แดนสง่าวัสดุ-Dansanga

แดนสง่าวัสดุ-Dansanga ขายปลีก-ส่ง วัสดุก่อสร้างทุกชนิด

ขายและให้บริการวัสดุก่อสร้าง ทั้งปลีกและส่ง ทั้งไทยและสปป.ลาว สินค้าหลากหลาย อาทิ ปูนซีเมนต์ เหล็กเส้น เหล็กรูปพรรณ สังกะสี กระเบื้องหลังคา ไม้ฝาเฌอร่า กระเบื้องปูพื้น ยิปซั่ม สี ท่อพีวีซี เครื่องมือ เครื่องไฟฟ้า ประตูพีวีซี ตะแกรงไวร์เมช อุปกรณ์ประตูเหล็ก โครงหลังคา ตะปู สกรูและน็อตทุกแบบ น้ำยาเคมีทุกชนิด ชุดสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำ และสินค้าอื่นๆอีกมากมาย ทั้งยังเป็นศูนย์ผสมสีระบบคอมพิวเตอร์ของ TOA ICI และ NIPPON อีกด้วย

ผู้ชายในรูปนี้ถูกถ่ายในปี 1946 ชายคนนี้คือ Ken Shimizu เขาอายุ 35 ปี เขามีลูก 2 คน Shimizu ไม่เคยวิ่งหนี นอนดึก อยากกินอ...
20/04/2024

ผู้ชายในรูปนี้ถูกถ่ายในปี 1946 ชายคนนี้คือ Ken Shimizu เขาอายุ 35 ปี เขามีลูก 2 คน Shimizu ไม่เคยวิ่งหนี นอนดึก อยากกินอะไรก็กิน ขนาดกินเบียร์แทนน้ําเปล่า กินข้าวเย็น กับอาหารหลายอย่าง ทุกคืน...
ชิมิซึทํายังไงถึงได้ร่างกายแบบนี้?
Shimizu ไม่มีความลับใด ๆ
Shimizu คือคนที่นั่งอยู่มุมล่างซ้ายของรูป... สําหรับผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงกลาง ฉันไม่แน่ใจ

อ่านถึงตรงนี้ อย่าด่าผม ผมก๊อบเค้ามา🙂‍↔️😆

เจ็บมาเย๊อะะ
30/09/2022

เจ็บมาเย๊อะะ

15/01/2022
01/12/2021
04/10/2021
ชอบทุกเรื่องเลย
05/09/2021

ชอบทุกเรื่องเลย

03/09/2021

😊

03/09/2021

แทบจะไม่ใช่แมวแล้ววว 🥰😊

08/08/2021

ทอม ดาลีย์เป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ได้รับการจดจำและถูกพูดถึงมากที่สุดในกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้
ในสนามแข่งเขาคว้า 1 เหรียญทอง และล่าสุดได้อีก 1 เหรียญทองแดงในวันรองสุดท้ายก่อนที่โตเกียวเกมส์จะจบลงในวันอาทิตย์นี้ และเป็นเหรียญที่ 4 ในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์
นอกสนามแข่ง ดาลีย์เป็นดาวเด่นไม่แพ้กันโดยเฉพาะลีลาการถักนิตติง (เอะ หรือโครเชต์นะ) ของเขาที่ฝีมือเข้าขั้นส่งประกวดได้ นอกจากจะได้ถุงไว้ใส่เหรียญทองแล้ว นักแข่งทีมชาติสหราชอาณาจักรได้เฉลยแล้วว่าที่เห็นเขานั่งถักไม่พักไม่ผ่อนนั้นคือเสื้อไหมพรม เวอร์ชั่นโตเกียวเกมส์ที่มีตัวเดียวในโลก
อุปนิสัยน่ารักของเขายังทำให้เป็นสตาร์ในหมู่สตาร์ แม้กระทั่ง “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี นักแบดขวัญใจคนไทยได้เจอก็อดขอถ่ายรูปคู่ด้วยไม่ได้ แถมยังให้ของขวัญเป็นเสื้อทีมชาติไทยด้วย
แต่หากจะถามถึงภาพจำที่ชัดเจนที่สุดสำหรับดาลีย์ในโตเกียวเกมส์ครั้งนี้ ไม่มีภาพใดจะชัดเจนไปกว่าภาพที่เขายืนน้ำตาไหลในวันที่ได้รับเหรียญทองการแข่งขันกระโดดน้ำคู่ 10 เมตร
สำหรับนักกีฬาที่ฝึกฝนมาอย่างหนัก เหรียญและชัยชนะมันคือรางวัลตอบแทนความพยายาม
แต่สำหรับดาลีย์ เหรียญนี้มีค่ามากกว่านั้นมาก
ชีวิตของทอม ดาลีย์นั้นเกิดมาเพื่อเป็นนักกระโดดน้ำอย่างแท้จริง ตั้งแต่เด็กแล้วที่เขาได้รับการยกย่องว่าจะเป็นสุดยอดนักกระโดดน้ำแห่งอนาคต
ในวัย 11 ปีเขาก็เด่นถึงขั้น BBC มาขอสัมภาษณ์ แล้วเจ้าหนูทอมก็ยิ้มหน้าแป้นตอบด้วยความใสซื่อว่า “ผมอยากจะแข่งโอลิมปิกแล้วคว้าเหรียญทองให้ได้” โดยที่ในมือของเขาถือภาพวาดตัวของเขาเองที่อยู่บนสปริงบอร์ดสูง 10 เมตรในการแข่งขันลอนดอนเกมส์ ที่อังกฤษจะเป็นเจ้าภาพในปี 2012 “ต่อให้ไม่ได้เหรียญทอง ผมก็จะลงแข่งในครั้งต่อไปแล้วจะคว้าเหรียญให้ได้ในตอนนั้น”
ตอนนั้นคือปี 2005 เท่านั้น โลกของทอม ดาลีย์ยังสดใส
ฮีโร่ของเขาคือลีออน เทย์เลอร์และพีท วอเทอร์ฟิลด์ เจ้าของเหรียญเงินในการแข่งขันเอเธนส์เกมส์เมื่อปี 2004 ซึ่งในเวลาไม่กี่ปีต่อมาชื่อเสียงของ “baby Daley” ก็ดังกลบฮีโร่ในดวงใจของเขาจนสิ้น
ด้วยพรสวรรค์ ดาลีย์ผ่านการคัดตัวติดทีมสหราชอาณาจักรไปแข่งโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งในปี 2008 ด้วยวัยแค่ 13 ปีเท่านั้น ซึ่งด้วยวัยและความสดใสน่ารักของเขาทำให้เขาเป็นขวัญใจของคนทั้งชาติ
ถึงจะไม่ประสบความสำเร็จในครั้งนั้น แต่เขาก็เป็นที่รักของคนมากมาย
ยกเว้นที่เดียวคือที่โรงเรียนที่ถึงจะมีเพื่อนที่รักเขา แต่ก็มีอีกมากกว่าที่เกลียดเขา หมั่นไส้ รังแก กลั่นแกล้งสารพัดสารเพ
ดาลีย์อดทนและอดกลั้นอย่างมากต่อการกระทำดังกล่าว แต่โดยที่เขาไม่รู้ตัว หัวใจของเขาถูกทุบตีจนน่วมไปหมดแล้ว เขาเริ่มหวาดระแวงต่อทุกสิ่ง ไม่เหลือกำลังใจจะไปลงซ้อม
ไม่เหลืออะไรเลยในชีวิต - การกลั่นแกล้งคนมันทำร้ายกันได้ขนาดนั้น โดยที่คนแกล้งมันไม่เคยรู้หรือสนใจด้วยซ้ำไป
มันมาถึงจุดที่เขาไม่อยากไปโรงเรียน อยากจะขอเรียนที่บ้านแทน แต่สุดท้ายก็ได้ไปเรียนที่พลีมัธ คอลลีจ หนึ่งเดือนก่อนจะถึงการแข่งขันชิงแชมป์โลก
เมื่อปลอดจากการโดนรังแก ดาลีย์ก็กลับมากระโดดน้ำอย่างมีความสุขขึ้นอีกครั้ง และมันช่วยให้เขาคว้าแชมป์โลกได้ในการแข่งขันเมื่อปี 2009 ที่กรุงโรม แชมป์โลกสมัยแรกในวัยแค่ 15 ปี
การคว้าแชมป์ครั้งนั้นได้เกิดภาพน่าประทับใจขึ้นในระหว่างที่เจ้าของเหรียญทองกำลังให้สัมภาษณ์ ลูกตาของเขาก็กลอกไปด้านข้าง เพราะมีคนกำลังเข้ามาหาเขา
ระหว่างที่ลูกตากำลังกลอกไป รอยยิ้มที่มุมปากก็ปรากฏขึ้นด้วยในเวลาเดียวกัน ก่อนที่คนที่เข้ามาชาร์จจะหันมาพูดกับกล้อง
“ผมร็อบ ผมเป็นพ่อของทอม และผมอยากจะกอดลูกของผม”
ด้วยความดีใจแต่ก็เขินอาย ทอม ดาลีย์ไล่พ่อออกไปให้พ้นจากหน้ากล้องก่อน “ผมจำได้ว่าพ่อบอกตอนนั้นว่า “ทอมพ่อเป็นคนพาลูกไปซ้อมทุกวัน สอนให้ลูกขี่จักรยาน เปลี่ยนผ้าอ้อมให้” การได้เห็นลูกชายเป็นแชมป์โลกนั้นคือช่วงเวลาที่พ่อภาคภูมิใจที่สุดแล้ว
มันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของทั้งสองจริงๆ เพราะหลังจากนั้นความลับที่ร็อบ ดาลีย์ปิดบังสาธารณชนไว้ก็ปิดไม่มิด เขาถูกตรวจพบว่ามีเนื้องอกในสมองเมื่อปี 2006 และถึงจะตัดออกไปกว่า 80% แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาหายขาด
จากวันแห่งความสุขในปี 2009 ทอม ดาลีย์สูญเสียพ่อที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างและคอยอยู่เคียงข้างเสมอไม่ว่าจะตอนซ้อมหรือตอนแข่งไปในเดือนพฤษภาคม 2011 หรือ 14 เดือนก่อนลอนดอนเกมส์จะเริ่มต้นขึ้น
ถ้าคุณเป็นทอม ดาลีย์ คุณจะรู้สึกอย่างไร? และคุณจะทำอย่างไรต่อไปในชีวิต?
สิ่งที่ดาลีย์ทำคือการทำ “หน้าที่” ของตัวเองอย่างเต็มที่ ในบทบาทของนักกีฬาเขายังซ้อมหนักต่อเนื่อง
พ่อเพิ่งจากไปวันศุกร์ เช้าวันเสาร์เขาก็ลงซ้อมตามปกติ
ในงานศพที่จัดขึ้นวันพุธ พิธีผ่านไปครึ่งทาง เขาขอตัวออกจากพิธีเพื่อเดินทางไปแข่งในกีฬาระดับชาติ
บทที่เพิ่มขึ้นมาคือการเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนพ่อและช่วยแม่ขับรถพาน้องๆไปโรงเรียนและซ้อมรักบี้แทน
สำหรับเด็กอายุ 17 ในเวลานั้น มันไม่ง่ายเลยและโดยไม่รู้ตัวดาลีย์ค่อยๆหลงทางไปเรื่อยๆ ต่อหน้าทุกคนเขายังดูเข้มแข็ง อาจจะมีอาการน่าเป็นห่วงบ้างแต่ในลอนดอนเกมส์เขาก็ยังคว้าเหรียญทองแดงมาครองได้บนแผ่นดินเกิด ซึ่งเขาคิดว่า “ไม่เลว”
แต่เมื่อโอลิมปิก 2012 จบลง เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาหลงทางอยู่ในที่ที่ไม่มีแสงสว่างเลยแม้แต่น้อย เขาได้ทุ่มเทและเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว และตัวเขาไม่เหลืออะไรให้เสียอีก ไม่มีแม้กระทั่งพ่อที่เคยอยู่เคียงข้าง
วันนั้นเขาคิดที่จะเลิกเล่นกระโดดน้ำ
โชคดีที่ระหว่างนั้นเขาต้องเข้ารับการบำบัดอาการกลัวที่เขารู้สึกในระหว่างการทำท่า Twister ซึ่งเกิดขึ้นในจังหวะที่เขาทำท่านี้แล้วแสงแฟลชเข้าตาจนกลายเป็นการหลอนขึ้นมา จนต้องขอกระโดดใหม่อีกครั้ง
ระหว่างนั้นผู้คนต่างก็พยายามจะบีบให้เขาต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศ ที่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ ยังไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น
ดาลีย์ใช้เวลาในปี 2013 พักฟื้นร่างกายที่บาดเจ็บจากการแข่งขันมายาวนาน และพักจิตใจ โดยหลังจบการแข่งขันชิงแชมป์โลก เขาเดินทางไปลอสแอนเจอลีส
การเดินทางครั้งนั้นเปลี่ยชีวิตของเขาอย่างสิ้นเชิง การได้พบกับดัสติน แลนซ์ แบล็ค นักเขียนบทระดับมือรางวัลออสการ์ที่อเมริกา ได้ช่วยคลี่คลายปมในใจทั้งชีวิตของดาลีย์ที่ต้องอยู่กับความสับสนมายาวนาน และโดนสังคมตั้งคำถามมาโดยตลอด
เขาพบแล้วว่าหัวใจของเขาไม่ได้มีไว้ให้ผู้หญิงคนไหน แต่มันจะเป็นของผู้ชายคนนี้คนเดียวเท่านั้น
เมื่อตอบหัวใจตัวเองได้ ดาลีย์ก็มีคำตอบให้ทุกคน และเขาภูมิใจในคำตอบนั้นด้วย ซึ่งเขายินดีจะเป็นกระบอกเสียงให้แก่คนที่เผชิญกับปัญหาแบบเดียวกันด้วย และยังทำมาโดยตลอด
เมฆหมอกหายไปแล้ว เขากลับมาเริ่มต้นการแข่งขันใหม่อีกครั้ง โดยที่ตัวเขาเองเชื่อว่าริโอเกมส์ในปี 2016 จะเป็นวันของเขา เหรียญทองต้องมาแน่ ในรอบคัดเลือกเขายังทำคะแนนสูงสุดระดับสถิติโอลิมปิกด้วย
แต่สุดท้ายเขาไม่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ซึ่งเขาก็ตอบไม่ได้ว่าทำไม - แม้ว่าจะได้เหรียญทองแดงในการกระโดดประเภทคู่ก็ตาม
โลกเหมือนจะแตกอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้อยู่ลำพังแล้ว เขามีแบล็ค คนที่กลายมาเป็คู่รักของเขาอย่างถูกต้องในปี 2017 (*ท่านผู้อ่านเสริมให้ว่ากรณีคู่รักชาย-ชายด้วยกัน จะเรียกทั้งคู่ว่า husband ครับ)
และทั้งคู่ก็มีร็อบบีลูกชายที่น่ารักด้วยกัน โดยมีแม่อุ้มบุญให้
ชีวิตครอบครัวใหม่ของตัวเองคือสิ่งที่ช่วยปลดล็อกหัวใจของเขาไปอีกขั้น เพราะคราวนี้ดาลีย์รู้ว่าต่อให้เขาทำผลงานในการแข่งแย่แค่ไหน
แต่สุดท้ายเมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาก็จะพบกับแบล็คและร็อบบีที่รออยู่เสมอ
สิ่งที่เขาต้องทำก็มีเพียงแค่การทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งงานใหม่ที่เพิ่มมาคือการดูแลรุ่นน้องๆในทีมชาติด้วย โดยเฉพาะคนที่เป็น LGBTQ ซึ่งบางคนอาจจะยังไม่กล้าเปิดเผย
จนมาถึงการแข่งในโตเกียวเกมส์ ดาลีย์ลงแข่งในประเภทคู่ก่อนและคู่แข่งของเขากับแมตตี ลี คือแชมป์เก่าจากจีน เฉินไอเสิ่นกับเก๋าหยวน ซึ่งคู่จากจีนที่เก่งกาจอย่างยิ่งยวดทำได้ดีนำมาตลอด
ดาลีย์กับลี พยายามไล่กวดขึ้นมาในการกระโดดรอบที่ 4 และ 5
ก่อนที่จะถึงการกระโดดครั้งสุดท้าย ที่เป็นการกระโดดที่สมบูรณ์แบบที่สุดในชีวิตของทั้งสอง
กรรมการให้คะแนน 101.01
สำหรับดาลีย์ นี่คือดีที่สุดแล้ว มันคือผลงานที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทั้งชีวิตที่แลกมาด้วยอะไรมากมาย เขาไม่มีอะไรจะให้อีกแล้ว และนี่อาจจะเป็นโอลิมปิกครั้งสุดท้ายของเขาด้วย
ที่เหลือก็อยู่ที่คู่ของจีนแล้ว ซึ่งระหว่างนั้นตัวของดาลีย์ลุ้นและประหม่าเหมือนเด็กๆ ก่อนที่กรรมการจะให้คะแนนออกมา
ทอม ดาลีย์ และแมตตี ลี คือผู้ชนะ
สำหรับดาลีย์มันคือช่วงเวลาที่เขารอคอยมา 20 ปี และหากจะนับวันที่เขาให้สัมภาษณ์กับ BBC ก็ร่วม 16-17 ปี
เมื่อขึ้นรับเหรียญทอง “น้ำตาดาลีย์” จึงไหลออกมา
เป็นหยาดน้ำตาที่มีความรู้สึกมากมาย ความฝันที่ยิ่งใหญ่ การเดินทางที่ยาวนาน และความเจ็บปวดรวดร้าวรวมอยู่ในนั้น
ชีวิตของทอม ดาลีย์สมบูรณ์แล้ว ณ วินาทีนั้นเอง
สิ่งที่เขาจะทำต่อไป? คือการส่งต่อแรงบันดาลใจให้แก่เด็กรุ่นหลังที่เป็นเหมือนกันกับเขา
อย่ากลัวว่าจะแตกต่าง ในเมื่อเขายังเป็นแชมเปี้ยนโอลิมปิกได้ ทุกคนก็ทำได้เหมือนกัน
และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดของน้ำตาหยดเดียว

#โตเกียว2020

ที่อยู่

147/1-2 ถ. ศรีเทพ ต. ในเมือง อ. เมืองนครพนม จ. นครพนม.
Nakhon Phanom
48000

เบอร์โทรศัพท์

042-513-667

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ แดนสง่าวัสดุ-Dansangaผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง แดนสง่าวัสดุ-Dansanga:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram