนหลับไม่เพียงพอ หรือมีคุณภาพของการนอนไม่ดี จะมีความเสี่ยงทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ในระยะยาว ทำให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคซึมเศร้า และโรคอ้วน เป็นต้น

วิธีง่ายๆ ไม่เสียค่าใช้จ่าย และเริ่มทำได้ทันที คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของการนอนอย่างถูกต้อง ดังนี้
- เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลาในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดา วันหยุด หรือเมือต้องเดินทางไปท่องเที่ยว
- ไม่งีบหลับระหว่างวัน โดยเฉพาะช่วงบ่ายและเย็น เพราะจะทำให้นอนหลับยากในช่วงกลางคืน
- ใช้เวลาสั้นๆ ในการผ่อนคลายตัวเองก่อนถึงเวลาเข้านอน เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลงเบาๆ เป็นต้น
- ไม่ดูทีวี เล่นคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ในห้องนอน เพราะแสงจากหน้าจออุปกรณ์เหล่านี้จะทำให้หลับยาก
- ปรับอุณหภูมิในห้องนอนให้เหมาะสม ไม่เย็นหรือร้อนจนเกินไป และจะต้องเงียบไม่มีเสียงดังรบกวน
- ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน แต่ก่อนเข้านอน 3 ชั่วโมง ไม่ควรออกกำลังกาย
- งดการรับประทานอาหารปริมาณมากๆ ก่อนเข้านอน
- งดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ โซดา ช็อกโกแลต เป็นต้น ในช่วงเวลาบ่าย เย็น
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ทำให้หลับง่ายขึ้น การดื่มแอลกอฮอล์แม้เพียงเล็กน้อยจะทำให้หลับยากขึ้น

ผู้สูงอายุทุกคนต้องการเวลานอนหลับอย่างเพียงพอเท่าๆ กัน ประมาณ 7-9 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุมักเข้านอนเร็วแต่ตื่นเช...
16/04/2024

ผู้สูงอายุทุกคนต้องการเวลานอนหลับอย่างเพียงพอเท่าๆ กัน ประมาณ 7-9 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุมักเข้านอนเร็วแต่ตื่นเช้ากว่าปกติ สาเหตุของการนอนหลับไม่เพียงพอเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น มีอาการเจ็บป่วย มีอาการปวดตามร่างกาย หรือแม้กระทั่งการรับประทานยาบางชนิด ซึ่งไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม เมื่อผู้สูงอายุต้องเผชิญกับการนอนหลับที่ไม่ดีในเวลากลางคืน จะทำให้มีอารมณ์ที่ไม่แจ่มใส หงุดหงิดง่าย ความจำไม่ดี หลงลืมง่าย บางครั้งอาจรู้สึกหดหู่ ซึมเศร้า และทำให้เกิดการบาดเจ็บได้บ่อยจากการหกล้ม หรืออุบัติเหตุต่างๆ

โรคนอนไม่หลับ หรือ Insomnia เป็นปัญหาการนอนหลับซึ่งพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เมื่อเป็นโรคนี้ ผู้สูงอายุจะไม่ค่อยรู้สึกง่วงนอนและนอนหลับได้ไม่นาน โรคนอนไม่หลับอาจสังเกตุได้จากอาการผิดปกติ ดังนี้
- ต้องใช้เวลานานจนกว่าจะรู้สึกง่วงนอน
- ตื่นบ่อยในเวลากลางคืน
- ตื่นเช้ากว่าปกติและไม่สามารถนอนต่อได้อีก
- ตื่นนอนขึ้นมาพร้อมกับอาการเหนื่อยล้า
- รู้สึกง่วงนอนบ่อยๆ ในเวลากลางวัน

โรคนอนไม่หลับอาจมีอาการนานเป็นวัน เป็นเดือน หรือหลายปี เมื่อการนอนหลับยากเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนติดเป็นความเคยชิน ผู้สูงอายุจะมีความวิตกกังวลว่ากลัวจะนอนไม่หลับเมื่อต้องถึงเวลาเข้านอนซึ่งจะทำให้อาการนอนไม่หลับรุนแรงมากขึ้น

ประเทศไทยมีแนวโน้มผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยพบว่าเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 6.8 ในปี 2537 เป็นร้อยละ 19...
16/04/2024

ประเทศไทยมีแนวโน้มผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยพบว่าเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 6.8 ในปี 2537 เป็นร้อยละ 19.6 ในปี 2564

เมื่อพิจารณาจำนวนผู้สูงอายุในแต่ละภาค พบว่า ภาคเหนือ มีจำนวนผู้สูงอายุมากที่สุด รองลงมา คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีจำนวนผู้สูงอายุต่ำสุด โดยอาศัยอยู่นอกเขตเทศบาลมากกว่าในเขตเทศบาล

ในปี 2566 ที่ผ่านมา นับว่าเป็นปีที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ นั่นคือ มีจำนวนผู้สูงอายุ 13 ล้านคน โดยคิดเป็นร้อยละ 20 จากจำนวนประชากรรวมทั้งหมด 66 ล้านคน

ผู้คนจะมีอายุยืนยาวขึ้น องค์การอนามัยโลก คาดการณ์ว่าในปี 2573 ทั่วโลกจะมีประชากรอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ราว 1.4 พัน ล้าน...
15/04/2024

ผู้คนจะมีอายุยืนยาวขึ้น องค์การอนามัยโลก คาดการณ์ว่าในปี 2573 ทั่วโลกจะมีประชากรอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ราว 1.4 พัน ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 6 ของประชากรทั่วไป ด้วยเหตุนี้ทำให้หลายประเทศตื่นตัวกับการพัฒนาระบบดูแลสุขภาพเพื่อผู้สูงอายุ

ยินดีต้อนรับเข้าสู่   เพจที่จะนำเสนอสาระของการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ 📌โปรดอย่าพลาดการติดตาม
15/04/2024

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ เพจที่จะนำเสนอสาระของการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ 📌โปรดอย่าพลาดการติดตาม

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Elderly Care Community การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram