08/09/2022
👉“พบว่าเพศชายที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังนั้น ประมาณ 60-70% นั้นมีสาเหตุมาจากการเป็น #โรคเก๊าท์”👈
👉 #เก๊าต์ เป็นสาเหตุที่สำคัญของปัญหาไตวายเรื้อรังในเพศชาย !!! หลายคนชะล่าใจ ว่าเป็น
เก๊าต์ ถ้าไม่ปวดก็ไม่ต้องรักษา หรือ ป้องกันบางคนเป็นแล้วรักษาอาการปวดดีแล้ว ก็ไม่รักษาติดตามต่อ ปัญหาคือ มันมีผลต่อไต
#เก๊าต์ คือโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบตามข้อต่างๆของร่างกาย โดยเฉพาะเพศชาย
ตำแหน่งที่พบบ่อยคือหัวแม่เท้า ส้นเท้า ข้อเท้า ข้อเข่า และข้อศอก ซึ่งอาการกำเริบของเก๊าท์นั้นจะมีการอักเสบอย่างเฉียบพลันทำให้ปวดมาก ไม่สามารเดินลงน้ำหนักได้ ขยับก็มีอาการปวด
🔥เก๊าท์กำเริบ มักจะเกิดหลังจากการดื่มแอลกอฮอล์ หรือรับประทานอาหารประเภทสัตว์ปีก เช่น เป็ด ไก่ ยอดผัก เช่น หน่อไม้
สิ่งที่อันตรายในผู้ป่วยโรคเก๊าท์ก็คือ เกิดการตกตะกอนของยูริกที่ไต ทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรัง พบว่าเพศชายที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังนั้น ประมาณ 60-70% นั้นมีสาเหตุมาจากการเป็นโรคเก๊าท์
👉สาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยละเลยในการรักษาโรคเก๊าท์ เพราะหลังจากรักษาโรคเก๊าท์ในระยะที่มีอาการอักเสบเฉียบพลัน เมื่ออาการปวดหายไปแล้ว ผู้ป่วยก็มักจะนึกว่าหายจากโรค ไม่จำเป็นต้องทานยาลดกรดยูริก ทำให้ปริมาณของกรดยูริกในร่างกายมีปริมาณสูง จึงเกิดการตกตะกอนที่ไต ทำให้การทำงานของไตเสียไป
ปัญหาคือ ไตวาย
👩⚕️การรักษาโรคเก๊าท์แบ่งเป็น 2 ระยะคือ
1.ในระยะที่มีอาการอักเสบเฉียบพลันและมีอาการปวดมากนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ รักษาเพื่อลดการอักเสบ และบรรเทาอาการปวด ซึ่งมักจะให้ยาลดการอักเสบในกลุ่ม NSAIDs เช่น Voltaren, Arcoxia, Celebrex ร่วมกับ colchicine เพื่อบรรเทาอาการปวดในระยะเฉียบลัน ถ้ามีการอักเสบมาก อาจมีการฉีดยาลดการอักเสบร่วมด้วย
2.ในระยะที่การอักเสบหายไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ เป็นการรักษาเพื่อลดปริมาณกรดยูริกในร่างกาย ซึ่งจำเป็นที่ต้องใยาเพื่อลดกรดยูริก โดยมีเป้าประสงค์เพื่อให้กรดยูริกในร่างกานน้อยกว่า 6 my/dl ยาลดกรดยูริกมีหลายประเภท คงต้องเลือกให้เหมาะสมกับผู้ป่วยในแต่ละราย
หลังจากรักษาแล้วก็หมั่นติดตาม ตรวจเลือดเพื่อดูผลของการรักษา ในช่วงแรกอาจจะทุก 3 เดือน ถ้าอาการดีขึ้นอาจตรวจทุก 6 เดือน ค่าที่ต้องติดตามคือ
1.การทำงานของไต BUN, Creatinine
2.ปริมาณของกรดยูริกในร่างกาย uric acid level
3.ค่าการอักเสบภายในร่างกาย ESR, CRP
✍️สรุปสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ ถ้ามีการอักเสบ ให้รักษาอาการอักเสบก่อนในระยะ 2 สัปดาห์แรก หลังจากอาการอักเสบหายไปแล้ว ไม่มีอาการปวดแล้วก็มาลดปริมาณยูริกด้วยการรับประทานยาลดการสร้างยูริก หรือยาขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ เพื่อไม่ให้เกิดการตกตะกอนที่ไต เป้าหมายที่สำคัญของการรักษาในระยะนี้คือ ป้องกัน #ไตวาย ในอนาคต
ดังนั้นเมื่อท่านเป็นเก๊าท์แล้ว อย่าได้นิ่งนอนใจว่าไม่ปวด ไม่อักเสบ ไม่มีปัญหา ที่สำคัญคือต้องควบคุมปริมาณของกรดยูริกให้ดี ไม่ให้มีปริมาณสูง ก็จะลดความเสี่ยงต่อร่างกายได้นะคะ