ร้านขายยา มียา

26/11/2025

ขอเชิญร่วมส่งกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทุกคน เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนเป็นวงกว้าง

คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ขอเป็นสื่อกลางในการส่งต่อความช่วยเหลือไปยังผู้ประสบภัย

บริจาคโรงพยาบาลรัฐ จ.สงขลา
https://donationthailand.net/e-donation-hospital-thailand/qr-code-e-donation-hospital-songkhla/

#น้ําท่วมหาดใหญ่ #น้ำท่วม #อุทกภัย

26/11/2025

18/11/2025

🦠 ไวรัสตับอักเสบบีและซี: ภัยเงียบที่ป้องกันและรักษาได้! 💖
ตับ ถือเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำงานหนักเพื่อกรองสารพิษและสร้างโปรตีน แต่ภัยเงียบอย่าง ไวรัสตับอักเสบ สามารถทำลายตับของเราอย่างช้า ๆ ได้

💙 ไวรัสตับอักเสบ B: "ป้องกันได้ด้วยวัคซีน!"
ไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคติดต่อที่สามารถพัฒนาไปสู่ภาวะเรื้อรังได้ แต่ข่าวดีคือ เราสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน!

🔹 อาการ มี 2 ระยะ:
1. ระยะเฉียบพลัน (Acute): มักเกิดอาการภายใน 2-5 เดือนหลังรับเชื้อ อาจมีอาการ ไข้ ตัวเหลือง ตาเหลือง อ่อนเพลีย ปวดท้อง และอาจทำให้เกิด ภาวะตับวาย ได้! หากไม่ได้รับการรักษา อาจกลายเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง
2. ระยะเรื้อรัง (Chronic): ผู้ที่มีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย ส่วนใหญ่มัก ไม่แสดงอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ หากไม่ได้รับการรักษา อาจกลายเป็น โรคตับแข็งหรือมะเร็งตับ และเสียชีวิตได้

🧡 ไวรัสตับอักเสบ C: "รักษาก็หายขาดได้!"
แม้ว่าไวรัสตับอักเสบซีจะเป็นโรคเรื้อรัง แต่ปัจจุบัน สามารถรักษาให้หายขาดได้!

🔸 การรักษา:
สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการ กินยาต้านไวรัสให้ครบ 12 สัปดาห์

🔸 อาการ มี 2 ระยะ:
1. ระยะเฉียบพลัน (Acute): ตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในเลือด และผล Anti-HCV เปลี่ยนจากลบเป็นบวก
2. ระยะเรื้อรัง (Chronic): การทำงานของตับมีการอักเสบมานานกว่า 6 เดือน และตรวจพบไวรัสในกระแสเลือด

💡 อย่าละเลย! หมั่นตรวจเช็กสุขภาพตับ!
การตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะโรคนี้มักไม่แสดงอาการในระยะแรก การตรวจคัดกรองช่วยให้เรารู้สถานะสุขภาพและเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที!

🩺 ชุดตรวจ HBsAg/HCV Combo Rapid Test: เป็นชุดตรวจแบบรวดเร็วที่สามารถตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) และไวรัสตับอักเสบซี (HCV) ได้พร้อมกันในการตรวจเดียว

⚠️ ชุดตรวจเหล่านี้เป็นชุดตรวจคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น ควรใช้เพื่อการตรวจเฝ้าระวังความเสี่ยงสูง หากสงสัยหรือได้ผลบวก ควรรีบยืนยันผลโดยผู้เชี่ยวชาญหรือสถานพยาบาล/คลินิก ทันที!
พูดคุย ปรึกษาเภสัช หรือสั่งซื้อสินค้า
Line Official: https://lin.ee/2LCCsY1
หรือ โทร. 092-6939545
พิกัดร้าน: ร้านขายยา มียา (MEYA)
https://maps.app.goo.gl/5xE8gMXWU1qC1QDv6?g_st=ic
เปิดให้บริการทุกวัน
จันทร์ - ศุกร์ เวลา : 9.00 น. - 22.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ เวลา : 9.00 น. - 21.00 น.

14/11/2025

📌หนองในคืออะไร? อันตรายกว่าที่คิด รักษาได้ไหม? ต้องตรวจแบบไหน?

"หนองใน" เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่หลายคนคุ้นชื่อ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าใจความต่างระหว่าง หนองในแท้ และ หนองในเทียม ซึ่งทั้งสองชนิดสามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งผู้ชายและผู้หญิง หากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจลุกลามจนเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น มีบุตรยาก ติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด หรืออักเสบลุกลามในอุ้งเชิงกรานได้

🔴 หนองในแท้ (Gonorrhea)
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae
✅ อาการสำคัญ
ผู้ชาย
⚠️ปัสสาวะแสบขัด
⚠️มีหนองสีเหลือง/เขียวไหลออกจากท่อปัสสาวะ
⚠️คันหรือแสบร้อนบริเวณอวัยวะเพศ
ผู้หญิง
⚠️ส่วนมากไม่มีอาการชัดเจน
⚠️อาจมีตกขาวผิดปกติ ปัสสาวะแสบ หรือปวดท้องน้อย

🟠 หนองในเทียม (Chlamydia)
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis

✅ อาการสำคัญ
ผู้ชาย
⚠️อาจมีอาการน้อย หรือมีแค่แสบ/คันเวลาปัสสาวะ
⚠️อาจมีน้ำใสๆ ออกจากท่อปัสสาวะ
ผู้หญิง
⚠️มักไม่มีอาการ
⚠️ตกขาวผิดปกติ
⚠️หน่วงท้องน้อยเล็กน้อย

🧪 การตรวจสำคัญที่สุด! เพราะอาการคล้ายกันมาก
ปัจจุบันมี ชุดตรวจ 2 in 1 สำหรับ Gonorrhea + Chlamydia
ซึ่งช่วยแยกชนิดเชื้อได้อย่างแม่นยำ ทำให้แพทย์สามารถให้การรักษาที่ถูกต้อง ไม่ต้องเดาอาการเอง เพราะแต่ละเชื้อใช้ยาคนละชนิดกัน
การตรวจแนะนำสำหรับ
⛔ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
⛔มีตกขาวผิดปกติ
⛔ปัสสาวะแสบขัด
⛔มีคู่นอนหลายคน
⛔เคยรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน
💰ราคาชุดละ 189 บาท

👉หนองในเป็นโรคใกล้ตัวกว่าที่คิด และหลายคนติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว เพราะอาการแทบไม่ออกเลย โดยเฉพาะหนองในเทียม การตรวจจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยและแม่นยำที่สุด หากตรวจพบเร็ว รักษาหายได้ไว ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
พูดคุย ปรึกษาเภสัช หรือสั่งซื้อสินค้า
Line Official: https://lin.ee/2LCCsY1
หรือ โทร. 092-6939545
พิกัดร้าน: ร้านขายยา มียา (MEYA)
https://maps.app.goo.gl/5xE8gMXWU1qC1QDv6?g_st=ic
เปิดให้บริการทุกวัน
จันทร์ - ศุกร์ เวลา : 9.00 น. - 22.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ เวลา : 9.00 น. - 21.00 น

11/11/2025

🌸 สุขภาพผู้หญิงที่ต้องรู้: ตกขาวคืออะไร? บอกโรคอะไรได้บ้าง? และตรวจหาเชื้อได้อย่างไร? 💖

🌸ตกขาว (Vaginal Discharge) เป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิงทุกคน แต่บ่อยครั้งที่การเปลี่ยนแปลงของตกขาวก็เป็นสัญญาณเตือนสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพภายในของเรา การเรียนรู้ที่จะสังเกตและเข้าใจ "ตกขาว" จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ

🔍 ลักษณะตกขาวปกติ:
✅มักจะมีสีขาว-ใส
✅ไม่มีกลิ่นเหม็น
✅มีปริมาณไม่มากจนผิดปกติ

⚠️สีของตกขาว...บอกโรคอะไรได้บ้าง?

ตกขาวสีขาวหรือมีสีใส
🔹 เป็นตกขาวที่ปกติ และมักจะไม่มีกลิ่นเหม็น

ตกขาวสีขาวขุ่นผิดปกติหรือมีสีเหลืองอ่อน
🔹 ตกขาวสีนี้มักเกิดจากปัญหาเชื้อราในช่องคลอด มีลักษณะเป็นก้อนและมีสีที่ขุ่นผิดปกติมาพร้อมกลิ่นเหม็นและอาการคัน

ตกขาวสีเขียว หรือเหลืองปนเขียว
🔹 มักเกิดจากติดเชื้อจากแบคทีเรีย หรือการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ และมักจะมาพร้อมกลิ่นคาว

ตกขาวสีเทา หรือเทาอ่อน
🔹 ตกขาวสีเทาส่วนใหญ่จะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจากการมีเพศสัมพันธ์ การใช้ยาสวนช่องคลอด หรือการรับยาปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นเวลานาน และมักมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นอับหรือกลิ่นคาว

ตกขาวสีเหลืองเข้ม
🔹 หากมาพร้อมกลิ่นคาวและอาการคัน ปัสสาวะขัด
บ่งบอกถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเกิดจากเชื้อไวรัส

ตกขาวแบบมีฟอง
🔹 มักมีอาการระคายเคืองตอนปัสสาวะ อาจติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์

ตกขาวสีน้ำตาลมีเลือดปน
🔹 ตกขาวชนิดนี้อาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ร่วมด้วย อาจเกิดหลังการมีประจำเดือน หรืออาจเป็นไปได้ว่าจะเกิดจากการติดเชื้อที่ปากมดลูก หรือมีเลือดออกจากการตกไข่

ตกขาวสีชมพู หรือสีชมพูจาง ๆ
🔹 มักพบในผู้หญิงที่พึ่งคลอดลูก หรือกำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ

🧪 AuraMed Rapid Test ตรวจจับ 3 สายพันธุ์เชื้อสำคัญในชุดเดียว
การทราบสาเหตุที่แท้จริงของการติดเชื้อเป็นสิ่งสำคัญในการรักษา ซึ่งปัจจุบันก็มีชุดทดสอบอย่างง่ายสำหรับการตรวจคัดกรองเบื้องต้น เช่น AuraMed Candida Albicans/ Gardnerella Vaginalis/ Trichomonas Vaginalis Ag Rapid Test ซึ่งเป็นชุดทดสอบที่สามารถตรวจหาสาเหตุหลักของการติดเชื้อในช่องคลอด (ตกขาว) ได้ถึง 3 สายพันธุ์ :

⚠️Candida Albicans (CA): เชื้อราที่เป็นสาเหตุของตกขาวสีขาวขุ่น คันมาก

⚠️Gardnerella Vaginalis (GV): เชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของภาวะช่องคลอดอักเสบจากแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis) ที่มีกลิ่นคาวปลา

⚠️Trichomonas Vaginalis (TV): เชื้อปรสิตที่เป็นสาเหตุของตกขาวสีเขียว/เหลือง มีฟอง และมีกลิ่น

การใช้ชุดทดสอบแบบรวดเร็วนี้มีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการตรวจคัดกรองและประเมินเบื้องต้นเท่านั้น

🚨หากคุณพบว่าตกขาวมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ, มีอาการคัน แสบ หรือปวดท้องน้อยร่วมด้วย คุณควรปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
พูดคุย ปรึกษาเภสัช หรือสั่งซื้อสินค้า
Line Official: https://lin.ee/2LCCsY1
หรือ โทร. 092-6939545
พิกัดร้าน: ร้านขายยา มียา (MEYA)
https://maps.app.goo.gl/5xE8gMXWU1qC1QDv6?g_st=ic
เปิดให้บริการทุกวัน
จันทร์ - ศุกร์ เวลา : 9.00 น. - 22.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ เวลา : 9.00 น. - 21.00 น

31/10/2025

🔍 รู้จัก “โรคเริม” (Herpes Simplex) – ไวรัสตัวร้ายที่อยู่กับเราได้ตลอดชีวิต

🧬โรคเริม เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่หลายคนอาจเคยประสบ โดยเฉพาะเมื่อมีตุ่มใสขึ้นที่ริมฝีปาก หรือบริเวณอวัยวะเพศ แล้วรู้สึกปวดแสบปวดร้อน
เชื้อที่ก่อให้เกิดโรคนี้มีชื่อว่า Herpes Simplex Virus (HSV) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก ๆ คือ
💢 ชนิดที่ 1 (HSV-1)
มักเกิดบริเวณ ริมฝีปาก ใบหน้า หรือช่องปาก
เชื้อสามารถติดต่อได้จากการสัมผัสน้ำลาย การใช้แก้วน้ำ หลอดดูด หรืออุปกรณ์ส่วนตัวร่วมกันกับผู้ติดเชื้อ
💢 ชนิดที่ 2 (HSV-2)
พบได้บริเวณ อวัยวะเพศ และทวารหนัก
เชื้อมักติดต่อผ่าน การมีเพศสัมพันธ์ ทั้งทางปาก ช่องคลอด หรือทวารหนัก

😖 อาการของโรคเริม
⛔เริ่มแรกจะรู้สึก คัน แสบ หรือเจ็บ ก่อนมีตุ่มใสขึ้น
⛔ตุ่มน้ำใสเล็ก ๆ รวมกันเป็นกลุ่ม และแตกออกกลายเป็นแผลตื้น ๆ
⛔บางรายมี ไข้ ปวดเมื่อย หรือเจ็บต่อมน้ำเหลือง
⛔หากเกิดที่อวัยวะเพศ อาจทำให้ปัสสาวะแสบขัด หรือเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์
เมื่อแผลหายแล้ว เชื้อจะ ไม่หายขาด แต่จะไปหลบอยู่ในปมประสาทของร่างกายและสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก โดยเฉพาะเมื่อร่างกายอ่อนแอ

🚨 ปัจจัยกระตุ้นให้เริมกลับมาเป็นซ้ำ
โรคเริมสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้ โดยมีปัจจัยกระตุ้น เช่น
⚠️ภาวะ เครียด พักผ่อนน้อย
⚠️ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
⚠️แสงแดดจัด หรือการถูกความร้อน
⚠️บาดแผล หรือการระคายเคืองผิวหนัง
หากรู้ตัวว่าเคยเป็นเริม ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้ เพื่อป้องกันการกำเริบของโรค

💬 การตรวจและการวินิจฉัย
ปัจจุบันสามารถตรวจหาเชื้อไวรัสเริมได้ง่ายด้วย ชุดตรวจ “AuraMed HSV 1/2 IgG/IgM” ที่ตรวจได้ทั้งชนิด 1 และ 2 ในชุดเดียว (2in1)
ช่วยคัดกรองการติดเชื้อเริมได้จาก เลือด ซีรั่ม หรือพลาสมา
รู้ผลไวในไม่กี่นาที เหมาะสำหรับใช้ในคลินิกหรือห้องแล็บ เพื่อประเมินการติดเชื้อทั้งในระยะเฉียบพลันและระยะที่เคยติดมาก่อน

💊 การดูแลรักษา
แม้ยังไม่มียาที่รักษาให้หายขาด แต่สามารถ บรรเทาอาการและควบคุมไม่ให้ลุกลาม ได้ด้วยยา เช่น
✅ ยาต้านไวรัส เช่น Acyclovir, Valacyclovir, Famciclovir
✅ การพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล
✅ หากมีอาการรุนแรง เช่น แผลลาม หรือเป็นซ้ำบ่อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาต้านไวรัสในระยะยาว

🛡️ การป้องกันโรคเริม
✅หลีกเลี่ยงการใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
✅งดจูบหรือสัมผัสใกล้ชิดขณะมีตุ่มแผล
✅ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์
✅รักษาสุขภาพให้แข็งแรง นอนหลับเพียงพอ ลดความเครียด

💬 สรุป:
โรคเริมอาจดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่หากปล่อยไว้อาจกำเริบบ่อยและแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ การรู้จักป้องกัน ตรวจเช็ก และดูแลสุขภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ 💖

หากสงสัยว่าตนเองอาจติดเชื้อเริม
สามารถใช้ ชุดตรวจ AuraMed HSV 1/2 IgG/IgM เพื่อคัดกรองเบื้องต้น และหากพบผลบวก ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการดูแลอย่างเหมาะสม
พูดคุย ปรึกษาเภสัช หรือสั่งซื้อสินค้า
Line Official: https://lin.ee/2LCCsY1
หรือ โทร. 092-6939545
พิกัดร้าน: ร้านขายยา มียา (MEYA)
https://maps.app.goo.gl/5xE8gMXWU1qC1QDv6?g_st=ic
เปิดให้บริการทุกวัน
จันทร์ - ศุกร์ เวลา : 9.00 น. - 22.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ เวลา : 9.00 น. - 21.00 น

24/10/2025

🦠 รู้จัก “H. pylori” ศัตรูร้ายในกระเพาะอาหาร ที่หลายคนอาจไม่รู้ว่ามีอยู่ในตัว!

📌หลายคนอาจคุ้นเคยกับอาการ “ปวดแสบท้อง” หรือ “กรดไหลย้อน” จนคิดว่าเป็นแค่โรคกระเพาะธรรมดา แต่รู้ไหมครับว่า... หนึ่งในสาเหตุสำคัญของอาการเหล่านี้ อาจมาจาก เชื้อแบคทีเรียชื่อ H. pylori (Helicobacter pylori)
👉เชื้อตัวนี้สามารถอาศัยอยู่ในกระเพาะอาหารของเราได้อย่างเงียบ ๆ เป็นเวลานาน โดยไม่แสดงอาการเลยก็ได้!

🔍 H. pylori คืออะไร?
🦠H. pylori เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเยื่อบุกระเพาะอาหาร มันสามารถทนต่อกรดในกระเพาะได้ดีมาก โดยเชื้อจะสร้างเอนไซม์ชื่อว่า ยูรีเอส (Urease) เพื่อเปลี่ยนสารในกระเพาะให้เป็นแอมโมเนีย ช่วยลดกรดรอบตัว ทำให้มันอยู่รอดและค่อย ๆ ทำลายเยื่อบุภายในกระเพาะอาหาร

⚠️ เชื้อนี้อันตรายแค่ไหน?
เมื่อเชื้อ H. pylori อยู่ในกระเพาะอาหารนาน ๆ จะก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง จนเยื่อบุถูกทำลาย เกิดแผลในกระเพาะอาหารหรือในลำไส้เล็กส่วนต้น
และในระยะยาว เชื้อนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด มะเร็งกระเพาะอาหาร อีกด้วย 😨

🧬 การติดเชื้อเกิดขึ้นได้อย่างไร?
เชื้อ H. pylori สามารถแพร่เชื้อได้ง่ายมาก โดยมักเกิดจากการ
⛔การกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ
⛔การใช้ช้อน แก้วน้ำ หรือภาชนะร่วมกับผู้อื่น
⛔การสัมผัสน้ำลายหรือสารคัดหลั่งของผู้ที่ติดเชื้อ
ซึ่งหมายความว่า “เราอาจติดเชื้อได้โดยไม่รู้ตัวเลย”

😖 อาการที่ควรระวัง
ผู้ติดเชื้อบางรายอาจไม่มีอาการ แต่ถ้ามี อาจพบอาการเหล่านี้:
⚠️ปวดท้องหรือแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ โดยเฉพาะเวลาหิวหรือหลังอาหาร
⚠️ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
⚠️คลื่นไส้ อาเจียน
⚠️อุจจาระดำ หรือมีเลือดปน
⚠️น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
หากมีอาการเหล่านี้บ่อย ๆ ไม่ควรละเลย เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ H. pylori

🧫 ตรวจเชื้อได้อย่างไร?
ปัจจุบันสามารถตรวจหาเชื้อได้หลายวิธี เช่น
🔍การตรวจลมหายใจ (Urea breath test)
🔍การตรวจชิ้นเนื้อจากการส่องกล้อง
🔍การตรวจจากอุจจาระ (H. pylori Antigen Test) ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องเจ็บตัว

AuraMed H. pylori (HP) Antigen Rapid Test Kit
✅ ใช้ตัวอย่างจากอุจจาระ
✅ ทราบผลภายใน 10 นาที
✅ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร หรือสงสัยว่าติดเชื้อ
💰ราคาชุดละ 109 บาท

หมายเหตุ : ชุดทดสอบใช้สำหรับการตรวจคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น ต้องยืนยันผลวินิจฉัยในสถานพยาบาล**
พูดคุย ปรึกษาเภสัช หรือสั่งซื้อสินค้า
Line Official: https://lin.ee/2LCCsY1
หรือ โทร. 092-6939545
พิกัดร้าน: ร้านขายยา มียา (MEYA)
https://maps.app.goo.gl/5xE8gMXWU1qC1QDv6?g_st=ic
เปิดให้บริการทุกวัน
จันทร์ - ศุกร์ เวลา : 9.00 น. - 22.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ เวลา : 9.00 น. - 21.00 น

17/10/2025

📌ตรวจซิฟิลิสได้ง่าย รู้ผลไว มั่นใจ ปลอดภัย✅

✨ซิฟิลิสคืออะไร?✨
ซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum ซึ่งในระยะเริ่มแรกอาจมีเพียงแผลเล็ก ๆ ไม่เจ็บปวด ทำให้หลายคนไม่ทันสังเกต หากปล่อยทิ้งไว้นาน เชื้ออาจลุกลามไปยังสมอง หัวใจ และอวัยวะอื่น ๆ จนก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

💡ทำไมต้องตรวจหาเชื้อซิฟิลิส❓
✅ ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ควรตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
✅ การตรวจเจอเร็ว ทำให้รักษาได้ทันและหายขาด
✅ลดโอกาสแพร่เชื้อต่อไปยังผู้อื่น
✅ ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรตรวจ เพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไปสู่ทารก

⚠️อาการของโรคซิฟิลิส⚠️
⛔1. ระยะปฐมภูมิ (Primary syphilis)
o จะเกิดแผลเดี่ยว (chancre) ตรงตำแหน่งที่เชื้อเข้าสู่ร่างกาย เช่น อวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก
o แผลมักไม่เจ็บ และจะหายเองภายใน 3–6 สัปดาห์ แม้ไม่รักษา
⛔2. ระยะทุติยภูมิ (Secondary syphilis)
o เกิดภายในไม่กี่สัปดาห์ถึงไม่กี่เดือนหลังแผลหาย
o มีผื่นขึ้นทั่วร่างกาย รวมถึงฝ่ามือฝ่าเท้า
o ต่อมน้ำเหลืองโต มีไข้ อ่อนเพลีย เจ็บคอ ผมร่วงเป็นหย่อม
o อาจมีหูดนูนชื้น (condyloma lata) บริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก
⛔3. ระยะแฝง (Latent syphilis)
o ไม่มีอาการ แต่ตรวจเลือดพบเชื้อ
o แบ่งเป็นระยะแฝงต้น (ยังแพร่เชื้อได้) และระยะแฝงท้าย (แพร่เชื้อได้น้อยลง)
⛔4. ระยะตติยภูมิ (Tertiary syphilis)
o เกิดหลังติดเชื้อหลายปีหากไม่ได้รักษา
o อาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะสำคัญ เช่น หลอดเลือดใหญ่ หัวใจ สมอง ไขสันหลัง กระดูก และผิวหนัง
o มีภาวะร้ายแรง เช่น neurosyphilis (ทำลายระบบประสาท) หรือ cardiovascular syphilis (ทำลายหัวใจและหลอดเลือด)

⚠️การแพร่เชื้อ⚠️
เชื้อ Treponema pallidum แพร่ได้โดยตรงจากรอยโรคที่มีเชื้ออยู่
วิธีการแพร่เชื้อหลัก ได้แก่
🚨1. การมีเพศสัมพันธ์โดยตรง (ช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก)
การสัมผัสรอยแผลหรือผื่นที่มีเชื้ออยู่จะทำให้ติดโรคได้ง่าย
🚨2. การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในครรภ์ (Congenital syphilis)
เชื้อสามารถผ่านรกไปสู่ทารก ทำให้เกิดภาวะแท้ง คลอดก่อนกำหนด หรือความผิดปกติแต่กำเนิด
🚨3. ทางเลือด เช่น การถ่ายเลือดที่ปนเปื้อนเชื้อ (พบได้น้อยมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีการตรวจคัดกรองเข้มงวด)

👉ช่วงที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อมากที่สุด คือ ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ของโรค รวมถึงระยะซ่อนเร้นในปีแรกหลังติดเชื้อ

💡AuraMed Treponema Pallidum Rapid Test Kit ดีอย่างไร❓
✅ รู้ผลรวดเร็ว ภายในไม่กี่นาที
✅ ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
✅ความแม่นยำสูง มั่นใจในผลตรวจ
✅ตรวจเองได้ที่บ้าน สะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องเสียเวลาไปโรงพยาบาล
💰ราคาชุดละ 129 บาท
พูดคุย ปรึกษาเภสัช หรือสั่งซื้อสินค้า
Line Official: https://lin.ee/2LCCsY1
หรือ โทร. 092-6939545
พิกัดร้าน: ร้านขายยา มียา (MEYA)
https://maps.app.goo.gl/5xE8gMXWU1qC1QDv6?g_st=ic
เปิดให้บริการทุกวัน
จันทร์ - ศุกร์ เวลา : 9.00 น. - 22.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ เวลา : 9.00 น. - 21.00 น

10/10/2025

🩸 “ไขมันในเลือดสูง” ภัยเงียบที่ควรตรวจเช็กก่อนจะสายไป!

หลายคนอาจรู้จัก “ไขมันในเลือดสูง” แค่ชื่อ แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร และส่งผลอย่างไรต่อร่างกาย ความจริงแล้วโรคนี้เป็นหนึ่งใน “ภัยเงียบ” ที่คนไทยจำนวนมากเผชิญอยู่โดยไม่รู้ตัว เพราะมักไม่มีอาการในระยะแรก ๆ แต่กลับเป็นต้นเหตุสำคัญของ โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง และภาวะตับอักเสบจากไขมันสะสม ได้เลยทีเดียว

💡 ไขมันในเลือดสูงคืออะไร?
“ไขมันในเลือดสูง” หรือ Hyperlipidemia / Dyslipidemia หมายถึง ภาวะที่ระดับไขมันในเลือดของเราสูงกว่าค่าปกติ โดยไขมันหลัก ๆ ที่ตรวจพบได้จากการตรวจเลือดมีอยู่ 4 ชนิดคือ
✅HDL (ไขมันดี) – ช่วยขับไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย ควรมีมากกว่า 60 mg/dL
⛔LDL (ไขมันเลว) – ถ้ามีมากเกินไปจะไปเกาะผนังหลอดเลือด ควรไม่เกิน 100 mg/dL
⚠️Triglyceride (ไตรกลีเซอไรด์) – พลังงานส่วนเกินที่ร่างกายเก็บไว้ในรูปของไขมัน ควรไม่เกิน 150 mg/dL
👉Total Cholesterol (ไขมันรวม) – ค่ารวมของไขมันทั้งหมด ควรไม่เกิน 200 mg/dL
เมื่อค่าเหล่านี้สูงเกินเกณฑ์ แปลว่าร่างกายเริ่มมีความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคหัวใจและหลอดเลือด

🚨 สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
⚠️การรับประทานอาหารไขมันสูง เช่น อาหารทอด อาหารฟาสต์ฟู้ด หรือขนมหวานที่มีน้ำตาลสูง
⚠️ขาดการออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้น้อย
⚠️น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน ทำให้ระดับ Triglyceride และ LDL เพิ่มขึ้น
⚠️พันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีภาวะไขมันในเลือดสูง ความเสี่ยงก็จะสูงขึ้นตาม
⚠️การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ส่งผลให้ระดับ HDL (ไขมันดี) ลดลง

💥 ผลกระทบเมื่อไขมันในเลือดสูง
ภาวะนี้ไม่ได้หยุดแค่ “ตัวเลขในผลตรวจเลือด” เท่านั้น แต่ยังนำไปสู่โรคร้ายแรงต่าง ๆ เช่น
⛔หลอดเลือดแข็ง (Atherosclerosis) จากการที่ไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือด
⛔โรคหัวใจขาดเลือด (Coronary Artery Disease) เพราะหลอดเลือดตีบ
⛔โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) จากการที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
⛔ตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis) หากไขมันสูงมากเป็นเวลานาน
⛔ภาวะความดันโลหิตสูง เพราะเลือดไหลเวียนได้ยากขึ้น
กล่าวได้ว่า “ไขมันในเลือดสูง” เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของโรคเรื้อรังอีกหลายโรคที่อาจคร่าชีวิตได้

✅ วิธีป้องกันและควบคุมไขมันในเลือด
แม้จะดูน่ากลัว แต่ข่าวดีคือ... “เราควบคุมได้!”
🍎 ปรับพฤติกรรมการกิน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว (Saturated Fat) และไขมันทรานส์ (Trans Fat)
🥗 เน้นอาหารที่ดีต่อหัวใจ เช่น ปลาแซลมอน ถั่ว อะโวคาโด ผักผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสี
🚶‍♀️ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
🚭 เลิกบุหรี่และแอลกอฮอล์ เพราะทำให้ไขมันดีลดลง
⚖️ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
💉 ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะผู้ที่อายุมากกว่า 35 ปี หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ

📌“ไขมันในเลือดสูง” ไม่มีอาการเตือน แต่ทำลายสุขภาพในระยะยาว
เริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ ด้วยการกินดี ออกกำลังกาย และตรวจเช็กสุขภาพสม่ำเสมอ เพื่อให้หัวใจแข็งแรงไปอีกนาน ❤️
พูดคุย ปรึกษาเภสัช หรือสั่งซื้อสินค้า
Line Official: https://lin.ee/2LCCsY1
หรือ โทร. 092-6939545
พิกัดร้าน: ร้านขายยา มียา (MEYA)
https://maps.app.goo.gl/5xE8gMXWU1qC1QDv6?g_st=ic
เปิดให้บริการทุกวัน
จันทร์ - ศุกร์ เวลา : 9.00 น. - 22.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ เวลา : 9.00 น. - 21.00 น

03/10/2025

🫀 ความดันโลหิตสูง (Hypertension) เรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “ความดันโลหิตสูง” แต่คิดว่าเป็นโรคของผู้สูงอายุ หรือโรคที่ไกลตัว… ความจริงแล้วใคร ๆ ก็มีความเสี่ยงได้ค่ะ และโรคนี้ถือเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยและคนทั่วโลกจำนวนมาก

📌 ความดันโลหิตสูงคืออะไร?
ภาวะที่ความดันโลหิตมีค่าตัวบนมากกว่า 140 mmHg และค่าตัวล่างมากกว่า 90 mmHg โดยการวินิจฉัยจำเป็นต้องอ้างอิงผลการวัดซ้ำจากสถานพยาบาลมากกว่า 1 ครั้ง เพื่อความแม่นยำ

🩺 อาการที่ควรระวัง
ผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูงจำนวนมาก ไม่มีอาการแสดงชัดเจน ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่ากำลังป่วย แต่บางรายอาจมีอาการ เช่น
🔹ปวดศีรษะ
🔹เวียนศีรษะ
🔹หายใจเหนื่อยง่าย
🔹ใจสั่น
🔹เหนื่อยเมื่อทำกิจกรรมเล็กน้อย
สิ่งที่น่ากลัวคือ…โรคนี้สามารถทำลายอวัยวะสำคัญแบบค่อย ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว

🚨ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง
⚠️กรรมพันธุ์ (คนในครอบครัวเป็น มักมีโอกาสสูง)
⚠️อายุที่เพิ่มขึ้น
⚠️น้ำหนักเกิน / โรคอ้วน
⚠️ไม่ออกกำลังกาย
⚠️การดื่มแอลกอฮอล์
⚠️ความเครียดสะสม
⚠️พฤติกรรมการกินอาหารเค็มจัด ไขมันสูง

🔎วิธีป้องกันและควบคุม
✅ความดันโลหิตสูงแม้จะเป็นโรคเรื้อรัง แต่สามารถป้องกันและควบคุมได้
ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์
✅ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน อย่างน้อย 30 นาที/วัน
✅ลดการกินอาหารเค็มและอาหารแปรรูป
✅เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
✅นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
✅ลดความเครียด เช่น ฝึกสมาธิ ทำกิจกรรมผ่อนคลาย

🩹 หากไม่ควบคุม อาจนำไปสู่โรคร้าย
⛔โรคหัวใจและหลอดเลือด
⛔โรคไตเรื้อรัง
⛔เส้นเลือดสมองแตก/ตีบ (Stroke)
⛔เสี่ยงต่อการเสียชีวิตกะทันหัน

💡 สรุป
“ความดันโลหิตสูง” อาจดูไม่อันตรายในระยะแรกเพราะไม่ค่อยมีอาการ แต่แท้จริงแล้วเป็นภัยเงียบที่ค่อย ๆ ทำลายสุขภาพของเราโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น ควรตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต และพบแพทย์เมื่อต้องการคำแนะนำ
พูดคุย ปรึกษาเภสัช หรือสั่งซื้อสินค้า
Line Official: https://lin.ee/2LCCsY1
หรือ โทร. 092-6939545
พิกัดร้าน: ร้านขายยา มียา (MEYA)
https://maps.app.goo.gl/5xE8gMXWU1qC1QDv6?g_st=ic
เปิดให้บริการทุกวัน
จันทร์ - ศุกร์ เวลา : 9.00 น. - 22.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ เวลา : 9.00 น. - 21.00 น

29/09/2025

✨ ยาคุมฮอร์โมนเดี่ยว คืออะไร? เหมาะกับใครบ้าง ✨

หลายคนอาจคุ้นเคยกับ “ยาคุมฮอร์โมนรวม” ที่มีทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสติน แต่จริง ๆ แล้วยาคุมมีอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “ยาคุมฮอร์โมนเดี่ยว” ซึ่งประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงอย่างเดียว และอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่าสำหรับบางคนค่ะ 🙋‍♀️

🔹 ยาคุมฮอร์โมนเดี่ยว คืออะไร?
- เป็นยาคุมที่มีฮอร์โมน โปรเจสติน (Progestin) เพียงชนิดเดียว
- ทำงานโดยการทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้นขึ้น ป้องกันไม่ให้อสุจิเข้าไปผสมกับไข่
- ในบางรายยังสามารถยับยั้งการตกไข่ได้อีกด้วย
- ต้องรับประทาน ทุกวันในเวลาใกล้เคียงกัน เพราะหากลืมเพียงไม่กี่ชั่วโมง อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้

🔹 ใครบ้างที่เหมาะกับยาคุมฮอร์โมนเดี่ยว?
ยาคุมชนิดนี้เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาคุมฮอร์โมนรวมได้ เช่น
✅ ผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป
✅ ผู้ที่ สูบบุหรี่เป็นประจำ
✅ ผู้ที่มีภาวะ ความดันโลหิตสูง / เบาหวาน / ไมเกรน
✅ ผู้ที่มี โรคตับแข็ง หรือโรคตับเรื้อรัง
✅ ผู้ที่มีความเสี่ยง โรคหัวใจและหลอดเลือด
✅ ผู้ที่มีประวัติ ลิ่มเลือดอุดตัน
✅ คุณแม่ที่อยู่ในช่วง ให้นมบุตร (ไม่กระทบต่อปริมาณน้ำนม)
✅ ผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาที่มี ฮอร์โมนเอสโตรเจน ได้

🔹 ข้อดีของยาคุมฮอร์โมนเดี่ยว
- ปลอดภัยกว่าสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง
- ใช้ได้ในคุณแม่ให้นมลูก
- ลดความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันเมื่อเทียบกับยาคุมฮอร์โมนรวม

🔹 สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้
- ต้องทาน ตรงเวลาอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลสูงสุด
- อาจมีอาการเลือดออกกะปริดกะปรอย หรือประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
- ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนเริ่มใช้ทุกครั้ง

👉 สรุปคือ ยาคุมฮอร์โมนเดี่ยว เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีและปลอดภัยสำหรับผู้หญิงหลายกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เหมาะกับยาคุมฮอร์โมนรวม แต่ก็ต้องทานอย่างถูกต้องและมีวินัยค่ะ

📌 หากสนใจยาคุมประเภทนี้ หรือไม่แน่ใจว่ายาคุมชนิดใดเหมาะกับตัวเอง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ เพื่อความปลอดภัยในระยะยาวนะคะ 💊
พูดคุย ปรึกษาเภสัช หรือสั่งซื้อสินค้า
Line Official: https://lin.ee/2LCCsY1
หรือ โทร. 092-6939545
พิกัดร้าน: ร้านขายยา มียา (MEYA)
https://maps.app.goo.gl/5xE8gMXWU1qC1QDv6?g_st=ic
เปิดให้บริการทุกวัน
จันทร์ - ศุกร์ เวลา : 9.00 น. - 22.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ เวลา : 9.00 น. - 21.00 น

25/09/2025

💡รู้จัก “ริดสีดวงทวาร” ให้มากขึ้น ก่อนจะสายเกินไป!

🚨ริดสีดวงทวาร เป็นโรคที่ใครหลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ แต่ไม่อยากเข้าใกล้หรือพูดถึง เพราะอายที่จะบอกอาการกับคนรอบตัว แต่ในความจริงแล้ว โรคริดสีดวงไม่ใช่เรื่องไกลตัว พบได้บ่อยทั้งในผู้ชายและผู้หญิงทุกวัย โดยเฉพาะคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ท้องผูกบ่อย, นั่งถ่ายนาน, ยกของหนัก, หรือแม้แต่ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และหลังคลอด

🔎 อาการของริดสีดวง
สัญญาณเตือนที่บอกว่าเราอาจกำลังเผชิญกับปัญหาริดสีดวง ได้แก่
⚠️คันรอบๆ ปากทวารหนัก รู้สึกไม่สบายตัว
⚠️เจ็บหรือปวดเวลาถ่ายอุจจาระ
⚠️มีก้อนยื่นออกมาขณะถ่าย ซึ่งบางครั้งอาจหดกลับเข้าไปได้เอง
⚠️มีเลือดออกหลังการขับถ่าย โดยเฉพาะเวลาที่อุจจาระแข็ง
⚠️หากมีอาการเหล่านี้บ่อยครั้ง อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะโรคอาจพัฒนาไปสู่ระยะที่รุนแรงขึ้น

🩺 ระยะของริดสีดวงทวาร
โรคริดสีดวงสามารถแบ่งออกเป็น 4 ระยะหลักๆ
ระยะที่ 1 – หัวริดสีดวงยังอยู่ภายใน ไม่ยื่นออกมา แต่มีอาการเลือดออกเวลาถ่าย
ระยะที่ 2 – หัวริดสีดวงเริ่มยื่นออกมาเวลาขับถ่าย แต่สามารถหดกลับได้เอง
ระยะที่ 3 – หัวริดสีดวงยื่นออกมาเวลาขับถ่าย และไม่หดกลับเอง ต้องใช้มือดันเข้าไป
ระยะที่ 4 – หัวริดสีดวงยื่นออกมาตลอดเวลา ไม่สามารถดันกลับได้ และมักมีอาการเจ็บปวดมาก

⚠️ สาเหตุที่ทำให้เกิดริดสีดวง
⛔ท้องผูกเรื้อรัง หรือเบ่งอุจจาระแรงๆ เป็นประจำ
⛔นั่งถ่ายนาน จนทำให้เส้นเลือดบริเวณทวารหนักบวม
⛔การตั้งครรภ์หรือหลังคลอด เนื่องจากความดันในช่องท้องสูงขึ้น
⛔การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
⛔อายุที่มากขึ้น ทำให้เนื้อเยื่อรอบทวารหนักหย่อนตัว

💡 วิธีดูแลและป้องกันริดสีดวง
แม้โรคริดสีดวงจะดูน่ากังวล แต่สามารถป้องกันและบรรเทาได้ด้วยการปรับพฤติกรรม เช่น
✅รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช
✅ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5–2 ลิตร เพื่อป้องกันอุจจาระแข็ง
✅หลีกเลี่ยงการนั่งถ่ายนานๆ หรือการเบ่งแรงๆ
✅ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นระบบขับถ่าย
✅หากมีอาการเจ็บปวดหรือเลือดออก ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

📝 สรุป
โรคริดสีดวงทวารไม่ใช่โรคอันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าปล่อยเรื้อรังจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ทั้งความเจ็บปวด ความไม่สบายตัว และความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น การสังเกตอาการตั้งแต่ระยะแรก และปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต คือกุญแจสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคนี้
พูดคุย ปรึกษาเภสัช หรือสั่งซื้อสินค้า
Line Official: https://lin.ee/2LCCsY1
หรือ โทร. 092-6939545
พิกัดร้าน: ร้านขายยา มียา (MEYA)
https://maps.app.goo.gl/5xE8gMXWU1qC1QDv6?g_st=ic
เปิดให้บริการทุกวัน
จันทร์ - ศุกร์ เวลา : 9.00 น. - 22.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ เวลา : 9.00 น. - 21.00 น