22/04/2020
#เลซิตินผสมแคโรทีนอย4ชนิด และวิตามินอี #ตรากิฟฟารีน
#ไขมันพอกตับหรือ #ไขมันเกาะตับ (Fatty liver) คืออะไร
ไขมันในตับจะมีประมาณ5-10% ของน้ำหนักตับ ไขมันพอกตับเป็นภาวะที่ไขมันโดยเฉพาะ Triglyceride ไปอยู่ในเซลล์ตับมากกว่า 10% ของน้ำหนักตับจะถือว่าเป็นไขมันพอกตับ
ไขมันพอกตับจากการดื่มสุรา
เมื่อคนที่ดื่มสุราเป็นระยะเวลานานเซลล์ของตับจะได้รับอันตรายในระยะแรกจะมีไขมันมาพอกที่ตับ หากยังดื่มสุราต่อเนื่องตับจะกลายเป็นตับแข็งซึ่งภาวะนี้จะไม่สามารถกลับสู่ปกติ นอกจากนั้นผู้ที่ดื่มสุรามากอาจเกิดไขมันพอกตับแบบเฉียบพลันได้
ไขมันพอกตับของคนที่ไม่ได้ดื่มสุรา
ไขมันพอกตับชนิดนี้เรียกว่าNonalcoholicfatty liver disease (NAFLD) หมายถึงภาวะที่ไขมันพอกตับโดยเฉพาะ triglycerideอยู่ในเซลล์ตับ โดยที่คนคนนั้นไม่ได้ดื่มสุรา(ปกติคนดื่มสุรามานานจะมีไขมันพอกตับ) เซลล์ไขมันจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือเกิดตับอักเสบในระยะแรกแต่ผู้ป่วยบางส่วนที่ไขมันพอกตับทำให้เกิดการอักเสบของตับเกิดกลุ่มอาการที่เรียกว่า nonalcoholic steatohepatitis (NASH) ในที่สุดก็จะกลายเป็นตับแข็ง Cirrhosis แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังอธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงเกิดการอักเสบของตับพบว่าร้อยละ 5-8 ของผู้ป่วยไขมันพอกตับจะกลายเป็นตับอักเสบ และตับแข็ง
#สาเหตุของไขมันพอกตับ
1.ไขมันพอกตับแบบไม่มีสาเหตุเรียก Primary
2.มีสาเหตุเรียกว่า Secondary สาเหตุที่พบได้บ่อยคือ การดื่มสุราalcoholic liver disease (ALD) /ไวรัสตับอักเสบ บี /ไวรัสตับอักเสบซี /โรคแพ้ภูมิ chronicautoimmune hepatitis (AIH) /โรคเบาหวาน /จากยาเช่น prednisolone /การขาดอาหาร
ไขมันพอกตับอาจพบร่วมกับไขมันไตรกลีเซอไรด์ (triglycerides) ในเลือด(ผู้ช่วยโคเลสเตอรอลฝ่ายร้าย) สูง ระดับน้ำตาลในเลือดเฉลี่ยสูง (HbA1C) ภาวะดื้อต่ออินซูลินในภาวะก่อนเบาหวาน (Prediabetes) หรือเบาหวาน (กลุ่มโรคอ้วนลงพุง), หรือผลการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง(Ultrasound) พบลักษณะเสียงสะท้อนของตับเปลี่ยนไปได้
คนไข้หลายๆคนไม่มีอาการอะไรเลย เช่น อาจตรวจพบจากการตรวจสุขภาพ หรือตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงฯลฯ บางคนอาจมีท้องอืด แน่นท้อง ตับอักเสบ
เรื่องที่น่ารู้คือ โรคนี้ไม่มียารักษาโดยตรง แต่การปรับเปลี่ยนแบบแผนการใช้ชีวิต หรือไลฟ์สไตล์ (lifestyle) ช่วยได้มาก
วิธีบรรเทาอาการหรือดูแลรักษาตนเองในโรคไขมันเกาะตับที่สำคัญได้แก่
1."ลด-ละ-เลิก" เครื่องดื่มเติมน้ำตาล น้ำอัดลมเครื่องดื่มกระตุ้นกำลัง
2."ลด" อาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต หรือคาร์บ(ข้าว-แป้ง-น้ำตาล) เน้นผักที่กินง่าย สบายๆ เช่น ถั่วงอกลวก ผักใบเล็กนึ่งผักน้ำพริก
3."ลด-ละ-เลิก" อาหารทำจากแป้งขัดสี เช่น เค้ก คุ้กกี้เบเกอรี่ ขนมใส่ถุง ฯลฯ
4.เพิ่มผัก ปลาที่ไม่ผ่านการทอด (เช่น ปลากระป๋อง ฯลฯ), ถั่วที่ไม่ผ่านการทอด (เช่น ถั่วต้ม ฯลฯ)
5.ลดเนื้อแดง หรือเนื้อสัตว์ใหญ่ (red meat) เช่นหมู วัว แพะ แกะ ฯลฯ, ระวังไขมันแฝงสูง
6.งดเนื้อสำเร็จรูป เช่น ไส้กรอก หมูยอ หมูแผ่น หมูหยอง แฮม ฯลฯ,ส่วนใหญ่ใช้ไขมันสัตว์บดผสม งดอาหารทอดเพื่อป้องกันการได้รับไขมันที่มองไม่เห็นขนาดสูง
7.ลดน้ำหนัก โดยเฉพาะถ้าน้ำหนักเกินเกณฑ์ คิดจากน้ำหนักเป็นกิโลกรัมหารด้วยส่วนสูงเป็นเมตร 2 ครั้ง หรือเส้นรอบเอวเกิน 90 เซนติเมตรในผู้ชาย, 80 เซนติเมตรในผู้หญิง ค่าปกติดัชนีมวลกาย(body mass index / BMI) ต้องไม่ต่ำกว่า 18.5 และไม่สูงกว่า23.4
8.ออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ คนที่มีไขมันเกาะตับเพิ่มเสี่ยงเบาหวานควรตรวจเช็คน้ำตาลในเลือด - ความดันเลือดทุก 6 เดือน โรคนี้เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจ-ตับอักเสบควรควรเริ่มจากเบาไปหาหนัก เช่น เดินเร็วปานกลางสลับเดินเร็ว 40 นาที/วัน (ทำเป็นช่วงๆ ละ 10 นาทีนำเวลาสะสมรวมกันได้) ฯลฯ
เมื่อเดินเร็วได้ดี2-3 เดือน ค่อยๆ เพิ่มระดับการออกกำลังให้หนักขึ้น หรือนานขึ้น
9.ไม่นั่งนาน ลุกขึ้นเดินไปเดินมา หรืออย่างน้อยทำท่า"นั่งเก้าอี้สลับยืนขึ้น" 5-10 ครั้งทุกๆ 1-2 ชั่วโมง
10.ระวังระดับวิตามิน D ต่ำ ถ้าไม่มีข้อห้าม อาจกินวิตามินรวมที่มีวิตามินD วันละ 1 เม็ดพร้อมอาหารไขมันต่ำหรือออกกำลังกลางแจ้ง รับแดดอ่อน 15 นาที/วัน
11.นอนให้พอ และไม่นอนดึกมากเกิน
12.ทำใจ
ทำใจให้ได้ว่าคนเรามักจะทำอะไรดีๆ ได้มากกว่าที่คิดเสมอ โดยเฉพาะการไม่ดื่มหนักเพื่อรักษาตับนี้ให้ทำหน้าที่คู่โลกได้นานๆ หน่อย (แอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ไวน์ ฯลฯ)
http://pruchaya.guide4lift.org
http://anattara.com/?id=6113