NT Healthcare.THAILAND

NT Healthcare.THAILAND ทุกเรื่องของสุขภาพ ปรึกษาเรา
Healthcare & Wellness -
Holistic medicine clinic ไม่ได้เพียงแต่รักษาสุขภาพ แต่เรารักษาชีวิต

01/12/2025

ไทยป่วยมะเร็งพุ่ง 400 คน/วัน เดินหน้าเสริมระบบรักษาทั่วประเทศ

#มะเร็ง #รักษา #สาธารณสุข #77จว

30/11/2025

งานวิจัยใหม่เผยใช้ #เมลาโทนิน เกิน 1 ปี เสี่ยง #ภาวะหัวใจล้มเหลว เพิ่มขึ้น! 💔
เมลาโทนิน (Melatonin) เป็นชื่อที่หลายคนคุ้นหูเพราะเป็นฮอร์โมนแห่งการนอนหลับ 💤 ที่ช่วยปรับนาฬิกาชีวภาพให้ร่างกายเข้าสู่โหมดพักผ่อน บางคนใช้เพราะนอนไม่หลับจากความเครียด บางคนใช้ตอนเดินทางข้ามโซนเวลาหรือบางคนก็ใช้ทุกคืนเพราะรู้สึกว่าหลับสบายดี
แต่ล่าสุดงานวิจัยจาก American Heart Association (AHA) ได้ออกมาเตือนว่า “การใช้เมลาโทนินต่อเนื่องเกิน 1 ปี อาจเพิ่มความเสี่ยง “ภาวะหัวใจล้มเหลว” ได้จริง 😱”
โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีภาวะนอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic Insomnia) กว่า 130,000 คน และติดตามนานกว่า 5 ปี พบว่า…
📈 ผู้ที่มีภาวะนอนไม่หลับเรื้อรังและใช้เมลาโทนินระยะยาวมีความเสี่ยงเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) สูงกว่ากลุ่มที่ไม่ใช่ถึง 90%
🏥 กลุ่มที่ใช้เมลาโทนินมีแนวโน้มเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลวมากกว่า 3.5 เท่า
😵 กลุ่มที่ใช้เมลาโทนินมีความเสี่ยงเสียชีวิตจากทุกสาเหตุสูงกว่าเกือบ 2 เท่า
โดยทั่วไป เมลาโทนินเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายผลิตเอง แต่การเสริมเมลาโทนินเป็นเวลานาน อาจไปรบกวนสมดุลฮอร์โมนของร่างกายและสมดุลการทำงานของหัวใจเองด้วย แต่การศึกษานี้เป็นเพียงการศึกษาเบื้องต้นและถูกนำเสนอในงานประชุม Scientific Sessions ประจำปี 2025 และยังไม่ได้มีการฟันธงว่า “เมลาโทนินเป็นสาเหตุโดยตรงของภาวะหัวใจล้มเหลว” แต่อย่างไรก็ตามเห็นแบบนี้แล้ว ผู้ที่ใช้เมลาโทนินอาจควรปรึกษาแพทย์และใช้ด้วยความระมัดระวัง

#นอนไม่หลับ
#ปัญหาการนอน #นอนหลับยาก

12/11/2025

มะนาว : ลดคอเลสเตอรอล
นอกจากช่วยป้องกันรักษาโรคลักปิดลักเปิดมาแต่โบราณแล้ว น้ำมะนาวยังมีสารที่สำคัญ คือ "ฟลาโวนอยด์ส้ม" ซึ่งช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงวัยทอง นอกจากนี้ยังใช้รักษามาลาเรีย โรครูมาติสม์เรื้อรังและโรคเกาต์ ใช้ในการป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ป้องกันการตกเลือดหลังคลอด และช่วยบรรเทาอาการระคายคอจากการติดเชื้อ
สรรพคุณทางยา
1.เปลือกผล เปลือกผลแห้งมีรสขม ช่วยขับลมได้ดี รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด นำเอาเปลือก ของผลสดมาประมาณครึ่งผล คลึงหรือทุบเล็กน้อยพอให้น้ำมันออก ฝานเป็นชั้นบางๆ ชงกับน้ำร้อนดื่มเวลามีอาการหรือหลังอาหาร 3 เวลา
2.น้ำคั้นผลมะนาว ใช้แก้ไอขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ ลดอาการไอ ใช้ผลสดคั้นน้ำได้น้ำมะนาวเข้มข้น ใส่เกลือเล็กน้อย (หรือผสมน้ำผึ้ง 1 ส่วนน้ำมะนาว 3 ส่วน) แล้วจิบบ่อยๆ หรือจะทำเป็นน้ำมะนาวใส่เกลือและน้ำตาล ปรุงรส ให้เข้มข้นพอประมาณดื่มบ่อยๆ
3.น้ำมะนาวใช้ในด้านความงาม ผลัดเซลล์ผิว ลดรอยด่างดำ ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้สักครู่ ล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วซับให้แห้ง ทำสัปดาห์ละครั้ง ผิวหน้าจะดูสดใส หรือใช้น้ำมะนาวผสมน้ำแช่อาบ
4.น้ำมะนาวผสมผงกำมะถัน ใช้ทาก่อนนอน แก้อาการกลาก เกลื้อน หิด
5.ใช้น้ำมะนาวทาที่ตุ่มคัน ทิ้งไว้ให้แห้ง ล้างน้ำสบู่แล้วเช็ดให้แห้ง แล้วใช้แป้งทาตุ่มคัน แก้น้ำกัดเท้า

(เครดิตภาพ : ehowm, goodlife, Roberta, Misspandapilin, ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง)

** สมุนไพรใกล้ตัว มุ่งเสนอสรรพคุณทางยา การนำไปใช้ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน **

#สุมนไพรใกล้ตัว
#หมอชาวบ้าน

07/11/2025

* คลิปนี้มีคำบรรยายภาษาอังกฤษThis clip has English subtitles.Doctor’s Talk คือ Podcast ที่หมอและผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจะมาพูดคุยประเด็....

27/10/2025
21/10/2025

Jordi Olloquequi นักวิจัยวัย 42 ปี พูดถึงการใช้ชีวิตให้นานและดีขึ้นในยุคที่ความยืนยาวของชีวิตดูเหมือนจะถูกคุกคามจากความเครียด มลพิษ และนิสัยไม่ดีต่างๆ เขาเชื่อว่ากุญแจสำคัญคือการเลือกว่าจะ "ใช้ชีวิตอย่างสุดขั้วหรือใช้ชีวิตให้นานกว่า" และเผยว่าเขาได้ปฏิบัติตามการจำกัดแคลอรี่อย่างเคร่งครัดมาตั้งแต่ปี 2015 โดยรับประทานอาหารเพียงวันละครั้งภายใต้การดูแลของแพทย์ แม้ว่าเขาจะไม่กลัวความตาย แต่ก็ยังกังวลเกี่ยวกับการเสื่อมถอยที่มาพร้อมกับความชราที่ไม่ได้รับการดูแล Jordi เชื่อว่าการมีชีวิตที่สมดุลและไม่มากเกินไปเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการมีชีวิตวัยชราที่สุขภาพดีและมีศักดิ์ศรี

18/10/2025

จาวตาลโตนด
ของหากินยาก

08/10/2025

โรงพยาบาลเอกชนเปิดปม “ค่ายาแพง” ชี้ต้นทุนสูงกว่ารัฐ จี้ “พาณิชย์” แก้ที่ต้นทางบริษัทผู้ผลิตยา
สมาคมโรงพยาบาลเอกชนแจง “ค่ายาแพง” ไม่ได้มาจากการเอาเปรียบผู้ป่วย แต่สะท้อนโครงสร้างต้นทุนที่สูงกว่าโรงพยาบาลรัฐ ทั้งค่าอาคาร เครื่องมือแพทย์ และบุคลากร พร้อมเสนอให้กระทรวงพาณิชย์แก้ปัญหาที่ต้นทาง โดยควบคุมราคายาจากบริษัทผู้ผลิตแทนการคุมที่โรงพยาบาล
กระแสวิจารณ์เรื่อง “ค่ายาแพง” ในโรงพยาบาลเอกชน กลับมาสร้างความสนใจอีกครั้ง ล่าสุดสมาคมโรงพยาบาลเอกชนออกมาชี้แจงว่า สาเหตุสำคัญมาจากโครงสร้างต้นทุนที่แตกต่างจากโรงพยาบาลรัฐ ทั้งค่าอาคาร บุคลากร เครื่องมือแพทย์ และระบบเทคโนโลยีที่ต้องลงทุนเองโดยไม่ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล
นพ.ไพบูลย์ เอกแสงศรี นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า โรงพยาบาลเอกชนดำเนินการตามข้อกำหนดของภาครัฐครบถ้วน ทั้งการรายงานราคายาและเปิดเผยต่อผู้ป่วยอย่างโปร่งใส แต่ต้นเหตุของ “ราคายาแพง” มาจากบริษัทผู้ผลิตที่ขายยาให้โรงพยาบาลรัฐในราคาต่ำกว่าเอกชนมากถึง 50% เพราะภาครัฐมีอำนาจต่อรองและสั่งซื้อในปริมาณมาก
หากกระทรวงพาณิชย์ต้องการแก้ปัญหาให้ตรงจุด ควรควบคุมราคายาจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง ไม่ใช่ควบคุมราคาขายจากโรงพยาบาลซึ่งเป็นเพียง “ปลายเหตุ” พร้อมยืนยันว่า ยินดีเปิดเผยราคายาให้ผู้ป่วยตรวจสอบ และสามารถเลือกซื้อยาจากร้านภายนอกได้ หากเห็นว่าราคาไม่เหมาะสม
ผู้บริหารจากเครือโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ระบุว่า ความต่างของต้นทุนระหว่างรัฐกับเอกชนอยู่ที่ราว 20-30% และอาจสูงกว่านั้นในบางกรณี เช่น ยาเคมีบำบัดที่ภาครัฐซื้อได้ในราคาครึ่งหนึ่งของเอกชน จึงเสนอให้ภาครัฐทบทวนโครงสร้างราคายาทั้งระบบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทั้งผู้ป่วยและสถานพยาบาลทุกฝ่าย

#ค่ายา #โรงพยาบาลเอกชน #กระทรวงพาณิชย์ #ฐานเศรษฐกิจ

25/09/2025

โลกกำลังไหม้ แต่มนุษย์กำลังปลูกต้นไม้ถ่ายรูป

ป่าอะเมซอนกำลังลุกไหม้เพราะการทำลายเพื่อปลูกพืชเชิงเดี่ยว ธารน้ำแข็งขั้วโลกละลายลงทุกวินาที ประชากรสัตว์ป่าลดลงมากกว่าครึ่งในช่วงไม่ถึงศตวรรษ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจพุ่งสูงแบบไร้เบรก และอุณหภูมิโลกกำลังพาเราเข้าใกล้จุดที่เรียกว่า “The Point of No Return”

ในขณะเดียวกัน... มีภาพโพสต์ในโซเชียลที่มียอดไลก์นับหมื่น CEO หนุ่มยิ้มแฉ่งถือพลั่ว ปลูกต้นไม้ริมรั้ว เด็กนักเรียนยืนถ่ายรูปกับป้ายกิจกรรมวันรักษ์โลก หรือบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งเพิ่งมอบเงินบริจาคให้มูลนิธิสิ่งแวดล้อม พร้อมงานแถลงข่าวอย่างอลังการ

ภาพเหล่านี้สวยงามจนเรารู้สึกอุ่นใจว่า
ยังมีคนทำอะไรเพื่อโลกอยู่นะ

แต่ความจริงที่โหดร้ายคือ โลกกำลังไหม้
…ขณะที่มนุษย์ยังมัวแต่จัดฉากปลูกต้นไม้เพื่อถ่ายรูป

เราไม่ได้กำลังแก้ปัญหา เราแค่กำลังทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นชั่วคราว เหมือนการให้ยาแก้ปวดกับคนที่กำลังมีเนื้องอกในสมอง มันคือความจริงที่เจ็บปวด กิจกรรมสีเขียวจำนวนมากไม่ได้เปลี่ยนโลก แต่เปลี่ยนแค่ภาพลักษณ์ ยิ่งไปกว่านั้น เราอาจกำลังถูกล่อลวงด้วยสิ่งที่เรียกว่า CSR Illusion ภาพมายาของความดี ที่ถูกจัดแสดงขึ้นปีละครั้ง เพื่อให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วม เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้สนับสนุนสิ่งดี และเพื่อให้ผู้บริหารรู้สึกว่าองค์กรของตน “ทำหน้าที่แล้ว”

แต่เบื้องหลังอาคารสำนักงานอันหรูหรา โรงงานยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกินมาตรฐาน ระบบบริหารภายในยังใช้แรงงานไม่เป็นธรรม วัฒนธรรมองค์กรยังเต็มไปด้วยการปกปิด ซ่อนเร้น และการขาดธรรมาภิบาล

เรากำลังเข้าสู่ยุคที่
โลกไหม้จริง แต่องค์กรยังจัด CSR Party

ทั้งที่สิ่งที่ควรเกิดขึ้นไม่ใช่การปลูกต้นไม้แล้วกลับบ้าน แต่คือการปลูกแนวคิดที่จะเปลี่ยนระบบทั้งองค์กรให้เป็นมิตรต่อโลกอย่างแท้จริง นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องหยุดใช้คำว่า “Green” แบบฉาบหน้า และต้องเข้าใจว่า ESG ที่แท้จริง มันเริ่มจากหัวใจ ไม่ใช่เริ่มจากโครงการ

ถ้าเราไม่เริ่มตั้งคำถามกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ เราอาจจะเป็นคนดีในสายตาสังคม แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาในสายตาของโลก และบทความนี้…จะพาเราไปเปิดโปงความจริงเบื้องหลังคำว่า Green ชี้ให้เห็นว่า ESG แท้ไม่ใช่การจัดงาน CSR แล้วพอใจ แต่คือการปฏิวัติโครงสร้างความคิด วิธีบริหาร และคุณค่าของธุรกิจ ตั้งแต่ราก…จนถึงยอด

และเมื่อเรารู้ว่าอะไรคือของจริง อะไรคือของปลอม เราจะเลือกยืนอยู่ข้างการเปลี่ยนแปลง…ไม่ใช่ข้างภาพลวง


CSR กับ ESG สองเส้นทางที่เหมือนกันแค่เปลือก แต่จุดหมายต่างกันราวฟ้ากับเหว

ในสายตาคนนอก CSR และ ESG อาจดูคล้ายกัน เพราะมันต่างก็มีเป้าหมายเพื่อทำดีกับโลกและสังคมเหมือนกัน

แต่แท้จริงแล้ว สองสิ่งนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เหมือนโครงการเลี้ยงอาหารกลางวัน กับการปฏิรูประบบอาหารทั้งประเทศ


CSR ความดีแบบพอเป็นพิธี

CSR หรือ Corporate Social Responsibility คือแนวคิดที่บอกว่า องค์กรควรมีความรับผิดชอบต่อสังคมบ้าง ซึ่งโดยมากจะอยู่ในรูปแบบของกิจกรรมเฉพาะกิจ เช่น
- การบริจาคเงินให้มูลนิธิเด็กยากไร้
- การจัดกิจกรรมปลูกป่าร่วมกับพนักงาน
- การเลี้ยงอาหารเด็กในวันสำคัญ
- การแจกทุนการศึกษาในชุมชนใกล้โรงงาน

แม้กิจกรรมเหล่านี้จะมีประโยชน์ในระดับหนึ่ง แต่ปัญหาคือ CSR มักเกิดนอกระบบธุรกิจ เป็นภารกิจแยกส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิธีที่องค์กรผลิตสินค้า บริหารคน หรือสร้างผลกำไร พูดง่าย ๆ คือ บริษัทอาจบริจาคเงินล้านให้โรงเรียน แต่ในโรงงานของตัวเองยังใช้แรงงานที่ไม่เป็นธรรม อาจปลูกป่า 500 ต้น แต่กิจกรรมหลักของธุรกิจยังคงตัดไม้เพื่อผลิตสินค้าที่ไม่มีการฟื้นฟู


ESG ความดีที่ฝังลึกลงในโครงสร้าง

ในทางกลับกัน ESG หรือ Environmental, Social, Governance คือแนวคิดที่มองว่า ความยั่งยืนต้องไม่ใช่กิจกรรม แต่มันต้องเป็นโครงสร้างหลักของการบริหารธุรกิจทั้งหมด

ด้าน Environment (E): ไม่ได้แค่ปลูกต้นไม้ แต่ต้องตรวจสอบทั้งห่วงโซ่อุปทานว่าจะลดคาร์บอนอย่างไร วัตถุดิบมาจากแหล่งที่ยั่งยืนหรือไม่ ระบบขนส่งปล่อยก๊าซแค่ไหน และผลิตภัณฑ์สุดท้ายมีวงจรชีวิตเป็นมิตรต่อโลกแค่ไหน

ด้าน Social (S): ไม่ใช่แค่แจกของให้ชุมชน แต่ต้องมั่นใจว่าพนักงานได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม ไม่มีการเลือกปฏิบัติในองค์กร และบริษัทมีบทบาทลดความเหลื่อมล้ำในสังคมอย่างแท้จริง

ด้าน Governance (G): ไม่ใช่แค่ทำตามกฎหมาย แต่ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีคณะกรรมการอิสระกำกับการตัดสินใจ และไม่ยอมให้เกิดวัฒนธรรมการปกปิดหรือทุจริตในระบบ

ESG จึงเป็นมากกว่าการทำดีให้โลกเห็น มันคือการ ไม่ทำร้ายโลกแม้ไม่มีใครเห็น


ความน่ากลัวของ CSR ที่ไม่มี ESG

องค์กรจำนวนมากยังใช้ CSR เพื่อแต่งหน้า ให้แบรนด์ดูดี โดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินธุรกิจเลยแม้แต่น้อย บางบริษัททำ CSR เป็นพิธีจนกลายเป็นคอร์สปลอบใจพนักงาน บางแห่งจ้างเอเจนซี่ทำ CSR แบบครบวงจร ตั้งแต่คิดกิจกรรม ถ่ายรูป จัดแคปชั่น จนเหมือนเป็น Green Showroom มากกว่าจะเป็น Green Action

ผลคือ…สังคมเริ่มเชื่อว่าสิ่งแวดล้อมที่ดีคือ การปลูกต้นไม้ปีละครั้ง ไม่ใช่การเปลี่ยนระบบโลจิสติกส์ให้ปล่อยมลพิษน้อยลงทุกวัน นี่คือความเข้าใจผิดที่อันตรายที่สุดของยุคนี้ เพราะมันทำให้เราพอใจกับสิ่งปลอม…และหยุดไขว่คว้าหาของจริง

ในยุคที่โลกต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง
เราจะเลือกเดินเส้นทางไหน

เส้นทางที่ง่าย ปลอบใจได้ชั่วคราว แบบ CSR หรือ
เส้นทางที่ยาก แต่เปลี่ยนแปลงได้จริง แบบ ESG

เราจะยังทนอยู่ในระบบที่ปลูกต้นไม้ให้โลกดู
หรือเราจะสร้างระบบที่ เลิกโค่นต้นไม้ตั้งแต่ต้นน้ำ


Dr.Veeranut Rojanaprapa

ผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษา วิทยากร ESG SDGs IDGs
Specialization Certificate The Materiality of ESG Factors Wharton University of Pennsylvania
Founder of IDGs Bangkok Community Hub

------------------------------------------

🔥 intensive ESG
จะวางกลยุทธ์ ESG ของปีหน้าได้อย่างไร หากไม่รู้วิธี

🚨 ESG Strategy
6 ขั้นตอนจาก 0 สู่แผนปฎิบัติการความยั่งยืน

หลักสูตรที่ได้รับรองเป็นการพัฒนาทักษะสูงจากสอวช.
ลดหย่อนภาษีได้ 250% !!

เวทีจริงสำหรับผู้นำที่ไม่อยากตกขบวนธุรกิจแห่งอนาคต

นี่ไม่ใช่คอร์สที่เล่าเรื่อง ESG แบบทฤษฎีแต่คือ สนามปฏิบัติการ 2 วัน 1 คืน ที่จะเปลี่ยนมุมมอง ESG ของคุณให้เป็นอาวุธลับในการชิงความได้เปรียบทางธุรกิจ

👉 https://www.facebook.com/share/p/17Q5N5y7Td/

แอดไลน์ .veeranut
โทรด่วน: 099-289-3645


อ้างอิงจาก:
บทสัมภาษณ์ ดร.ใหม่ ในรายการเจาะใจปี 2022 และ 2024
https://www.youtube.com/watch?v=bDfB8ViRytw
https://youtu.be/Ml_kNAAOld0?si=vKEB2jGiZx-aCYoo

เนื้อหาจากหลักสูตร ESG Strategic Management ของดร.ใหม่ ที่ขึ้นทะเบียนเป็นหลักสูตรการพัฒนาทักษะชั้นสูงของ สอวช.
www.stemplus.or.th

เนื้อหาจากการที่ ดร.ใหม่ไปบรรยายเป็นวิทยากร cis ปี 2023 & 2024
https://cis.riseaccel.com/

------------------------------------------

#ธุรกิจยั่งยืน #ความรับผิดชอบต่อสังคม #การกำกับดูแลกิจการ #การพัฒนาอย่างยั่งยืน #ธุรกิจเพื่อสังคม #ความยั่งยืน #การลงทุนอย่างยั่งยืน #ที่ปรึกษาESG #ที่ปรึกษาความยั่งยืน #ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน

25/09/2025

👨‍🌾👩‍🌾🌳 “รางจืด” สมุนไพรที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ในลักษณะของสมุนไพรล้างพิษที่ช่วยบรรเทาผลกระทบจากมลภาวะ เป็นต้นว่าเมื่อใดที่ฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูง กระแสการใช้รางจืดก็มักถูกหยิบขึ้นมาแชร์เสมอ

⚡ อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้ออกมาแนะนำว่า
➡️ ในเรื่องการลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 ก็สามารถใช้ได้ เพียงแต่รางจืดยังมีข้อมูลค่อนข้างจำกัดและไม่ได้อยู่ในรูปแบบของอาหารทั่วไป
➡️ ในกลุ่มที่มีอาการเป็นบ่อย ๆ มีผื่นขึ้นตามผิวหนังแล้วหายใจไม่ค่อยดี การใช้รางจืดในแง่ของการเสริมสร้างร่างกายก็สามารถทำได้ เพียงแต่กินไม่นานมาก ประมาณ 5-7 วันต่อเดือนก็มีความปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันรางจืดอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติในรูปแบบทั้งแคปซูลและชาชง

💢 สรุปได้ว่า
👉 การใช้รางจืดนั้น “ต้องใช้ให้พอเหมาะพอควร และถูกวิธี” หากใช้เกินความจำเป็นหรือใช้ติดต่อกันนานเกินไปอาจเกิดผลข้างเคียงได้
👉 ถ้าใช้ถูกวิธี รางจืดก็จะเป็นสมุนไพรที่น่ามีติดบ้านไว้ เพราะนอกจากประโยชน์ทางด้านสมุนไพรยังเป็นพืชที่มีดอกสวยงาม
👉 หากปลูกในบ้านควรทำค้างหรือซุ้มให้เลื้อย จะได้ทั้งร่มเงาและความสวยงามจากดอกสีม่วงอมฟ้า

⚡ สำหรับประโยชน์ของรางจืด ได้แก่
✅ ล้างพิษโลหะหนักและสารพิษบางชนิด
✅ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่พบว่ารางจืดอาจช่วยเคลือบเซลล์ไม่ให้โลหะหนักเข้ามาทำร้าย
✅ ช่วยให้ร่างกายขับพิษได้ดีขึ้น รวมทั้งช่วยลดอาการแพ้ ผื่นคัน และร้อนใน

⚡ การปลูกและดูแลรางจืด
✅ ช่วงเวลาปลูกที่เหมาะที่สุด คือ ฤดูฝน
✅ ขุดหลุมปลูกขนาดประมาณ 50×50×30 เซนติเมตร
✅ ตากดินไว้ 1 สัปดาห์ เพื่อฆ่าเชื้อโรคและศัตรูพืช
✅ ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักรองก้นหลุมก่อนปลูก
✅ ทำค้างปลูก ควรทำค้างให้มีขนาดใหญ่ แข็งแรง เพราะรางจืดเป็นไม้เถาที่โตเร็วและมีขนาดกลาง โดยใช้ค้างปูนหรือค้างไม้ก็ได้
✅ ปักชำเถารางจืดในหลุมที่เตรียมไว้ กลบดินและโคนให้แน่น
✅ หากบริเวณที่ปลูกไม่มีร่มเงาไม้อื่นหรือปลูกในที่ที่มีแดดจัด ควรพรางแสงด้วยทางมะพร้าวหรือซาแลน เพื่อไม่ให้ถูกแดดจัดเกินไป
✅ ต้องการน้ำมากในช่วงเริ่มปลูก
✅ หลังจากตั้งตัวได้แล้ว การให้น้ำลดลง แต่ให้หมั่นเช็คหน้าดินอย่าให้ดินแห้งหรือแฉะเกินไป

ที่มา: ข่าวสารจากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร / ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง / วิกิพีเดีย

📍 การใส่ปุ๋ยสำหรับรางจืด
➡️ บำรุงต้นด้วยปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 16-16-16 หรือ 15-15-15 อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

#รางจืด #ปุ๋ยไข่มุก #ปุ๋ยเรือใบไข่มุก #ปุ๋ยไข่มุกเกษตรพันล้าน
===================
ช่องทางการติดต่อสอบถาม
📌สอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์ปุ๋ยตราเรือใบไข่มุกได้ที่ 📞 0 2423 9580-90 หรือ 📧 Inbox Fanpage : m.me/ruabaikaimook
🌏 ค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ปุ๋ยตราเรือใบไข่มุก ได้ที่เว็บไซต์ประวิทย์กรุ๊ป: www.pravitgroup.co.th
🎞 รับชมวิดีโอความรู้ทางการเกษตร ได้ที่
YouTube: ปุ๋ยไข่มุก ตราเรือใบไข่มุก
TikTok: ปุ๋ยไข่มุก ตราเรือใบไข่มุก
IG: ปุ๋ยไข่มุก ตราเรือใบไข่มุก

ที่อยู่

อาคารสำนักงาน
Bangkok
12000

เบอร์โทรศัพท์

+66928545874

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ NT Healthcare.THAILANDผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram