มูลนิธิธรรมอารี

มูลนิธิธรรมอารี เพจนี้จัดทำโดย คณะศิษย์
เปิดทำการเข้าสถานที่ ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา
เวลา 6.00-16.00 น. จัดทำโดย คณะศิษย์

28/10/2025

Live คอร์สสติปัฏฐาน 4 ยามเช้า
ฟังธรรม เจริญภาวนา ณ ยุวพุทธฯ ศูนย์ 4 และสวนธรรมอารี
29 ต.ค. 68

เราต้องช่วยกัน 'เจริญเมตตา' แล้วตอนนี้ ยั้งก่อนไม่ให้มันไปเร็วกว่านี้อกุศลในใจ มันมีผลต่อสภาพแวดล้อมที่อยู่ มีผลต่อทุกอย...
28/10/2025

เราต้องช่วยกัน 'เจริญเมตตา' แล้วตอนนี้ ยั้งก่อนไม่ให้มันไปเร็วกว่านี้

อกุศลในใจ มันมีผลต่อสภาพแวดล้อมที่อยู่ มีผลต่อทุกอย่างเลย มีผลต่อทุกสรรพสิ่ง และทุกสรรพสิ่งก็มีผลต่อใจด้วยเหมือนกัน

มันเป็นเรื่องเชื่อมโยงกัน
เห็นแล้วว่า.. เทรนด์มันแรงมากเลย
มันดิ่งแรงมาก เราก็ต้องช่วยกันเจริญเมตตาแล้วตอนนี้

😇 สร้างกุศลในใจ..ด้วยการเจริญเมตตาภาวนา
---

"...จักกวัตติสูตร.. พระองค์ชี้ให้เห็นเหตุปัจจัยที่ทำให้มนุษย์อายุสั้นลงเรื่อย ๆ

พออ่านตรงนี้เสร็จ คิดขึ้นมาเลยว่า
ต้องพาโยมเจริญเมตตาแล้ว เพราะว่าเห็นเทรนด์ (trend แนวโน้ม) แล้ว

ที่พระศาสดาท่านตรัสไว้ เป็นแบบนี้จริงด้วย
คือ เป็นแง่มุมที่ทำไมอายุมนุษย์จะสั้นลง
ที่มนุษย์อาจจะมีอายุสั้นลงจนถึงเหลือสิบปี
แล้วก็จะเกิดการฆ่ากันเต็มไปหมดเลยนั่นเอง

มันมาจากอะไร ท่านแจกแจงไว้หมดแล้วก็หลังจากนั้น
จะเริ่มเกิดจุดเทิร์นนิ่งพอยท์ (turning point จุดเปลี่ยน)
ที่มนุษย์จะมีอายุมากขึ้น ๆ

พระองค์ก็ชี้ให้เห็นว่า..
#อกุศลในใจมันมีผลต่อสภาพแวดล้อมที่อยู่ มีผลต่อทุกอย่างเลย
มีผลต่อทุกสรรพสิ่ง และทุกสรรพสิ่งก็มีผลต่อใจด้วยเหมือนกัน
มันเป็นเรื่องเชื่อมโยงกัน

เห็นแล้วว่า.. เทรนด์มันแรงมากเลย
มันดิ่งแรงมาก เราก็ต้องช่วยกันเจริญเมตตาแล้วตอนนี้
ช่วยกันเรียกว่า.. ยั้งก่อนไม่ให้มันไปเร็วกว่านี้

เวลาพระองค์แจกแจงมีมากมาย แล้วก็มีมิติมากมายเลย
เดี๋ยวว่าง ๆ จะให้พระท่านทำไว้แล้วก็อาจจะมาชี้ให้เห็นแง่มุมนะ

ถ้าคร่าว ๆ ก็เช่น แต่ก่อนจะมีเกี่ยวกับเรื่องของกษัตริย์
พระเจ้าจักรพรรดิที่ท่านมีจักรเต็มไปหมด
มีจักรทั้งเจ็ด แก้วเจ็ดประการ มีจักรแก้วด้วย

คือก็เหมือนอีกเจนเนอเรชั่น (generation ชั่วคน) นึงมารับช่วงต่อ
แล้วจักรแก้วหายไป จักรแก้วก็เหมือนพวกอาวุธพิเศษนะ

แต่พอเริ่มทำความดีขึ้นมา จักรแก้วก็เริ่มกลับมา แสดงว่า
การที่คุณธรรมของใจคนลดลง มันทำให้สภาพแวดล้อมเริ่มเปลี่ยน

หลังจากนั้น ก็เริ่มเจนเนอเรชั่นของพระเจ้าจักรพรรดิ
สืบเนื่องกันไป น่าจะไปตกอยู่ที่แปดเจนเนอเรชั่น

แล้วก็หลังจากนั้น ก็คือพระเจ้าจักรพรรดิองค์สุดท้าย
กษัตริย์ในยุคนั้น อุปมาในยุคนั้น ก็เหมือนไม่ได้ส่งปัจจัยให้ประชากร

เมื่อส่งไม่สมดุล คนก็เริ่มผิดศีล เขาก็เริ่มขโมย พอขโมย
การผิดศีลก็ค่อย ๆ มากขึ้น พอขโมยจับได้
พระเจ้าจักรพรรดิก็บอกอย่าขโมยนะ
. แล้วก็แจ้ง..เธออย่าไปทำ อย่าไปขโมยนะ
ทีนี้เกิดเอฟเฟกต์ คนก็ยิ่งขโมยขึ้น
พอคนยิ่งขโมยขึ้น ท่านก็มีอุบายอีก

ก็เริ่มตั้งกฎระเบียบไว้ ถ้าใครขโมยหลังจากนี้ จะถูกประหาร
และรู้ไหมเอฟเฟกต์เกิดอะไรขึ้น? คนก็ยิ่งฆ่ากันมากขึ้น
. เพราะมองว่า ไปขโมย เดี๋ยวถูกจับได้ ต้องมีหลักฐาน
งั้นก็ฆ่าตัวประกันซะเลย พอฆ่าเสร็จ จะได้ไม่ต้องติดคุก
. เพราะว่าเริ่มมีกฎระเบียบ และกฎระเบียบเริ่มมากขึ้น
คนก็กลัว พอกลัว ก็เลยต้องฆ่าตัวประกันเลย

เนื่องจากมันไม่สมดุล คุณธรรมในใจเริ่มเปลี่ยน
มันทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยน
อายุมนุษย์ก็ค่อย ๆ สั้นลงเรื่อย ๆ

ใน "จักกวัตติสูตร" เห็นรายละเอียดเยอะมาก
อายุมนุษย์สั้นลง ดิ่งดาวน์ ไปเรื่อย ๆ เลยนะ

ย้อนไปก่อนที่อายุจะเหลือร้อยปี
หลังจากนี้ มันจะดิ่งกว่านี้อีก
เพราะว่าอกุศลในใจคนนั่นเอง

ถ้าโดยหลักวิทยาศาสตร์ ก็ชัดเลยนะ
อกุศลในใจ มันมีผลต่อระบบร่างกาย
แล้วระบบร่างกายก็ส่งผลต่อระบบพันธุกรรม
ดีเอ็นเอต่าง ๆ มันจะค่อย ๆ เปลี่ยน
อายุมนุษย์จะสั้นลงจนเหลือสิบปี ห้าปี ก็มีบุตรได้

หลังจากนั้น ทีนี้ ก็เป็นช่วงเวลาที่มันแย่มากเลยในยุคนั้น

มันเห็นเลยว่า อกุศลในใจนี่แหละ
เป็นจุดที่ทำให้มนุษย์อายุสั้นลง ก็คือ "กิเลสในใจ"

แล้วโยมดูทุกวันนะ มันพุ่งแรงขนาดไหน ถ้าเห็นแบบนี้แล้ว
ตอนนี้ มันไม่สามารถยั้งได้ และไม่สามารถต้านได้แล้วนะ
มีแต่ช่วยชะลอให้มันเบาที่สุด

ถ้าใครฟังตรงนี้ แล้วใช้ปัญญาแบบอิกคิวซัง
จะเห็นอิทัปปัจยตาทั้งหมดเลย

แล้วพระองค์ก็เห็นแล้ว พระองค์ก็ตรัสไว้ว่า พอสิบปี
ทุกคนเละไปหมดแล้วนะ ฆ่ากันแบบไม่รู้อะไรเป็นอะไร

แล้วเขาก็จะเริ่มเห็นโทษภัย แล้วเขาจะเริ่มรักษาศีล จะเริ่มทำความดี

พอเริ่มทำความดี จิตเป็นกุศล อายุยืนเลยทีนี้ เพราะว่า
จิตกับกายมันเนื่องกัน รูปกับนามมันเนื่องกัน

เมื่อจิตเป็นกุศล อายุยืนเลย ค่อย ๆ ยืนขึ้น ๆ จนแปดหมื่นปี
ยุคคนมีบุญ ยุคพระศรีฯ นั่นเองนะ
ยุคที่จะคนอายุแปดหมื่นปีกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

ดูแล้ว..ก็ช่วยเจริญเมตตากันก่อนดีกว่าช่วงนี้
มันจะได้อยู่เย็นไว้ก่อน ช่วยชะลอหน่อย
. เพราะว่า ถ้าใจเย็นใจ มีเมตตา
อย่างน้อยคนรอบข้าง สังคมที่อยู่กัน
ก็เย็น บ้านก็เย็นขึ้นนะ..."


🧘ธรรมบรรยาย โดย พระวรินทร นิททโร
🌙ค่ำวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม​ 2567

#เมตตาภาวนา #สร้างกุศล #ร่มเย็น #พรหมวิหาร #จักกวัตติสูตร #สร้างบารมี #เลิกทุกข์ #พระวรินทรนิททโร

28/10/2025

Live คอร์สสติปัฏฐาน 4 ยามค่ำ สวดธัมมจักฯ ฟังธรรมภาวนา ณ วัดสวนธรรมฯ และยุวพุทธฯ ศูนย์ 4 28 ต.ค. 68

27/10/2025

Live คอร์สสติปัฏฐาน 4 ยามเช้า
ฟังธรรม เจริญภาวนา ณ ยุวพุทธฯ ศูนย์ 4 และสวนธรรมอารี
28 ต.ค. 68

"อุปาทานขันธ์" คือตัวทุกข์ มันคืออย่างนี้เวลาตาคนเราเห็นสี แสง มันกำลังเห็นจากความจริงที่กระทบเข้ามา แต่จะมีความจริงในใจ...
27/10/2025

"อุปาทานขันธ์" คือตัวทุกข์ มันคืออย่างนี้

เวลาตาคนเราเห็นสี แสง มันกำลังเห็นจากความจริงที่กระทบเข้ามา แต่จะมีความจริงในใจ เรียกว่า "รูปนิมิต" อยู่ด้วย

รูปนิมิตนี้ เป็นสิ่งที่จิตสร้างขึ้น เป็นกลุ่มที่ยึดอยู่ในใจของตัวเอง
"รูปอุปาทานขันธ์" ขันธ์อันเป็นที่ตั้งของความยึดมั่นคือ รูป
มันยึดกันตรงนี้

สิ่งที่ตาเห็นอยู่ เขาเรียก "เห็นสี" ไม่ได้เห็นเป็นสัตว์ บุคคล
ถ้าจิตที่ไม่ได้มีภูมิของวิปัสสนา มันก็แปลสภาพกลุ่มสีนั้นเป็นตัวตน
เป็น "สมมติ" อยู่ในใจของตัวเอง

ตรงที่เห็นเป็นคน สัตว์ บุคคล เขาเรียกว่า "สมมุติ". อันนี้ เขาเรียกว่า "อุปาทานขันธ์" เป็น "รูปนิมิต" ที่จิตสร้างขึ้น

🔎 กำหนดรู้ทุกข์ คือมีสติระลึกความจริงของรูปนาม..กำหนดรู้สภาวะธรรม คือ ขั้นตอนกำหนดรู้จักความทุกข์

จะกำหนดรู้ตัวทุกข์ได้ ต้องรู้จักลักษณะของรูปนาม
กำหนดรู้ "ลักษณะพิเศษ" ของความเป็นรูปนาม

คำว่า "รูปนาม" ก็คือ "กายใจ"

พอแยกเป็นมิติของภูมิของวิปัสสนา มันก็แยกเป็นกองของขันธ์
มันเป็นคุณลักษณ์ของกองที่ฟังก์ชัน (function การทำงาน) ของความเป็นรูปนาม
มันก็แยกออกมาเป็นสิ่งที่เรียกว่า "ขันธ์ห้า"

ถ้าในมิติของคำว่า "ธาตุ" ที่เรียกว่า เป็นธาตุ
มันคือการคงคุณลักษณะเช่นนั้น
มันก็แยกออกเป็นธาตุสิบแปด อันนี้เป็นเป็นมิติที่ไว้ใช้สื่อสาร

นี่คือความเป็นใหญ่ คือ อินทรีย์. เช่น ความเป็นใหญ่ในการเห็น ในการได้ยิน รู้กลิ่น รู้รส
ความเป็นใหญ่ ก็เรียกว่า "อินทรีย์"
. ก็เป็นเรื่องของมิติของการขยายความ การจัดกลุ่ม
แต่โดยย่อ มันเหลือแค่ "ความเป็นรูปกับนาม"

นี่คือโดยย่อของ "อารมณ์ของวิปัสสนา"
คือ ความเป็นรูปกับนามนั่นเอง

แต่ถ้าขันธ์ มันคือ "กอง" เป็นกลุ่มเป็นกองของความเป็นรูปนาม
แล้วก็มีฟังก์ชันที่แตกต่างกัน เป็นนามสี่ รูปหนึ่ง รวมเป็น ขันธ์ห้า

มันก็ต้องพิจารณาลักษณะประจำตัวของรูปนาม
แต่ละรูปนามมีลักษณะไม่เหมือนกัน

"ตีรณปริญญา"
[กิริยาที่ใคร่ครวญ พิจารณาเห็นโทษในขันธ์ทั้งหลาย
ชื่อว่า ตีรณปริญญา]
. เช่น กำหนดรู้ทุกข์ คือ
การมีสติระลึกเข้าไปสังเกตความจริงของรูปนาม
รูปนาม คือชีวิต

ลักษณะพิเศษของ "รูปดิน" คือความแค่นแข็ง
ก้นสัมผัส มันมีแค่นแข็ง มันมีตึง มันมีสภาพแข็ง สภาพอ่อน

"ไฟ" คือ เย็นร้อน นั่งอยู่มีการเย็น ๆ ร้อน ๆ

"ลม" ก็มีการตึงหย่อนไหว ตึง ๆ หย่อน ๆ ไหว ๆ
เป็นสภาพของความเป็นธาตุ

ธาตุ.. ความเป็นรูป เป็นธาตุลม
เช่น ลมหายใจ หายใจเอาลมเข้าไปหน้าท้องมันก็จะ
ค่อย ๆ ตึงขึ้นมา เอาลมหายใจออก หน้าท้องมันจะค่อย ๆ หย่อน
. เป็นลักษณะประจำตัวของธาตุลม
คือ ความเคร่งตึง ทำให้ไหว เคลื่อนไหว
เพราะมันมีธาตุลม เราต้องใส่ใจ สังเกตลักษณะต่าง ๆ เหล่านี้

ความไหวกับความแข็ง
ความไหวกับความร้อน
ความแข็งกับความร้อน
มีลักษณะไม่เหมือนกัน
มันเป็นสภาพคนละสภาพ

แค่นแข็งส่วนหนึ่ง
นั่งอยู่ ก้นสัมผัสพื้น หรือไม่
ถ้าจับลำแขน ก็มีสภาพแค่นแข็ง

เวลาเคลื่อนมีอาการไหวอยู่
ลมหายใจเข้า มีอาการตึง
หายใจออก หย่อน มันคนละส่วนกัน
มันคนละสภาพกัน
มันเป็นสภาพความเป็นรูป

รูปน้ำนี่ ลักษณะไหลไปเกาะกุมอันนี้มันรูป
รูปน้ำไม่ได้รู้สึกด้วยโผฏฐัพพะ แต่รู้สึกได้ด้วย นามหรือใจ

อาหารก็มีธาตุน้ำอยู่ในนั้น ทำให้สรรพสิ่งเป็นกลุ่มเป็นก้อนกันไว้
เพราะว่ามีธาตุน้ำประกอบ

ธาตุน้ำทำให้แม่น้ำลำคลองไหลไปได้ นั่นเอง

รูปนามแต่ละอย่างมีลักษณะแตกต่างกันไป ต้องสังเกตให้ดี

อย่างรูป เมื่อกี้เรารู้จักรูปที่เป็นสภาพทาง
ธาตุดินน้ำ ธาตุเย็นร้อนอ่อนแข็งตึงหย่อนไหว
อันนี้เป็นสภาพรูปทางที่เกิดจาก "โผฏฐัพพะ"

ที่เห็นอยู่เขาเรียกว่า "เห็นสี"
เห็นสี กลุ่มสี สี เสียง กลิ่น รส สัมผัส สภาพธรรมารมณ์
มันเป็นอารมณ์ของวิปัสสนา

สิ่งที่เห็น เขาเรียก "เห็นสี" ไม่ได้เห็นเป็นคน สัตว์ บุคคล

เห็นเป็นคน สัตว์ บุคคล เขาเรียกว่า "สมมุติ"
แต่ที่เห็นจริง ๆ เขาเรียก เห็นสี เป็นกลุ่มแสง
. ถ้าจิตที่ไม่ได้มีภูมิของวิปัสสนา
มันก็เห็น มันก็แปลสภาพกลุ่มสีนั้นเป็นตัวตน
เป็นสัตว์ เป็นบุคคลอยู่ในใจของตัวเอง
. อันนี้ เขาเรียกว่า "อุปาทานขันธ์"
เขาเรียกเป็น "รูปนิมิต" ที่จิตสร้างขึ้น

เวลาคนเราเห็น มันเห็นจากความจริงที่กระทบเข้ามา
แล้วก็จะมีความจริงในใจ
ความจริงในใจ เขาเรียกว่า "รูปนิมิต"
รูปนิมิตเป็นสิ่งที่จิตสร้างขึ้น

"อุปาทานขันธ์"
รูปอุปาทานขันธ์มันยึดตรงนี้
รูปนิมิตตรงนี้ เป็นกลุ่มที่ยึดอยู่ในใจของตัวเอง

รูปเสียงจะปรากฏทางหู
รูปกลิ่นจะปรากฏทางจมูก
รูปรสจะปรากฏทางลิ้น
รูปธรรมเหล่านี้จะมีลักษณะพิเศษเฉพาะไม่เหมือนกัน
ต้องใส่ใจระลึกสังเกตให้ดี

รูปธรรมมีลักษณะพิเศษไม่เหมือนกัน
มันคนละสภาพกันเลย

นามธรรมที่เป็นเวทนา "เวทนาขันธ์"
มันคือคุณลักษณะหนึ่งในการเสวยอารมณ์

เสวยอารมณ์ความรู้สึกส่วนหนึ่ง
แต่เสวยความรู้สึกนั้น ก็อีกส่วนหนึ่ง

ความรู้สึก เรียกว่า "วิญญาณ"
แต่เสวยอารมณ์ในความรู้สึกนั้น เรียกว่า "เวทนา"

"สัญญาขันธ์" ก็คือ ความจำได้หมายรู้
เมื่อเช้ากินข้าวกับอะไร จำได้ไหม ?
ความจำ กับการเสวยสุขทุกข์เฉย ๆ มันลักษณะแตกต่างกัน เห็นไหม ?
เพราะว่าฟังก์ชันการทำงานมันต่างกัน

ธรรมที่เป็นตัวสังขาร เช่น โลภ ก็เป็นสังขารความโลภ
มีลักษณะเป็นความต้องการและติดใจในอารมณ์

ขันธ์จะแสดงความจริง
รูปนามจะแสดงพระไตรลักษณ์ [อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา]
เพราะว่าความจริง จะไปสลายความเห็นที่ผิด ที่เรียกว่า "สักกายทิฏฐิ"

ถ้าเราพิจารณาเห็นธรรมชาติ มันจะเป็นคนละอย่าง
มีลักษณะที่มีความเป็นไปที่แตกต่างกัน แต่จะเห็นการเกิดดับเหมือนกัน
. ทำให้รู้สึกถึงความเป็นอนิจจัง ทุกขังอนัตตา
มีการเกิดดับ บังคับไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด นั่นเอง...


🧘ธรรมบรรยาย โดย พระวรินทร นิททโร
🌙ค่ำวันพุธที่ 26 มีนาคม​ 2568

#ทางพ้นทุกข์ #กำหนดรู้ทุกข์ #รูปนาม #ขันธ์ #กายใจ #ธาตุ #สักกายทิฎฐิ #ไตรลักษณ์ #เลิกทุกข์ #พระวรินทรนิททโร

27/10/2025

Live คอร์สสติปัฏฐาน 4 ยามค่ำ
ทำวัตรเย็น ฟังธรรมภาวนา
ณ วัดสวนธรรมฯ และยุวพุทธฯ ศูนย์ 4
27 ต.ค. 68

26/10/2025

Live คอร์สสติปัฏฐาน 4 ยามเช้า
ฟังธรรม เจริญภาวนา ณ ยุวพุทธฯ ศูนย์ 4 และสวนธรรมอารี
27 ต.ค. 68

ถ้าจับหลักได้ คือ "โยมใช้ชีวิตให้มัน..ไม่กระตุ้นกิเลสให้มากที่สุด"ชีวิตฆราวาสเป็นบททดสอบที่ยากมาก แต่ถ้าใครทำได้ จะไวมาก...
26/10/2025

ถ้าจับหลักได้ คือ "โยมใช้ชีวิตให้มัน..ไม่กระตุ้นกิเลสให้มากที่สุด"
ชีวิตฆราวาสเป็นบททดสอบที่ยากมาก แต่ถ้าใครทำได้ จะไวมาก ๆ เลยนะ

ฆราวาสก็มีข้อดีเหมือนกัน คือ เห็นทุกข์แล้ว สะอิดสะเอียนได้ไว เพราะมันทุกข์มาก นั่นเอง

ทุกครั้งที่มีกระทบขึ้นมา แล้วมันจิตมันทุกข์ขึ้นมา แบบว่า.."พอแล้วกับเรื่องนี้"
ให้มันเป็นครั้งนี้ครั้งเดียว แล้วให้มันจบไปเลย
แบบนี้ จิตจะเรียนไวมากเลยนะ

🌳 หลักการใช้ชีวิตของฆราวาส เพื่อความร่มเย็น
---..หลักในการที่โยมจะออกไปใช้ชีวิต

1. เจริญอริยมรรคในชีวิตประจำวัน
โยมได้ฟังอริยมรรค โยมก็นำไปปฏิบัตินั่นเองนะ

2. ทำในรูปแบบ
ห้ามทิ้งนะ โลกมันจะเหวี่ยงหนักแค่ไหน อย่างน้อย
ถ้าดีที่สุด ก็ฝึกเต็มรูปแบบเดินจงกรม นั่งสมาธิ

ถ้าไม่ไหวจริง ๆ งานเยอะจริง ๆ ก็อาจจะเหลือแค่นั่ง
ถ้านั่งไม่ไหว ก็ลดลงมาอีก เหลือแค่นั่งไม่นาน สิบห้านาทีก็ยังดี
ยี่สิบนาทีก็ยังดี แต่ต้องทำทุกวันนะ ห้ามทิ้งเลย
. เพราะว่ามันเป็นเบื้องลึก
คือมันเป็นการที่จะเดินกลับสู่เส้นทางเสมอ ไม่ว่าโลกมันจะดึงขนาดไหน
จะเหวี่ยงแรงแค่ไหน โยมก็จะกลับมาในเส้นทางเสมอ

ฉันใด ฉันนั้น ถ้าต้องไปเกิดต่อ

ลองนึกภาพดูแล้วกันนะ สมมุติว่าโยมเคยทำอะไรแบบนี้ไว้
ในอดีตกาลเลย แล้วโยมมาเกิดในยุคแบบนี้
ยุคที่คนเขาไม่ได้สนใจธรรมะเพื่อการหลุดพ้นกันมาก
แล้วก็สื่อโซเชียลก็กระตุ้นกิเลสเต็มไปหมดเลย

แต่มันจะมีคนประเภทหนึ่ง ที่เขาเริ่มสนใจ
"ธรรมะเพื่อการหลุดพ้น"

มันจะเป็นอัธยาศัยที่จะกลับสู่เส้นทาง
ทั้งที่เพื่อน ๆ ก็ชวนกันไปอย่างอื่น เรียกว่า หาความสุขกันเต็มรักเลย

เวลาวิ่งหาความสุข เดี๋ยวทุกข์ก็ตามมา แต่จะมีใครสักคนนึงเริ่มพลิกกลับ
พลิกกลับมาเดินในเส้นทางธรรม
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่จะดับทุกข์ได้อย่างแท้จริง
ก็จะมีการกลับมา โลกที่จะเหวี่ยงแรงแค่ไหน
ก็จะกลับมา ก็แสดงว่า
เคย..สร้างเหตุไว้แต่ปางก่อน..นั่นเองนะ

ถ้าไม่ได้มองไกล ก็คือ โยมเคยอาจจะเคยฝึกสมาธิมาก่อน
เคยฝึกเคยเข้าคอร์สมาก่อน มันก็มีเหตุปัจจัยให้มาเข้าคอร์สอีก
มันเป็นเรื่องเหตุปัจจัยทั้งหมด

ดังนั้น การไม่ทิ้งเส้นทางในทุกวัน
ทำในรูปแบบทุกวัน ก็เป็นประโยชน์มาก
มันเป็นการดึงกลับในเส้นทาง โลกจะเหวี่ยง ก็จะไม่ทิ้งเส้นทาง

3. จิตอธิษฐานการงาน
โยมจะเรียนหนังสือ จะทำงาน ก็ตั้งใจทำงานนั้น ตั้งใจเรียน
ตั้งใจทำงาน ก็ทำด้วยหัวใจไปเลย นั่นเอง

ช่วงนั้นมันเป็นการปฏิบัติโดยธรรมชาติอยู่แล้วนะ

ทุกครั้งที่ทำงาน จะทำงานที่บ้านกวาดบ้านถูบ้าน หรือไม่
จะเรียนหนังสือ หรือไม่ก็จะทำงานนะ เช่น เป็นครูต้องสอน
ก็สอนไปเลย เต็มที่กับการสอนนั่นเองนะ

บางคนเป็นพยาบาล ต้องดูแลคนก็ทำให้เต็มที่ไปเลยนะ
เมื่อทำเต็มที่ ใจมันเป็นการทำเพื่อผู้อื่นอยู่แล้วนะ
ใจมันเป็นธรรม ณ ตอนนั้นอยู่แล้ว
เพราะว่า..มันไม่ได้เกิดอกุศล

ถ้าโยมจับหลักได้ คือ
"โยมใช้ชีวิตให้มันไม่กระตุ้นกิเลสให้มากที่สุด"

เดี๋ยวมันจะเปลี่ยนฝั่งเลย
เหมือนที่ฟังมาตลอด เกือบครึ่งชั่วโมงไม่ได้มีอะไรมากระตุ้นกิเลส นั่นเองนะ

โยมต้องฝึกแบบนี้ แล้วก็ไปเคยคุ้นกับการใช้ชีวิตต่อนะ

4. ข้อวัตรขัดเกลาโดยธรรมชาติ
ข้อวัตรขัดเกลา (กิเลส) โดยธรรมชาติ

ถ้าโยมฝึกแบบนี้บ่อย ๆ ตื่นแต่เช้าไปเช้ามา เดี๋ยวมันจะเป็นนิสัย

โยมบางคนบอกว่า ตื่นตีสามครึ่งมานั่งสมาธิก่อนไปทำงาน บางคนนะ งานเขาอาจจะเอื้อก็ได้นะ

ของเราก็ประยุกต์ใช้ดู ข้อวัตรขัดเกลาโดยธรรมชาติ
พอมันตื่นบ่อย ๆ มันก็ตื่นเอง
พอตื่นเอง มันก็ไม่ได้รู้สึกว่า ต้องมาฝึกมาฝืนอะไร
มันขัดโดยธรรมชาติเลย

อาหารก็เหลือสองมื้อ แต่เวลาโยมออกไป โยมก็ต้องประยุกต์ใช้นะ
ประยุกต์ใช้กับชีวิตว่าให้มันเอื้อที่สุดสำหรับที่โยมใช้ชีวิตอยู่
เพราะแต่ละคนก็มีชีวิตที่แตกต่างกัน

แต่ให้รู้หลักไว้ว่า "ข้อวัตรขัดเกลาโดยธรรมชาติ"

บางคนก็สร้างข้อวัตรไว้ เช่น หนึ่งทุ่ม ปิดทุกอย่าง และฟังธรรม ปฏิบัติธรรม
ก็เป็นข้อวัตรนึงเหมือนกัน เพราะเวลาทำข้อวัตร
มันจะตัดเรื่องที่มันเป็นเหตุผลที่มันจะทำในสิ่งที่ทำให้ ดึงออกจากเส้นทางไปนั่นเองนะ

5. หาเวลาหลีกเร้น พักกาย พักใจ
แล้วก็หาเวลาหลีกเลี่ยงพักกายพักใจ
หนึ่งก็คือ ระหว่างวัน เช่นช่วงเวลากลางวัน
ถ้ามีที่พักส่วนตัว ก็หลีกเลี่ยงบ้าง

โยมบางคนก็เช้าทำงาน ช่วงกลางวันก็ชาร์จแบตสักหน่อยนึง
แล้วก็มาช่วงเย็นต่อแบบเนี้ยนะ

อย่างน้อยก็จะได้ใช้ชีวิต ได้ทุกข์น้อยที่สุด
แล้วก็จะได้มีพลังด้วย พลังความสงบ ก็ทำให้รับมือสิ่งต่าง ๆได้

ฆราวาสก็จะมีข้อดีเหมือนกัน
คือ เห็นทุกข์แล้ว สะอิดสะเอียนได้ไวมากเลยนะเ พราะมันทุกข์มากนั่นเอง

มันเจอเรื่องนู่นนี่นั่นเต็มไปหมด ทีนี้โยมต้องพลิกเป็น โยมต้องใช้ปัญญาให้เป็น

คือโยมไม่สามารถใช้ข้อวัตรอย่างในคอร์สไปทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
โยมได้เอาไปสักส่วนนึงก็ดี แล้วต้องพลิกเป็นเลย

ทุกครั้งที่มีกระทบขึ้นมา แล้วมันจิตมันทุกข์ขึ้นมา แบบว่า...พอแล้วกับเรื่องนี้
ให้มันเป็นครั้งเดียวแล้วมันให้มันจบไปเลยนะ
แบบนี้ จิตจะเรียนไวมากเลยนะ

มันต้องใช้สมาธิ และปัญญานำเลย ในช่วงเวลาที่มันบีบเค้น

อีกแง่มุมนึง คือ ...
เป็นโจทย์ทดสอบที่ยากมาก
ชีวิตฆราวาสเป็นบททดสอบที่ยากมาก
แต่ถ้าใครทำได้ จะไวมาก ๆ เลยนะ

🧘ธรรมบรรยาย โดย พระวรินทร นิททโร
☀️เช้าวันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2568

#หลักการใช้ชีวิต #ฆราวาส #ร่มเย็น #หลักใจ #สมถะวิปัสสนา #อริยมรรค #สร้างบารมี #เลิกทุกข์ #พระวรินทรนิททโร

26/10/2025

Live คอร์สสติปัฏฐาน 4 ยามค่ำ
ทำวัตรเย็น ฟังธรรมภาวนา
ณ วัดสวนธรรมฯ และยุวพุทธฯ ศูนย์ 4
26 ต.ค. 68

25/10/2025

Live คอร์สสติปัฏฐาน 4 ยามเช้า
ฟังธรรม เจริญภาวนา ณ ยุวพุทธฯ ศูนย์ 4 และสวนธรรมอารี
26 ต.ค. 68

25/10/2025

🎯เลือกเส้นทางชีวิต ที่ถูกต้อง
เลือกบนเส้นทางอริยมรรคมีองค์ 8

🙏บรรยายธรรมโดย
พระวรินทร นิทฺทโร

🎬ภาพประกอบคลิป
กิจกรรมเข้าค่ายคุณธรรม นักเรียนโรงเรียนวัด บ้านชุ้ง ณ สวนธรรมอารี

25/10/2025

Live คอร์สสติปัฏฐาน 4 ยามค่ำ
ทำวัตรเย็น ฟังธรรม เจริญภาวนา
ณ วัดสวนธรรมพุทธรังสี และยุวพุทธฯ ศูนย์ 4
25 ต.ค. 68

ที่อยู่

สวนธรรมอารี 99/9 หมู่ 6 ตำบลบ้านชุ้ง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
Nakhon Luang
13260

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 21:00
อังคาร 09:00 - 21:00
พุธ 09:00 - 21:00
พฤหัสบดี 09:00 - 21:00
ศุกร์ 09:00 - 21:00
เสาร์ 09:00 - 21:00
อาทิตย์ 09:00 - 21:00

เบอร์โทรศัพท์

+6635950938

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ มูลนิธิธรรมอารีผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง มูลนิธิธรรมอารี:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

มูลนิธิเดินจิต

มูลนิธิเดินจิต ก่อตั้ง ประธานมูลนิธิเดินจิต โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

๑. เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม สำหรับการศึกษาและการปฏิบัติธรรม สนับสนุนจัดคอร์สปฏิบัติธรรม สำหรับพระภิกษุ พุทธศาสนิกชน เยาวชนและประชาชนทั่วไป โดยการปฏิบัติสติปัฏฐานสี่

๒ เพื่อเผยแพร่พระธรรมตามหลักธรรมในพระไตรปิฎก