แม็ก Pharmacy ร้านยาสีเหลือง สามแยกราชพฤกษ์ ชัยภูมิ

25/07/2025

21/06/2025

🏃🏼‍♀️ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำให้เม็ดเลือดขาวอยู่ในร่างต้านอักเสบ (M2) มากขึ้น ลดการอักเสบเรื้อรังที่เป็นต้นเหตุของหลายๆ โรค


การอักเสบเรื้อรังแบบอ่อนๆ ตลอดเวลา (Chronic low-grade inflammation) มักจะเป็น ‘สะพานเชื่อมต่อ’ จาก พฤติกรรมการกิน/โรคอ้วน/พฤติกรรมไม่ค่อยขยับ

นำไปสู่การดื้ออินซูลิน/โรคหัวใจ/โรคหลอดเลือดสมอง


เหตุที่เป็นแบบนี้ การขยายตัวของเนื้อเยื่อไขมันทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในอวัยวะภายใน (Viscera adipose tissue) ซึ่งเมื่อมันขยายจนถึงระดับหนึ่ง เซลล์ไขมันจะเบียดกันจน stress แล้วเริ่มหลั่งสารก่ออักเสบตลอดเวลา

จุดสำคัญคือ เม็ดเลือดขาวที่อาศัยร่วมกับเนื้อเยื่อไขมัน จะเริ่มมีเม็ดเลือดขาวสายอักเสบ (M1) มาอยู่ด้วยมากขึ้น

ซึ่งจุดนี้สำคัญมาก ที่จะคอย ‘ซ้ำเติม’ ให้เซลล์ไขมันยิ่งเปลี่ยนพฤติกรรมมาหลั่งสารก่ออักเสบไวขึ้น


การออกกำลังกายสม่ำเสมอไปช่วยอะไร?


การทำงานของกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง จะทำให้กล้ามเนื้อปล่อยฮอร์โมนออกมามามาย ซึ่งที่เกี่ยวข้องกับในบริบทนี้คือ IL-6, IL-10 สองตัวนี้มีฤทธิ์ต้านอักเสบ

และเหนี่ยวนำให้เม็ดเลือดขาว พัฒนาไปสู่ ร่างที่สงบ/ช่วยฟื้นฟู ร่างนั้นมีชื่อว่า macrophage สายสงบ ตัวย่อ M2


คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะมีปริมาณ M2 เพิ่มขึ้น ทำให้แวดล้อมรอบๆ เนื้อเยื่อไขมันสงบมากขึ้น


มันก็จะพอดีกับที่การออกกำลังกายเพิ่มการเผาผลาญไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันสลายไตรกลีเซอไรด์ออกมามากขึ้น ทั้งสลายแจก (White adipocyte) และสลายทิ้ง (Beige adipocyte)


นั่นเลยยิ่งทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติไวขึ้น M2 ก็คอยต้านอักเสบ, เซลล์ไขมันก็แฟ่บลง เปลี่ยนพฤติกรรมสู่ร่างเดิม ร่างที่เก็บไขมันชิวๆ และหลั่งสารต้านอักเสบค่ะ


มีหลักฐานในสัตว์ทดลองด้วยว่า ผลนี้ก็เกิดขึ้นในสมองเช่นกัน ทำให้ลดกลไกการอักเสบในสมอง (Neuroinflammation) ที่เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของโรคซึมเศร้า ดังนั้นก็ช่วยทำให้โรคนี้ดีขึ้นด้วย


🔮 สรุป: ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำให้เม็ดเลือดขาวตามเนื้อเยื่ออยู่ในร่างต้านอักเสบ (M2) มากขึ้น ช่วยให้เนื้อเยื่อไขมันสงบ ร่างกายมีการอักเสบลด ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

06/05/2025

📋เช็คอาการทางผิวหนังผื่นแบบไหนคืออะไร เกิดจากอะไร ❓

• แมลงก้นกระดก
เป็นผื่นทางยาว แมลงชนิดนี้สามารถปล่อยสาร Pederin ออกมา ก่อให้เกิดความระคายเคืองกับผิวหนังมาก ทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังของผู้ที่สัมผัสโดน และจะมีอาการแสบร้อน

• เห็บกัด จุดตุ่มสีแดง หรือก้อนเนื้อแข็งเล็กๆ การติดเชื้อจากการถูกเห็บกัด และมีอาการคัน

•เริม โรคติดต่อ จากการสัมผัสเป็นๆหายๆ มีอาการแสบร้อน มีตุ่มน้ำเกิดขึ้น บางรายอาจมีอาการไข้ร่วมด้วย จากกำเริบมากขึ้นเมื่อร่างกายอ่อนแอ

• รูขุมขนอักเสบ รูขุมขนมีสีแดงคันพบได้ทุกส่วนของผิวหนังที่มีรูขุมขน พบมากในผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่มีสารดูดความชุ่มชื้นหรือรุนแรงกับผิว ทำให้รูขุมขนเกิดการอักเสบ

•ภูมิตก หรือภูมิแพ้ตัวเอง อันตรายถึงชีวิต อาการ ส่วนใหญ่มักแสดงออกทางผิวหนัง โดยสังเกตเห็นว่าบริเวณผิวหนังมีผื่นแดงขึ้น ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าแพ้น้ำ แพ้อากาศ แพ้เครื่องสำอาง บางคนอาจมีอาการผมร่วงร่วมด้วย

•อีสุกอีใส ปวดเมื่อยตามตัว หลังจากมีไข้จะมีผื่นแดง เม็ดเล็กๆต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำใส มากขึ้นเรื่อยเรื่อยบริเวณลำตัว ลามไปที่คอผิวหน้าและหนังศีรษะ แขนขา

•ลมพิษ เป็นผื่นบวม นูน แดง กระจายตามลำตัว แขนขา มีอาการคันท่วมด้วยแบ่งออกเป็น2ชนิดลมพิษแบบเฉียบพลันและลมพิษแบบเรื้อรัง

•สะเก็ดเงิน โรคผิวหนังที่รักษาไม่หายขาด ผื่นที่มีวงขอบเขตชัดเจน ผิวแห้งจนตกสะเก็ดและมีเลือดออก มีอาการเจ็บแสบคันร้อน

•หิด ตุ่มแดงและตุ่มน้ำใสเล็กๆสามารถติดต่อกันได้ทางการสัมผัส มีอาการคันมาก หากติดเชื้อครั้งแรกจะแสดงอาการใน2ถึง6สัปดาห์

•แพ้เหงื่อ ผื่นแดงคันบริเวณที่มีเหงื่อหรือตามข้อพับคอรักแร้ขาหนีบ คล้ายอาการอีสุกอีใส มักมีอาการอ่อนเพลียร่วมด้วย

•กลาก ผื่นแดงเป็นขุยที่อาจแตก แตกออก และลอกได้ ผื่นอาจลามออกเป็นวงสีแดง โดยจะมีผิวหนังที่ดูเหมือนปกติอยู่ตรงกลาง

•เกลื้อน ผื่นเป็นวงเล็ก ๆ รอบรูขุมขน หรือรวมกันเป็นปื้นใหญ่ มีขุยละเอียด ผื่นอาจมีสีขาว ชมพู หรือน้ำตาล ขึ้นเป็นวงเดียวหรือหลายวงก็ได้

•หมัดกัด ตุ่มนูนสีแดงเล็กๆ ที่แข็งเมื่อสัมผัส รอยแดงจะหายไปเมื่อกดลงไป รอยกัดของหมัดอาจทำให้คันมาก และอาจมีเลือดออกเมื่อเกา

•ผิวหนังอักเสบ ผิวหนังแดงและบวม แห้งแตกเป็นขุยหรือมีรอยแตก คันผิวอย่างรุนแรง ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว บางกรณีเป็นตุ่มน้ำใสหรือหนอง

•ผิวติดสาร เกิดเป็นตุ่มมีลักษณะคล้ายสิวขนาดเม็ดเท่าๆกันและถี่ มีสีแดงพร้อมกับอาการแสบคัน สภาพผิวโดยรวมอ่อนแอและแพ้ง่ายยิ่งขึ้น

•เชื้อราแมว ผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย มีทั้งวงเล็กและวงใหญ่ มีขุยบริเวณรอบผื่นแดง มีอาการคันตามผื่นแดงตลอดเวลา

🚨หากมีอาการแทรกซ้อนเช่น เป็นไข้ ท้องเสียหรือเกิดหนองติดเชื้อควรพบแพทย์ทันที

วิธีการดูแลต่อใต้โพสต์

ปรึกษาตรง https://opl.to/rabyexdamask

#ผิวแห้ง #แผลเป็น #น้ำเหลืองไม่ดี #รูขุมขนอักเสบ #สิวติดสาร #ผิวแห้งคัน

05/05/2025

🦠 โฉมหน้าแบคทีเรีย C. difficile ในลำไส้ใหญ่ ที่จ้องจะเล่นคุณ หากกินยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อเป็นประจำ

เมื่อใดก็ตามวันซวยมาถึง ยาปฏิชีวนะจะช่วยทำลายแบคทีเรียเจ้าถิ่นในลำไส้ของเราจะเกลี้ยง ทำให้ขาดผู้ที่คอยยับยั้งการโตของ C. difficile

ทำให้ในที่สุด มันสามารถแบ่งตัว ขยายพันธุ์เต็มลำไส้ แล้วหลั่งสารพิษ ทำให้เซลลเยื่อบุลำไส้ทยอยตา.ย แล้วหลุดออกมาปนกับเมือกและกาวไพบริน

กลายเป็นเยื่อบางคลุมลำไส้ไว้ (Pseudomembrane) พร้อมกับทำให้การดูดซึมสารลดลง เกิดภาวะท้องเสียรุนแรง ปวดท้องทรมานได้ค่ะ

ดังนั้นกินยาปฏิชีวนะเมื่อแพทย์จ่ายให้เท่านั้นค่ะ

30/04/2025

สายศรัทธา หลวงปู่ขำ เกสาโร จ.มหาสารคาม >> พบกัน 1 พ.ค. 2568 ว็อคอินได้ที่ร้านยา แม็ก Pharmacy ร้านยาสีเหลือง สามแยกราชพฤกษ์ ชัยภูมิ ครับ 📌

27/04/2025

กินเยอะ/อ้วน/ไม่ออกกำลังกาย กล้ามเนื้อจะสลายไขมันไม่ทัน จนสะสมในเซลล์ ระบบสัญญาณในเซลล์รวน สุดท้ายดื้ออินซูลิน

กล้ามเนื้อเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเผาผลาญไขมัน และหากไม่ดูแลสุขภาพ จะเป็นหนึ่งในจุดแรกๆ ที่เริ่มมีการดื้ออินซูลิน นำไปสู่น้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรัง ก่อหายนะมากมาย

*คำย่อที่ใช้ในบทความ:
ไตรกลีเซอไรด์ = TG
ตัวขนส่งไขมัน = VLDL

__________________

💪[ ไขมันสะสมในกล้ามเนื้อได้ด้วยเหรอ? ]

หนึ่งในกลไกสำคัญที่ทำให้กล้ามเนื้อดื้ออินซูลินคือ
มีการสะสมไขมัน TG ในเซลล์กล้ามเนื้อ
(Intramyocellular lipid accumulation: IMCL)

เอ๊ะ กล้ามเนื้อสะสมไขมันสำรองได้ด้วยเหรอ?
ก็… ไม่ได้น่ะสิคะ ที่เห็นมันสะสมคือ มันวิกฤติละ
เลยสร้างห้องเก็บชั่วคราวชื่อ Lipid droplet (LDs)

เป็นจุดสีเขียวๆ ในภาพ A,B,D นั่นแหละค่ะ

___________________

📦[ ไขมันมันมาสะสมได้ยังไง? ]

หลักการง่ายมากค่ะ คือเซลล์กล้ามเนื้อ
‘ได้รับไขมันเข้ามา’ มากกว่า ‘ใช้ไป’
จนสะสมในที่สุด ดังนั้นเหตุหลักๆ คือ

1️⃣ กินเยอะ
▪️คาร์บส่วนเกิน → ตับเปลี่ยนเป็น TG
▪️TG จากการกินและจากคาร์บ แพ๊คลง VLDL
▪️ตับส่ง VLDL ไปให้กล้ามเนื้อจำนวนมาก
▪️กล้ามเนื้อตัด TG แล้วได้กรดไขมันไปเยอะเกิน

2️⃣ อ้วน
▪️เซลล์ไขมันที่มี TG สะสมเยอะ จะสลายแรง
▪️สลายแล้วได้กรดไขมัน ส่งมาให้กล้ามเนื้อมาก

3️⃣ ไม่ค่อยออกกำลังกาย
▪️เซลล์กล้ามเนื้อชนิด 1 จะมีไมโตคอนเดรียเด่น
▪️ไมโตคอนเดรียไว้ใช้สลายกรดไขมัน
▪️ออกกำลังกาย เพิ่มไมโตคอนเดรียมากขึ้น
▪️ออกกำลังกาย เร่งอัตราการสลายกรดไขมันได้
▪️ดังนั้นออกกำลังกายน้อย สลายได้เอื่อยมาก

4️⃣ ปัจจัยอื่นๆ
⭕️ ดื้ออินซูลินอยู่ก่อนแล้ว ทำให้สลายกรดไขมันช้า
⭕️ มีพันธุกรรมเสี่ยง ที่ทำให้เกิดการสะสมได้ง่าย

___________________

🎯[ ไขมันสะสมกล้ามเนื้อแล้วมันจะทำไม]

เมื่อเซลล์กล้ามเนื้อได้กรดไขมันมาเกิน
มันจะแปลงเป็น TG แล้วใส่ในห้องเก็บไขมัน (LDs)

แต่พอถึงจุดหนึ่ง ที่ห้องเก็บเริ่มไม่พอแล้ว
ผลที่เกิดขึ้นคือ กรดไขมันเปลี่ยนเป็น TG ไม่ได้อีก
จะเกิดปฏิกิริยาเคมีต่อเนื่อง เปลี่ยนเป็นสารพิษ

💣 กรดไขมัน → MAG → DAG
💣 กรดไขมัน+serine → 3-KSG → Ceramide


ทั้ง DAG และ Ceramide จะไปขวางสัญญาณ
ที่กล้ามเนื้อรับต่อมาจากอินซูลิน

ผลคือ อินซูลินสั่งให้กล้ามเนื้อได้ยากขึ้น
กล้ามเนื้อไม่ยอมลดน้ำตาลในเลือด

เกิดภาวะ “ดื้ออินซูลิน” นั่นเอง
และถ้าเป็นหนักขึ้น จะนำไปสู่เบาหวานในที่สุด

ปล. ยังมีกลไกอื่นๆ มากมายที่ทำให้ดื้ออินซูลิน
เช่นห้องเก็บไขมันไปกวนไมโตคอนเดรียโดยตรง
, อ้วน มีการอักเสบอ่อนๆ ทำให้ดื้ออินซูลินโดยตรง

___________________

🔮 สรุป:

กินเยอะ,อ้วน,ไม่ออกกำลังกาย + พันธุกรรมเสี่ยง
→ กล้ามเนื้อรับกรดไขมันมาเยอะ แต่สลายน้อย
→ สะสมจนห้องเก็บ เก็บไม่หมด
→ กรดไขมันเปลี่ยนเป็นสารพิษ DAG, ceramide
→ ไปรบกวนสัญญาณอินซูลิน
→ กล้ามเนื้อดื้ออินซูลิน
→ น้ำตาลในเลือดสูงลอย เกิดอันตรายมากมาย

___________________

ป้องกันไงดี

✅ บาลานซ์การกินกับการเอาไปใช้
✅ ควบคุมการกิน
✅ ออกกำลังกายทุกวัน เพิ่มไมโตคอนเดรีย
และเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญกรดไขมัน
✅ ถ้าอ้วน ลดความอ้วน เห็นผลมาก
✅ เลี่ยงสุรา เลี่ยงบุหรี่
✅ นอนให้พอ (6-9 ชม.) และคุณภาพดี
✅ รักษาสุขภาพจิต มีซึมเศร้า ต้องแก้

23/04/2025

สรุปกลไกยาเบาหวาน 7 กลุ่ม แบบกระชับ
ว่ามันไปลดน้ำตาลในเลือดได้ยังไง

*บทความนี้ เน้นกลไกการออกฤทธิ์ของยา
เพื่อให้ทราบว่ายาเข้าไปทำอะไรกับเรา
ในส่วนของการปรับพฤติกรรม ไว้ข้างล่างสุด

[ ความรู้เบื้องต้น ]

▪️ตับ: สร้างน้ำตาลให้กับเลือดในช่วงไม่ได้กินอาหาร

▪️ตับอ่อน: หลั่งฮอร์โมนสองตัวหลัก
👉 กลูคากอน: เพิ่มการสร้างน้ำตาลจากตับ
👉 อินซูลิน: ลดการสร้างน้ำตาลจากตับ และเร่งให้น้ำตาลเข้าเซลล์

▪️ลำไส้: เมื่อกินอาหารเข้ามา ย่อยแป้งเป็นน้ำตาล แล้วดูดซึม พร้อมกับหลั่งฮอร์โมนชื่อ GLP-1 มีหน้าที่กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน

📗 เบาหวานชนิดที่ 2: เกิดจากมีการดื้อของอินซูลิน คือบรรดาอวัยวะต่างๆ ไม่ค่อยทำตามที่อินซูลินสั่ง ทำให้น้ำตาลสูงอยู่ตลอดเวลา

_____________

[ ยาเบาหวาน 7 กลุ่ม ]

1️⃣ Metformin

💊 ชื่อการค้า: Glucophage

🗝️ วิธีลดน้ำตาล:
ยับยั้งการสร้าง ATP จนพลังงานต่ำลงเล็กน้อย
⮕ กระตุ้นเซนเซอร์พลังงานชื่อ AMPK
⮕ ทำให้เซลล์ตอบสนองเหมือนตอนขาดพลังงาน
▪️กล้ามเนื้อ: เพิ่มการตอบสนองของอินซูลิน
▪️ตับ: ลดการสร้างน้ำตาล

_____________

2️⃣ กลุ่ม Sulfonylurea เช่น Glipizide, Gliclazide

💊 ชื่อการค้า: Minidiab, Diamicron

🗝️ วิธีลดน้ำตาล:
▪️เปิดสวิตซ์ที่ตับอ่อนโดยตรง (ปิด K+ channel) ให้หลั่งอินซูลินมากขึ้น ประมาณว่าดื้อนัก ก็เพิ่มอินซูลินเยอะๆ มาช่วยกันสั่ง

_____________

3️⃣ กลุ่ม Thiazolidinedione เช่น Pioglitazone

💊 ชื่อการค้า: Actos

🗝️ วิธีลดน้ำตาล: เปิดสวิตซ์ชื่อ PPAR-γ ทำให้
▪️ เพิ่มการตอบสนองของอินซูลิน ทำให้น้ำตาลเข้าเซลล์ได้มากขึ้น
▪️ ลดการสร้างน้ำตาลจากตับ

_____________

4️⃣ กลุ่ม SGLT-2 inhibitor
เช่น Empagliflozin

💊 ชื่อการค้า: Jardiance

🗝️ วิธีการลดน้ำตาล:
▪️ปกติแล้วน้ำตาลจะถูกไตกรองออกไป แต่ไตจะดูดกลับจากที่กรอง เข้าสู่เลือดหมดเลย (แต่คนเป็นเบาหวานอาจดูดกลับไม่หมด)
▪️ยาตัวนี้ยับยั้งการดูดกลับน้ำตาลที่ไต ดังนั้นพอน้ำตาลผ่านไต กรองออกไปแล้ว ก็จะออกสู่ปัสสาวะเลย ช่วยระบายน้ำตาลออกทางไต

_____________

5️⃣ กลุ่ม GLP-1 receptor agonist
เช่น Liraglutide, Semaglutide

💊 ชื่อการค้า: Victoza, Ozempic

🗝️ วิธีการลดน้ำตาล: ทำตัวเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ของร่างกายเรา
▪️กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ทำให้น้ำตาลเข้าเซลล์ได้มากขึ้น
▪️ลดการหลั่งกลูคากอน ทำให้ลดการสร้างน้ำตาลจากตับ
▪️ทำให้อิ่มไวขึ้น ลดการกิน

_____________

6️⃣ กลุ่ม DPP-4 inhibitor
เช่น Sitagliptin

💊 ชื่อการค้า: Januvia

🗝️ วิธีการลดน้ำตาล: ลดการทำลาย GLP-1 ทำให้ฮอร์โมนนี้ออกฤทธิ์ได้มากขึ้น
▪️กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ทำให้น้ำตาลเข้าเซลล์ได้มากขึ้น
▪️ลดการหลั่งกลูคากอน ทำให้ลดการสร้างน้ำตาลจากตับ
_____________

7️⃣ กลุ่ม α-Glucosidase inhibitor
เช่น Acarbose

💊 ชื่อการค้า: Glucobay

🗝️ วิธีการลดน้ำตาล:
▪️ชะลอการย่อยแป้ง เป็นน้ำตาล ทำให้น้ำตาลเข้ากระแสเลือดช้าลงมาก น้ำตาลจึงค่อยๆ สูง เซลล์รับน้ำตาลเข้าไปทัน

_____________

สรุป:

ยาเบาหวานจะมีกลไกหลักคือ ลดระดับน้ำตาลในเลือดลง และจะมีผลอื่นๆ ที่ช่วยอีก เช่น บางกลุ่มลดการหิว, บางกลุ่มป้องกันเบาหวานลงไต/โรคหัวใจได้โดยตรง และแต่ละตัวจะมีผลข้างเคียงไม่เหมือนกัน

ที่สำคัญที่สุดคือ ระหว่างใช้ยา ต้องปรับพฤติกรรมให้ได้ ‘ถาวร’ เพราะทุกนาทีที่น้ำตาลในเลือดสูงลอย มันกำลังทำลายอวัยวะภายในไปเรื่อยๆ

✅ ปรับลดการกินสำคัญที่สุด รายละเอียดตรงนี้มีเยอะมาก
✅ เพิ่มการกินไฟเบอร์ เพื่อปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้
✅ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เน้นว่าควรออกจนเหนื่อย และควรทำทั้ง aerobic และ weight training
✅ ในคนที่อ้วน ลดความอ้วนจะช่วยได้มาก เพราะช่วยทำให้เนื้อเยื่อไขมันหยุดอาละวาด หยุดปล่อยสารก่ออักเสบ
✅ นอนหลับให้เพียงพอ (6-9 ชม.) และคุณภาพดี หากมีปัญหาการนอน (ที่เจอบ่อยคือนอนกรน) ต้องรีบแก้
✅ รักษาสุขภาพจิต ถ้ามีโรคซึมเศร้าต้องรีบแก้ เพราะภาวะนี้ขวางการปรับพฤติกรรม, ส่งผลต่อการกิน, เพิ่มความอยากอาหาร (ในบางคน)

คนไข้หลายคน (ย้ำว่าเยอะมาก) กินยา + ปรับพฤติกรรมได้ถาวร คุมน้ำตาลในเลือดได้ต่อเนื่อง ตรวติดตามเสมอ สุดท้ายถอนยาออกไปเรื่อยๆ จนหมด แล้วกลับไปเป็นคนปกติ คนปกติที่ชีวิตเปลี่ยน/พฤติกรรมเปลี่ยนตลอดไปค่ะ

22/04/2025

ยาแก้ท้องเสีย Hidrasec 💩💩
1. Hidrasec คือยาแก้ท้องเสีย 💩 ที่มีตัวยาคือ Racecadotril
2. มีข้อบ่งใช้ในการรักษาอาการท้องเสียเฉียบพลันในทารกอายุตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป โดยให้ร่วมกับสารน้ำเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำของร่างกาย (ORS)
3. ในร่างกายจะมีเอ็นไซม์ Enkephalinase ทำหน้าที่ย่อยสาร enkephalin ซึ่งมีหน้าที่ช่วยในการปกป้องเซลล์เยื่อบุของทางเดินอาหารและต้านการหลั่งของของเหลว (antisecretory effect) สู่โพรงลำไส้
4. Racecadotril จะถูกเปลี่ยนให้เป็นสารออกฤทธิ์คือ thiorphan ไปยับยั้งเอ็นไซม์ enkephalinase จึงทำให้สามารถลดการหลั่งน้ำและเกลือแร่ในลำไส้เล็กที่มากเกินไปอันเนื่องมาจากการติดเชื้อหรือได้รับสารพิษจากเชื้อจนทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
5. การศึกษาทางคลินิกในเด็กจำนวน 2 การศึกษาพบว่า Racecadotril สามารถลดมวลอุจจาระใน 48 ชั่วโมงแรกได้ถึง 40% และ 46% ตามลำดับ และสามารถลดระยะเวลาการเกิดอาการท้องเสียและความต้องการสารน้ำทดแทนได้อย่างมีนัยสำคัญ
6. Racecadotril สามารถออกฤทธิ์ได้เร็วและไม่มีผลต่อการบีบตัวของลำไส้เหมือนยาหยุดถ่ายตัวอื่น ดังนั้นจึงไม่ทำให้เกิดอาการท้องอืดและท้องผูกเมื่อเทียบกับยาหลอกเหมือน Loperamide
7. Racecadotril ออกฤทธิ์เฉพาะในระบบประสาทส่วนปลาย (peripheral nervous system) แต่ไม่มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง (central nervous system) ยาไม่ผ่าน Blood Brain Barrier จึงไม่เกิดพิษต่อระบบประสาทส่วนกลางแม้ใช้ยาเกินขนาดที่แนะนำ
8. ตัวยาถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วและออกฤทธิ์ยับยั้งเอ็นไซม์ enkephalinase ในพลาสมาคือ 30 นาที
9. การรับประทานยาร่วมกับอาหารไม่มีผลต่อประสิทธิภาพของตัวยาแต่อาจทำให้ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ช้าลง หากเป็นอาหารมื้อใหญ่ควรให้รับประทานก่อนอาหารเล็กน้อย แต่หากเป็นมื้อเล็กๆหรือเด็กที่ต้องการให้ยาร่วมกับอาหารคำเล็กๆสามารถให้พร้อมกันได้เลย
10. ระยะเวลาการออกฤทธิ์ของยาประมาณ 8 ชั่วโมง
11. ตัวยาไม่ถูกเมแทบอไลซ์ผ่าน CYP และไม่ได้เป็น P-gp substrate จึงเกิด drug interaction กับยาอื่นได้น้อย
12. ยาถูกขับออกผ่านไตเป็นหลัก และอุจจาระ (ส่วนน้อย)
13. ขนาดที่แนะนำ
👶 อายุ 3-9 เดือน น้ำหนักน้อยกว่า 9 กก.: 10 มิลลิกรัม ทุก 8 ชั่วโมง
👶🏻 อายุ 9-30 เดือน น้ำหนัก 9-13 กก.: 20 มิลลิกรัม ทุก 8 ชั่วโมง
🧒🏻 อายุ 30 เดือน – 9 ปี น้ำหนัก 13-27 กก.: 30 มิลลิกรัม ทุก 8 ชั่วโมง
👧🏻 อายุ 9 ปีขึ้นไป น้ำหนักมากกว่า 27 กก.: 60 มิลลิกรัม ทุก 8 ชั่วโมง
👨🏻 ผู้ใหญ่: 100 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง
ควรใช้ยาจนกว่าอาการท้องเสียจะหยุดและถ่ายอุจจาระเป็นปกติ 2 ครั้ง
14. รูปแบบที่มีขายในท้องตลาด คือแบบผงละลายน้ำขนาด 10, 30 มิลลิกรัม และแบบเม็ด 100 มิลลิกรัม
15. วิธีบริหารยา (รูปแบบผง)
🥛1.ผสมน้ำดื่ม เทผงยาลงในน้ำดื่มปริมาณน้อยพอให้ยาละลายแล้วดื่มจนหมด หากมีตะกอนยาที่เหลือให้เติมน้ำลงไปละลายเพิ่มแล้วดื่ม ทำซ้ำจนกว่ายาจะหมด
😛2.รับประทานผงยาโดยตรง โดยเทยาจากซองลงบนลิ้นของเด็ก
🥄3.ผสมกับอาหารปริมาณน้อยๆใส่ในช้อน
**ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าเด็กจะได้รับปริมาณยาทั้งหมดตามขนาดยาที่ต้องการ
16. ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยา และห้ามใช้ในผู้ที่มีปัญหาการดูดซึมกลูโคสและกาแลคโตส (glucose/galactose malasoption syndrome) หรือผู้ที่มีการทำงานของเอ็นไซม์ซูเครส-ไอโซมอลเทสบกพร่อง
17. ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอในการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
18. คำแนะนำเพิ่มเติม การให้เกลือแร่เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาอาการท้องเสียเฉียบพลันในทารก โดยปรับตามอายุและน้ำหนักของผู้ป่วยรวมถึงความรุนแรงของการเสียน้ำ
19. หากอุจจาระมีเลือดหรือมูกปนร่วมกับมีไข้ หรือมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ/โรคร้ายแรงอื่นๆ ควรต้องตรวจหาและรักษาที่สาเหตุด้วย ไม่ควรใช้ Hidrasec เป็นยาเดี่ยวๆในการรักษา
อ้างอิงจาก: เอกสารกำกับยา Hidrasec. Abbott Laboratories Ltd. 2013.

25/03/2025

3 วิธี ป้องกัน "กระดูกพรุน" ต้นตอพิการของวัย 50+…

คนวัย 50+ ปี มักมีอาการ #ปวดเอว #ปวดหลัง บ่อยๆ

แค่เดินนิดเดียว ยกของหน่อย นั่นแหละ สัญญาณเตือน " #โรคกระดูกพรุน "

เป็นหนักเข้า แค่ ไอ จาม เบ่งอุจจาระ ก็กระดูกหักแล้ว ถ้า #หักตรงข้อสะโพก กว่าจะรักษาหาย ก็เดินไม่ได้ไป 3-4 เดือน

โดยเฉพาะ หญิงวัย50+ กำลังจะ #หมดประจำเดือน

จะเสี่ยงกระดูกพรุน มากขึ้น จึงควรเตรียมการ ป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนี้

1️⃣ #ออกกําลังกายแบบลงน้ำหนัก เช่น วิ่ง, เดินเร็ว, เล่นแบตมินตัน, เล่นปิงปอง, รํามวยจีน, หรือมวยไทย
.ควรทําอย่างน้อย 5 วัน/สัปดาห์ วันละ 30 นาที และให้เหนื่อยระดับปานกลาง

2️⃣ #เลี่ยงของกินที่ลดการดูดซึมแคลเซียม

เช่น #ของมึนเมาทุกชนิด, #บุหรี่ (ระวังอย่าไปอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ด้วย เรารับสารพิษไปครึ่งนึง ), และ กาแฟ ที่ดื่มเกิน 3 แก้ว/วัน

3️⃣ ร่างกายต้องมี #วิตามินดี เพื่อช่วยดูดซึมแคลเซียม
.ต้องให้ร่างกาย #โดนแดด ช่วงสายๆ เวลา 9-10 โมง สัก 20 นาที

เพราะ วิตามินดีสร้างใต้ผิวหนัง ที่โดนแดด หรือ ง่ายๆคือ กินวิตามินดีเสริม ไปเลย

4️⃣ #กินแคลเซียมเสริม ซึ่งมาจาก 2 แหล่ง

รูปแบบของ #อาหาร เช่น #นม, กุ้งแห้ง, ผักใบเขียวที่มีก้านแข็ง (เช่น #ผักคะน้า), ปลาเล็กปลาน้อย ที่กินได้ทั้งกระดูก (เช่น ปลาไส้ตัน, #ปลาสลิด)

👉 #อาหารเสริมแคลเซียม มี 3 แบบ

✅ แคลเซียมคาร์บอเนต ดูดซึม 10%
✅ แคลเซียมซิเตรท ดูดซึม 50 % (ต้องกินพร้อมอาหารเท่านั้น)
✅ #แคลเซียมแอลทรีโอเนท ดูดซึม 90 % (สามารถกินตอนท้องว่างได้)

❤️ ด้วยรัก หมอไมค์ ❤️

27/02/2025

🎯 คำถาม:
“หนูกินนมไม่ได้เลย กินแล้วชอบท้องอืด รู้ว่าตัวเองขาดเอนไซม์ lactase คำถามคือย่อยไม่ได้แล้ว ทำไมถึงท้องอืดคะ ของที่ย่อยไม่ได้ก็แค่ผ่านออกไปทางอุจจาระมั้ยคะ”

🔮 คำตอบแบบสั้น:

Lactose ในนมที่ย่อยไม่ได้ จะเกิดสองผลกระทบ

1️⃣ ดึงน้ำให้อยู่ในโพรงลำไส้เยอะกว่าปกติ

2️⃣ เป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรียในลำไส้ ย่อยแล้วได้แก๊ส

___________________________

🍔 คำตอบแบบยาว:

1️⃣ คนที่กินนมแล้วมีปัญหาย่อยไม่ได้ เกิดจากร่างกายขาดเอนไซม์ที่ Lactase ที่ใช้ในการย่อยน้ำตาลโมเลกุลคู่ชื่อ Lactose ในนม ซึ่งอาจจะขาดตั้งแต่ระดับพันธุกรรมเลย (Primary lactase deficiency) หรืออาจจะขาดเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ลดลงตามอายุได้ หรือขาดหลังจากมีการติดเชื้อในลำไส้ (Secondary lactase deficiency)

2️⃣ ในคนที่เอนไซม์ Lactase นั้น เมื่อกินนมเข้ามา จะกระตุ้นให้ทางเดินอาหารหลั่งน้ำย่อยและสารน้ำต่างๆ ออกมา ผิวของลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenum) จะมีเอนไซม์ Lactase ย่อย Lactose เป็น glucose กับ galactose แล้วดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นแทบไม่มี lactose เหลือมาอยู่ในลำไส้ส่วนถัดๆ ไปแล้ว จากนั้นระหว่างก็จะมีการดูดซึมสารน้ำที่เคยหลั่งไปช่วยย่อยอาหาร กลับสู่ร่างกาย

3️⃣ ในคนที่ขาดเอนไซม์ Lactase เมื่อกินนมมาแล้ว Lactose จะไม่ถูกย่อย (หรือย่อยได้น้อยกว่าปกติ) จะเดินทางไปเรื่อยๆ ผ่านลำไส้เล็กส่วนที่เหลือ ซึ่งเดิมทีจุดนี้ จะเป็นจุดที่คอยดูดซึมสารนั้นที่ทางเดินอาหารหลั่งออกมากช่วยย่อย แต่คราวนี้ดันมีน้ำตาล Lactose คอยสร้างแรงดึงดูด (Hydrogen bond) กับโมเลกุลน้ำเอาไว้ ทำให้สารน้ำดูดซึมกลับสู่ร่างกายน้อยมาก ทำให้ในโพรงลำไส้เล็ก มีน้ำปนเปกับ lactose ไหลผ่านมาเรื่อยๆ ตามลำไส้

4️⃣ เมื่อเดินมาทางลำไส้เล็กส่วนปลายมากๆ กับลำไส้ใหญ่ จะมีแบคทีเรียในลำไส้ (Gut microbiota) อาศัยอยู่ ซึ่งน้องๆ มีเอนไซม์ β-galactosidase สามารถตัด Lactose เป็น glucose และ galactose ได้ แต่แบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้จุดนี้ มักจะเป็นกลุ่มที่สลายสารอาหารแบบไม่ใช้ O2 จึงทำให้น้องๆ สลาย glucose และ galactose ต่อ แต่คนละวิธีกับเรา

5️⃣ ผลจากการสลายจะได้สารชื่อ Pyruvate จำนวนมาก ซึ่งสามารถเปลี่ยนต่อจนได้

🧪กรดไขมันสายสั้น เช่น Propionate และ Butyrate สามารถกระตุ้นปลายประสาท แล้วเกิดการคลื่นไส้ได้

🧪 สลายต่อจนได้สารชื่อ Formate ซึ่งจะสลายอีกทีจนได้แก๊ส H2 และ CO2

🧪 เมตาบอลิซึมระหว่างทางจำนวนมากในแบคทีเรียจำให้ H2 ออกมาด้วย

🧪 สุดท้ายก๊าซ CO2 บางส่วนจะทำปฏิกิริยากับก๊าซ H2 (หลายขั้นตอน) จนได้ก๊าซมีเทน

6️⃣ ผลสุดท้ายลำไส้เล็กส่วนปลาย และลำไส้ใหญ่ จะเต็มไปด้วยน้ำที่มาผ่านกับ Lactose ที่ดูดซึมไม่หมด และก๊าซจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น CO2, H2 และมีเทน ซึ่งทั้งหมดจะดันผนังลำไส้ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องอืดได้ และถ้าน้ำที่ดูดซึมไม่ได้ มีปริมาณมากพอจนลำไส้ใหญ่ดูดซึมต่อไปหมด ก็จะเจอกับภาวะถ่ายเหลวค่ะ

18/02/2025

ควันบุหรี่ไม่ใช่แค่ปอด แต่ทะลวงหลายอวัยวะ
หนึ่งในนั้นคือเร่งไขมันแทรกผนังหลอดเลือด
จนนำไปสู่โรคหัวใจขาดเลือด, หลอดเลือดสมองตีบ, ฯลฯ

เหตุเพราะควันบุหรี่มีสารหลากหลายชนิดที่

▪️สร้างสารอนุมูลอิสระโดยตรงและทางอ้อม ทำให้ตัวขนส่งไขมัน LDL อยู่ในสภาพเสียหายที่เรียกว่า Oxidized LDL มากขึ้น ซึ่งจะถูกเม็ดเลือดขาวตรวจจับว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมแล้วจับได้ไง ยิ่งจับกิน ยิ่งปล่อยสารอักเสบ ยิ่งทำให้ LDL และเม็ดเลือดขาวตัวใหม่เข้ามาผนังหลอดเลือดมาง่ายขึ้น

▪️สาร Ni****ne และสารอนุมูลอิสระทำให้เยื่อบุผนังหลอดเลือดเสียหน้าที่หลายอย่าง (Endothelial dysfunction) เช่น ไม่สามารถสร้างแก๊ส nitric oxide คอยขยายหลอดเลือดและคอยยับยั้งการแข็งตัวของเลือดได้, รอยต่อระหว่างเซลล์หลวม สารต่างๆ เข้าผนังได้ง่าย

▪️สารบางชนิดกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาว (Macrophage) ดุร้ายมากขึ้น หลั่งเอนไซม์ย่อยโปรตีนมากขึ้น (MMP) ทำให้ก้อนไขมันที่แทรกผนังหลอดเลือดอ่อนแอ เพราะพังผืดที่คลุมไว้บ้าง ฉีกขาดง่าย เพิ่มโอกาสเกิดเหตุการณ์เยื่อบุฉีกขาดเฉียบพลันแล้วเกิดลิ่มเลือดอุด

สุดท้าย กลไกไขมันแทรกผนังหลอดเลือดเกิดไวขึ้นมากถึงมากที่สุด ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุร้ายที่ช่วงเวลาไหนของชีวิต และเกิดที่หลอดเลือดอะไร

ดังนั้นลด/เลิกบุหรี่กันเถอะค่ะ
สามารถปรึกษาแพทย์เรื่องนี้ได้เลย มีเทคโนโลยีช่วยหลายอย่างในการเลิกค่ะ