Smittivej Clinic สมิทธิเวช คลินิกแพทย์แผนไทย

Smittivej Clinic สมิทธิเวช คลินิกแพทย์แผนไทย Alternative medical diagnostic methods - acupressure & herbal medicine

สมิทธิเวช คลินิกแพทย์แผนไทย

ตรวจรักษาด้วยการนวดกดจุดและตำรับยาสมุนไพร โดยแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ

รักษา อาการปวดทั่วร่างกาย อาทิเช่น ปวดต้นคอ สะบัก หลัง เอว และ ขา โรคปวดศีรษะ/ ไมเกรน/ มึนงง โรคกรดไหลย้อน โรคความดันโลหิต อาการนอนไม่หลับ โรคระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ 098-750 9283 และ 081-031 8391
Email address: smittivej.clinic@gmail.com

*สมิทธิเวช คลินิคแพทย์แผนไทย เปิดให้บริการใน 2 สาขา (จังหวัดปทุมธานีและจังหวัดเชียงใหม่)

08/04/2018

ตาสว่างเลย! รู้หรือไม่? ซุปก้อน-ซุปผง ที่ทานกันอยู่บ่อยๆมีอะไรผสมอยู่บ้าง รู้แล้วต้องกินน้อยลงเลย ในยุคเว....

16/01/2018

อันตราย!! แพทย์เตือน!! โรคร่าเริง กลางคืนสดใสไม่นอน กลางวันง่วงนอนไม่ตื่น โรคร้ายที่เร่งวันตายให้คุณ!! วันนี...

12/01/2018

โทษของ “ผงชูรส” อันตรายมากกว่าทำให้กระหายน้ำ ผมร่วง หัวล้าน
อันตราย โทษของผงชูรส

เป็นที่ทราบกันดีว่าองค์ประกอบของอาหารแต่ละจานนอกจากรสชาติอาหารและความสวยงามแล้ว วัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารก็สำคัญไม่แพ้กัน ยิ่งเป็นวัตถุดิบที่เพิ่มความกลมกล่อมให้กับอาหารด้วยแล้ว ยิ่งยากที่จะหลีกเลี่ยง แน่นอนว่า ‘สุขภาพดี’ กำลังพูดถึงเครื่องปรุงรส ‘อูมามิ’ หรือ “ผงชูรส” สุดยอดเครื่องปรุงรสที่ทำให้อาหารแทบทุกเมนูอร่อยได้ราวกับมีเวทมนต์ อย่างไรก็ตามแม้ “ผงชูรส” จะถูกนำมาใช้ในวงการอาหารอย่างแพร่หลาย แต่ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายของผงชูรสเผยแพร่ออกมาอยู่ตลอด วันนี้เราชาวสุขภาพดี...จึงไม่พลาดที่จะพาผู้อ่านไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับอันตรายของเครื่องปรุงรสอร่อยอย่าง “ผงชูรส” (โทษของผงชูรส) กันค่ะ
สารอันตรายใน "ผงชูรส"

จากการศึกษาพบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผงชูรสจัดเป็นสารที่เป็นอันตรายหากบริโภคในปริมาณมากๆ ก็คือ วัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่มีการหมักและใช้สารเคมีหลายชนิด ทั้ง กรดเกลือ (ไฮโดรเจนคลอริก) กำมะถัน (ซัลฟูริก) ยูเรีย (สารประกอบสำคัญในปัสสาวะมนุษย์) และด่างโซดาไฟ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ มากมาย
7 โรคภัย จากสารอันตรายในผงชูรส

1. โทษของผงชูรสทำลายระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์ การรับประทานผงชูรสในปริมาณมากทุกๆวัน ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันหรือภูมิต้านทานโรคลดลง โดยเฉพาะในรายที่เป็นภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคเอดส์ จะทำให้ติดเชื้อได้ง่ายและอาการทรุดเร็วกว่าปกติ

2. โทษของผงชูรสส่งผลให้สมองส่วนหน้าทำงานผิดปกติ ส่วนประกอบของผงชูรสมีฤทธิ์ทำลายสมองส่วนหน้าหรือที่เรียกว่า Hypothalamus ซึ่งเป็นสมองส่วนสำคัญในการควบคุมระบบสืบพันธุ์ในร่างกาย ทำให้อวัยวะสืบพันธุ์มีขนาดเล็กลง เสี่ยงต่อการเป็นหมัน นอกจากนั้นสมองส่วน Hypothalamus ยังทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกาย หากอวัยวะส่วนนี้ถูกทำลาย จะทำให้เจริญเติบโตช้า พัฒนาการด้านการเรียนรู้ลดลงและอาจส่งผลให้ปัญญาอ่อนได้

3. โทษของผงชูรสส่งผลต่อประสาทตา สำหรับผู้ที่บริโภคผงชูรสเป็นประจำตั้งแต่อายุยังน้อย มีโอกาสสูงที่ระบบประสาทตาเสื่อมไวกว่าคนปกติ ซึ่งข้อพิสูจน์นี้ถูกเผยแพร่โดยห้อง Lab จากอเมริกา โดยสัตว์ทดลองมีภาวะตาเสียและตาบอดเมื่อได้รับผงชูรสในปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน

4. โทษของผงชูรสทำให้กระดูกและไขกระดูกถูกทำลาย การรับประทานผงชูรสเกินขนาดสะสมมาเป็นเวลานานส่งผลต่อการผลิตเม็ดเลือดแดงภายในร่างกาย เนื่องจากเมื่อไขกระดูกถูกทำลายจะไม่สามารถผลิตเม็ดเลือดแดงเพื่อส่งออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ เสี่ยงต่อโรคสมองขาดออกซิเจนและโรคเลือดจางในอนาคต

5. โทษของผงชูรสทำให้ผิวหนังไม่แข็งแรง สารสำคัญในผงชูรสเป็นตัวการที่ทำให้วิตามินบี 6 ในร่างกายลดลง ส่งผลระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากร่างกายขาดวิตามินบี 6 จะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย จากการศึกษาพบว่าผงชูรสทำให้เกิดอาการแพ้บริเวณผิวหนังเรื้อรังได้มากกว่าปกติ

6. โทษของผงชูรสก่อให้เกิดความผิดปกติกับทารกในครรภ์ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่รับประทานผงชูรสเป็นประจำ อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการเลือดคลั่งในสมองของทารก นอกจากนั้นในรายที่แพ้จะทำให้ทารกแรกเกิดมีอาการชักไม่ทราบสาเหตุได้

7. โทษของผงชูรสเพิ่มความเสี่ยงโรคไตและความดันโลหิตสูง ในผงชูรสมีปริมาณโซเดียวอยู่ค่อนข้างมาก สังเกตได้จากรสเค็มๆ (แต่กลมกล่อม) โดยไตต้องทำงานอย่างหนักเพื่อขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย ทำให้ในบางรายเกิดอาการไตวายจากการรับประทานผงชูรสเกินขนาดได้ นอกจากนั้นยังส่งผลต่อระบบหมุนเวียนเลือดและทำให้ความดันโลหิตสูง
ทานอย่างไรให้ปลอดภัย ห่างไกลอันตรายของผงชูรส

จากโทษของผงชูรสที่กล่าวมาทุกข้อ...จะสังเกตได้ว่า“ผงชูรส” เป็นเครื่องปรุงที่แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากเพิ่มความกลมกล่อม (ซึ่งในบางครั้งเราอาจคิดไปเองเสียด้วยซ้ำว่าใส่แล้วอร่อย) โดยหากรับประทานในปริมาณที่ไม่เหมาะสมจะนำมาซึ่งโรคต่างๆ มากมาย ซึ่งถ้าโชคดีอาจจะแค่ผมร่วง หัวล้าน แต่ถ้าหนักๆ เข้าอาจทำให้เป็นโรคไต โรคผิวหนังหรือโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดได้

ดังนั้นการรับประทานผงชูรสในปริมาณที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคควรใส่ใจ โดยปกติแล้วคนเราสามารถรับประทานผงชูรสได้ไม่เกิน2 ช้อนชาในแต่ละวัน และต้องหยุดรับประทานทันที หากมีอาการแพ้ เช่น เกิดอาการชาไม่ทราบสาเหตุ ร้อนวูบวาบบริเวณลิ้นและริมฝีปากด้านนอก หรือมีผื่นขึ้นตามร่างกาย

อย่างไรก็ตามแม้ “ผงชูรส” จะเป็นเครื่องปรุงรสที่มีข้อเสียค่อนข้างมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแทบทุกเมนูของอาหารไทยรวมไปถึงอาหารเอเชี่ยนอื่นๆ ต้องมีผงชูรสเป็นส่วนประกอบสำคัญ ดังนั้นหากจำเป็นต้องรับประทานผงชูรสก็ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมหรือหากเป็นไปได้ให้งดใส่ผงชูรสในอาหารที่ทำรับประทานเองที่บ้าน (เพราะข้างนอกเราได้รับผงชูรสมากพอแล้ว) ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงโทษของผงชูรสที่มีผลเสียต่อร่างกาย และเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวของตัวคุณและคนที่คุณรัก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก น่ารู้...คู่สุขภาพดี

03/01/2018

ถนอมสุขภาพ โดย”ไม่กินข้าวมื้อเย็น” มันคือ “เรื่องดีมากๆ” หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่า การที่เราไม่ทานข้าวเย�...

30/12/2017
11/12/2017

นี่คือ 15 อาการเริ่มต้นของมะเร็ง ที่เราควรรู้ไว้ก่อนสาย การเกิดมะเร็งในอวัยวะต่างๆ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยสามารถ?...

07/12/2017

โรคหรือภาวะผิดปกติในร่างกายหรือจิตใจสิ่งที่มนุษย์ล้วนไม …

28/11/2017

10 อาหาร อันตราย ทำร้ายสุขภาพ วัยรุ่น 01.11.2017 Debby Kadiman Unclassified อาหารหลายอย่างก็ล้วนมีคุณค่าทางอาหาร ดีต่อสุขภาพมากมาย ?...

16/11/2017
10/11/2017

จากผลการสำรวจการรับรู้ถึงอันตรายของโรคลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ พบว่าคนไทยมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ในระดับที่ต่ำมากจนน่าเป็นห่วง

ที่อยู่

51/123 Mongkol Sethi Road, Tambon Khlong Song
Khlong Luang
12120

เบอร์โทรศัพท์

66 98 750 9283

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Smittivej Clinic สมิทธิเวช คลินิกแพทย์แผนไทยผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Smittivej Clinic สมิทธิเวช คลินิกแพทย์แผนไทย:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram