01/12/2025
1-12-68 ก๊าซไฮโดรเจนบริสุทธิ์ (H₂)
มีผลต่อการชะลอวัย ได้จริงเหรอ? 1
เกิดแก่เจ็บตาย เป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องเกิดกับทุกคน ถ้าขอได้จะขอให้แก่ช้าๆ เจ็บช้าๆ เวลาตายไปเร็วหน่อย ไม่ต้องทรมานคนอื่นและตัวเอง
ระบบการทำงานของร่างกายมนุษย์เกิดจากการใช้ออกซิเจนมาเผาผลาญอาหาร มีเอนไซม์ต่างๆมาช่วยย่อย ทำให้เกิดพลังงาน ทีนี้ ถ้าเผามากเกินไปเพราะเรากินมากเกินไป หรือเรามีโรคเบาหวาน หรือไขมันอยู่ ก็จะทำให้กระบวนการเผาผลาญรุนแรงขึ้นจึงเกิด ขี้เถ้าหรืออนุมูลอิสระ-free radical หรือ ROS (ROS -Reactive Oxygen Species คือ อนุมูลอิสระออกซิเจน ซึ่งเป็นกลุ่มหนึ่งของ อนุมูลอิสระ (Free Radical) ที่เกิดขึ้นจากโมเลกุลออกซิเจนที่ไม่เสถียร ดังนั้น ROS จึงเป็นอนุมูลอิสระประเภทหนึ่ง แต่ อนุมูลอิสระมีความหมายที่กว้างกว่าเพราะสามารถมาจากโมเลกุลอื่นได้ด้วย ) มีจำนวนมากขึ้นเราก็จะแก่เร็วขึ้น และเจ็บป่วยเร็วขึ้น การลดสารพิษในอาหาร ในอากาศที่มีอยู่ทุกวัน จึงเป็นหลักใหญ่เพื่อ ชะลอวัย การเพิ่มวิตามินหรือการสูดดมไฮโดรเจนช่วยชะลอวัยได้พอสมควร ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ของแต่ละคน ยกตัวอย่าง จำนวนนักเรียนที่เรียนมารุ่นเดียวกับเรา ทำไมบางคนแก่เร็ว ทำไมบางคนถึงแก่ช้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เหมือน สอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องสอบหลายวิชา แม้จะอายุใกล้เคียงกันแต่ประสบการณ์ชีวิตแตกต่างกันอันนี้ทำให้แต่ละคนแก่เร็วแก่ช้าไม่เท่ากัน
ปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้อง ที่ทำให้ รุ่นเดียวกันแก่เร็วแก่ช้า คือ ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน หรือการดำเนินชีวิตของแต่ละคน ตั้งแต่การกินอาหาร ลักษณะงาน ที่หนักเกินไปหรือไม่? มีโรคประจำตระกูลหรือไม่? มีความรู้ในการดูแลตัวเองหรือไม่?
เศรษฐฐานะเป็นอย่างไร? มีเงินพอใช้หรือไม่? มีความพึงพอใจกับงานที่ทำหรือไม่? เจ้านายที่ทำงานเป็นอย่างไร? เพื่อนบ้านเป็นอย่างไร? ทุกอย่างเป็นเรื่องสำคัญที่จะกำหนดว่าเราจะแก่เร็วหรือแก่ช้า การกินสารพิษในแต่ละวัน ตั้งแต่ น้ำตาล แป้งขาว น้ำมันที่ใช้แล้ว เนื้อสัตว์ที่มากเกินไป หรือ เนื้อสัตว์ที่เน่าไม่สดเท่าที่ควร วิธีการปรุงอาหารที่เน้นรสชาติอย่างเดียว เน้นเครื่องปรุงอย่างเดียว ง่ายๆคือเน้นแค่ความอร่อย เพราะทุกคนชอบหรือต้องการกินของอร่อย จึงต้องปรุงให้สุดไม่งั้นก็ขายไม่ได้ การปรับสมดุลในร่างกายจึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่ทำให้ร่างกายเราแก่ช้าๆหรือแก่เร็วๆกว่าคนอื่น
ปัญหาของมนุษย์เกือบทุกคนคือปฏิบัติตามสิ่งที่พอใจ ตามสิ่งที่ชอบ ตามสิ่งที่เคยปฏิบัติมาโดยไม่เคยประเมินผลตนเอง แค่ตื่นขึ้นมา แล้วก็ดำเนินชีวิตแบบเดิมๆโดยไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น?
ทุกท่านต้องทบทวนตรงนี้ ทีนี้ขณะที่เรายัง หนุ่ม สาว ยังไม่แก่ ยังไม่เจ็บ ก็มักจะละเลยไม่สนใจ การดำเนินชีวิตที่ผิดๆหรือแม้มีคนคอยเตือนแต่ก็ไม่คิดว่าผิด ก็ทำไปเรื่อยๆจนอายุเกิน 50 หรือ 60 ตอนนี้เริ่มมีคนมาทักว่าทำไมถึงแก่เร็ว ก็เริ่มเอะใจ แต่อาจจะช้าเกินไปแล้ว การประเมินผลจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเตือนกันในที่นี้ การประเมินผลคือการเปรียบเทียบกับตัวเอง ไม่ใช่เปรียบเทียบกับคนอื่นว่า ทำไมคนอื่นดีกว่าเรา เราทำไมถึงแย่กว่าเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกัน แล้วก็โทษคนอื่น โทษสิ่งแวดล้อม โดยไม่เคยโทษตัวเองว่าเราดำเนินชีวิตมา แบบผิดๆ? ?
จากประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยมาอย่างยาวนาน ผู้ป่วยส่วนหนึ่ง ขาดความรู้ และไม่สนใจตัวเองที่จะปรับปรุงให้มีสุขภาพดีขึ้น ที่สำคัญคือ ไม่มีใครรู้จริงแม้แต่หมอที่มักจะให้การรักษาเป็นหลัก ให้ยาตามอาการ แต่ไม่เน้นเรื่องการป้องกัน
สำหรับคนที่สูงวัยหรือแก่แล้ว คงมีทางเลือกไม่มากนัก เพราะเวลาเหลือน้อย ต้องลองครับ ต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติของตัวเอง เพื่อจะได้ไม่ทรมานเมื่อเราอายุมากขึ้น เหมือนขึ้นทางด่วนอย่าหลงอยู่บนทางด่วน แล้วผ่านไปแต่ละปีแต่ละปี แต่ละป้ายแต่ละป้ายแบบงงๆ สุดท้ายหาทางลงไม่เจอ ก็ต้องแก่ตายไปตามธรรมชาติ บางคนต้องติดเตียงเป็นปี กว่าจะได้ตาย น่าเสียดายที่มีโอกาสแล้ว แต่เราไม่ไขว่คว้า มีโอกาสลงจากทางด่วนแล้ว แต่เราก็ไม่ลง ยังคงขับ บางคนก็เร่งขับต่อไปเรื่อยๆจนสิ้นสุดทางตัน