Yannawa Riverfront

13/10/2018

ท่าเรือสาทรเหนือหรือท่าเรือข้ามฟาก ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริมน้ำยานนาวา

พบกับผลการลงพื้นที่สำรวจเชิงสังคมและเศรษฐกิจของท่าเรือสาทรเหนือโดยคณะทำงานโครงการสถานีเรือเพื่อทุกคน ที่ต่อยอดรายละเอียดการศึกษาจากโครงการริมน้ำยานนาวา ก่อนที่จะมีการก่อสร้างปรับปรุงกันจริงๆ ภายในต้นปีหน้านี้

ในสี่ท่าเรือที่อยู่ในโครงการปรับปรุง ‘ท่าเรือ’ ให้เป็น ‘สถานีเรือ’ ในชื่อ Active River Station มีคาแรคเตอร์แตกต่างกัน....

13/05/2018

ห้ามพลาด !! กับการแชร์ไอเดียครั้งสุดท้าย เพื่อออกแบบสถานีเรือแห่งอนาคต
ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ขอชวนทุกท่านมาร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อออกแบบสถานีเรือแห่งอนาคตในแบบที่คุณอยากให้เป็นกับ "การเวิร์คชอปโครงการสถานีเรือเพื่อทุกคนครั้งที่ 3" (ไม่จำเป็นต้องเคยมาในครั้งก่อนหน้านี้)
การเวิร์คชอปครั้งนี้ถือเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย ก่อนที่ข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งต่อให้กับทีมออกแบบเพื่อนำไปใช้ในการจัดทำแบบร่างการพัฒนาท่าเรือนำร่องทั้ง 3 ท่า ได้แก่ ท่าสาทร ท่าราชวงศ์ และท่าดินแดง
ที่นั่งมีจำนวนจำกัด เพียง 30 ท่านเท่านั้น
สำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ https://www.activeriverstation.com/…/weir-kchxp-sthani…/form
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นูรซาลบียะห์ เซ็ง (มี่)/โทรศัพท์ 099-564-2445/02-252-2925 หรือทางอีเมล์ info@uddc.net
———————————
โครงการสถานีเรือเพื่อทุกคน หรือ Active River Station มีวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงพื้นที่ท่าเรือให้กลับมามีบทบาทเป็นพื้นที่ทางสังคมที่มีชีวิตชีวาและทำหน้าที่ “ประตู” เชื่อมโยงสู่ย่านริมน้ำอีกครั้ง พร้อมทั้งพัฒนาการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชน ภายใต้ยุทธศาสตร์กระบวนการร่วมหารือกับประชาชนในพื้นที่ ภาคีพัฒนาจากภาครัฐ เอกชน การศึกษา และประชาสังคม โดยมีพื้นที่ท่าเรือนำร่อง 3 ท่า ได้แก่ ท่าราชวงศ์ ท่าดินแดง และท่าสาทร
ดำเนินการโดย ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ร่วมกับ ปั้นเมือง แลนด์โปรเซส เอ็นเจ็ดเอ และเวย์แม็กกาซีน
สนับสนุนโดย กรมเจ้าท่า และไอคอนสยาม

เราขอชวนคุณเข้าร่วมออกแบบท่าเรือ ในงานเวิร์กชอป ‘สถานีเรือเพื่อทุกคน’ เพื่อแลกเปลี่ยนไอเดีย และร่วมเป็.....

26/04/2018

การประกวดภาพถ่าย กับหัวข้อ “คนเข้าท่า – นึกถึงท่าเรือ... ท่านนึกถึงอะไร?”
เป็นภาพที่ถ่ายบริเวณท่าเรือ และพื้นที่โดยรอบท่าเรือ 4 แห่งได้แก่ ท่าราชวงศ์ ท่าดินแดง ท่าสาทร และท่าราชนาวี (ท่าภายในราชนาวีสโมสร) สื่อให้เห็นถึงเอกลักษณ์และสิ่งที่เรานึกถึงเมื่อได้ยินชื่อท่าเรือในข้างต้น ซึ่งอาจหมายถึงภาพของอาคาร ถนนหนทาง วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่พื้นที่เหล่านั้น แสดงให้เห็นถึงความมีเสน่ห์ สวยงาม และน่าประทับใจ
#รางวัลการประกวด
ผู้ที่แชร์ภาพที่สื่อถึงความเป็นท่าเรือราชวงศ์ ท่าดินแดง ท่าสาทร และท่าราชนาวี
ได้น่าประทับใจคณะกรรมการมากที่สุด 5 อันดับต่อ 1 อันดับแรกของแต่ละท่าจะเป็นผู้ชนะเลิศ
• รางวัลที่ 1 เงินสดมูลค่า 3,000 บาทต่อ 1 ท่า
• รางวัลที่ 2 เงินสดมูลค่า 500 บาท จำนวน 4 รางวัลต่อ 1 ท่า
ทั้งนี้ ภาพที่ผ่านเข้ารอบ 30 อันดับแรกของทุกท่าน จะได้จัดแสดงในนิทรรศการใหญ่ของโครงการในช่วงเดือนกันยายน 2561
#กำหนดการประกวด
19 เมษายน 2561: เริ่มกิจกรรม เปิดรับภาพถ่าย
31 พฤษภาคม 2561 เวลา 18.00 น. : ปิดรับภาพถ่าย
12-22 มิถุนายน 2561 : คณะกรรมการพิจารณาภาพถ่าย
30 มิถุนายน 2561 : ประกาศรางวัลการประกวด
เดือนกันยายน 2561 กับการจัดนิทรรศการภาพถ่าย (กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม)
#วิธีการร่วมการประกวด
1. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้องโพสภาพผ่านทาง Facebook หรือ Instagram ส่วนตัวพร้อมติด hashtag
#สถานีเรือเพื่อทุกคน และ #คนเข้าท่า ที่ต้องการประกวด เช่น #คนเข้าท่าราชวงศ์ #คนเข้าท่าสาทร
#คนเข้าท่าราชนาวี #คนเข้าท่าดินแดง และตั้งค่าเป็น “สาธารณะ”
2. ภาพที่ส่งเข้าประกวดต้องใส่คำอธิบายภาพที่นอกเหนือจาก hashtag โดยมีความยาวไม่เกิน 50 คำ
3. ภาพที่ส่งเข้าประกวดถ่ายตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2561 เป็นต้นไป โดยมีจำกัดความละเอียดของภาพท่านสามารถใช้กล้องของโทรศัพท์มือถือ หรือกล้องอะไรก็ได้ที่ท่านสะดวกถ่าย
4. ภาพที่ส่งเข้าประกวดสามารถปรับแต่งได้ ทั้งนี้ภาพต้องดูเป็นธรรมชาติไม่ผิดจากความเป็นจริง (ห้ามซ้อนภาพ ตัดต่อ เปลี่ยนแปลง รายละเอียดในภาพ)
หมายเหตุอื่นๆ
1. ไฟล์ภาพทุกภาพที่ส่งเข้าประกวด โครงการฯ มีสิทธิ์ที่จะนำไปจัดแสดงในที่ต่างๆ รวมทั้งทำซ้ำดัดแปลง เผยแพร่ หรือใช้ในกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อโครงการฯ โดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่เจ้าของภาพ (แต่เจ้าของภาพก็ยังเป็นเจ้าของภาพนะครับ ท่านสามารถนำภาพของท่านไปใช้ต่อได้ตามที่ท่านอยากใช้ได้เช่นกัน)
2. เงินรางวัลที่ได้รับจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นจำนวนร้อยละ 5 ของเงินรางวัล
3. การรับรางวัลผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการ
• ทีมงานจะติดต่อกลับผ่านทางช่องทางที่ท่านโพสภาพ หากไม่ตอบกลับภายใน 72 ชั่วโมง จะถือว่าท่านสละสิทธิ์ในการรับรางวัล
• ผู้ที่ได้รับรางวัล จะต้องเข้ามารับรางวัลด้วยตนเองที่สำนักงานโครงการ (บริเวณสยามแสควร์)
รายละเอียดอื่นๆ สามารถสอบถามและติดตามความคืบหน้าได้ที่
Tel.: 02 252 2925
Facebook fanpage: สถานีเรือเพื่อทุกคน - Active River Station

19/04/2018

+ ‘คลอง – ถนน – เรือ’ เส้นเลือดของเวนิสแห่งตะวันออก
------------------

ในอดีตกรุงเทพฯ เคยมีชื่อเล่นว่า ‘เวนิสแห่งตะวันออก’ เนื่องจากมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านกลางเมือง ทั้งลำน้ำคูคลองแตกแขนงจำนวนมากยังเชื่อมถึงกันทั้งหมด ทำให้สัญจรทางน้ำเป็นเส้นทางคมนาคมหลัก คนกรุงเทพฯ จึงผูกพันกับสายน้ำมาอย่างยาวนาน ทว่าปัจจุบันเหล่าคูคลองเหล่านั้นกลับถูกลดบทบาทลง โดยมีตัวละครใหม่อย่าง ‘ถนน’ เข้ามาช่วงชิงความสำคัญแทน นิยามของ ‘เวนิสแห่งตะวันออก’ จึงค่อยๆ จางลง เหลือเพียง ‘ชื่อเล่น’ ที่ครั้งหนึ่งคนเคยใช้เรียกขานกัน

'Active River Station' สถานีเรือเพื่อทุกคน จึงเกิดขึ้นเพื่อปรับปรุงท่าเรือ 4 ท่าเพื่อเป็นต้นแบบให้ 'เวนิสแห่งตะวันออก' เป็นมากกว่าชื่อที่เราหลงลืมกันไป

#สถานีเรือเพื่อทุกคน

ในอดีตกรุงเทพฯ เคยมีชื่อเล่นว่า ‘เวนิสแห่งตะวันออก’ เนื่องจากมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านกลางเมือง ทั้งลำน.....

12/01/2018

ขอขอบคุณโพสต์ทูเดย์ที่กล่าวถึงโครงการฯ แต่เนื่องจากข้อมูลคลาดเคลื่อนบางประเด็น จึงขอชี้แจงดังต่อไปนี้
1. "โครงการริมน้ำยานนาวา" ไม่ได้อยู่ภายใต้ "โครงการทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา" แต่เริ่มมาก่อนหลายปีตั้งแต่ พ.ศ. 2555
2. กทม. โดยสำนักผังเมืองและสำนักระบายน้ำ เป็นภาคีสำคัญในกระบวนการร่วมหารือตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณในการศึกษา โดยผู้สนับสนุนงบประมาณการศึกษาคือ สสส.
ข้อมูลโครงการ
https://youtu.be/iSf293Rldfk
https://youtu.be/yAW61QoppNc
https://youtu.be/lI5POKd7tuA
https://youtu.be/9rZl7X6QRs8
//////
เนื้อหาบางส่วนจากโพสต์ทูเดย์
"ข้อสังเกตแรกคือ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาโครงการเลียบแม่น้ำเจ้าพระยามีการออกแบบวางแผนภายใต้ชื่อ "โครงการพัฒนาริมน้ำยานนาวาที่สะพานปลา" เพื่อเชื่อมโยงระบบ รถ ราง เรือ โดยสำนักผังเมือง กทม. จัดจ้างศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ซึ่งเป็น สถาบันวิจัยและบริการวิชาการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้ามาศึกษา ทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการ เอกชน วัดและชุมชนริมน้ำ ใช้เวลาประชุม กับชาวบ้านหลายปี กระทั่งได้รับการยอมรับ แต่จวบจนทุกวันนี้ยังไม่ได้รับงบประมาณ ขณะที่โครงการริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่งเริ่มเกิด ใช้เวลาศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้ไม่นาน ขณะนี้เตรียมเสนอ ครม.ของบประมาณแล้ว"
ที่มา: https://www.posttoday.com/columnist/niewkai/534375

ฝันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการสร้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่ให้คนเมืองใกล้เป็นความจริง...

08/11/2017

พร้อมหรือยัง? กับการเปลี่ยนย่านของคุณให้เป็นเมืองเดินสบายของทุกคน
โครงการเมืองเดินได้-เมืองเดินดี โดยศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC) ร่วมกับ สสส. ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรม “สู่เมืองเดินสบายของทุกคน” ในวันเสาร์ที่ 18 พ.ย. 60 จัดเต็ม! กิจกรรมทั้งวัน ตั้งแต่เช้ายันเย็น!
>>> พบกิจกรรรม “เดิน ส่อง ย่าน” ที่ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่เรามีถึงสามเส้นทางให้เลือก
( เวลา 9.00 – 13.00) > เล่าสู่กันฟังกับการขับเคลื่อนโครงการเมืองเดินได้-เมืองเดินดีระยะที่ 3 (เวลา 14.00 – 15.30) > เสวนา AREᴱ YOU READY?: อารีย์พร้อมหรือยังที่จะเป็นย่านเดินเท้า (เวลา 15.30 – 16.30)

21/08/2017

โครงการ Sky Park หรือสะพานด้วน ที่ชาวชุมชนย่านนั้นเรียกกัน เป็นหนึ่งในโครงการนำร่องของ Bangkok250 มีที่มาจากข้อเสนอของชุมชนที่ต้องการให้นำเอาโครงสร้างรางรถไฟลาวาลินที่ทิ้งร้่างไว้หลายสิบปีมาปรับปรุงเป็นสะพานคนเดิน/ทางจักรยานเชื่อมฝั่งธน/ฝั่งพระนคร ทำเลตั้งในจุดยุทธศาสตร์ที่จะเชื่อมเรือ/รถ/รางในอนาคต รวมทั้งเชื่อมกับคลองรอบกรุงในส่วนปากคลองพอดี

หากสำเร็จ โครงการนี้จะเป็นตัวอย่างในการพัฒนาและบริหารจัดการแบบพหุภาคีระหว่างภาครัฐ (กรมทางหลวงชนบทและการทางพิเศษ เจ้าของโครงสร้างและที่ดิน) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กทม.) และชุมชน

ดำเนินการออกแบบวางผังโดย UddC ร่วมกับ LandProcess และ N7A

Forget the controversial riverside promenade, Bangkok Observation Tower and Tha Phra Chan-Siriraj Hospital pedestrian bridge projects. Those of you who want to indulge yourselves with a walk by the Chao Phraya River will be able to do so in about a year.

10/08/2017

เมืองอะไรเอ่ย...อยู่แล้ว "จน อ้วน ไม่มีแฟน"
เพราะชีวิตที่ดีคือชีวิตที่เปิดกว้างและเชื่อมต่อกับคนอื่น แต่ใน “ศตวรรษของเมือง” อันเป็นประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติที่ 5 ใน 10 ของประชากรอยู่ในเมืองมากกว่าชนบท ขณะที่ความเป็นเมืองกำลังเติบโตและมีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของเรามากขึ้นทุกวันๆ เมืองอันหนาแน่นไปด้วยผู้คนกลับแยกเราออกจากฝูงชนเหล่านั้นผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารและการเดินทาง จนเกิดเป็นภาวะ “โดดเดี่ยวอยู่ด้วยกัน” ของมนุษย์เมืองทั้งหลาย
“มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งของ Robert Putman ศึกษาพบว่า 1 ใน 4 ของอเมริกันชนไม่มี meaningful relationship ว่าง่ายๆ ก็คือไม่มีเพื่อน เขาพบว่า อินเทอร์เน็ตมีส่วนสำคัญที่แยกโลกของเราออกจากกัน แต่ที่สำคัญคือวัฒนธรรมรถยนต์ เพราะวัฒนธรรมนี้มันทำให้เราอยู่แต่ในพื้นที่แคบๆ อยู่แต่ในบ้าน ขับรถไปที่ทำงาน แล้วก็ขับรถกลับบ้าน ใช้เวลานานบนท้องถนน มีตัวเลขบอกนะคะว่า 10 นาทีที่เสียไปกับการเดินทาง จะทำให้ความผูกพันทางสังคม (social ties) ลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ ที่ UddC เคยค้นข้อมูลเจอว่า เวลาที่คนใช้บนถนนนานที่สุดคือ 800 ชั่วโมงต่อปี หรือประมาณ 48,000 นาที ก็ไม่รู้เราเสียความผูกพันทางสังคมกันไปกี่นาทีแล้ว”
--ผศ.ดร. นิรมล กุลศรีสมบัติ ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC) ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ “โรค” ใน “โลกคนเมือง” กับ 101 minutes at Starbucks ครั้งที่ 4 : Modern Syndrome เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา
“ถ้าถามว่ากรุงเทพฯ มีข้อเสียอย่างไร ถ้าคุณอยู่กรุงเทพ บอกเลยนะคะว่าเมืองนี้ทำให้คุณไม่มีแฟน ทำให้คุณอ้วนและจน คุณจะเอาเวลาที่ไหนไปเจอแฟนคะ คุณทำงานเยอะ แล้วคุณก็ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงบนรถส่วนตัว แล้วก็ไม่ได้เจอใคร เพราะทุกอย่างอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวหมด คุณอยู่บ้าน แล้วคุณก็ขับรถอยู่คนเดียว คุณไปอยู่ที่ออฟฟิศ ซึ่งถ้าคุณจะมีแฟนในที่ทำงานคุณก็คงมีไปนานแล้ว แต่คุณไม่มี ในเมืองที่มันแห้งแล้งมองไปทางไหนก็ไม่มีอะไรสวยเจริญหูเจริญตา ไม่มีพื้นที่สาธารณะดีๆ ให้ไปจู๋จี๋กัน คุณมีโอกาสเจอกันยากและแพงมาก ขนส่งสาธารณะก็มีแล้ว แต่มันแน่นมากจนเกินที่จะเกิดความโรแมนติก”
นอกจากนั้น ผศ.ดร. นิรมล ยังกล่าวเสริมอีกว่า การที่คนเมืองต้องเผื่อเวลาในการตื่นเพื่อไปใช้สูญเสียพลังงานกับการเดินทางทั้งตอนเช้าและตอนเย็น ที่คิดเป็นมูลค่าค่าใช้จ่ายประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ทำให้คนเมืองไม่มีเวลาที่จะใส่ใจและดูแลตัวเองอย่างจริงจัง เราจึงจำเป็นต้องพึ่งพาบริการจากเหล่าหาบเร่แผงลอยหรือร้านสะดวกซื้อทั้งหลายที่ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีคุณค่าทางสารอาหารเท่าที่ควร กระทั่งการทำอาหารทานเองก็เป็นสิ่งที่คนเมืองต้องลงทุนทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย อีกทั้งพื้นที่สาธารณะในเมืองก็กลับเบียดเสียดไปด้วยผู้คนซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า เมืองของเรายังมีพื้นที่สาธารณะไม่เพียงพอและไม่ทั่วถึงทุกพื้นที่

“เพราะฉะนั้นเมืองมันทำให้คุณไม่มีแฟน อ้วน และจน... กายภาพทั้งหลายมันมีผลทำให้เรารู้สึกแปลกแยก โดดเดี่ยว ต่างคนต่างอยู่ มองในแง่ของโครงสร้างไม่ได้มองในแง่ของปัจเจกบุคคล เพราะฉะนั้นในหน่วยของชุมชนหนึ่งๆ ที่มนุษย์ก็เป็นสัตว์สังคม มันหายไปแล้วจากเมืองนี้”

26/05/2017

มาร่วมแสดงความยินดีกับชาวย่านในงาน “ชวนชาวย่าน เตรียมการ ขึ้นบ้านใหม่”

ในระยะเวลาเกือบสิบปีที่ผ่านมา ผู้คนจากทั้งในและนอกย่าน ได้ร่วมกันสรรค์สร้างกิจกรรมต่างๆ เพื่อฟื้นฟูให้กะดีจีน-คลองสานให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง หากแต่พบว่า ข้อจำกัดสำคัญในการฟื้นฟูย่านได้อย่างยั่งยืน คือ การขาดพื้นที่ศูนย์กลางระดับย่าน (neighborhood’s common space) ที่ชวนชาวชุมชนและองค์กรต่างๆ มาพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ และสั่งสมทุนทางสังคมวัฒนธรรม และ การขาดระบบในการจัดการทรัพยากรของย่าน

และนี่คือจุดเริ่มต้นของ ศูนย์ชุมชนย่านกะดีจีน-คลองสาน พื้นที่แห่งใหม่ที่จะชักชวนให้คนจากทั้งในและนอกย่านมาแลกเปลี่ยนความรู้ กิจกรรม และวัฒนธรรมกัน พร้อมอนุรักษ์และพัฒนากะดีจีน-คลองสานอย่างมีระบบ

27 พฤษภาคมนี้ คนจากทั้งในและนอกย่านจะมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อร่วมกัน”เตรียมการ ขึ้นบ้านใหม่” ให้แก่ศูนย์ชุมชนย่านกะดีจีน-คลองสาน ร่วมกันค้นหาผู้จัดการศูนย์ชุมชนย่านกะดีจีน-คลองสานคนแรก และโหวดชื่อใหม่ให้แก่ศูนย์ชุมชนฯ แห่งนี้

ร่วมงาน “ชวนชาวย่าน เตรียมการ ขึ้นบ้านใหม่” 27 พฤษภาคมนี้ @ The Jam Factory หรือตามติดทุกวินาทีสำคัญของงานผ่าน Facebook Live ที่เพจ Love Kadeejeen

จัดโดย ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC), สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์, ครอบครัวจงรุ่งเรือง, บริษัทสยามพิวรรธน์ จำกัด, บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด, องค์กรสร้างสรรค์เพื่อสังคม iCARE โดย MQDC บริษัท แมกโนเลีย ดีเวลลอปเม้นต์คอร์ปปเรชั่น, ศูนย์ข้อมูลประวัติศาสตร์ชุมชนธนบุรี,ทีมนักประวัติศาสตร์ มูลนิธิเล็กประไพ-วิริยะพันธุ์, ประชาคมย่านกะดีจีน-คลองสาน, สำนักผังเมือง, สำนักงานเขตธนบุรี, สำนักงานเขตคลองสาน และ The Jam Factory

สำรองที่นั่งล่วงหน้า / ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติม
คุณจริยาพร โทร 09-9564-2445
อีเมล์ info@uddc.net

มาร่วมแสดงความยินดีกับชาวย่านในงาน “ชวนชาวย่าน เตรียมการ ขึ้นบ้านใหม่”

ในระยะเวลาเกือบสิบปีที่ผ่านมา ผู้คนจากทั้งในและนอกย่าน ได้ร่วมกันสรรค์สร้างกิจกรรมต่างๆ เพื่อฟื้นฟูให้กะดีจีน-คลองสานให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง หากแต่พบว่า ข้อจำกัดสำคัญในการฟื้นฟูย่านได้อย่างยั่งยืน คือ การขาดพื้นที่ศูนย์กลางระดับย่าน (neighborhood’s common space) ที่ชวนชาวชุมชนและองค์กรต่างๆ มาพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ และสั่งสมทุนทางสังคมวัฒนธรรม และ การขาดระบบในการจัดการทรัพยากรของย่าน

และนี่คือจุดเริ่มต้นของ ศูนย์ชุมชนย่านกะดีจีน-คลองสาน พื้นที่แห่งใหม่ที่จะชักชวนให้คนจากทั้งในและนอกย่านมาแลกเปลี่ยนความรู้ กิจกรรม และวัฒนธรรมกัน พร้อมอนุรักษ์และพัฒนากะดีจีน-คลองสานอย่างมีระบบ

27 พฤษภาคมนี้ คนจากทั้งในและนอกย่านจะมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อร่วมกัน”เตรียมการ ขึ้นบ้านใหม่” ให้แก่ศูนย์ชุมชนย่านกะดีจีน-คลองสาน ร่วมกันค้นหาผู้จัดการศูนย์ชุมชนย่านกะดีจีน-คลองสานคนแรก และโหวดชื่อใหม่ให้แก่ศูนย์ชุมชนฯ แห่งนี้

ร่วมงาน “ชวนชาวย่าน เตรียมการ ขึ้นบ้านใหม่” 27 พฤษภาคมนี้ @ The Jam Factory หรือตามติดทุกวินาสำคัญของงานผ่าน Facebook Live ที่เพจ Love Kadeejeen

จัดโดย ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC), สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์, ครอบครัวจงรุ่งเรือง, บริษัทสยามพิวรรธน์ จำกัด, บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด, องค์กรสร้างสรรค์เพื่อสังคม iCARE โดย MQDC บริษัท แมกโนเลีย ดีเวลลอปเม้นต์คอร์ปปเรชั่น, ศูนย์ข้อมูลประวัติศาสตร์ชุมชนธนบุรี,ทีมนักประวัติศาสตร์ มูลนิธิเล็กประไพ-วิริยะพันธุ์, ประชาคมย่านกะดีจีน-คลองสาน, สำนักผังเมือง, สำนักงานเขตธนบุรี, สำนักงานเขตคลองสาน และ The Jam Factory

02/03/2017

ความคืบหน้า "ศูนย์ข้อมูลย่านกะดีจีน-คลองสาน"

จากการดำเนินการของคณะทำงาน ได้เสนอให้มีการจัดตั้งมูลนิธิประชาคมย่านกะดีจีน-คลองสานขึ้นเพื่อการก่อสร้าง และบริหารจัดการศูนย์ข้อมูลฯ ให้มีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งในขั้นตอนการจัดตั้งมูลนิธิฯ นั้น ได้ระบุให้คณะทำงาน ต้องประสานงานและดำเนินการด้านเอกสารจำนวนมาก และการประชุมในรายละเอียดมากกว่า 10 ครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา อีกทั้ง ยังมีการปรับแก้รายละเอียดการขออนุญาตรื้อถอนโดยหน่วยงานที่เกียวข้อง จึงเป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น

อย่างไรก็ตาม คณะทำงานได้ประสานงานและดำเนินการจัดส่งเอกสารเป็นที่แล้วเสร็จ คาดว่าการจัดตั้งมูลนิธิฯ จะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงเดือนกลางมีนาคม เช่นเดียวกับการปรับแก้รายละเอียดการขออนุญาตรื้อถอน ซึ่งได้ยื่นเรื่องให้ผู้มีอำนาจพิจารณาแล้ว ดังนั้น ไม่เกินกลางปีนี้ ศูนย์ข้อมูลฯ จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการก่อสร้างอย่างเป็นรูปธรรม

11/12/2016

How should urban governance be redefined to suit the ever-increasing interconnections and interdependency in today’s society?

UDDC ร่วมกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานด้านผังเมืองในประเทศฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และไทย จัดการประชุมนานาชาติเรื่อง Urban Governance in the Network Society: France, Thailand and Japan วันที่ 19-20 มกราคม 2560 ที่เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองที่เกี่ยวข้องกับ “ธรรมาภิบาลของเมือง” และ “สังคมเครือข่าย” โดยนักวิชาการและนักปฏิบัติจากสาขาต่างๆ อาทิ urban politic, urban policy, urban spatial planning, urban big data and computing, urban advocacy

งานในครั้งนี้จะมีการบันทึกวีดีโอให้ทุกท่านสามารถรับชมย้อนหลัง โดยท่านสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่เพจของเราค่ะ

ร่วมจัดโดย Collegium de Lyon l LabEx Intelligences des Mondes Urbains (LabEx IMU) l Université de Lyon l Métropole de Lyon l Ecole nationale des travaux publics de l'Etat (ENTPE) l Atelier Parisien d'Urbanisme (APUR) l Chula Global Network (CGN) l Faculty of Architecture, Chulalongkorn University l Urban Design and Development Center (UDDC) l School of Urban Engineering, University of Tokyo l International Alliance for Sustainable Urbanization and Regeneration (IASUR) l Department of Architecture and Urban Design, Kyushu University.

19/10/2016

ส่วนหนึ่งของบรรยากาศนิทรรศการ โครงการริมน้ำยานนาวา ภายในงานเสวนาริมน้ำยานนาวา


URL: www.yannawariverfront.org
FB: YannawaRiverfront
Email: YannawaProject@gmail.com

จัดโดย ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ร่วมกับ ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)