DContact ดีคอนแทค ครูสลา ยอดขายทะลุ 2 ล้านกล่อง

DContact ดีคอนแทค ครูสลา ยอดขายทะลุ 2 ล้านกล่อง Dezy เดซี่ ผลิตภัณฑ์ดูแลระบบภายในของผ?

DContact ดีคอนแทค วิตามินเพื่อดวงตา
Line id : 0869009666
เปิดรับตัวแทนจำหน่ายทั้งไทยและต่างประเทศ
รับปรึกษาปัญหาสุขภาพ สอบถามได้เลยจร้า

มาวิ่งกันเถอะๆ
22/11/2019

มาวิ่งกันเถอะๆ

หลายคนกลัว   เพราะคำบอกเล่ามากมายต่างๆหรือเพราะกลัวเมา 🧠ลองมาทำความเข้าใจคุณประโยชน์มากมายเหล่านี้ในการรักษาโรคนะคะ เมื่...
09/10/2019

หลายคนกลัว เพราะคำบอกเล่ามากมายต่างๆ
หรือเพราะกลัวเมา 🧠

ลองมาทำความเข้าใจคุณประโยชน์มากมายเหล่านี้ในการรักษาโรคนะคะ เมื่อผสานกับ cbd เสริมการทำงานร่วมกันยิ่งไปอีก

☘🌿คุณสมบัติของ TETRAHYDROCANNABINOL (THC) ที่มีอยู่ในกัญชา

🔆 ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ : เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า THC ช่วยในด้านของการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ความสามารถของโมเลกุลที่มีอยู่ใน THC จะช่วยลดอาการตะคริวและความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และช่วยเสริมการทำงานของเทอร์พีนที่มีอยู่มากในกัญชา

🔆 ช่วยในเรื่องการนอนหลับ : เรียกว่าเป็นยานอนหลับชั้นดีเลยทีเดียว มีการค้นพบว่าสาร THC ในกัญชาสามารถช่วยให้เกิดอาการง่วงนอนเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับการนอนปกติที่ต้องใช้เวลานานกว่า และช่วยเพิ่มขีดความสามารถการนอนหลับในระดับลึก ซึ่งสาร THC จะไปช่วยลดการการนอนหลับในระดับ REM (ระดับที่สมองยังตื่นอยู่ หรือยังฝันอยู่) นั่นหมายถึงว่าทำให้หลับลึก โดยที่ไม่เกิดอาการฝันร้าย ซึ่งเป็นผลดีกับผู้ที่มีความทุกข์ทรมานจาก PTSD หรือภาวะทางจิต

🔆 ส่งเสริมการทำงานของสมอง : THC จะเข้าไปประกบเข้ากับตัวรับสาร CB1 ที่มีอยู่ในสมอง และช่วยส่งเสริมกระบวนการทำงานของสมองในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถของสมองในการเรียนรู้ได้ดีขึ้น สาร THC ยังมีความเหมือนกับ CBD ตรงที่ช่วยให้สมองส่วน Hippocampus ซึ่งเป็นส่วนของความจำทำงานดีขึ้น

🔆 มีคุณสมบัติเป็นยาปฏิชีวนะ : หนึ่งในเหตุผลที่กัญชาผลิตสาร THC ออกมา ก็เพื่อปกป้องตัวเองจากเชื้อโรค จึงมีการอนุมานได้ว่าสาร THC ก็สามารถปกป้องและทำลายเชื้อโรคในมนุษย์ได้เช่นกัน ในปี 2008 นักวิจัยได้ค้นพบว่าสาร THC ที่มีอยู่กัญชา สามารถฆ่าแบคทีเรีย MRSA หรือเชื้อที่ดื้อยาได้สำเร็จ ในขณะที่ยาปฏิชีวนะชนิดอื่นๆล้มเหลว

🔆 กระตุ้นความอยากอาหาร : นักวิจัยได้ค้นพบว่า สาร THC ที่มีอยู่ในกัญชา มีปฏิกิริยากับตัวรับชนิดเดียวกันกับสมองในส่วนไฮโปทาลามัสที่ทำหน้าที่หลั่งฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นความหิว

🔆 ช่วยรักษาอาการทางจิต : จิตแพทย์หลายคนกล่าวว่า กัญชาที่อุดมไปด้วยสาร THC คือยารักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยทางจิต จากการศึกษาได้ยืนยันว่า THC สามารถลดอาการที่มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาทางจิตได้ รวมไปถึงอาการกระสับกระส่าย ย้ำคิดย้ำทำ ซึมเศร้า นอนไม่หลับ

🔆 เป็นยาแก้ปวดจากธรรมชาติ : จากการศึกษาค้นพบว่า สารประกอบ THC ในกัญชา สามารถกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางให้ปิดกั้นสัญญาณของความเจ็บปวดที่ถูกส่งไปยังสมอง จึงเป็นยาแก้ปวดที่เกิดจากธรรมชาติอย่างแท้จริง และไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นพิษต่อร่างกาย

🔆 บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน : ในกัญชา มีฤทธิ์ต่อต้านอาการคลื่นไส้ และระงับอาการอาเจียนได้อย่างมีศักยภาพ จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า THC จะทำหน้าที่เป็นตัวบล็อกอาการคลื่นไส้อาเจียนจากระบบประสาทส่วนกลาง และช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่า ทำไมกัญชาจึงมีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี ในระหว่างของการรักษาโดยใช้เคมีบำบัด

#สวัสดีคลีนิกเวชกรรม ขอขอบพระคุณแหล่งที่มา

 #เช็คสุขภาพกันด้วยนะคะ
06/10/2019

#เช็คสุขภาพกันด้วยนะคะ

ใครว่ามื้อเช้าไม่สำคัญเพราะหากเรา อดมื้อเช้า อาจมีหลายโรคตามมาเพราะฉะนั้นถ้าเรากินมื้อเช้าในวัยทำงานจะทำให้เรากระฉับกระเ...
02/10/2019

ใครว่ามื้อเช้าไม่สำคัญ
เพราะหากเรา อดมื้อเช้า อาจมีหลายโรคตามมา

เพราะฉะนั้นถ้าเรากินมื้อเช้าในวัยทำงานจะทำให้เรากระฉับกระเฉง
ในการทำงานมากขึ้น ร่างกายแข็งแรง
แต่ถ้าเป็นเด็กวัยเรียนก็จะทำให้มีสมาธิในการเรียน
มีภูมิคุ้มกันที่ดี เพราะฉะนั้นอาหารเช้าควรกินให้เป็นประจำสม่ำเสมอ

ขอขอบคุณข้อมูลจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

สาเหตุของไขมันในช่องท้อง แต่เดิมเรามักคิดว่ามาจาก แอลกอฮอล์ แต่ในปัจจุบันพบมากแม้ในผู้ป่วยที่ไม่รับประทาน แอลกอฮอล์ ก็ตา...
26/08/2019

สาเหตุของไขมันในช่องท้อง แต่เดิมเรามักคิดว่ามาจาก แอลกอฮอล์ แต่ในปัจจุบันพบมากแม้ในผู้ป่วยที่ไม่รับประทาน แอลกอฮอล์ ก็ตาม อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดไขมันในช่องท้อง คือ น้ำตาล โดยเฉพาะน้ำตาลจากผลไม้ ยิ่งการสกัดน้ำผลไม้โดยการแยกกาก(ไฟเบอร์)ออกไป ยิ่งทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลฟรักโทส (Fructose)ในปริมาณมากทำให้ตับจัดการน้ำตาลโดยการแปลงเป็นไขมันพอกไว้ที่ตับและอวัยวะภายในของร่างกาย

ใครที่ไขมันใต้ผิวหนังมีน้อยแต่มีพุง น่ากลัวนะ😮😮

ใครต้องการทราบ น้ำหนักไขมัน ทักมาได้ค่ะ 🙋

ผลไม้มีประโยชน์
24/08/2019

ผลไม้มีประโยชน์

เพียงแค่เดินก็ผอมได้ ..  #วิ่งไม่ไหว ลองเดินกันคะCredit : NU Girl
15/08/2019

เพียงแค่เดินก็ผอมได้ .. #วิ่งไม่ไหว ลองเดินกันคะ

Credit : NU Girl

การทำบุญอันแท้จริงไม่เกี่ยวกับการได้หน้าได้ตาแต่เกี่ยวกับประโยชน์ที่จะช่วยผู้อื่นให้ได้รับความสุข และตัวเองก็ได้บรรเทาคว...
15/08/2019

การทำบุญอันแท้จริง
ไม่เกี่ยวกับการได้หน้าได้ตา
แต่เกี่ยวกับประโยชน์
ที่จะช่วยผู้อื่น
ให้ได้รับความสุข และ
ตัวเองก็ได้บรรเทา
ความเห็นแก่ตัวลง
-พุทธทาสภิกขุ-

ข่าว : รายงานขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ทุกปีมีผู้หญิง 2.1 ล้านคนต่อปีเป็น  #โรคมะเร็งเต้านม เฉพาะในปี 2018 มีผู้เสียชีว...
14/08/2019

ข่าว : รายงานขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ทุกปีมีผู้หญิง 2.1 ล้านคนต่อปีเป็น #โรคมะเร็งเต้านม เฉพาะในปี 2018 มีผู้เสียชีวิตแล้ว 627,000 คน
ในวารสารวิชาการแคนเซอร์ เซลล์ (Cancer Cell) นักวิจัยมหาวิทยาลัยบาเซิล สวิตเซอร์แลนด์เผยแพร่ผลการวิจัยที่ทดลองในหนู โดยสามารถเปลี่ยนเซลล์มะเร็งเต้านมให้เป็นเซลล์ไขมันสำเร็จ แทนที่จะใช้ ‘การต่อสู้’ กับมะเร็งแบบเคมีบำบัด แต่ใช้กระบวนการทางธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายเพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจาย
เซลล์มะเร็งส่วนใหญ่นำไปสู่การพัฒนาก้อนเนื้อเพิ่มขึ้นในพื้นที่เฉพาะของร่างกาย การแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งเป็นกระบวนการหนึ่งที่เซลล์มะเร็งหนีออกจากก้อนเนื้อตั้งต้น และเริ่มกระจายไปยังส่วนอื่นและสร้างก้อนเนื้อใหม่ขึ้นมา
นักวิจัยพบว่าเซลล์เยื่อบุผิวเป็นสาเหตุของการเติบโตของเซลล์มะเร็ง มะเร็งอาศัยเซลล์เหล่านี้นำพาตัวเองไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย จนท้ายที่สุดกลายเป็นเซลล์มะเร็ง โดยธรรมชาติแล้ว เซลล์เยื่อบุผิวอยู่ในร่างกายของคนเรา และมี ‘ความเป็นพลาสติก’ ในการเปลี่ยนตัวเองเป็นเซลล์ชนิดอื่นตามที่ร่างกายเรียกร้อง ตัวอย่างเช่น เซลล์เยื่อบุผิวอาจกลายเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่ช่วยร่างกายซ่อมแซมตัวเอง เวลาเราถูกมีดบาด
ระหว่างที่เซลล์เยื่อบุผิวอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนผ่านที่เรียกว่า Epithelial-Mesenchymal Transition (EMT) มะเร็งสามารถใช้เวลานี้กระจายไปทั้งร่างกาย รวมทั้งใช้วิธีที่ตรงกันข้ามที่เรียกว่า MET (mesenchymal‐to‐epithelial transition)
ในการศึกษาครั้งนี้ นักวิจัยใช้โมเดลนี้ด้วยการทดลองกับมะเร็งเต้านม โดยปลูกถ่ายเซลล์มะเร็งเต้านมของมนุษย์เข้าไปในหนู จากนั้นให้ยารักษาโรคเบาหวานโรซิกลิทาโซน (Rosiglitazone) และยาต้านมะเร็ง Trametinib เข้าไป ผลการศึกษาพบว่า เซลล์มะเร็งที่ใช้วิธี EMT หรือ MET ถูกเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ไขมันที่ไม่เป็นอันตรายผ่านกระบวนการที่เรียกว่าการเปลี่ยนตัวเองเป็นเซลล์ไขมัน (adipogenesis)��นักวิจัยระบุว่า ผลวิจัยชี้ให้เห็นว่า การบำบัดที่ผสมผสานระหว่างยาโรซิกลิทาโซน (Rosiglitazone) และยาต้านมะเร็ง Trametinib ควบคู่กับความเป็นพลาสติกที่เพิ่มขึ้น และการสร้างเซลล์ไขมันขึ้นมา ทำให้เซลล์มะเร็งเต้านมเปลี่ยนเป็นเซลล์ไขมันได้
นอกจากนี้ ไม่เพียงแค่การรักษาด้วยการเปลี่ยนเซลล์มะเร็งเป็นเซลล์ไขมันจะประสบความสำเร็จเท่านั้น มันยังสามารถป้องกันการแพร่กระจายได้ เพราะเซลล์ไขมันจะไม่กลับคืนไปเป็นเซลล์มะเร็งอีก โดยนักวิจัยกำลังทดสอบว่า สามารถใช้วิธีนี้ร่วมกับเคมีบำบัดหรือไม่ เพื่อกดไม่ให้ก้อนเนื้อตั้งต้นโต และเกิดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง

ที่มา:

https://www.sciencealert.com/scientists-successfully-turn-breast-cancer-cells-into-fat-to-stop-them-from-spreading

https://z6mag.com/2019/08/11/this-novel-combination-of-drugs-trick-breast-cancer-cells-and-turn-it-into-fats

https://www.indiatimes.com/technology/science-and-future/scientists-find-cure-for-breast-cancer-turn-cancer-cells-into-fat-stop-them-from-spreading-373344.html
ภาพ: Gettyimages

ปรึกษาดวงตา โทร 062-6541999
30/07/2019

ปรึกษาดวงตา โทร 062-6541999

อันตรายจากภัยเงียบ “เบาหวานขึ้นตา” ถึงขั้นตาบอดได้ !! รีบดูแลร่างกายให้ไกลโรค…

โรคเบาหวาน คือโรคที่พบบ่อยมากที่สุดโรคหนึ่ง เปรียบเสมือนภัยเงียบ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงวัย โอกาสที่จะเกิดนั้นมีมาก หากเราไม่ดูแลตัวเองตั้งแต่ต้น หรือบางรายเกิดขึ้นได้จากพันธุกรรม อีกทั้งโรคนี้สามารถพัฒนาเป็นโรคแทรกซ้อน ก่อให้เกิดความผิดปกติกับเนื้อเยื่อและทุกอวัยวะในร่างกาย โดยเฉพาะทางดวงตา อันเป็นสาเหตุให้เกิดโรคที่ได้ยินกันอย่างคุ้นหูว่า “โรคเบาหวานขึ้นตา” แล้วโรคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทาไมถึงเป็นภัยเงียบ และจะมีวิธีดูแลรักษายังไง ไม่ให้ส่งผลร้ายแรงต่อดวงตา เราจะมาทาความรู้จักกับโรคนี้และวิธีในการดูแลตัวเองในชีวิตประจาวันกัน….

เบาหวานขึ้นตา เกิดขึ้นได้อย่างไร?
โรคนี้เกิดจาก ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว จะมีภาวะที่ร่างกายมีระดับน้าตาลสูงกว่าคนปกติ ซึ่งหากผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมระดับน้าตาลได้ จะส่งผลให้ผนังหลอดเลือดเสื่อมทั่วร่างกาย รวมไปถึงหลอดเลือดที่จอประสาทตาด้วย โดยเลือดและสารต่างๆ จะรั่วซึมออกจากหลอดเลือดที่ผิดปกติ ทาให้เกิดภาวะเบาหวานขึ้นตา หลอดเลือดในจอประสาทตาจะเริ่มเกิดอาการอักเสบ โป่งพอง มีเลือดและน้าเหลืองซึมออกมาจากหลอดเลือด หากปล่อยทิ้งไว้จอประสาทตาจะขาดเลือด เซลล์ในการรับการมองเห็นจะถูกทำลายจนเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ทาให้การมองเห็นลดลง ตาเริ่มมัวอย่างฉับพลัน จนสูญเสียการมองเห็นได้

ภัยเงียบจากเบาหวานขึ้นตา มีอาการอย่างไร?
สาหรับอาการของโรคนี้ จะเกิดขึ้นแบบเงียบๆ ไม่ส่งสัญญาณ ไม่แสดงอาการใดๆ ในระยะเริ่มแรก อาการจะค่อยเป็นค่อยไป ทาให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัว จนไม่ได้รับการรักษาและคาแนะนาจากแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จากนั้นผู้ป่วยจะมีอาการตาพร่ามัวลงทีละน้อย จนลุกลามมายังจุดศูนย์กลางของจอรับภาพ และเริ่มเป็นหนักกว่าเดิม เห็นภาพบิดเบี้ยว เซลล์ที่ตาเริ่มตายเป็นหย่อมๆ หลอดเลือดจอประสาทตาบางเส้นอาจอุดตัน ตาเริ่มมืดด้านใดด้านหนึ่ง หรือมัวเป็นแถบๆ และเกิดตาพร่ามัวอย่างฉับพลัน ทาให้การรับรู้ของเซลล์ขาดเลือด ไม่ทางานตามปกติ จนส่งผลให้ตาบอดสนิทได้

โรคนี้เกิดขึ้นกับใครได้บ้าง?
เบาหวานขึ้นตา สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป เริ่มต้นเป็นโรคเบาหวานกันแล้ว แต่ส่วนมากจะพบในวัยผู้ใหญ่ โดยเบาหวานจะเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือเกิดขึ้นได้กับการดาเนินชีวิตอย่างเร่งรีบในแต่ละวัน โดยไม่ได้เลือกกิน รับประทานอาหารที่มีแต่แป้ง น้าตาล และไขมัน มากกว่าอาหารที่มีใยอาหาร รวมถึงขาดการออกกาลังกายที่เหมาะสม จึงกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทาให้เกิดโรคเบาหวานขึ้นตาในทุกช่วงวัยได้

รักษาอย่างไรให้อาการดีขึ้น?
โรคนี้มีแนวทางการรักษาที่ดีที่สุด คือ การควบคุมอาหารและการรักษาระดับน้าตาลให้อยู่เกณฑ์ปกติ ให้จักษุแพทย์ติดตามอาการเป็นระยะ หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนทางประสาทตา ก็ควบคุมแค่เบาหวานอย่างเคร่งครัด แต่หากไม่ดีขึ้น และเริ่มมีอาการทางประสาทตา แพทย์จะทาการยิงเลเซอร์ เพื่อทาลายหลอดเลือดเกิดใหม่ และทาลายจอประสาทตาที่เสียหาย เพื่อป้องกันไม่ให้โรคลุกลามมากขึ้น การรักษาด้วยเลเซอร์ สามารถทาได้หลายครั้ง ไม่มีอาการเจ็บแต่อย่างใด หรือหากมีอาการจอประสาทตาตรงกลางบวม จะต้องฉีดรักษาอาการบวมโดยตรง แต่หากมีเลือดออกในน้าวุ้นตา (จอประสาทตาหลุดลอก) ต้องรีบทาการผ่าตัด โดยมีผลการรักษาที่ไม่แน่นอน การละเลยต่อการรักษาแต่แรกจนปล่อยให้ต้องผ่าตัดน้าวุ้นตา มีโอกาสทาให้สูญเสียดวงตาได้

ดูแลตัวเองอย่างไร ให้ห่างไกลเบาหวานขึ้นตา?
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ต้องดูแลตัวเองในชีวิตประวันให้ดี โดยการรักษาระดับน้าตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ควบคุมอาหาร งดทานอาหารที่มีแป้ง น้าตาล และไขมันในปริมาณมาก
- ออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ ครั้งละ 20-30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้งเพื่อรักษาสมดุลของร่างกายให้มีภูมิคุ้มกัน
- รับประทานยาเบาหวาน โดยปฏิบัติตามคาแนะนาของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- อย่าลืมตรวจสุขภาพตาจากจักษุแพทย์อย่างสม่าเสมอ อย่างน้อยควรตรวจปีละครั้ง ตรวจโดยการขยายม่านตา แม้ว่าสายตายังมองเห็นชัดดี ในผู้ป่วยเบาหวานที่ยังเด็กหรือคนอายุน้อย ควรเริ่มได้รับการตรวจตาเมื่อเป็นเบาหวานมาแล้ว 5 ปีขึ้นไป สาหรับผู้ป่วยเบาหวานมีอายุมากกว่า 40 ปีและมักจะอ้วน ควรได้รับการตรวจตาตั้งแต่เริ่มวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน
- พยายามรักษาน้าหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จะช่วยในการควบคุมน้าหนักตัวได้ดี อย่าปล่อยให้น้าหนักขึ้นหรืออ้วน เพราะจะทาให้การคุมเบาหวานยากขึ้น
- ผู้ป่วย มีโอกาสเกิดปัญหาโรคเหงือกและฟันอักเสบได้ง่าย ดังนั้นจึงควร แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ทุกเช้าและก่อนนอน เพื่อเอาเศษอาหารที่ติดค้างออกจนหมด และตรวจสุขภาพฟันทุกๆ 6เดือน
- อาบน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ใช้สบู่ที่มีฤทธิ์อ่อน รักษาความสะอาดบริเวณซอกอับ เช่น ขาหนีบ รักแร้ อวัยวะขับถ่าย เพื่อป้องกันการอับชื้น
- ดูแลสุขภาพเท้าให้สะอาด เพราะมีโอกาสเป็นแผลที่เท้าได้ และอย่าให้ซอกนิ้วอับ อาจใช้น้าธรรมดาและสบู่อ่อนๆ ล้างและซับเท้าด้วยผ้าขนหนู
- ควรสวมเสื้อผ้าที่แห้ง สะอาด ระบายอากาศได้ดี
- หลีกเลี่ยงความเครียดทางอารมณ์ เพื่อป้องกันระดับน้าตาลในเลือดสูงขึ้น
- ดื่มน้าสะอาดอย่างน้อยวันละ 6 แก้ว
- ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์แต่เป็นโรคเบาหวาน ควรได้รับการตรวจตาทุกๆ 3 เดือน
- รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อหลัก คือ เช้า กลางวัน เย็น และรับประทานเมื่อถึงเวลา ไม่ใช่เมื่อหิว เพราะถ้าหิวจะทาให้รับประทานมาก
- เลิกสูบบุหรี่ เพราะทาให้ผนังหลอดเลือดแดงแข็งเร็ว อันเป็นต้นเหตุของการนามาสู่โรคเบาหวานขึ้นตา
- เพื่อควบคุมระดับน้าตาลให้คงที่ดังเดิม ผู้ป่วยที่ได้รับการฉีดยาหรือทานยาเพื่อรักษาโรค บางครั้งจะมีอาการภาวะน้าตาลในเลือดต่าลง อาการหวิว ใจสั่น จนหมดสติได้ ดังนั้น จึงควรมีขนมหวานชิ้นเล็กๆ พกติดตัวไว้ทานมีเมื่ออาการ จะช่วยให้ดีขึ้นได้
- ผู้ป่วยควรหมั่นสังเกตถึงความผิดของปัสสาวะด้วยตัวเองและควรเข้ารับการตรวจเลือดเพื่อหาเบาหวานเป็นประจา
- สาหรับผู้ที่ยังไม่ป่วยเป็นเบาหวาน ควรดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะการกินอาหารนั้นสาคัญมาก ควรลดแป้ง น้าตาล และไขมันลง อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเบาหวานขึ้นตา ทางที่ดี กินแต่พอดี รับเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสมดีกว่า

โรคเบาหวานขึ้นตา ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ขึ้นชื่อว่า เบาหวาน มีโอกาสพัฒนาเป็นโรคแทรกซ้อนร้ายแรงได้ทั้งนั้น เพราะโรคนี้เป็นแล้ว ไม่ได้เบา เหมือนชื่อ สามารถเป็นภัยเงียบที่ร้ายแรงต่อดวงตาของเรา ถึงขั้นตาบอดสนิทได้ ดังนั้นควรเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ หันมาใส่ใจสุขภาพการกิน การออกกาลังกายให้มากขึ้น อย่าชะล่าใจปล่อยไว้นาน อยากห่างไกลโรคเบาหวานขึ้นตา เริ่มต้นที่ตัวคุณเอง เพื่อดวงตาสุขภาพดีจะได้อยู่กับเราตลอดไป.

ที่อยู่

Min Buri
10510

เบอร์โทรศัพท์

094-639-2946

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ DContact ดีคอนแทค ครูสลา ยอดขายทะลุ 2 ล้านกล่องผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram