02/10/2025
📍AJKD เผยงานวิจัย📚 “กาแฟและคาเฟอีน”ลดความเสี่ยง “โรคนิ่วในไต” ได้ 🪨
+ ชวนมาอ่านงานวิจัยแบบละเอียดกันครับ 🤓
—————————————————————————
▪️อ้างอิงจาก https://bit.ly/3m9tehr
—————————————————————————
🔹ขอแบ่งเป็น 7️⃣ หัวข้อดังนี้ครับ
☕️1️⃣ ทำไมกาแฟอาจลดความเสี่ยงนิ่วในไตได้? 🤔
☕️2️⃣ Mendelian Randomization คืออะไร? 🧬
☕️3️⃣ เขาศึกษากันยังไง? 🔬
☕️4️⃣ วิเคราะห์ยังไงให้มั่นใจ? 📊🔍
☕️5️⃣ ผลลัพธ์ที่ได้ 📈
☕️6️⃣ กาแฟป้องกันนิ่วได้ยังไง? 💡
☕️7️⃣ จุดแข็งและข้อจำกัดของงานวิจัย 📝
—————————————————————————
☕️1️⃣ ทำไมกาแฟอาจลดความเสี่ยงนิ่วในไตได้? 🤔
—————————————————————————
🔹โรคนิ่วในไต 🪨 เป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก 🔎 พบได้สูงถึง 15% ของประชากร
อาการก็มักจะทรมาน 🩸 เช่น ปวดหลัง ปวดเอว ปัสสาวะมีเลือด บางครั้งต้องผ่าตัดเอาออก 🏥
▪️หลายปีที่ผ่านมา 📚 งานวิจัยเชิงสังเกต (observational studies) พบว่า…
👉 คนที่ดื่ม กาแฟ ☕️ หรือ คาเฟอีน 🧃 เป็นประจำ มักมีโอกาสเกิดนิ่วในไตน้อยกว่า 🛡️
▪️แต่ปัญหาคือ… ❓
📌 งานวิจัยแบบนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า กาแฟคือ “สาเหตุจริง ๆ” ✅
หรือเป็นเพียงเพราะ พฤติกรรมอื่น ๆ ของคนดื่มกาแฟ (เช่น ดื่มน้ำเยอะ 💧, ใช้ชีวิตต่างไป 🏃♂️, หรือมีโภชนาการแตกต่าง 🍽️) กันแน่
▪️เพราะฉะนั้น นักวิจัยจากสวีเดน 🇸🇪 เลยอยากหาคำตอบที่ชัดเจน 💡 ว่า…
“การดื่มกาแฟ ☕️ และคาเฟอีนมีผลจริง ๆ ต่อการลดความเสี่ยงนิ่วในไต 🪨 หรือไม่?”
➡️ และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของงานวิจัยแบบใหม่ 🧬 ที่เรียกว่า
✨ Mendelian Randomization Study ✨
งานวิจัยที่ใช้ “พันธุกรรม” 🧬 มาเป็นเครื่องมือพิสูจน์ว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวข้องกันแบบ เหตุและผล (causal relationship) จริง ๆ
—————————————————————————
☕️2️⃣ Mendelian Randomization คืออะไร? 🧬
—————————————————————————
เวลาเราอ่านงานวิจัย 📝 หลายครั้งเจอปัญหา “ไก่กับไข่” 🐔🥚
เช่น คนดื่มกาแฟน้อย 🎽 อาจออกกำลังกายมากกว่า หรือกินอาหารต่างจากคนทั่วไป 🍱
📍ทีนี้พอไปเจอว่านิ่วในไตน้อยกว่า 🪨 เราจะมั่นใจได้ยังไงล่ะ ❓ ว่าเป็นเพราะ “กาแฟ” จริง ๆ
หรือเพราะ “พฤติกรรมอื่น” กันแน่ 🤔
➡️ นี่แหละครับที่ Mendelian Randomization (MR) เข้ามาช่วย 💡
🔹 หลักการของ MR คือใช้ พันธุกรรม (genetics) 🧬 เป็นตัวแทน
เพราะยีนถูกสุ่มมาให้เราตั้งแต่เกิด 🎲 ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมภายนอก
ดังนั้นการใช้ genetic variants มาทำวิจัย จะช่วยลด confounding factors 📉 เช่น การกินอยู่ การออกกำลังกาย หรือสิ่งแวดล้อม 🌍
📌 MR มีสมมติฐานหลัก 3 ข้อ
——————————————-
1️⃣ Genetic variants ที่เลือก ต้องสัมพันธ์กับการดื่มกาแฟ/คาเฟอีนจริง ๆ ☕️
2️⃣ ยีนเหล่านี้ต้องไม่ไปเกี่ยวข้องกับตัวแปรกวน (confounders) เช่น ไลฟ์สไตล์ 🚶♂️
3️⃣ ยีนควรส่งผลต่อความเสี่ยงนิ่วในไต 🪨 แค่ผ่าน “กาแฟหรือคาเฟอีน” เท่านั้น ไม่ใช่เส้นทางอื่น 🚫
พูดง่าย ๆ คือ…
🔒 Mendelian Randomization = การสุ่มทดลองโดยธรรมชาติผ่านยีน
มันทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ “ใกล้เคียง” กับการทดลองแบบสุ่ม (randomized controlled trial) มากขึ้น 🧪
—————————————————————————
☕️3️⃣ เขาศึกษากันยังไง? 🔬
—————————————————————————
🔹นักวิจัยใช้วิธี Mendelian Randomization (MR) 🧬 โดยเลือก ยีน (genetic variants) ที่สัมพันธ์กับการดื่มกาแฟและคาเฟอีนมาเป็น “ตัวแทน” ของพฤติกรรม ☕️
🧬 1. ยีนที่ใช้เป็นตัวแทน (Genetic Instruments)
—————————————————————————
• มี 15 SNPs (single-nucleotide polymorphisms) ที่เกี่ยวข้องกับ การดื่มกาแฟ ☕️
• และ 2 SNPs ที่เกี่ยวข้องกับ การบริโภคคาเฟอีน 🧃
• SNPs พวกนี้มาจาก การศึกษา GWAS (Genome-Wide Association Study) ขนาดใหญ่ 📊 รวมคนยุโรปกว่า 375,000 คน
➡️ นักวิจัยเอาค่า ผลของยีน (effect size) ไปแปลงให้เทียบง่าย ๆ เช่น
👉 ถ้าใครมียีนนี้ จะเหมือนกับการเพิ่มการดื่มกาแฟขึ้น 50% (จากวันละ 1 ถ้วย → 1.5 ถ้วย) ☕➡️☕+½
👉 สำหรับคาเฟอีน เทียบกับการเพิ่มขึ้น 80 mg = ประมาณกาแฟ 1 ถ้วย 🧃
📊 2. ข้อมูลโรคนิ่วในไต (Kidney Stones)
—————————————————————
ข้อมูลมาจาก 2 แหล่งใหญ่ 🔎
1️⃣ UK Biobank 🇬🇧 – เคสนิ่วในไต 6,536 คน + คนไม่เป็นนิ่ว 388,508 คน
2️⃣ FinnGen Consortium 🇫🇮 – เคส 3,856 คน + ไม่เป็นนิ่ว 172,757 คน
การวินิจฉัยนิ่วในไต 🪨 ใช้ตามรหัสโรคสากล (ICD codes) และข้อมูลการรักษา 🏥
🛡️ 3. การควบคุมคุณภาพข้อมูล
————————————————-
นักวิจัยตัดข้อมูลของคนที่…
• ไม่ทราบเพศชัดเจน ⚧️
• ข้อมูลยีนหายไปเยอะเกิน 5% ❌
• มีค่าความผิดปกติทางพันธุกรรมสูงเกินปกติ 📉
• ไม่ใช่สายพันธุ์ยุโรป (เพื่อให้กลุ่มตัวอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน) 🌍
สรุปง่าย ๆ คือ…
นักวิจัยใช้ “ยีน” 🧬 เป็นตัวแทนการดื่มกาแฟ/คาเฟอีน ☕🧃
แล้วไปจับคู่กับ “การเกิดนิ่วในไต” 🪨 จากข้อมูลสุขภาพของคนยุโรปหลายแสนคน 👥
—————————————————————————
☕️4️⃣ วิเคราะห์ยังไงให้มั่นใจ? 📊🔍
—————————————————————————
นักวิจัยไม่ได้ดูข้อมูลแบบตรง ๆ อย่างเดียว แต่ใช้เครื่องมือทางสถิติหลายแบบ ✅ เพื่อให้ผลลัพธ์ แม่นยำและน่าเชื่อถือที่สุด
🧩 1. วิธีหลักที่ใช้ → Inverse-Variance Weighted (IVW)
—————————————————————————
• วิธีนี้คือการรวมผลจากหลาย ๆ SNP 🧬 ที่เกี่ยวข้องกับกาแฟ/คาเฟอีน
• คล้ายกับ “การถัวเฉลี่ย” แต่ให้น้ำหนักมากกับข้อมูลที่แม่นยำกว่า ⚖️
• ใช้แบบ random effects สำหรับกาแฟ ☕
• และ fixed effects สำหรับคาเฟอีน 🧃 (เพราะมี SNPs น้อยกว่า 3 ตัว)
🛠️ 2. Sensitivity Analysis (ทดสอบความทนของผลลัพธ์)
—————————————————————————
📍มีการตรวจสอบซ้ำด้วยหลายวิธี:
• Weighted Median Method ➡️ ถ้าอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของ SNPs ถูกต้อง ผลก็ยังคงแม่นยำ 📐
• MR-Egger Regression ➡️ เช็กว่ามี pleiotropy (ยีนตัวเดียวไปมีผลต่อหลายอย่าง) หรือไม่ 🧬↔️🪨
• MR-PRESSO ➡️ คัดออก SNP ที่เป็น “outlier” ⚡ ที่อาจบิดเบือนผล แล้วลองวิเคราะห์ใหม่
📊 3. ค่าชี้วัดเพิ่มเติม
———————————
• ใช้ F-statistic → ดูว่ายีนที่เลือกมาเป็นตัวแทนการดื่มกาแฟ/คาเฟอีน แข็งแรงพอหรือไม่ 💪
• ใช้ Cochrane Q test → เช็กความ “heterogeneity” ระหว่าง SNPs แต่ละตัว 🔎
พูดง่าย ๆ คือ…
🔒 งานนี้ไม่ใช่แค่หาความสัมพันธ์ธรรมดา แต่ตรวจสอบหลายชั้น 🔍 เพื่อป้องกันการสรุปผิด ๆ
—————————————————————————
☕️5️⃣ ผลลัพธ์ที่ได้ 📈
—————————————————————————
➡️ ใช้ข้อมูลจาก 2 ฐานใหญ่
• UK Biobank 🇬🇧 → เคสนิ่ว 6,536 ราย + ไม่เป็นนิ่ว 388,508 ราย
• FinnGen Consortium 🇫🇮 → เคสนิ่ว 3,856 ราย + ไม่เป็นนิ่ว 172,757 ราย
แล้วเอามารวมกันเป็น meta-analysis 🔎
☕ ผลของ “กาแฟ”
—————————
• เมื่อใช้ ข้อมูลพันธุกรรม 🧬 แทนพฤติกรรม
• การดื่มกาแฟที่เพิ่มขึ้น 50% ➡️ ความเสี่ยงนิ่วในไต ลดลงเหลือ OR = 0.57
• แปลว่า “คนที่พันธุกรรมบ่งชี้ว่าดื่มกาแฟมากขึ้น” มีโอกาสเกิดนิ่วในไตน้อยลงเกือบ 43% 🛡️
🧃 ผลของ “คาเฟอีน”
——————————
• เทียบกับการเพิ่มคาเฟอีน 80 mg (≈ กาแฟ 1 ถ้วย)
• ความเสี่ยงนิ่วในไตลดลงเหลือ OR = 0.86
• คิดง่าย ๆ → ลดความเสี่ยงได้ประมาณ 14% 📉
📌 การตรวจสอบซ้ำ (Sensitivity Analyses)
——————————————————————
• ผลยังคง สอดคล้องกัน แม้ใช้วิธี Weighted Median หรือ MR-Egger ✅
• ไม่เจอปัญหา pleiotropy ที่จะทำให้ผลเพี้ยน
• แม้มี outliers บางตัวในข้อมูล FinnGen ⚡ แต่พอลบออก ผลก็ยังออกมาเหมือนเดิม
—————————————————————————
☕️6️⃣ กาแฟป้องกันนิ่วได้ยังไง? 💡
—————————————————————————
💧 1. คาเฟอีนมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ (Diuretic effect)
————————————————————————
• คาเฟอีนออกฤทธิ์ผ่าน adenosine receptors ในไต 🧬
• ทำให้มีการขับน้ำออกมากขึ้น 💦 → ปัสสาวะไหลมากขึ้น 🚽
• ปัสสาวะที่มากขึ้น = ลดโอกาสเกิดการตกผลึกของแร่ธาตุ = ลดการก่อตัวของนิ่ว 🛡️
🧱 2. ลดการเกาะของผลึก (Crystal adhesion)
———————————————————————
• คาเฟอีนช่วยลดการเกาะของ calcium oxalate crystals บนผิวของเซลล์ท่อไต 🧫
• ทำให้โอกาสที่ผลึกจะสะสมจนเป็นก้อนนิ่ว ลดลงไปอีก 📉
🍋 3. กรดซิตริก (Citric acid) ในกาแฟ
———————————————————-
• กาแฟเป็นแหล่งของ citric acid ซึ่งเมื่อถูกขับออกมากับปัสสาวะ → กลายเป็น urinary citrate
• Citrate เป็นตัว “ยับยั้ง” (inhibitor) การก่อตัวของนิ่วในไต 🪨
• ยิ่ง citrate ในปัสสาวะสูงขึ้น ยิ่งป้องกันนิ่วได้ดี 🛡️
🌱 4. สารออกฤทธิ์อื่น ๆ ในกาแฟ
—————————————————
• แม้ กาแฟ decaf (ไม่มีคาเฟอีน) ก็ยังพบผลป้องกันในบางการศึกษา 📚
• เพราะในกาแฟยังมีสาร bioactive อื่น ๆ เช่น trigonelline 🌿 ที่อาจช่วยยับยั้งการก่อตัวของนิ่วได้เช่นกัน
💡 ดังนั้น ไม่ใช่แค่ “คาเฟอีน” เท่านั้น แต่ องค์ประกอบอื่นในกาแฟ ก็อาจช่วยปกป้องไตจากการเกิดนิ่วด้วยครับ 🛡️🪨
————————————————————————— ☕️7️⃣ จุดแข็งและข้อจำกัดของงานวิจัย 📝
—————————————————————————
🌟 จุดแข็งของงานวิจัย
———————————-
• ใช้ Mendelian Randomization (MR) 🧬 ซึ่งลดปัญหา “ตัวแปรกวน” (confounding) ได้มาก
• ข้อมูลจาก 2 แหล่งใหญ่ (UK Biobank 🇬🇧 และ FinnGen 🇫🇮) ให้ผลไปในทิศทางเดียวกัน 📊
• มีการตรวจสอบซ้ำหลายวิธี (sensitivity analyses) และผลยังคงเหมือนเดิม ✅
⚠️ ข้อจำกัดที่ต้องระวัง
———————————-
• ศึกษาเฉพาะ คนเชื้อสายยุโรป → อาจไม่สามารถอธิบายได้ครบทุกเชื้อชาติ 🌍
• ข้อมูลพันธุกรรมของกาแฟ/คาเฟอีน อาจซับซ้อนกว่าที่คาด เช่น พฤติกรรมการดื่มร่วมกับ lifestyle อื่น 🍽️🚶♂️
• อาจมี “pleiotropy” (ยีนตัวเดียวส่งผลหลายทาง) ที่เลี่ยงไม่ได้ แต่โดยรวมแล้วผลยังชัดเจน 🧬
📝 ข้อคิดการนำไปใช้
———————————
• ดื่มกาแฟ ในระดับพอดี ☕ (เช่น วันละ 1–2 ถ้วย) อาจช่วยลดความเสี่ยงนิ่วในไตได้ 📉
• ไม่จำเป็นต้องเน้นเฉพาะคาเฟอีน เพราะกาแฟ decaf ก็อาจมีผลดีจากสารอื่น ๆ เช่น citrate และ trigonelline 🌱
• การดื่มน้ำเปล่า 💧 ยังคงเป็น “หัวใจหลัก” ในการป้องกันนิ่วในไต
• และถ้ามีโรคประจำตัว หรือมีข้อห้ามการดื่มกาแฟ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ 🩺
—————————————————————————
#กาแฟ
#นิ่วในไต