ศูนย์Detoxดีท็อกซ์ดีโอโร่.เคโอ byคุณเอ๋

ศูนย์Detoxดีท็อกซ์ดีโอโร่.เคโอ byคุณเอ๋ ดีโอโร่ ฟื้นฟู อุจจาระตกค้าง เชื้อร?

ใหม่!! ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ D-Oro (ดีโอโร่) ดีท็อก ขับถ่ายง่าย ลำไส้สะอาด เพียงวันละ 1 ซองก่อนนอน

สรรพคุณของ D-Oro (ดีโอโร่)
• ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
• ป้องกันท้องเสีย ปวดท้อง ลำไส้แปรปรวน
• ช่วยดูดซึมแร่ธาตุกลับเข้าสู่ร่างกาย
• ระบบเผาผลาญไขมันทำงานดีขึ้น
• ควบคุมระดับน้ำตาล
• สร้างจุลินทรีย์ดี ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้
• ป้องกันท้องเสียและท้องผูก
• ช่วยให้ร่างกายได้ไขมันดี กำจัดไขมันเลว
• เพิ่มภูมิต้านแกร่างกาย

👼 ดีโอโร่ เหมาะกับใคร 👼
✔ผู้ที่มีปัญหาลำไส้แปรปรวน ปวดท้อง มีแก๊ส
✔ท้องผูกเป็นประจำ กินยาถ่ายเป็นประจำ
✔ท้องผูกสลับท้องเสีย ติดต่อกันนาน 3 เดือน
✔อุจจาระเป็นมูก มูกเลือดสีดำ
✔อ่อนเพลีย แขน ขา ไม่มีแรง นอนหลับยาก
✔สัญญาณมะเร็งลำไส้ใหญ่มาก
✔ปวดข้อ ปวดกระดูก
✔อักเสบทั่วตัว "ปวด บวม แดง"
✔มีสิว ฝ้า ลมหายใจมีกลิ่น
✔ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ เที่ยวดึก นอนดึก
✔เบาหวาน หัวใจ ความดัน ไขมันสูง ตับเสื่อม ไตเสื่อม

⚛ส่วนประกอบผลิตภัณฑ์⚛

♡ไซเลี่ยมฮัสก์ 4200 mg
♡ไคโตซาน 24000 mg
♡ฟลุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ 2000 mg
♡สารสกัดจากผลส้มแขก 2000 mg
♡สารสกัดจากชาเขียว 1800 mg
♡ผงน้ำบลูเบอร์รี่ 1500 m...

� ผลิตโดยบริษัท ดี เน็ทเวิร์ค( D Network Labcratocry Co.,Ltd. )
� เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของD Network Labcratocry Co.,Ltd.)
� ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารเละยาเลขที่ อย.10-1-15456-1-0021
� รับรองฮาลาล
� GMP
� มีวันที่ผลิต , วันหมดอายุ , ครั้งที่ผลิต lot number
สินค้าไม่มีวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปเพื่อป้องกันการขายตัดราคาและมิจฉาชีพลอกเลียนแบบ

� ชนิดผง บรรจุ 10 ซอง ราคา 1,019 บาท น้ำหนัก 18 กรัม
� 1 ซอง ฉีกเทในน้ำเย้นหรือน้ำธรรมดา 120 - 150 มล. ใช้ช้อนคนให้ละลาย

� ตัวแทนจัดจำหน่ายโทร : 0926434274 , 0971641272 คุณเอ๋
� LineID : kullasub1111
� Line@ : https://line.me/R/ti/p/
� แบบโอนเงินจัดส่งฟรี !!
� เปิดทำการตลอด 24ชั่วโมง
� ระวัง !! ของลอกเลียนแบบ ต้องสั่งกับตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น

อาการท้องผูก !! เกิดขึ้นได้ในผู้สูงอายุทุกคน เกิดจากการที่ระบบร่างกายทำงานแปรปรวนไป และไม่ดีเหมือนเก่า ส่งผลให้ระบบย่อยแ...
12/11/2017

อาการท้องผูก !!

เกิดขึ้นได้ในผู้สูงอายุทุกคน เกิดจากการที่ระบบร่างกายทำงานแปรปรวนไป และไม่ดีเหมือนเก่า ส่งผลให้ระบบย่อยและดูดซึมอาหารไม่ดี ส่งผลถึงการขับถ่ายด้วยเช่นเดียวกัน

ปัญหาท้องผูก แม้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ก็สร้างความรำคาญใจ และความทรมานให้กับผู้สูงอายุได้ไม่น้อย ยิ่งหากท้องผูกต่อเนื่องติดต่อกัน อาจทำให้เป็นอันตรายได้

การทานอาหาร เพื่อป้องกันอาการท้องผูก สามารถทำได้ดังนี้

แบ่งอาหารเป็นมื้อเล็กๆ
การทานอาหารครั้งเดียวเป็นมื้อใหญ่ๆ อาจทำให้อาหารย่อยได้ยากขึ้น และเกิดอาการท้องผูกขึ้นได้ ดังนั้น ควรเปลี่ยนมาเป็นมื้อย่อยๆ โดยให้เป็นมื้อบ่อยขึ้นเช่น จากปกติแบ่งเป็น เช้า กลางวัน เย็น ก็เปลี่ยนเป็น เช้า สาย บ่าย เย็น หัวค่ำ โดยให้มีปริมาณอาหารที่น้อยลงแทน

ทานอาหารที่เหมาะสม
อาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ ควรมีลักษณะดังนี้
- มีความอ่อนนุ่ม เคี้ยวได้ง่าย
- เป็นอาหารประเภทตุ๋น ต้ม อบ และหลีกเลี่ยงอาหารปิ้ง ย่าง ทอด
- มีผักอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง เพื่อเพิ่มกากใยให้มื้ออาหาร
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด น้ำหวาน น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ควรดื่มน้ำสะอาดให้ได้อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้วต่อวัน

ฝึกนิสัยการขับถ่าย
นอกจากการทานอาหารที่เหมาะสมแล้ว ควรฝึกนิสัยการขับถ่าย ควรขับถ่ายให้ได้ทุกเช้า ให้เวลาในการนั่งให้นานๆ ไม่รีบร้อน

ปัญหาท้องผูกในผู้สูงอายุ ไม่ใช่เรื่องที่น่าเป็นห่วงนัก หากว่าคุณดูแลตนเองเป็นอย่างดี และทานอาหารให้เหมาะสม ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร อีกทั้งสร้างวินัยในการขับถ่าย ก็จะช่วยแก้ปัญหาท้องผูกได้ค่ะ

Cr. thaiseniormarket

ถ่ายไม่ออกทำไงดี !!วิธีแก้อุจจาระไม่ออก อุจจาระแข็ง อุจจาระตกค้าง หรือประเภท 2 วัน 3 วันจึงถ่ายครั้งหนึ่งเจออุจจาระตกค้า...
04/11/2017

ถ่ายไม่ออกทำไงดี !!

วิธีแก้อุจจาระไม่ออก อุจจาระแข็ง อุจจาระตกค้าง หรือประเภท 2 วัน 3 วันจึงถ่ายครั้งหนึ่ง

เจออุจจาระตกค้างในลำไส้อย่างน่าตกใจ บางคนมีน้ำหนักอุจจาระถึง 10 กิโล

"ตะลึง"....คุณหมอพรทิพย์เขียนไว้ว่าเวลาผ่าศพจะเจออุจจาระตกค้างในลำไส้อย่างน่าตกใจบางศพมีน้ำหนักอุจจาระถึง
10 โล... แล้วเป็นเพราะอะไร???

เค้าว่า "อุจจาระตกค้าง" อุจจาระตกค้าง เนื่องมาจาก
1. เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
2. กินอาหารที่มีกากใยน้อย
3. มีพยาธิ หรือ เชื้อรา ทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ
4. ระบบดูดซึมเสีย เพราะน้ำมันพืชเคลือบทำให้น้ำที่ดื่มเข้าไป ไม่หมุนเวียน
5. ไม่ถ่ายอุจจาระเวลา 05.00-07.00 เช้า

หากถ่ายอุจจาระ หลังเวลา 7 โมงเช้า ลำไส้จะบีบให้อุจจาระขึ้นไปข้างบนเวลาถ่าย จะถ่ายไม่หมด แต่ไม่รู้ตัว ที่ปลายลำไส้จะมีประสาทปลายทวาร เมื่อมีอุจจาระที่เหลวพอมาจ่อปลายทวาร
ประสาทจะส่งสัญญานบอกสมองให้ปวดอึหลัง 7 โมงเช้า

ลำไส้จะทำงานไม่เป็นปกติ บีบอุจจาระให้ขาดช่วงเวลาถ่ายจนรู้สึกว่าหมดแล้ว เราก็หยุดแต่ความจริง อุจจาระท้ายขบวนยังไม่ออกแต่มันถูกดันกลับขึ้นไป ไม่มาจ่อปลายทวารทำให้เราไม่ปวดอึ เราก็นึกว่าหมดแล้ว อุจจาระที่ค้างไว้นี้ก็จะเกาะที่ผนังลำไส้พอมีอุจจาระใหม่ที่เหลวกว่ามันก็แซงหน้าไปก่อน
แต่มันไม่สามารถดันพวกที่ค้างแข็งให้ออกไปได้พวกที่ค้างแข็งไว้ ก็เกาะติดแน่น

ฉะนั้น ทุกวันที่ถ่าย มันก็ถ่ายเฉพาะอึที่เหลวพอส่วนที่เหลือ
ก็เกาะไปเรื่อย ๆอุจจาระตกค้างจะไปทับเส้นเลือดต่างๆ

ในกระเพาะและ กดทับกระดูกหลัง ทำให้เกิดอาการมากมายเช่นท้องอืด ปวดหลังปวดขา ปวดกล้ามเนื้อที่ไหล่และสะบัก เวียนหัวอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เป็นฝ้า ไมเกรน และอื่น ๆ

"นั่นแหละเป็นที่มา..ที่คุณหมอพรทิพย์เขียนไว้ว่าเวลาผ่าศพจะเจออุจจาระตกค้างในลำไส้อย่างน่าตกใจบางศพมีน้ำหนักอุจจาระถึง
10 กิโล"

การนำอุจจาระตกค้างออกจึงจำเป็นต้องหาว่าเป็นที่สาเหตุใดใน5 สาเหตุข้างต้น
แต่ถ้าสามารถได้รับการตรวจด้วยลูกดิ่งเพนดูลั่มก็จะรู้ได้สำหรับท่านที่ไม่สะดวกในการเดินทางมาให้ตรวจ
ก็แนะนำให้ถ่ายพยาธิเสียก่อน แล้ว ลองสูตรอาหารดังต่อไปนี้

1. เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้ว ทิ้งไว้30 นาที ดื่มก่อนนอน
เม็ดแมงลักจะลากอุจจาระตกค้างออกมา ทานเป็นปกติได้ทุกวันหรือ
3-4วันต่อสัปดาห์ แล้วแต่จะชอบ

2. นมสด 2 กล่อง (รวมจะได้ประมาณ 500 มิลลิตร)และ กล้วยน้ำว้า 2 ลูก
ทานก่อน 6 โมงเช้า
ช่วงแรกควรทานติดกัน 3 วัน หากถ่ายก่อน7 โมงเช้าเป็นปกติได้แล้ว
ก็ลดมาเป็นสัปดาห์ละ2 ครั้ง หรือ ตามที่เห็นสมควร

3. ทานผักบุ้ง 2 กำมือ ผัด หรือ ต้ม ทำอาหารตามใจชอบผักบุ้งจะลากอุจจาระตกค้างออกมา
โทร. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูด้วย " ดีโอโร่ "
092 643 4274 คุณเอ๋

ท้องผูกนำไปสู่มะเร็งลำไส้”สาเหตุของอาการท้องผูกที่อาจมาจาก 2 ส่วน คือ สาเหตุจากนอกลำไส้ ได้แก่ ลำไส้แปรปรวน ความเครียดลง...
31/10/2017

ท้องผูกนำไปสู่มะเร็งลำไส้”
สาเหตุของอาการท้องผูกที่อาจมาจาก 2 ส่วน คือ สาเหตุจากนอกลำไส้ ได้แก่ ลำไส้แปรปรวน ความเครียดลงลำไส้ นอนดึก อาหารและยาบางชนิดที่มีผลทำให้ท้องผูก และสาเหตุจากในลำไส้ หรือที่เรียกว่า ลำไส้ขี้เกียจ ลำไส้ขยับน้อยจากระบบประสาท การตั้งครรภ์ และการมีโรคที่ตัวลำไส้เอง
ทั้งนี้พฤติกรรมการขับถ่ายแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ทุกคนควรสังเกตว่าโดยปกติจะขับถ่ายในระยะเวลาประมาณเท่าไหร่ หากมากกว่านั้นก็ให้สงสัยว่ากำลังมีอาการท้องผูก
อาการท้องผูกหากทิ้งเอาไว้เป็นระยะเวลานานอาจเป็นสาเหตุของโรคที่ร้ายแรง นั่นคือ มะเร็งลำไส้
ซึ่งจากงานวิจัยที่เผยในงาน American College of Gastroenterology’s 77th Annual Scientific Meeting เมื่อปีที่ 2555 พบว่า ท้องผูกเรื้อรังมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Chronic Constipation Linked to Increased Risk of Colorectal Cancer) ผู้ที่ท้องผูกเรื้อรัง (Chronic Constipation) พบมะเร็งลำไส้ใหญ่และเนื้องอกลำไส้ชุกกว่ากลุ่มควบคุม และความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่มากขึ้นถึง 1.78 เท่า และเนื้องอกในลำไส้ถึง 2.70 เท่า แม้จะไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นเหตุและผลกันโดยตรง แต่เรื่องท้องผูกกับลำไส้ใหญ่เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องป้องกันไว้ก่อน
การเก็บพิษจากอาการท้องผูกเรื้อรังมีอันตรายต่อร่างกายมากกว่าที่คิด เพราะนอกจากจะเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันโดยตรง เช่น อาการสิว โรคนอนไม่หลับ ริดสีดวง แผลปริทวารหนัก และลำไส้อุดตันแล้ว ยังเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งลำไส้อีกด้วย ดังนั้น ระบบระบายในร่างกายที่เป็นปกติ จะช่วยขจัดของเสียและสารพิษ เพื่อให้คุณไกลจากโรคร้ายและช่วยชะลอวัยด้วย
🎗ด้วยความหวังดีจาก "ดีโอโร่ DORO" ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมดีท๊อกซ์ ดีโอโร่ ทำความสะอาดลำไส้และแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย ลดการสะสมสารพิษ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ปกติ แก้ปัญหาโรคท้องผูกและป้องกันมะเร็งลำไส้ ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่อ่อนเพลีย และหลับง่าย
ติดต่อสอบถามและรับคำปรึกษาฟรี / สั่งซื้อ

👉โทร 092 643 4274 คุณเอ๋

“ท้องผูกนำไปสู่มะเร็งลำไส้”สาเหตุของอาการท้องผูกที่อาจมาจาก 2 ส่วน คือ สาเหตุจากนอกลำไส้ ได้แก่ ลำไส้แปรปรวน ความเครียดล...
25/10/2017

“ท้องผูกนำไปสู่มะเร็งลำไส้”
สาเหตุของอาการท้องผูกที่อาจมาจาก 2 ส่วน คือ สาเหตุจากนอกลำไส้ ได้แก่ ลำไส้แปรปรวน ความเครียดลงลำไส้ นอนดึก อาหารและยาบางชนิดที่มีผลทำให้ท้องผูก และสาเหตุจากในลำไส้ หรือที่เรียกว่า ลำไส้ขี้เกียจ ลำไส้ขยับน้อยจากระบบประสาท การตั้งครรภ์ และการมีโรคที่ตัวลำไส้เอง
ทั้งนี้พฤติกรรมการขับถ่ายแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ทุกคนควรสังเกตว่าโดยปกติจะขับถ่ายในระยะเวลาประมาณเท่าไหร่ หากมากกว่านั้นก็ให้สงสัยว่ากำลังมีอาการท้องผูก
อาการท้องผูกหากทิ้งเอาไว้เป็นระยะเวลานานอาจเป็นสาเหตุของโรคที่ร้ายแรง นั่นคือ มะเร็งลำไส้
ซึ่งจากงานวิจัยที่เผยในงาน American College of Gastroenterology’s 77th Annual Scientific Meeting เมื่อปีที่ 2555 พบว่า ท้องผูกเรื้อรังมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Chronic Constipation Linked to Increased Risk of Colorectal Cancer) ผู้ที่ท้องผูกเรื้อรัง (Chronic Constipation) พบมะเร็งลำไส้ใหญ่และเนื้องอกลำไส้ชุกกว่ากลุ่มควบคุม และความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่มากขึ้นถึง 1.78 เท่า และเนื้องอกในลำไส้ถึง 2.70 เท่า แม้จะไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นเหตุและผลกันโดยตรง แต่เรื่องท้องผูกกับลำไส้ใหญ่เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องป้องกันไว้ก่อน
การเก็บพิษจากอาการท้องผูกเรื้อรังมีอันตรายต่อร่างกายมากกว่าที่คิด เพราะนอกจากจะเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันโดยตรง เช่น อาการสิว โรคนอนไม่หลับ ริดสีดวง แผลปริทวารหนัก และลำไส้อุดตันแล้ว ยังเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งลำไส้อีกด้วย ดังนั้น ระบบระบายในร่างกายที่เป็นปกติ จะช่วยขจัดของเสียและสารพิษ เพื่อให้คุณไกลจากโรคร้ายและช่วยชะลอวัยด้วย
🎗ด้วยความหวังดีจาก "ดีโอโร่ DORO" ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมดีท๊อกซ์ ดีโอโร่ ทำความสะอาดลำไส้และแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย ลดการสะสมสารพิษ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ปกติ แก้ปัญหาโรคท้องผูกและป้องกันมะเร็งลำไส้ ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่อ่อนเพลีย และหลับง่าย

ติดต่อสอบถามและรับคำปรึกษาฟรี / สั่งซื้อ
👉โทร 092 643 4274 คุณเอ๋
☎Line ID : kullasub1111

⬇️คลิกเพื่อแอดไลน์ด้านล่างจ้า
https://line.me/R/ti/p/%40kulldboon

D-ORO ดิโอโร่สุดยอดนวัตกรรม สำหรับท่านต้องการลดน้ำหนักและระบบขับถ่ายล้า ต้องดิโอโร่คุณประโยชน์- ทำความสะอาดลำไส้ และแบคท...
14/10/2017

D-ORO ดิโอโร่
สุดยอดนวัตกรรม สำหรับท่านต้องการลดน้ำหนักและระบบขับถ่ายล้า ต้องดิโอโร่

คุณประโยชน์
- ทำความสะอาดลำไส้ และแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย ลดการสะสมสารพิษ
- ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ปกติ แก้ปัญหาโรคท้องผูกและป้องกันมะเร็งลำไส้
- ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่อ่อนเพลีย และหลับง่าย
- ช่วยให้ระบบการดูดซึมสารอาหาร ระบบย่อยในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น 1-2 เท่าตัว
- ช่วยควบคุมอาหาร ทำให้อิ่มง่ายขึ้น และช่วยลดความอ้วนสำหรับคนที่ดีท็อกซ์
- ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด ช่วยลดคอลเลสเตอรอลน้ำตาลในเส้นเลือด
- ช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานดียิ่งขึ้น ทำให้ร่างกายกำจัดของเสียทำงานได้ดี เพิ่มภูมิคุ้มกัน

ส่วนประกอบที่สำคัญ
Psyllium husk powder
ไซเลียม ฮัสด์ มีผลในการช่วยลดน้ำหนัก สารไซเลี่ยมจะ ดูดซึมน้ำในระบบลำไส้ ส่วนของ ไฟเบอร์ จะเพิ่มปริมาณอยู่ในกระเพาะอาหารและทำความสะอาดลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับสารพิษในลำไส้ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด
Chitosan
ไคโตซาน คือสารโพลีแซคคาไรด์ ( Polysaccharide ) ของไคติน ( Chitin ) คือ chitin ที่มาต่อกันหลายๆโมเลกุลจนเป็นไฟเบอร์ มีผลในการจับกับมัน ( Fats ) หรือไขมัน ( Lipids ) ในทางเดินอาหารได้เป็นอย่างดีทำให้ไขมันไม่ถูกดูดซึมเข้ากระแสเส้นเลือด จึงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมระดับไขมันในเลือดและผู้ที่อยู่ในโปรแกรมควบคุมน้ำหนัก
Fructooligosaccharide-P Powder
หรือชื่อย่อคือ FOS เป็นชนิดน้ำตาลที่ได้รับการยอมรับจากหลายประเทศว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีรายงานทางการแพทย์ และได้รับการยอมรับโดยองค์การอาหารและยาของญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป สรรพคุณช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดี ช่วยลดอาการท้องผูก ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันต้านทานเชื่อโรคในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งส่งผลดีต่อระบบทางเดินอาหารให้ดีขึ้น FOS ช่วยกระตุ้นการเจริญและการทำงานของบิฟิโดแบคทีเรีย (Bifidobacteria) และแลคโตบาซิลลิ (Lactobacilli) จึงถูกจัดเป็น พรีไบโอติก การเสริม FOS เพียงวันละ 1 กรัมสามารถเพิ่มปริมาณบิฟิโดแบคทีเรียได้ 6 – 7 เท่า

Garcinia extract powder
สารสกัดจากผลส้มแขก ซึ่งถือเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ไม่มีอันตรายใดๆ ต่อร่างกายนั้น จะให้ผลทั้งการลดการสะสมของไขมันใหม่ ที่เกิดจากการที่ร่างกายของเรามีสารอาหารนํ้าตาลกลูโคสมากเกินความต้องการ และยังส่งผลในการช่วยเร่งการสลายไขมันเก่าที่มีสะสมอยู่แล้ว โดยเฉพาะในคนอ้วนให้ออกไปจากร่างกายในรูปของพลังงาน
-ผลส้มแขกสรรพคุณช่วยลดความอยากอาหาร ความรู้สึกหิวอาหาร
-ช่วยเร่งระบบการเผาผลาญอาหาร
-ช่วยดักจับแป้งและไขมันจากอาหารที่รับประทานเข้าไป
-สารสกัดจากส้มแขกช่วยทำให้ลำไส้เกิดการเคลื่อนไหวตัวได้เร็วขึ้นและขับไขมันออกมา
-ส้มแขกลดน้ําหนัก เนื่องจากผลส้มแขกมีกรดมีกรดไฮดรอกซีซิตริก (HCA) มีสรรพคุณในการช่วยลดน้ำหนักและช่วยลดไขมันส่วนเกินของร่างกายได้
-มีคุณสมบัติช่วยสกัดกั้นการเปลี่ยนแปลงของคาร์โบไฮเดรต (อาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล) ไม่ให้เปลี่ยนเป็นไขมันสะสมตามร่างกายได้ แต่จะนำไปเป็นพลังงานให้ร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่อ่อนเพลีย
-ส้มแขกลดความอ้วน ช่วยกระตุ้นให้มีการดึงเอาไขมันที่สะสมในร่างกายออกมาใช้เป็นพลังงาน ทำให้ไขมันที่สะสมตามส่วนต่าง ๆของร่างกายลดน้อยลง
Green tea extract power
สารสกัดจากชาเขียว มีสารแคทิชิน (Catechin) ซึ่งมีฤทธ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และเพิ่มสามารถในการจดจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง epigallocatechin-3-gallate (EGCG) ที่มีอยู่มากในตัวชา EGCG ซึ่งเป็นแคทิชิน ชนิดหนึ่งในชา มีฤทธิ์ในการลดความอ้วน ลดไตรกลีเซอไรด์ ลดคอเลสเตอรอล เพิ่มการใช้พลังงาน เพิ่มสันดาปไขมันในสัตว์ทดลอง ลดการดูดซึมไขมันในลำไส้ ลดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ไขมัน ลดการสะสมของไขมันหน้าท้อง
Blueberry juice powder
บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่างๆโดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ ต้านการก่อเกิดโรคต่างๆ เช่น มะเร็งบางชนิด อัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อม และช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย มีสรรพคุณในการบรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบด้วย ช่วยในเรื่องของดวงตา และลดน้ำตาลในเลือด
Spinach powder
1.ผักโขมเป็นผักใบเขียวที่อุดมด้วยวิตามินเอ กรดโฟเลต แคโรทีน วิตามินซี โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม แคลเซียม สังกะสี โปรตีน และไฟเบอร์
2.ผักใบเขียวอย่างผักโขมเปี่ยมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกัน โรคมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งเต้านมและมะเร็งปอด
3.ผักโขมช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยชะลอความแก่ วิตามินเอช่วยบำรุงรักษาสายตาบำรุงกระดูกและฟันวิตามินซีช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ร่างกายให้ปลอดภัยจากโรค ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ผักโขมยงมีธาตุเหล็กสูงและช่วยบำรุงเลือดอีกด้วย
Apple juice powder
แอปเปิ้ลจัดเป็นผลไม้มหัศจรรย์ ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี กรดอะมิโน วิตามิน เกลือแร่ และเอ็นไซม์ธรรมชาติ อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ทำให้อิ่มได้เร็วขึ้น ทานอาหารได้น้อยลงและอิ่มนานขึ้น ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด หิวบ่อยและไม่โหย ช่วยลดการท้องผูก ลดระดับคอเลสเตอรอล มีสารฟลาโวนอยด์ ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง สามารถป้องกันความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
Raspberry juice powder
สารสกัดจากราสเบอร์รี่ ช่วยในการเผาผลาญไขมันได้ถึงภายในเซลล์ ทำให้ไขมันแตกตัวสลาย ลดการสะสมไขมันใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายควบคุมแป้งและน้ำตาล อีกทั้งยังช่วยต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยชะลอความชรา ลดการสะสมของคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด
Partially Hydrolyzed Guar Gum
คือ GUM ชนิดหนึ่งเป็น GALACTOMANNAN ที่ได้มาจากเมล็ดในพืชของ GUAR CYAMOPSIS TETRAGONOLOBA ซึ่งกระจายตัวได้ในน้ำเย็นเป็นสารละลายหนืด ซึ่งจะเกิดความหนืดเพิ่มขึ้นสามารถ ดูดน้ำได้รวดเร็ว และให้ความหนืดสูง ดูดซับน้ำ และของเหลวในกระเพาะทำให้ลดความหิวได้
Alfalfa extract
ได้ถูกใช้เพื่อการรักษาทางการแพทย์มาตั้งแต่ในสมัยโบราณ โดยแพทย์ชาวจีนได้ใช้ใบ Alfalfa อ่อนในการรักษาอาการย่อยไม่ปกติ Alfalfa มีเอ็นไซม์ Bataine ซึ่งเป็นเอ็นไซม์สำหรับย่อยและเอ็นไซม์อื่น ๆ อีก 7 ชนิดที่ส่งเสริมปฏิกิริยาเคมีที่สามารถทำให้การดูดซึมสารอาหารภายในร่างกายเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมทั้งการมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูงของ Alfalfa จะทำให้ผิวที่เคลือบกระเพาะอาหารมีความแข็งแรง ซึ่งพบว่า Alfalfa สามารถช่วยโรคกระเพาะอาหาร ปวดท้องเพราะมีแก๊สมาก รักษาแผลในกระเพาะลำไส้ ได้เป็นอย่างดี
1.ลดปัญหาท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร
2.ขับสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานดีขึ้น
3.บรรเทาแผลอักเสบ ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
4.บรรเทาอาการชา บวม และเส้นเลือดขอดบรรเทาลง
5.ช่วยให้คนที่เป็นภูมิแพ้มีอาการดีขึ้น
6.เพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดแดง ทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดีขึ้น
7.มีสารอาหารที่บำรุงเส้นผม ให้ผมหงอกกลับดำขึ้น ช่วยลดอาการผมร่วง
8.ช่วยให้ผู้ที่เป็นต้อกระจกมองเห็นดีขึ้น
9.ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล
Cactus extract powder
สารสกัดจากกระบองเพชร ( Cactus Extract) กระบองเพชรเป็นพืชที่มีต้นกำเนิดแถบทะเลทราย ช่วยลดความอยากอาหาร อิ่มนาน ไม่หิวบ่อย ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ใช้สร้างไขมัน พร้อมทั้งกระตุ้นให้ร่างกายนำไขมันสะสมมาเผาผลาญได้ดีขึ้น และยังอุดมด้วยเส้นใยคุณภาพสูง ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด อุ้มน้ำได้ดี จึงช่วยลดความอยากอาหาร ช่วยให้ระบบการขับถ่ายเป็นปกติ ป้องกันโรคริดสีดวง และดักจับไขมัน ล้างพิษขจัดของเสีย ช่วยดักจับไขมัน ที่มีประจุเป็นลบในระบบทางเดินอาหารโดยเฉพาะในกระเพาะอาหาร ที่มีสภาพเป็นกรด ป้องกันการดูดซึมของไขมันส่วนเกินจึงมีผลลดและควบคุมน้ำหนักได้ และยังช่วยล้างพิษของลำไส้ และเร่งการเผาผลาญน้ำตาลลดการสะสมไขมัน จะเข้าไปขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ที่เปลี่ยนน้ำตาลไห้เป็นไขมัน ดังนั้น จึงช่วยลดการสะสมของไขมัน และยังช่วยให้อิ่มเร็ว รับประทานอาหารตามได้น้อยอีกด้วย
Mango juice powder
สารสกัดจากมะม่วงจากดินแดนเแอฟริกา African mango เป็นผลไม้ประหลาดที่เมื่อสกัดออกมาแล้วจะได้สารอาหารที่สามารถเร่งกระบวนการเผา ผลาญได้รวดเร็วสามารถสลายไขมันที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกายช่วยเร่งอัตราการสลายไขมันโดยเพิ่มการดูดซึมไขมัน นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์มากช่วยลด cellulite เร่งสลายไขมันที่สะสมในชั้นผิวสารสกัดจากพืชธรรมชาติ และบริสุทธิ์และอีกทั้งยังสามารถลดความหิวโดยการให้ความรู้สึกอิ่มทำให้อยากอาหารน้อยลง
Wheat grass extract
อุดมด้วยคุณค่าสารอาหารนานาชนิดมีคลอโรฟิลล์ แร่ธาตุ เอนไซม์ กรดอะมิโน และวิตามินสูง มีสรรพคุณช่วยในการขจัดสารพิษที่ตกค้างออกจากร่างกาย ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง เสริมสร้างพลังงานช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง อีกทั้งยังสามารถสร้างสมดุลให้กับร่างกายอีกด้วย

วิธีรับประทาน
รับประทานวันละ 1 ซอง (18 กรัม) ฉีกซองเทผสมลงในน้ำธรรมดา 120-150 มล.ใช้ช้อนคนให้ละลาย

# ข้อมูลเพิ่มเติมฟรี
โทร. 092 643 4274 คุณเอ๋
โทร. 092 643 4274 คุณแจ็ค

โรคริดสีดวงทวาร (อังกฤษ: hemorrhoids) เป็นโครงสร้างหลอดเลือดในช่องทวารหนัก ในสภาพปกติช่วยกลั้นอุจจาระ เมื่อบวมหรืออักเสบ...
14/10/2017

โรคริดสีดวงทวาร (อังกฤษ: hemorrhoids) เป็นโครงสร้างหลอดเลือดในช่องทวารหนัก ในสภาพปกติช่วยกลั้นอุจจาระ เมื่อบวมหรืออักเสบจะมีพยาธิสภาพ หรือ หัวริดสีดวง

อาการและอาการแสดงของโรคริดสีดวงทวารขึ้นอยู่กับชนิดที่เป็น โรคริดสีดวงทวารภายในมักมาด้วยอาการเลือดออกในไส้ตรงแบบไม่เจ็บ ขณะที่โรคริดสีดวงทวารภายนอกอาจมีอาการเล็กน้อยหรือหากมีภาวะหลอดเลือดมีลิ่มเลือด จะเจ็บและบวมมากในบริเวณทวารหนัก หลายคนเรียกอาการที่เกิดรอบบริเวณทวารหนัก-ไส้ตรงอย่างผิด ๆ ว่า "โรคริดสีดวงทวาร" และควรตัดสาเหตุร้ายแรงของอาการ แม้ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดของโรคริดสีดวงทวาร แต่เชื่อว่าหลายปัจจัยซึ่งเพิ่มความดันในท้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท้องผูก มีบทบาททำให้เกิดโรค
- แบบภายนอก
โรคริดสีดวงทวารแบบภายนอกจะเกิดบริเวณใต้ dentate line (pectinate line) ริดสีดวงทวารแบบภายนอกมักมีอาการปวด บวม ระคายเคือง หากกรณีโรคริดสีดวงทวารภายนอกไม่ เกิดลิ่มเลือดอุดตัน ก็อาจไม่ก่อปัญหาอะไรนัก แต่หากเกิดลิ่มเลือดขึ้น อาจทำให้มีอาการเจ็บมาก ซึ่งปกติแล้วหายเจ็บได้ภายใน 2 – 3 วันอย่างไรก็ตาม อาการบวมอาจต้องใช้เวลาสองถึงสามสัปดาห์จึงจะหายบวม เมื่อหายดีแล้วอาจยังมี ผิวหนังเป็นติ่ง เหลืออยู่ หากริดสีดวงมีขนาดใหญ่จนทำให้เกิดเป็นประเด็นปัญหาสุขอนามัยของส่วนนั้นของร่างกาย อาจทำให้ระคายเคืองผิวบริเวณนั้นจนทำให้รอบปากทวารหนักเกิดอาการคัน
- แบบภายใน
โดยปกติ โรคริดสีดวงทวารภายในจะปรากฏอาการ เลือดออกที่ปลายลำไส้ เป็นเลือดสีแดงสด โดยไม่มีอาการเจ็บ ในระหว่างหรือหลังจากการถ่ายอุจจาระ เลือดออกจนอาบก้อนอุจจาระ ซึ่งเรียกว่าภาวะ hematochezia โดยมีเลือดติดกระดาษชำระ หรือเลือดหยดลงในโถส้วม ส่วนตัวก้อนอุจจาระเองก็มีสีของมันตามปกติ อาการอื่นๆอาจได้แก่ มีเมือก มีก้อนรอบปากทวารหนักหากหัวริดสีดวงเลื่อนยืดออกมานอกทวารหนัก หรือ อาการคันและ อาการกลั้นอุจจาระไม่อยู่ โรคริดสีดวงภายในจะทำให้มีอาการเจ็บหากเกิดลิ่มเลือดอุดตันขึ้นหรือเกิดภาวะ เซลล์ตาย

โรคริดสีดวงทวารแบบภายในจะเกิดบริเวณเหนือ dentate line (pectinate line) ริดสีดวงทวารแบบภายในมักไม่มีอาการปวด และผู้คนส่วนใหญ่มักไม่สนใจถึงแม้จะเป็น ริดสีดวงแบบภายในถ้าไม่รักษาสามารถเป็นริดสีดวงทวารได้สองแบบคือ แบบมีก้อนยื่นออกทวาร (pr*****ed hemorrhoids) หรือแบบบีบรัด (strangulated hemorrhoids) ถ้าหูรูดทวารหนักหดตัวและบีบก้อนริดสีดวงจนขาดเลือดไปเลี้ยง ริดสีดวงจะกลายเป็นแบบบีบรัด

ริดสีดวงทวารแบบภายในสามารถแบ่งได้ตามการยื่นของก้อนริดสีดวงทวาร ดังนี้

ระดับ 1 ไม่มีการยื่นของก้อนออกมา
ระดับ 2 มีการยื่นของก้อนออกมาขณะถ่าย แต่สามารถกลับเข้าไปได้เองทันที
ระดับ 3 มีการยื่นของก้อนออกมาขณะถ่าย ต้องดันก้อนกลับไปเอง
ระดับ 4 มีการยื่นของก้อนออก โดยไม่สามารถดันก้อนกลับเข้าไปได้

# ข้อมูลเพิ่มเติมฟรี
โทร. 092 643 4274 คุณเอ๋
โทร. 092 643 4274 คุณแจ็ค

โอ้ย ไม่ ใช่ เรื่อง เล่นๆ แล้ว!! ลำไส้อุดตัน (Intestinal Obstruction) คือภาวะที่มีสิ่งอุดตันหรือมีการรบกวนการบีบตัวของลำ...
10/10/2017

โอ้ย ไม่ ใช่ เรื่อง เล่นๆ แล้ว!!

ลำไส้อุดตัน (Intestinal Obstruction) คือภาวะที่มีสิ่งอุดตันหรือมีการรบกวนการบีบตัวของลำไส้ ทำให้อาหารหรือของเหลวต่าง ๆ เคลื่อนผ่านไม่ได้ตามปกติ ทำให้เกิดอาการปวดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง อาการที่เกิดขึ้นมักบอกถึงตำแหน่งการอุดตันของลำไส้ โดยลำไส้อาจเกิดการอุดตันเพียงบางส่วนหรืออุดตันได้ทั้งหมด ซึ่งมีหลายสาเหตุ เช่น ท้องผูกรุนแรง พังผืดในลำไส้ ลำไส้ทำงานผิดปกติ เป็นต้น ควรรีบไปพบแพทย์หากมีอาการปวดท้องรุนแรง หรืออาการอื่น ๆ ของภาวะลำไส้อุดตัน ถ้าปล่อยไว้หรือไม่รักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่มีอาการรุนแรงหรือเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

# ข้อมูลเพิ่มเติมฟรี
โทร. 092 643 4274 คุณเอ๋
โทร. 096 786 8579 คุณแจ็ค
# หรือกดเพิ่มเพื่อนในไลน์ ด้านล่าง
http://line.me/ti/p/~kullasub1111
http://line.me/ti/p/~0830788648
# หรือกดเพิ่มเพื่อนในไลน์แอด ด้านล่าง
https://line.me/R/ti/p/%40kulldboon
https://line.me/R/ti/p/%40jackydcontact

9 ปัจจัยเสี่ยง ริดสีดวงทวาร ปัญหาสำคัญของคนเมือง !!“โรคริดสีดวงทวาร” เป็นปัญหาสำคัญของคนเมือง ที่ทุกวันนี้เร่งรีบจนแทบไม...
01/10/2017

9 ปัจจัยเสี่ยง ริดสีดวงทวาร ปัญหาสำคัญของคนเมือง !!

“โรคริดสีดวงทวาร” เป็นปัญหาสำคัญของคนเมือง ที่ทุกวันนี้เร่งรีบจนแทบไม่ให้เวลากับการถ่ายหนัก แต่วันนี้เราจะยก 9 สาเหตุสำคัญที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ทั้งคนหนุ่มสาววัยทำงานและคนสูงวัยอาจป่วยด้วยโรคนี้ได้ มาแนะนำเพื่อน ๆ เพื่อสังเกตตัวเองและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือตรวจร่างกายเพิ่มเติม หากเห็นสัญญาณใด ๆ ค่ะ

- ภาวะท้องผูกเรื้อรัง
- คนที่ท้องเสียบ่อย หรือถ่ายอุจจาระวันละหลายครั้ง
- เวลาขับถ่ายมักต้องเบ่งอุจจาระแรงเพื่อขับอุจจาระก้อนสุดท้ายเสมอ
- นั่งถ่ายอุจจาระนาน ตัวอย่างเช่น คนที่ชอบอ่านหนังสือขณะถ่ายอุจจาระ
- ติดยาสวนอุจจาระ และยาระบาย ทำให้เริ่มไม่ปวดถ่ายเอง และหากไม่ใช้ยาก็ต้องนั่งถ่าย
- การตั้งครรภ์ ทำให้ถ่ายอุจจาระไม่สะดวก และเลือดดำในอุ้งเชิงกรานไหลกลับสู่ตับไม่สะดวก เนื่องจากความดันภายในช่องท้องเพิ่มขึ้น
- โรคตับแข็ง ทำให้เลือดดับไหลเข้าสู่ตับไม่ได้ เส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักจึงโป่งพอง
- อายุมากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณทวารหนักหย่อนยานลง เบาะรอง (ก้อนเนื้อที่นูนออกมารอบผนังรูทวารหนัก) จึงเลื่อนลงมาจนยื่นออกมาทางทวารหนัก
- กรรมพันธุ์ เพราะคนที่มีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก ก็มีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไป

แต่อย่าลืมนะคะ โรคนี้หายได้ด้วยการปรับเวลาชีวิต และขับถ่ายให้เป็นเวลา ตัวช่วยที่ดีในการขับถ่ายก็คืออาหารที่ผัก-ผลไม้ชนิดที่มีกากใยสูง การออกกำลังกายสม่ำเสมอก็ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้นเช่นกัน รวมถึงการพักผ่อนตรงเวลาก็ทำให้นาฬิกาในร่างกายทำงานเป็นปกติ ขับถ่ายเป็นเวลามากขึ้น แล้วอาการริดสีดวงทวารของคุณจะหายไป

ดูแลตัวเองแต่วันนี้ ก่อนจะป่วยจนเยียวยาได้ยากขึ้นนะคะ และอย่าลืมสังเกต 9 ปัจจัยเสี่ยงการเป็นโรคริดสีดวงทวารที่เรานำเสนอไว้มาพิจารณาด้วย …ขอให้สุขภาพแข็งแรงทุกคนนะคะ

Cr.นิตยสารชีวจิต

# ข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 092 643 4274 คุณเอ๋
โทร. 096 786 8579 คุณแจ็ค
# หรือกดเพิ่มเพื่อนในไลน์ ด้านล่าง
http://line.me/ti/p/~kullasub1111
http://line.me/ti/p/~0830788648
# หรือกดเพิ่มเพื่อนในไลน์แอด ด้านล่าง
https://line.me/R/ti/p/%40kulldboon
https://line.me/R/ti/p/%40jackydcontact

อย่ามองข้าม! 4 สัญญาณบ่ง ชี้ ว่าระบบย่อยอาหารเริ่มทำงานขัดข้องแล้ว !!!นอกจากสมอง หัวใจและระบบไหลเวียนของโลหิตที่ว่าสำคัญ...
01/10/2017

อย่ามองข้าม! 4 สัญญาณบ่ง ชี้ ว่าระบบย่อยอาหารเริ่มทำงานขัดข้องแล้ว !!!

นอกจากสมอง หัวใจและระบบไหลเวียนของโลหิตที่ว่าสำคัญกับร่างกายเป็นอันดับต้น ๆ แล้ว ระบบย่อยอาหารถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะทุกสิ่งที่เราทานเข้าไปต้องได้รับการย่อย และดูดซึมอย่างเป็นระบบ หากอวัยวะที่ใช้ในการย่อยอาหารเริ่มทำงานขัดข้อง จะส่งผลเสียต่อร่างกายมากมาย และอาจอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

มาดูกันว่าสัญญาณเริ่มต้นที่เริ่มบ่งบอกว่าระบบย่อยอาหารของคุณอาจมีปัญหา และคุณอาจมีปัญหาจากอาการเหล่านี้ที่จะต้องรับเข้ารับการรักษาโดยด่วน อาการที่ว่ามีอะไรกันบ้างมาดูกัน

1. ปวดท้อง ใครๆ ก็ปวดท้องได้ อาจจะมีความผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้วหายไป แต่ใครที่ปวดท้องที่เดิมบ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหา หรือโรคร้ายอะไรบางอย่างได้

กรณีปวดท้องด้านขวาตอนบน อาจเกิดจากโรคตับ และถุงน้ำดี

ปวดท้องบริเวณใต้ซี่โครง อาจเกิดขึ้นพร้อมกับอาการแสบกระเพาะอาหาร จึงอาจเป็นโรคกระเพาะ และลำไส้อักเสบ และบางครั้งโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นที่ถุงน้ำดีก็อาจเกิดขึ้นในบริเวณส่วนท้องที่เป็นแอ่งได้

ปวดท้องส่วนกลางอาจเป็นโรคที่เกิดขึ้นที่ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ และอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบ เพราะมักมีอาการปวดท้องที่บริเวณนี้ก่อน แล้วจึงเลื่อนมาเป็นส่วนล่าง

ปวดท้องด้านซ้ายตอนบน อาจมีสาเหตุมาจากโรคต่าง ๆ ที่เกิดในลำไส้ใหญ่ เช่น โรคท้องผูกหรืออาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่ แต่หากมีอาการแสบกระเพาะอาหาร ก็อาจเกิดจากกรดและอาการเจ็บปวดเนื่องจากแผลในกระเพาะ

ปวดท้องด้านขวาตอนล่าง อาจเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบอย่างเฉียบพลัน หรืออาการอักเสบของลำไส้

ปวดท้องด้านซ้ายตอนล่าง หากมีอาการปวดและคลายสลับกัน พร้อมกับอาการท้องร่วง หรือเกิดจากอาการท้องผูก อาจเกิดจากโรคถุงผนังที่ลำไส้ใหญ่อักเสบ หรือมีความผิดปกติ เช่น ถุงน้ำ หรือเนื้องอกที่รังไข่ หรือมดลูก

2. ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด คนที่ระบบการย่อยอาหารเริ่มมีปัญหา อาจมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียดท้องหลังรับประทานอาหาร หากมีอาการมาก ๆ ท้องจะเกร็ง และอาจมีอาการข้างเคียงอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เรอบ่อย เรอเหม็นเปรี้ยว ผายลมบ่อย ท้องใหญ่ขึ้น หรือท้องผูก และท้องเสียร่วมด้วย ผู้ที่มีอาการดังกล่าวจะยังคงรับประทานอาหารได้ตามปกติ น้ำหนักไม่ลด และส่วนมากมักมีน้ำหนักเกิน อาการเหล่านี้หากเป็นบ่อย ๆ อาจสันนิษฐานว่ากระเพาะอาหาร หรือลำไส้ทำงานไม่ปกติ

3. กลืนลำบาก อาการกลืนอาหารลำบาก อาจเกิดจากก้อนเนื้อ หรือก้อนมะเร็งในทางเดินอาการ หรือหลอดอาหารได้ แต่อาจเป็นเพราะระบบการเคลื่อนไหวของหลอดอาหาร หรือระบบประสาททำงานไม่ดีได้ด้วยเช่นกัน หากกลืนอาหารประเภทของแข็ง เช่น เนื้อสัตว์ แล้วติด โดยเฉพาะตรงกลางอก อาจสันนิษฐานว่ามีก้อนเนื้อ หรือก้อนมะเร็งอยู่ในหลอดอาหาร หรือบริเวณใกล้เคียง แต่หากกลืนอาหารทั้งของเหลว และของแข็งได้ลำบากตั้งแต่ต้น อาจเกิดจากการบีบตัวไม่เป็นจังหวะของหลอดอาหาร อาการนี้อาจเป็นๆ หายๆ ได้เช่นกัน

4. แสบกลางอก หากมีอาการแสบกลางอกโดยเฉพาะในตอนกลางคืน สันนิษฐานว่าอาจเป็นโรคกรดไหลย้อน เกิดจากหูรูดที่หลอดอาหารปิดไม่ค่อยสนิท กรดที่ไหลย้อนขึ้นมานี้อาจทำให้อักเสบ เป็นแผล หรือเลือดออกได้ อาการชัดเจนคือ แสบร้อนกลางอก และจะมีอาการดังกล่าวในเวลานอนตอนกลางคืน เวลานอนอาจจะมีอาการไอ สำลัก หอบ ซึ่งอาจทำให้นึกว่าเป็นโรคปอด โรคหัวใจ แต่ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นคนที่มีอาการตอนกลางคืนต้องนึกถึงกรดไหลย้อนด้วย นอกจากนี้หลังอาหารมื้อหนัก หากยกของหนัก หรือนอนหงายกรดก็จะไหลขึ้นมาทำให้เกิดอาการแสบได้เช่นกัน

หากใครมีอาการผิดปกติดังกล่าวบ่อยๆ อาจเกิดขึ้นมากกว่า 2-3 ครั้งใน 1 อาทิตย์ หรือมีอาการไม่บ่อย แต่เป็น ๆ หาย ๆ บ่อย ๆ ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดจากแพทย์จะดีที่สุด เพราะหากปล่อยให้อาการนี้ลามเรื่อย ๆ โดยไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้รักษายากขึ้น และไม่หายขาดได้

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก ชีวจิตมาดูกันว่าสัญญาณเริ่มต้นที่เริ่มบ่งบอกว่าระบบย่อยอาหารของคุณอาจมีปัญหา และคุณอาจมีปัญหาจากอาการเหล่านี้ที่จะต้องรับเข้ารับการรักษาโดยด่วน อาการที่ว่ามีอะไรกันบ้างมาดูกัน
1. ปวดท้อง ใครๆ ก็ปวดท้องได้ อาจจะมีความผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้วหายไป แต่ใครที่ปวดท้องที่เดิมบ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหา หรือโรคร้ายอะไรบางอย่างได้

กรณีปวดท้องด้านขวาตอนบน อาจเกิดจากโรคตับ และถุงน้ำดี

ปวดท้องบริเวณใต้ซี่โครง อาจเกิดขึ้นพร้อมกับอาการแสบกระเพาะอาหาร จึงอาจเป็นโรคกระเพาะ และลำไส้อักเสบ และบางครั้งโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นที่ถุงน้ำดีก็อาจเกิดขึ้นในบริเวณส่วนท้องที่เป็นแอ่งได้

ปวดท้องส่วนกลางอาจเป็นโรคที่เกิดขึ้นที่ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ และอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบ เพราะมักมีอาการปวดท้องที่บริเวณนี้ก่อน แล้วจึงเลื่อนมาเป็นส่วนล่าง

ปวดท้องด้านซ้ายตอนบน อาจมีสาเหตุมาจากโรคต่าง ๆ ที่เกิดในลำไส้ใหญ่ เช่น โรคท้องผูกหรืออาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่ แต่หากมีอาการแสบกระเพาะอาหาร ก็อาจเกิดจากกรดและอาการเจ็บปวดเนื่องจากแผลในกระเพาะ

ปวดท้องด้านขวาตอนล่าง อาจเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบอย่างเฉียบพลัน หรืออาการอักเสบของลำไส้

ปวดท้องด้านซ้ายตอนล่าง หากมีอาการปวดและคลายสลับกัน พร้อมกับอาการท้องร่วง หรือเกิดจากอาการท้องผูก อาจเกิดจากโรคถุงผนังที่ลำไส้ใหญ่อักเสบ หรือมีความผิดปกติ เช่น ถุงน้ำ หรือเนื้องอกที่รังไข่ หรือมดลูก

2. ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด คนที่ระบบการย่อยอาหารเริ่มมีปัญหา อาจมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียดท้องหลังรับประทานอาหาร หากมีอาการมาก ๆ ท้องจะเกร็ง และอาจมีอาการข้างเคียงอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เรอบ่อย เรอเหม็นเปรี้ยว ผายลมบ่อย ท้องใหญ่ขึ้น หรือท้องผูก และท้องเสียร่วมด้วย ผู้ที่มีอาการดังกล่าวจะยังคงรับประทานอาหารได้ตามปกติ น้ำหนักไม่ลด และส่วนมากมักมีน้ำหนักเกิน อาการเหล่านี้หากเป็นบ่อย ๆ อาจสันนิษฐานว่ากระเพาะอาหาร หรือลำไส้ทำงานไม่ปกติ

3. กลืนลำบาก อาการกลืนอาหารลำบาก อาจเกิดจากก้อนเนื้อ หรือก้อนมะเร็งในทางเดินอาการ หรือหลอดอาหารได้ แต่อาจเป็นเพราะระบบการเคลื่อนไหวของหลอดอาหาร หรือระบบประสาททำงานไม่ดีได้ด้วยเช่นกัน หากกลืนอาหารประเภทของแข็ง เช่น เนื้อสัตว์ แล้วติด โดยเฉพาะตรงกลางอก อาจสันนิษฐานว่ามีก้อนเนื้อ หรือก้อนมะเร็งอยู่ในหลอดอาหาร หรือบริเวณใกล้เคียง แต่หากกลืนอาหารทั้งของเหลว และของแข็งได้ลำบากตั้งแต่ต้น อาจเกิดจากการบีบตัวไม่เป็นจังหวะของหลอดอาหาร อาการนี้อาจเป็นๆ หายๆ ได้เช่นกัน

4. แสบกลางอก หากมีอาการแสบกลางอกโดยเฉพาะในตอนกลางคืน สันนิษฐานว่าอาจเป็นโรคกรดไหลย้อน เกิดจากหูรูดที่หลอดอาหารปิดไม่ค่อยสนิท กรดที่ไหลย้อนขึ้นมานี้อาจทำให้อักเสบ เป็นแผล หรือเลือดออกได้ อาการชัดเจนคือ แสบร้อนกลางอก และจะมีอาการดังกล่าวในเวลานอนตอนกลางคืน เวลานอนอาจจะมีอาการไอ สำลัก หอบ ซึ่งอาจทำให้นึกว่าเป็นโรคปอด โรคหัวใจ แต่ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นคนที่มีอาการตอนกลางคืนต้องนึกถึงกรดไหลย้อนด้วย นอกจากนี้หลังอาหารมื้อหนัก หากยกของหนัก หรือนอนหงายกรดก็จะไหลขึ้นมาทำให้เกิดอาการแสบได้เช่นกัน

หากใครมีอาการผิดปกติดังกล่าวบ่อยๆ อาจเกิดขึ้นมากกว่า 2-3 ครั้งใน 1 อาทิตย์ หรือมีอาการไม่บ่อย แต่เป็น ๆ หาย ๆ บ่อย ๆ ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดจากแพทย์จะดีที่สุด เพราะหากปล่อยให้อาการนี้ลามเรื่อย ๆ โดยไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้รักษายากขึ้น และไม่หายขาดได้

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก ชีวจิต

# ข้อมูลเพิ่มเติมฟรี
โทร. 092 643 4274 คุณกุล
โทร. 096 786 8579 คุณฤทธิ์

# หรือกดเพิ่มเพื่อนในไลน์ ด้านล่าง
http://line.me/ti/p/~kullasub1111
http://line.me/ti/p/~0830788648

# หรือกดเพิ่มเพื่อนในไลน์แอด ด้านล่าง
https://line.me/R/ti/p/%40kulldboon
https://line.me/R/ti/p/%40jackydcontact

ทำไมต้อง ?  ดีโอโร่ คุณประโยชน์- ทำความสะอาดลำไส้ และแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย ลดการสะสมสารพิษ - ช่วยให้ระบบขับถ่ายท...
30/09/2017

ทำไมต้อง ? ดีโอโร่

คุณประโยชน์
- ทำความสะอาดลำไส้ และแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย ลดการสะสมสารพิษ
- ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ปกติ แก้ปัญหาโรคท้องผูกและป้องกันมะเร็งลำไส้
- ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่อ่อนเพลีย และหลับง่าย
- ช่วยให้ระบบการดูดซึมสารอาหาร ระบบย่อยในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น 1-2 เท่าตัว
- ช่วยควบคุมอาหาร ทำให้อิ่มง่ายขึ้น และช่วยลดความอ้วนสำหรับคนที่ดีท็อกซ์
- ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด ช่วยลดคอลเลสเตอรอลน้ำตาลในเส้นเลือด
- ช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานดียิ่งขึ้น ทำให้ร่างกายกำจัดของเสียทำงานได้ดี เพิ่มภูมิคุ้มกัน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 092 643 4274 คุณเอ๋

รู้แล้วถึงอึ้งกันเลย การดีท็อกซ์อย่าคิดว่าไม่สำคัญดีโอโร่สิจะรออะไร? โทร.เลย0926434274คุณเอ๋
29/09/2017

รู้แล้วถึงอึ้งกันเลย การดีท็อกซ์อย่าคิดว่าไม่สำคัญ
ดีโอโร่สิจะรออะไร? โทร.เลย0926434274คุณเอ๋

ท้องผูก (Constipation) เป็นอาการถ่ายอุจจาระน้อยกว่าปกติหรือถ่ายอุจจาระไม่ออกเป็นเวลานาน ซึ่งพฤติกรรมและความถี่ในการถ่ายอ...
28/09/2017

ท้องผูก (Constipation) เป็นอาการถ่ายอุจจาระน้อยกว่าปกติหรือถ่ายอุจจาระไม่ออกเป็นเวลานาน ซึ่งพฤติกรรมและความถี่ในการถ่ายอุจจาระปกติของแต่ละคนอาจมีความแตกต่างกัน แต่ในทางการแพทย์มักหมายถึงการถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์

อาการของท้องผูก

ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์หรือน้อยกว่าปกติที่เคยเป็น
อุจจาระมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง เป็นเม็ดเล็ก ๆ
รู้สึกถ่ายอุจจาระไม่ออก หรือถ่ายได้ไม่สุด
ถ่ายอุจจาระออกได้ยาก ต้องใช้แรงเบ่งมากหรือใช้มือช่วยล้วง อาจมีอาการเจ็บขณะถ่ายอุจจาระร่วมด้วย
ท้องอืด ปวดท้อง หรือปวดเกร็งบริเวณหน้าท้อง
ผู้ที่มีอาการในข้างต้น 2-3 ข้อ เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 3 เดือน อาการท้องผูกธรรมดาหรือที่เรียกว่าท้องผูกฉับพลันอาจพัฒนากลายเป็นท้องผูกเรื้อรังที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้น หากพบความผิดปกติในการถ่ายอุจจาระเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยหาสาเหตุไม่ได้ แม้พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการใช้ชีวิตแล้ว แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลดลง ถ่ายมีเลือดปน ควรไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่อาจซ่อนความผิดปกติไว้
สาเหตุของอาการท้องผูก

ท้องผูกเป็นอาการที่มักเกิดขึ้นได้บ่อยเมื่อลำไส้มีการบีบตัวหรือเคลื่อนตัวช้าในระหว่างการย่อยอาหาร ทำให้ไม่สามารถกำจัดอุจจาระออกจากระบบทางเดินอาหารได้อย่างปกติ จึงเกิดการตกค้างในลำไส้ใหญ่เป็นเวลานานจนมีการดูดน้ำในอุจจาระกลับ อุจจาระจึงมีลักษณะแห้ง แข็ง และมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ถ่ายออกได้ลำบาก ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการท้องผูกอาจมาได้จากหลายสาเหตุ เช่น

การใช้ยา การรับประทานยาบางชนิดอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเป็นอาการท้องผูกขึ้นได้ เช่น ยาลดกรดที่มีส่วนผสมของสารประกอบอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ ยารักษาอาการซึมเศร้า ยาระงับอาการทางจิต ยารักษาอาการชัก อาหารเสริมกลุ่มแคลเซียมและธาตุเหล็ก ยาระงับปวดชนิดโอปิออยด์ ยาขับปัสสาวะ

สภาวะทางร่างกายที่ส่งผลต่อฮอร์โมน ฮอร์โมนช่วยให้ของเหลวและการทำงานภายในร่างกายเกิดความสมดุล ดังนั้นการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารหรือสภาวะบางอย่างที่ทำให้ฮอร์โมนเกิดความผิดปกติขึ้น ซึ่งอาจทำให้ฮอร์โมนเสียสมดุลในการทำงาน สามารถนำไปสู่อาการท้องผูกได้ เช่น โรคเบาหวาน การตั้งครรภ์ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ โรคลำไส้แปรปรวน

โรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ความผิดปกติจากโรคทางด้านระบบประสาทสามารถส่งผลต่อการบีบตัวของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่และทวารหนัก จึงอาจส่งผลให้เกิดการตกค้างของอุจจาระภายในระบบทางเดินอาหารและอาจนำไปสู่อาการท้องผูกได้ เช่น เส้นประสาทถูกทำลายจากโรคเบาหวาน โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งหรือโรคเอมเอส โรคพาร์กินสัน เส้นประสาทไขสันหลังบาดเจ็บ โรคหลอดเลือดในสมอง

การอุดตันภายในลำไส้ สภาวะบางอย่างที่ก่อให้เกิดการอุดตันภายในลำไส้ใหญ่หรือบริเวณทวารหนักอาจทำให้อุจจาระเคลื่อนตัวออกจากระบบทางเดินอาหารได้ลำบากหรือติดค้างอยู่ภายในลำไส้ เช่น แผลปริขอบทวารหนัก ลำไส้อุดตัน มะเร็งลำไส้ใหญ่ ภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน

นอกจากนี้ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันบางอย่างหรือปัจจัยบางประการอาจเอื้อต่อการเกิดอาการท้องผูกได้ง่ายมากขึ้น เช่น

- การอั้นอุจจาระ
- รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย
- มีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย
- น้ำหนักตัวมากหรือน้อยเกินไป
- ดื่มน้ำน้อย
- ความเครียดหรือความกดดัน
- ปัญหาทางด้านจิตใจ
- มีภาวะขาดน้ำและเกลือแร่
- อยู่ในวัยผู้สูงอายุ

ที่อยู่

Bangkok
10150

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ศูนย์Detoxดีท็อกซ์ดีโอโร่.เคโอ byคุณเอ๋ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram