ปิยะบุญเภสัช-Piyaboon Pharmacy

ปิยะบุญเภสัช-Piyaboon Pharmacy ยาดี มีคุณภาพ บริการให้คำปรึกษาโดย "เภสัชกร"

17/07/2025

"ทำไมหมอไทยชอบแนะนำให้เช็ดตัวหรือกินยาลดไข้ แต่หมอในต่างประเทศกลับบอกว่าไข้คือสิ่งที่ดี ไม่ควรเช็ดตัวหรือให้ยาเลย❓"

คำพูดจากพ่อแม่ชาวต่างชาติหลายท่าน ที่ได้ยินซ้ำไปซ้ำมา จนเป็นจุดที่ทำให้ผมกลับมา review เรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับ “ไข้ในเด็ก” ว่าทั่วโลกเขาพูดถึงเรื่องนี้กันยังไงบ้าง?

โพสต์นี้เป็นการสรุปจากงานวิจัยและ guideline 19 ฉบับ ทั้ง AAP, NICE, WHO และ systematic review และ meta-analysis
ใครสนใจ reference ทั้งหมด ดูได้ในรูป comment ด้านล่างเลย 👇

📌 Topic: ลูกเป็นไข้ ควรทำอย่างไร? ไข้กี่องศาควรให้ยา? เช็ดตัวดีไหม? วันนี้จะมาสรุปแบบ Q&A 11 ข้อครับ

ประชาชนทั่วไปสามารถอ่านโพสต์ตาม link นี้ครับ https://www.facebook.com/share/p/1HfbgxmYKs/

=========================================
❓ Q1: ไข้ในเด็กคืออะไร?
• ไข้เป็น Defense mechanism ของร่างกาย โดยที่ hypothalamus จะปรับ set point อุณหภูมิร่างกายให้สูงขึ้นเพื่อตอบสนองต่อ illness หรือ infection
• ร่างกายทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นเพื่อเพิ่ม immune efficiency มาต่อสู้กับเชื้อโรค เช่น
1. ↑ neutrophil, ↑lymphocyte, IL1, INF ทำงานฆ่าเชื้อได้เก่งขึ้น
2. inhibit viral replication & Bacterial growth

🧪 ตัวอย่างงานวิจัยบางชิ้นที่บอกว่าไข้มีประโยชน์ เช่น
1. งานวิจัยในฟินแลนด์ทำในเด็ก 102 คนที่เป็น Salmonella enteritis พบว่าเด็กที่ไข้สูงจะมี duration of excretion ที่สั้นกว่าเด็กที่ไม่มีไข้
2. Human volunteers infected with rhinovirus การใช้ยาลดไข้สัมพันธ์กับ antibody ที่ต่ำลง, viral shedding นานขึ้น
3. เด็กที่มาด้วย severe infection [เช่น pneumonia or septicaemia] พบว่าอุณหภูมิร่างกายที่ต่ำสัมพันธ์กับ mortality rate ที่สูงขึ้น

=========================================
❓ Q2: อุณหภูมิเท่าไหร่ถึงเรียกว่ามีไข้? มี cutpoint ไหม?
• ทั้ง AAP, NICE และ guideline อื่นๆ เขียนว่านิยามจริงๆของไข้คือ "a body temperature that is higher than normal"
(ซึ่งอุณหภูมิปกติของร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นกับ age, general health, activity level, and time of day)
• นั่นหมายความว่า คำว่าไข้ของเด็กแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน
• คนที่จะรู้อุณหภูมิปกติของเด็กได้ดีที่สุดคือพ่อแม่ที่เป็นคนเลี้ยง ดังนั้นถ้าพ่อแม่บอกว่าลูกมีไข้จึงเป็นสิ่งที่ควรเชื่อพ่อแม่มากกว่าเชื่อตัวเลขที่วัดได้จริงที่โรงพยาบาล
(NICE guideline เขียนไว้ชัดเจนว่า Reported parental perception of a fever should be considered valid and taken seriously by healthcare professionals)
• แต่ในทางการแพทย์เรามักจะอิงกันว่า BT ≥38°C (วัดทาง re**al) คือมีไข้ เพื่อให้สื่อสารกันเข้าใจง่าย
[ถ้าวัดทาง axilla จะต่ำกว่าทาง re**al ประมาณ 0.5C ดังนั้น Axilla จึงตัดที่ BT 37.5C โดยประมาณ]

=========================================
❓ Q3: เป็นไข้กี่องศาถึงควรให้ยาลดไข้?
• เป็นสิ่งที่ทุก paper เขียนตรงกันแบบไม่มีข้อโต้แย้ง คือ การรักษาไข้ไม่ได้ดูจากตัวเลข body temperature แต่ให้ดูจากความไม่สุขสบายของเด็ก
• KEYWORD = treat discomfort not temperature
• ถ้าเด็กดูสบาย เล่นได้, กินได้, นอนได้, ไม่ซึม → ไม่จำเป็นต้องให้ยา แม้ว่าไข้จะสูง
• ดังนั้น การที่วัดไข้ลูกตอนกลางคืนที่กำลังหลับอยู่ พอวัดได้ว่ามีไข้ แล้วปลุกลูกขึ้นมากลางดึกเพื่อกินยาลดไข้ เช็ดตัว จึงไม่ควรทำ

=========================================
❓ Q4: ถ้าปล่อยให้เด็กเป็นไข้สูงแล้วไม่รักษา จะทำให้เด็กเป็นไข้ชักหรือเปล่า?
• ทุก paper เขียนไว้เหมือนกันว่า antipyretic agents "do not" prevent febrile convulsions
• สาเหตุเพราะจริงๆแล้วกลไกการเกิด febrile seizure ไม่ได้เกิดจากไข้สูงโดยตรงแต่เกิดจาก cytokine จาก inflammatory process ที่ต่อสู้กับการติดเชื้อ

🧪 ตัวอย่าง Evidence ที่อธิบายเรื่องนี้
1. เด็กๆเป็นไข้กันได้บ่อยมากๆ แต่พบ febrile seizure เพียง 1/3 เท่านั้น → แสดงว่าไข้อย่างเดียวไม่ใช่ตัวที่จะทำให้เกิด seizure เสมอไป
2. เด็กบางคนมี seizure ในช่วงติดเชื้อทั้งๆที่ไม่มีไข้ (afebrile seizure) และไม่มีการติดเชื้อในสมองด้วย
3. ไวรัสกลุ่มเดียวกับที่ทำให้เกิด febrile seizure (เช่น rotavirus, RSV) ก็ทำให้เกิด afebrile seizure ได้เช่นกัน
4. พบว่าเด็กที่มี febrile seizure มีระดับ interleukins (IL-1, IL-6, IL-10), TNF-α, HMGB1 สูงกว่าปกติอย่างชัดเจน
5. ในหนูทดลอง การฉีด IL-1 ปริมาณมากสามารถกระตุ้น seizure ได้ แม้ไม่มีไข้ → สนับสนุนว่า cytokine อาจเป็น trigger ได้จริง มากกว่าแค่ temperature elevation
• สรุปว่า Febrile seizure และ fever อาจเป็นแค่ "collateral events" จาก immune response ใน context ของการติดเชื้อ
• การให้ยาลดไข้จึง ไม่สามารถป้องกัน febrile seizure ได้ เพราะไม่ได้จัดการที่ตัว inflammatory process ที่เกิดขึ้น
• ทุก paper เน้นย้ำว่าเราควรให้ความรู้พ่อแม่ว่า Febrile seizures มักจะ benign และไม่ได้มี long-term neurological or cognitive damage เพื่อลดความตื่นตะหนกตกใจของพ่อแม่

=========================================
❓ Q5: มีหลักฐานที่เป็น Clinical research ไหมที่บอกว่ายาลดไข้ไม่สามารถป้องกัน febrile seizure
• มีเยอะเลย ยกตัวอย่างเช่น (คัดมาเฉพาะที่เป็น meta-analysis)
>> Rosenbloom et al. (2013) meta-analysis n = 520 ที่เคยเป็น Febrile seizure มาก่อน; พบว่ากลุ่มที่ได้รับยาลดไข้และกลุ่มยาหลอก อัตราการเกิด febrile seizure ไม่ต่างกัน (22.7% ในคนที่ได้ยาลดไข้และ24.4% ในคนที่ได้ placebo)
>> Hashimoto et al. (2021) meta-analysis n = 1503 ที่วินิจฉัย Febrile seizure; พบว่ากลุ่มที่ได้รับยาลดไข้และกลุ่มยาหลอก อัตราการเกิด recurrent febrile seizure ไม่ต่างกัน

=========================================
❓ Q6: ถ้าต้องให้ยาลดไข้ paracetamol หรือ ibuprofen ดีกว่ากัน? ให้สลับกันได้ไหม?
• Paracetamol: ปลอดภัยที่สุด ใช้ได้ทุกวัย ขนาด 10–15 mg/kg q4–6hr
• Ibuprofen: ใช้ได้เหมือนกันแต่หลีกเลี่ยงในเด็กที่ dehydration (เสี่ยง AKI)
*** สิ่งที่ต้องระวังในไทยคือเด็กที่เสี่ยงเป็นไข้เลือดออก ห้ามกิน ibuprofen ***
• ไม่แนะนำการให้ยาสองชนิดพร้อมกัน
• พิจารณาให้ยาแบบสลับกันได้ เฉพาะเมื่อความ discomfort กลับมาก่อนถึงเวลาให้ยาครั้งต่อไป
เช่น ให้ paracet ไปแล้ว แต่ผ่านไปไม่ถึง4ชั่วโมงแล้วเด็กมีอาการไม่สุขสบายใหม่ก็สามารถให้ ibuprofen แทนได้

=========================================
❓ Q7: เช็ดตัวลดไข้ (Tepid sponge) มีคำแนะนำยังไงบ้าง?
• Guideline ปัจจุบันทั้ง AAP, WHO, NICE ไม่แนะนำการเช็ดตัวเพื่อลดไข้
[Tepid sponging is not effective and not recommended]
• สาเหตุของการแนะนำแบบนี้เขียนไว้ดังนี้
1. จุดมุ่งหมายของการลดไข้คือเพื่อความสบายตัวของเด็ก แต่การเช็ดตัวพบว่าเพิ่มความ discomfort และ adverse effect เป็นอย่างมาก [RR ประมาณ5เท่าเมื่อเทียบกับการไม่ทำ] ได้แก่ shivering, goose pimples (cutis anserina), crying, irritable
2. การเช็ดตัวทำให้เกิดการ mismatch ระหว่าง the hypothalamic set point and skin temperature ซึ่งจะทำให้เกิด 1.peripheral vasoconstriction 2. metabolic heat production ด้วยวิธี shivering และสุดท้ายก็จะ increased discomfort

🧪 Evidence ทั้งหมดที่มีส่วนมากเป็นไปในทางเดียวกัน คือ
1. Tepid sponge vs placebo; ลดไข้ไม่แตกต่างกัน
2. Tepid sponge vs ยาลดไข้; พบว่าการเช็ดตัวเพียงอย่างเดียวลดไข้ได้น้อยกว่าการกินยาลดไข้
3. Tepid sponge+ ยาลดไข้ vs ยาลดไข้ alone; การใช้ร่วมกันจะทำให้อุณหภูมิลดลงเร็วกว่าแค่ในช่วง 15-30 นาทีแรก แต่หลังจากนั้นอุณหภูมิของทั้งสองกลุ่มก็เท่ากัน
• มี Guideline ของ Australia (RCH); เขียนไว้ว่าสามารถใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดหน้าผาก เช็ดหน้าได้แบบเบาๆ แต่จุดประสงค์เพื่อให้รู้สึกสบายตัวขึ้นเฉยๆ
• ไม่มี paper ไหนที่เขียนถึงการให้เช็ดตัวแรงๆจนตัวแดง หรือเช็ดตัวย้อนรูขุมขนเพื่อให้ลดไข้ได้มากขึ้น

=========================================
❓ Q8:หลายคนแย้งว่า… guideline ที่ไม่แนะนำให้เช็ดตัวลดไข้ มาจากประเทศเมืองหนาว แต่ไทยคือเมืองร้อนนะ?
• มีงานวิจัยของประเทศเมืองร้อนเองก็มีเยอะ เช่นของประเทศไนจีเรีย มาลาวี อินโดนีเซีย บราซิล อินเดีย ฯลฯ

• 🔍 สรุปจากงานวิจัยในบริบทเขตร้อน
1. Mini-review 2021: เน้นการศึกษาใน hot tropical climates[ประเทศกานา ไนจีเรีย มาลาวี]โดยเฉพาะ
สรุปว่า tepid sponging นั้นไม่มีประสิทธิภาพในการลดไข้และมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการให้ยาพาราเซตามอลในการลดไข้ภายใน 2 ชั่วโมงหลังการรักษา (อุณหภูมิลดลงเฉลี่ย 0.39°C ในกลุ่มเช็ดตัว และ 1.6°C ในกลุ่มพาราเซตามอล)
2. Meta-analysis(Lim et al., 2018); รวมการจากหลายประเทศรวมถึง บราซิล อินเดีย ไทย และประเทศเขตร้อนอื่น ๆ
สรุปว่า no significant effect of tepid massage on temperature in febrile children และยังเพิ่มความไม่สบายตัวให้แก่เด็กอีกด้วย
3. Systematic review ปี 2024 (อินเดีย, ปากีสถาน, ไทย): มี 3/6 การศึกษาที่บอกว่าเช็ดตัวร่วมกับยาลดไข้ไม่ต่างจากการให้ยาเดี่ยวๆ

• ✅ สรุปงานวิจัยที่บอกว่าเช็ดตัวอาจจะช่วยได้
1. การศึกษาในบราซิล (2008): เช็ดตัว + ยาลดไข้ = ไข้ลดเร็วช่วง 15 นาทีแรกเท่านั้น แต่ยาลดไข้เดี่ยวๆควบคุมไข้ได้ดีกว่าในระยะ 2 ชม. แต่การเช็ดตัวแลกมากับการทำให้เด็กหลายคนหงุดหงิด ร้องไห้
2. systematic review ปี 2024 (อินเดีย, ปากีสถาน, ไทย): มี 3/6 การศึกษาที่บอกว่าเช็ดตัวร่วมกับยาลดไข้ช่วยลดไข้ได้ในช่วงแรกๆแปปนึง หลังจากนั้นก็ไม่ต่างจากการกินยาเดี่ยวๆ

=========================================
❓ Q9: ถ้าไม่เช็ดตัว แล้วควรดูแลเด็กที่มีไข้อย่างไร?
• เน้นการ hydration 💧 → น้ำเปล่า/น้ำผลไม้/ORS/นมแม่
• ถ้าเด็กไม่กินอาหารไม่ต้องบังคับ แต่ต้องเน้น hydration เป็นหลัก
• อยู่ในห้องเย็นอากาศถ่ายเท (~25°C)
• ใส่เสื้อผ้าบาง ไม่ห่อตัวแน่น
• ลดกิจกรรมหนัก พักผ่อนเพียงพอ

=========================================
❓ Q10: เด็กมีไข้แบบไหนต้องไปหาหมอ?
• อายุ < 3 เดือน มีไข้ >38C (โอกาส occult bacteremia สูง)
• เด็กทุกคนที่มีไข้ >38C "ร่วมกับ" อาการอื่นๆต่อไปนี้
1. อ้วกเยอะ ท้องเสียเยอะ กินได้น้อยมาก โอกาส dehydrate สูง
2. ดูง่วงซึม นอนหลับเยอะผิดปกติ
3. หายใจหอบ หายใจเหนื่อย หายใจผิดปกติ
4. ไข้นานกว่า 24 ชั่วโมงในเด็กอายุ

16/07/2025
16/06/2025

ยาคุมสูตรเอสโตรเจนธรรมชาติ🍃🌿

มาแล้วๆๆๆคร่าาา
03/06/2025

มาแล้วๆๆๆคร่าาา

https://www.facebook.com/abhthaimed/posts/pfbid02ZRBgqtk1QxdyDaGjrWsHfpmnKW1beTGeB1uNJNB66Er6oU15q2FXjmUaUjvqTDBml
30/05/2025

https://www.facebook.com/abhthaimed/posts/pfbid02ZRBgqtk1QxdyDaGjrWsHfpmnKW1beTGeB1uNJNB66Er6oU15q2FXjmUaUjvqTDBml

อัพเดตการใช้ฟ้าทะลายโจร โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เริ่มมีอาการป่วยกันเยอะขึ้น
🩺 ถ้ามีอาการ รีบใช้ยาไว หายเร็ว นะคะ 🤩

✅ ยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้เป็น First line drug สำหรับการรักษากลุ่มอาการระบบทางเดินหายใจส่วนต้น และถูกบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ (บัญชียาจากสมุนไพร) โดยมีข้อบ่งใช้ บรรเทาอาการหวัด เช่น เจ็บคอ ไข้ ไอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการในผู้ป่วยโควิd 19 ที่มีความรุนแรงน้อย บรรเทาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น อุจจาระไม่มีมูกหรือมีเลือดปน

📍สำหรับการใช้ยาให้มีประสิทธิภาพ ควรเริ่มยาในระยะเริ่มต้นของโรค จะเห็นผลได้ดีกว่าการใช้ในระยะหลัง และสามารถหยุดยาได้เมื่ออาการดีขึ้น โดยไม่มีผลทำให้ดื้อยา

🔬 จากการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ พบว่าฟ้าทะลายโจรมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการของไข้หวัด โดยมีฤทธิ์ลดไข้ ต้านอักเสบ และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการรักษาไข้หวัด (common cold) มีผู้เข้าร่วมงานวิจัยทั้งสิ้น 300 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ 1) ได้รับฟ้าทะลายโจร 200 mg/day 2) ได้รับฟ้าทะลายโจร 400 mg/day และ 3) ได้รับยาหลอก ให้ยาเป็นเวลา 7 วัน ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มที่ได้รับ 400 mg มีคะแนนความรุนแรงของโรคหลังได้ยาน้อยกว่ากลุ่มที่ได้ 200 mg และกลุ่มที่ได้รับยาหลอก ในวันที่ 3 (400 mg: 5.70, 200 mg: 5.81, ยาหลอก: 9.55, p = 0.004) แต่ไม่แตกต่างกันในวันที่ 5 กับ 7

🔬 การศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิด-19 ที่อาการไม่รุนแรง ให้ในขนาด Andrographolide (AD) 84 mg/day โดยให้กินครั้งละ 4 แคปซูล (AD 7 mg/cap) วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน พบว่าคะแนนรวมของกลุ่มอาการโควิd 19 ลดลง ในวันที่ 3, 6, 14 เมื่อเทียบกับวันแรกแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) และเมื่อครบ 14 วัน พบว่าผู้ป่วย 67.59% หายจากการติดเชื้อโควิd 19 ระยะเวลาเฉลี่ยคือ 10.32 วัน และ 98.62% ของผู้ป่วยไม่พบอาการข้างเคียงจากการใช้

💊ขนาดและวิธีใช้
✅ อาการไข้หวัด เจ็บคอ: ได้รับ Andrographolide 60-120 มก./วัน แบ่งให้วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร เป็นเวลา 5-7 วัน

✅ ท้องเสีย: กินผงฟ้าทะลายโจรครั้งละ 500 มก. - 2 ก. วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน

✅ โควิd 19 ที่อาการรุนแรงน้อย:
o ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป): กินฟ้าทะลายโจรที่มี andrographolide 180 มก./วัน แบ่งให้วันละ 3 ครั้ง (กินครั้งละ 5 แคปซูล) เป็นเวลา 5 วัน **(หรือรับประทานฟ้าทะลายโจรแคปซูล ในขนาดแอนโดรกราโฟไลด์144 มก/วัน ก็สามารถใช้รักษาอาการได้เช่นกัน ตามข้อมูลของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร แบ่งกิน มื้อละ 3 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง 5 วัน )**

o เด็กอายุ 4-11 ปี: กินฟ้าทะลายโจรที่มี andrographolide 30 มก./วัน โดยให้รับประทาน 1 แคปซูล แบ่งให้วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน

o อาจยืดระยะเวลาการให้ได้ถึง 7-10 วัน ขึ้นกับอาการทางคลินิก

⚠ อาการข้างเคียงที่อาจพบ : ปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ เบื่ออาหาร วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น
⛔️ ข้อห้ามใช้
• ห้ามใช้ในผู้ที่มีอาการแพ้ฟ้าทะลายโจรหรือพืชกลุ่ม acanthaceae เช่น เสลดพังพอน ทองพันชั่ง พญาวานร
• ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร เนื่องจากทำให้ทารกวิรูป
⚠ ข้อควรระวัง
• มีฤทธิ์ยับยั้งการเกาะกลุ่มกันของเกล็ดเลือด จึงต้องระวังการใช้ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants) เช่น warfarin, NOACs และยาละลายลิ่มเลือด (antiplatelets) เพราะอาจเสริมฤทธิ์กันได้
• มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ CYP ได้หลายตัว จึงต้องระวังการใช้ร่วมกับยาที่ต้องถูกกำจัดผ่านเอนไซม์เหล่านี้ เช่น tamoxifen (CYP1A2), amitriptyline/phenytoin (CYP2C9), statins/protease inhibitors/itraconazole (CYP3A4) เป็นต้น
• อาจต้านยากดภูมิคุ้มกันได้ เนื่องจากช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

💡คำแนะนำเพิ่มเติม
• ระหว่างการใช้หากมีอาการรุนแรงหรือใช้ติดต่อกัน 3 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์
• ระวังการใช้ในผู้ที่มีการทำงานของตับผิดปกติ
• ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะเป็นสมุนไพรฤทธิ์เย็น อาจทำให้แขนขาชา อ่อนแรง กล้ามเนื้อเปลี้ยหรือท้องผูกได้

📍 ข้อมูลขนาดการใช้ยาที่แนะนำอ้างอิงตามขนาดยาแคปซูลฟ้าทะลายโจรอภัยภูเบศร ตามภาพ
“ยาแคปซูลฟ้าทะลายโจรอภัยภูเบศร” ประกอบด้วยผงยาฟ้าทะลายโจร ขนาด 400 มิลลิกรัม/แคปซูล (Andrographolide 12 mg/แคปซูล) วัตถุดิบมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ 100%

🔖 อ้างอิง
• Poolsup N, Suthisisang C, Prathanturarug S, Asawamekin A, Chanchareon U. Andrographis paniculata in the symptomatic treatment of uncomplicated upper respiratory tract infection: systematic review of randomized controlled trials. J Clin Pharm Ther. 2004;29(1):37-45.
• Gupta S, Mishra KP, Ganju L. Broad-spectrum antiviral properties of andrographolide. Arch Virol. 2017;162(3):611-23.
• Hossain S, Urbi Z, Karuniawati H, Mohiuddin RB, Moh Qrimida A, Allzrag AMM, et al. Andrographis paniculata (Burm. f.) Wall. ex Nees: An Updated Review of Phytochemistry, Antimicrobial Pharmacology, and Clinical Safety and Efficacy. Life (Basel). 2021;11(4).
• Raj JP, Maurya MR, Nair N, Marfatia H, Hadaye R, Gogtay NJ. Efficacy and safety of AP-Bio®(KalmCold®) in participants with uncomplicated upper respiratory tract viral infection (common cold) − A phase III, double-blind, parallel group, randomized placebo-controlled trial. Complementary Therapies in Medicine. 2023;73:102934.
• ถมอุดทา ป, ถมอุดทา อ, สระมุณี ก, ราชรามแก้ว ศ, มาตย์วิเศษ ป, คำสีเขียว จ, et al. ประสิทธิผลและความปลอดภัยของการใช้ฟ้าทะลายโจร ในการรักษาโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม. 2023;20(3):220-35.

15/03/2025

Trick ที่ 17 !
เทคนิคการจำชื่อตำแหน่งการติดเชื้อราตามส่วนต่างๆของร่างกาย (Site of fungal skin infections)
🥲🦠
รู้หรือไม่? ว่ามีวิธีการท่องจำอย่างง่ายๆของตำแหน่งต่างๆของร่างกายที่มีการติดเชื้อรา ดังนี้

1. Tinea capitis
🧢 ที-เนีย-แคป-ปิ-ติ๊ส
แคป ก็คือ หมวกแก๊ปเป็นเชื้อราที่หัว
มักจะพบในเด็ก โดนเฉพาะในเด็กที่เลี้ยงในศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่มีการจัดการสุขภาพที่ไม่ดี มีความสกปรก .. กรณีที่พบในผู้ใหญ่ อาจบ่งบอกถึงสุขอนามัยของคนนั้นๆ ซึ่งอาจจะมาอาชีพที่ทำ ทำให้อับชื้อ เช่น คนขับวินมอไซต์ ที่ต้องใส่หมวกกันน็อคตลอดเวลา เป็นต้น

2. Tinea barbae . . .
🧔‍♂️ หนวด ท่องว่า "barb" แปลว่า "หนาม" มีลักษณะคล้ายหนวดทิ่มแทงก็เหมือนหนาม จึงจำได้ง่ายว่าขึ้นบริเวณที่หนวด เคราขึ้น ซึ่งบริเวณนี้มักพบได้ง่ายในผู้ชายที่มีหนวด และเมื่อโกนออก จะพบร่องรอยเชื้อราได้

3. Tinea corporis
🧍‍♂️🧍‍♀️ที-เนีย-คอร์-โพ-ริส คำว่า "คอร์" สะกดใหม่เป็น "Core"แปลเป็นลำตัว,แกนกลาง เชื้อที่ราที่ขึ้นตามลำตัว,แขน, ขา, แผ่นหลัง หรือหน้าอกเป็นเพราะผิวหนังมีความอับชื้น มีความสกปรกและเชื้อราประจำถิ่น Normal Flora สูญเสียสมดุล จึงเกิดการติดเชื้อรามีลักษณะเด่นที่ทำให้คนไข้รู้สึกไม่สบายลำตัว คัน ระคายเคือง มีลักษณะของรอยผื่นคือ
- วงกลมคล้ายวงแหวน (ringworm) สีผิวที่เป็นผื่นมักจะสีแดงๆ
- รอบๆวงเป็นขอบเขตที่ชัดเจนมาก
- มีขุยๆเป็นผิวหนังขาวๆสะเก็ดลอกที่ขอบ

4. Tinea cruris
🩲👙 ที-เนีย-คูรวย์-ริส คำว่า "Cru" ท่องจำคำว่า "คูรวย์" ก็คือ บ่งบอกตำแหน่งที่เป็น คือ ขาหนีบ, และร่องก้น รวมไปถึงตำแหน่งที่อยู่ใต้ร่มผ้า เป็นการติดเชื้อรา บริเวณเป็นกันมากบริเวณขาหนีบ อาจเรียกว่า “สังคะ” ซึ่งจะลุกลามและกระจายเป็นวงแดงกว้างๆได้ง่าย และมีกลิ่นอับๆ

5. Tinea pedis
👣 ที-เนีย-แพน-ดิส คำว่า "Ped" ท่องว่า "แพน" เป็นชื่อยี่ห้อรองเท้า ซึ่งจำได้ง่าย ติดเชื้อราตรงเท้า, รองระหว่างนิ้วเท้า บริเวณที่มักเป็น คือ
-ซอกเท้าอับๆเหม็นๆ
- ซอกนิ้วมือที่อับชื้น
หากเกิดที่เท้า ซอกนิ้วเท้า ฝ่าเท้า จะเรียกว่า “น้ำกัดเท้า” หรือ “ฮ่องกงฟุต” ซึ่งการที่มีกลิ่นเหม็น เพราะ หมักหมมจนมีเชื้อแบคทีเรียเจิรญเติบโต ทำให้เท้ามีกลิ่นเหม็น

6. Tinea unguium
🖐️💅 ที-เนีย-อัน-เกี้ยม ซึ่งมีอักษร "u" อยู่ 3 ตัว พอเอามาเรียงกัน uuu มองแล้วจะคล้ายเป็น "เล็บนิ้วมือ" ซึ่งโรคนี้เกิดเพราะผู้ป่วยมีบริเวณนิ้วที่เปียกชื้นตลอดเวลา อาชีพที่มักพบว่าเป็นบ่อยๆ ได้แก่
- แม่ค้าปอกผลไม้สด
- พนักงานล้างจาน
- แม่ครัวที่ใส่ถุงมือ
- คนทำผม,ย้อมผมที่ใส่ถุงมือนานๆ
- คนทำเล็บที่ทาทับๆกันนานๆ
สาเหตุเกิดจากเชื้อราได้ไปเกาะที่เล็บ ผิวเล็บมีรอยขีดๆ ขุรขระ ใต้ฐานเล็บหนาขึ้น ถ้าเป็นมากๆเล็บมักจะเปลี่ยนรูปร่างไป ได้แก่ บิดเบี้ยวไม่ได้รูปทรงเดิม มีรอยหยักเป็นลูกคลื่น เป็นต้น
#เภแคร์
#เชื้อราที่เล็บ
#กลาก
#เกลื้อน
#ทริคใบประกอบกับหมอยาแมวส้ม

09/03/2025

การควบคุมโรคหืดที่ไม่รุนแรง (GINA 2024)

สาเหตุที่อยากอธิบายเรื่องนี้ เพราะกลุ่มหืดไม่รุนแรง ถ้าคุมไม่ดีจะกลายเป็นหืดรุนแรงที่รักษายากในที่สุด อีกอย่างคือ กลุ่มหืดไม่รุนแรงมักจะสบายดี ไม่ได้นัดติดตามบ่อย มีโอกาสขาดยาและเข้าใจการรักษาคลาดเคลื่อนได้บ่อย

1.ไม่ใช้ยาพ่นรักษาอาการแบบออกฤทธิ์เร็ว ขอเรียก SABA เพียงตัวเดียวในการควบคุมโรคหืด ต้องใช้ยาสูดพ่นสเตียรอยด์ร่วมด้วยเสมอ

2.การรักษาจะแบ่งเป็น 2 tract คือ แบบแนะนำและแบบทางเลือก และต้องประเมินอาการ ใช้วิธีรักษาที่ไม่ใช้ยาร่วมด้วยเสมอ

3.tract แนะนำ จะใช้ยาขยายหลอดลม formoterol และยาสูดสเตียรอยด์เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันจะเป็นอุปกรณ์รวมใช้อันเดียว .. บอกนิดนึงว่า formoterol มันออกฤทธิ์ยาวนานเกือบทั้งวัน แต่เนื่องจากมันทำงานเร็วมากพอกันกับ SABA จึงมาใช้แก้ไขอาการเฉียบพลันได้ด้วย

4.tract แนะนำ จะใช้ยาในข้อสาม เมื่อเวลามีอาการ หรือถ้าอาการเกิดเริ่มบ่อย ก็จะใช้ยาในข้อสามทุกวัน และสูดเพิ่มเวลามีอาการ เรียกว่า พกอันเดียวได้ทั้งควบคุมและแก้ไข

5.มาดู tract ทางเลือกกันบ้าง อันนี้จะแบ่งเป็นสองขั้น สำหรับขั้นแรก อาการเบา ๆ เกิดน้อยครั้ง จะใช้ยาสูด SABA เวลามีอาการ “และ” ร่วมกับยาสูดสเตียรอยด์พร้อมกันเสมอ นั่นคือใช้สองอุปกรณ์

6.สำหรับ tract ทางเลือกที่อาการเยอะขึ้น แต่ยังไม่รุนแรง พอคุมได้ จะใช้ยาสูดสเตียรอยด์ขนาดต่ำคุมอาการไว้ทุกวัน และเมื่อกำเริบจะใช้ยาสูด SABA คู่กับยาสูดสเตียรอยด์ที่ใช้อยู่ เพิ่มเติมเข้าไป

7.ถ้าอาการมากขึ้นแล้ว ไม่ว่า tract แนะนำหรือทางเลือกจะใช้ ยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์นานคู่กับยาสูดสเตียรอยด์เป็นหลัก

8.ข้อแตกต่างสำคัญของสอง tract คือ tract แนะนำจะเน้นยาขยายหลอดลม formoterol ออกฤทธิ์เร็วและอยู่นาน ส่วน tract ทางเลือกไม่ได้กำหนดชนิดยา ยืดหยุ่นกว่า แต่ต้องใช้หลายอุปกรณ์ อาจสับสนได้

9.อีกความสำคัญที่อุปกรณ์รวม ที่ดีกว่าอุปกรณ์แยก ถึงแม้เป็นตัวยาเดียวกัน เพราะในอุปกรณ์เดียวกันเวลาสูดพ่น การกระจายยาของยาขยายหลอดลมและสเตียรอยด์จะสม่ำเสมอ มากกว่าการใช้สองหรือสามอุปกรณ์ที่ต่างกัน คนละเวลากัน

10.ไม่ว่าจะ tract ใด ใช้ยากี่ตัว สิ่งสำคัญคือ อย่าหยุดรักษา อย่าหยุดติดตาม เพราะโรคหืดคือโรคอักเสบเรื้อรัง หากเราหยุดรักษาหยุดติดตาม อาจจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับ fixed obstruction ไปแล้ว

13/08/2024
12/08/2024

ร้านยาปิยะบุญเภสัช💊💊
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ
PHARMACIST
ร้านยาที่เข้าใจผู้หญิง

เชิญเข้ามาปรึกษาได้เลยนะคะ..

29/12/2023

>>สายบุญ สายมู มาทางนี้ ปังๆรับปีใหม่😇🙏🏻✨

💊รับจัดสังฆทานยา “ตามราคาที่คุณต้องการ”

👉🏻ทักสั่งมาได้เลย ปิยะบุญเภสัช-Piyaboon Pharmacy

📍ร้านปิยะบุญเภสัช (ข้าง 7-11 ตลาดศรีทรายมูล)
https://maps.app.goo.gl/1AYPn3k4oHH861kUA?g_st=ic

📞 06-1891-5996

#ชุดนี้ลูกค้าสั่งจัด300บาท😊🙏🏻

>>สายบุญ สายมู มาทางนี้ ปังๆรับปีใหม่😇🙏🏻✨💊รับจัดสังฆทานยา “ตามราคาที่คุณต้องการ”👉🏻ทักสั่งมาได้เลย ปิยะบุญเภสัช-Piyaboon ...
28/12/2023

>>สายบุญ สายมู มาทางนี้ ปังๆรับปีใหม่😇🙏🏻✨

💊รับจัดสังฆทานยา “ตามราคาที่คุณต้องการ”

👉🏻ทักสั่งมาได้เลย ปิยะบุญเภสัช-Piyaboon Pharmacy

📍ร้านปิยะบุญเภสัช (ข้าง 7-11 ตลาดศรีทรายมูล)
https://maps.app.goo.gl/1AYPn3k4oHH861kUA?g_st=ic

📞 06-1891-5996

#ชุดนี้ลูกค้าสั่งจัด500บาท😊🙏🏻

ที่อยู่

ร้านปิยะบุญเภสัช 27/5 ม. 11 ต. รอบเวียง อ. เมือง
Chiang Rai
57000

เวลาทำการ

จันทร์ 07:30 - 21:00
อังคาร 07:30 - 21:00
พุธ 07:30 - 21:00
พฤหัสบดี 07:30 - 21:00
ศุกร์ 07:30 - 21:00
เสาร์ 07:30 - 21:00
อาทิตย์ 07:30 - 21:00

เบอร์โทรศัพท์

+66618915996

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ปิยะบุญเภสัช-Piyaboon Pharmacyผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram