11/05/2025
“ดีขึ้นแล้ว…ทำไมหมอยังให้กินยาต้านเศร้าต่อ?”
ลองนึกภาพว่าคุณเคยเจ็บขา เดินไม่ได้ พอเริ่มเดินได้ หมอก็ยังให้ทำกายภาพบำบัดต่อ เพราะถ้าหยุดทันที กล้ามเนื้อที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ก็อาจบาดเจ็บอีกได้ง่ายๆ
การใช้ ยาต้านเศร้า ก็คล้ายๆ แบบนั้นเลยครับ
ยาต้านเศร้าไม่ได้แค่ “อัพอารมณ์” แต่ช่วย “ซ่อมสมอง”
ตอนที่เรามีภาวะซึมเศร้า จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นเพราะ “ใจไม่สู้” แต่เพราะ สารสื่อประสาทในสมองเสียสมดุล
เช่น สารอย่าง เซโรโทนิน (Serotonin) หรือ นอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine) ต่ำกว่าปกติ ซึ่งเป็นตัวที่ช่วยควบคุมอารมณ์ การนอน ความอยากอาหาร ฯลฯ
พอยาต้านเศร้าเข้าไป ช่วยปรับสมดุลของสารสื่อประสาท อารมณ์เราก็เริ่มดีขึ้น หัวโล่งขึ้น นอนหลับได้ง่ายขึ้น
แต่แค่นั้นยังไม่พอครับ…
ที่สำคัญกว่าคือ “การฟื้นฟูสมอง” ที่ต้องใช้เวลา
หลังจากสมดุลสารสื่อประสาทเริ่มกลับมาแล้ว สมองก็จะค่อยๆ ฟื้นตัว โดยมีสารที่ชื่อว่า BDNF (Brain-Derived Neurotrophic Factor) เข้ามาช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ประสาท
BDNF ทำให้:
สมองเชื่อมต่อกันดีขึ้น (เหมือนมี Wi-Fi แรงขึ้นในสมอง)
เซลล์ประสาทกลับมาแข็งแรง สร้างแขนงใหม่ได้
เซลล์ใหม่ๆ เกิดขึ้นในบริเวณที่เกี่ยวข้องกับความจำและอารมณ์ (เช่น hippocampus)
👉 ซึ่งการสร้าง BDNF ต้องใช้เวลาเป็น “สัปดาห์” ไม่ใช่แค่วันสองวัน เพราะฉะนั้น แม้จะรู้สึกดีขึ้นแล้ว ก็ยังควรกินยาต่อจนสมองฟื้นเต็มที่
ตัวอย่างง่ายๆ:
สมมติว่าคุณชื่อ “เมย์”
ช่วงนี้รู้สึกไม่มีแรง ไม่อยากเจอใคร นอนก็ไม่หลับ ร้องไห้บ่อย จนสุดท้ายไปพบจิตแพทย์ และเริ่มกินยาต้านเศร้า
ผ่านไป 3 สัปดาห์ เริ่มรู้สึกดีขึ้น นอนได้ กินได้ ยิ้มได้บ้างแล้ว
แต่ถ้าเมย์คิดว่า “หายแล้ว ไม่กินต่อละ” แล้วหยุดยาเอง สมองที่ยังซ่อมไม่เสร็จอาจกลับไปเสียสมดุลอีก และอาการอาจกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย
แล้วทำยังไงให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น?
นอกจากกินยาให้ครบตามแผนแล้ว ยังมีพฤติกรรมง่ายๆ ที่ช่วยเพิ่ม BDNF ได้ เช่น
✅ ออกกำลังกาย – เดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือเวทเบาๆ ก็ช่วยได้
✅ นอนให้พอ – ถ้านอนได้ดีแล้ว ให้รักษาไว้ให้เป็นนิสัย
✅ ทำสิ่งที่ชอบ – วาดรูป ฟังเพลง ปลูกต้นไม้ หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้หัวใจคุณยิ้ม
สรุปสั้นๆ:
ยาต้านเศร้าไม่ใช่ยาแก้เครียดเฉพาะกิจ แต่เป็นตัวช่วยปรับสมดุลสมอง และซ่อมเซลล์ประสาทให้แข็งแรงขึ้น
แม้รู้สึกดีขึ้นแล้ว ก็ควรใช้ยาต่อเนื่องตามแผนของแพทย์ เพื่อให้สมองฟื้นตัวเต็มที่
พฤติกรรมดีๆ อย่างการนอนให้พอ ออกกำลังกาย และทำสิ่งที่ชอบ จะช่วยให้ฟื้นเร็วขึ้นอีกหลายเท่า