30/07/2019
ปรึกษาดวงตา โทร 062-6541999
อันตรายจากภัยเงียบ “เบาหวานขึ้นตา” ถึงขั้นตาบอดได้ !! รีบดูแลร่างกายให้ไกลโรค…
โรคเบาหวาน คือโรคที่พบบ่อยมากที่สุดโรคหนึ่ง เปรียบเสมือนภัยเงียบ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงวัย โอกาสที่จะเกิดนั้นมีมาก หากเราไม่ดูแลตัวเองตั้งแต่ต้น หรือบางรายเกิดขึ้นได้จากพันธุกรรม อีกทั้งโรคนี้สามารถพัฒนาเป็นโรคแทรกซ้อน ก่อให้เกิดความผิดปกติกับเนื้อเยื่อและทุกอวัยวะในร่างกาย โดยเฉพาะทางดวงตา อันเป็นสาเหตุให้เกิดโรคที่ได้ยินกันอย่างคุ้นหูว่า “โรคเบาหวานขึ้นตา” แล้วโรคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทาไมถึงเป็นภัยเงียบ และจะมีวิธีดูแลรักษายังไง ไม่ให้ส่งผลร้ายแรงต่อดวงตา เราจะมาทาความรู้จักกับโรคนี้และวิธีในการดูแลตัวเองในชีวิตประจาวันกัน….
เบาหวานขึ้นตา เกิดขึ้นได้อย่างไร?
โรคนี้เกิดจาก ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว จะมีภาวะที่ร่างกายมีระดับน้าตาลสูงกว่าคนปกติ ซึ่งหากผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมระดับน้าตาลได้ จะส่งผลให้ผนังหลอดเลือดเสื่อมทั่วร่างกาย รวมไปถึงหลอดเลือดที่จอประสาทตาด้วย โดยเลือดและสารต่างๆ จะรั่วซึมออกจากหลอดเลือดที่ผิดปกติ ทาให้เกิดภาวะเบาหวานขึ้นตา หลอดเลือดในจอประสาทตาจะเริ่มเกิดอาการอักเสบ โป่งพอง มีเลือดและน้าเหลืองซึมออกมาจากหลอดเลือด หากปล่อยทิ้งไว้จอประสาทตาจะขาดเลือด เซลล์ในการรับการมองเห็นจะถูกทำลายจนเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ทาให้การมองเห็นลดลง ตาเริ่มมัวอย่างฉับพลัน จนสูญเสียการมองเห็นได้
ภัยเงียบจากเบาหวานขึ้นตา มีอาการอย่างไร?
สาหรับอาการของโรคนี้ จะเกิดขึ้นแบบเงียบๆ ไม่ส่งสัญญาณ ไม่แสดงอาการใดๆ ในระยะเริ่มแรก อาการจะค่อยเป็นค่อยไป ทาให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัว จนไม่ได้รับการรักษาและคาแนะนาจากแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จากนั้นผู้ป่วยจะมีอาการตาพร่ามัวลงทีละน้อย จนลุกลามมายังจุดศูนย์กลางของจอรับภาพ และเริ่มเป็นหนักกว่าเดิม เห็นภาพบิดเบี้ยว เซลล์ที่ตาเริ่มตายเป็นหย่อมๆ หลอดเลือดจอประสาทตาบางเส้นอาจอุดตัน ตาเริ่มมืดด้านใดด้านหนึ่ง หรือมัวเป็นแถบๆ และเกิดตาพร่ามัวอย่างฉับพลัน ทาให้การรับรู้ของเซลล์ขาดเลือด ไม่ทางานตามปกติ จนส่งผลให้ตาบอดสนิทได้
โรคนี้เกิดขึ้นกับใครได้บ้าง?
เบาหวานขึ้นตา สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป เริ่มต้นเป็นโรคเบาหวานกันแล้ว แต่ส่วนมากจะพบในวัยผู้ใหญ่ โดยเบาหวานจะเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือเกิดขึ้นได้กับการดาเนินชีวิตอย่างเร่งรีบในแต่ละวัน โดยไม่ได้เลือกกิน รับประทานอาหารที่มีแต่แป้ง น้าตาล และไขมัน มากกว่าอาหารที่มีใยอาหาร รวมถึงขาดการออกกาลังกายที่เหมาะสม จึงกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทาให้เกิดโรคเบาหวานขึ้นตาในทุกช่วงวัยได้
รักษาอย่างไรให้อาการดีขึ้น?
โรคนี้มีแนวทางการรักษาที่ดีที่สุด คือ การควบคุมอาหารและการรักษาระดับน้าตาลให้อยู่เกณฑ์ปกติ ให้จักษุแพทย์ติดตามอาการเป็นระยะ หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนทางประสาทตา ก็ควบคุมแค่เบาหวานอย่างเคร่งครัด แต่หากไม่ดีขึ้น และเริ่มมีอาการทางประสาทตา แพทย์จะทาการยิงเลเซอร์ เพื่อทาลายหลอดเลือดเกิดใหม่ และทาลายจอประสาทตาที่เสียหาย เพื่อป้องกันไม่ให้โรคลุกลามมากขึ้น การรักษาด้วยเลเซอร์ สามารถทาได้หลายครั้ง ไม่มีอาการเจ็บแต่อย่างใด หรือหากมีอาการจอประสาทตาตรงกลางบวม จะต้องฉีดรักษาอาการบวมโดยตรง แต่หากมีเลือดออกในน้าวุ้นตา (จอประสาทตาหลุดลอก) ต้องรีบทาการผ่าตัด โดยมีผลการรักษาที่ไม่แน่นอน การละเลยต่อการรักษาแต่แรกจนปล่อยให้ต้องผ่าตัดน้าวุ้นตา มีโอกาสทาให้สูญเสียดวงตาได้
ดูแลตัวเองอย่างไร ให้ห่างไกลเบาหวานขึ้นตา?
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ต้องดูแลตัวเองในชีวิตประวันให้ดี โดยการรักษาระดับน้าตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ควบคุมอาหาร งดทานอาหารที่มีแป้ง น้าตาล และไขมันในปริมาณมาก
- ออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ ครั้งละ 20-30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้งเพื่อรักษาสมดุลของร่างกายให้มีภูมิคุ้มกัน
- รับประทานยาเบาหวาน โดยปฏิบัติตามคาแนะนาของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- อย่าลืมตรวจสุขภาพตาจากจักษุแพทย์อย่างสม่าเสมอ อย่างน้อยควรตรวจปีละครั้ง ตรวจโดยการขยายม่านตา แม้ว่าสายตายังมองเห็นชัดดี ในผู้ป่วยเบาหวานที่ยังเด็กหรือคนอายุน้อย ควรเริ่มได้รับการตรวจตาเมื่อเป็นเบาหวานมาแล้ว 5 ปีขึ้นไป สาหรับผู้ป่วยเบาหวานมีอายุมากกว่า 40 ปีและมักจะอ้วน ควรได้รับการตรวจตาตั้งแต่เริ่มวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน
- พยายามรักษาน้าหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จะช่วยในการควบคุมน้าหนักตัวได้ดี อย่าปล่อยให้น้าหนักขึ้นหรืออ้วน เพราะจะทาให้การคุมเบาหวานยากขึ้น
- ผู้ป่วย มีโอกาสเกิดปัญหาโรคเหงือกและฟันอักเสบได้ง่าย ดังนั้นจึงควร แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ทุกเช้าและก่อนนอน เพื่อเอาเศษอาหารที่ติดค้างออกจนหมด และตรวจสุขภาพฟันทุกๆ 6เดือน
- อาบน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ใช้สบู่ที่มีฤทธิ์อ่อน รักษาความสะอาดบริเวณซอกอับ เช่น ขาหนีบ รักแร้ อวัยวะขับถ่าย เพื่อป้องกันการอับชื้น
- ดูแลสุขภาพเท้าให้สะอาด เพราะมีโอกาสเป็นแผลที่เท้าได้ และอย่าให้ซอกนิ้วอับ อาจใช้น้าธรรมดาและสบู่อ่อนๆ ล้างและซับเท้าด้วยผ้าขนหนู
- ควรสวมเสื้อผ้าที่แห้ง สะอาด ระบายอากาศได้ดี
- หลีกเลี่ยงความเครียดทางอารมณ์ เพื่อป้องกันระดับน้าตาลในเลือดสูงขึ้น
- ดื่มน้าสะอาดอย่างน้อยวันละ 6 แก้ว
- ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์แต่เป็นโรคเบาหวาน ควรได้รับการตรวจตาทุกๆ 3 เดือน
- รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อหลัก คือ เช้า กลางวัน เย็น และรับประทานเมื่อถึงเวลา ไม่ใช่เมื่อหิว เพราะถ้าหิวจะทาให้รับประทานมาก
- เลิกสูบบุหรี่ เพราะทาให้ผนังหลอดเลือดแดงแข็งเร็ว อันเป็นต้นเหตุของการนามาสู่โรคเบาหวานขึ้นตา
- เพื่อควบคุมระดับน้าตาลให้คงที่ดังเดิม ผู้ป่วยที่ได้รับการฉีดยาหรือทานยาเพื่อรักษาโรค บางครั้งจะมีอาการภาวะน้าตาลในเลือดต่าลง อาการหวิว ใจสั่น จนหมดสติได้ ดังนั้น จึงควรมีขนมหวานชิ้นเล็กๆ พกติดตัวไว้ทานมีเมื่ออาการ จะช่วยให้ดีขึ้นได้
- ผู้ป่วยควรหมั่นสังเกตถึงความผิดของปัสสาวะด้วยตัวเองและควรเข้ารับการตรวจเลือดเพื่อหาเบาหวานเป็นประจา
- สาหรับผู้ที่ยังไม่ป่วยเป็นเบาหวาน ควรดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะการกินอาหารนั้นสาคัญมาก ควรลดแป้ง น้าตาล และไขมันลง อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเบาหวานขึ้นตา ทางที่ดี กินแต่พอดี รับเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสมดีกว่า
โรคเบาหวานขึ้นตา ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ขึ้นชื่อว่า เบาหวาน มีโอกาสพัฒนาเป็นโรคแทรกซ้อนร้ายแรงได้ทั้งนั้น เพราะโรคนี้เป็นแล้ว ไม่ได้เบา เหมือนชื่อ สามารถเป็นภัยเงียบที่ร้ายแรงต่อดวงตาของเรา ถึงขั้นตาบอดสนิทได้ ดังนั้นควรเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ หันมาใส่ใจสุขภาพการกิน การออกกาลังกายให้มากขึ้น อย่าชะล่าใจปล่อยไว้นาน อยากห่างไกลโรคเบาหวานขึ้นตา เริ่มต้นที่ตัวคุณเอง เพื่อดวงตาสุขภาพดีจะได้อยู่กับเราตลอดไป.