Herb for healt สมุนไพรทั้งปลอดภัย และใกล้ตัว

10/06/2022

พ่อมาคอนเฟิมเองจ้าาาาา are you ready ?
ราชมังจะมีแจ็คสัน ไทยแลนด์จะมีแจ็คสันแล้ววว 12 ก.ค นี้ เฮียจะมาโชว์เปิดเกมส์ที่ราชมัง!!!!! 🤩🤩🤩🤩❤️❤️❤️❤️

👑

น้ำตาล ( Sugar ) คือ สารที่ให้ความหวาน ซึ่งได้จากการสกัดจากธรรมชาติ เช่น ต้นตาล ต้นอ้อย มะพร้าว ประโยชน์ของน้ำตาล สรรพคุ...
21/09/2019

น้ำตาล ( Sugar )
คือ สารที่ให้ความหวาน ซึ่งได้จากการสกัดจากธรรมชาติ เช่น ต้นตาล ต้นอ้อย มะพร้าว ประโยชน์ของน้ำตาล สรรพคุณของน้ำตาล ช่วยบำรุงกำลัง และ ให้พลังงานต่อร่างกาย โทษของน้ำตาล มีอะไรบ้าง

น้ำตาล สมุนไพร บำรุงกำลัง ประโยชน์ของน้ำตาล

ประเภทของน้ำตาล

น้ำตาล เป็นสารให้ความหวาน ซึ่งน้ำตาลได้จากการสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งมีหลายประเภท โดยประเภทของน้ำตาล มีดังนี้

น้ำตาลทรายดิบ ( Raw Sugar ) จะมีสีน้ำตาลเข้ม มีสิ่งสกปรกเจือปนอยู่ ยังไม่สะอาด เป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำตาลทรายขาว
น้ำตาลทรายดิบคุณภาพสูง ( High Pol Sugar ) คือ น้ำตาลที่สามารถนำไปบริโภคได้โดยตรง สีของน้ำตาลเป็นสีเหลืองแกมน้ำตาล ซึ่งผ่านกระบวนการทำให้น้ำตาลบริสุทธิ์บางส่วน น้ำตาลชนิดมีราคาถูกกว่าน้ำตาลทรายขาว
น้ำตาลทรายขาว ( White Sugar ) คือ น้ำตาลลักษณะเป็นเม็ดละเอียดเหมือนทราบสีขาว เป็นน้ำตาลที่ผ่านการสกัดเอาสิ่งเจือปนออก เป็นน้ำตาลที่นิยมใช้บริโภค
น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ( Refined Sugar ) คือ มีลักษณะเป็นเม็ดสีขาวใส เป็นน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการผลิตทำให้น้ำตาลบริสุทธิ์ นิยมใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้น้ำตาล เช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มบำรุงกำลัง เป็นต้น
น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ ( Super Refined Sugar ) คือ น้ำตาลที่สกัดพิเศษมีความบริสุทธิ์สูง ใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้น้ำตาลที่มีความบริสุทธิ์มาก ๆ
น้ำตาลปี๊บ ( Paste Sugar ) คือ น้ำตาลที่เคี่ยวจนเข้มข้น แล้วนำไมาทำให้น้ำตาลแข็งตัวโดยใช้ลมเย็น
น้ำตาลทรายแดง ( Brown Sugar ) คือ น้ำตาลทรายที่ไม่ผ่านกระบวนการขัดสี
น้ำเชื่อม ( Liquid Sugar ) คือ น้ำตาลผสมน้ำ เป็นของเหลวที่มีความหวาน นิยมนำมาใช้เพื่อความสะดวกในกระบวนการผลิตต่าง ๆ เช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น
น้ำตาลแร่ธรรมชาติ ( Mineral Sugar ) คือ น้ำตาลที่ผสมคาราเมล ซึ่งได้มาจากการเคี่ยวน้ำตาลกับเอโมลาส
กากน้ำตาล ( Molasses ) คือ น้ำตาลที่ได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาล นิยมนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในภาคอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ สุรา ผงชูรส น้ำส้มสายชู เป็นต้น
คุณค่าทางโภชนาการของน้ำตาล

นักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนากการของน้ำตาลทรายขาว และ น้ำตาลทรายแดง โดยพบว่ามีสารอาหารต่างๆ มากมายที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยรายละเอียด ดังนี้

คุณค่าทางโภชนาการของน้ำตาลทรายขาว ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 387 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต 99.98 กรัม น้ำตาล 99.80 กรัม น้ำ 0.02 กรัม วิตามินบี2 0.019 มิลลิกรัม ธาตุแคลเซียม 1 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 0.05 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 2 มิลลิกรัม โซเดียม 1 มิลลิกรัม และ สังกะสี 0.01 มิลลิกรัม

คุณค่าทางโภชนาการของน้ำตาลทรายแดง ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 380 กิโลแคลอรี่ พบว่าให้สารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย โปรตีน 0.12 กรัม คาร์โบไฮเดรต 98.09 กรัม น้ำตาล 97.02 กรัม น้ำ 1.34 กรัม วิตามินบี3 0.110 มิลลิกรัม วิตามินบี6 0.041 มิลลิกรัม วิตามินบี9 1 ไมโครกรัม แคลเซียม 83 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 0.71 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 9 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 4 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 133 มิลลิกรัม โซเดียม 28 มิลลิกรัม และ สังกะสี 0.03 มิลลิกรัม

ประโยชน์ของน้ำตาล

การใช้ประโยชน์จากน้ำตาล นั้น ส่วนมาก ใช้เป็นสารในการปรุงแต่งรสชาติของอาหาร ให้ความหวาน โดยประโยชน์ของน้ำตาล มีมากกว่าการนำมาปรุงรสชาติ แต่มักเป็นประโยชน์ด้านอาหาร สรุปประโยชน์ของน้ำตาล มีดังนี้

น้ำตาลให้ความหวาน ให้พลังงานแก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น มีกำลัง
การทำงานของอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย ต้องการพลังงานที่มาจากน้ำตาล กลูโคส ( glucose ) คือ แหล่งอาหารที่จำเป็นต่อเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ
น้ำตาลช่วยในการถนอมอาหาร และ ใช้หมักอาหารได้
สรรพคุณของน้ำตาล

สำหรับสรรพคุณของน้ำตาล ในด้านการรักษาโรคและการบำรุงร่างกายนั้น ประกอบด้วย

น้ำตาลมีรสหวาน สรรพคุณช่วยบำรุงกำลัง
ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี
น้ำตาลช่วยดับร้อน ถอนพิษ แก้อาการอักเสบ
ช่วยรักษาปากเป็นแผล
น้ำตาลช่วยแก้เจ็บคอ รักษาอาการไอมีเสมหะ
น้ำเชื่อมสามารถใช้เป็นยารักษาบาดแผลเน่าเปื่อยได้ ทำให้เซลล์ผิวหนังถูกกระตุ้น ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
น้ำตาลช่วยแก้ปวด
สำหรับสตรีมีอาการปวดประจำเดือน ปวดท้องน้อย ประจำเดือนมีลิ่มเลือด ดื่มน้ำผสมกับน้ำตาลทรายแดงอุ่นๆ จะทำให้สบายตัวมากขึ้น
โทษของน้ำตาล

สำหรับการกินน้ำตาล ต้องกินในปริมาณที่เหมาะสม หากกินน้ำตาลมากเกินไป จะทำให้เกิดโทษต่อร่างกาย โดยโทษของ

ความหวานของน้ำตาล หากเกิดการสะสมในร่างกายมากเกินไป จะทำให้น้ำตาลสะสมในเลือด ส่งผลต่อโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ระบบการย่อยอาหารไม่ดี มีกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป ทำให้ฟันผุ ฯลฯ[1]
น้ำตาลเมื่อเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป ทำให้ตับอ่อนทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน เสื่อมสมรรถภาพ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง
การกินน้ำตาลมากเกินไป จะเป็นตัวเร่งการขับแร่ธาตุโครเมียมออกจากร่างกาย ผ่านทางไต ซึ่งแร่โครเมียม เป็นแร่ธาตุเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลิน สารที่ใช้ลดระดับน้ำตาลในเลือด
น้ำตาลที่สะสมในร่างกาย จะถูกเก็บไว้ที่ที่ตับ หากมีปริมาณมากเกินไปตับจะส่งไปยังกระแสเลือด และ เป็นกรดไขมัน เพื่อนำไปสะสมในร่างกาย ส่วนที่เคลื่อนไหวน้อย เช่น สะโพก ก้น หน้าท้อง ขาอ่อน เป็นต้น
น้ำตาลทำให้เลือดมีสภาพเป็นกรดมากเกินไป ทำให้ร่างกายไม่สมดุล
การกินน้ำตาลมากเกินไป เร่งให้เกิดอาการปวดศีรษะเรื้อรัง โรคไมเกรน สิว ผื่น ตกกระ ตะคริวในช่วงมีรอบเดือน แผลพุพอง แผลริดสีดวงทวาร มะเร็งตับ เบาหวาน โรคหัวใจ วัณโรค
น้ำตาลที่สะสมในช่องปาก เป็นอาหารชั้นดีของแบคทีเรีย ทำให้เกิดฟันผุ
การกินน้ำตาลมากเกินไป ทำให้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมอง ทำให้รู้สึกง่วงนอน

อ้างอิงจาก https://fongza.com/น้ำตาล/
นาย รณฤทธิ์ อินชา ม.ปลาย61/1

ทองคำ คือ แร่ธาตุชนิดหนึ่ง สมุนไพรประเภทแร่ธาตุ เป็นอัญมณี ด้านสุขภาพและความงาม ทองคำบริสุทธิ์ช่วยชะลอความเหี่ยวย่นของผิ...
21/09/2019

ทองคำ
คือ แร่ธาตุชนิดหนึ่ง สมุนไพรประเภทแร่ธาตุ เป็นอัญมณี ด้านสุขภาพและความงาม ทองคำบริสุทธิ์ช่วยชะลอความเหี่ยวย่นของผิวหนัง สรรพคุณของทองคำ ประโยชน์ของทองคำ โทษของทองคำ เครื่องสำอางค์ที่มีส่วนผสมของทองคำ เช่น ครีมทาผิว ครีมพอกหน้า

ทองคำบริสุทธิ์ ทองคำ สรรพคุณของทองคำ ประโยชน์ของทองคำ

ทองคำบริสุทธิ์ มีมูลค่าในตัวของมันเอง ตั้งแต่อดีตโบราณสมัยยุคอียิป มีการนำทองคำมาทำเครื่องประโคมผิว เพราะ เชื่อว่าช่วยชะลอความแก่ ลดริ้วรอย บำรุงผิวพรรณ ปัจจุบัน ทองคำ เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง หลายชนิด

ทองคำ คือ โลหะแข็งสีเหลือง เป็นธาตุลำดับที่ 79 สัญลักษณ์ Au เกิดขึ้นในธรรมชาติ ทนทานต่อสนิม ทองคำมีจุดหลอมเหลวที่ 1064 องศาเซลเซียส ลักษณะของทองคำ คือ เป็นเกล็ด เม็ดกลมแบน รูปผลึก

จุดเด่นของทองคำ คือ ทองคำมีสีเหลือง สว่างสดใส และ มีประกายมันวาว ไม่เป็นสนิม แข็งเหนียว เนื้อแน่น ไม่สกปรก ไม่เป็นคราบไคล

คุณสมบัติของทองคำ

ทองคำเป็นโลหะอ่อน เหนียว ทองคำยังเป็นโลหะที่ไม่ละลาย ในกรด ทองคำนิยมนำมาทำเครื่องประดับ เพราะ ทองคำเป็นโลหะ คุณสมบัติพื้นฐานของทองคำ คือ มีความมันวาว มีความคงทน มีความหายาก และ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ โดยรายละเอียด ดังนี้

ความงดงามมันวาว ( Lustre ) ความมันวาวของทองคำ สร้างความงาม ทองคำ สามารถเปลี่ยนเป็นเฉดสีทองหากนำไปผสมกับโลหะอื่นๆ
ความคงทน ( Durable ) ทองคำไม่หมอง ไม่ขึ้นสนิม แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร
ความหายาก ( Rarity ) ทองคำ เป็นแร่ธาตุในดินที่หายาก ค่าใช้จ่ายที่สูงในการค้นหา
การนำกลับไปใช้ประโยชน์ ( Reuseable ) ทองคำ เหมาะสำหรับนำมาทำเครื่องประดับ อีกทั้งยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ด้วยการหลอม
ประโยชน์ของทองคำต่อร่างกาย

ทองคำ นอกจากความสวยงามและมูลค่าที่สูง ประโยชน์ของทองคำ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางสมุนไพร การบำรุงร่างกาย และ การรักษาโรค คือ เป็นอาหาร เครื่องสำอางค์ของใบหน้า สรรพคุณของทองคำ สามารถสรุป ได้ดังนี้

อาหารและเครื่องดื่ม มีการนำทองคำมาเป็นส่วนประกอบของอาหาร เพื่อตกแต่งให้สวยงามและเพิ่มมูลค่าให้อาหาร ทองคำไม่มีปฏิกิริยาต่อเซลล์ของร่างกายมนุษย์ ทองคำไม่มีปฏิกิริยาต่อร่างกาย ไม่มีคุณค่าทางอาหาร
การรักษาโรค ทองคำมีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบและบวมช้ำ และ สามารถต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากข้อกระดูกอักเสบ ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้จริง
การลดริ้วรอย ทองคำช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีผลต่อการบรรเทาอาการอักเสบของกระดูก อาการบวมช้ำ ซึ่งทองคำสามารถต้านการอักเสบจากการรับรังสียูวีของผิวหนัง ได้ ทองคำจึงถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางต่างๆ
ผลข้างเคียงของการใช้ประโยชน์จากทองคำ

ทองคำบริสุทธิ์ไม่มีผลต่อร่างกาย ไม่ทำให้ระคายเคือง แต่ทองคำ เมื่อเปลี่ยนแปลงด้วยกระบวนการทางเคมี จะกลายโกลด์ซอลท์ มีอันตรายต่อตับและไต มันจะเข้าไปหยุดยั้งการสร้างเม็ดเลือดแดง และ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ และ ระคายเคืองผิวหนังได้ในที่สุด
อ้างอิงจาก https://fongza.com/ทองคำ/
นายรณฤทธิ์ อินชา ม.ปลาย 61/1

สารส้ม ( Alum ) คือ แร่ธาตุชนิดหนึ่ง เป็นเกลือที่มีธาตุอะลูมิเนียม และ ซัลเฟต ลักษณะของสารส้ม ประโยชน์ของสารส้ม สรรพคุณข...
21/09/2019

สารส้ม ( Alum )
คือ แร่ธาตุชนิดหนึ่ง เป็นเกลือที่มีธาตุอะลูมิเนียม และ ซัลเฟต ลักษณะของสารส้ม ประโยชน์ของสารส้ม สรรพคุณของสารส้ม และ โทษของสารส้ม มีอะไรบ้าง

สารส้ม ประโยชน์ของสารส้ม สรรพคุณของสารส้ม สมุนไพร

ประเภทของสารส้ม

สำหรับ สารส้ม มาจากภาษาละติน คำว่า Alumen แปลว่า สารที่ทำให้หดตัว เป็นเกลือเชิงซ้อน ที่มีธาตุอะลูมิเนียม และ ซัลเฟต เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งประเภทของสารส้มสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท ประกอบด้วย

อะลูมิเนียมซัลเฟต ซึ่งสารส้มประภทนี้มีลักษณะเป็นก้อนผงสีขาว
โพแทสเซียมอะลั่ม ซึ่งสารส้มประเภทนี้มีลักษณะเป็นผลึกใสไม่มีสี
แอมโมเนียมอะลั่ม ซึ่งสารส้มประเภทนี้มีลักษณะเป็นผลึกใสไม่มีสี
ลักษณะของสารส้ม

สารส้มมีลักษณะเป็นผลึกใส สีขาว ไม่มีกลิ่น รสฝาด สามารถบดเป็นผงสีขาวได้ สารส้ม ลักษณะคล้ายน้ำตาลกรวด หากดูไม่ละเอียด ก็แยกไม่ออก องค์ประกอบทางเคมีของสารส้ม เป็นเกลือซัลเฟตของอะลูมิเนียม มี 2 ชนิด คือ เกลือโพแทสเซียมอะลูมิเนียมซัลเฟต (K2SO4.Al2(SO4)3.24 H2O และ เกลือแอมโมเนียมอะลูมิเนียมซัลเฟต (NH4)2SO4.Al2(SO4)3.24 H2O

คุณสมบัติของสารส้ม

ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
ไม่เปื้อนเสื้อผ้า
ปลอดภัยต่อร่างกายไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน
ไม่ซึมเข้าร่างกาย
ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
ไม่เสื่อมสภาพคงทนต่อสภาพแวดล้อม
สรรพคุณของสารส้ม

สำหรับประโยชน์ของสารส้ม ด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค ตามตำราแพทย์แผนไทย บอกว่า สารส้มมีรสฝาด เปรี้ยว ช่วยสมานแผล แก้ระดูขาว รักษาหนองใน รักษาแผลหนองเรื้อรัง ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยขับนิ่ว รักษาปอดอักเสบ ช่วยฟอกเลือด รักษาอาการเหงือกบวม รักษาแผลในปากลำคอ ช่วยห้ามเลือด ทำให้หนองแห้ง บรรเทาอาการไอ ทำให้ชุ่มคอ ขับเสมหะ

ประโยชน์ของสารส้ม

สำหรับการใช้ประโยชน์ของสารส้ม นอกจากใช้รักษาโรคและบำรุงร่างกายแล้ว สารส้มสามารถนำมาใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆอีก มีรายลเอียด ดังนี้

ใช้ระงับกลิ่นตัว โดนใช้สารส้มแกว้งในน้ำ ใช้ผ้าชุบน้ำที่แกว่งสารส้ม เช็ดตามตัว ช่วยดับกลิ่นตัวได้
ใช้ชุบไส้ตะเกียง ทำให้ไม่มีควัน
ใช้ดับกลิ่นคาวของอาหาร โดยใช้สารส้มล้าปลา
ใช้ถนอมอาหาร สารส้มแกว่งในน้ำช่วยให้ ถั่วงอก พริก สดตลอดเวลา หรือ ใช้เป็นสารกันบูด โดยใช้สารสมผสมแป้งเปียก ช่วกันอาหารบูด
ทำให้น้ำใส โดยใช้สารส้มแกว่งในน้ำ
ทำให้สีติดผ้าและกระดาษ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมกระดาษ และ การย้อมสีผ้า
ช่วยให้พริกขี้หนูดูสดใส เก็บไว้ได้หลายวัน โดยการนำพริกขี้หนูแช่ในน้ำสารส้มสักพัก แล้วนำมาผึ่งไว้ ก่อนทานก็ควรล้างพริกเสียก่อน
นำสารส้มมาทาส้นเท้า ช่วยป้องกันส้นเท้าแตกได้
ป้องกันยุงกัน น้ำสารส้มนำมาทาผิวป้องกันอาการคันจากยุงกัดได้
โทษของสารส้ม

สำหรับการใช้ประโยชน์ของสารส้ม หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมจะเกิดประโชยน์ ซึ่งโทษของสารส้ม มีรายละเอียด ดังนี้

สารส้ม มีฤทธิ์เป็รพิษ หากกินเข้าไป จะทำให้คลื่นไส้อาเจียน ปวดหัว
การกินน้ำที่มีสารส้ม ทำให้ร่างกายดูดซึมอลูมิเนียมแพร่กระจายเข้าสู่ระบบเลือด ปอด ตับ กระดูก และ สมอง อาจทำให้ไตเสื่อมได้ สารส้มที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำดื่ม อาจทำให้เกิดอาการอาเจียน ท้องร่วง ทำลายเนื้อเยื่อของประสาทได้

อ้างอิงจาก https://fongza.com/สารส้ม/
นาย รณฤทธิ์ อินชา ม.ปลาย61/1

รังนก คือ รังของนกนางแอ่น ถูกสร้างจากน้ำลายของนกนางแอ่น นกนางแอ่นจะสร้างรัง 3 ครั้งในหนึ่งปี รังนกนางแอ่น นิยมนำมาทำอาหา...
21/09/2019

รังนก
คือ รังของนกนางแอ่น ถูกสร้างจากน้ำลายของนกนางแอ่น นกนางแอ่นจะสร้างรัง 3 ครั้งในหนึ่งปี รังนกนางแอ่น นิยมนำมาทำอาหาร สรรพคุณของรังนกนางแอ่น ช่วยบำรุงกำลัง บำรุงผิวพรรณ เป็นยาอายุวัฒนะ สมุนไพรไพรจากสัตว์ สมุนไพรจากนก

รังนกนางแอ่น สรรพคุณของรังนกนางแอ่น ประโยชน์ของรังนกนางแอ่น รังนก

รังนกนางแอ่น เกิดจากการสำรอกน้ำลายและของเหลว ที่มีลักษณะเหนียวข้น เพื่อสร้างรัง เมื่อน้ำลายของนกนางแอ่นโดนลมก็จะแข็งตัว เป็นรังนกขึ้นมา นกนางแอ่นจะสร้างรัง 3 ครั้งในหนึ่งปี ซึ่งสรรพคุณของรังกนในการสร้างแต่ละครั้งให้คุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนี้

รังนกที่ได้จากการสร้างครั้งที่ 1 เป็นรังนกที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด เพราะ มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด นกจะสะสมอาหารไว้สำหรับบำรุงร่างกาย สำรอกน้ำลายออกมา จะมีลักษณะ สีขาว เหนียวข้น ไม่มีขนเจือปน
รังนกที่ได้จากการสร้างครั้งที่ 2 สำหรับการสร้างรังครั้งที่สอง เมื่อถูกคนมาเก็บรังนกไป นกจะรีบสร้างรังขึ้นมาใหม่ ซึ่งในครั้งนี้นกมีสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์เท่าครั้งแรก ความข้นของน้ำลายน้อยกว่าเดิม อาจมีขนอ่อนเจือปน รังนกจะมีลักษณะหยาบ และมีสีดำ ปน
รังนกที่ได้จากการสร้างรังครั้งที่ 3 เมื่อรังนกถูกคนเก็บ นกจะรีบสร้างรังขึ้นมาใหม่ รังนกครั้งที่สามจะมีสีแดง ซึ่งเกิดจากสภาพของร่างกายและอาหาร
ชนิดของรังนกนางแอ่น

สำหรับรังนกนางแอ่น สามารถแบ่งได้ 5 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณภาพและราคาที่แตกต่างกัน โดยรายละเอียด ดังนี้

รังแรก คือ รังนกนางแอ่นครั้งแรกของปี สามารถเก็บรังนกนางแอ่นได้ ช่วงเดือนมีนาคม ถือเป็นรักนกที่สมบูรณ์และคุณภาพดีที่สุด
รังนกที่กลายเป็นหิน คือ รังนกในถ้ำที่ถูกทิ้งไว้ไม่มีใครเก็บ จนกลายเป็นหิน
รังนกแดง คือ รังนกที่เกิดจากการทำปฏิกริยาทางเคมีบางประการ ทำให้รังนกเป็นสีแดง ซึงหลายคนเชื่อว่านกนางแอ่น แร่งสำรอกน้ำลายจนมีเลือดปนออกมา
รังนกสีทอง คืิอ รังนกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ทำให้รังนกมีลักษณะสีทอง เป็นรังนกที่ราคาแพง และ หายากมาก
รังนกบ้าน คือ รังนกที่ถูกสร้างขึ้นมา ในบ้าน เป็นรังนกเลี้ยง คุณภาพรังนกบ้านด้อยกว่ารังนกที่ได้จากธรรมชาติ
สำหรับรังนกนั้นมีหลายชนิด แต่ในปัจจุบันมีรังนกปลอมขาย ควรระมัดระวังในการเลือกซื้อ เพราะ การบริโภครังนกปลอมไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วย

รังนกที่ดี มีคุณภาพที่สุด จะอยู่แถบทะเลด้านตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และ ทะเลแถบมณฑลไห่นาน ประเทศจีน เป็นต้น

คุณค่าทางโภชนากการของรังนกนางแอ่น

สำหรับคุณค่าทางโภชนาการของรังนกนางแอ่น ซึ่งนักโภชนาการศีกษาคุณค่าทางอาหารของรังนกสีขาวและรังนกสีแดง ดังนี้

คุณค่าทางโภชนาการของรังนกนางแอ่นสีขาว ขนาด 100 กรัม มีความชื้น 17.8% มีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย คาร์โบโฮเดรต 22.3% โปรตีน 52.8% กากใยอาหาร 0.08% โซเดียม 1572.1 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 11.5 มิลลิกรัม แคลเซียม 814 มิลลิกรัมต ธาตุเหล็ก 11.7 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ทองแดง 3.81 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม สังกะสี 1.6 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และ แมงกานีส 1.47 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
คุณค่าทางโภชนาการของรังนกนางแอ่นสีแดง ขนาด 100 กรัม มีความชื้น 17.8% มีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย คาร์โบโฮเดรต 22.3% โปรตีน 52.8% กากใยอาหาร 0.08 % โซเดียม 1282.5 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 28.7 มิลลิกรัม แคลเซียม 1569.4 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 36.8 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ทองแดง 3.81 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม สังกะสี 2.58 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และ แมงกานีส 11.6 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
สรรพคุณของรังนกนางแอ่น

รังนกนางแอ่น มีสรรพคุณด้านการรักษาโรคและการบำรุงร่างกาย โดย รังนกนางแอ่นทำให้ร่างกายให้สดชื่น แข็งแรง แก้ไอ ขับเสมหะ กินรังนกนางแอ่นเป็นประจำทุกเช้า ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ประโยชน์ของรังนกนางแอ่น มีรายละเอียด ดังนี้

รังนกนางแอ่น มี EGF ( EPIDERMAL GROWTH FACTOR ) สรรพคุณช่วยในการซ่อมผิวหนัง และ กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนัง ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ดูอ่อนวัย เป็นยาอายุวัฒนะ
รังนกนางแอ่นมี GLYCOPROTEIN สรรพคุณช่วยกระตุ้นเม็ดเลือดขาว ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
รังนกนางแอ่น มี NANA ( N – Acetylneuraminic acid ) สรรพคุณช่วยบำรุงปอด บำรุงหลอดลม บำรุงระบบทางเดินหายใจ บรรเทาอาการหวัดและภูมิแพ้
รังนกนางแอ่น มีสรรพคุณ ช่วยเพิ่มพลัง กระตุ้นความอยากกินอาหาร ช่วยเจริญอาหาร บำรุงไขกระดูก รักษาอาการท้องเสียเรื้อรัง
รังนกนางแอ่น ช่วยขับระบายความร้อน

อ้างอิงจาก https://fongza.com/รังนกนางแอ่น/
นาย รณฤทธิ์ อินชา ม.ปลาย61/1

หมามุ้ย หมามุ่ย คือ พืชล้มลุก สมุนไพรพื้นบ้าน ลักษณะของต้นหมามุ่ย ประโยชน์และสรรพคุณของหมาหมุ่ย เช่น ช่วยกระตุ้นประสาท บ...
21/09/2019

หมามุ้ย
หมามุ่ย คือ พืชล้มลุก สมุนไพรพื้นบ้าน ลักษณะของต้นหมามุ่ย ประโยชน์และสรรพคุณของหมาหมุ่ย เช่น ช่วยกระตุ้นประสาท บำรุงกำลัง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ โทษของหมาหมุ่ย มีอะไรบ้าง หมามุ้ยใช้ประโยชน์อย่างไร

ต้นหมามุ่ย หมามุ่ย หมามุ่ยไทย หมามุ่ยอินเดีย

ต้นหมามุ้ย มีถิ่นกำเนิดในประเทศเขตร้อน ทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชีย เช่น ประเทศอินเดีย ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เป็นต้น สายพันธ์ของหมามุ้ย ที่รู้จักกันดี มี 2 สายพันธ์ คือ หมามุ้ยไทย และ หมามุ้ยอินเดีย ต้นหมามุ่ย ต้นหมามุ้ย ( Cowitch ) สมุนไพร พืชตระกูลถั่ว ชื่อวิทยาศาสตร์ของหมามุ้ย คือ Mucuna pruriens (L.) DC. ชื่อเรียกอื่นๆของต้นหมามุ้ย เช่น บะเหยือง หม่าเหยือง ตำแย โพล่ยู กลออือแซ ถั่วเวลเวท เป็นต้น

ลักษณะของต้นหมามุ่ย

หมามุ้ย เป็นไม้เถา พืชล้มลุก ตระกลูถั่ว โดยลักษณะของต้นหมามุ่ย มีลักษณะดังนี้

ลำต้น เป็นเถาเครือ ยาวประมาณ 10 เมตร เปลือกมีสีน้ำตาล
ใบ ลักษณะของใบหมามุ่นทรงรี คล้ายไข่ ใบบาง โคนใบกลม มีขนปกคลุมใบทั้งสองด้าน
ดอก ลักษณะของดอกหมามุ่ยเป็นช่อ มีขนปกคลุม สีม่วงอมดำ ดอกหมามุ่ยมีกลิ่นฉุน ดอกหมามุ่ยตามตามง่ามของใบ
ผล ลักษณะของผลหมามุ่ย เป็นฝัก ความยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ฝักของหมามุ่ยมีขนอ่อนๆปกคลุม ฝักแก่ของหมามุ่ยมีฤิทธิ์เป็นพิษ ทำให้ผิวหนัง คับ บวมแดง ปวดแสบปวดร้อน ขนของหมามุ่ย มี สารเซโรโทนิน ( Serotonin ) หากสัมผัสผิวกายของมนุษย์จะทำให้รู้สึกคัน
เมล็ด ภายในฝักของหมามุ่ย มีเมล็ด สีน้ำตาลเข้ม หรือ สีดำ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เมล็ดหมามุ่ย มี สารแอลโดปา ( L-Dopa ) มีประโยชน์ต่อระบบสืบพันธุ์ และ ระบบประสาท ช่วยรักษาโรคพาร์กินสัน ได้
คุณค่าทางโภชนาการของหมามุ่ย

นักภาชนาการได้ศึกษาเมล็ดหมามุ่ย คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดหมามุ่ย นั้นมี โปรตีน ไขมัน และ กากใยอาหาร และ ในเมล็ดของหมามุ่ย มีสารอาหารสำคัญมากมาย มีกรดอะมิโน ที่จำเป็น ถึง 18 ชนิด และ สารอาหาร ได้แก่ ธาตุแคลเซียม ทองแดง ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม และ ธาตุสังกะสี เมล็ดหมามุ้ยมีพิษไม่สามารถกินแบบสดๆได้

ความแตกต่างของหมามุ้ยอินเดียและหมามุ่ยไทย

สำหรับหมามุ่ยที่คนรู้จักกัน มี 2 ชนิด คือ หมามุ่ยอินเดีย และ หมามุ่ยไทย ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกัน แต่การนำเอาหมามุ่ยมาใช้ประโยชน์ใช้หมามุ่ยอินเดีย เพราะ หมามุ่ยอินเดีย มีสรรพคุณทางยาสูงกว่าหมามุ่ยไทย และ ความเป็นพิษน้อยด้วย ซึ่งความแตกต่างของหมามุ่ยไทยและ หมามุ่ยอินเดีย ที่เห็นอย่างชัดเจน คือ รูปร่าง และ ความคันเมื่อสัมผัส

หมามุ่ยอินเดีย ( Velvet Bean ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของหมามุ่ยอินเดีย คือ Mucuna pruriens(L.)DC.var.utilis สายพันธุ์หมามุ่ยอินเดีย ในปัจจุบัน มี 2 สายพันธุ์ คือ หมามุ่ยอินเดียเมล็ดขาว และ หมามุ่ยอินเดียเมล็ดดำ

หมามุ่ยอินเดียในประเทศไทย

หมามุ่ยอินเดีย เข้าสู่ประเทศไทยมานานแล้ว รู้จักแพร่หลายในประเทศอินเดีย เชื่อว่าหมามุ่ยอินเดีย เข้าสูประเทศไทย ผ่านทางเรือ หรือ ผู้แสวงบุญที่กลับจากประเทศอินเดีย มีการใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลายในประเทศอินเดีย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ศึกษาเมล็ดของหมามุ่ยอินเดีย ด้วยวิธี HPLC เพื่อตรวจสอบคุณภาพของสารออกฤทธิ์ในเมล็ดหมามุ่ยอินเดีย ซึ่งผลจากการวิจัย พบว่า หมามุ่ยอินเดีย มี แอล – โดปา ( L-Dopa ) เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ โดพามีน ( Dopamine ) มีผลต่อระบบสืบพันธุ์ และ ระบบประสาท และยังมี สารต่อต้านอนุมูลอิสระ ( Anti-Oxidant ) ช่วยส่งเสริมสุขภาพของสมอง ช่วยผ่อนคลาย และ ชะลอวัย

สรรพคุณของหมามุ่ย

ต้นหมามุ้ย นิยมใช้ประโยชน์มาช้านาน ด้านการรักษาโรค และ การบำรุงร่างกาย ประโยชน์จากหมามุ้ย สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้ง เมล็ด ราก และ ใบ รายละเอียดของสรรพคุณหมามุ้ย ดังนี้

ใบหมามุ้ย ใช้รักษาแผล นำมาทำยาพอกเพื่อรักษาแผล
เมล็ดหมามุ่ย สรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้สดชื่น ช่วยผ่อนคลาย แก้นอนไม่หลับ เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ช่วยเพิ่มน้ำอสุจิ ช่วยกระตุ้นให้มีลูก ช่วยกระตุ้นความรุ้สึกทางเพศ ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัว ช่วยชะลอการหลั่งอสุจิ เพิ่มฮอร์โมนเพศ หญิง ทำให้หน้าอกเต่งตึง ทำให้นมโต บำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง กระชับช่องคลอด รักษาโรคพาร์กินสัน แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย
รากหมามุ้ย ใช้ถอนพิษ แก้ไอ
โทษของหมามุ่ย

สำหรับการใช้ประโยชน์หมามุ่ย มีข้อควรระวังในการบริโภคหมามุ่ย ดังนี้

เมล็ดหมามุ่ยสดๆ มีความเป็นพิษ มีฤิทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้ประสาทหลอน หากไม่นำมาคั่วให้สุกก่อนจะเป็นพิษ
หมามุ่ยต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยด้านจิตเวช และ ผู้ป่วยโรคความดัน ไม่ควรรับประทานหมามุ่ย
ขนฝักของหมามุ่ยมีพิษ ทำให้คัน ระคายเคืองผิวพรรณ
สำหรับคนที่แพ้พืชตระกูลถั่ว ไม่ควรกินหมามุ่ย เพราะ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้

อ้างอิงจาก https://fongza.com/หมามุ่ย-หมาหมุ้ย/
นาย รณฤทธิ์ อินชา ม.ปลาย61/1

ว่านมหาหงส์ สะเลเต พืชสมุนไพร ไม้มงคล เสริมอำนาจวาสนา ต้นมหาหงส์เป็นอย่างไร ประโยชน์ของมหาหงส์ สรรพคุณของมหาหงส์ เช่น บำ...
21/09/2019

ว่านมหาหงส์ สะเลเต
พืชสมุนไพร ไม้มงคล เสริมอำนาจวาสนา ต้นมหาหงส์เป็นอย่างไร ประโยชน์ของมหาหงส์ สรรพคุณของมหาหงส์ เช่น บำรุงกำลัง ช่วยขับลม รักษาแผล โทษของมหาหงส์ มีอะไรบ้าง ทำความรู้จักกับต้นมหาหงส์

ว่านมหาหงส์ พืชมงคล สมุนไพร สรรพคุณของว่านมหาหงส์

ต้นว่านมหาหงส์ ( Butterfly lily ) พีชตระกูลขิง ชื่อวิทยาศาสตร์ของว่านมหาหงส์ คือ Hedychium coronarium J.Koenig ชื่อเรียกอื่นๆของว่านมหาหงส์ เช่น เลเป ลันเต ตาห่าน เหินแก้ว เหินคำ ว่านกระชายเห็น สะเลเต กระทายเหิน หางหงส์ ตาเหิน เฮวคำ เป็นต้น

ลักษณะของต้นว่านมหาหงส์

ว่านมหาหงส์ เป็นพืชล้มลุก ชอบน้ำ ขึ้นได้ดีตามที่ลุ่มชื้น อายุยืน มีกลิ่นหอม สามารถขยายพันธ์โดยการแตกหน่อ ปลูกได้ดีในพื้นที่ที่มีแสงแดดรำไร โตเร็ว ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศ และ ศัตรูพืช มักขึ้นตามพื้นที่ชื้นแฉะหรือตามชายป่าใกล้ลำธาร ลักษณะของว่านมหาหงส์ มีดังนี้

เหง้าของว่านมหาหงส์ เหง้าอยู่ใต้ดิน ลักษณะกลม สีเขียว เนื้อในสีขาวอมเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
ลำต้นของว่านมหาหงส์ จะออกมาจากเหง้า ขึ้นตรง สูงประมาณ 1 เมตร ลักษณะกลม เป็นสีเขียว
ใบของว่านมหาหงส์ เป็นใบเดี่ยว ลักษณะคล้ายหอก ปลายแหลม ผิวใบเรียบ เป็นมัน มีสีเขียวสด
ดอกของว่านมหาหงส์ จะออกดอกเป็นช่อ ดอกออกจากปลายยอดของลำต้น ปลายกลีบดอกเป็นสีขาวอมสีเขียว โคนดอกเป็นสีขาว ดอกมหาหงส์ออกช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม ของทุกปี
ผลของว่านมหาหงส์ ลักษณะเป็นผลแห้ง ทรงกลม แตกออกได้เป็นพู
คุณค่าทางโภชนากการของว่านมหาหงส์

สำหรับการนำเอาว่านมหาหงส์มาใช้ประโยชน์ นั้นจะนิยมนำมาสกัดเอาน้ำมันหอมระเหย โดยได้จากการสัดจากเหง้าของว่านมหาหงส์ ลักษณะเป็นของเหลว ใส สีเหลืองอ่อน มีกลิ่นฉุน โดยในน้ำมันหอมระเหยของว่านมหาหงส์ มีสารเคมีสำคัญ ประกอบด้วย beta-pinene , borneol , d-limonene และ linalool สามารถใช้เป็นส่วนประกอบของโลชั้นกันยุงได้ และ นำมาใช้ในอุตสาหกรรมมากมาย

ประโยชน์ของว่านมหาหงส์

สำหรับว่านมหาหงส์ สามารถใช้ประโยชน์หลายด้าน ทั้งการนำเอามาทำเป็นอาหาร ยารักษาโรค และ เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่างๆ รายละเอียด ดังนี้

สามารถใช้เป็นอาหาร โดยนำเหง้าอ่อนของว่านมหาหงส์มารับประทาน รสชาติเผ็ดร้อนคล้ายขิง คนเหนือนิยมลวกรับประทานกับน้ำพริก
ดอกว่านมหาหงส์ นำมาใช้บูชาพระ
เหง้าว่านมหาหงส์ สามารถนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยได้ เรียก น้ำมันมหาหงส์ นำมาเป็นส่วนผสมของน้ำหอม โลชั้นทากันยุง สบู่ ครีมอาน้ำ เป็นต้น
น้ำมันหอมระเหยจากว่านมหาหงส์ ใช้นำมาให้กลิ่นหอม และ เป็นส่วนผสมของครีมสปาต่างๆ เช่น โลชัน โคโลญจน์ สบู่ ครีมอาบน้ำ หรือโคลนหมักตัว เป็นต้น
ไม้มงคล ดอกสวย ว่านมหาหงส์ ดอกจะมีกลิ่นหอมมาก โดยเฉพาะช่วงเช้าและช่วงเย็นถึงมืด และ เชื่อกันว่าว่านมหาหงส์จะช่วยเสริมอำนาจและบารมี
สรรพคุณของว่านมหาหงส์

การใช้ประโยชน์จากว่านมหาหงส์ ด้านการรักษาโรคและการบำรุงร่างกาย สามารถใช้ประโยชน์จาก เหง้าของมหาหงส์มา ดดยรายละเอียดของสรรพคุณของว่านมหาหงส์ มีดังนี้

เหง้าของว่านมหาหงส์ตากแห้งนำมาบดผสมน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ใช้ยาบำรุงกำลัง ทำยาอายุวัฒนะ แก้กษัย บำรุงไต
เหง้าของว่านมหาหงส์นำมาต้มดื่มช่วยแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ ช่วยขับลม แก้อาการท้องอืด ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย แก้ลมชัก
เหง้าของว่านมหาหงส์นำมาคั้นน้ำ สามารถรักษาแผลฟกช้ำ แผลอักเสบ และ แผลบวมได้
โทษของว่านมหาหงส์

ว่านมหาหงส์เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับขิง ที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อน หากสัมผัสโดยไม่ใส่ถุงมือ หรือ บางคนที่ผิวบอบบาง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ แสบร้อนได้

อ้างอิงจาก https://fongza.com/ว่านมหาหงส์/
นาย รณฤทธิ์ อินชา ม.ปลาย61/1

ผักกระเฉด พืชสวนครัว นิยมนำยอดอ่อนมาทำอาหารรับประทาน ลักษณะของผักกระเฉด เป็นอย่างไร สรรพคุณของผักกระเฉด เช่น บำรุงสายตาย...
21/09/2019

ผักกระเฉด

พืชสวนครัว นิยมนำยอดอ่อนมาทำอาหารรับประทาน ลักษณะของผักกระเฉด เป็นอย่างไร สรรพคุณของผักกระเฉด เช่น บำรุงสายตาย ขับเสมหะ ขับลม เป็นต้น โทษของผักกระเฉด มีอะไรบ้าง

ผักกระเฉด สมุนไพร ผักสวนครัว สรรพคุณของผักกระเฉด

ผักกระเฉด ( Water mimosa ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของผักกระเฉด คือ Neptunia oleracea Lour. สำหรับชื่อเรียกอื่นๆของผักกระเฉด เช่น ผักกระเฉดน้ำ ผักรู้นอน ผักหนอง ผักหละหนอง ผักฉีด เป็นต้น กระเฉด เป็นพืชน้ำ อายุยืน นิยมนำยอดอ่อนมาทำอาหาร หรือ กินเป็น ผักสด หลากหลายเมนู เช่น ผัดผักกระเฉด ยำผักกระเฉด แกงส้ม ยำวุ้นเส้นผักกระเฉด ผัดหมี่กระเฉด เส้นหมี่ผัดกระเฉดกุ้ง ผัดผักกระเฉดไฟแดง ผักกระเฉดผัดน้ำมันหอย ผักกระเฉดทอดไข่สามรส แกงส้มผักกระเฉดปลาช่อนทอด เป็นต้น
ผักกระเฉดในประเทศไทย

ผักกระเฉด จัดเป็นพืชเศรษฐกิจ สามารถหาซื้อได้ตามตลาดทั่วในในประเทศไทย อาหารไทยมีการนำเอาผักกระเฉดมาปรุงอาหารหลายชนิด เช่น ยำผักกระเฉด แกงส้ม ผัดผักกระเฉด ซึ่งพื้นที่สำหรับปลูกผักกระเฉดมากที่สุดของประเทศไทย คือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีเนื้อที่ประมาณ 1,500 ไร่ และ เนื้อที่ปลูกผักกระเฉดทั้งจังหวัดสมุทรปราการมี 2,500 คุณค่าทางโภชนาการของผักกระเฉด

สำหรับการนำผักกระเฉดมาใช้ประโยชน์นั้น จะนำมารับประทานยอดอ่อน ซึ่งนักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของผักกระเฉด ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 29 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย โปรตีน 6.4 กรัม ไขมัน 0.4 กรัม แคลเซียม 387 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 7.0 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 5.3 มิลลิกรัม เบต้า-แคโรทีน 3,710 ไมโครกรัม ไทอะมีน 0.12 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0.14 มิลลิกรัม วิตามินบี1 0.12 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.14 มิลลิกรัม ไนอะซีน 3.2 มิลลิกรัม วิตามินซี 22 มิลลิกรัม กากใยอาหาร 1.8 กรัม

สรรพคุณของผักกระเฉด

สำหรับการใช้ประโยชน์จากผักกระเฉดด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค นิยมการรับประทานทั้งต้น และ ยอดอ่อน โดยสรรพคุณของผักกระเฉด มีดังนี้

ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างเป็นปกติ ช่วยดับพิษ ช่วยถอนพิษยาเบื่อยาเมา ลดอาการปวดร้อน ลดไข้ ช่วยขับเสมหะ
บำรุงเหงือกและฟัน ช่วยบรรเทาอาการปวดฟัน ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
บำรุงระบบทางเดินอาหาร ช่วยขับลมในกระเพาะ ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันโรคท้องผูก
บำรุงาสายตา ผักกระเฉดมีวิตามินเอสูง
ช่วยบำรุงกระดูก ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
ช่วยบำรุงเลือด ผักกระเฉดมีธาตุเหล็ก จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
ช่วยป้องกันการเกิดโรคตับอักเสบ

อ้างอิงจาก https://fongza.com/ผักกระเฉด/
นาย รณฤทธิ์ อินชา ม.ปลาย61/1

ยางนา พันธ์ไม้มงคลพระราชทานปลูกจังหวัดอุบลราชธานี พืชเศรษฐกิจ ไม้ยางนามีมูลค่าสูง ลักษณะของต้นยางนา เป็นอย่างไร สรรพคุณข...
21/09/2019

ยางนา
พันธ์ไม้มงคลพระราชทานปลูกจังหวัดอุบลราชธานี พืชเศรษฐกิจ ไม้ยางนามีมูลค่าสูง ลักษณะของต้นยางนา เป็นอย่างไร สรรพคุณของยางนา เช่น บำรุงร่างกาย บำรุงโลหิต รักษาตับอักเสบ แก้ปวดตามข้อ โทษของยางนา มีอะไรบ้าง

ยางนา สรรพคุณของยางนา สมุนไพร สมุนไพรไทย

ต้นยางนา ภาษาอังกฤษ เรียย Yang ชื่อวิทยาศาสตร์ของยางนา คือ Dipterocarpus alatus Roxb. ex G.Don ชื่อเรียกอื่นๆของยางนา เช่น ยางกุง ยางควาย ชันนา ยางตัง ยางขาว ยางแม่น้ำ ยางหยวก ยางใต้ ยางเนิน ยาง กาตีล ขะยาง จะเตียล เยียง จ้อง ทองหลัก ราลอย ลอยด์ ด่งจ้อ และ เห่ง เป็นต้น

ต้นยางนา เป็นพรรณไม้กลางแจ้ง สามารถเจริญเติบโตได้ในทุกสภาพดิน ชอบดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความชื้นปานกลาง และชอบแสงแดดแบบเต็มวัน ต้นยางนา มักพบตามป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น ตามแหล่งน้ำ และหุบเขา ต้นยางนา พบมากในป่าเขตร้อนของเอเชีย เช่น ไย บังกลาเทศ พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนามใต้ และมาเลเซีย น้ำมันยางนา

ต้นยางนามีน้ำมัน น้ำมันจากยางนา ( Gurjun oil ) ได้จากการเจาะโพรงเข้าไปในต้นยางนา จากนั้นเอาไฟลน น้ำยางจะไหลลงมา ลักษณะเป็นของเหลวข้น มีกลิ่นเฉพาะตัว น้ำมันยางนา ร้อยละ 70 มีสารสำคัญ ประกอบด้วย alpha-gurjunene และ β-gurjunene

สรรพคุณของยางนา

สำหรับการใช้ประโยชน์จากยางนาด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์จาก เปลือก น้ำมันยางนา เมล็ด และ ใบ สรรพคุณของยางนา มีดังนี้

เปลือกยางนา สรรพคุณเป็นยาบำรุงร่างกาย ช่วยฟอกเลือด บำรุงเลิือด รักษาตับอักเสบ แก้ปวดตามข้อ
เมล็ดยางนา สรรพคุณแก้ปวดฟัน
ใบยางนา สรรพคุรแก้ปวดฟัน เป็นยาขับเลือด
น้ำมันยางนา สรรพคุณช่วยอุดฟันแก้ฟันผุ ช่วยขับปัสสาวะ รักษาโรคทางเดินปัสสาวะ ช่วยขับระดูขาว ช่วยขับเสมหะ รักษาริดสีดวงทวาร ช่วยสมานแผล รักษาแผลหนอง รักษาแผลเน่าเปื่อย รักษาโรคเรื้อน รักษาหนองใน
ประโยชน์ของยางนา

นอกจากการใช้ประโยชน์จากยางนาด้านสมุนไพร การรักษาโรค ต้นยางนาใสามารถใช้ประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย รายละเอียด ดังนี้

น้ำมันยางนา นำมาทำส่วนผสมชันไม้ ใช้อุกรูรั่ว ทาไม้ ทำขี้ใต้ใช้จุดไฟ ทำเป็นเชื้อเพลิง นำมาใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น สีทาบ้าน หมึกพิมพ์[3]
เนื้อไม้จากต้นยางนา สามารถนำมาทำเครื่องใช้ต่างๆ สร้างอาคารบ้านเรือน ทำเสาบ้าน ไม้พื้น ไม้ระแนง ไม้คร่าว โครงหลังคา ฝ้าเพดาน เป็นต้น

อ้างอิงจาก https://fongza.com/ยางนา/
นาย รณฤทธิ์ อินชา ม.ปลาย61/1

เงาะ ผลไม้เมืองร้อน นิยมรัประทานผลเป็นอาหาร ลักษณะของต้นเงาะเป็นอย่างไร คุณค่าทางโภชนาการของเงาะ สรรพคุณของเงาะ เช่น แก้...
21/09/2019

เงาะ
ผลไม้เมืองร้อน นิยมรัประทานผลเป็นอาหาร ลักษณะของต้นเงาะเป็นอย่างไร คุณค่าทางโภชนาการของเงาะ สรรพคุณของเงาะ เช่น แก้ท้องร่วง รักษาอาการอักเสบ โทษของเงาะ มีอะไรบ้าง

เงาะ สมุนไพร ผลไม้ สรรพคุณของเงาะ

ต้นเงาะ มีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย ต่อมามีการนำมาปลูกตามประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เงาะสามารถเจริญเติบดตได้ดีในประเทศเขตร้อน ซึ่งสายพันธุ์เงาะที่นิยมเพาะปลูกมากที่สุด มี 3 สายพันธ์ คือ เงาะโรงเรียน เงาะสีทอง และ เงาะสีชมพู

ต้นเงาะ ภาษาอังกฤษ เรียก Rambutan ชื่อวิทยาศาสตร์ของเงาะ คือ Nephelium lappaceum L. ชื่อเรียกอื่นๆของเงาะ เช่น เงาะป่า พรวน กะเมาะแต มอแต อาเมาะแต เป็นต้น เงาะเป็นพืชเศรษฐกิจ ผลไม้ที่นิยมบริโภคในประเทศ และส่งออก รวมถึงนิยมนำมาแปรรูปในอุตสาหกรรมต่าง เช่น ผลไม้กระป๋อง นำมาทานกับขนมหวานต่างๆ เป็นต้น

สายพันธุ์เงาะ

สำหรับสายพันธ์เงาะที่นิยมปลูกในประเทศไทย มี 3 สายพันธุ์ คือ เงาะโรงเรียน เงาะสีชมพู และ เงาะสีทอง โดยรายละเอียด ดังนี้

เงาะสีทอง ลักษณะเด่น คือ ผลใหญ่ ขนสีแดงยาวปลายขนเป็นสีเขียว เนื้อเงาะเป็นสีเหลือง เมล็ดแบนสีขาวปนน้ำตาล มีรสหวานและกลิ่นหอม นิยมปลูกในจังหวัดจันทบุรีและตราด
เงาะโรงเรียน ลักษณะเด่น คือ ผลกลมรี ขนยาว เปลือกหนา เปลือกสีแดงเข้ม เนื้อเงาะหนา สีขาวนวล รสหวานจัด ปลูกมากในจังหวัดทางภาคใต้
เงาะสีชมพู ลักษณะเด่น คือ ผลสุกเปลือกค่อนข้างหนา ขนเป็นสีชมพู สายพันธ์นี้ปลูกมากในเขตภาคตะวันออก
คุณค่าทางโภชนาการของเงาะ

สำหรับการกินเงาะเป็นอาหาร นิยมรับประทานเนื้อของผลเงาะเป็นอาหาร ให้รสหวาน นักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของผลเงาะขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงานมากถึง 82 กิโลแคลอรี มีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต 20.87 กรัมกากใยอาหาร 0.21 กรัม ไขมัน 0.65 กรัม โปรตีน 2.5 กรัม วิตามินบี1 0.013 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.022 มิลลิกรัม วิตามินบี3 1.352 มิลลิกรัม วิตามินบี6 0.02 มิลลิกรัม วิตามินบี9 8 ไมโครกรัม วิตามินซี 4.9 มิลลิกรัม ธาตุแคลเซียม 22 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 0.35 มิลลิกรัม ธาตุแมกนีเซียม 7 มิลลิกรัม ธาตุแมงกานีส 0.343 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 9 มิลลิกรัม ธาตุโพแทสเซียม 42 มิลลิกรัม และ
ธาตุสังกะสี 0.08 มิลลิกรัม

เปลือกเงาะ มีสารสำคัญ เป็นสารในกลุ่ม polyphenolic ซึ่งสามารถพบสารชนิดนี้ได้ในเปลือกมังคุดและทับทิม

สรรพคุณของเงาะ

สำหรับการใช้ประโยชน์จากเงาะ จะใช้ประโชยน์จากผลเงาะ ด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สรรพคุณของเงาะ มีดังนี้

เนื้อผลเงาะ สรรพคุณช่วยรักษาอาการท้องร่วง บำรุงกำลัง ช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
เปลือกผลเงาะ นำเปลืองมาต้มน้ำดื่ม สรรพคุณช่วยรักษาท้องร่วง แก้อาการบวม รักษาอาการอักเสบของแผล ช่วยลดอาการอักเสบของแผลในช่องปาก ป้องกันไข้หวัด และ รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน

อ้างอิงจาก https://fongza.com/เงาะ/
นาย รณฤทธิ์ อินชา ม.ปลาย61/1

ประโยชน์ของปอกะบิดช่วยบำรุงกำลัง (แก่น)ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ ด้วยการใช้รากนำมาต้มเอาน้ำดื่ม หรือจะใช้เปลือกต้นนำมาต้มเป็นยา...
20/09/2019

ประโยชน์ของปอกะบิด

ช่วยบำรุงกำลัง (แก่น)
ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ ด้วยการใช้รากนำมาต้มเอาน้ำดื่ม หรือจะใช้เปลือกต้นนำมาต้มเป็นยารับประทาน (ราก,เปลือกต้น)
แก้อาการลงแดง ด้วยการใช้ผลแห้งประมาณ 10 กรัมนำมาต้มเอาน้ำดื่มแก้อาการ (ฝักแห้ง)
ช่วยแก้เสมหะ ด้วยการใช้รากนำมาต้มเอาน้ำดื่ม หรือจะใช้ผลแห้งประมาณ 10 กรัมนำมาต้มเอาน้ำดื่มแก้อาการ (ราก, แก่น, ผลแห้ง)
ช่วยแก้ธาตุพิการ (ราก, เปลือก)
ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้รากนำมาต้มเอาน้ำดื่ม (ราก)
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต (ราก)
ช่วยรักษาโรคลำไส้ในเด็ก (ฝัก)
ช่วยบำรุงน้ำเหลือง แก้น้ำเหลืองเสีย (แก่น)
ช่วยแก้อาการปวดท้อง (ฝัก)
แก้โรคบิด ด้วยการใช้รากนำมาต้มเอาน้ำดื่ม หรือจะใช้เปลือกต้นนำมาต้มเป็นยารับประทาน (ราก, เปลือกต้น, ฝัก)
แก้อาการท้องร่วง ด้วยการใช้รากนำมาต้มเอาน้ำดื่ม หรือจะใช้เปลือกต้นนำมาต้มเป็นยารับประทาน (ราก, เปลือกต้น)
ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ด้วยการใช้ผลแห้งประมาณ 10 กรัมนำมาต้มเอาน้ำดื่มแก้อาการ (ฝักแห้ง)
ประโยชน์ปอกะบิดใช้เป็นยาฝาดสมาน (ฝัก)
ช่วยรักษาแผล อาการอักเสบเรื้อรังในกระเพาะอาหาร ด้วยการใช้ผลแห้งประมาณ 10 กรัมนำมาต้มเอาน้ำดื่มแก้อาการ (ฝักแห้ง)
ใช้แก้อาการปวดเคล็ดบวม ด้วยการใช้รากนำมาต้มเอาน้ำดื่ม หรือจะใช้ผลแห้งประมาณ 10 กรัมนำมาต้มเอาน้ำดื่มแก้อาการ (ราก, ฝักแห้ง)

อ้างอิงจากhttps://medthai.com/ปอกะบิด/
นส. อรยา อนวัชตระกลู 61/1

ที่อยู่

Bangkok
12120

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Herb for healtผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram