รู้ทัน โรคกระดูกเสื่อม

รู้ทัน โรคกระดูกเสื่อม ให้ปรึกษา แนะนำ การฟื้นฟู อาการโรค ข้อ เข่าเสื่อม อักเสบ อาการทางกระดูก ไขข้อ

อ่านให้จบ เพื่อประโยชน์กับตัวคุณเอง✔️ทุกวันนี้คนเราเจอกับมลภาวะตั้งแต่อากาศที่หายใจ อาหารที่รับประทาน น้ำที่ดื่มทุกวัน ก...
08/07/2018

อ่านให้จบ เพื่อประโยชน์กับตัวคุณเอง

✔️ทุกวันนี้คนเราเจอกับมลภาวะตั้งแต่อากาศที่หายใจ อาหารที่รับประทาน น้ำที่ดื่มทุกวัน ก่อให้เกิดปัญหาอนุมูลอิสระสะสมในร่างกายเป็นประจำทุกวันแบบไม่รู้ตัว หนำซ้ำอาวุธที่มนุษย์มีไว้ต่อต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติก็ร่อยหรอลงไปทุกที จะหาผักผลไม้ปลอดสารพิษได้จากที่ไหน? แร่ธาตุในดินที่ลดลงไปเรื่อยๆ จะทำให้ผลไม้มีคุณค่าเพียงพอได้อีกกี่ปี?

✔️หลากหลายปัญหาที่ทำให้มนุษย์เป็นโรคเสื่อม ทั้งเกิดจากภายนอกและจากภายในคือความเครียดจากการทำงานก็ก่อให้เกิดปัญหากับระบบร่างกายเช่นเดียวกัน วันนี้อาจจะยังแข็งแรงอยู่ แต่ทุกอย่างมันกำลังก่อร่างสร้างตัวอยู่ในร่างกายของคุณนั่นเอง เมื่อใดเม็ดเลือดขาวแพ้ เมื่อนั้นก็จะแสดงอาการออกมา

สารอาหารบำบัดหรือที่ในบ้านเราเรียกกันว่า "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร" นั้นดูหลายคนจะขยาดและอยากวิ่งหนีเมื่อได้ยินคำนี้เพราะทราบว่าต้องเสียเงิน... จริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการป้องกันเราจากโรคเสื่อมต่างๆ ที่มีอันดับการตายเป็นอันดับ 1 - 10 อยู่ทุกๆ ปี เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, โรคไขข้อ, โรคหลอดเลือดอุดตัน, โรคเบาหวาน ฯลฯ อีกสารพัด สาเหตุหลักที่เกิดโรคพวกนี้ขึ้นก็เพราะ "เซลอ่อนแอ" หรือ "เซลขาดอ็อกซิเจน" เพราะสู้รบกับอนุมูลอิสระไม่ไหวนั่นเอง จึงเป็นสาเหตุที่เราต้องมอง "สารอาหารบำบัด" เพื่อป้องกันโรคเสื่อมที่สะสมอยู่ในร่างกาย

ทำไมต้องใช้สารอาหารบำบัด ? นพ.เรย์ ดี สแตรนด์ (Ray D. Strand, M.D.) ทำการวิจัยเกือบ 10 ปี พบว่าคุณประโยชน์ของ "สารอาหารบำบัด"ที่มีคุณภาพสูง สามารถช่วยให้ร่างกายมีสมรรถภาพต่างๆ คือ

เพิ่มภูมิต้านทานโรค

เพิ่มศักยภาพให้ Antioxidant สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสื่อม ความชรา และมะเร็ง

ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคลมปัจจุบัน มะเร็ง ข้ออักเสบ ความเสื่อม ต้อกระจก อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน หืด โรคปอด โรคจากความเสื่อมเรื้อรัง

ช่วยรักษาโรคที่มีความเสื่อมเรื้อรัง

จริงอยู่...คุณหมอบางท่านอาจจะบอกว่า "ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ก็พอแล้ว" ถูกต้อง! พอแน่นอนถ้าคุณรู้ว่าต้องทานอย่างไร ในปริมาณเท่าไร แต่ทุกวันนี้คุณหมอบอกต่อหรือเปล่าว่า ต้องทานมาก - น้อยแค่ไหน ? ถ้าไม่ทราบ...ลองตอบคำถามเหล่านี้ดู

ถ้า...คุณตอบว่า ใช่...! ในข้อใดข้อหนึ่ง คุณสมควรกิน "สารบำบัด"

1.คุณไม่ได้กินอาหารดีๆ มีประโยชน์ทุกมื้อ เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืช ผัก และผลไม้สดอินทรีย์ (ไร้สารพิษ 100%) เต้าหู้ สาหร่ายทะเล ปลา และอาหารทะเลไร้สารพิษ เป็นต้น

2.คุณไม่ได้ทานผักครบ 5 สีทุกมื้อ หรือทานผักผลไม้ครบ 2 กิโลกรัมทุกวัน (หรือ 80% ใน 1 วัน)

3. คุณทานอาหารเป็นประเภททอด ปิ้ง ย่าง ผัด เป็นส่วนใหญ่ และใช้ความร้อนกับน้ำมันพืชเกิน 60 องศาเซลเซียส
(ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระมหาศาลตั้งแต่กระบวนการทำอาหาร จนถึงรับประทานเข้าไป)

4. คุณไม่ได้ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้งขึ้นไป

5. คุณอยากมี "สุขภาพดี 120 ปี ไม่มีป่วย" หรืออยากมีสุขภาพดี ดูดี อ่อนกว่าวัย 10 - 30 ปี

6. คุณไม่อยากเป็นเหมือนคนทั่วไป ที่มีความเจ็บป่วย พิการ ดูเหมือนเป็นเรื่อง "ธรรมดา" ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น

• อายุ 40 ปี เริ่มมีโรค เริ่มพบแพทย์

• อายุ 50 ปี มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต้องกินยาตลอดชีวิต

• อายุ 60 ปี ต้องนอนโรงพยาบาล เป็นมะเร็ง หรือผ่าตัด เสียเงินอีกหลายแสนบาท

• อายุ 70 ปี ต้องนอนโรงพยาบาลนาน 2 - 3 เดือน หรือนอน ICU

• อายุ 80 ปี พิการ อัมพาต นอนบนเตียงตลอดชีวิต หรือตาย

จริงๆ แล้วคุณสามารถป้องกันได้ทั้งหมด ด้วยการดูแลเซลล์ให้แข็งแรงอยู่เสมอ กระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้คอยต่อต้านอนุมูลอิสระ ไม่ให้ส่วนไหนของร่างกายอ่อนแอ แต่จะทำยังไง

"สารอาหารบำบัด" จึงจำเป็น เหตุผลในการเลือกกินผลิตภัณฑ์ "สารอาหารบำบัด" ของคนทั่วไป 5 อันดับแรก

ดีต่อสุขภาพ 25.5 %

แข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย 24.0 %

มีภูมิต้านทานโรค 12.5 %

มีประโยชน์ต่อร่างกาย 9.0 %

ไม่อยากอ้วน / ควบคุมน้ำหนัก 4.%

ในการศึกษาวิจัยถึง 7 ปี ในที่สุดก็ได้พบว่า อาหารเสริมที่สกัดจากพืชหรือสัตว์โดยปราศจากเคมี จะช่วยให้ผู้ป่วยหายป่วยได้จริง และคนปกติหากรับประทานอาหารเสริมเป็นประจำ ก็จะทำให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เกิดการเจ็บป่วยง่ายๆ คุณหมอเรย์ จึงสรุปว่า ผู้ที่รับประทานอาหารเสริมที่มีสารอาหารสูง จะได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ

1. เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทำให้ร่างกายต่อสู้กับโรคหรือเชื้อโรคต่างๆ ได้

2. เพิ่มศักยภาพให้กับระบบต่อต้านอนุมูลอิสระ

3. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

4. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคลมปัจจุบัน

5. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง

6. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคข้อต่ออักเสบ ความเสื่อมเฉพาะจุด และโรคต้อกระจก

7. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ พากินสัน หอบหืด ปอด และโรคที่เกิดจากความเสื่อมของอวัยวะชนิดเรื้อรังอื่นๆ

8. พัฒนาการรักษาโรคที่เกิดจากความเสื่อมเรื้อรังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
----------------------------------
เ รี ย น รู้ วิ ธี บำ บั ด ตั ว เ อ ง ฟ รี ! ! ...ผ่านไลน์แอด
อย่าลืมแชร์และชวนเพื่อนเรียนรู้พร้อมกัน

ปรึกษาฟรี โทร 098 874 4569

ติดตามข้อมูล หรือ ทักมาทางไลน์ คุยกับเราได้เลยคะ
คลิ๊กที่นี่

Open the Friends tab in your LINE app, tap the add friends icon inthe top right, select "QR code," and then scan this QR code.

08/07/2018

Open the Friends tab in your LINE app, tap the add friends icon inthe top right, select "QR code," and then scan this QR code.

25/05/2018

ตื่นมาตอนเช้า รับอากาศ สดใส แต่!!

นิ้วมือ ขยับไม่ได้ เกิดอาการ #นิ้วล็อค
เสียงั้น

#นิ้วล็อค (Trigger Finger) คืออาการที่นิ้วเกิดล็อคเมื่องอนิ้ว แล้วไม่สามารถกลับมาเหยียดตรงได้ง่าย เกิดจากการอักเสบหนาตัวของปลอกเอ็นกล้ามเนื้อที่นิ้ว ทำให้เอ็นและกล้ามเนื้อที่อยู่ภายในไม่สามารถยืดหดได้ตามปกติ นิ้วก็จะเกิดอาการล็อค ไม่สามารถกลับมายืดตรงได้ตามปกติ

อาการของนิ้วล็อค

#นิ้วล็อค มักเกิดขึ้นกับนิ้วโป้ง นิ้วกลาง หรือนิ้วนาง ทั้งนี้ อาการนิ้วล็อคอาจเกิดขึ้นกับนิ้วหลายนิ้วได้ในเวลาเดียวกัน หรืออาจเกิดขึ้นได้กับนิ้วมือทั้ง 2 ข้างด้วย โดยอาการนิ้วล็อคจะเกิดขึ้นเมื่อนิ้วใดนิ้วหนึ่งพยายามงอในขณะที่มือต้องออกแรงทำบางอย่าง เมื่อนิ้วล็อค อาจจะเกิดอาการดังนี้

รู้สึกดังกึกเมื่อต้องงอหรือยืดนิ้ว
เกิดอาการนิ้วแข็ง ซึ่งมักเกิดขึ้นตอนเช้า
รู้สึกตึงและรู้สึกเหมือนมีบางอย่างนูนขึ้นมาตรงโคนของนิ้วที่ล็อค
นิ้วล็อคเมื่องอนิ้ว ซึ่งเกิดขึ้นทันทีที่ยืดนิ้วกะทันหัน
นิ้วล็อคเมื่องอนิ้วโดยไม่สามารถยืดนิ้วกลับมาได้

สาเหตุของนิ้วล็อค

เอ็นคือพังผืดที่ยึดกล้ามเนื้อและกระดูกไว้ด้วยกัน
ซึ่งเอ็นและกล้ามเนื้อที่มือและแขนจะช่วยให้นิ้วมืองอและยืดได้
โดยเอ็นแต่ละส่วนถูกล้อมรอบไว้ด้วยปลอกหุ้มเอ็น
อาการนิ้วล็อคจะเกิดขึ้นเมื่อปลอกหุ้มเอ็นตรงนิ้วอักเสบหนาตัวขึ้น ซึ่งทำให้เอ็นและปลอกหุ้มเอ็นตรงนิ้วไม่สามารถยืดหรืองอได้ตามปกติ

ปัจจัยที่เสี่ยงให้เกิดอาการนิ้วล็อคนั้น ได้แก่

การถือหรือแบกของนาน
อาชีพหรือกิจกรรมที่ต้องใช้มือทำและทำให้มือรับน้ำหนักเป็นเวลานาน รวมทั้งทำซ้ำบ่อย ๆ เช่น ทำสวน ตัดแต่งต้นไม้ ใช้ไขควงทำงาน หรือใช้อุปกรณ์ที่ต้องออกแรงกด

กิจกรรมลักษณะนี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดอาการนิ้วล็อค ผู้ที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเกิดอาการนิ้วล็อค ซึ่งเกิดจากการใช้นิ้วมือทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงหรือลงน้ำหนักเยอะรวมทั้งทำกิจกรรมนั้นซ้ำๆ

มักเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพชาวนา ชาวไร่ พนักงานโรงงาน ผู้ใช้แรงงาน และนักดนตรี

เนื่องจากหน้าที่ของอาชีพเหล่านี้ทำให้ต้องใช้มือทำงานในลักษณะที่กล่าวมา นอกจากนี้

ผู้ที่สูบบุหรี่ก็สามารถเกิดอาการนิ้วล็อคได้ โดยนิ้วโป้งจะล็อค เพราะต้องใช้งานในการจุดไฟแช็คบ่อย อย่างไรก็ดี อาการนิ้วล็อคมักพบได้ทั่วไปในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นบ่อยที่สุดกับผู้ที่มีอายุ 40-60 ปี

ปัญหาสุขภาพ บางครั้งอาการนิ้วล็อคอาจเกี่ยวข้องกับการป่วยด้วยโรคที่ก่อให้เกิดการอักเสบบริเวณเนื้อเยื่อที่มือ เช่น
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
โรคเกาต์
เบาหวาน
โรคอะไมลอยด์โดซิส (Amyloidosis) และโรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)
การป่วยเหล่านี้ เสี่ยงต่อการเกิดอาการนิ้วล็อค โดยผู้ป่วยจะเกิดอาการของโรคที่ตนป่วยอยู่แล้ว ร่วมด้วย

การรักษานิ้วล็อค
การบำบัด อาการนิ้วล็อคสามารถรักษาได้ด้วยวิธีที่นอกเหนือไปจากการรับประทานยา ดังนี้พักผ่อน ประคบร้อนหรือเย็น ใส่อุปกรณ์สำหรับดามนิ้วออกกำลังกายยืดเส้นการรักษาด้วยยาการศัลยกรรมและกระบวนการทางการแพทย์อื่น ๆการฉีดสารสเตียรอยด์การผ่าตัด

ภาวะแทรกซ้อนของนิ้วล็อค

ผู้ที่เกิดอาการนิ้วล็อคอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังได้รับการผ่าตัดรักษานิ้วล็อค ดังนี้
ติดเชื้อนิ้วแข็งหรือเจ็บเกิดแผลเป็นเส้นประสาทถูกทำลาย หากเส้นประสาทของผู้ป่วยถูกทำลายระหว่างรับการผ่าตัด นิ้วที่เกิดอาการล็อคอาจไม่ดีขึ้นเต็มที่หลังได้รับการรักษาเอ็นนิ้วงอได้ไม่สุด เรียกว่าภาวะบาวสตริง (Bowstring) ซึ่งเกิดจากเอ็นอยู่ผิดตำแหน่งเกิดกลุ่มอาการเจ็บปวดเฉพาะที่แบบซับซ้อน (Complex Regional Pain Syndrome: CRPS) หรือกลุ่มอาการซีอาร์พีเอส ซึ่งทำให้มือของผู้ป่วยปวดและบวมหลังได้รับการผ่าตัด หลังจากนั้นอาการดังกล่าวมักหายไปเองในไม่กี่เดือน ถึงอย่างนั้น กลุ่มอาการซีอาร์พีเอสก็สามารถเป็นปัญหาที่เกิดได้ถาวร

#ไม่อยากผ่า #ไม่อยากเจ็บตัว
หาทางฟื้นฟู
ปรึกษาฟรี โดยผู้เชี่ยวชาญ
☎ 098 874 4569

เพื่อการแนะนำที่ถูกต้อง และการฟื้นฟูที่เห็นชัดเจน ทักหรือส่งสติกเกอร์ แล้วแจ้งอาการได้เลยคะ

https://line.me/R/ti/p/%40ffo4036f

แชร์ให้เพื่อนๆ ที่คุณรัก. เพื่อเป็นวิทยาทานด้วยคะ

แปลกมั้ย! ปวดเสียวในข้อเข่า….เพราะกล้ามเนื้อคิดว่าเกี่ยวกันใช่ไหม? ได้ดูแลตรงจุด หยุดผิดทางอาการที่มีผลทำให้ปวดและเสียวใ...
23/05/2018

แปลกมั้ย! ปวดเสียวในข้อเข่า….เพราะกล้ามเนื้อ
คิดว่าเกี่ยวกันใช่ไหม?
ได้ดูแลตรงจุด หยุดผิดทาง

อาการที่มีผลทำให้ปวดและเสียวในข้อเข่า
เนื่องจากกล้ามเนื้อก้น Gluteus maximus muscle เป็นมัดที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ
ที่อยู่ด้านข้างขา (Iliotibial band )โยงไปเกาะที่ข้างเข่า

เมื่อกล้ามเนื้ออ่อนแรงก็จะทำให้ลูกสะบ้าเข่า (Patellar bone) บิดออกด้านนอก

เมื่อเคลื่อนไหวเข่าหรือแม้แต่เวลาเดิน การเคลื่อนของลูกสะบ้าจะคลูดกับผิวข้อเกิดขัดๆ
หรือเสียวๆ ในข้อเข่าก็เป็นได้

กล้ามเนื้อมัดนี้(Gluteal muscle) เป็นกล้ามเนื้อมัดสำคัญที่ใช้ในการยืน การเดิน พยุงข้อสะโพก
และเชิงกรานให้มั่นคง ถ้าปล่อยเอาไว้มักพบว่านานเข้าจะเป็นปัญหาไปถึงหลังได้

อาการทั้งหมดต้องแก้ที่ต้นตอของเหตุ
อาการต่างๆ จึงจะหายไป การจะสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ต้องทำให้ข้อต่อต่างๆ
ที่ยึดติดมานานมีความยืดหยุ่นก่อน สภาพกล้ามเนื้อที่ดีต้องมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น
ทนทานและทำงานสมดุลกัน

ดังนั้นถ้าสามารถรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่เริ่มแรก ช่วยให้อาการปวดดีขึ้นเร็ว
ช่วยบรรเทาอาการและลดความพิการที่อาจตามมา

สนใจสั่งซื้อ หรืือรับปรึกษาฟรี โดยผู้เชี่ยวชาญ
☎ 098 874 4569

เพื่อการแนะนำที่ถูกต้อง และการฟื้นฟูที่เห็นชัดเจน รบกวนเพิ่มเพื่อน ทางไลน์ โดยกดลิงค์ (ด้านล่าง) และ ทักหรือส่งสติกเกอร์ แล้วแจ้งอาการได้เลยคะ
👇 👇 👇 👇
https://line.me/R/ti/p/%40ffo4036f

ส า ระ ดี มี ป ระ โ ย ช น์  แ ช ร์ เ พื่ อ เ ป็ น วิ ท ย า ท า น #เรื่องขี้ขี้         วิธีแก้อุจจาระไม่ออก อุจจาระแข็ง ...
17/05/2018

ส า ระ ดี มี ป ระ โ ย ช น์ แ ช ร์ เ พื่ อ เ ป็ น วิ ท ย า ท า น

#เรื่องขี้ขี้
วิธีแก้อุจจาระไม่ออก อุจจาระแข็ง อุจจาระตกค้าง หรือประเภท 2 วัน 3 วันจึงถ่ายครั้งหนึ่ง
เจออุจจาระตกค้างในลำไส้อย่างน่าตกใจ บางคนมีน้ำหนักอุจจาระถึง 10 กิโล
"ตะลึง"....คุณหมอพรทิพย์เขียนไว้ว่าเวลาผ่าศพจะเจออุจจาระตกค้างในลำไส้อย่างน่าตกใจบางศพมีน้ำหนักอุจจาระถึง
10 โล... แล้วเป็นเพราะอะไร???

เค๊าว่า "อุจจาระตกค้าง" อุจจาระตกค้าง เนื่องมาจาก

1. เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด

2. กินอาหารที่มีกากใยน้อย

3. มีพยาธิ หรือ เชื้อรา ทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ

4. ระบบดูดซึมเสีย เพราะน้ำมันพืชเคลือบทำให้น้ำที่ดื่มเข้าไป ไม่หมุนเวียน

5. ไม่ถ่ายอุจจาระเวลา 05.00-07.00 เช้า
หากถ่ายอุจจาระ หลังเวลา 7 โมงเช้า
ลำไส้จะบีบให้อุจจาระขึ้นไปข้างบนเวลาถ่าย จะถ่ายไม่หมด แต่ไม่รู้ตัว

ที่ปลายลำไส้จะมีประสาทปลายทวาร เมื่อมีอุจจาระที่เหลวพอมาจ่อปลายทวาร
ประสาทจะส่งสัญญานบอกสมองให้ปวดอึหลัง 7 โมงเช้า

ลำไส้จะทำงานไม่เป็นปกติ บีบอุจจาระให้ขาดช่วงเวลาถ่ายจนรู้สึกว่าหมดแล้ว
เราก็หยุดแต่ความจริง อุจจาระท้ายขบวนยังไม่ออกแต่มันถูกดันกลับขึ้นไป
ไม่มาจ่อปลายทวารทำให้เราไม่ปวดอึ เราก็นึกว่าหมดแล้ว อุจจาระที่ค้างไว้นี้ก็จะเกาะที่ผนังลำไส้พอมีอุจจาระใหม่ที่เหลวกว่ามันก็แซงหน้าไปก่อน
แต่มันไม่สามารถดันพวกที่ค้างแข็งให้ออกไปได้พวกที่ค้างแข็งไว้
ก็เกาะติดแน่น

มาคุยกันค่ะ.....ป้องกันดีกว่ารักษาค่ะ

มีการรักษาฟื้นตัวทั้งระบบค่ะ...ด้วยการดีท๊อก..ทั้งตับ..เลือด..น้ำเหลือง..ลำไส้

เพื่อป้องกันมิจฉาชีพ...และสะดวกในการวินิจฉัยโรค...
กรุณาติดต่อเข้ามาใน..สถาบันค่ะ

#แชร์เป็นวิทยาทาน
เ รี ย น รู้ วิ ธี บำ บั ด ตั ว เ อ ง ฟ รี ! ! ...ผ่านไลน์แอด

อย่าลืมแชร์และชวนเพื่อนเรียนรู้พร้อมกัน

ปรึกษาฟรี คุณอุไรวรรณ 098 874 4569

ติดตามข้อมูล ➡️Line@ Link https://line.me/R/ti/p/%40ffo4036f

ฉะนั้น ทุกวันที่ถ่าย มันก็ถ่ายเฉพาะอึที่เหลวพอส่วนที่เหลือ
ก็เกาะไปเรื่อย ๆอุจจาระตกค้างจะไปทับเส้นเลือดต่างๆ
ในกระเพาะและ กดทับกระดูกหลัง ทำให้เกิดอาการมากมายเช่นท้องอืด
ปวดหลังปวดขา ปวดกล้ามเนื้อที่ไหล่และสะบัก เวียนหัวอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ
เป็นฝ้า ไมเกรน และอื่น ๆ
"นั่นแหละเป็นที่มา..ที่คุณหมอพรทิพย์เขียนไว้ว่าเวลาผ่าศพจะเจออุจจาระตกค้างในลำไส้อย่างน่าตกใจบางศพมีน้ำหนักอุจจาระถึง
10 กิโล"
การนำอุจจาระตกค้างออกจึงจำเป็นต้องหาว่าเป็นที่สาเหตุใดใน5 สาเหตุข้างต้น
แต่ถ้าสามารถได้รับการตรวจด้วยลูกดิ่งเพนดูลั่มก็จะรู้ได้สำหรับท่านที่ไม่สะดวกในการเดินทางมาให้ตรวจ
ก็แนะนำให้ถ่ายพยาธิเสียก่อน แล้ว ลองดีท็อกท้องคะ
ขอบคุณทุกท่านนะค่ะ.....ที่เลือกเราให้เป็นการแพทย์ทางเลือก...ที่นี่เราใช้สารอาหารในการฟื้นฟูบำบัดรักษา

มาคุยกันค่ะ.....ป้องกันดีกว่ารักษาค่ะ

มีการรักษาฟื้นตัวทั้งระบบค่ะ...ด้วยการดีท๊อก..ทั้งตับ..เลือด..น้ำเหลือง..ลำไส้

เพื่อป้องกันมิจฉาชีพ...และสะดวกในการวินิจฉัยโรค...
กรุณาติดต่อเข้ามาใน..สถาบันค่ะ

#แชร์เป็นวิทยาทาน
เ รี ย น รู้ วิ ธี บำ บั ด ตั ว เ อ ง ฟ รี ! ! ...ผ่านไลน์แอด

อย่าลืมแชร์และชวนเพื่อนเรียนรู้พร้อมกัน

ปรึกษาฟรี คุณ อุไรวรรณ 098 874 4569

ติดตามข้อมูล ➡️Line@ Link https://line.me/R/ti/p/%40ffo4036f

อย่าปล่อยไว้ ก้าวต่อไป คื่อสมองเสื่อมอยู่ ไหน นะเอา ไป ไว้ ที่ ไหน นะหลง! หลง! ลืม! ลืม! ลืม  #ขี้ลืม : คือสภาวะ ไม่มีสม...
09/05/2018

อย่าปล่อยไว้ ก้าวต่อไป คื่อสมองเสื่อม

อยู่ ไหน นะ
เอา ไป ไว้ ที่ ไหน นะ
หลง! หลง! ลืม! ลืม! ลืม

#ขี้ลืม : คือสภาวะ ไม่มีสมาธิ เพราะในขณะนั้น อาจจะทำอย่างอื่นอยู่
ถือว่าไม่อันตราย

#ขี้หลง :อาการเช่นนี้ บงบอกอาการเบื้องตน ของภาวะสมอง่เริ่มเสื่อมและจะสูญเสีย
ความจำ

แก้ ไข โดย ด่วน อย่า ปล่อย ไว้ รีบ ใส่ ใจ ตน เอง

#ทางเลือกใหม่ในการดูแลสมอ
อเลอไทด์ ช่วยเรื่อง?
#เพิ่มความจำ
#เพิ่มสมาธิ
#ลดความเครียด
#ไมเกรน
#ระบบประสาท
#อัลไซเมอร์ ฯลฯ

ปรึกษาโทร 098 874 4569
ทางไลน์ เพิ่มเพื่อน กด1
https://line.me/R/ti/p/%40ffo4036f
--------------------------
สาระดีๆ มีมาแบ่งปันคะ
หากมีประโยชน์ แชร์ต่อ
ให้กับเพื่อนหรือคนที่คุณรักด้วยคะ

อ ย่า ไป เลยอยู่ บ้าน นะ ดี แล้ว ซน มากลูกซน พาไปไหนก็อายเพื่อน ๆหากบุตรหลานของท่านมีอาการดังต่อไปนี้ อย่าไปโทษลูก เพราะ...
09/05/2018

อ ย่า ไป เลย
อยู่ บ้าน นะ ดี แล้ว
ซน มาก

ลูกซน พาไปไหนก็อายเพื่อน ๆ
หากบุตรหลานของท่านมีอาการดังต่อไปนี้ อย่าไปโทษลูก เพราะสาเหตุมาจากสมาธิสั้น
👉ลูกก้าวร้าว ชอบเถียง ต่อปากต่อคำ

👉ซุกซนตลอดเวลา ห้ามไม่ฟัง

👉ชอบโมโห

👉ติดเกมส์ ติดมือถือ เรียกให้ทำอะไรไม่ทำ เรียกให้ทานข้าวก็ไม่ทาน

👉ชอบลืม ไม่มีสมาธิ ฯลฯ

ปัญหาเหล่านี้ เป็นปัญหาที่ผู้ปกครองไม่อยากเจอ รับข้อมูลเพิ่มเติม

ยินดีให้คำปรึกษา โทร.
098 874 4569

เพิ่มเพื่อน กดลิ้งข้างล่าง
https://line.me/R/ti/p/%40ffo4036f

เพิ่มแล้ว อย่าลืม ทักทาย กดไปที่รูปแป้นพิมพ์ มุมซ้าย แล้ว กด1 เลยคะ

09/05/2018
03/05/2018
31/03/2018
23/01/2018

คุณกำลังเสี่ยงเป็นโรค “ข้อเสื่อม” อยู่หรือไม่? มาให้ลองทำกันก่อนที่จะอ่านบทความด้านล่างค่ะ

ถ้าพร้อมแล้ว ก็ไปตอบคำถามกันเลย ใครตอบใช่มากกว่า 3 ข้อ ก็เตรียมอ่านต่อได้เลยนะ เพราะคุณอาจกำลังเสี่ยงโรคข้อเสื่อมได้

-คุณมีอาการปวดข้อมานานเกิน 6 สัปดาห์
1.อาการปวดของคุณ เริ่มมากจากการปวดเป็นข้อๆ เพียง 1-2 ข้อก่อน เช่นข้อเข่า ข้อศอก ข้อมือ ฯ
2.ระดับความปวดของคุณอยู่ที่น้อย ถึงปานกลาง และอาจปวดมากขึ้นเมื่อคุณต้องลงน้ำหนักที่บริเวณนั้น หรือใช้งานบริเวณนั้น
3.คุณจะปวดน้อยลง หรือดีขึ้น เมื่อได้พักส่วนนั้นๆ
4.คุณค่อยๆ ปวดในบริเวณนั้นๆ จากน้อยๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ปวดมากขึ้นในเวลาช้าๆ ไม่ได้ปวดแบบกะทันหัน
5.ตอนเช้าจะรู้สึกข้อฝืดตึง แต่จะมีอาการอยู่ไม่นาน (ไม่เกิน 30 นาที)
6.เคยมีอาการเข่าพับ ขาอ่อนแรงขณะเดินๆ อยู่ดีๆ

อาการ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเส้นประสาทที่ถูกกดทับสำหรับหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทระดับคอ มักมีอาการปวดต้นคอปวดร้าวลงไหล่แขน มือมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อและชา ทำให้หยิบจับของได้ลำบาก ส่วนอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทระดับเอว มักมีอาการปวดหลังปวดสะโพกร้าว ลงขาบางรายมีอาการอ่อนแรงและชาของกล้ามเนื้อขาและเท้า ทำให้เดินลำบาก

การรักษาโรคหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท แบ่งเป็น

การรักษาด้วยยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ
การทำกายภาพบำบัด และการบริหารกล้ามเนื้อ หลัง ท้อง หรือคอ ช่วยได้แค่ชั่วคราว...

เราสามารถป้องกันได้โดยการใช้ร่างกายด้วยความทนุถนอมปรับพฤติกรรมในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การนั่งหลังตรง ยกของให้ถูกท่า การเล่นกีฬาต่างๆควรมีความรู้ทักษะที่ถูกต้อง ควรบริหารกล้ามเนื้อท้องและหลังให้แข็งแรง ลดความอ้วน รับประทานอาหารที่มีแคลเซียม ระวังอุบัติเหตุ จัดบริเวณบ้านให้ปลอดภัย เมื่อมีอาการปวดหลัง ควรปรึกษาแพทย์แต่เนิ่นๆ

อาการปวดหลัง เวลานั้งนานๆ ส่งสัญญาณ!! โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ได้

อย่า!! คิดว่า ปล่อยไว้ เดี๋ยวก็หาย ถ้าเป็นต่อเนื่อง 1-3 เดือน หรือ เป็นปี ต้อง สังเกตุดูอาการ ว่า ส่งผลให้มีอาการชา ไหม๊? ถ้าเมื่อไหร่ที่ เริ่มมีอาการชา ต้องรีบหาหมอ

หรือ ปรึกษาทางสถาบันดูแลโรคข้อเสื่อมได้ที่ 🔴สนใจรับคำปรึกษาฟรี..โดยผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
☎ 098-8744569

🔴หรือกดลิงค์(ด้านล่าง)และแจ้งอาการเลยคะ👇
https://line.me/R/ti/p/%40ffo4036f

**เพราะถ้าเรารู้อาการเบื้องต้นที่เราเป็น เร็วเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เรารักษาได้ทัน และมีโอกาสหายขาด!!!

23/12/2017

วิ่ ง แ ล้ ว ป ว ด เ ข่ า

มาหาคำตอบ! วิ่งแล้วปวดเข่า เกิดจากอะไร เป็นแล้วต้องทำยังไงถึงจะหาย

อาการเจ็บเข่า เป็นหนึ่งในอาการยอดฮิตที่มักพบในกลุ่มนักวิ่ง ซึ่งอาการที่พบบ่อยที่สุดก็คือ “ผิวใต้สะบ้าอักเสบ” (Patellofemoral Pain Syndrome) หรือ Runner’s Knee เมื่อเวลาไปหาหมอ ก็จะได้รับคำแนะนำว่าให้หยุดวิ่ง ไม่งั้นเดี๋ยวเข่าเสื่อม!! ซึ่งแท้จริงแล้ว การวิ่งไม่ได้สัมพันธ์กับการเกิดเข่าเสื่อม แต่สัมพันธ์กับน้ำหนักตัวมากกว่า

วันนี้เราจะพามาทำความเข้าใจให้ฟังกันว่า อาการปวดเข่านั้นเกิดจากสาเหตใดกันแน่?

สาเหตุหลักที่พบมากที่สุดของการปวดเข่าจากการวิ่ง คือ การก้าวยาวเกินไป หรือ Overstride ซึ่ง Overstride คือ การวิ่งลงส้นในขณะที่เข่าตึง ซึ่งจะทำให้เกิดแรงกระแทกขึ้นมาถึงเข่าได้มาก ทำให้กล้ามเนื้อช่วยรับแรงได้น้อย เปรียบเสมือนการตอกเสาเข็มนั่นเอง

ดังนั้นถ้าเราอยากวิ่งต่อไป ก็ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ก้าวยาวเกินไป

วิ่งแล้วปวดเข่า

นักวิ่งจะต้องทำอย่างไร เมื่อเกิดอาการปวดเข่าขั้นมา?
1. เพิ่มรอบขาให้เร็วขึ้นในความเร็วเท่าเดิม

การเพิ่มรอบขานั้นสามารถทำให้ก้าวสั้นลงได้ เพื่อลดโอกาสการเกิด Overstride ซึ่งการเพิ่มรอบขานั้นไม่จำเป็น ต้องให้ได้ถึง 180 รอบ/นาทีก็ได้ เพราะการเพิ่มรอบขาให้เร็วขึ้น 10% สามารถช่วยลดแรงกระแทกที่เข่าลงได้ถึง 30%

2. งอลำตัวไปข้างหน้ามากขึ้น หรือพับตัวช่วงสะโพกไปข้างหน้า แต่หลังยังตรงอยู่

การงอลำตัวประมาณ 15 องศา จะช่วยลดแรงกระแทกที่เข่าได้อย่างชัดเจน การงอลำตัวไปข้างหน้า จะทำให้ก้าวยาวยากขึ้น จะช่วยลดโอกาสการเกิด Overstride ได้

3. ฝึกวิ่งลงเท้าโดยค่อนไปทางหน้าเท้าแทนการวิ่งลงส้น

วิธีนี้แนะนำให้ใช้ก็ต่อเมื่อได้ลองปรับท่าวิ่งตาม 2 ข้อแรกแล้ว แต่ยังมีอาการปวดอยู่ เพราะว่าการวิ่งลงหน้าเท้า ถึงแม้จะช่วยลดแรงกระแทกที่เข่าได้ แต่จะไปเพิ่มแรงที่ข้อเท้าแทน อาจจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่ ข้อเท้า เท้า และน่องมากขึ้น หากเปลี่ยนท่าอย่างไม่ถูกวิธี

อีกสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดเข่าก็คือ กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps) และกล้ามเนื้อสะโพกด้านข้าง (Gluteus Medius) ไม่แข็งแรงพอ โดยกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า มักจะสัมพันธ์กับอาการปวดเข่าในนักวิ่งชาย ส่วนกล้ามเนื้อสะโพกด้านข้างจะสัมพันธ์กับอาการปวดเข่าในนักวิ่งหญิง ดังนั้นเราจึงต้องเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ 2 ส่วนนี้ด้วยการ Squat, Leg Extension, Hip Abduction และท่าอื่นๆ อีกมากมาย

สรุปสั้นๆ วิธีวิ่งให้หายปวดเข่า ดังนี้

เพิ่มรอบขาให้เร็วขึ้นในความเร็วเท่าเดิม

งอลำตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยขณะวิ่ง
เปลี่ยนให้การลงเท้าค่อนมาทางหน้าเท้ามากขึ้น

เพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อต้นขา และสะโพก ด้วยการออกกำลังกาย

ที่มา : นพ. ภัทรภณ อติเมธิน โรงพยาบาลสมิติเวช

มีปัญหาปรึกษา: โทรเลย
098 874 4560
หรือ สอบถามได้ ที่:

https://line.me/R/ti/p/%40ffo4036f ทักมาด้วยนะคะ

ที่อยู่

Bangkok
10510

เบอร์โทรศัพท์

+66988744569

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ รู้ทัน โรคกระดูกเสื่อมผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram