iNT Accelerate iNT Accelerate
Healthcare-Oriented Deep Tech Business Accelerator, Mahidol University

30/10/2025
INT “ปลุกเศรษฐกิจไทยด้วยนวัตกรรม” เดินหน้าผลักดันงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์จริง เผยนวัตกรรมคือกลไกหลัก ที่จะทำให้ประเทศไท...
23/10/2025

INT “ปลุกเศรษฐกิจไทยด้วยนวัตกรรม” เดินหน้าผลักดันงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์จริง เผยนวัตกรรมคือกลไกหลัก ที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง พร้อมเปิด 3 เทรนด์นวัตกรรม ที่ประเทศไทยไม่ควรมองข้าม

INT มหิดล “ปลุกเศรษฐกิจไทยด้วยนวัตกรรม” เดินหน้าผลักดันงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์จริง เผยนวัตกรรมคือกลไกหลัก ที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง พร้อมเปิด 3 เทรนด์นวัตกรรม ที่ประเทศไทยไม่ควรมองข้าม

สถาบันเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม หรือ INT ภายใต้การกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยมหิดล ประกาศภารกิจหลักในการเป็น “ประตูสู่โอกาสทางนวัตกรรม” ชู 3 กลไกสำคัญที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงงานวิจัย เทคโนโลยี และองค์ความรู้กับภาคอุตสาหกรรมสู่การใช้ประโยชน์จริง เผยนวัตกรรมคือกลไกหลักในการยกระดับศักยภาพการแข่งขันของไทย พร้อมเดินหน้าผลักดันพันธกิจด้านนวัตกรรมของ INT เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศผ่านการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคเอกชนเข้าด้วยกันอย่างเป็นรูปธรรม ย้ำหากธุรกิจไทยยังดำเนินธุรกิจในรูปแบบเดิม ๆ โดยไม่พึ่งพานวัตกรรม จะไม่สามารถแข่งขันในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อีกต่อไป

รศ.ดร.วิริยะ เตชะรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม (INT) และนายกสมาคมวิชาชีพนักจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและถ่ายทอดเทคโนโลยี (AITP) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แทบไม่มีประเทศใดก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางได้สำเร็จโดยไม่พึ่งพานวัตกรรม ด้วยเหตุนี้ INT จึงมีภารกิจหลักในการเป็น “ประตูสู่โอกาสทางนวัตกรรม” เชื่อมโยงงานวิจัย เทคโนโลยี และองค์ความรู้กับภาคอุตสาหกรรมผ่าน 3 กลไกสำคัญ ได้แก่ 1) Venture Gateway to Growth สนับสนุนผู้ประกอบการและ Startups จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัย ผ่านโครงการบ่มเพาะ เช่น SPACE-F Accelerator ด้าน Food Tech และจัดตั้ง MU Holding เพื่อร่วมลงทุนกับ Venture Capital ระดับโลก 2) Technology Gateway to Impact บริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เกิดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ 3) Service Gateway to Well-being ให้บริการทางวิชาการและสร้างความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับองค์ความรู้สู่เศรษฐกิจและสังคมไทย นอกจากนี้ INT ยังมุ่งบ่มเพาะบุคลากรและพัฒนาทักษะด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยการพัฒนาทุนมนุษย์ไม่ได้หมายถึงเพียงการสร้างคนที่มีความสามารถ แต่รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรมที่ทำให้คนกล้าคิด กล้าทำ และกล้าลองสิ่งใหม่ ซึ่งวัฒนธรรมดังกล่าวเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้นวัตกรรมเกิดขึ้นได้จริง จากความพยายามดังกล่าว ส่งผลให้ล่าสุด INT ได้รับรางวัล Prime Minister’s Award 2025 สาขาการพัฒนาทุนมนุษย์ (Best Contributor in Human Capital Development) จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA)

รศ.ดร.วิริยะ เตชะรุ่งโรจน์ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่ระบบนวัตกรรมไทยเผชิญอยู่ในปัจจุบันคือการเชื่อมต่อองค์ความรู้ แม้เราจะมีงานวิจัยคุณภาพสูงและภาคธุรกิจที่ต้องการนวัตกรรม แต่ยังขาดกลไกที่ทำให้ทั้งสองภาคส่วนมาบรรจบกันอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้องค์ความรู้หรือนวัตกรรมจำนวนมากยังไม่ถูกนำไปใช้ประโยชน์จริง โดยช่องว่าง 3 ประการที่ต้องเร่งปิดได้แก่ 1) Speed Gap ระบบการทำงานของภาครัฐเคลื่อนไหวช้ากว่า ขณะที่ภาคเอกชนต้องการความรวดเร็ว 2) Purpose Gap นักวิจัยมุ่งสร้างองค์ความรู้เชิงวิชาการ ส่วนภาคธุรกิจมุ่งผลลัพธ์เชิงพาณิชย์ 3) Capability Gap สองภาคส่วนอาจยังไม่เข้าใจศักยภาพและภาษาการทำงานของกันและกัน จึงต้องส่งเสริมความเข้าใจทุกภาคส่วน เพื่อให้ผลงานวิจัยของไทยสร้างผลลัพธ์เป็นนวัตกรรมที่ใช้งานได้จริงและเกิดประโยชน์สูงสุด

“งบประมาณด้านวิจัยและนวัตกรรมของไทยในแต่ละปีไม่ได้น้อย เพียงแต่เรายังไม่สามารถทำให้ผู้บริโภคเห็นผลลัพธ์เชิงบวกหรือเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจากงานวิจัยและนวัตกรรม หน้าที่ของสถาบัน INT และสมาคม AITP คือการ Synchronize เชื่อมโยง และสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมของประเทศ ไปจนถึงการปิดช่องว่างระหว่างภาควิจัยและภาคเอกชน ทำให้งานวิจัยของไทยสามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ บริการ และธุรกิจที่ตอบโจทย์สังคมได้จริง” รศ. ดร. วิริยะ กล่าว

จากภารกิจและยุทธศาสตร์ที่ได้วางไว้ INT ได้เร่งผลักดันผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของสังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรมมากมาย อาทิ “จมูกอิเล็กทรอนิกส์” (E-Nose) ภายใต้ MUI Robotics บริษัท Startup นวัตกรรมที่สามารถแปลงกลิ่นให้กลายเป็นข้อมูลดิจิทัล บริการตรวจวัดกลิ่นด้วยเทคโนโลยี โดยปัจจุบันได้รับทุนระดับนานาชาติและกำลังขยายการใช้งานในหลายภาคธุรกิจ, “แขนเทียมจากซิลิโคนและยางพาราดัดแปลง” โดย Artimed บริษัท Startup สำหรับฝึกเจาะเลือดในทางการแพทย์ มีผิวสัมผัสใกล้เคียงกับมนุษย์ที่สุด ช่วยเพิ่มทักษะให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และ “ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหาร” ภายใต้แบรนด์ Nutriflow ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คนที่ต้องการดูแลสุขภาพ และผู้ที่มีปัญหากลืนลำบากไปจนถึงผู้สูงอายุ มีสารอาหารครบถ้วนในหนึ่งมื้อ ดื่มง่าย รสชาติอร่อย เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการนำนวัตกรรมและงานวิจัยสู่การใช้งานจริง จับต้องได้ พร้อมเติบโตเป็นธุรกิจนวัตกรรมที่สามารถแข่งขันได้ในระดับสากลต่อไป

รศ. ดร. วิริยะ เตชะรุ่งโรจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การผลักดันนวัตกรรมไทยสู่ตลาดโลก ต้องสร้างความร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายระดับนานาชาติ เพื่อยกระดับผลงานวิจัยไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลก โดย 3 เทรนด์นวัตกรรมสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม และต้องทำในบริบทของประเทศไทย ได้แก่ 1) AI (Artificial Intelligence) เราอาจจะไม่สามารถแข่งขันในด้านการสร้างหรือพัฒนา AI ขึ้นมาเองได้ทั้งหมด แต่เราต้องมีความสามารถในการใช้ประโยชน์จาก AI อย่างมีกลยุทธ์และชาญฉลาด 2) Sustainability ความยั่งยืนที่สอดคล้องกับสังคมไทย เช่นตอนนี้สิ่งที่เราควรเร่งแก้คือ PM2.5 มากกว่าการพูดเรื่องคาร์บอนเท่านั้น และ 3) Longevity & Wellness เป็นจุดแข็งที่ไทยควรต่อยอด เช่น สมุนไพรไทยและนวัตกรรมด้านความงาม ซึ่งสามารถทำให้ประเทศเรามีจุดยืนชัดในระดับโลกได้

รศ.ดร. วิริยะ ยังกล่าวให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ปัญหาหรืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของการพัฒนาและผลักดันนวัตกรรมไทยไม่ใช่การขาดงบประมาณหรือขาดบุคลากรแต่คือความเชื่อว่า‘ของไทยไม่ดี’ ดังนั้นทางแก้คือต้องเริ่มตั้งแต่การสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรม สร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง แล้วจึงจะสามารถสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่แข็งแรงและยั่งยืนได้

ℹ️ ข้อมูลจาก : สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (INT) มหาวิทยาลัยมหิดล

#นิตยสารสาระวิทย์ #สาระวิทย์ #วิทยาศาสตร์ #เทคโนโลยี #นวัตกรรม

🤖MUI-Robotics (เอ็มยูไอ โรบอติกส์) ตัวแทนมหาวิทยาลัยมหิดล สตาร์ทอัพ Deep Tech ที่พัฒนา Artificial Senses ให้หุ่นยนต์ ‘ดม...
16/10/2025

🤖MUI-Robotics (เอ็มยูไอ โรบอติกส์) ตัวแทนมหาวิทยาลัยมหิดล สตาร์ทอัพ Deep Tech ที่พัฒนา Artificial Senses ให้หุ่นยนต์ ‘ดม-ชิม’ ได้ใกล้เคียงมนุษย์

คุยกับ ‘MUI-Robotics’ ดีปเทคไทย 1 เดียวที่ลุยเข้าสู่รอบ 60 ทีมสุดท้ายในเวที LKYGBPC ท่ามกลางคู่แข่งสตาร์ทอัพ 1,200 รายทั่วโลก
MUI-Robotics (เอ็มยูไอ โรบอติกส์) ตัวแทนมหาวิทยาลัยมหิดล คือสตาร์ทอัพ Deep Tech ที่พัฒนา Artificial Senses ให้หุ่นยนต์ ‘ดม-ชิม’ ได้ใกล้เคียงมนุษย์ เทคโนโลยีแกนกลางคือ Sensory AI ผสานฮาร์ดแวร์เซ็นเซอร์เฉพาะทาง ซอฟต์แวร์วิเคราะห์สัญญาณ และคลังข้อมูลกลิ่น-รสเชิงอุตสาหกรรม ก่อร่างเป็นผลิตภัณฑ์หลัก AI-Nose และ AI-Tongue ที่บริษัทระบุว่ามีความแม่นยำสูงถึง 95%
ลองจินตนาการหุ่นยนต์ที่ ‘ดมครั้งเดียว’ แล้วบอกได้ว่าเมล็ดกาแฟ ปนเปื้อนหรือไม่ ถูกเก็บเกี่ยวเมื่อไร และถูกเก็บรักษาอย่างไร นั่นคือโจทย์ที่ AI-Nose ถูกออกแบบมาเพื่อเร่งความเร็ว-ความเที่ยงตรงของ การควบคุมคุณภาพ (QC) และ การติดตามย้อนกลับ (Traceability) ในห่วงโซ่อุปทานอาหาร ตั้งแต่วัตถุดิบถึงปลายทางผู้บริโภค
อ่านบทความฉบับเต็มต่อได้ที่: https://thestandard.co/mui-robotics-top-60-lkygbpc/

08/10/2025
08/10/2025

จาก “งานวิจัยในห้องแล็บ” สู่ “นวัตกรรม” และ “ธุรกิจ Startup”

08/10/2025
06/10/2025

📢 เชิญชวนอาจารย์ นักวิจัย และบุคลากร มหาวิทยาลัยมหิดล
ร่วมเปิดมุมมองใหม่ในการผลักดันผลงานวิจัยและนวัตกรรม
สู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ในกิจกรรม
"𝗧𝗥𝗜𝗨𝗣 𝗔𝗰𝘁 𝗜𝗻𝘀𝗶𝗴𝗵𝘁 𝗪𝗼𝗿𝗸𝘀𝗵𝗼𝗽" 📄

🔹 เรียนรู้การผลักดันผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์
🔹 ฝึกทักษะการจัดทำเอกสารและแผนการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ภายใต้กรอบ TRIUP Act เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยจากห้องแล็บสู่การใช้ประโยชน์จริง

💁 วิทยากรโดย: ผศ.ดร.อัครวิทย์ กาญจนโอภาษ
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เมติคูลี่ จำกัด

📌 วันอังคารที่ 14 ตุลาคม 2568
⏰ เวลา 08.30 – 16.30 น.
📍 ห้องประชุมสมาคมศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยมหิดล (ศาลายา)

✍ ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม : https://forms.gle/G8xDUxHogNnNNq5m6
* ปิดรับลงทะเบียน 10 ตุลาคม 2568 (จำนวนจำกัดเพียง 80 ที่นั่ง)*

02/10/2025

์ 📣 รับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมงาน RECO DEMO DAY : Innovation to Investment 🚀

📝 ลงทะเบียนวันนี้ - 15 ตุลาคม 2568
🔗 สมัครที่: https://forms.gle/juAJ7s3XmK5BKvAKA

ริเริ่มและสนับสนุนโครงการโดย:
หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)
ดำเนินการโดย: เมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) สวทช. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
และสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) มหาวิทยาลัยมหิดล

📅 วันที่: 17 ตุลาคม 2568
เวลา: 08:30–13:00 น.
สถานที่: The Society ชั้น 22 อาคารเกษร ทาวเวอร์ (ติด BTS ชิดลม)

🚀 Pitching
ชมการ Pitch จาก 12 ทีม 12 ผลงานวิจัยใน 5 สาขาดังนี้
⭐️ Food การพัฒนานวัตกรรมอาหารมูลค่าสูง
⭐️ Agriculture การพัฒนานวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูง
⭐️ Health การพัฒนานวัตกรรมการแพทย์และสุขภาพ (ที่ไม่ใช่ยาและวัคซีน)
⭐️ Circular Economy เศรษฐกิจหมุนเวียน และลดคาร์บอน
⭐️ Digital, Advanced Electronics, Robotics เทคโนโลยีดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ และหุ่นยนต์

🎯 เหมาะกับใคร?
✅ นักลงทุน – มองหาเทคโนโลยีพร้อมใช้ เชื่อมต่อสู่โอกาสเชิงพาณิชย์
✅ ผู้ประกอบการ/ภาคอุตสาหกรรม – ค้นหาเทคโนโลยีและพันธมิตรเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์
✅ นักวิจัย & นักพัฒนา – นำเสนอผลงานและอัปเดตเทรนด์การต่อยอดเชิงธุรกิจ
✅ องค์กรขนาดใหญ่ – ร่วมมือกับ Startup และงานวิจัยขั้นสูง
✅ หน่วยงานสนับสนุน/คนรักนวัตกรรม – ร่วมผลักดันการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์

💎 สิ่งที่คุณจะได้รับ
🔥 องค์ความรู้ จากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและการลงทุน
🔥 เครือข่ายเชื่อมโยง ระหว่างนักวิจัย นักลงทุน และผู้ประกอบการ
🔥 โอกาสลงทุน & จับคู่ธุรกิจ กับงานวิจัยที่พร้อมใช้จริง
🔥 แรงบันดาลใจ จากผลงานวิจัยที่ใกล้สู่การใช้ในเชิงอุตสาหกรรม
🔥 การเชื่อมต่อโอกาสใหม่ ที่จะขับเคลื่อนงานวิจัยสู่ตลาด

☎️ สอบถาม :
คุณชัชนันท์ (เตย) | โทรศัพท์ 062 556 2239
คุณอัญชลีพร (ใบเตย) | โทรศัพท์ 080 268 6237

⚡ จำนวนที่นั่งจำกัด! เพียง 120 ที่เท่านั้น

ที่อยู่

INT, Mahidol University
Nakhon Pathom
73170

เบอร์โทรศัพท์

+6628496050

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ iNT Accelerateผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง iNT Accelerate:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram