ดีพอต D-POT ดูแลระบบทางเดินหายใจและภูมิแพ้ โทร.080-5975241

ดีพอต D-POT ดูแลระบบทางเดินหายใจและภูมิแพ้ โทร.080-5975241 ดีพอต ดูแลระบบทางเดินหายใจและภูมิ?

�ถ้าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ไอ จาม คันตา คันจมูก น้ำมูกไหล เป็นหวัดบ่อยๆ��
�ให้ดีพอต �ดูแลปอดของคุณสิค่ะ����080-5975241/095-3845241

16/08/2023

#ภาวะ “ไอเรื้อรัง” คืออะไร ?
ไอเรื้อรัง คือ การไอที่มีระยะเวลาติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 8 สัปดาห์ ภาวะไอเรื้อรังมีสาเหตุหลากหลาย อาจเกิดจากภาวะติดเชื้อ หรือภาวะที่ไม่เกี่ยวกับการติดเชื้อ เช่น ภูมิแพ้ หลอดลมอักเสบ หอบหืด บางกรณีภาวะไอเรื้อรังอาจเกิดจากโรคอื่น ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ เช่น กรดไหลย้อน ภาวะหัวใจวาย ดังนั้นการหาสาเหตุของไอเรื้อรังอาจไม่ได้คำตอบในการพบแพทย์ครั้งแรก การวางแผนการวินิจฉัย และติดตามการรักษาจึงต้องอาศัยความเข้าใจ และความร่วมมือจากผู้ป่วยเป็นอย่างมาก

#สาเหตุที่พบได้บ่อยของอาการไอเรื้อรังในประเทศไทย
ภาวะน้ำมูกไหลลงลำคอ (Post nasal drip syndrome/Upper airway cough syndrome)
ผู้ป่วยกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่มักมีอาการไอเรื้อรัง ร่วมกับอาการทางจมูก เช่น น้ำมูก หรือ คัดจมูกเป็น ๆ หาย ๆ ระคายคอ ผู้ป่วยบางรายอาจะมาพบแพทย์ด้วยอาการไอเรื้อรังชนิดมีเสมหะ สาเหตุเกิดได้จาก
อาการไอที่เกิดภายหลังการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน (Post-infectious cough)
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic rhinitis)
กลุ่มอาการโพรงไซนัสอักเสบ (Sinusitis)
กลุ่มอาการไอที่มีความเกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ (Chronic Bronchitis/Chronic Obstructive Pulmonary disease) ในผู้ป่วยที่สูบบุหรี่พบว่าส่วนใหญ่ จะมีอาการไอเรื้อรังมีเสมหะเป็นระยะเวลานานหลายปี จากกลุ่มอาการหลอดลมลมอักเสบเรื้อรังจากการสูบบุหรี่ หรือโรคถุงลมโป่งพอง
โรคหอบหืด (Asthma) มักมีประวัติโรคภูมิแพ้เดิมอยู่ มีประวัติไอ ร่วมกับมีอาการหายใจติดขัด หรือมีเสียงวี๊ด ๆ
วัณโรคปอด (Pulmonary Tuberculosis) ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีอาการไอเรื้อรัง ร่วมกับมีอาการไอมีเสมหะปนเลือด มีไข้ต่ำๆ เบื่ออาหารและน้ำหนักตัวลดลง มีประวัติสัมผัสบุคคลใกล้ชิดที่ป่วยเป็นวัณโรค
โรคกรดไหลย้อน (Gastro-esophageal Reflux Disease) ผู้ป่วยกลุ่มนี้ อาจมาพบแพทย์ด้วยอาการไอเรื้อรัง ร่วมกับมีอาการ เจ็บคอเรื้อรัง มีอาการแน่นแสบร้อนบริเวณกลางหน้าอก เร้อเปรี้ยวบ่อย ๆ
กลุ่มอาการไอจากยาบางชนิด ในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเช่น ความดันโลหิตสูง การรับประทานยา ความดันในกลุ่มยา ACEI อาจมีอาการไอแห้งๆได้และส่วนใหญ่เกิดภายหลังเริ่มรับประทานยาในช่วง 1-2 เดือน
# ท่านอยู่ในกลุ่มผู้ป่วยประเภทไหนหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.มาปรึกษา080-5975241 ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ
#ไอเรื้อรัง
#คันคอ
#โรคปอด
#โรควัณโรค
#ภูมิแพ้
#ไซนัส
#ปอดอักเสบ

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=768985248574213&id=100063882344344&sfnsn=mo&mibextid=VhDh1V
11/08/2023

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=768985248574213&id=100063882344344&sfnsn=mo&mibextid=VhDh1V

#ภาวะ “ไอเรื้อรัง” คืออะไร ?
ไอเรื้อรัง คือ การไอที่มีระยะเวลาติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 8 สัปดาห์ ภาวะไอเรื้อรังมีสาเหตุหลากหลาย อาจเกิดจากภาวะติดเชื้อ หรือภาวะที่ไม่เกี่ยวกับการติดเชื้อ เช่น ภูมิแพ้ หลอดลมอักเสบ หอบหืด บางกรณีภาวะไอเรื้อรังอาจเกิดจากโรคอื่น ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ เช่น กรดไหลย้อน ภาวะหัวใจวาย ดังนั้นการหาสาเหตุของไอเรื้อรังอาจไม่ได้คำตอบในการพบแพทย์ครั้งแรก การวางแผนการวินิจฉัย และติดตามการรักษาจึงต้องอาศัยความเข้าใจ และความร่วมมือจากผู้ป่วยเป็นอย่างมาก

#สาเหตุที่พบได้บ่อยของอาการไอเรื้อรังในประเทศไทย
ภาวะน้ำมูกไหลลงลำคอ (Post nasal drip syndrome/Upper airway cough syndrome)
ผู้ป่วยกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่มักมีอาการไอเรื้อรัง ร่วมกับอาการทางจมูก เช่น น้ำมูก หรือ คัดจมูกเป็น ๆ หาย ๆ ระคายคอ ผู้ป่วยบางรายอาจะมาพบแพทย์ด้วยอาการไอเรื้อรังชนิดมีเสมหะ สาเหตุเกิดได้จาก
อาการไอที่เกิดภายหลังการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน (Post-infectious cough)
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic rhinitis)
กลุ่มอาการโพรงไซนัสอักเสบ (Sinusitis)
กลุ่มอาการไอที่มีความเกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ (Chronic Bronchitis/Chronic Obstructive Pulmonary disease) ในผู้ป่วยที่สูบบุหรี่พบว่าส่วนใหญ่ จะมีอาการไอเรื้อรังมีเสมหะเป็นระยะเวลานานหลายปี จากกลุ่มอาการหลอดลมลมอักเสบเรื้อรังจากการสูบบุหรี่ หรือโรคถุงลมโป่งพอง
โรคหอบหืด (Asthma) มักมีประวัติโรคภูมิแพ้เดิมอยู่ มีประวัติไอ ร่วมกับมีอาการหายใจติดขัด หรือมีเสียงวี๊ด ๆ
วัณโรคปอด (Pulmonary Tuberculosis) ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีอาการไอเรื้อรัง ร่วมกับมีอาการไอมีเสมหะปนเลือด มีไข้ต่ำๆ เบื่ออาหารและน้ำหนักตัวลดลง มีประวัติสัมผัสบุคคลใกล้ชิดที่ป่วยเป็นวัณโรค
โรคกรดไหลย้อน (Gastro-esophageal Reflux Disease) ผู้ป่วยกลุ่มนี้ อาจมาพบแพทย์ด้วยอาการไอเรื้อรัง ร่วมกับมีอาการ เจ็บคอเรื้อรัง มีอาการแน่นแสบร้อนบริเวณกลางหน้าอก เร้อเปรี้ยวบ่อย ๆ
กลุ่มอาการไอจากยาบางชนิด ในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเช่น ความดันโลหิตสูง การรับประทานยา ความดันในกลุ่มยา ACEI อาจมีอาการไอแห้งๆได้และส่วนใหญ่เกิดภายหลังเริ่มรับประทานยาในช่วง 1-2 เดือน
# ท่านอยู่ในกลุ่มผู้ป่วยประเภทไหนหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.มาปรึกษา080-5975241 ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ
#ไอเรื้อรัง
#คันคอ
#โรคปอด
#โรควัณโรค
#ภูมิแพ้
#ไซนัส
#ปอดอักเสบ

30/08/2022

♓ภาวะไอเรื้อรัง” คืออะไร?
ไอเรื้อรัง คือ การไอที่มีระยะเวลาติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 8 สัปดาห์ ภาวะไอเรื้อรังมีสาเหตุหลากหลาย อาจเกิดจากภาวะติดเชื้อ หรือภาวะที่ไม่เกี่ยวกับการติดเชื้อ เช่น ภูมิแพ้ หลอดลมอักเสบ หอบหืด บางกรณีภาวะไอเรื้อรังอาจเกิดจากโรคอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ เช่น กรดไหลย้อน ภาวะหัวใจวาย ดังนั้นการหาสาเหตุของไอเรื้อรังอาจไม่ได้คำตอบในการพบแพทย์ครั้งแรก การวางแผนการวินิจฉัยและติดตามการรักษาจึงต้องอาศัยความเข้าใจและความร่วมมือจากผู้ป่วยเป็นอย่างมาก

⛎ไอแบบไหนควรพบแพทย์
ไอติดต่อกันมากกว่า 8 สัปดาห์
อาการไอรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
อาการไอที่มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีเลือดปน น้ำหนักลด เบื่ออาหาร หอบเหนื่อย อ่อนเพลีย เจ็บหน้าอก
ไอมีเลือดปนเสมหะ
ไอจากการที่เคยสัมผัสกับผู้ป่วยวัณโรคหรืออยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยวัณโรค
มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไต หัวใจ เมื่อมีอาการไอควรรีบมาพบแพทย์
ไอเรื้อรังอย่าปล่อยไว้!! เพราะอาจเป็นหนึ่งในอาการของโรคเหล่านี้
วัณโรคปอด แม้ในระยะแรกจะไม่มีอาการ แต่เมื่อโรคลุกลามมากขึ้นจะมีอาการไอเรื้อรัง มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด บางรายอาจไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย
มะเร็งปอด เมื่อโรคเป็นมากขึ้น มีอาการไอเรื้อรัง บางรายอาจไอออกเป็นเลือดสด บางรายอาจมีอาการเจ็บหน้าอก อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรือมีไข้ร่วมด้วย
ถุงลมโป่งพอง มักพบในคนที่มีประวัติสูบบุหรี่จัดมานาน ผู้ป่วยมักมีอาการไอแบบมีเสมหะเรื้อรัง และหอบเหนื่อยง่าย มีหายใจเสียงดัง
โรคหืด มักมีอาการไอ โดยเฉพาะเวลากลางคืน อากาศเย็น ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับขนาดหลอดลมฝอยว่าตีบมากหรือน้อย อาการมีได้ตั้งแต่หายใจไม่สะดวก ไอมาก หายใจดัง หอบเหนื่อย อาการมักจะกำเริบเมื่อติดเชื้อทางเดินหายใจร่วมด้วย

⏯️โรคภูมิแพ้อากาศ มักมีอาการคันจมูก คันคอ ไอ จาม บางรายมีน้ำมูกใสๆ ร่วมด้วย มักมีอาการเมื่อสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น ละอองเกสร ขนสัตว์ อากาศเย็น เป็นต้น

⏯️กรดไหลย้อน มีอาการไอแห้งๆ โดยเฉพาะหลังอาหาร หรือเวลาล้มตัวลงนอน อาจจะมีอาการแสบร้อนในอกหรือเรอเปรี้ยวร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้

⏭️ไซนัสอักเสบ มักจะมีอาการเป็นหวัดหรือโรคภูมิแพ้อากาศนำมาก่อน บางรายอาการหวัดอาจดีขึ้นในช่วงแรก แล้วแย่ลงภายหลัง มักไอเวลากลางคืนเพราะน้ำมูกไหลลงคอ

⏭️ภาวะทางเดินหายใจไวต่อสิ่งกระตุ้น พบตามหลังโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ คือเมื่ออาการหวัดหายแล้ว แต่ยังมีอาการไออยู่ โดยไอมากกลางคืนหรือเวลาอากาศเย็นๆ ถูกลม เป็นต้น
“ไอเรื้อรัง” รักษาได้...
การรักษาไอเรื้อรังนอกจากจะรักษาตามสาเหตุของโรคแล้ว ยังต้องรักษาตามอาการที่เกิดขึ้นควบคู่กัน ซึ่งนอกจากการซักประวัติ ตรวจร่างกายเบื้องต้นเพื่อวินิจฉัยโรคแล้ว บางรายอาจต้องส่งตรวจยืนยันตามความเหมาะสม อาทิ ตรวจดูโพรงจมูก ลำคอ เอกซเรย์โพรงไซนัส เพื่อดูกลุ่มอาการไซนัส ส่งตรวจเอกซเรย์ปอด เพื่อดูความผิดปกติของปอด ตรวจเสมหะ ตรวจสมรรถภาพปอด เพื่อดูโอกาสของหอบหืด เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ทรวงอก กรณีที่ตรวจพบความผิดปรกติจาก X-ray ปอด อาจต้องทำการส่องกล้องทางเดินหายใจ (Fiber Optic bronchoscopy) เพื่อยืนยันการวินิจฉัย

♒ส่องกล้องหลอดลมตรวจหาความผิดปกติอย่างแม่นยำ
ปัจจุบันการส่องกล้องตรวจหลอดลมได้มีการพัฒนาทั้งวิธีการและเครื่องมือ เพื่อช่วยให้แพทย์ได้ข้อวินิจฉัยที่ถูกต้องแม่นยำและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยมากขึ้น การส่องกล้องตรวจหลอดลมนั้นเป็นการตรวจที่มีความปลอดภัย พบภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้น้อย

♒ข้อบ่งชี้ของการส่องกล้องหลอดลม
หมอขอแบ่งคนไข้เป็นสองกลุ่ม ในชีวิตจริงเพื่อให้เข้าใจง่าย

▶️กลุ่มแรกคือกลุ่มที่ไม่มีอาการ แต่เอกซเรย์ปอดพบความผิดปรกติ เช่น เอกซเรย์ปอดพบ ความผิดปกติในรูปแบบ
จุด (nodule)

ก้อน (mass) ตอนเดียวหรือหลายก้อน

ฝ้า (ground grass opacity )

ปื้น ( consolidation)
ซึ่งต้องขอย้ำว่ากรณีที่ไม่มีอาการ แพทย์จะต้องอาศัยการซักประวัติ ประเมินความเสี่ยง ประวัติสูบบุหรี่ ประวัติครอบครัว ประวัติอาชีพ ประวัติการสัมผัสผู้ป่วยโรคปอด และตรวจร่างกาย เพื่อคาดคะเนความน่าจะเป็นของโรค และวางแผนการวินิจฉัย และติดตาม ผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่จำเป็นต้องรับการส่องกล้องทุกราย แต่จะประเมินเป็นรายๆ ตามความเหมาะสมและข้อบ่งชี้

▶️กลุ่มที่สอง คือกลุ่มที่มีอาการหรือมีประวัติของโรคปอดและทางเดินหายใจอยู่เดิม แต่ไม่สามารถวินิจฉัยจากการตรวจเบื้องต้นได้ หรือรักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น เช่น กลุ่มอาการดังต่อไปนี้
ไอเรื้อรัง เอกซเรย์ปอดพบภาวะหลอดลมตีบแคบ

ไอเรื้อรัง

ไอเป็นเลือด

ไอมีเสียงดัง( stridor or wheeze)

ปอดอักเสบ ปอดติดเชื้อ เป็นซ้ำๆ

ปอดติดเชื้อ เป็นมากขึ้นแบบที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อ

ปอดอักเสบในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือทานยากดภูมิเป็นประจำ

ประเมินระยะของโรคมะเร็งปอด

ประเมินการแพร่กระจายของมะเร็งมาที่ปอด

มีก้อนที่ปอดที่สงสัย มะเร็งปอด วัณโรคปอด หรือการอักเสบของปอด เป็นต้น

▶️ สงสัยภาวะก้อนในหลอดลม ภาวะหลอดลมตีบแคบ หรือภาวะกระดูกอ่อนหลอดลมบกพร่อง
ขั้นตอนการส่องกล้องและดูแลผู้ป่วยขณะส่องกล้อง
ขณะทำการส่องกล้องตรวจหลอดลม ผู้ป่วยจะได้รับการพ่นยาชาบริเวณจมูกและลำคอซึ่งจะทำให้รู้สึกชาและกลืนลำบาก และระหว่างการส่องกล้องผู้ป่วยจะได้รับการวัดความดันโลหิต ชีพจรและระดับออกซิเจนในเลือดตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัย การส่องกล้องนั้นส่วนใหญ่จะทำในท่านอนราบ ใส่สายให้ออกซิเจนทางจมูก มีผ้าคลุมตัวและปิดตาเพื่อป้องกันการเปื้อน ในบางกรณีอาจจะมีการให้ยานอนหลับทางเส้นเลือดดำก่อนการส่องกล้อง

▶️แพทย์จะใส่กล้องสำหรับการตรวจเข้าทางจมูกข้างหนึ่งหรือทางปาก ผ่านลำคอและกล่องเสียงเข้าไปยังหลอดลม ซึ่งในขณะส่องกล้องผู้ป่วยอาจรู้สึกอึดอัดบ้าง และจะมีการพ่นยาชาผ่านทางกล้องเข้าไปในหลอดลมเป็นระยะ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการไอหรือสำลักได้เล็กน้อย โดยผู้ป่วยสามารถหายใจได้ตามปกติ จากนั้นจะได้รับยานอนหลับทางหลอดเลือดดำเพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ระหว่างตรวจผู้ป่วยจะได้รับการให้ออกซิเจนตลอดเวลาเพื่อให้ร่างกายได้รับปริมาณออกซิเจนที่เพียงพอ

▶️ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
คนไข้บางรายอาจมีเลือดออกหลังทำการตัดชิ้นเนื้อ ภาวะลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอด ภาวะออกซิเจนในเลือดตํ่า ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น ซึ่งภาวะแทรกซ้อนของการส่องกล้องหลอดลมมักไม่รุนแรงและหายไปได้เอง เช่น เจ็บคอ ไอปนเลือด ภายหลังการส่องกล้องผู้ป่วยจะได้รับการตรวจสังเกตอาการหากไม่มีความผิดปกติผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ โดยไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล และจะนัดมาฟังผลการตรวจตามขั้นตอนต่อไป
#สนใจสอบถามปรึกษาฟรี
โทร.080-5975241
โทร.094-6694969 #ผลิตภัณฑ์ดีพอตดูแลปอด

23/07/2022

♥️วิธีดูแลปอดให้แข็งแรงห่างไกลโควิด - 19

วันนี้ ขอแนะนำ 9 วิธีดูแลปอดให้แข็งแรงสุขภาพดี พร้อมสู่โควิด - 19 ปอด (lung) เป็นอวัยวะหนึ่งที่สำคัญมากของระบบหายใจ อยู่ภายในทรวงอกทั้ง 2 ข้าง หน้าที่หลักของปอดก็คือ การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนที่เราสูดลมหายใจเข้าไป เอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ทำหน้าที่กรองอากาศ (ออกซิเจน) เข้าสู่ร่างกายเมื่อเราหายใจเข้าแล้วปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกด้วยการหายใจออก (กรองของเสีย) เช่น ควันบุหรี่ ควันจากโรงงาน และคาร์บอน เป็นต้น

เพราะฉะนั้น จงดูแลและรักษาปอดของเราให้แข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี ด้วย 9 ข้อดังนี้

1. ไม่สูบบุหรี่ และไม่เข้าใกล้ควันบุหรี่ บุหรี่ และผลิตภัณฑ์จำพวกยาสูบประเภทอื่นๆ เพราะไม่ได้ทำร้ายแค่เพียงปอดเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่นๆ ในร่างกายด้วย อยากให้ปอดมีสุขภาพดี การไม่สูบ หรือหลีกเลี่ยงจากควันบุหรี่ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลปอดที่ตรงจุดมาก เพื่อให้เรามีสุขภาพแข็งแรง อยู่ฟอกอากาศให้เราไปนาน ๆ

2. บริหารปอดด้วยการหายใจลึกๆ เป็นการช่วยให้ปอดขยายได้อย่างเต็มความสามารถ ช่วยให้เราหายใจได้ง่ายขึ้น เพราะในขณะที่เราสูดลมหายใจเข้า เป็นการยกอกขึ้นและกดกระบังลมให้ต่ำลง เมื่อหายใจออกจะเป็นการคลายกล้ามเนื้อหน้าอก และยกกระบังลมเพื่อให้อากาศออกจนหมด ลองหายใจลึก ๆ อย่างน้อยวันละ 10 ครั้ง ให้ปอดได้ขยายอย่างเต็มที่

3.หมั่นออกกำลังกาย เป็นวิธีสร้างสุขภาพให้แข็งแรงที่เราสามารถทำได้ง่ายๆ นอกจากร่างกายจะได้เคลื่อนไหว ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจแล้ว ยังช่วยให้เลือดสูบฉีด ทำให้ปอดมีพลังและแข็งแรงมากขึ้นได้อีกด้วย

4.ทำให้ปอดอบอุ่น เวลานอนหลับควรห่มผ้าปิดหน้าอก เพื่อให้ปอดของเราอบอุ่น จะได้ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย

5.การดื่มน้ำให้เพียงพอ เป็นเรื่องจำเป็นมากๆ สำหรับคนที่อยากดูแลปอดให้แข็งแรง เพราะการดื่มน้ำนั้นนอกจากจะช่วยดีท็อกซ์ของเสียออกจากร่างกายแล้ว ยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ดีกับทุกระบบในร่างกายอีกด้วย

6. ทานอาหารช่วยบำรุงปอด

7.กำจัดเชื้อโรค ดูแลความสะอาด เป็นการรักษาสุขอนามัยให้สะอาด เพราะเหล่าเชื้อโรค ไวรัสต่าง ๆ ที่สามารถทำให้เกิดโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคปอดบวมจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจ ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอลฮอล์ลทุกครั้งหลังใช้ห้องน้ำ หรือเมื่อต้องหยิบจับสิ่งของในที่สาธารณะ คือการดูแลปอดที่ดี

8. ใช้เครื่องฟอกอากาศ ช่วยกำจัดกลิ่นและอนุภาคในอากาศ ที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้โรคหอบหืดกำเริบ เป็นอีกหนึ่งวิธีช่วยดูแลปอดให้แข็งแรงได้เช่นกัน

9. ฟอกปอดด้วยต้นไม้ การนำต้นไม้ หรือพืช ที่มีความสามารถตามธรรมชาติในการกำจัดสารพิษจากอากาศ มาประดับในบ้าน ไม่ใช่แค่ช่วยให้บ้านดูสวยสบายตายังช่วยให้อากาศภายในบ้านมีคุณภาพที่ดี

♥️จะเห็นได้ว่าปอดมีหน้าที่สำคัญกับร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เราจึงควรจะรักษาและดูแลปอดไว้ให้ดีที่สุด โดยทำตาม 9 วิธีข้างต้น แค่นี้ปอดของเราก็จะมีสุขภาพที่ดี อยู่กับเราได้ยาวนานโดยไม่ต้องพบแพทย์แต่อย่างใด 🎯สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทักแชทหรือโทร.080-5975241 095-3845241

ที่อยู่

242 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี
Bangkok
10510

เบอร์โทรศัพท์

+66805975241

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ดีพอต D-POT ดูแลระบบทางเดินหายใจและภูมิแพ้ โทร.080-5975241ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ดีพอต D-POT ดูแลระบบทางเดินหายใจและภูมิแพ้ โทร.080-5975241:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram