คลินิคหมอพงษ์ศักดิ์ โรคนิ่ว เชียงรายPongsak Uro Clinic

คลินิคหมอพงษ์ศักดิ์ โรคนิ่ว เชียงรายPongsak Uro Clinic แพทย์ประจำโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบ

02/12/2025

คลินิกหยุด

31/12/68-1/1/69
สวัสดีปีใหม่ครับ.🩷

06/11/2025

📌 ตารางให้บริการคลินิกพิเศษเฉพาะทางนอกเวลา (SMC) ประจำเดือนพฤศจิกายน 2568
คลิกเลย 👉http://www.crhospital.org/webboard/?action=board_post&H_ID=10129
🕓 จันทร์ – ศุกร์ เวลา 16.00 – 20.00 น.
🕗 เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 08.00 – 16.00 น.
💵 ค่าบริการเริ่มต้น 400 บาท
(ยกเว้นคลินิกเวชศาสตร์ครอบครัว 300 บาท)
☎️ สอบถามเพิ่มเติม / นัดหมายล่วงหน้า
053-910604 (ในเวลาราชการ)
053-910600 ต่อ 1771 (นอกเวลาราชการ)
ินิก #ทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สามารถมารับบริการในเวลา
ค่าบริการเพิ่มเติมที่มาพร้อมกับลดการรอคอย จองคิวได้นัดหมาย และระบุแพทย์เฉพาะทางได้ (ตามตารางการออกตรวจ) พร้อมบริการพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย
🔔 หมายเหตุ : ตารางแพทย์อาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาติดต่อสอบถามก่อนเข้ารับบริการ

25/10/2025
24/10/2025
22/10/2025
13/10/2025

คลินิก
เปิดทำการ บางบริการ
ศุกร์ 16/10/68

02/10/2025

📍AJKD เผยงานวิจัย📚 “กาแฟและคาเฟอีน”ลดความเสี่ยง “โรคนิ่วในไต” ได้ 🪨
+ ชวนมาอ่านงานวิจัยแบบละเอียดกันครับ 🤓
—————————————————————————
▪️อ้างอิงจาก https://bit.ly/3m9tehr
—————————————————————————
🔹ขอแบ่งเป็น 7️⃣ หัวข้อดังนี้ครับ

☕️1️⃣ ทำไมกาแฟอาจลดความเสี่ยงนิ่วในไตได้? 🤔
☕️2️⃣ Mendelian Randomization คืออะไร? 🧬
☕️3️⃣ เขาศึกษากันยังไง? 🔬
☕️4️⃣ วิเคราะห์ยังไงให้มั่นใจ? 📊🔍
☕️5️⃣ ผลลัพธ์ที่ได้ 📈
☕️6️⃣ กาแฟป้องกันนิ่วได้ยังไง? 💡
☕️7️⃣ จุดแข็งและข้อจำกัดของงานวิจัย 📝

—————————————————————————
☕️1️⃣ ทำไมกาแฟอาจลดความเสี่ยงนิ่วในไตได้? 🤔
—————————————————————————

🔹โรคนิ่วในไต 🪨 เป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก 🔎 พบได้สูงถึง 15% ของประชากร
อาการก็มักจะทรมาน 🩸 เช่น ปวดหลัง ปวดเอว ปัสสาวะมีเลือด บางครั้งต้องผ่าตัดเอาออก 🏥

▪️หลายปีที่ผ่านมา 📚 งานวิจัยเชิงสังเกต (observational studies) พบว่า…
👉 คนที่ดื่ม กาแฟ ☕️ หรือ คาเฟอีน 🧃 เป็นประจำ มักมีโอกาสเกิดนิ่วในไตน้อยกว่า 🛡️

▪️แต่ปัญหาคือ… ❓
📌 งานวิจัยแบบนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า กาแฟคือ “สาเหตุจริง ๆ” ✅
หรือเป็นเพียงเพราะ พฤติกรรมอื่น ๆ ของคนดื่มกาแฟ (เช่น ดื่มน้ำเยอะ 💧, ใช้ชีวิตต่างไป 🏃‍♂️, หรือมีโภชนาการแตกต่าง 🍽️) กันแน่

▪️เพราะฉะนั้น นักวิจัยจากสวีเดน 🇸🇪 เลยอยากหาคำตอบที่ชัดเจน 💡 ว่า…
“การดื่มกาแฟ ☕️ และคาเฟอีนมีผลจริง ๆ ต่อการลดความเสี่ยงนิ่วในไต 🪨 หรือไม่?”

➡️ และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของงานวิจัยแบบใหม่ 🧬 ที่เรียกว่า
✨ Mendelian Randomization Study ✨
งานวิจัยที่ใช้ “พันธุกรรม” 🧬 มาเป็นเครื่องมือพิสูจน์ว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวข้องกันแบบ เหตุและผล (causal relationship) จริง ๆ

—————————————————————————
☕️2️⃣ Mendelian Randomization คืออะไร? 🧬
—————————————————————————

เวลาเราอ่านงานวิจัย 📝 หลายครั้งเจอปัญหา “ไก่กับไข่” 🐔🥚
เช่น คนดื่มกาแฟน้อย 🎽 อาจออกกำลังกายมากกว่า หรือกินอาหารต่างจากคนทั่วไป 🍱

📍ทีนี้พอไปเจอว่านิ่วในไตน้อยกว่า 🪨 เราจะมั่นใจได้ยังไงล่ะ ❓ ว่าเป็นเพราะ “กาแฟ” จริง ๆ
หรือเพราะ “พฤติกรรมอื่น” กันแน่ 🤔

➡️ นี่แหละครับที่ Mendelian Randomization (MR) เข้ามาช่วย 💡

🔹 หลักการของ MR คือใช้ พันธุกรรม (genetics) 🧬 เป็นตัวแทน
เพราะยีนถูกสุ่มมาให้เราตั้งแต่เกิด 🎲 ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมภายนอก
ดังนั้นการใช้ genetic variants มาทำวิจัย จะช่วยลด confounding factors 📉 เช่น การกินอยู่ การออกกำลังกาย หรือสิ่งแวดล้อม 🌍

📌 MR มีสมมติฐานหลัก 3 ข้อ
——————————————-
1️⃣ Genetic variants ที่เลือก ต้องสัมพันธ์กับการดื่มกาแฟ/คาเฟอีนจริง ๆ ☕️
2️⃣ ยีนเหล่านี้ต้องไม่ไปเกี่ยวข้องกับตัวแปรกวน (confounders) เช่น ไลฟ์สไตล์ 🚶‍♂️
3️⃣ ยีนควรส่งผลต่อความเสี่ยงนิ่วในไต 🪨 แค่ผ่าน “กาแฟหรือคาเฟอีน” เท่านั้น ไม่ใช่เส้นทางอื่น 🚫

พูดง่าย ๆ คือ…
🔒 Mendelian Randomization = การสุ่มทดลองโดยธรรมชาติผ่านยีน
มันทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ “ใกล้เคียง” กับการทดลองแบบสุ่ม (randomized controlled trial) มากขึ้น 🧪

—————————————————————————
☕️3️⃣ เขาศึกษากันยังไง? 🔬
—————————————————————————

🔹นักวิจัยใช้วิธี Mendelian Randomization (MR) 🧬 โดยเลือก ยีน (genetic variants) ที่สัมพันธ์กับการดื่มกาแฟและคาเฟอีนมาเป็น “ตัวแทน” ของพฤติกรรม ☕️

🧬 1. ยีนที่ใช้เป็นตัวแทน (Genetic Instruments)
—————————————————————————
• มี 15 SNPs (single-nucleotide polymorphisms) ที่เกี่ยวข้องกับ การดื่มกาแฟ ☕️
• และ 2 SNPs ที่เกี่ยวข้องกับ การบริโภคคาเฟอีน 🧃
• SNPs พวกนี้มาจาก การศึกษา GWAS (Genome-Wide Association Study) ขนาดใหญ่ 📊 รวมคนยุโรปกว่า 375,000 คน

➡️ นักวิจัยเอาค่า ผลของยีน (effect size) ไปแปลงให้เทียบง่าย ๆ เช่น
👉 ถ้าใครมียีนนี้ จะเหมือนกับการเพิ่มการดื่มกาแฟขึ้น 50% (จากวันละ 1 ถ้วย → 1.5 ถ้วย) ☕➡️☕+½
👉 สำหรับคาเฟอีน เทียบกับการเพิ่มขึ้น 80 mg = ประมาณกาแฟ 1 ถ้วย 🧃

📊 2. ข้อมูลโรคนิ่วในไต (Kidney Stones)
—————————————————————
ข้อมูลมาจาก 2 แหล่งใหญ่ 🔎
1️⃣ UK Biobank 🇬🇧 – เคสนิ่วในไต 6,536 คน + คนไม่เป็นนิ่ว 388,508 คน
2️⃣ FinnGen Consortium 🇫🇮 – เคส 3,856 คน + ไม่เป็นนิ่ว 172,757 คน

การวินิจฉัยนิ่วในไต 🪨 ใช้ตามรหัสโรคสากล (ICD codes) และข้อมูลการรักษา 🏥

🛡️ 3. การควบคุมคุณภาพข้อมูล
————————————————-
นักวิจัยตัดข้อมูลของคนที่…
• ไม่ทราบเพศชัดเจน ⚧️
• ข้อมูลยีนหายไปเยอะเกิน 5% ❌
• มีค่าความผิดปกติทางพันธุกรรมสูงเกินปกติ 📉
• ไม่ใช่สายพันธุ์ยุโรป (เพื่อให้กลุ่มตัวอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน) 🌍

สรุปง่าย ๆ คือ…
นักวิจัยใช้ “ยีน” 🧬 เป็นตัวแทนการดื่มกาแฟ/คาเฟอีน ☕🧃
แล้วไปจับคู่กับ “การเกิดนิ่วในไต” 🪨 จากข้อมูลสุขภาพของคนยุโรปหลายแสนคน 👥

—————————————————————————
☕️4️⃣ วิเคราะห์ยังไงให้มั่นใจ? 📊🔍
—————————————————————————

นักวิจัยไม่ได้ดูข้อมูลแบบตรง ๆ อย่างเดียว แต่ใช้เครื่องมือทางสถิติหลายแบบ ✅ เพื่อให้ผลลัพธ์ แม่นยำและน่าเชื่อถือที่สุด

🧩 1. วิธีหลักที่ใช้ → Inverse-Variance Weighted (IVW)
—————————————————————————
• วิธีนี้คือการรวมผลจากหลาย ๆ SNP 🧬 ที่เกี่ยวข้องกับกาแฟ/คาเฟอีน
• คล้ายกับ “การถัวเฉลี่ย” แต่ให้น้ำหนักมากกับข้อมูลที่แม่นยำกว่า ⚖️
• ใช้แบบ random effects สำหรับกาแฟ ☕
• และ fixed effects สำหรับคาเฟอีน 🧃 (เพราะมี SNPs น้อยกว่า 3 ตัว)

🛠️ 2. Sensitivity Analysis (ทดสอบความทนของผลลัพธ์)
—————————————————————————
📍มีการตรวจสอบซ้ำด้วยหลายวิธี:
• Weighted Median Method ➡️ ถ้าอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของ SNPs ถูกต้อง ผลก็ยังคงแม่นยำ 📐
• MR-Egger Regression ➡️ เช็กว่ามี pleiotropy (ยีนตัวเดียวไปมีผลต่อหลายอย่าง) หรือไม่ 🧬↔️🪨
• MR-PRESSO ➡️ คัดออก SNP ที่เป็น “outlier” ⚡ ที่อาจบิดเบือนผล แล้วลองวิเคราะห์ใหม่

📊 3. ค่าชี้วัดเพิ่มเติม
———————————
• ใช้ F-statistic → ดูว่ายีนที่เลือกมาเป็นตัวแทนการดื่มกาแฟ/คาเฟอีน แข็งแรงพอหรือไม่ 💪
• ใช้ Cochrane Q test → เช็กความ “heterogeneity” ระหว่าง SNPs แต่ละตัว 🔎

พูดง่าย ๆ คือ…
🔒 งานนี้ไม่ใช่แค่หาความสัมพันธ์ธรรมดา แต่ตรวจสอบหลายชั้น 🔍 เพื่อป้องกันการสรุปผิด ๆ

—————————————————————————
☕️5️⃣ ผลลัพธ์ที่ได้ 📈
—————————————————————————

➡️ ใช้ข้อมูลจาก 2 ฐานใหญ่
• UK Biobank 🇬🇧 → เคสนิ่ว 6,536 ราย + ไม่เป็นนิ่ว 388,508 ราย
• FinnGen Consortium 🇫🇮 → เคสนิ่ว 3,856 ราย + ไม่เป็นนิ่ว 172,757 ราย

แล้วเอามารวมกันเป็น meta-analysis 🔎

☕ ผลของ “กาแฟ”
—————————
• เมื่อใช้ ข้อมูลพันธุกรรม 🧬 แทนพฤติกรรม
• การดื่มกาแฟที่เพิ่มขึ้น 50% ➡️ ความเสี่ยงนิ่วในไต ลดลงเหลือ OR = 0.57
• แปลว่า “คนที่พันธุกรรมบ่งชี้ว่าดื่มกาแฟมากขึ้น” มีโอกาสเกิดนิ่วในไตน้อยลงเกือบ 43% 🛡️

🧃 ผลของ “คาเฟอีน”
——————————
• เทียบกับการเพิ่มคาเฟอีน 80 mg (≈ กาแฟ 1 ถ้วย)
• ความเสี่ยงนิ่วในไตลดลงเหลือ OR = 0.86
• คิดง่าย ๆ → ลดความเสี่ยงได้ประมาณ 14% 📉

📌 การตรวจสอบซ้ำ (Sensitivity Analyses)
——————————————————————
• ผลยังคง สอดคล้องกัน แม้ใช้วิธี Weighted Median หรือ MR-Egger ✅
• ไม่เจอปัญหา pleiotropy ที่จะทำให้ผลเพี้ยน
• แม้มี outliers บางตัวในข้อมูล FinnGen ⚡ แต่พอลบออก ผลก็ยังออกมาเหมือนเดิม

—————————————————————————
☕️6️⃣ กาแฟป้องกันนิ่วได้ยังไง? 💡
—————————————————————————

💧 1. คาเฟอีนมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ (Diuretic effect)
————————————————————————
• คาเฟอีนออกฤทธิ์ผ่าน adenosine receptors ในไต 🧬
• ทำให้มีการขับน้ำออกมากขึ้น 💦 → ปัสสาวะไหลมากขึ้น 🚽
• ปัสสาวะที่มากขึ้น = ลดโอกาสเกิดการตกผลึกของแร่ธาตุ = ลดการก่อตัวของนิ่ว 🛡️

🧱 2. ลดการเกาะของผลึก (Crystal adhesion)
———————————————————————
• คาเฟอีนช่วยลดการเกาะของ calcium oxalate crystals บนผิวของเซลล์ท่อไต 🧫
• ทำให้โอกาสที่ผลึกจะสะสมจนเป็นก้อนนิ่ว ลดลงไปอีก 📉

🍋 3. กรดซิตริก (Citric acid) ในกาแฟ
———————————————————-
• กาแฟเป็นแหล่งของ citric acid ซึ่งเมื่อถูกขับออกมากับปัสสาวะ → กลายเป็น urinary citrate
• Citrate เป็นตัว “ยับยั้ง” (inhibitor) การก่อตัวของนิ่วในไต 🪨
• ยิ่ง citrate ในปัสสาวะสูงขึ้น ยิ่งป้องกันนิ่วได้ดี 🛡️

🌱 4. สารออกฤทธิ์อื่น ๆ ในกาแฟ
—————————————————
• แม้ กาแฟ decaf (ไม่มีคาเฟอีน) ก็ยังพบผลป้องกันในบางการศึกษา 📚
• เพราะในกาแฟยังมีสาร bioactive อื่น ๆ เช่น trigonelline 🌿 ที่อาจช่วยยับยั้งการก่อตัวของนิ่วได้เช่นกัน

💡 ดังนั้น ไม่ใช่แค่ “คาเฟอีน” เท่านั้น แต่ องค์ประกอบอื่นในกาแฟ ก็อาจช่วยปกป้องไตจากการเกิดนิ่วด้วยครับ 🛡️🪨

————————————————————————— ☕️7️⃣ จุดแข็งและข้อจำกัดของงานวิจัย 📝
—————————————————————————

🌟 จุดแข็งของงานวิจัย
———————————-
• ใช้ Mendelian Randomization (MR) 🧬 ซึ่งลดปัญหา “ตัวแปรกวน” (confounding) ได้มาก
• ข้อมูลจาก 2 แหล่งใหญ่ (UK Biobank 🇬🇧 และ FinnGen 🇫🇮) ให้ผลไปในทิศทางเดียวกัน 📊
• มีการตรวจสอบซ้ำหลายวิธี (sensitivity analyses) และผลยังคงเหมือนเดิม ✅

⚠️ ข้อจำกัดที่ต้องระวัง
———————————-
• ศึกษาเฉพาะ คนเชื้อสายยุโรป → อาจไม่สามารถอธิบายได้ครบทุกเชื้อชาติ 🌍
• ข้อมูลพันธุกรรมของกาแฟ/คาเฟอีน อาจซับซ้อนกว่าที่คาด เช่น พฤติกรรมการดื่มร่วมกับ lifestyle อื่น 🍽️🚶‍♂️
• อาจมี “pleiotropy” (ยีนตัวเดียวส่งผลหลายทาง) ที่เลี่ยงไม่ได้ แต่โดยรวมแล้วผลยังชัดเจน 🧬

📝 ข้อคิดการนำไปใช้
———————————
• ดื่มกาแฟ ในระดับพอดี ☕ (เช่น วันละ 1–2 ถ้วย) อาจช่วยลดความเสี่ยงนิ่วในไตได้ 📉
• ไม่จำเป็นต้องเน้นเฉพาะคาเฟอีน เพราะกาแฟ decaf ก็อาจมีผลดีจากสารอื่น ๆ เช่น citrate และ trigonelline 🌱
• การดื่มน้ำเปล่า 💧 ยังคงเป็น “หัวใจหลัก” ในการป้องกันนิ่วในไต
• และถ้ามีโรคประจำตัว หรือมีข้อห้ามการดื่มกาแฟ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ 🩺

—————————————————————————
#กาแฟ

#นิ่วในไต

22/09/2025

SB,Holmium35w
OT 30min.

ที่อยู่

Chiang Rai
57000

เวลาทำการ

จันทร์ 17:30 - 19:45
อังคาร 17:30 - 19:45
พุธ 17:30 - 19:45
พฤหัสบดี 17:30 - 19:45
ศุกร์ 17:30 - 19:45

เบอร์โทรศัพท์

+66850349388

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิคหมอพงษ์ศักดิ์ โรคนิ่ว เชียงรายPongsak Uro Clinicผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram