โชติเวช

โชติเวช โชติเวช ร้านขายยา และ อาหารสัตว์เลี? สนใจสินค้าตัวไหนสอบถามได้เลยจ้า

🌻ว่าด้วยเรื่องการกิน....✌️✌️
24/05/2025

🌻ว่าด้วยเรื่องการกิน....✌️✌️

#ความเข้าใจผิดเรื่องยาลดกรด #พร้อมแนวทางฟื้นฟู
ยาลดกรด นี่คือโศกนาฏกรรมที่เงียบงันของคนเป็นกรดไหลย้อนในประเทศไทย
และมันไม่ใช่เพราะโรคมันร้ายแรงถึงขนาดนั้น แต่เพราะ “ความเข้าใจผิดที่ฝังลึก” ต่างหากที่ทำให้คนจำนวนมากติดอยู่ในวังวนของโรคนี้อย่างไม่มีวันฟื้น

หลายคนเข้าใจว่า “กรดไหลย้อน คือ กรดมากเกินไป”
แต่จริง ๆ แล้ว... คนส่วนใหญ่ที่เป็นกรดไหลย้อน เกิดจากน้ำย่อยไม่พอ รวมถึงความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ
ทำให้ลำไส้อ่อนแรง กระเพาะบีบตัวผิดปกติ อาหารไม่ย่อย แล้วก็ก่อให้เกิดแก๊ส บูด หมัก คั่ง ย้อนขึ้นมา

แต่คนไข้ถูกจูงไปทางเดียว คือ “กินยาลดกรด”
พออาการยังไม่ดีขึ้น หมอก็เพิ่มขนาดยา
จากวันละ 2 ครั้ง - เป็น 3 ครั้ง - จนกลายเป็น “จิบทุกชั่วโมง”
กินจนร่างกายไม่รู้จักความหิว ไม่รู้จักการย่อย
บางคนกินจนถึงจุดที่ “กลัวอาหารทุกชนิด”
ข้าวก็ไม่กล้ากิน เพราะกลัวมันจะย่อยไม่ได้แล้วจะไหลย้อนอีก

มันสะเทือนใจครับ...
เพราะนี่คือการที่ระบบย่อย ซึ่งเป็นระบบพื้นฐานที่สุดของร่างกาย
ถูกทำให้หยุดทำงานด้วย "ความเข้าใจผิด" แบบเป็นระบบ

ความเข้าใจผิดนี้ฝังอยู่ในสังคมเรานานมากแล้ว
ใครเป็นกรดไหลย้อน หมอให้ยาลดกรดก่อนเป็นลำดับแรก
ไม่เคยเช็กเลยว่าคนคนนั้น
- เคี้ยวอาหารดีไหม
- กินเร็วเกินไหม
- ลำไส้ขยับตัวเป็นปกติหรือเปล่า
- ระบบประสาทอัตโนมัติแปรปรวนเพราะนอนไม่พอ เครียดจัด หรือใช้ชีวิตผิดจังหวะหรือเปล่า

สุดท้ายพอกดกรดไปเรื่อย ๆ ก็เลยไปกด “ไฟชีวิต” ของระบบย่อยทั้งก้อน
พอไม่มีกรด อาหารก็ย่อยไม่ได้
พอย่อยไม่ได้ ของเสียก็หมักหมม
พอของเสียหมักหมม ลำไส้ก็พัง
พอลำไส้พัง ก็ดูดซึมไม่ได้
พอดูดซึมไม่ได้ ก็ผอม ซีด เหนื่อย กลัวอาหาร น้ำหนักลด กินอะไรไม่ลง
ร่างกายทรุดลงทุกวัน แล้วก็บอกตัวเองว่า "เป็นเพราะกรดไหลย้อน"

แต่จริง ๆ แล้ว มันคือ
เพราะเราดับไฟย่อยเอง ด้วยความไม่รู้ และเพราะไม่มีใครบอกทางออกที่แท้จริง

ที่น่าเศร้าคือ หลายคนพร้อมจะดูแลตัวเอง
แต่อยู่ในระบบที่มีแค่ “ยา” เป็นคำตอบ
ไม่มีใครพูดถึงเรื่องพฤติกรรม
ไม่มีใครอธิบายเรื่องจังหวะการกิน การย่อย การเดินหลังอาหาร การเคี้ยวให้ละเอียด
ไม่มีใครบอกว่า ระบบประสาทอัตโนมัติที่เสียสมดุล ก็ฟื้นได้ ถ้าเรารู้จังหวะชีวิตที่ควรเดิน

มันถึงเวลาที่ต้องพูดเรื่องนี้กันอย่างจริงจังครับ
เพื่อปลดปล่อยผู้ป่วยออกจากความเข้าใจผิด
เพื่อให้เขารู้ว่า “เราฟื้นได้”
และไม่ต้องจิบยาทุกชั่วโมงไปตลอดชีวิต

__________________

แนวทางฟื้นฟูแบบแบ่งระดับ สำหรับผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อน ทั้งที่ยังพอกินได้ กินได้น้อย และคนที่ติดยาลดกรดเรื้อรัง ซึ่งจะอิงกับหลักฟื้นฟูระบบย่อย - ลำไส้ - ระบบประสาทอัตโนมัติ โดยไม่เร่ง ไม่รุนแรง ปลอดภัย และทำได้จริง

กลุ่มที่ 1 ยังกินอาหารได้ แต่มีอาการแน่น อืด เรอ เปรี้ยว เจ็บคอ

เป้าหมายคือ...

- ฟื้นน้ำย่อยโดยไม่เร่ง

- ลดแก๊สเก่า

- กระตุ้นลำไส้ให้เคลื่อนไหวดี

- เลิกพึ่งยาลดกรดแบบพึ่งพิง

สิ่งที่ควรทำคือ...

1. เริ่มวันด้วยน้ำอุ่น + เดินเบา ๆ 10 - 15 นาที
จะช่วยปลุกระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ให้ระบบย่อยทำงาน

2. เคี้ยวอาหารให้ละเอียดมาก ๆ
20 - 30 ครั้งต่อคำ ช่วยย่อยครึ่งหนึ่งได้ตั้งแต่ปาก

3. มื้ออาหารให้เล็กลง แต่ถี่ขึ้น
ทานวันละ 4–5 มื้อเล็ก ๆ ไม่กินอิ่มเกิน

4. งดน้ำเย็น น้ำหวาน ของหวาน ผลไม้ นมวัว กลูเตน ของทอด
พวกนี้ก่อเมือกร้าย ก่อกรด ก่อแก๊สทั้งนั้น

5. หลังอาหารเดินช้า ๆ 15 - 30 นาที
ไม่นอน ไม่นั่งหลังงอ ช่วยไม่ให้กรดย้อนกลับ

6. ใช้น้ำสมุนไพรอ่อน ๆ จิบระหว่างวัน
เช่น “ต้มยำไซเดอร์เจือจาง” ช่วยขับลม ลดแก๊ส ช่วยย่อย

7. ขับถ่ายให้ได้ทุกวัน
ถ้าไม่ถ่าย ร่างกายจะวนพิษกลับขึ้นมาทางกระเพาะและคอ

_________________

กลุ่มที่ 2 เริ่มกินอะไรไม่ลง กินแล้วจุก เรอบ่อย กลัวอาหาร

เป้าหมายคือ...

- สร้างความไว้วางใจใหม่ให้ระบบย่อย

- ให้ของเหลวที่ย่อยง่าย ผ่านง่าย

- ช่วยให้ร่างกายรู้สึก “ปลอดภัย”

สิ่งที่ควรทำคือ...

1. เปลี่ยนจากอาหารแข็ง เป็นน้ำซุป + ข้าวหุงนิ่มๆ
เช่น ซุปฟัก ซุปผักหวาน ซุปฟักทอง ซุปปลา ไม่ปรุงจัด ไม่มันจัด ไม่หวาน (งดข้าวต้ม เพราะจะลงสู่ลำไส้เร็ว เกิดแก็ส ท้องอืด)

2. ใช้สูตร “จิบ - รอ - เดิน”
คือ จิบซุปเล็กน้อย แล้วพัก 5 นาที แล้วเดินเบา ๆ
แล้วค่อยจิบซ้ำอีกรอบ ทำแบบนี้แทนการนั่งกินทีเดียวจบ

3. จิบน้ำสมุนไพรอ่อน ๆ เช่น น้ำต้มยำไซเดอร์ โดยให้ชง1ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ1.5ลิตร จิบกินทุกครึ่งชั่วโมง

4. หายใจลึกวันละ 3 รอบ (รอบละ 10 ลมหายใจ)
เช้า หลังเที่ยง ก่อนนอน เพื่อลดการตื่นตัวของระบบประสาทซิมพาเทติก

5. นวดกดสันหลัง
ช่วยกันไม่ให้กรดย้อนง่าย

6. ไม่กินอาหารแข็ง ไม่กินผลไม้เปลือกแข็ง ไม่กินผักแข็งๆ ไม่กินของหมักแรง ๆ ไม่กินถั่วเปลือกแข็ง
เพราะลำไส้ยังไม่พร้อมรับ

_____________

กลุ่มที่ 3 ติดยาลดกรดเรื้อรัง จิบเกือบทุกชั่วโมง อยากเลิกแต่กลัว

เป้าหมายคือ...

- ปลดออกจากการพึ่งยาแบบค่อยเป็นค่อยไป

- ฟื้นระบบย่อยจากฐาน

- สร้างความมั่นคงทางใจและประสาทอัตโนมัติ

สิ่งที่ควรทำคือ...

1. ไม่เลิกยาทันที แต่ “เลื่อนเวลา” ทีละ 30 - 60 นาทีทุก 2 - 3 วัน
เช่น เดิมจิบทุก 2 ชม. ก็ค่อย ๆ เป็นทุก 2.5 ชม. หรือทุก 3 ชม. ปรับแบบนี้เรื่อย ๆ
ร่างกายจะได้ค่อย ๆ เรียนรู้ว่ามันอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งตลอดเวลา

2. เสริม น้ำต้มยำไซเดอร์ หรือชุดงามไส้
เพื่อช่วยระบายแก๊ส ลดแรงดันจากล่างขึ้นบน

3. เปลี่ยนอาหารแข็งเป็น “อาหารย่อยง่ายเคี้ยวละเอียด”
- ข้าวสวยนุ่ม + ฟัก + ไข่ตุ๋น + ปลาต้มเปื่อย
- ซุปผักราก เช่น ฟักทอง แครอท หัวไชเท้า

4. งดสิ่งกระตุ้นการไหลย้อนทั้งหมดเด็ดขาด
- กาแฟ ชา ช็อกโกแลต นมวัว และผลิตภัณฑ์จากนมวัว
- แป้งขาว น้ำตาล ผลไม้ ของหมักดองจัด อาหารสเผ็ด รสเปรี้ยว

5. สร้างกิจวัตรซ้ำเดิมทุกวัน
ตื่น นอน เดิน กิน ให้เป็นเวลา
ช่วยปรับระบบประสาทอัตโนมัติให้รู้สึก “ปลอดภัย”

6. ไม่ใช้หมอนสูงมาก แต่นอนพิงหลังเบา ๆ
เพราะหมอนสูงเกินจะกดคอ ทำให้จุกมากกว่าเดิม

เสริมท้าย...

จำไว้นะ...ยิ่งอาการหนัก ใจยิ่งต้องเบา

การจะออกจากวังวนของกรดไหลย้อนที่ซับซ้อนไม่ใช่เรื่องวันสองวัน
แต่ทุกคนที่ฟื้นได้ ล้วนเริ่มจาก “เชื่อว่าร่างกายฟื้นได้”
เมื่อให้โอกาสมันพัก ให้โอกาสมันย่อย ให้โอกาสมันหายใจ
มันจะค่อย ๆ กลับมา เหมือนดินแตกระแหงที่ได้รับน้ำ

ร่างกายเราฟื้นตัวได้ครับ ถ้าไม่เร่ง ไม่กด แต่ “ดูแลให้ตรงจุด”
การกินยาลดกรดเรื่อย ๆ มันคือทางลง
แต่การฟื้นระบบย่อยจากพื้นฐาน คือทางขึ้นที่ยั่งยืน

ด้วยรักจากอาจาน.

บทความเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/share/p/1BHqrHrccK/

🌵ช่วงนี้เราจะได้ยินคำว่า สโตรก กันบ่อย  🌵จนทำให้เราเกิดความกลัว วิตกกังวล🌵ลองฟังคลิปนี้...กันนะคะ
23/04/2025

🌵ช่วงนี้เราจะได้ยินคำว่า สโตรก กันบ่อย
🌵จนทำให้เราเกิดความกลัว วิตกกังวล
🌵ลองฟังคลิปนี้...กันนะคะ

ใบคูน แก้อัมพฤกษ์อัมพาต เกี่ยวกับสมอง รักษาอัมพาตของกล้ามเนื้อบนใบหน้า หน้าเบี้ยวปากเบี้ยว แก้เส้นเอ็นพิการ ต้มน้ำรับประ...
23/04/2025

ใบคูน แก้อัมพฤกษ์อัมพาต เกี่ยวกับสมอง รักษาอัมพาตของกล้ามเนื้อบนใบหน้า หน้าเบี้ยวปากเบี้ยว แก้เส้นเอ็นพิการ ต้มน้ำรับประทาน ใบสดหรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิผิวหนังได้ตำพอกแก้ปวดข้อ หรือต้มน้ำดื่ม
วิธีต้ม
ใช้ใบ 5ใบ น้ำ 3 แก้ว ต้ม 10 นาที
กิน เช้า เย็น ครั้งละแก้วพอ
วิธีตำพอก
ตำทาถูนวดแก้ปวดข้อ และแก้กล้ามเนื้อบนใบหน้าเป็นอัมพาตครึ่งชีกโรคปากเบี้ยว
โขลกพอกหรือคั้นเอาน้ำทารักษาโรคกลาก เกลื้อน แก้ไข้รูมาติก
Cr:เกษตรไทบ้าน

🌸คนทุกคนเกิดมาเพื่อเป็นอะไรสักอย่าง(ที่ต้องเป็นให้ดีที่สุด)🌸จนวันหนึ่ง...จะสามารถแยกแยะและค้นพบว่า"ความถนัด"ของเราคืออะไ...
06/04/2025

🌸คนทุกคน
เกิดมาเพื่อเป็นอะไรสักอย่าง
(ที่ต้องเป็นให้ดีที่สุด)

🌸จนวันหนึ่ง...
จะสามารถแยกแยะและค้นพบว่า"ความถนัด"ของเราคืออะไร
ในการค้นหานั้นไม่ใช่แค่เราจะเจออะไรแล้วเราก็ทำแล้วก็ผ่านไป
พอมีสิ่งใหม่ให้ทำ ให้เจอ เราก็ทำไป
โดยที่ไม่มีเวลาเก็บรายละเอียดที่เกิดขึ้นระหว่างการทำ
โดยไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือ"การใส่ใจ"

🌸เราอาจจะกำลังค้นพบ
🌸ความเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงของเรา
🌸และเราอาจจะเกิดมาเพื่อที่จะทำมันจริงๆ

Cr:ลูกปัด All Little Things

วันนี้ พุธที่28เมษายน2568🪴ขอนำเสนอคำว่า"มะนาว"🍋‍🟩มะนาว ช่วยทำความสะอาดตับ มีวิตามินซีสูงช่วยล้างพิษทำให้เลือดสะอาด และช่...
02/04/2025

วันนี้ พุธที่28เมษายน2568
🪴ขอนำเสนอคำว่า"มะนาว"
🍋‍🟩มะนาว ช่วยทำความสะอาดตับ มีวิตามินซีสูงช่วยล้างพิษทำให้เลือดสะอาด และช่วยล้างพิษในลำไส้ได้ด้วย
ดังนั้น..ร้อนเดือดทะลุองศาแบบนี้ ให้น้ำมะนาวปรับสมดุลร่างกายกันดีกว่า

28มีนาคม2568เวลา13.20น.วันที่ควรจดจำ"แผ่นดินไหว"🍃ชีวิตเปลี่ยน🍂คนเรามักลืมไปว่าตัวเองจะต้องตาย🍃จึงไปยึดมั่นถือมั่นกับสิ่ง...
01/04/2025

28มีนาคม2568เวลา13.20น.
วันที่ควรจดจำ"แผ่นดินไหว"

🍃ชีวิตเปลี่ยน
🍂คนเรามักลืมไปว่าตัวเองจะต้องตาย
🍃จึงไปยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งต่างๆมากมาย
🍂เวลาใครทำอะไรไม่ถูกใจก็เกลียดโกรธอย่างหัวปักหัวปรำ
🍃แต่ถึงจะโกรธเกลียดแค่ไหน
ไม่ช้าก็เร็วเราและเขาก็ต้องตายจากกัน
🌼ฉะนั้นจะโกรธกันไปทำไม
..สุดท้าย...
"เรา..ก็..เอา..อะไร..ไป..ไม่ได้..สัก..อย่าง"
💖มีเพียงเมตตาให้กับสรรพสิ่งบนโลกใบนี้💖

10/06/2024

🌺เราควรใส่ใจสุขภาพ...เพื่อห่างไกลโรค🌺

🎯 สังเกต👀💩💨ให้เป็นนิสัย....ห่างไกลจากโรคภัย...
04/06/2024

🎯 สังเกต👀💩💨ให้เป็นนิสัย....ห่างไกลจากโรคภัย...

🚽 ลักษณะอุจจาระ 7 แบบบอกสุขภาพ

1. อุจจาระเป็นก้อนแข็งและเป็นเม็ด คล้ายขี้แพะ
อุจจาระที่มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง แห้ง และขับออกมาเป็นเม็ดหลาย ๆ เม็ด เป็นสัญญาณของโรคท้องผูกที่ค่อนข้างรุนแรง โดยอาจพบร่วมกับอาการปวดท้อง ขับถ่ายยาก ถ่ายไม่สุด และรู้สึกเจ็บขณะขับถ่าย

หากมีอาการท้องผูกรุนแรงและพบเลือดปนมากับอุจจาระ หรือถ่ายในลักษณะนี้สลับกับถ่ายเหลวติดต่อกัน ควรไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคลำไส้ที่รุนแรงได้

2. อุจจาระแข็งเป็นเม็ดและติดกันเป็นก้อนยาวขรุขระมาก
ลักษณะอุจจาระที่ยาว แข็ง แห้ง ผิวขรุขระ เป็นเม็ดคล้ายกับชนิดแรกแต่อยู่ติดกันเป็นก้อน จัดเป็นอาการของโรคท้องผูกเช่นกัน แต่ระดับความรุนแรงน้อยกว่าอุจจาระแบบแรก ส่วนอาการอื่นที่พบก็มีลักษณะเดียวกัน ซึ่งสาเหตุก็มาจากการขาดสารอาหารประเภทไฟเบอร์ การดื่มน้ำไม่เพียงพอ ร่วมกับพฤติกรรมการขับถ่ายที่ไม่ดี อายุที่เพิ่มมากขึ้น และปัจจัยอื่น ๆ

3. อุจจาระก้อนยาวผิวมีรอยแยกเล็กน้อย
อุจจาระลักษณะนี้หมายถึงการมีสุขภาพการขับถ่ายที่ดี สังเกตได้จากอุจจาระที่จับตัวกันก้อนนิ่ม ผิวของอุจจาระมีรอยแตกเล็กน้อย และขับถ่ายได้ง่าย

4. อุจจาระก้อนยาวผิวเรียบคล้ายกล้วยหอม
ลักษณะอุจจาระในรูปแบบนี้สื่อถึงการมีสุขภาพการขับถ่ายที่ดีเช่นเดียวกัน ดูจากภายนอกจะเห็นว่าอุจจาระมีผิวเรียบ นิ่ม ขับถ่ายได้ง่าย ส่วนปลายอุจจาระจะมีลักษณะเรียวยาวคล้ายกับหางงู

5. อุจจาระเป็นก้อนแตกๆ ไม่จับตัวกัน แต่ยังเป็นชิ้นอยู่
หากพบอุจจาระลักษณะเป็นแผ่นขนาดเล็ก ไม่จับตัวกัน และขับถ่ายออกมาได้ง่ายอาจเป็นสัญญาณของการขาดไฟเบอร์หรืออาจเป็นสัญญาณของอาการท้องร่วงแบบไม่รุนแรงก็ได้เช่นกัน แม้ว่าลักษณะอุจจาระแบบนี้จะขับถ่ายออกมาได้ง่าย แต่ก็ยังไม่จัดอยู่ในระดับการขับถ่ายที่ดี

6. อุจจาระแบบกึ่งแข็งกึ่งเหลว
ลักษณะอุจจาระแบบกึ่งเหลว มีลักษณะคล้ายกับการอุจจาระเป็นก้อน หากสังเกตจะเห็นว่ามีความนิ่มและเหลวกว่ามาก แต่ไม่ถึงขั้นเหลวเป็นน้ำ ซึ่งเป็นสัญญาณของการติดเชื้อและการอักเสบภายในลำไส้ที่อาจเกิดจากโรคอาหารเป็นพิษ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการกินอาหารรสจัด ซึ่งคนที่มีอุจจาระลักษณะนี้อาจมีอาการถ่ายบ่อยและปวดท้อง

7. อุจจาระเหลวเป็นน้ำ
อุจจาระเหลวคือการขับถ่ายออกมาเป็นของเหลวทั้งหมด หรือมีอาการท้องเสีย ซึ่งมีสาเหตุเดียวกันกับอุจจาระแบบกึ่งเหลว เพียงแต่เป็นอาการท้องร่วงที่รุนแรงกว่า คนที่ขับถ่ายออกมาในลักษณะนี้จะขับถ่ายมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน และอาจพบอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลียร่วมด้วย ส่วนใหญ่มักหายได้เองภายใน 2‒3 วัน

หากพบลักษณะอุจจาระในแบบที่ 6 และแบบที่ 7 และพบกับภาวะขาดน้ำ ปากแห้ง อ่อนเพลีย เวียนหัว ปวดท้องรุนแรง หน้าท้องเกิดรอยแดง เป็นไข้สูง อุจจาระปนเลือด หรือน้ำหนักลด ควรไปพบแพทย์

👩‍⚕️สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการรักษา หรือสอบถามเรื่องการใช้ยาสมุนไพรไทย ยินดีให้คำปรึกษานะคะ
☎️ โทร. 084-3322586,082-7508148
📩ข้อความ m.me/TippayavejClinic
LINE ID:

31/05/2024

💥9สัญญาณเตือนภัยจากลำไส้👩‍⚕️
1.อ่อนเพลีย
2.มีแก๊สในกระเพาะ หรือ เรอบ่อยๆ
3.ท้องผูกหรือท้องเสีย
4.วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ
5.คลื่นไส้
6.นอนไม่หลับ
7.อยากกินของหวาน หรือ อาหารที่มีแป้งสูง
8.มีไข้หรือติดเชื้อบ่อยยๆ
9.อารมณ์หดหู่ ไม่แจ่ใส หรือซึมเศร้า

🍀สนใจใช้ยาสมุนไพร สามารถปรึกษาแพทย์แผนไทยได้ที่
ทิพยเวช คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์
☎️โทร. 084-3322586, 082-7508148, 093-5253969
#ทิพยเวชคลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ #เจ็บป่วยคราใดให้สมุนไพรช่วยดูแล #สมุนไพร

🌲ประโยชน์ของสมุนไพรไทย👍
31/05/2024

🌲ประโยชน์ของสมุนไพรไทย👍

สมุนไพรสู้โรค | ”หญ้าหนวดแมว” กับโรคต่อมลูกหมากโต

โรคต่อมลูกหมากโต BPH (Benign Prostatic Hyperplasia) คือ ภาวะที่ต่อมลูกหมากมีขนาดโตขึ้น เนื่องจากต่อมลูกหมากมีตำแหน่งหุ้มท่อปัสสาวะส่วนต้น เมื่อโตขึ้นจึงบีบท่อปัสสาวะให้แคบลง ส่งผลให้คนไข้มีอาการปัสสาวะติดขัด เมื่อกระเพาะปัสสาวะต้องบีบตัวผ่านท่อที่แคบลง จึงต้องบีบตัวแรงขึ้น จนทำให้ผนังกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะหนาขึ้น ส่งผลต่อความสามารถในการกักเก็บน้ำปัสสาวะลดลง คนไข้จึงมีอาการปัสสาวะบ่อย

โรคนี้สามารถพบได้ในผู้ชายสูงวัยทุกคน แต่อาการแสดงมาก-น้อยแตกต่างกัน มักเริ่มพบในผู้ชายอายุ 45 ปีขึ้นไป และพบมากขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุที่มากขึ้น ยิ่งถ้ามีชีวิตยืนยาวถึง 80-90 ปี ผู้ชายทุกคนในวัยนี้ก็จะมีต่อมลูกหมากโตกันทั้งหมด

“หญ้าหนวดแมว” มีฤทธิ์ยับยั้งเเอนไซม์ 5-alpha reductase inhibitor เหมือนยาแผนปัจจุบัน เช่น Finasteride แต่ยังไม่มีงานวิจัยยืนยันว่าหญ้าหนวดแมวจะช่วยลดขนาดต่อมลูกหมากได้

อย่างไรก็ตามหญ้าหนวดแมวมีประสิทธิภาพดีในการบรรเทาอาการปัสสาวะขัด โดยทำให้กล้ามเนื้อเรียบของท่อปัสสาวะคลายตัว ซึ่งเอื้อต่อการขับปัสสาวะให้สุด ปัสสาวะคล่องขึ้น จึงช่วยลดปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะ ที่จะกระตุ้นให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยๆ

หญ้าหนวดแมวมีส่วนช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากต่อมลูกหมากโต จากการมีผลลดการอักเสบ ลดการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ ขับนิ่วขนาดเล็ก และยังพบฤทธิ์ต้านมะเร็งต่อมลูกหมาก

เคยมีเคสผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต ที่พบผลข้างเคียงจากยาแผนปัจจุบันเรื่องสมรรถภาพทางเพศลดลง จึงใช้หญ้าหนวดแมวแทนยาแผนปัจจุบัน เห็นผลตั้งแต่ 3 วันแรกที่กิน รู้สึกว่าปัสสาวะคล่องขึ้น ปัสสาวะได้สุด สามารถยืดระยะเวลาเข้าห้องน้ำได้เกือบ 4 ชั่วโมง จากเดิมต้องเข้าห้องน้ำปัสสาวะเกือบทุกชั่วโมง ช่วงนอนกลางคืนจากเดิมตื่นมาปัสสาวะ 4-5 รอบ ลดเหลือ 1-2 รอบ หรือบางคืนนอนได้ยาวไม่ลุกมาปัสสาวะเลย

🔻ขนาดแนะนำ
รับประทานชงชาวันละ 1-2 ซอง ในรายที่มีอาการไม่รุนแรง อาจใช้เฉพาะเวลาปัสสาวะขัด หากใช้ทุกวันนานกว่า 3 เดือน ให้ติดตามค่าไต อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานความเป็นพิษต่อไต

🚫ควรระวังการใช้ในผู้ที่มีปัญหาโพแทสเซียมในเลือดสูง

สำหรับท่านที่สนใจ สามารถติดตามฟังข้อมูลอาการต่อมลูกหมากโต ว่าจะสามารถใช้สมุนไพรทางเลือกให้ปลอดภัยได้อย่างไร และจะมีสมุนไพรชนิดใดอีกบ้าง ใน เฮิร์บสตอรี่ อภัยภูเบศร โดย ดร.ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว วันนี้ เวลา 12.00 น. ที่ FB.สมุนไพรอภัยภูเบศร นะคะ

#สมุนไพรน่ารู้ #หญ้าหนวดแมว #ต่อมลูกหมากโต #สมุนไพรอภัยภูเบศร #อภัยภูเบศร

31/05/2024

ผักพื้นบ้าน ต้านมะเร็ง

เติมความรู้ใกล้ตัวกันค่ะ
31/05/2024

เติมความรู้ใกล้ตัวกันค่ะ

คิดเช่นหมอ กับ หมอปอพท.ป.กนกวรรณ หัวไผ่แพทย์แผนไทยประยุกต์กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จะมาแนะนำ...

ที่อยู่

ถนน เทศบาล 3
Lat Yao
60150

เวลาทำการ

จันทร์ 08:00 - 18:00
อังคาร 08:00 - 18:00
พุธ 08:00 - 18:00
พฤหัสบดี 08:00 - 18:00
ศุกร์ 08:00 - 18:00
เสาร์ 08:00 - 18:00
อาทิตย์ 08:00 - 18:00

เบอร์โทรศัพท์

+6656271162

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ โชติเวชผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง โชติเวช:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram