18/10/2025
เด็กท้องเสีย อย่าลืมให้จิบเกลือแร่บ่อยๆ
สิ่งสำคัญ ถ้าสมดุลของเกลือแร่ขาดไป อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
หากมีอาการรุนแรง อาเจียนมากกว่า 5-6 ครั้ง
ไม่สามารถทานน้ำหรืออาหารได้เลย
ควรส่งตัวไป รพ. เพื่อให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด
#เด็กติดเชื้อในลำไส้
ตามไปอ่านรายละเอียดเคสได้ที่ เพจ หมอม็อดค่ะ
📌 RIP เด็กน้อยวัย 5 เดือน เสียชีวิตจาก “ลำไส้ติดเชื้อ”
ก่อนอื่น…
ผมขอแสดงความเสียใจกับคุณพ่อคุณแม่ของน้องที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ด้วยนะครับ ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกตัวเองแน่นอน
📖 เรื่องราวที่เกิดขึ้น…
คุณแม่ของน้องได้ออกมาเล่าเหตุการณ์ไว้แบบนี้ครับ
📆 วันที่ 30 กันยายน
น้องมีอาการอาเจียน 5–6 ครั้ง
หมอวินิจฉัยว่า ลำไส้ติดเชื้อ + ขาดน้ำ
จึงให้นอนโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือ + ยาฆ่าเชื้อ + ยาแก้อาเจียน
🌙 คืนนั้นเริ่มมีอาการ ท้องเสีย + ไข้สูง เพิ่มขึ้น
📆 วันที่ 1 ตุลาคม
ยังมี ไข้สูง + ท้องเสียต่อเนื่อง
📆 เช้าวันที่ 2 ตุลาคม เวลา 7.30 น.
น้องดิ้นแล้ว เส้นให้น้ำเกลือหลุด
พยาบาลพยายามเจาะใหม่แต่ไม่สำเร็จ
คุณแม่จึงขอให้ “พักก่อน” เพราะกลัวน้องเจ็บ
🕒 เวลา 15.35 น.
น้องยังกินไม่ได้ + ถ่ายเยอะมาก
มีความพยายามเจาะเส้นให้น้ำเกลืออีกครั้ง แต่ก็ยังหาไม่ได้
จนสุดท้าย…
🕔 เวลา 17.10 น.
น้องเกิด อาการชัก → หมดสติ → หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิต
จากเรื่องนี้…
เลยอยากชวนพ่อแม่มาทำความเข้าใจว่า
📌 “การติดเชื้อในลำไส้ของเด็กเล็ก”
สามารถนำไปสู่การเสียชีวิตได้อย่างไร?
และมีอะไรที่ควรระวังบ้าง?
======================
🦠 1.ลำไส้ติดเชื้อในเด็กเล็ก เป็นเรื่องที่เจอได้บ่อยในเด็ก
เริ่มตั้งแต่ช่วงวัย 4-6 เดือนจนไปถึง1-2ขวบ
เด็กจะเอาของเข้าปาก สำรวจสิ่งต่างๆ ด้วยปากตลอดเวลา
👶 พฤติกรรมนี้เรียกว่า “Oral Exploration”
เป็นธรรมชาติของเด็กวัยนี้ที่ใช้ปากเป็นเครื่องมือเรียนรู้
ทั้งดูดมือ กัดของเล่น เอาทุกอย่างเข้าปากหมด
สิ่งที่พ่อแม่ต้องทำคือ
👉 รักษาความสะอาดของมือเด็ก ของเล่น ขวดนม และของที่อยู่รอบตัวเสมอ
เพราะสิ่งสกปรกเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ “การติดเชื้อ” ได้
อีกหนึ่งสาเหตุที่เจอบ่อยคือ
🍼 ขวดนมล้างไม่สะอาดหรือเครื่องนึ่งขวดนมไม่สะอาดพอ
ก็อาจพาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายลูกได้เช่นกันครับ
======================
💧 2.เมื่อลำไส้ติดเชื้อ การ “เติมน้ำและเกลือแร่” ให้ร่างกายลูก คือสิ่งสำคัญที่สุด
สิ่งที่อยากให้พ่อแม่เข้าใจก่อนเลยคือ
เวลาเด็กติดเชื้อในลำไส้ เด็กจะสูญเสียน้ำและเกลือแร่จำนวนมากจากการ
➡️ อาเจียน
➡️ ถ่ายเหลว
➡️ ไข้ทำให้ร่างกายระเหยน้ำออกเพิ่มขึ้นอีก
น้ำที่หายไปจากร่างกายนี้ ถ้าไม่ได้รับการชดเชยอย่างทันเวลา
จะทำให้เด็ก “ขาดน้ำ” ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายมากในเด็กเล็กครับ
🍼 ถ้าเด็กยังพอกินได้
ให้พยายามป้อนนมหรือเกลือแร่ ORS บ่อยๆ ทีละน้อยๆ
ไม่จำเป็นต้องรอให้กินทีละขวดใหญ่
แต่ให้จิบบ่อยๆ ทุก 10–15 นาที ก็ช่วยชดเชยน้ำได้ครับ
🚨 ถ้าเด็กเริ่มกินได้น้อยลง งอแงมากผิดปกติ
ควรรีบพาไปโรงพยาบาลทันที
เพื่อให้หมอช่วยประเมินว่า
❗️ ขาดน้ำแล้วหรือยัง
❗️ ต้องนอนรพ.ให้น้ำเกลือทางเส้นเลือดหรือไม่
🧷 วิธีสังเกตว่า “ลูกเริ่มขาดน้ำ”
• ปากแห้ง ลิ้นแห้ง
• ร้องไห้ไม่มีน้ำตา
• ปัสสาวะน้อยลง
• ซึมลง ไม่ยิ้ม ไม่เล่น
ในเด็กที่ยังใส่แพมเพิส
คนเลี้ยงมักจะตอบได้ว่าปัสสาวะน้อยลงกว่าปกติหรือไม่
ถ้าดูน้อยลง ก็เป็นสัญญาณเตือนที่ต้องระวัง
======================
🔬 3. สาเหตุของการติดเชื้อในลำไส้
แพทย์จะต้องแยกว่าเชื้อที่ติดมาคือ “ไวรัส” หรือ “แบคทีเรีย”?
👉 ถ้าเป็นเชื้อไวรัส (ซึ่งพบได้บ่อยมากกว่า)
อาการมักจะดีขึ้นเองใน 2–3 วัน ไม่ต้องให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
หมอจะให้รักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้อาเจียน และให้น้ำให้เพียงพอ
👉 แต่ถ้าเป็นแบคทีเรีย บางชนิด
อาการอาจรุนแรงกว่า เช่น ถ่ายเป็นมูกเลือด ปวดท้องมาก หรือมีไข้สูงไม่ลด
หมอจะพิจารณาให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย
บางกรณีอาจจะต้องเจาะเลือดหรือเก็บอุจจาระส่งตรวจเพื่อดูว่าเชื้อแบบไหน
ซึ่งจะช่วยให้วางแผนการรักษาได้ตรงจุดขึ้นครับ
======================
⚠️ 4. เด็กเล็กขาดน้ำง่ายกว่าผู้ใหญ่ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชักและหัวใจหยุดเต้น
เด็กแค่อาเจียนหรือท้องเสียเพียงไม่กี่ครั้ง
ก็ทำให้เด็กเล็กเข้าสู่ภาวะ “ขาดน้ำ” ได้เร็วกว่าที่เราคิด
ซึ่งเป็นจุดที่แตกต่างจากผู้ใหญ่
ในเคสนี้…
น้องมีอาการ ถ่ายเหลวหลายครั้ง + กินไม่ได้เลย
แต่ไม่ได้รับ “น้ำเกลือหรือสารน้ำทดแทน” เลยตลอดช่วงเวลา
ตั้งแต่ 7.30 น. (สายน้ำเกลือหลุด)
จนถึง 15.30 น. (พยายามเจาะเส้นอีกครั้งแต่ไม่สำเร็จ)
รวมเวลาแล้วประมาณ 8 ชั่วโมงเต็ม
ที่ร่างกายมีแต่ “เสีย” โดยไม่มี “เติม”
เมื่อเด็กขาดน้ำนานเกินไป
ร่างกายจะเริ่มเสียสมดุลอย่างรวดเร็ว
• ความดันเริ่มลดลง
• หัวใจทำงานหนัก
• เกลือแร่ เช่น โซเดียม-โพแทสเซียม ลดต่ำลง
• เลือดเริ่มเป็นกรด
และสิ่งที่ตามมาคือ
🧠 เด็กจะชัก → 😵💫 หมดสติ และ ❤️ หัวใจหยุดเต้น
======================
🩸 5. การเจาะเลือดเด็ก ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เด็กชักหรือหัวใจหยุดเต้น
ไม่มีใครอยากเห็นเด็กต้องเจ็บตัว
โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเจาะเลือดหลายครั้ง
ความเจ็บจากเข็มอาจดูน่ากลัว
แต่ไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้เด็กชักหรือหัวใจหยุดเต้น
สิ่งที่พาร่างกายเข้าสู่จุดวิกฤต คือ
⚠️ ภาวะขาดน้ำ และ
⚠️ เกลือแร่ผิดสมดุล
ซึ่งได้อธิบายไว้ในช่วงก่อนหน้าแล้ว
⸻
👶 เด็กเล็กเป็นกลุ่มที่เจาะเลือดได้ยากอยู่แล้ว
เพราะเส้นเลือดมีขนาดเล็กมากกและเด็กก็มักจะดิ้นมาก
ในบางเคส แม้จะใช้คนที่เชี่ยวชาญ
ก็ยังอาจต้องพยายามหลายครั้ง
สิ่งที่ทำให้เจาะยากขึ้นอีกคือ “ภาวะขาดน้ำ”
ซึ่งจะทำให้เส้นเลือดลีบเล็กลง มองไม่เห็น
หลายครั้งจึงเห็นว่าต้องพยายามเจาะหลายจุด หลายครั้ง
เพื่อให้สามารถให้น้ำและยาเข้าสู่ร่างกายให้ได้
======================
🦴 6. แล้วถ้าหาเส้นไม่ได้เลยจริงๆ ทำยังไง?
6.1 ในภาวะฉุกเฉิน เช่น หัวใจหยุดเต้น หรือเด็กเริ่มช็อค
หมอจะใช้วิธี “เจาะโพรงกระดูก” (Intraosseous access)
เพื่อให้น้ำเกลือและยาเข้าไปในร่างกายได้ทันที
📍 ถ้าสังเกตในภาพ จะเห็นบริเวณหน้าแข้งของน้อง
มีอุปกรณ์ฝังอยู่บริเวณกระดูกขา
นั่นแหละครับ คือจุดที่เจาะเข้าไปในโพรงกระดูก
6.2 ในเคสที่ไม่ฉุกเฉินมาก หมอจะใช้วิธีเจาะเข้าเส้นเลือดดำใหญ่ที่คอหรือขาหนีบ (central line)
แต่การทำหัตถการเหล่านี้ในเด็กเล็ก
ถือเป็นงานที่ยาก ต้องอาศัยทีมแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางจริงๆ
เช่น
👨⚕️ หมอเด็กที่ดูแลผู้ป่วยวิกฤต (ICU)
🫁 หมอเด็กเฉพาะทางโรคทางเดินหายใจหรือหัวใจ
💉 หรือวิสัญญีแพทย์ (หมอดมยา)
ซึ่งถ้ารพ. ไม่มีแพทย์ที่ทำได้
ก็จะต้องส่งตัวต่อไปรพ.ที่สามารถทำได้ครับ
======================
❤️ สรุปสั้นๆ
การติดเชื้อในลำไส้ของเด็กเล็ก เป็นเรื่องที่เจอได้บ่อย
แต่ถ้า “ขาดน้ำ” และ “ไม่ได้รับสารน้ำทดแทน” อย่างเพียงพอ
อาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่รุนแรงได้จริงๆ