คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้บริการด้านสุขภาพด้านการแพทย์แผนไทยประยุกต์

สถิตย์ในดวงใจตราบนิรันดร์ น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง24 ตุล...
25/10/2025

สถิตย์ในดวงใจตราบนิรันดร์ น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

24 ตุลาคม 2568
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น อันหาที่สุดมิได้

ข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหาร บุคลากร นิสิต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

โรคหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตทั่วโลก และความพิการจะพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย ส่วนใหญ่พบมากในช่วงอายุ 25 ปีข...
21/10/2025

โรคหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตทั่วโลก และความพิการจะพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย ส่วนใหญ่พบมากในช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไป โดยมีปัจจัยกระตุ้นอาการได้หลากหลาย เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น พฤติกรรมสุขภาพที่ไมเหมาะสม เป็นต้น
โรคหลอดเลือดสมองเทียบเคียงกับโรคทางการแพทย์แผนไทย คือ โรคลมอัมพฤกษ์-อัมพาต เกิดจากลมทั้ง 2 ชนิด คือ
• ลมอธังคมาวาตา เทียบได้กับระบบประสาทรับความรู้สึก ถ้าเกิดความพิการจะทำให้หมดดความรู้สึกสัมผัส
• ลมอโธคมาวาตา เทียบได้กับระบบประสาทสังการ ถาเกิดความพิการจะทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้
เมื่อลมทั้ง 2 ชนิดพัดระคนกัน จึงส่งผลให้เกิดโทษระคนกัน โดยแสดงอาการเหมือนกับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เช่น อาการชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นต้น

โดยศาสตร์การแพทย์แผนไทยมีแนวทางการรักษา บำบัด ฟื้นฟู ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองแบบบูรณาการหลายด้านรวมกัน อาทิ การนวดบำบัด ฟื้นฟู กดจุดแบบราชสำนัก การจ่ายสมุนไพรทั้งในรูปแบบยาในบัญชียาหลักแห่งชาติหรือจ่ายยาต้มเฉพาะราย เพื่อเน้นการปรับสมดุลของธาตลมที่ผิดปกติไป นอกจากนั้นยังใช้หลักการส่งเสริมสุขภาพในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพด้านการรับประทานอาหาร การทำท่ากายบริหารแบบฤาษีตัดตนควบคู่กับหลักสมาธิบำบัด ซึ่งแนวทางการรักษา บำบัด ฟื้นฟู ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยดังกล่าว ช่วยส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตและชะลอโอกาสการเกิดโรคซ้ำ และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

✅อาการของโรคอัมพฤกษ์-อัมพาต หากมีอาการในข้อหนึ่งข้อใด ดังต่อไปนี้ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาการเหล่านี้ล้วนเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมอง
1. มีอาการชา อ่อนแรงของแขนขา หรือใบหน้าข้าง
ใดข้างหนึ่ง
2. ตาข้างใดข้างหนึ่งมัว หรือมองไม่เห็น
3. พูดลำบาก พูดไม่ได้ พูดไม่ชัด หรือไม่เข้าใจคำพูด
4. มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงโดยไม่มีสาเหตุ
ชัดเจน
5. มีอาการมึนงง หรือเดินไม่มั่นคง เสียการทรงตัว

✅สาเหตุของการเกิดโรคแบ่งเป็น 2 ประการ ดังนี้
1. พฤติกรรมสุขภาพหรือการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมตามมูลเหตุอาหารให้โทษ 8 ประการ ได้แก่ กินมากกว่าอิ่ม อาหารดิบ อาหารเน่า อาหารบูด อาหารหยาบ กินน้อยยิ่งนัก กินล่วงผิดเวลา อยากเนื้อผู้อื่นยิ่งนัก
2. สภาพอากาศผิดปกติ คือ การกระทบร้อน หรือเย็นมากเกินไป ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทางการแพทย์แผนปัจจุบันคือ เกิดจากพฤติกรรม อายุและพันธุกรรม พฤติกรรมการใช้ชีวิต อายุ อาชีพ เป็นต้น

✅การบำบัด รักษา ดูแล ฟื้นฟูผู้ป่วยตามหลักการแพทย์แผนไทย
โรคหลอดเลือดสมองตามแนวทางการแพทย์แผนไทยเป็นการรักษาฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยหลังจากเกิดโรคหลอดเลือดสมองแล้ว โดยจะเน้นการรักษาทางการแพทย์แผนไทยเป็นหลัก คือ การนวดปรับสมดุลของธาตุลมภายในร่างกายและการนวดกดจุดรักษาแบบราชสำนัก เพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและหลอดเลือด การจ่ายยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ ที่มีสรรพคุณช่วยกระจายลม ลมอัมพฤกษ์-อัมพาต นอกจากนี้ยังใช้การส่งเสริมสุขภาพ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพด้านการรับประทานอาหาร การทำท่ากายบริหารแบบฤๅษีดัดตนควบคู่กับหลักสมาธิบำบัด
• การนวดไทย
จะใช้การนวดรักษาแบบราชสำนักเป็นหลักในผู้ป่วยที่ต้องฟื้นฟูร่างกายอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 6 เดือน (เนื่องจากกล้ามเนื้อเป็นการเกิดโรคแบบชนิดอ่อนและหลอดเลือดยังไม่แข็งสามารถรักษาและฟื้นฟูได้ง่าย) โดยจะใช้สูตรการรักษาตามหลักหัตถเวชกรรมไทยเพื่อกระตุ้นระบบการไหลเวียนลมในร่างกายให้มีความสมดุลและกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อไม่ให้ฝ่อหรือข้อยึดติดกัน
• การประคบสมุนไพร
ภายในลูกประคบประกอบด้วยสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและช่วยการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด เช่น ไพล สรรพคุณ แก้ปวดเมื่อย ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ หรือทำให้ผิวพรรณดูสุดใส ขมิ้นชัน สรรพคุณ บำรุงผิวพรรณ แก้ผืนคัน ใบมะขามหรือใบส้มป้อย สรรพคุณ ช่วยขจัดคราบไคลบนผิวหนัง ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เป็นต้น
• การจ่ายยาสมุนไพร
สมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคหลอดเลือดสมองตามหลักเวชปฏิบัติทางการแพทย์แผนไทย มีการใช้หลักการจ่ายยาสมุนไพร โดยจะจ่ายยาที่มีรสขุมหอมหรือสุขุมร้อน มีสรรพคุณในการกระจายเลือดลม แก้ลมกองละเอียด หรือจ่ายยาสมุนไพรในกลุ่มบัญชียาหลักแห่งชาติ ที่มีสรรพคุณในการช่วยแก้ลมอัมพฤกษ์-อัมพาตเพื่อเน้นการกระจายลมดังกล่าว

✅การให้คำแนะนำ
1. ประคบความร้อนชื้น เพื่อใช้ความร้อนช่วยกระจายลมในบริเวณที่มีอาการปวดหรือชา ซึ่งผู้ป่วยจะรู้สึกปวดกล้ามเนื้อลดลง กล้ามเนื้อผ่อนคลายขึ้นและช่วยการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด โดยประเมินจากการวัดความดันโลหิตซ้ำหลังการบำบัดรักษา
2) งดอาหารแสลง อาหารพวกของหวานจัด รสมันจัด ของเย็น เช่น ไอศกรีม เนยแข็ง เพราะอาหารแสลง อาทิ หน่อไม้ เครื่องในสัตว์ มีกรดยูริกสูง ทำให้มีอาการปวด อาหารมัน เป็นต้น
3) การทำท่าบริหาร เพื่อยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง แนะนำให้ทำกายบริหารท่าฤๅษีตัดตน ท่าดึงแขน-เท้าแขน 3 จังหวะ ท่านั่งยอง ๆ ท่าเขย่งปลายเท้า ซึ่งจะช่วยยึดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่ปิดกั้นทางเดินของลมและช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณหลัง บ่า คอ ศีรษะและช่วยป้องกันการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อได้
4. พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายและธาตุทั้ง 4 มีความสมดุลกัน
5. ห้ามนอนทับแขน - ขา ข้างที่เป็นเนื่องจากจะทำให้เกิดอาการปวดหรือชาบางครั้งจากการนอนทับทำให้การเคลื่อนไหวของลมบริเวณแขนและขาเคลื่อนไหวได้น้อยลง

ข้อมูล : พท.ป.ภูบดินทร์ สำรองพันธ์
เรียบเรียง : พท.ป.ศศิกานต์ จันทเดช
ที่มา : การรักษาโรคหลอดเลือดสมองตามแนวทางการแพทย์แผนไทย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. จาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/journal_sct/article/download/254893/176718

#โรคหลอดเลือดสมอง #สโตรก #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช #โรงพยาบาลสุทธาเวช #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์

เจ้าหน้าที่คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพให้ความรู้เรื่อง สมุนไพรที่มีพรีไบโอติกและโพรไบโอติก ...
16/10/2025

เจ้าหน้าที่คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพให้ความรู้
เรื่อง สมุนไพรที่มีพรีไบโอติกและโพรไบโอติก

พรีไบโอติก คือ อาหารจุลินทรีย์โพรไบโอติกที่ไม่มีชีวิต และร่างกายไม่สามารถย่อยหรือดูดซึมที่ลำไส้เล็กได้ แต่จะเข้าสู่ลำไส้ใหญ่และถูกย่อยสลายโดยโพรไบโอติก ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้
1. ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและการทำงานของแบคทีเรียที่ดี
2. ช่วยกระตุ้นการสร้างเอนไซม์ในระบบย่อยอาหาร
3. ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบทางเดินอาหาร
4. ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ
5. ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย
6. ช่วยเสริมสร้างต้านการอักเสบของร่างกาย
7. ช่วยแก้ปัญหาระบบทางเดินอาหาร เช่น ลำไส้แปรปรวน ท้องผูก อุจจาระร่วง เป็นต้น

โพรไบโอติก คือ แบคทีเรียดี เพราะช่วยให้ลำไส้แข็งแรง ซึ่งเป็นกลุ่มแบคทีเรียที่อยู่ในระบบทางเดินอาหารและระบบอื่นๆของร่างกาย เมื่อมีปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งมีประโยชน์โดยรวมดังนี้
1. ต่อสู้กับแบคทีเรียตัวร้ายที่รุกรานเข้ามาภายในร่างกาย
2. เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเพื่อลดการอักเสบ
3. ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น
4. ช่วยสร้างวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย
5. ป้องกันไม่ให้แบคทีเรียที่ดีต่อร่างกายเติบโตมากจนเกินไป
6. เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์บุผนังที่ปกป้องไม่ให้แบคทีเรียที่ไม่ดีเข้าสู่กระแสเลือด
7. ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญและดูดซึมอาหารและยาได้ดียิ่งขึ้น

สมุนไพรที่มีพรีไบโอติกและโพไบโอติก คือ
1. กระเทียม
เป็นพรีไบโอติก ที่ช่วยส่งเสริมให้จุลินทรีย์หลากหลายชนิดมีการเจริญเติบโตที่ดีและอุดมสมบูรณ์ รวมไปถึงช่วยในเรื่องการขับถ่าย ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติของลำไส้ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และรักษาระดับคอเลสเตอรอลให้อยู่ในค่ามาตรฐาน
2. แครอทสีม่วง
ช่วยในเรื่องของผิว เล็บ ผม กระดูก สายตา ควบคุมความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด ระดับคอเลสเตอรอล และต่อต้านเซลล์มะเร็ง
3. ต้นหอมดอง หรือผักดองทุกชนิด
ช่วยกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวในเรื่องของการสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ระบบภูมิต้านทาน และสร้างวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย ส่งผลให้ระบบขับถ่าย ระบบเกี่ยวกับลำไส้ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ณ ตึก OPD หลังใหม่ ชั้น 2 โรงพยาบาลสุทธาเวช เวลา 08.00 น. ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน และได้รับการตอบรับจากผู้มารับบริการเป็นอย่างดี

ข้อมูล พท.ป.วิรา นิลดำ
เรียบเรียง พท.ป.ภูบดินทร์ สำรองพันธ์

#คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช #โรงพยาบาลสุทธาเวช #ตรวจรักษาโดยแพทย์แผนไทยประยุกต์

🏥คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ 🔸️ให้บริการตรวจรักษา - ตรวจ วินิจฉัย ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย- นวดรักษาอาการ ประคบสมุนไพร-...
15/10/2025

🏥คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์
🔸️ให้บริการตรวจรักษา
- ตรวจ วินิจฉัย ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย
- นวดรักษาอาการ ประคบสมุนไพร
- ดูแลมารดาหลังคลอด
- พอกยาสมุนไพร
- อบสมุนไพร
- จ่ายยาสมุนไพร
#ตรวจรักษาโดยแพทย์แผนไทยประยุกต์

🔶คลินิกเวชกรรมเฉพาะโรค
- คลินิกเวชกรรมไทย
- คลินิกเบาหวาน ความดัน
- คลินิกเข่าเสื่อม
- คลินิกโรคสตรีวัยทอง
- คลินิกไมเกรน

🔶ให้บริการงานเชิงรุกในชุมชน
- การส่งเสริมสุขภาพชุมชน
- การฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย
- เครือข่ายหมอพื้นบ้าน
- โครงการบริการวิชาการ

🔶 ต้อนรับการศึกษาดูงาน/การฝึกเวชปฏิบัติทางการแพทย์แผนไทยประยุกต์

🔶 การใช้สิทธิรักษา
✅ จ่ายตรง (กรมบัญชีกลาง/อปท/กทม)
✅ บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง)
✅ ประกันสังคม
✅ ชำระเอง

🔹️เปิดให้บริการ
วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.00 - 19.00 น.
วันเสาร์ เวลา 08.00 - 16.00 น.
หยุดทุกวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

สถานที่ : คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ชั้น 1 (อาคาร 4 ชั้น) โรงพยาบาลสุทธาเวช
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
Google maps : https://maps.app.goo.gl/FSQFkNvaUmpvw7i19

☎️สอบถามรายละเอียด โทร. 043-722144 ในวันเวลาราชการ
#คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ #โรงพยาบาลสุทธาเวช #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช

วันที่ 10 เดือนตุลาคม 2568 แพทย์แผนไทยประยุกต์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ โรงพยาบาลสุทธาเวช ร่วมกันออกเยี่ยมบ้านให้บริการติดตามผ...
15/10/2025

วันที่ 10 เดือนตุลาคม 2568 แพทย์แผนไทยประยุกต์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ โรงพยาบาลสุทธาเวช ร่วมกันออกเยี่ยมบ้านให้บริการติดตามผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ประเภทฟื้นฟูสมรรถภาพระยะกลาง ซึ่งช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และอ่อนแรงซีกซ้าย โดยมาเป้าหมายประเมินสภาพผู้ป่วยโดยทั่วไป แนะนำผู้ดูแลในการดูแลป้องกันภาวะแทรกซ้อน แนะนำในการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน ดูแลการออกกำลังกาย บริหารฟื้นฟูกล้ามเนื้อแขนขา แนะนำสังเกตุอาการผิดปกติที่ต้องรีบไปพบแพทย์ และแนะนำการรับประทานยาให้ถูกต้องตามแพทย์สั่ง
และผู้ป่วยกระดูกข้อสะโพกหัก ประเภทติดบ้าน ซึ่งช่วยเหลือตัวเองได้น้อย เสี่ยงต่อการพัดตกหกล้ม เบื่ออาหารรับประทานได้น้อย มีอาการเหนื่อยเวลาทำกิจกรรมต่างๆ โดยมีเป้าหมายประเมินสภาพผู้ป่วยโดยทั่วไป ประเมินอาการเหนื่อยหอบ แนะนำผู้ดูแลในการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน พูดคุยให้กำลังใจผู้ป่วยและญาติ ดูแลการออกกำลังกาย บริหารฟื้นฟูกล้ามเนื้อแขนขา ให้คำแนะนำเรื่องการรับประทานยาให้ถูกต้องและไปพบแพทย์ตามนัด

แพทย์แผนไทยประยุกต์ได้ตรวจประเมินอาการของผู้ป่วยที่มีอาการแขนขาอ่อนแรงซีกซ้าย และผู้ป่วยที่มีอาการข้อสะโพกหัก พร้อมทำหัตถการบำบัด ประคบร้อน และยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ให้คำแนะนำด้านการปฏิบัติตัวทางการแพทย์แผนไทย

#คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช #โรงพยาบาลสุทธาเวช #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์

โรคเบาหวาน ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือการอักเสบของเส้นประสาท ซึ่งสาเหตุหลักของปลายประสาทอักเสบในผู้ป่วยเบาหวาน ได้แ...
14/10/2025

โรคเบาหวาน ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือการอักเสบของเส้นประสาท ซึ่งสาเหตุหลักของปลายประสาทอักเสบในผู้ป่วยเบาหวาน ได้แก่ น้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในเลือด ส่งผลให้เส้นประสาทนำไฟฟ้าได้ดี นอกจากนี้โรคเบาหวานยังทำให้เกิดการทำลายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงเส้นประสาท
โรคเส้นประสาทอักเสบจากโรคเบาหวาน (Diabetic neuropathy) เป็นภาวะที่เกิดจากความเสียหายต่อเส้นประสาท อันเนื่องมาจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานในผู้ป่วยโรคเบาหวาน อาการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของเส้นประสาทที่ได้รับผลกระทบ โดยอาจมีอาการชา ปวดแสบร้อน หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่ขาและเท้า หรืออาจส่งผลกระทบต่อระบบอื่นๆ ของร่างกาย เช่น ระบบย่อยอาหาร หัวใจ และกระเพาะปัสสาวะ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและรักษาภาวะนี้

สาเหตุ✅
* ระดับน้ำตาลในเลือดสูง:�ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานสามารถทำลายหลอดเลือดและเส้นประสาทได้ �* ปัจจัยอื่นๆ:�ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ และปัจจัยทางพันธุกรรม ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคเส้นประสาทอักเสบจากเบาหวานได้ �
การรักษาและการจัดการ✅
* ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด:�การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีอยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการชะลอหรือป้องกันความเสียหายของเส้นประสาทเพิ่มเติม �
การบรรเทาอาการชามือ ชาเท้าด้วยการแพทย์แผนไทย✅
1. การแช่มือ แช่เท้าด้วยน้ำสมุนไพร
2. ประคบสมุนไพร

คำแนะนำ✅
* ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรได้รับการตรวจคัดกรองโรคเส้นประสาทอักเสบตั้งแต่เริ่มวินิจฉัยโรค �* หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง

ข้อมูล พท.ป.ปทุมวรรณ หาญบาง
เรียบเรียง พท.ป.ศศิกานต์ จันทเดช
ที่มา : การดูแลรักษาโรคปลายประสาทอักเสบจากโรคเบาหวาน.รองศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรเนติ สุขสมบูรณ์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. จาก https://ccpe.pharmacycouncil.org/showfile.php?file=1281
การนวดเท้าเพื่อลดอาการชาเท้าในผู้ป่วยไทยที่เป็นเบาหวาน : การทบทวนงานวิจัยอย่างเป็นระบบ (Foot Massage to Reduce Foot Neuropathy among Thai Patients
with Diabetic: A Systematic Review). ดวงใจ พรหมพยัคฆ์ และคณะ วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์ ปีที่ 37 ฉบับที่ 4. จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/nur-psu/article/download/107755/85261/274045 #:~:text=การอภิปรายผลการวิจัย%20จากการทบทวนงานวิจัยอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับ%20แนวทางการนวดเพื่อลดอาการชาเท้าผู้ป่วยเบาหวาน%20พบว่า%20กลุ่มทดลองมีอาการชาเท้าลดลง%20หลังได้รับการนวดอย่างมี%20นัยสำาคัญทางสถิติ,เบาหวานที่มีอาการชาเท้าอาจทำาให้การรับรู้ลดลง%20ถ้ามีการกด%20ที่ใช้แรงมากเกินไปอาจทำาให้เกิดการบาดเจ็บได้9%20อย่างไรก็ยัง%20มีงานวิจัยจำานวนน้อย%20และยังขาดความชัดเจนในด้านความถี่%20ระยะเวลาในการนวด
แขนขาชาโดยไม่มีสาเหตุ สัญญาณเตือน... โรคเบาหวาน.จาก https://www.rama.mahidol.ac.th/th/vdo/healthclip/06mar2025-1927
การแช่เท้าด้วยน ้าสมุนไพร ลดอาการชาเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน.นายสหชาติ วิชัยปุก และคณะ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต้าบลท่าสัก อ้าเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์.จากhttps://hpc2appcenter.anamai.moph.go.th/academic/web/files/2567/innovation/MA2567-005-04-0000000133-0000001985.pdf

#ชามือชาเท้า #โรคเบาหวาน #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช #โรงพยาบาลสุทธาเวช #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์

ขิง🫚 (ginger) เป็นพืชอยู่ในวงศ์ Zingiberaceae มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุน แ...
08/10/2025

ขิง🫚 (ginger) เป็นพืชอยู่ในวงศ์ Zingiberaceae มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุน และมีรสเผ็ดร้อน ขิงมีสรรพคุณเป็นยาทั้งในตำรับยาไทย จีน และแพทย์อายุรเวท โดยเหง้าของขิงแก่ มีคุณสมบัติเป็นยาขับลม ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน แก้ท้องผูก เหงือกอักเสบ แก้ไอขับเสมหะ บรรเทาข้ออักเสบ รักษาอาการปวดศีรษะรวมทั้งช่วยกระตุ้นการอยากอาหาร
โดยสารสำคัญจากการสกัดเหง้าขิงแก่ที่มีประสิทธิภาพในการลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน คือ 6-gingerol และ 6-shogoal2 มีฤทธิ์ยับยั้งที่ serotonin (5-HT3) receptor และมีคุณสมบัติเป็น anti-neurokininergic activity3 ซึ่งเป็นกลไกหลักในพยาธิสรีรวิทยาของอาการคลื่นไส้อาเจียน จากการรวบรวมรายงานผลการศึกษาทางคลินิก พบว่าเหง้าขิงแก่สามารถลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ในหญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีอาการเมารถ เมาเรือ และในผู้ป่วยที่เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนหลังการผ่าตัด นอกจากนี้ยังสามารถลดภาวะข้ออักเสบ
ปวดศีรษะไมเกรน และสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในระยะยาว

วิธีรับประทานขิงเพื่อแก้อาการวิงเวียน✅
• ดื่มน้ำขิง : ล้างและปอกเปลือกขิง ทุบพอแตก นำไปต้มกับน้ำจนได้น้ำขิง สามารถเติมน้ำตาลทรายแดงหรือน้ำผึ้งเพิ่มรสชาติได้
• เคี้ยวขิงสด : เคี้ยวขิงสดเล็กน้อยก็สามารถช่วยบรรเทาอาการได้

ข้อควรระวัง ⚠️: หากกำลังตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทานขิง เพื่อความปลอดภัย

วิธีแก้เวียนศีรษะ คลื่นไส้ พะอืดพะอมที่ทำได้ทันที✅
• หายใจเข้าลึก ๆ นั่งพักในที่อากาศถ่ายเท
• ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำอุ่นผสมขิง
• หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวศีรษะเร็ว ๆ
• ประคบเย็นบริเวณท้ายทอย
• ใช้สมุนไพร เช่น ขิง ซึ่งมีงานวิจัยรองรับ

ข้อมูล พท.ป.นงนุช วีระวงค์
เรียบเรียง พท.ป.ศศิกานต์ จันทเดช
ที่มา : ประสิทธิภาพของสมุนไพรขิงในการบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน. ผศ.ดร.สุภัสร์ สุบงกช สาขาวิชาเภสัชกรรมคลินิก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. จาก https://ccpe.pharmacycouncil.org/showfile.php?file=266
ขิงกับการบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน(Ginger: Reduce Nausea and Vomiting). ประวีดา คำแดง วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม. อาจารย์ประจำคณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค มหาวิทยาลัยพายัพ, Thailand. จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/nursingsiamjournal/article/download/153476/122077/

#เมารถ #คลื่นไส้อาเจียน #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช #โรงพยาบาลสุทธาเวช #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์

📣ประกาศวันหยุดประจำเดือน ตุลาคม 2568
07/10/2025

📣ประกาศวันหยุดประจำเดือน ตุลาคม 2568

เจ้าหน้าที่คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพให้ความรู้เรื่อง ท่ากายบริหารลดหลังค่อม ไหล่ห่อ      ...
25/09/2025

เจ้าหน้าที่คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพให้ความรู้
เรื่อง ท่ากายบริหารลดหลังค่อม ไหล่ห่อ

หลังค่อม ไหล่ห่อ (kyphosis) คือ ภาวะผิดปกติของโครงสร้างร่างกายในช่วงส่วนบน นับแต่กระดูกสันหลังส่วนคอไปจนถึงส่วนอกและข้อไหล่ ส่งผลให้กล้ามเนื้อส่วนบนไม่สมดุลกัน ร่วมกับลักษณะผิดปกติ อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและลักษณะโครงสร้างภายนอก เช่น หลังค่อม ไหล่ห่อ บ่ายก เป็นต้น จำเป็นต้องทำกายภาพบำบัดหรือทำท่าบริหารเพื่อปรับท่าให้ถูก ทั้งนี้ หลังค่อม ไหล่ห่อ ไม่ใช่อาการเดียวกับออฟฟิศซินโดรม หรือหมอนรองกระดูกกับเส้นประสาท รวมถึงการรักษาก็แตกต่าง

สาเหตุการเกิดโรค✅
โดยปกติแล้วหลังค่อม ไหล่ห่อ สามารถเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุที่พบบ่อยมีดังนี้
1. วางท่าทางไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน เช่น แบกของหรือกระเป๋าหนักบ่อยๆ เป็นต้น
2. ความผิดปกติจากพื้นฐานด้านร่างกาย
3. ความผิดปกติตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
4.โรคอื่นหรือปัจจัยอื่น เช่น อายุมากขึ้น อุบัติเหตุ โรคทางพันธุรกรรม โรคเกี่ยวกับกระดูกหรือโรคกล้ามเนื้อเสื่อมอื่นๆ เป็นต้น

ท่าบริหารลดอาการหลังค่อม ไหล่ห่อ✅
1. ท่าบีบสะบัก
เริ่มจากการยืนตัวตรง กางแขน 2 ข้างเท้าเอว แล้วบีบสะบักเข้าหากัน พร้อมออกแรงเกร็งกล้ามเนื้อ เพื่อบีบสะบักเข้าหากัน จากนั้นค่อยๆคลายกล้ามเนื้อ ทำซ้ำ 10 ครั้ง
2. ท่าประสานมือบิดแขน
เริ่มจากการยกแขนข้างหนึ่งขึ้น งอข้อศอกลงทำมุม 45 องศา ประสานมือกับแขนอีกฝั่ง แล้วบิดแขนไปมา ทำสลับซ้ายขวา ทำซ้ำ 10 ครั้ง
3. ท่าวางศีรษะดันศอก
เริ่มจากการกางแขน 2 ข้างออก แล้วเลื่อนมือทั้งสองข้างไปวางด้านหลังศีรษะ จากนั้นดันข้อศอกไปด้านหลัง ทำซ้ำ 10 ครั้ง

แนวทางการป้องกัน✅
1. ปรับพฤติกรรมการนั่ง ปรับเก้าอี้และหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการนั่งหลังค่อม
2. ยืดกล้ามเนื้อ ฝึกยืดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ เพื่อลดความตึงและเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
3. เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ฝึกยืดกล้ามเนื้อ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของคอ บ่า ไหล่ และหลัง
4. ปรับท่าทางในการทำงาน หลีกเลี่ยงการก้มหน้า หรือยกของหนัก ในท่าที่ไม่ถูกต้อง
5. พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ

ณ ตึก OPD หลังใหม่ ชั้น 2 โรงพยาบาลสุทธาเวช เวลา 08.00 น. ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน และได้รับการตอบรับจากผู้มารับบริการเป็นอย่างดี

ข้อมูล พท.ป.สุพรรณิการ์ วงค์วิลา
เรียบเรียง พท.ป.ภูบดินทร์ สำรองพันธ์

#คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช #โรงพยาบาลสุทธาเวช

ยาหอมเทพจิตร        มีงานวิจัยพบว่าช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นในผู้ที่มีภาวะนอนไม่หลับ เนื่องจากมีส่วนประกอบสำคัญอย่าง...
23/09/2025

ยาหอมเทพจิตร
มีงานวิจัยพบว่าช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นในผู้ที่มีภาวะนอนไม่หลับ เนื่องจากมีส่วนประกอบสำคัญอย่าง ดอกมะลิและผิวส้ม ที่มีน้ำมันหอมระเหย เช่น Linalool และ Indole ซึ่งช่วยลดความเครียด ความกังวล ทำให้จิตใจสงบและรู้สึกผ่อนคลาย

ส่วนประกอบสำคัญและกลไกการทำงาน✅
ดอกมะลิ: มีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยกระตุ้นให้จิตใจสดชื่นและผ่อนคลาย.
ผิวส้ม: อุดมไปด้วยสารประกอบที่ช่วยให้จิตใจสงบ คลายเครียดและคลายกังวล.
การบูร: มีฤทธิ์ช่วยให้หลับได้ดีขึ้น.
สารอื่นๆ: เช่น Iso Jasmon, Linalool, และ Indole มีฤทธิ์ช่วยให้คุณภาพการนอนดีขึ้นและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย.

คำแนะนำในการใช้✅
วิธีการรับประทาน: ให้รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ดกับน้ำสะอาด หรือละลายยาหอมชนิดผงกับน้ำต้มสุก ดื่มขณะอุ่น ทุก 3-4 ชั่วโมง เมื่อมีอาการ.

ข้อควรระวัง❗️: ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น วาฟาริน) หรือยาต้านเกล็ดเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาหอมเทพจิตร.

ผลข้างเคียง ❗️: ผู้ที่มีความผิดปกติของตับและไตควรระวังการใช้ยาต่อเนื่อง เนื่องจากอาจเกิดการสะสมของการบูรและเกิดพิษได้.

ข้อมูล พท.ป.พัชริน ภูผาลินิน
เรียบเรียง พท.ป.ศศิกานต์ จันทเดช
ที่มา : ผลของยาไทยตำรับยาหอมเทพจิตรต่อคุณภาพการนอนในผู้ที่มีภาวะนอนไม่หลับ.สำนักงานบัณฑิตศึกษา จากhttps://postgrads.mfu.ac.th/wp-content/uploads/2022/12/5652003284-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C-Anti-Sc.pdf
ศึกษาประสิทธิภาพของยาหอมเทพจิตรในผู้ที่มีภาวะนอนไม่หลับ โดยใช้แบบสอบถาม PSQI. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จากhttps://postgrads.mfu.ac.th/wp-content/uploads/2022/12/%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4-5952003257-Online-26-July-2019.pdf
ประสิทธิผลการใช้ยาหอมเทพจิตรต่อคุณภาพการนอนและคุณภาพชีวิตในสตรีวัยหมดประจำเดือนที่มารับบริการคลินิกแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด. ปุณิกา คลังมนตรี โรงพยาบาลสุวรรณภูมิ. จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jrhi/article/view/280209/187482

#คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ #โรงพยาบาลสุทธาเวช #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช #ภาวะนอนไม่หลับ

🏥คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ 🔸️ให้บริการตรวจรักษา คลินิกเวชกรรมไทยประยุกต์  คลินิกเข่าเสื่อม คลินิกโรคสตรีวัยทอง คลินิก...
18/09/2025

🏥คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์
🔸️ให้บริการตรวจรักษา คลินิกเวชกรรมไทยประยุกต์ คลินิกเข่าเสื่อม คลินิกโรคสตรีวัยทอง คลินิกไมเกรน
#ตรวจรักษาโดยแพทย์แผนไทยประยุกต์
🔹️เปิดให้บริการ
วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 11.00 น.
สถานที่ : ห้องตรวจ 8 ชั้น 2 (แผนกอายุรกรรม) อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลสุทธาเวช
☎️สอบถามรายละเอียด โทร. 043-722144 ในวันเวลาราชการ
#คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ #โรงพยาบาลสุทธาเวช

เจ้าหน้าที่คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพให้ความรู้เรื่อง การรักษาโรคน้ำกัดเท้าทางการแพทย์แผนไ...
18/09/2025

เจ้าหน้าที่คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพให้ความรู้
เรื่อง การรักษาโรคน้ำกัดเท้าทางการแพทย์แผนไทย

โรคน้ำกัดเท้าหรือฮ่องกงฟุต (Athlete'sfoot) เป็นโรคที่เกิดจากผิวหนังบริเวณเท้ามีความอับชื้นเปียกน้ำ เปียกเหงื่อ การลุยน้ำท่วมขังโดยเฉพาะตำแหน่งซอกนิ้วเท้า เนื่องจากมีการเสียดสีและเป็นที่เก็บสะสมของสิ่งสกปรกและความอับชื้น ทำให้เชื้อรามีการเจริญเติบโตได้ดีและติดเชื้อราตามมา
นอกจากนี้ยังอาจติดต่อจากการใช้ของร่วมกัน เช่น รองเท้า ถุงเท้าที่ไม่สะอาด โรคน้ำกัดเท้าเป็น โรคผิวหนังที่พบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน ในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเพศชายในช่วงวัยรุ่น โดยทั่วไปอาการของโรคน้ำกัดเท้าจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ
• ระยะที่ 1 ในช่วง 1-3 วันแรก
ผิวหนังที่แช่น้ำนานๆ หรือเปียกชื้นจะมีการเปื่อย แดง คัน แสบ ซึ่งเป็นระยะของผิวหนังอักเสบโดยไม่มีการติดเชื้อ
• ระยะที่ 2 ในช่วง 3-10 วัน
การแช่น้ำต่อเนื่องจะทำให้ผิวเกิดบาดแผล ผิวหนังเปื่อย และมีรอยฉีกขาด เกิดการบวมแดง เจ็บปวด มีหนอง ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อโรค
• ระยะที่ 3 ในช่วงมากกว่า 10 วัน
หากมีการแช่น้ำต่อเนื่องและไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี เชื้อราจะเข้าสู่ผิวหนัง เกิดเป็นขุยขาวเปียก มีอาการคัน และมีกลิ่นเหม็น

แนวทางการรักษาทางการแพทย์แผนไทย
• ใบทองพันชั่ง
มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา เนื่องจากพบสาร Diospyrol สารที่มีฤทธิ์รักษาเชื้อรา รักษากลาก เกลื้อน และ
ต้านอาการผิวหนังอักเสบ
วิธีใช้ : นำใบทองพันชั่งประมาณ 1 กำมือตำให้ละเอียด แล้วนำมาพอกหรือทาบริเวณที่เป็น วันละ 3-4 ครั้ง ติดต่อกันทุกวัน จนกว่าแผลจะหาย
• เหง้าข่าแก่
มีฤทธิ์เชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคน้ำกัดเท้าได้ ข่ายังมีฤทธิ์ในการรักษากลาก เกลือนและแก้ลมพิษได้ด้วย
วิธีใช้ : ใช้เหง้าข่าแก่เท่าหัวแม่มือตำให้ละเอียด แล้วผสมเหล้าโรง (เหล้าขาว) จนเข้ากันดี จากนั้นนำมาเป็นยาสำหรับทาแผลน้ำกัดเท้าหลาย ๆ ครั้งจนกว่าอาการจะทุเลาลง
• ใบพลู
มีน้ำมันหอมระเหย ที่เรียกว่า Betell ที่มีสรรพคุณยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรานผิวหนัง เป็น
สมุนไพรรักษาโรคมาตั้งแต่สมัยโบราณ
วิธีใช้ : นำใบพลูมาล้างสะอาด แล้วตำใบพลูผสมกับเหล้าขาว หรือแอลกอฮอล์ใช้ทาแก้อาการค้น ลุมพิษ หรือคั้นน้ำใบพลู มารักษาโรคกลาก เกลื้อน ฝี หนอง สิว และแผลอักเสบต่างๆ

แนวทางป้องกันการเกิดโรค
เพื่อป้องกันการเกิดโรคผิวหนังและโรคน้ำกัดเท้าในช่วงฤดูฝนในกรณีถ้ามีความจำเป็นต้องเดินลุยน้ำ หรือแช่เท้าในน้ำเป็นเวลานานๆ ควรสวมรองเท้าบูท และดูแลความสะอาดของเท้าอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะง่ามนิ้วเท้า ระวังอย่าให้เกิดการอับชื้น ควรสวมถุงเท้าที่สะอาด
และไม่อับชื้น

ณ ตึก OPD หลังใหม่ ชั้น 2 โรงพยาบาลสุทธาเวช เวลา 08.00 น. ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน และได้รับการตอบรับจากผู้มารับบริการเป็นอย่างดี

ข้อมูล พท.ป.ปฏิคม พาสว่าง
เรียบเรียง พท.ป.ภูบดินทร์ สำรองพันธ์

#คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ #คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์โรงพยาบาลสุทธาเวช #โรงพยาบาลสุทธาเวช

ที่อยู่

79/99 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ต. ตลาด
Maha Sarakham
44000

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
18:00 - 19:00
อังคาร 09:00 - 17:00
18:00 - 19:00
พุธ 09:00 - 17:00
18:00 - 19:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
18:00 - 19:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00
18:00 - 19:00
เสาร์ 09:00 - 17:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram