Newstart by TAM ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก Newstart by TAM, บริการทางการแพทย์, Thailand Adventist Mission 12 Soi Pridi Banomyong 37 Sukhumvit 71 Road, Khlongton Nue, Wattana, Bangkok.

NEWSTART เป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ได้รับการวิจัยแล้วว่าเป็นโปรแกรมเพื่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตให้มีสุขภาพดี โดยขึ้นอยู่กับหลักการพื้นฐานแปดประการที่ได้รับการยอมรับแล้วว่าสามารถช่วยให้บรรลุสุขภาพที่ดีที่สุดได้: คือการโภชนาการ การออกกำลังกาย, การดื่มน้ำ, อาบแสงแดด, การรู้จักประมาณตน, อากาศบริสุทธิ์, การพักผ่อนที่เพียงพอและการมีความเชื่อและศรัทธาในศาสนาอย่างแท้จริง โดยหลักการ NEWSTART นั้นได้รับการพิสูจน์มานับร้อยปีว่า ผู้ที่ปฏิบัติตามหลักการดำเนินชีวิตนี้อย่างเคร่งครัดจะมีสุขภาพที่ดี และอายุยืนยาวอย่างมีความสุขกว่าคนโดยปกติโดยทั่วไปอย่างชัดเจน

โรคจากการทำงานออฟฟิศโรคจากการทำงานในออฟฟิศมักเกิดกับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ท่าทางที่ไม่ถูกต้องมักทำให้เกิดปัญห...
21/11/2017

โรคจากการทำงานออฟฟิศ

โรคจากการทำงานในออฟฟิศมักเกิดกับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ท่าทางที่ไม่ถูกต้องมักทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้หลายๆ อย่าง เช่น อาการทางตา มือชา นิ้วล็อก ปวดคอ บ่า ปวดหลัง เป็นต้น

กลุ่มอาการทางตาในผู้ใช้คอมพิวเตอร์ (Computer Vision Syndrome)
ดวงตาล้า การมองเห็นไม่ชัดเป็นระยะๆ
ดวงตาแห้ง แสบตา ตาแดง น้ำตาไหลมาก
ปวดหัว ปวดคอ ปวดไหล่ และหลัง

วิธีแก้ไข

วางจอมอนิเตอร์ห่างประมาณ 20–26 นิ้ว จากดวงตา
พักสายตา 2–4 นาที ทุก 20–60 นาที
ปรับแสงที่จะเข้าตาและสะท้อนจากจอให้น้อยที่สุด

(อ่านเพิ่มเติมได้จากลิ้งค์ด้านล่าง)

บทความที่น่าสนใจ โรคจากการทำงานออฟฟิศ โรคจากการทำงานในออฟฟิศมักเกิดกับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ท่าทางที่ไม่ถูกต้องมักทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้หลายๆ อย่าง เช่น อาการทางตา มือชา นิ้วล็อก ปวดคอ บ่า ปวดหลัง เป็นต้น กลุ่มอาการทางตาในผู้ใช้คอมพิวเตอร์ (Computer Vision Syndrome) ดวงตาล้า การมองเห็นไม...

ขอเรียนเชิญทุกๆ ท่านเข้าร่วมกิจกรรม สาธิตอาหารสุขภาพ ณ ห้องประชุมชั้น 2 ตึกกรีน  โรงพยาบาลมิชชัน  เวลา 09.00-12.00 น.
03/11/2017

ขอเรียนเชิญทุกๆ ท่านเข้าร่วมกิจกรรม สาธิตอาหารสุขภาพ ณ ห้องประชุมชั้น 2 ตึกกรีน โรงพยาบาลมิชชัน เวลา 09.00-12.00 น.

ฤดูหนาวรับประทานอะไรดีสำหรับ การรับประทานอาหารในช่วงฤดูหนาวเราควรเลือกรับประทานอาหารที่ร้อนและปรุง เสร็จใหม่ๆ ควรมีรสเปร...
31/10/2017

ฤดูหนาวรับประทานอะไรดี

สำหรับ การรับประทานอาหารในช่วงฤดูหนาวเราควรเลือกรับประทานอาหารที่ร้อนและปรุง เสร็จใหม่ๆ ควรมีรสเปรี้ยวอมขมเล็กน้อย และรสเผ็ด เช่น แกงส้มดอกแค แกงขี้เหล็ก แกงป่า สะเดาน้ำปลาหวาน และน้ำพริก เพราะธรรมชาติจะปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ผักพื้นบ้านและพืชสมุนไพรในฤดูต่างๆ ก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน

ในฤดูหนาว มักจะมีสมุนไพรพื้นบ้าน เช่น สะเดา ซึ่งมีรสขม เมื่อกินแล้วจะช่วยแก้ไข้ ทำให้เจริญอาหาร ขี้เหล็กมีสรรพคุณช่วยระบาย ดอกแคแก้ไข้หัวลม เราควรเลือกรับประทานผักพื้นบ้านที่มีอยู่ตามฤดูกาล ส่วนการเลือกเครื่องดื่มในช่วงหน้าหนาวนี้ ควรจะเป็นเครื่องดื่มร้อนๆ เช่น น้ำขิง ชาสมุนไพร เพื่อช่วยให้ชุ่มคอ ลดอาการไอ แก้หวัด ซึ่งป้องกันการเป็นหวัดในช่วงนี้ได้อีกทางหนึ่งด้วย

หน้าหนาวควรดูแลร่างกายอย่างไร
ด้วย อากาศที่หนาวเย็น เราควรอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นและเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่หนา แต่บางครั้งการอาบน้ำอุ่นจะทำให้ผิวแห้งง่ายกว่าอาบน้ำเย็น เพราะน้ำมันที่ผิวหนังจะถูกชะล้างออกไป รวมทั้งความชื้นของอากาศที่ลดลง ก็จะเพิ่มให้ผิวแห้งแตกและคันได้ง่าย ดังนั้นเราควรจะดูแลร่างกายในช่วงหน้าหนาวนี้เป็นพิเศษ โดยสามารถนำเอาสมุนไพรพื้นบ้านมาประยุกต์ใช้ดูแลผิวพรรณ อย่าง น้ำมันงา ขมิ้นชัน ผิวมะนาว และผิวมะกรูด

สมุนไพรดูแลผิวพรรณ
- น้ำมันงา นำงาดิบประมาณ 1 ถ้วย โขลกให้ละเอียด บีบเอาน้ำมันจากงาเก็บไว้ในขวด ทาผิวตอนเช้าและก่อนนอน น้ำมันงาจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดอาการแห้งแตกและคัน
- ขมิ้นชัน มีสรรพคุณช่วยลดอาการคันและช่วยลดอาการผดผื่นตามผิวหนัง เพียงนำขมิ้นชันสดมาล้างให้สะอาด โขลกให้ละเอียด บีบน้ำที่ได้นำมาทาผิว หลังอาบน้ำเช้า-เย็น แต่อาจจะมีสีของขมิ้นติดตามเสื้อผ้าที่สวมใส่
- ผิวมะกรูด น้ำมันที่ผิวของมะนาวและมะกรูด จะช่วยเคลือบผิว ให้ชุ่มชื้น ลดอาการคัน ลดการอักเสบ โดยนำมะนาวที่ใช้แล้ว ส่วนบริเวณผิวด้านนอกของมะนาว มาทาผิวบริเวณที่แห้งคัน เช้า-เย็น ก็จะช่วยลดอาการคันได้


การดูแลสุขภาพด้วยการอาบสมุนไพร
การอาบน้ำอุ่นในฤดูหนาวจะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เพราะในฤดูหนาว คนส่วนใหญ่มักจะเป็นหวัด คัดจมูก และคันตามผิวหนัง ซึ่งหากนำสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยลดอาการคัน มาต้มอาบแทนน้ำเปล่า ก็จะช่วยบรรเทาอาการคันได้ดี สมุนไพร ที่หาได้ง่าย ที่ควรนำมาต้มมีดังนี้

- ยอดผักบุ้ง จำนวน 5 ยอด ใช้รักษาอาการคัน
- ใบมะกรูด จำนวน 3-5 ใบ แก้วิงเวียน ช่วยให้หายใจสบาย
- ต้นตะไคร้ จำนวน 3 ต้น บำรุงธาตุไฟ
- หัวไพล จำนวน 2-3 หัว ลดอาการอักเสบ ปวด บวม
- ใบหนาด จำนวน 3-5 ใบ ช่วยบำรุง แก้โรคผิวหนัง น้ำเหลือง
- หัวขมิ้นชัน จำนวน 2-3 หัว ช่วยสมานแผล แก้คันตามผิวหนัง
- การบูร จำนวน 15 กรัม ช่วยบำรุงหัวใจ
- หัวหอมแดง จำนวน 3-5 หัว แก้หวัดคัดจมูก
เพียงนำสมุนไพร ทั้งหมดมาต้มรวมกัน ผสมน้ำเย็นให้พออุ่น แล้วนำมาอาบ สรรพคุณของสมุนไพรก็จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ลดอาการคันตามผิวหนัง ช่วยให้หายใจโล่ง แค่นี้สาวๆ ก็จะรู้สึกสบายตัว ไม่ต้องกังวลกับฤดูหนาวแล้วนะครับ

เครดิตจาก http://www.sanook.com/women/8615/

โรคอ้วนคืออะไร? เช็คให้ชัวร์ว่าเราเข้าข่ายหรือไม่โรคอ้วน ใน ที่นี้ หมายถึง ความอ้วนที่มากเกินไป มีน้ำหนักตัวมากกว่าที่คว...
22/10/2017

โรคอ้วนคืออะไร? เช็คให้ชัวร์ว่าเราเข้าข่ายหรือไม่

โรคอ้วน ใน ที่นี้ หมายถึง ความอ้วนที่มากเกินไป มีน้ำหนักตัวมากกว่าที่ควรจะเป็น ไม่ใช่อ้วนกำลังดี อ้วนพองามหรือกำลังสวย คำว่า อ้วน ตามความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง มีเนื้อและไขมันมาก โต อวบ ซึ่งเป็นความหมายที่ไม่น่าปรารถนาของคนทั่วๆ ไป

1. เกิดจากสาเหตุภายนอก
เป็นสาเหตุใหญ่ที่เกิดโรคอ้วน เพราะตามใจปากมากเกินไป กินมากเกินความต้องการของร่างกาย อาหารที่กิน เนื้อ ไขมัน หรือแป้ง ของหวาน สิ่งเหล่านี้จะถูกเก็บสะสมไว้ในร่างกาย ถ้ามีมากเกินไปก็จะกลายเป็นไขมันพอกพูนตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ออกกำลังกายน้อย กินแล้วนอน
•นิสัยในการรับประทาน คนที่มีนิสัยการรับประทานที่ไม่ดี เรียกว่า กินจุบกินจิบไม่เป็นเวลา
•ขาด การออกกำลังกาย ถ้ารับประทานอาหารมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ แต่ได้ออกกำลังกายบ้างก็อาจทำให้อ้วนช้าลง แต่หลายคนไม่ได้ยืดเส้นยืดสาย ไม่ช้าจะเกิดการสะสมเป็นไขมันในร่างกาย

2. มาจากสาเหตุภายใน
พบได้จากความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมใต้สมอง ต่อไทรอยด์ ทำให้มีไขมันตามบริเวณต้นแขน ต้นขา และหน้าท้อง
•จิตใจและอารมณ์ มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่การกินอาหารขึ้นอยู่กับจิตใจและอารมณ์ เช่น กินดับความโกรธ ดับความคับแค้นใจ กลุ้มใจ กังวลใจ หรือดีใจ บุคคลเหล่านี้ จะรู้สึกว่าอาหารที่ทำให้จิตใจสงบ จึงหันมายึดเอาอาหารไว้เป็นที่พึ่งทางใจ ตรงกันขามกับบางคนกลุ้มใจเสียใจก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับ
•ความไม่สมดุลระหว่างความรู้สึกอิ่มกับความหิว เมื่อใดที่ความอยากเพิ่มขึ้น เมื่อนั้นการกินก็จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถึงขั้นเรียกว่า กินจุ ในที่สุดก็อ้วนเอาๆ

3. เพราะกรรมพันธุ์
ซึ่งพบได้น้อย กรรมพันธุ์นี้พิสูจน์ไม่ได้ แต่ถ้าพ่อและแม่อ้วนทั้งสองคน ลูกจะมีโอกาสอ้วนได้ถึงร้อยละ 80 ถ้าพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งอ้วน ลูกมีโอกาสอ้วนได้ถึงร้อยละ 40

4. โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันสูง

5. จากการกินยาบางชนิด
ก็ส่งผลกระทบให้อ้วน ผู้ป่วยบางโรคได้รับฮอร์โมนสเตียรอยด์เป็นเวลานาน ก็ทำให้อ้วนได้ และในผู้หญิงที่ฉีดยาหรือกินยาคุมกำเนิดก็ทำให้อ้วนง่ายเช่นกัน

6. เพศ
เพศหญิงนั้นมักอ้วนกว่าเพศชาย ก็ธรรมชาติเธอมักสรรหาจะกิน กิน และกิน ตลอดเวลา อีกทั้งตอนตั้งครรภ์ ก็ต้องกินมากขึ้น เพื่อบำรุงร่างกายและลูกน้อยในครรภ์ แต่หลังจากคลอดลูกแล้ว บางรายก็ลดน้ำหนักลงมาได้ แต่บางรายก็ลดไม่ได้ ผู้หญิงทำงานน้อย ออกกำลังน้อยกว่าชาย ผู้หญิงอ้วนมากกว่าผู้ชาย 4 : 1

7. อายุ
เมื่อมากขึ้น โอกาสโรคอ้วนถามหาก็ง่ายขึ้น เนื่องจากพออายุมาก มีความเชื่องช้า ใช้พลังงานน้อยลง กินมากกว่าใช้ หญิงและชายที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป มักจะอ้วนง่าย เพราะคนวัยนี้ ยังอยู่ในวัยทำงานมาก กินมากขึ้นเพื่อชดเชยกำลังงานที่ถูกใช้ไป คนมีสุขภาพจิตดีมักมีรูปร่างสมส่วนแข็งแรง บางคนสุขภาพจิตไม่ดี อารมณ์เครียดเป็นประจำ ทำให้เกิดความท้อถอย เบื่อหน่าย ขี้เกียจออกกำลัง โรคอ้วนก็จะถามหาได้นะคะ

นอกจากนี้เรายังสามารถจำเเนกความอ้วนออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ดังนี้

• อ้วนแบบลูกแอปเปิ้ล (apple-shape obesity) หรือ อ้วนลงพุง (central obesity) คือคนอ้วนที่มีรอบเอวใหญ่กว่ารอบสะโพก เกิดจากมีไขมันสะสมมากในช่องท้องและอวัยวะภายใน ไขมันที่อยู่ในอวัยวะภายในนี้จะเป็นตัวการที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคความดันโลหิตสูง

• อ้วนแบบลูกแพร์ (pear-shape obesity) หรืออ้วนชนิดสะโพกใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นลักษณะที่พบในเพศหญิง โดยจะมีไขมันสะสมอยู่มากบริเวณสะโพกและน่อง อ้วนลักษณะนี้ยากต่อการลดน้ำหนัก แต่โอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ จะน้อยกว่าชนิดแรก

• อ้วนทั้งตัว (generalized obesity) ได้แก่ คนอ้วนที่มีไขมันทั้งตัวมากกว่าปกติกระจายตัวอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยรอบ มีทั้งลงพุงและสะโพกใหญ่ รวมถึงมีโรคแทรกซ้อนทุกอย่างดังกล่าว และโรคที่เกิดจากน้ำหนักตัวมากโดยตรง เช่น โรคทางไขข้อ ปวดข้อ ข้อเสื่อม ปวดหลัง เหนื่อยง่าย หายใจลำบากเพราะไขมันสะสม ทำให้ระบบหายใจทำงานติดขัด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.oknation.net/blog/behealthyonline/2013/09/28/entry-3

ไม่อยากเป็น ‘มะเร็ง’ อย่าปล่อยตัวให้อ้วน ที่สหรัฐพบ 40% ของผู้ป่วยมะเร็งล้วนเกี่ยวพันกับการมีน้ำหนักตัวเกิน........
20/10/2017

ไม่อยากเป็น ‘มะเร็ง’ อย่าปล่อยตัวให้อ้วน ที่สหรัฐพบ 40% ของผู้ป่วยมะเร็งล้วนเกี่ยวพันกับการมีน้ำหนักตัวเกิน........

เอเอฟพีอ้างรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเม …

อาการบอกโรค 32ข้อที่ไม่ควรมองข้ามการสังเกตอาการที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติต่างๆ เบื้องต้นได้ แต่คว...
03/10/2017

อาการบอกโรค 32ข้อที่ไม่ควรมองข้าม

การสังเกตอาการที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติต่างๆ เบื้องต้นได้ แต่ควรหาสาเหตุที่แท้จริง จึงจะแก้ปัญหาได้ถูกจุด อาการบางอย่าง อาจเกิดจากสาเหตุต่างกัน แต่มีอาการเหมือนกัน เช่น...

1. อาการนอนไม่หลับ อาจเกิดจากถุงน้ำดีข้น หรือ กระดูกคอข้อที่ 1 เคลื่อน หรือเลือดไม่ค่อยเลี้ยงหัวใจ เนื่องจากเป็นคนตื่นเต้นบ่อย

2. ผิวหยาบ มีขี้แมลงวัน มีติ่ง หูด ตาปลา สาเหตุมาจากลำใส้ใหญ่สกปรก

3. ปัสสาวะมีกลิ่นแรง กลิ่นฉุนมาก เกิดจากไตไม่ดี ต่อมลูกหมากโต มีปัสสาวะคั่งค้าง ให้กินแกนสัปปะรด 3 แกน ทุกวันเป็นเวลา 7 วัน และดื่มน้ำกระชาย 4. ปวดนิ้วก้อย บอกถึงระบบความร้อนบกพร่อง ร่างกายถูกความเย็นตอน 3 – 5 ทุ่ม เช่นอาบน้ำเย็น ตากแอร์ เพราะเป็นเวลาที่ร่างกายต้องการความอบอุ่น

5. ปวดใต้ฝ่าเท้า หมายถึงปอดไม่แข็งแรง

6. ปวดเข่า

- ปวดด้านนอก ขึ้นมาถึงสะโพก หรือโคนขา หมายถึง ถุงน้ำดีข้น ดื่มน้ำน้อยไปหรือระบบดูดซึมไม่ดี อันมาจาก การกินของผัดน้ำมันพืช น้ำมันพืชที่ถูกความร้อนจะแปรสภาพเหนียวเกาะที่ลำไส้ ทำให้สารอาหารและน้ำซึมผ่านไม้ได้

-ปวดด้านหน้า หมายถึง กระเพาะอาหารไม่ดี กินอาหารไม่ตรงเวลา หรือมีความวิตกกังวลบ่อย

- ปวดด้านใน (ด้านที่เข่าชนกัน) หมายถึงปัญหาจาก ม้าม / เบาหวาน / อ้วน / ตับ / กินหวาน / ขี้โมโห / มีสารพิษ / ไต / กินรสจัด / หรือกินอาหาร ผัดน้ำมัน

- ปวดตามข้อ ปวดเข่า ให้ตื่นเช้าเอาน้ำเย็นรดตามข้อ สลายหินปูนเกาะได้กระตุ้นการขับถ่ายด้วย

7. ปวดสะบัดหลัง ปวดเอว หมายถึงถุงน้ำดีข้น ต้องล้างระบบดูดซึม

8. ปวดกล้ามเนื้อหน้าอก อาจเกิดจากปัญหา หัวใจ หรือไต หรือกระเพาะอาหารไม่แข็งแรง

9. มีอาการตึงใต้ราวนมขวา หมายถึงน้ำเหลืองไม่ดี สาเหตุมาจากมีอุจจาระตกค้างมาก หรือถ่ายไม่หมดเป็นประจำ ให้หาทางระบายและกินขมิ้นชันตอนเช้า 9 โมง ช่วยเรื่องน้ำเหลืองให้ดี

10. ปวดหลังมาจาก ท่านั่งไม่ถูกต้อง หรือ ความชื้นเข้าผิวหนัง หรือเพราะความวิตกกังวล หรือ เป็นนิ่ว ลมในท้องเยอะ ดันกรวยไตให้งอ

11. ปวดด้านข้างนอกฝ่าเท้า เป็นอาการของตับไม่ดี ถุงน้ำดีข้น นอนไม่หลับ ปวดหู ไมเกรน

12. กดกลางฝ่ามือ ถ้าเจ็บ หมายถึง หัวใจโต เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ

13. กดใต้นิ้วชี้ ถ้าเจ็บ หมายถึง ระบบย่อย ตับ กระเพาะไม่ดี

14. กดใต้ร่องนิ้วนาง กับก้อย ตรงเส้นหัวใจ ถ้าเจ็บ หมายถึง กล้ามเนื้อหัวใจไม่แข็งแรง

15. นิ้วกลางล็อค หมายถึงมีไขมันในเลือดมาก ต้องกินน้ำกระเจี๊ยบ-พุทราจีน เกิดจาก ตื่นเต้นบ่อย กินอาหารคอเลสเตอรอลสูง กินของหวานที่มีน้ำตาลมาก

16.ปวดข้อมือใต้นิ้วโป้ง หมายถึงการมีอุจจาระค้างในลำใส้ใหญ่มาก ควรแก้ใขด้านการขับถ่าย การมีอุจจาระค้างมากอยู่เสมอยังเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก กลิ่นตัว และอาจจะไปรบกวนการทำงานของตับอ่อนในการผลิตอินซูลิน อันเป็นต้นเหตุหนึ่งของเบาหวาน

17. ตากุ้งยิง แก้โดยการดูที่แผ่นหลังจะมีเม็ดคลายหัวสิวเกิดขึ้น ให้สกิดอ่อนแล้วตากุ้งยิงจะหายไปเอง

18. มือสั่น เกิดจากมีน้ำมันเกาะลำไส้มาก ซึ่งอาจเกิดจากกินอาหารผัดน้ำมันพืช หรือตื่นเต้นบ่อย

19. เล็บ มีดอก หมายถึงเลือดจาง

20. เหงื่อออกง่าย เหงื่อออกฝ่ามือ ตัวเย็น เกิดจากหัวใจไม่แข็งแรง หรือฮอร์โมนไม่ปกติ ดื่มน้ำกระชาย กินหัวใจหมูต้ม ข้าวเหนียวกับลำไยแห้ง ช่วยบำรุงหัวใจ 21. ขี้ร้อน เกิดจาก ไตซ้ายเสื่อม กระทบถึง สมองซีกขวา ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการจินตนาการ ศิลปะหรือขาด ฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือถูกความเย็นตอน 3 ทุ่ม – 5 ทุ่มระบบความร้อนในร่างกายบกพร่อง

22. ขี้หนาว หมายถึง ไตขวาเสื่อม จะกระทบถึงการทำงานของสมองซีกซ้ายที่ทำหน้าที่เก็บความจำ คำนวณ จับประเด็น สาเหตูจากถูกความเย็นตอน 3 – 5ทุ่ม

23. ถ้าหิวแล้ว มีอาการหิวจัด ทนไม่ได้ อาจกำลังจะเป็นเบาหวาน

24. เหน็บชา ตามแขน ขา เกิดจากเลือดไหลเวียนไม่ดี หรือมีพยาธิ เลือดน้อย หรือไม่กินข้าวซ้อมมือ น้ำชีวภาค ดีกว่ากระชาย

25. ตะคริว สาเหตุมาจากหัวใจไม่แข็งแรง ให้งดกิน ถั่ว ข้าวเหนียว ของดอง

- เป็นตะคริวขณะอยู่ปกติ ขาดโปรแตสเซียม ให้กินผลไม้สดมากๆ

- เป็นตะคริวขณะกำลังน้ำ ให้ดื่มน้ำเกลือ (เกลือแกงป่น 1 ช้อนชา ละลายน้ำอุ่นดื่ม)

26. ไม่กินอาหารเช้า จะทำให้ สมองเสื่อม ผมร่วงง่าย หน้าแก่เร็ว คออักเสบง่าย ร้อนใน ปวดไหล่ กล้ามเนื้อเหลว กระดูกคอ กระดูกสะโพกเคลื่อนง่าย เข่าไม่ดี น่องเหลว น่องทู่ ปวดข้อเท้า วิตกง่าย ขี้โมโห

27. กลิ่นตัว เกิดจากลำใส่ใหญ่สกปรก มีสิ่งตกค้างมาก ซึมเข้าระบบเลือด และออกทางเหงื่อ ปาก และลมหายใจ

28. อัมพฤกษ์ อัมพาต ส่วนใหญ่เกิดจากท้องผูก การขับถ่ายไม่ดี ประกอบกับเส้นเลือดตีบ เวลาเบ่งอุจจาระจะเพิ่มอันตรายจากการคั่งของเลือด ทำให้เกิดเส้นเลือดตีบตัน หรือแตกหมดความรู้สึกและล้มลง (มักเข้าใจผิดว่าหกล้มก่อนแล้วเส้นเลือดแตก) ควรป้องกันด้วยการดื่มน้ำกระเจี๊ยบ พุทราจีน ขยายหลอดเลือด หรือกินข้าวต้มน้ำมะละกอ 7-10 วัน อาการจะดีขึ้น (วิธีการทำข้าวต้มน้ำมะละกอ นำมะละกอดิบครึ่งลูกตัดจุกออก เอาเม็ดออก หั่นพร้อมเปลือกเหมือนฟัก ต้มน้ำเคี่ยวจนนิ่ม เอาแต่น้ำมาต้มข้าวต้ม ถ้าใช้ข้าวกล้องยิ่งดี จะใส่ใบเตยด้วยก็ได้ กิน 3 มื้อทุกวัน)

29. อวัยวะที่สัมพันธ์กัน ริมฝีปากกับม้าม ถ้าใช้ลิปสติกที่มีสารเคมี จะทำให้ม้ามไม่แข็งแรง ผลิตไขมันมาก ทำให้อ้วน

30. หูกับไต หูไม่ดี ไม่คอยได้ยิน เป็นการแสดงถึงไตไม่แข็งแรง

31. ลิ้นกับหัวใจ อาการของลิ้น บ่งบอกถึงความไม่แข็งแรงของหัวใจ

32. สายตา กับตับ รวมถึงเส้นผม และเส้นเอ็น ตับไม่แข็งแรงจะทำให้สายตาเสื่อมโทรม ผมหงอก และเส้นเอ็นหย่อนยาน

Cr.แหล่งข้อมูลที่มา http://www.rak-sukapap.com/2016/06/32_28.html

02/10/2017

ที่อยู่

Thailand Adventist Mission 12 Soi Pridi Banomyong 37 Sukhumvit 71 Road, Khlongton Nue, Wattana
Bangkok
10110

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

02-391-3595

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Newstart by TAMผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Newstart by TAM:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram