ตาเป็นต้อ ฟื้นฟูด้วยดีคอนแทค dcontact viewo รับสมัครตัวแทนจำหน่าย

ตาเป็นต้อ ฟื้นฟูด้วยดีคอนแทค dcontact viewo รับสมัครตัวแทนจำหน่าย ตาเป็นต้อ ฟื้นฟูด้วยดีคอนแทค dcontact ยา?

 #สีปัสสาวะบอกโรค
18/05/2019

#สีปัสสาวะบอกโรค

04/02/2019
 #การลอกต้อ  #ตาเป็นต้อสามารถใช้ยาชาในการทำการลอกต้อเนื้อได้  โดยไม่ต้องดมยาสลบ และผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องนอนพักรักษาในโรงพ...
21/09/2018

#การลอกต้อ #ตาเป็นต้อ
สามารถใช้ยาชาในการทำการลอกต้อเนื้อได้ โดยไม่ต้องดมยาสลบ และผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องนอนพักรักษาในโรงพยาบาล การลอกต้อเนื้อมี 3 แบบ คือ
1. ลอกต้อเนื้อ แบบไม่ปลูกเนื้อเยื่อ
จักษุแพทย์จะลอกต้อเนื้อออก แล้วทิ้งบริเวณที่ลอกไว้ให้เนื้อเยื่องอกกลับมาคลุมส่วนที่ลอกออกไปเอง เป็นวิธีการผ่าตัดที่ใช้เวลาน้อย แต่มีโอกาสสูงที่จะเกิดการงอกใหม่ของต้อเนื้อได้
2. ลอกต้อเนื้อ แบบปลูกเนื้อเยื่อ โดยใช้เยื่อบุตาขาว
จักษุแพทย์จะลอกต้อเนื้อออก แล้วจะเลาะเอาเยื่อบุตาขาวส่วนที่อยู่ใต้เปลือกตาบนมาปะเพื่อปลูกเนื้อเยื่อในบริเวณที่ต้อถูกลอกออกไป การผ่าตัดวิธีนี้ ลดโอกาสการงอกใหม่ของต้อเนื้อได้มาก จากเดิม 40 - 50 % ลดเหลือเพียง 5 - 10 % ซึ่งโรงพยาบาลจักษุ รัตนิน เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกที่เริ่มรักษาต้อเนื้อด้วยวิธีนี้
3. ลอกต้อเนื้อ แบบปลูกเนื้อเยื่อ โดยใช้เยื่อรก
จะใช้ในกรณีที่ไม่สามารถใช้เยื่อบุตาขาวได้ เช่น เยื่อบุตามีแผลเป็นมาก หรือเป็นต้อหินจำเป็นต้องเก็บเยื่อบุตาขาวไว้เพื่อการผ่าตัดต้อหินในอนาคต
การดูแลหลังผ่าตัดลอก #ต้อเนื้อ
1. งดน้ำเข้าตาเป็นเวลา 7 - 10วัน
2. งดขยี้ตาเป็นเวลา 2สัปดาห์
3. จำเป็นต้องหลีกเลี่ยง แสงแดด ลม ฝุ่น และควัน เพื่อป้องกันการเป็นซ้ำของต้อเนื้อ
ทางเลือกสำหรับหลีกเลี่ยงการผ่าตัด
รับประทานผลิตภัณฑ์ #ดีคอนแทค ครั้งละ 2 เม็ด
หลังอาหารเช้า-เย็น ต่อเนื่องกว่าจะหาย
สอบถามข้อมูลทัก 061-974 6635 คุณก็อป
📌 https://line.me/R/ti/p/%40dcontacteyes

🔥🔥👉 #ไมเกรน (Migraines) เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะรุนแรงชนิดหนึ่ง จะรู้สึกปวดตุบ ๆ รุนแรง โดยมักปวดบริเวณศีรษะข้าง...
09/07/2018

🔥🔥👉 #ไมเกรน (Migraines)
เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะรุนแรงชนิดหนึ่ง จะรู้สึกปวดตุบ ๆ รุนแรง โดยมักปวดบริเวณศีรษะข้างเดียว หรือปวดข้างเดียวก่อนแล้วจึงปวดสองข้าง ในขณะที่ปวดก็มักมีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนร่วมด้วย และอาจมีความรู้สึกไวต่อเสียงและแสงสว่างมากกว่าปกติ
อาการของไมเกรน
ไมเกรน มักจะเกิดในวัยเด็ก วัยรุ่น หรือวัยผู้ใหญ่ระยะแรก
ในขณะที่ปวดไมเกรน ผู้ป่วยอาจพบว่ามีอาการ ดังนี้
🔺 มีอาการปวดศีรษะข้างเดียว หรือทั้งสองข้าง
🔺 มีอาการปวดแบบตุบ ๆ
🔺 แสงจ้า เสียงดัง และกลิ่นฉุนจะกระตุ้นให้ปวดมากขึ้น
🔺 มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
🔺 ตาพร่ามัว มองเห็นภาพไม่ชัด
🔺 มีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด หรือเป็นลม

🚩สาเหตุของไมเกรน
ไมเกรนเป็นผลจากความผิดปกติชั่วคราวในการทำงานของสมองที่มีผลกระทบต่อเส้นประสาท สารเคมี และหลอดเลือดในสมอง แต่สาเหตุที่แท้จริงของไมเกรนนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายปัจจัยดังนี้

🚩สิ่งกระตุ้น ที่ทำให้เกิดไมเกรน
ได้แก่ ฮอร์โมน อารมณ์ ร่างกาย การรับประทานอาหาร สิ่งแวดล้อม และการใช้ยา เป็นต้น โดยสิ่งกระตุ้นเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและส่งผลในแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน ผู้ที่ปวดศีรษะไมเกรนบ่อย ๆ จึงควรสังเกตตนเอง
🔸ตัวกระตุ้นที่เกี่ยวกับอารมณ์
 ความเครียด ภาวะตึงเครียด
 ความวิตกกังวล
 อาการตกใจ หรือช็อก
 ภาวะซึมเศร้า
 ความตื่นเต้น
🔸ตัวกระตุ้นทางกายภาพ
 ความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
 นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
 ทำงานเป็นกะ ไม่เป็นเวลาปกติ
 มีความตึงที่คอหรือไหล่
 อาการอ่อนเพลียจากการเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นเวลานาน (Jet Lag)
 ภาวะเลือดมีน้ำตาลน้อย (Hypoglycaemia)
 ออกกำลังกายที่ต้องใช้พละกำลังมาก
🔸ตัวกระตุ้นเกี่ยวกับอาหาร
 รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา
 ภาวะขาดน้ำ
 ดื่มแอลกอฮอล์
 อาหารที่มีสารไทรามีน (Tyramine) ซึ่งเป็นส่วนประกอบธรรมชาติของอาหาร เช่น เนยแข็ง
 เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา หรือกาแฟ
 อาหารบางประเภท เช่น ช็อกโกแลต ผลไม้ตระกูลส้ม และชีส
🔸ตัวกระตุ้นที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
 แสงสว่างจ้า
 แสงจากจอโทรทัศน์ หรือคอมพิวเตอร์
 การสูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่ โดยเฉพาะในห้องแบบปิด
 เสียงดัง
 สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่น ความชื้น หรืออุณหภูมิที่เย็นจัด
 ได้รับกลิ่นที่รุนแรง
 บรรยากาศที่อบอ้าว...........................................................................
ด้วยความห่วงใยและปรารถนาดีจาก
https://line.me/R/ti/p/%40dcontacteyes
เพื่อไม่ให้พลาดข้อมูลดีๆ ฝากกดไลค์ กดแชร์ ด้วยนะครับ

อยากปรึกษาเรา ไปที่ Inbox ได้เลยครับ

หากตอนนี้ตาพร่ามัว มองไม่ชัด  #ตาเป็นต้อกำลังตัดสินใจ ต้อง  #ลอกตา  #ผ่าตาปรึกษาฟรี 061-974 6635 คุณก็อปhttps://line.me/...
30/06/2018

หากตอนนี้ตาพร่ามัว มองไม่ชัด #ตาเป็นต้อ
กำลังตัดสินใจ ต้อง #ลอกตา #ผ่าตา

ปรึกษาฟรี 061-974 6635 คุณก็อป
https://line.me/R/ti/p/%40dcontacteyes

โรคเบาหวานขึ้นตา เป็นโรคแทรกซ้อนทางตาที่สามารถพบได้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และสามารถส่งผลร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น อัน...
20/06/2018

โรคเบาหวานขึ้นตา เป็นโรคแทรกซ้อนทางตาที่สามารถพบได้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และสามารถส่งผลร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น อันเป็นผลมาจากภาวะจอประสาทตาเสื่อม

สาเหตุ
โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลสูงกว่าคนปกติ เกิดจากตับอ่อนสร้างอินซูลินได้ไม่เพียงพอ ซึ่งอินซูลินมีหน้าที่ นำน้ำตาลกลูโคสจากกระแสเลือดเข้าสู่เซลล์ของร่างกายเพื่อนำไปเป็นพลังงาน หากมีการเผาผลาญได้น้อย หรือไม่ได้เลย จะทำให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลค้างอยู่ในกระแสเลือดจำนวนมาก
ซึ่งหากผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ ความผิดปกติของหลอดเลือดนี้จะส่งผลถึงอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย รวมไปถึง “ดวงตา” ด้วย โดยหลอดเลือดในจอประสาทตาจะเริ่มเกิดอาการอักเสบ โป่งพอง มีเลือดและน้ำเหลืองซึมออกมากระจายอยู่ทั่ว ๆ จอประสาทตา หากปล่อยทิ้งไว้จอประสาทตาจะขาดเลือด เซลล์ในการรับการมองเห็นถูกทำลายจนเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้ความสามารถในการมองเห็นค่อย ๆ ลดลง จนสูญเสียการมองเห็นได้ในที่สุด

อาการ
อาการของโรคเบาหวานขึ้นตาในระยะแรก ๆ นั้นจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาให้เห็น อาการจะค่อยเป็นค่อยไป จึงทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว และละเลยไม่เข้ารับการตรวจสภาพตาตามคำแนะนำของแพทย์ จากนั้น ผู้ป่วยจะค่อย ๆ มีอาการตาพร่ามัวทีละน้อย เนื่องจากมีการรั่วซึมของเลือดและน้ำเหลืองจากหลอดเลือด ซึ่งหากรั่วซึมไปถึงจุดศูนย์กลางของการรับภาพ ก็จะทำให้มีอาการตามัวมากขึ้น
นอกจากนี้ กลไลการสร้างหลอดเลือดใหม่ของร่างกายก็มีผลให้อาการรุนแรงมากยิ่งขึ้นเช่นกัน เพราะหลอดเลือดที่เพิ่งเกิดใหม่ ยังมีผนังไม่แข็งแรง ฉีกขาดง่าย สามารถทำให้เลือดออกในจอประสาทตาได้ ทำให้เกิดอาการตามัวอย่างเฉียบพลัน รวมถึง เมื่อมีหลอดเลือดเกิดขึ้นใหม่ มักจะมีพังผืดเกิดใหม่ด้วย ซึ่งทั้งหลอดเลือดและพังผืดเกิดใหม่นี้จะเป็นตัวที่ยึดดึงจอประสาทตาให้หลุดลอกออกมาได้ จนทำให้ตาบอดสนิท

❤รักดวงตาเลือกดีคอนแทค
❤มีบริการเก็บเงินปลายทางใกล้ ไกลส่งได้หมดนะคับ ส่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ปรึกษาฟรี โทร061-9746635 คุณก็อป
https://line.me/R/ti/p/%40dcontacteyes

#เบาหวานขึ้นตา #ดีคอนแทค
#ตาเป็นต้อ #รับสมัครตัวแทนจำหน่าย

10 สาเหตุ “ตาแดง” แบบไหนหายได้เอง แบบไหนอันตรายเมื่อเรามีอาการตาแดงเกิดขึ้น แน่นอนว่า จะมีคำถามที่มากมายจากคนรอบข้าง เช่...
14/06/2018

10 สาเหตุ “ตาแดง” แบบไหนหายได้เอง แบบไหนอันตราย

เมื่อเรามีอาการตาแดงเกิดขึ้น แน่นอนว่า จะมีคำถามที่มากมายจากคนรอบข้าง เช่น “ไม่สบายหรือเปล่า” “เสียใจเรื่องอะไร” “เมื่อคืนเมาหนักเหรอ” แต่จริงๆ แล้ว อาการตาแดงสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และบางครั้งก็เป็นอาการที่ที่บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่สำคัญเช่นกัน

Andrew Holzman แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก TLC Laser Eye Center ในแมรี่แลนด์ บอกว่า อาการตาแดงนั้น อาจจะเกิดจาก 10 สาเหตุต่อไปนี้



ตาแดงเพราะตาแห้ง

เมื่อตาแห้ง ก็จะเกิดความระคายเคืองและมีการอักเสบได้ และการอักเสบนี่เอง ที่ทำให้ตาแดง ส่วนใหญ่แล้วเมื่อเรามีอายุมากขึ้น คือประมาณ 50 ปีขึ้นไป ก็จะมีอาการตาแห้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าหากยังอยู่ในวัยเด็ก หรือวัยหนุ่มสาว แล้วมีอาการดังกล่าว อาจจะเป็นเพราะการจ้องมองจอคอมพิวเตอร์มากเกินไป ในขณะที่เราดูจอคอมพิวเตอร์นั้น เรามักจะไม่กระพริบตา และนั่นก็เป็นสาเหตุให้ตาแห้ง

นอกจากนี้ ยังมีอาการอื่นร่วมได้อีกเช่น เคืองตา ปวดแสบปวดร้อน คันตา วิธีแก้ก็คือ ใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เพื่อให้ความชุ่มชื้น และลดการอักเสบ ที่เป็นสาเหตุให้ตาแดง นอกจากนั้น เวลาดูจอคอมพิวเตอร์ ก็ให้กระพริบตาให้บ่อยขึ้น โดยใช้กฏ 20-20-20 นั่นคือ ในทุก ๆ 20 นาทีที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ให้หันไปมองอย่างอื่น ที่อยู่ห่างจากตัวเราออกไปประมาณ 20 ฟุต สัก 20 วินาที แต่หากทดลองวิธีที่แนะนำไปแล้ว อาการตาแดงยังไมดีขึ้น ก็ควรปรึกษาแพทย์



ตาแดงเพราะมีอาการแพ้อากาศ

บางคนมีอาการแพ้ต่างๆ เกิดขึ้นตามฤดูกาล ที่สภาพอากาศ และสภาพแวดล้อมมีความเปลี่ยนแปลงไป เช่นแพ้ละอองเกสรดอกไม้ แพ้หญ้า อาการเหล่านี้ทำให้ตาบวม แดง อักเสบได้ นอกจากนี้เมื่อเรามีอาการแพ้ เรามักจะคันตา เป็นเหตุให้ต้องขยี้ตา ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้อักเสบ และแดงมากขึ้นไปอีก

นอกจากอาการคัน และเคืองตาแล้ว อาจจะมีน้ำตาไหลได้ด้วย วิธีแก้ก็คือ ใช้ของเย็นๆ ปิดด้วยตาไว้ประมาณ 15 นาที ทำวันละหลาย ๆ ครั้ง หรืออาจจะปรึกษาแพทย์ เพื่อหาทางควบคุมอาการแพ้ เพื่อรักษาที่ต้นเหตุ



ตาแดงเพราะการใช้ยาบางชนิด

ยาแก้แพ้หรือยาต้านฮีสตามีน (antihistamine)ไม่ใช้ยาชนิดเดียว ที่ทำให้เราเกิดอาการตาแห้ง ยังมียาอีกหลายชนิดที่มีผลข้างเคียงดังกล่าว เช่น ยานอนหลับ ยาคลายเครียด หรือแม้กระทั่งยาแก้ปวด พวก ibuprofen ยาพวกนี้ ทำให้ตาแห้ง และแดง เพราะมันไปลดการไหลเวียนของเลือดบริเวณเนื้อเยื่อรอบดวงตา วิธีแก้คือ การหยอดน้ำตาเทียม รวมทั้งอาจจะปรึกษาแพทย์ เพื่อลดผลข้างเคียงโดยปรับการใช้ยาบางอย่าง



ตาแดงเพราะนอนไม่พอ

การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนดึก ก็ทำให้ตื่นขึ้นมาตาแดงในตอนเช้าได้ เพราะตาก็ต้องการการปิดพักผ่อน เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมเช่นกัน กล้ามเนื้อดวงตา ก็ต้องการพัก หากไม่ได้พักอย่างเพียงพอ การโฟกัส ก็ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ วิธีการแก้ไขก็คือ ใช้น้ำตาเทียมช่วย และควรจัดเวลาสำหรับการนอนหลับพักผ่อนให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมง



ตาแดงเพราะดื่มแอลกอฮอล์

การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ก็ทำให้ตาแดง ไม่ใช่แค่ทำให้หน้าแดงเท่านั้น เพราะแอลกอฮอล์ ทำให้เส้นเลือดขยายตัว มีปริมาณเลือดไหลเวียนที่ดวงตามากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่น ปวดศีรษะ ร่างกายขับน้ำ คลื่นไส้ วิธีแก้ ต้องใช้ยาหยอดตาชนิด eye whitening drop จะช่วยลดอาการได้ ภายใน 15 นาที



ตาแดงเพราะสูบบุหรี่

การสูบบุหรื่ ก็ทำให้ตาแดง เพราะบุหรี่จะไปบีบเส้นเลือดในดวงตา นอกจากนี้ ยังอาจจะเกิดอาการตาแห้งได้ด้วย อาการดังกล่าวนี้ หากเป็นไปในระยะยาว อาจจะส่งผลถึงขั้นทำให้สูญเสียการมองเห็น หรือตาบอดได้ วิธีแก้ก็คือ การเลิกบุหรี่ และพยายามอยู่ในที่ที่อากาศบริสุทธิ์



ตาแดงเพราะติดเชื้อ

โรคตาแดงของจริงแล้วล่ะทีนี้ โรคตาแดงเกิดอาการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ที่ดวงตาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง โรคตาแดงนี้ แพร่กระจายไปติดคนอื่นได้ง่ายมาก เมื่อติดก็จะเกิดอาการอักเสบ ตาบวม แดง และอาจมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่น ปวดแสบปวดร้อน น้ำตาไหล ตาปิด ไวต่อแสง โรคตาแดงหากเป็นแล้วต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษา หากแพทย์ตรวจพบว่าเป็นไวรัส ก็อาจจะให้พักผ่อน 2-3 สัปดาห์ ให้ยาหยดตาเพื่อลดอาการ และรอให้เชื้อไวรัสนั้นหายไปเอง หากเป็นแบคทีเรีย ก็จะต้องใช้ยาหยอดตาแอนตี้ไปโอติก เพื่อรักษาอาการ



ตาแดงเพราะว่ายน้ำ

น้ำทะล มีความเค็ม ซึ่งนำไปสู่อาการตาแดงได้ ส่วนน้ำในสระว่ายน้ำ ก็มีสารเคมีอย่างคลอรีน ซึ่งทำให้เกิดอาการระคายเคืองและตาแดงได้เช่นกัน วิธีแก้คือ ให้ล้างตาด้วยน้ำเกลือสำหรับล้างตา หรือใช้น้ำตาเทียมหยอดตา จะช่วยบรรเทาอาการได้ ที่สำคัญ ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ ไม่ควรใส่ลงน้ำ



ตาแดงเพราะเส้นเลือดในตาแตก

อาการดังกล่าวนี้ อาจจะเกิดขึ้นเพราะไอบ่อย มีแรงกดที่ตา มีโรคบางอย่าง หรือแม้กระทั่งอุบัติเหตุ อาการแบบนี้ มักไม่ทำให้เจ็บปวด เพียงแต่จะรู้สึกหนักๆ ที่ตาเท่านั้น และแก้ไขไม่ได้ ต้องรอให้ค่อย ๆ หายไปเอง ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์



ตาแดงเพราะใช้น้ำยาหยอดตาประเภท eye whitening drops มากเกินไป

น้ำยาหยอดตาประเภทนี้ อาจทำให้ปัญหาตาแดงยิ่งแย่ลงไปอีกหากใข้ไม่เหมาะสม เพราะมันไปลดปริมาณเลือดที่เข้ามาหล่อเลี้ยงบริเวณดวงตา เมื่อหยอดตาแดงก็หายไป แต่เมื่อหยุด มันก็กลับมาใหม่ และอาจจะเกิดผลที่เรียกว่า rebound effect ทำให้ตายิ่งแดงมากขึ้นอีก ยาประเภทนี้ ไม่ควรใช้บ่อย หรือใช้เป็นประจำ หากนาน ๆ ใช้ทีก็จะไม่ก่อให้เกิดผลเสียแต่อย่างใด

ขอขอบคุณ

ข้อมูล :foxnew

ติดตามสาระดีๆ คลิก https://line.me/R/ti/p/%40dcontacteyes

คุณคาดหวังให้ลูกคุณเป็นอย่างไร?เรา “คาดหวัง” เด็กทุกคน ด้วยมาตรฐานใกล้ๆ กัน พอลูกไม่ได้ดังที่เราฝัน เราก็พบว่ามันช่างเป็...
24/05/2018

คุณคาดหวังให้ลูกคุณเป็นอย่างไร?
เรา “คาดหวัง” เด็กทุกคน ด้วยมาตรฐานใกล้ๆ กัน พอลูกไม่ได้ดังที่เราฝัน เราก็พบว่ามันช่างเป็นปัญหา

ในความเป็นจริง เด็กทุกคน มีคุณลักษณะติดตัวที่แตกต่าง และความแตกต่าง คือสิ่งที่สร้างโลกที่ควรเป็น

ที่สำคัญ ไม่ได้แปลว่า เด็กไม่น่ารักในสายตาเรา จะเติบโตมาไม่น่ารักเสมอไป

มีงานวิจัยต่างประเทศพบว่า เด็ก “strong willed child” (อาจจะคล้ายๆ “เด็กเอาแต่ใจ” หรือ “เด็กดื้อ” แบบบ้านเรา) เด็กเหล่านี้มักโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จสูง เป็นผู้นำในองค์กรใหญ่ๆ มีปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงในวัยรุ่นน้อย เมื่อเทียบกับเด็กว่านอนสอนง่าย ใครสั่งให้ทำอะไรก็ทำ

ในทฤษฎีเรื่อง “Energram” ได้แบ่งสไตล์ของมนุษย์ไว้ 9 แบบ (perfectionist ผู้ช่วยเหลือ ผู้ใฝ่สำเร็จ คนโรแมนติก ผู้สังเกตการณ์ นักตั้งคำถาม นักผจญภัย ผู้นำ ผู้ประสานงาน) แต่ละแบบมีจุดแข็งและจุดที่ควรพัฒนาแตกต่างกันไป

พ่อแม่ที่ดี ไม่ใช่พ่อแม่ที่มีมาตรฐานของเด็กดีในใจ แล้วคาดหวังให้ลูกต้องเป็นให้ได้ในมาตรฐานนั้น

แต่เป็นพ่อแม่ที่เข้าใจ “ธรรมชาติพื้นฐานของลูก” แล้วปรับวิธีการเลี้ยงดู ที่เสริมจุดแข็ง แก้จุดอ่อน เพื่อให้ลูกพัฒนาได้เต็มที่ตามศักยภาพและข้อจำกัดของตน

เพราะ “เด็กดี” ในแบบของเราในวันนี้ ไม่ได้แปลว่ามันจะดีสำหรับลูกและโลกในอนาคต

และเด็กดื้อ เอาแต่ใจในวันนี้...

ก็อาจเป็นผู้นำที่ดีได้ในอนาคต

แค่เลี้ยงลูก... ด้วยการเข้าใจธรรมชาติ

สนใจปรึกษา
โทร.061-974 6635 คุณก็อป
หรือคลิก https://line.me/R/ti/p/%40dcontacteyes

🚫 หลายท่านสงสัย ???✔ หลังผ่าต้อกระจกแล้ว ทำไมยังมองไม่ชัด !?     เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ในคนไข้ที่ผ่าต้อกระจกมา บางคนหลัง...
17/05/2018

🚫 หลายท่านสงสัย ???
✔ หลังผ่าต้อกระจกแล้ว ทำไมยังมองไม่ชัด !?

เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ในคนไข้ที่ผ่าต้อกระจกมา บางคนหลังผ่าแล้วมองไม่ชัด หรือบางคนหลังผ่าต้อกระจกใหม่ๆ มองเห็นชัดเจนดี แต่ผ่านไป 2-3 เดือน ตามัวลงอีก สาเหตุแบ่งได้ดังนี้

1.กรณีที่มองเห็นไม่ชัด "ทันที" หลังจากผ่าตัด กรณีนี้คนไข้จะรู้สึกผ่าไปแล้ว ทำไมเห็นไม่ชัดขึ้นเลย บางคนมัวลงอีกต่างหาก กรณีแบบนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยครับ มีสาเหตุสำคัญคือ

1.1) ผู้ป่วยไม่ได้ตามัวจากต้อกระจก จริงๆคือมีโรคตาอื่นๆซ่อนอยู่ แล้วอาจจะตรวจไม่ได้ เช่นจอรับภาพเสื่อม เส้นเลือดที่ตาอุดตัน เป็นต้น
1.2) ใส่เลนส์ตาเทียมคนละเบอร์กับค่าสายตา เป็นปัญหาที่ไม่ค่อยเจอแล้ว เนื่องจากการวัดค่าเลนส์แม่นยำขึ้น อาจจะเจอในคนไข้ที่ค่าสายตาผิดปกติมากๆ เช่น สั้นมาก ยาวมาก หรือมีสายตาเอียงมาก

2.กรณีที่หลังผ่าตัดมองเห็นชัดเจนดี เวลาผ่านไปซักพัก ตาเริ่มมัวลงอีก กลุ่มนี้จะพบได้บ่อยกว่า สาเหตุมักเป็นจากโรคทางตาอื่นๆ ไม่ได้เกี่ยวกับต้อกระจกแล้ว
2.1)ถุงหุ้มเลนส์ขุ่น เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด แล้วรักษาได้ง่ายที่สุดเช่นกัน การรักษาโดยยิงเลเซอร์ตัดถุงหุ้มเลนส์ที่ขุ่นออก ใช้เวลาในการยิงไม่นาน คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บขณะยิงเลเซอร์เลย
2.2)มัวจากโรคตาอื่นๆ เช่น จุดรับภาพบวม จอประสาทตาหลุดลอก หรือเลนส์ตาเทียมเคลื่อน

สรุปแล้วปัจจุบันสาเหตุของอาการตามัวหลังผ่าตัดต้อกระจก เกือบทั้งหมด เป็นจากโรคทางตาอื่นๆ ซึ่งรักษาได้ แต่เป็นการรักษาเฉพาะจุด.. ต้องผ่าตัด เลเซอร์ตา หลายรอบ พักฟื้นดวงตาอีกหลายเดือน ไปตามนัดหมอทุก 3-4 เดือน..

จะดีกว่าไหม! รักษาโดยใช้สารอาหารที่สกัดจากธรรมชาติ (ด้วยสมุนไพร) ในการบำบัด และฟื้นฟูทั้งระบบดวงตาที่เสื่อมให้ดีขึ้น จนกลับมามองเห็นเหมือนเดิม เป็นการฟื้นฟูที่ได้ผลดี ปลอดภัย และยั่งยืนกว่าวิธีอื่นๆ

⛔⛔⛔⛔⛔⛔⛔⛔⛔⛔⛔⛔⛔⛔⛔⛔⛔⛔

🚨 ผลิตภัณฑ์ ดีคอนแทค D-contact
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการของดวงตา ดังนั้น

-ท่านที่มีสภาพตาสั้นเทียม, สายตายาว, สายตาเอียง
-ผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์มาเป็นระยะเวลานาน
-ท่านที่มีจอสายตาแปรปรวนสภาพการณ์ที่เกิดจากโรคเบาหวาน
-ผู้ที่ใช้ คอมพิวเตอร์ เป็นเวลานาน
-ผู้ที่ขับรถยนต์เหรือผู้ปฏิบัติงานผู้ที่ทำหน้าที่ผลัดกลางคืนป็นระยะเวลานาน (อย่างเช่น คนขับ taxi, คนขับรถขนของ)
-ผู้สูงอายุที่มีสายตาฝ้าฟางที่มีความโอนเอียงที่น้ำนัยน์ตาจะไหลเมื่อเหลือบเห็นแสงจ้า
- วุ้นในตาเสื่อมซึ่งเป็นเหตุให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง
-ผู้เป็นเยื่อบุดวงตาอักเสบ
-ผู้ที่เป็นต้อกระจก, ต้อหิน, ต้อเนื้อ, ต้อลม
-ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมากๆ ท่านที่มีอุปสรรคจอประสาทตา

➡ ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์บำรุงดวงตา “ดีคอนแทค”
สามารถป้องกันและแก้ปัญหาตามัว มองไม่ชัด
และต้อทุกประเภทของคุณได้อย่างชัดเจน เห็นผลเร็ว รับประกันความพอใจ 100%

➡ เลขทะเบียน อย. เลขที่ 10-1-15456-5-0001
ได้รับมาตรฐาน GMP, HACCP, ฮาลาลรับรอง

➡ ขนาดบรรจุ 1 กล่อง 30 เม็ด

🔊 สนใจสั่งซื้อ ดี คอนแทค
📞 คุณก็อป 061-974 6635
หรือทางไลน์ http://line.me/ti/p/%40dcontacteyes

#ผ่าต้อกระจก #ดีคอนแทค
❎❎❎❎❎❎❎❎❎❎❎❎❎❎❎❎❎❎

ดื่มน้ำเย็นจัด ทำร่างกายเจ็บป่วยไม่รู้ตัว        น้ำเย็น ๆ ใคร ๆ ก็ชอบ ก็ดูสภาพอากาศทุกวันนี้สิคะ ก้าวออกไปจากห้องแอร์ไม...
13/05/2018

ดื่มน้ำเย็นจัด ทำร่างกายเจ็บป่วยไม่รู้ตัว

น้ำเย็น ๆ ใคร ๆ ก็ชอบ ก็ดูสภาพอากาศทุกวันนี้สิคะ ก้าวออกไปจากห้องแอร์ไม่กี่นาที ได้เหงื่อไหลไคลย้อยกันแล้ว แถมชวนให้รู้สึกกระหายน้ำง่ายกว่าปกติเสียด้วย แบบนี้ถ้าได้ดื่มน้ำเย็น ๆ หรือน้ำผสมน้ำแข็งสักหน่อย ถึงจะชื่นใจ

แต่เอ...เห็นใครหลายคนบอกต่อกันมาว่า "น้ำเย็นจัด" น่ะ ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นอยู่แค่ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้นแหละ เพราะว่าจริง ๆ น้ำที่เย็นมาก ๆ หากดื่มเข้าไปแล้ว กลับส่งผลเสียต่อสุขภาพต่างหาก ฟังแล้วชักจะสงสัย ไม่รู้ว่าผลเสียของการดื่มน้ำเย็นจัดมีอะไรบ้างนะ

1. ลดขีดความสามารถของสมอง
เชื่อไหมว่า นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยบริสตอล ในประเทศอังกฤษ ได้ทำการศึกษาพบว่า คนที่ดื่มน้ำเย็นจัดในยามที่ร่างกายไม่ได้เกิดความรู้สึกกระหายน้ำนั้น จะทำให้ขีดความสามารถในการทำงานของสมองลดลงไปทันที จากการแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งไม่ได้ดื่มน้ำอะไรเลย ขณะที่อีกกลุ่มให้ดื่มน้ำเย็นจัด อุณหภูมิประมาณ 10 องศาเซลเซียส 1 แก้ว ทั้งที่ยังไม่รู้สึกกระหาย แล้วนำแบบทดสอบไปให้ทำ ปรากฏว่า กลุ่มที่ไม่ได้ดื่มน้ำทำแบบทดสอบได้ดีกว่ากลุ่มที่ดื่มน้ำเย็นจัด โดยกลุ่มที่ดื่มน้ำเย็นจัดนั้น มีขีดความสามารถในการทำแบบทดลองลดลงไปถึง 15% เลยทีเดียว

เมื่อผลเป็นเช่นนี้ นักวิจัยจึงเชื่อว่า อุณหภูมิของน้ำที่เย็นไปส่งผลกระทบต่อสมอง ดังนั้น จึงกระทบต่อคนที่กำลังทำงานที่ต้องใช้สมอง หรือใช้ความคิดมาก ๆ รวมทั้งการขับรถด้วย หากใครกำลังทำงานเครียด หรือขับรถฝ่ารถติด ก็เลี่ยงน้ำเย็นจัด ๆ ไว้นะ

2. ย่อยอาหารได้ยากขึ้น

หลายคนติดนิสัยทานอาหารคำสุดท้ายเสร็จเมื่อไร ก็จะดื่มน้ำเย็น ๆ ตามลงไปทันที บ้างก็ว่าเพื่อล้างปาก บ้างก็ว่าเพื่อให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น แต่จริง ๆ แล้ว น้ำเย็นจัดแก้วนั้นของคุณจะไปทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักขึ้นต่างหากนั่นเพราะปกติแล้ว ร่างกายเราจะหลั่งเอนไซม์ออกมาเวลาย่อยอาหาร ซึ่งเอนไซม์นั้นมีอุณหภูมิเท่ากับร่างกายของเรา คือประมาณ 37 องศาเซลเซียส หากเราดื่มน้ำเย็นจัด ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่ากันมากลงไป มันจะไปลดการทำงานของสสารเอนไซม์สำหรับย่อยอาหาร นอกจากนี้ น้ำเย็นยังจะไปทำให้กล้ามเนื้อต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหารเกิดอาการชาได้ ทำให้ประสิทธิภาพการย่อยอาหารลดลงอีกด้วย เมื่อการย่อยอาหารทำได้ไม่ดี เราจะรู้สึกท้องอืด ท้องเฟ้อ ขึ้นมา หากติดนิสัยดื่มน้ำเย็นจัด ๆ หลังอาหารเป็นประจำ ก็อาจทำให้เป็นโรคกรดไหลย้อนได้ไม่รู้ตัวเลยล่ะ

3. ร้อนในถามหา

อย่างที่รู้กันว่า มนุษย์เราเป็นสัตว์เลือดอุ่น ยิ่งอากาศข้างนอกร้อนจัดเสียด้วย แบบนี้ ถ้าเราดื่มน้ำเย็น ๆ เข้าไป ร่างกายก็จะต้องปรับอุณหภูมิในร่างกายขึ้นมา เท่ากับว่ายิ่งดื่มน้ำเย็นมากเท่าไร ร่างกายก็จะยิ่งปรับอุณหภูมิเพิ่มมากขึ้น เมื่ออุณหภูมิในร่างกายเพี้ยนไปแบบนี้แล้ว อาการร้อนในจะไม่ถามหาได้อย่างไรล่ะ

4. เจ็บป่วยง่ายขึ้น

เรื่องนี้ได้รับคำยืนยันจาก ภญ.วรีวรรณ รัตรสาร แพทย์แผนไทยด้านเวชกรรมไทย ที่ระบุว่า เมืองไทยเป็นเมืองร้อน หากเราดื่มน้ำเย็นในช่วงอากาศร้อนจัด จะทำให้เราเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น เพราะร่างกายปรับอุณหภูมิไม่ทัน แตกต่างจากคนที่อาศัยอยู่ในเมืองหนาว ที่การดื่มน้ำเย็นไม่ได้กระทบกับสุขภาพของเขาเท่าใดนัก เพราะเป็นน้ำที่มีอุณหภูมิไม่ต่างกับอากาศข้างนอกนั่นเอง ใครที่ป่วยบ่อย ๆ ลองสำรวจตัวเองดูซิว่าชอบดื่มน้ำเย็นจัดหรือเปล่า

5. ปวดท้องประจำเดือนมากขึ้น

ข้อนี้ คุณสาว ๆ ต้องจำไว้ให้ดีเลยค่ะว่า ถ้าช่วงนั้นคุณมีประจำเดือน ห้ามดื่มน้ำเย็นเด็ดขาดเลยถ้าไม่อยากปวดท้องโอดโอย นั่นเพราะเวลาที่เราปวดท้องประจำเดือน หากดื่มน้ำเย็นเข้าไป จะทำให้มดลูกบีบตัว รัดตัวมากขึ้น ก็จะทำให้เรายิ่งปวดท้องมากขึ้น และน้ำเย็นยังทำให้เลือดประจำเดือนเป็นลิ่มด้วย ส่วนสาว ๆ บางคนที่มีรอบเดือนมาไม่ค่อยปกติ นั่นก็เป็นผลมาจากการดื่มน้ำเย็นจัดเช่นกัน

สรุปได้ว่า การดื่มน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์ที่อุณหภูมิเดียวกับอุณหภูมิห้อง สบายใจสบายกายกว่ากันแน่นอน และถ้าจะให้ดี ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน สำหรับคนน้ำหนัก 50 กิโลกรัม และหากมีน้ำหนักตัวมากกว่านั้นก็ยิ่งต้องดื่มน้ำให้มากขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัวของเรา ที่สำคัญคือ ไม่ควรดื่มรวดเดียวหมด อาจทำให้เจ็บป่วยได้ ควรดื่มแบบค่อย ๆ จิบไปเรื่อย ๆ ดีที่สุดครับ

Credit : kapook

ข้อคิดล้ำค่าจากคุณวิกรม กรมดิษฐ์1. 'เงินเดือนเสี่ยงสุด' พอเกษียณแล้วไม่มีเงินเดือน แถมเดี๋ยวนี้เงินก้อนหลังเกษียณแทบไม่ม...
01/05/2018

ข้อคิดล้ำค่าจากคุณวิกรม กรมดิษฐ์

1. 'เงินเดือนเสี่ยงสุด' พอเกษียณแล้วไม่มีเงินเดือน แถมเดี๋ยวนี้เงินก้อนหลังเกษียณแทบไม่มี เพราะมันเป็นค่าใช้จ่ายที่บริษัทต้องตัดเป็นอย่างแรกเมื่อต้องการลดต้นทุนธุรกิจ

2. 'ยุคนี้อายุเราโคตรยืน' ด้วยการแพทย์ปัจจุบัน คุณจะอยู่กันเป็น 100 ลองคำนวณซิว่าเมื่อไหร่เงินเก็บที่คุณมีจะ 'สลดเพราะใช้เงินหมดก่อนตาย'

3. 'ลูกหลานเลี้ยงดูเราไม่ได้' ไม่ใช่ลูกหลานไม่กตัญญู แต่ตัวมันเองยังเอาตัวไม่รอด จะเอาปัญญาที่ไหนมาดูแลคนเกษียณอย่างเรา คนแก่เป็นภาระคือสิ่งแรกที่คนทิ้งเมื่อเกิดวิกฤติ อย่าทำตัวเราให้เป็นภาระเพราะวิกฤติเกิดประจำ

4. 'ไม่รู้จักคำว่า Passive Income' คำนี้สวรรค์ชัดๆ สำหรับคนที่มี Passive Income คือเงินที่ไหลเข้ามาหาเราเรื่อยๆ แม้ว่าเราจะหยุดทำงาน หรือ แม้กระทั่งป่วย เงินนี้ก็ยังไหลเข้ามา การสร้าง Passive Income มันเกิดจากการลงทุนแบบซื้อของที่มูลค่าสร้างรายได้แบบไม่ขายสิ่งนั้นชั่วชีวิต เช่น ออมในหุ้น ออมในอสังหาฯ ให้เช่า

5. 'เงินก้อนที่คุณเก็บ รักษายากที่สุด' จะมีวิกฤติเศรษฐกิจ เกิดขึ้นอีกหลายครั้งหลังเกษียณ เศรษฐกิจยุคปัจจุบันผันผวนน่ากลัว และเกิดวิกฤติแรงและเกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ การที่คนส่วนใหญ่ลงทุนแต่ระยะสั้น หรือมุ่งแต่เก็บเงินก้อน คุณซวย!! เพราะเงินก้อนรักษายากที่สุด ต้องเงินไหล หรือ Passive Income ต่างหากที่ดูแลเราจนตาย

6. 'เราไร้ค่าหลังเกษียณ เพราะงานคือการอธิบายตัวตนของเรา' คนเกษียณที่ไม่ได้เตรียมตัวจะจิตตกเจียนตาย เพราะรู้สึกว่าตัวเองหมดคุณค่า หมดความสำคัญ เขาลืมไปว่า งานคือการอธิบายตัวตนของเรา เมื่อคุณหยุดอธิบายตัวเอง คนก็จะค่อยๆ ไม่เห็นคุณ

7. 'เงินไม่ได้จำเป็น แต่หลังเกษียณโคตรจำเป็น คนแก่ที่มีลูกหลานรายล้อม ผลัดกันดูเพราะคนแก่คนนี้เตรียมมรดกก้อนใหญ่ไว้ให้ลูกหลาน เช่น พ่อเตรียม Port ออมในหุ้น กับอสังหาฯ ไว้ให้ลูกหลังจากที่พ่อตายนะ ยิ่งให้ ยิ่งได้ ใช้ได้เสมอครับ

8. 'เจ้าของธุรกิจ เขาไม่ต้องเกษียณ' เหมือนไม่แฟร์ที่เราเห็นคนรวย เจ้าของธุรกิจเขาทำงานจนตายไม่มีเกษียณ เขาไม่ได้ต้องทำครับ เขาแค่ชอบที่จะทำ ที่เขาทำเพราะเขาต้องการอธิบายตัวตนของเขา เพื่อที่คนอื่นจะได้เห็นคุณค่าและให้เกียรติเขาตลอดชีวิต

9. 'เกษียณแล้วฉันจะสบาย ไม่เป็นความจริง' ใครที่เกษียณแล้วสบาย คือมันสบายตั้งแต่ก่อนเกษียณ พวกที่พูดว่าเดี๋ยวเกษียณแล้วจะสบาย ซวยหนักทุกคนครับ

10. 'ทุกอย่างในโลกนี้ มันก็แค่ประสบการณ์' ยิ่งคุณแก่คุณก็จะพบว่า ชีวิตมันก็แค่การเดินทาง และทุกอย่างมันก็คือประสบการณ์ ความสุขมาก ความทุกข์มาก ล้มเหลวมาก ชนะเยอะ โดนหักหลัง โดนโกงโดนแกล้ง เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องเล็ก ก็จะเปลี่ยนเป็นแค่ประสบการณ์ เหมือนๆ กันหมด

เครดิต: มติชน

ที่อยู่

242 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี
Bangkok
10510

เบอร์โทรศัพท์

0619746635

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ตาเป็นต้อ ฟื้นฟูด้วยดีคอนแทค dcontact viewo รับสมัครตัวแทนจำหน่ายผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram