23/07/2025
Mouthwash Chlorhexidine 0.12 % : ใช้นานเกิน 2 สัปดาห์เสี่ยง “ลิ้นดำ” จริงหรือไม่ ?
บทนำ
คลอร์เฮกซิดีน (CHX) ความเข้มข้น 0.12 % เป็นน้ำยาบ้วนปากที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐานทองคำ (gold standard) ในการลดคราบจุลินทรีย์และการอักเสบของเหงือก โดยมีหลักฐานคุณภาพสูงจากการทบทวนอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์เมตา (systematic reviews และ meta-analyses) รองรับประสิทธิภาพในการควบคุมโรคในช่องปาก [1] CHX มีคุณสมบัติเด่นในการออกฤทธิ์ต้านแบคทีเรียได้ยาวนาน (substantivity) โดยสามารถจับกับผิวฟันและเยื่อบุช่องปาก แล้วค่อยๆ ปล่อยตัวยาออกมาอย่างต่อเนื่อง [2].
ปริมาณและระยะเวลาที่แนะนำ
แนวทางเวชปฏิบัติโดยทั่วไปแนะนำให้ใช้น้ำยาบ้วนปากคลอร์เฮกซิดีน (CHX) ขนาด 15 มิลลิลิตร กลั้วปากเป็นเวลา 30 วินาที วันละ 2 ครั้ง หลังการแปรงฟัน [4] โดยปกติขนาดและความถี่ดังกล่าวมักถูกกำหนดให้ใช้เป็นระยะสั้นประมาณ 7–14 วัน เช่น หลังการถอนฟัน การผ่าตัดในช่องปาก หรือในกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาในการทำความสะอาดช่องปากด้วยตนเอง [3, 5] อย่างไรก็ตามการใช้ CHX ต่อเนื่องนานเกิน 4 สัปดาห์ พบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดคราบสีน้ำตาลถึงดำบนผิวฟันและเยื่อบุในช่องปากอย่างมีนัยสำคัญ [2, 5].
ผลไม่พึงประสงค์ของ CHX และกลไกการเกิด “ลิ้นดำ”
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยจากการใช้คลอร์เฮกซิดีน (CHX) ได้แก่ การรับรสผิดปกติ การเกิดคราบสีที่ฟันและลิ้น รวมถึงการระคายเคืองเยื่อเมือกในช่องปาก [2] หนึ่งในภาวะที่อาจเกิดขึ้นได้คือ “ลิ้นขนดำ” (black hairy tongue, BHT) ซึ่งเกิดจากการยืดยาวผิดปกติและการสะสมของคาโรทีนที่ปุ่มรับสัมผัสชนิด filiform บนกระพุ้งลิ้น จนมองเห็นเป็นสีดำหรือน้ำตาล [8, 9]
CHX ซึ่งมีประจุบวกสามารถจับกับกรดแทนนินและโปรตีนบนพื้นผิวลิ้น ทำให้คราบสีติดแน่นมากขึ้น อีกทั้งยังรบกวนกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ ซึ่งเอื้อต่อการเกิดลิ้นขนดำ โดยเฉพาะในกรณีที่ใช้ CHX ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน [7, 8].
หลักฐานของความเสี่ยงเมื่อใช้เกิน 2 สัปดาห์
แม้ภาวะลิ้นขนดำ (black hairy tongue, BHT) จะพบได้น้อยในประชากรทั่วไป (น้อยกว่า 1%) แต่มีรายงานกรณีผู้ป่วยชายอายุ 53 ปี ที่เกิด BHT หลังใช้คลอร์เฮกซิดีน 0.12% วันละ 2 ครั้งติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือน ภายหลังการถอนฟัน โดยอาการดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์หลังหยุดใช้ยาและเริ่มทำความสะอาดลิ้นอย่างสม่ำเสมอ [6]การทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับยาและสารชักนำให้เกิด BHT ระบุว่า CHX จัดอยู่ในกลุ่มยาต้านจุลชีพที่มีความเป็นไปได้ทางกลไกต่อการก่อภาวะนี้ แม้หลักฐานส่วนใหญ่จะมาจาก (case reports) มากกว่าการศึกษาแบบ (RCTs) [7]
นอกจากนี้ ฐานข้อมูลอาการไม่พึงประสงค์ระดับประเทศของยุโรปยังรายงาน “การเปลี่ยนสีลิ้น” เป็นหนึ่งในอาการไม่พึงประสงค์ที่สัมพันธ์กับการใช้ CHX โดยจัดอยู่ในกลุ่มยาที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดังกล่าว [8].
ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
ความเสี่ยงในการเกิดลิ้นขนดำ (BHT) จะเพิ่มขึ้นหากมีปัจจัยเสริมร่วม เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มชา–กาแฟเป็นประจำ การใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิดที่ต้านเชื้อแอโรบิก ภาวะปากแห้ง หรือสุขอนามัยช่องปากที่ไม่ดี [9, 10] ดังนั้นผู้ที่จำเป็นต้องใช้คลอร์เฮกซิดีน (CHX) นานเกิน 2 สัปดาห์และมีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ควรได้รับการติดตามอาการอย่างใกล้ชิดพร้อมคำแนะนำในการดูแลช่องปาก โดยเฉพาะการแปรงและขูดลิ้นเป็นประจำทุกวัน เพื่อลดการสะสมของเคราตินและลดโอกาสเกิด BHT [9].
ข้อเสนอแนะทางคลินิก
ควรใช้คลอร์เฮกซิดีน (CHX) เฉพาะในกรณีที่มีข้อบ่งชี้ทางคลินิกชัดเจน และจำกัดระยะเวลาใช้อย่างเหมาะสม โดยมีแนวทางดังนี้ :
* หลังผ่าตัดหรือถอนฟัน : ใช้ต่อเนื่องไม่เกิน 7–10 วัน
(หลักการสำคัญคือ “ไม่ควรใช้เกิน 14 วัน” เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเฉพาะราย) [3, 5]
ควรติดตามอาการข้างเคียงเมื่อครบ 2 สัปดาห์ โดยตรวจดูการเปลี่ยนสีของฟันและลิ้นถามผู้ป่วยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรสชาติอาหาร หากพบคราบคล้ำหรืออาการผิดปกติ ควรพิจารณาหยุดใช้ยา
ส่งเสริมสุขอนามัยช่องปากควบคู่ โดยแนะนำให้แปรงลิ้นหรือใช้ tongue scraper วันละ 1–2 ครั้ง หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มเข้มข้นอย่างชา–กาแฟ
ในกรณีที่ต้องการควบคุมคราบจุลินทรีย์ในระยะยาว โดยเฉพาะในผู้ที่มีสุขภาพเหงือกดี อาจพิจารณาน้ำยาบ้วนปากสูตรอื่น เช่น ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย (essential oils) หรือ cetylpyridinium chloride (CPC) [3].
สรุป
แม้ภาวะ “ลิ้นดำ” จากการใช้คลอร์เฮกซิดีน 0.12 % จะพบไม่บ่อย แต่สามารถเกิดขึ้นได้จริงเมื่อใช้ติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์ โดยส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นเมื่อหยุดใช้และทำความสะอาดลิ้นอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามการจำกัดระยะเวลาใช้ CHX ไม่ให้เกิน 14 วัน ควบคู่กับการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และส่งเสริมสุขอนามัยช่องปากอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
เอกสารอ้างอิง
1. James P, Worthington HV, Parnell C, et al. Chlorhexidine mouthrinse as an adjunctive treatment for gingival health. Cochrane Database Syst Rev. 2017;3\:CD008676.
2. Ouanounou A, Deus FP. Chlorhexidine in dentistry: pharmacology, uses, and adverse effects. Int Dent J. 2022;72(3):269‑277.
3. Brookes ZLS, McCullough M, Kumar P, McGrath C. Mouthwashes: implications for practice. Int Dent J. 2023;73(Suppl 2):S98‑S101.
4. Mayo Clinic. Chlorhexidine (oral route): dosage and administration. 2025.
5. Colgate Oral Care Center. How long should I use chlorhexidine gluconate oral rinse? 2024.
6. Haviv Y, Michaeli E. Black hairy tongue following chlorhexidine mouthwash use. Oral Health Dent Manag. 2015;14:211‑213.
7. Thompson DF, Kessler TL. Drug‑induced black hairy tongue. Pharmacotherapy. 2010;30(6):585‑593.
8. Aziz Y, Rademacher WMH, Hielema A, et al. Oral adverse effects: drug‑induced tongue disorders. Oral Dis. 2021;27:1528‑1541.
9. DermNet NZ. Hairy tongue. 2023.
10. Froum S. Black tongue: what is it, and how is it treated? Perio-Implant Advisory. 2023.