King HERB Thailand

King HERB Thailand King HERB Thailand สมุนไพรขมิ้นชันสกัด กรีนเคอ?

🎁 สวัสดีปีใหม่ 2568 🐍 ปีมะเส็งนะครับบ ,,,😊😊 🎉♥️ขออวยพรให้ลูกค้าทุกท่านมีความสุข ความเจริญ การงานก้าวหน้า ค้าขายร่ำรวย ทำ...
01/01/2025

🎁 สวัสดีปีใหม่ 2568 🐍 ปีมะเส็งนะครับบ ,,,😊😊 🎉♥️
ขออวยพรให้ลูกค้าทุกท่านมีความสุข ความเจริญ
การงานก้าวหน้า ค้าขายร่ำรวย

ทำมาค้าขึ้น ในธุรกิจหน้าที่การงาน สุขภาพร่างกายแข็งแรง

คิดสิ่งใด ขอให้สมปราถนาดั่งใจปรารถนาทุกประการ

จะเดินทางไปไหนมาไหน ให้มีแต่ผู้คนรักใคร่ รายล้อมไปด้วยบัณฑิตนักปราชญ์ คนดีๆ

มีความสุข สดใสตลอดทั้งปี 2568
นี้ และตลอดไป 🙏❤️😊

14/08/2023
โปรโมชั่นสุขภาพ 8.8 2022 ขยายโปรเดือนแห่งความรัก ส่งความสุขให้คุณแม่ ให้มีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรงทุกท่าน จากร้านค้าออนไล...
14/08/2023

โปรโมชั่นสุขภาพ 8.8 2022 ขยายโปรเดือนแห่งความรัก ส่งความสุขให้คุณแม่ ให้มีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรงทุกท่าน จากร้านค้าออนไลน์ KKing HERB Thailand
#กรดไหลย้อน (กรีนเคอมิน)
#ตา (ออปต้า)
#ต่อมลูกหมาก (โทเมซิงพลัส)
#ความดัน (โอลิซ่าคิวเท็น)
#เบาหวาน (โมดิ)
#ริดสีดวง (ริดจิ)
#หน้ำหนักเกิน (พร้อมเอส)
#ไวร้ส (ไวเลอตอง)
#กระดูก (ไอโซ่เคอม่า คอลาเจน)

จัดหนัก ส่งฟรี* #ลดแรง คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม วันนี้ ถึง 31 สิงหาคม 2566

สั่งซื้อตอนนี้ จิ้มที่ลิ้งได้เลย https://lin.ee/uaVtLYA
สายด่วน 0636458878 / 0822517822

#โอลิซ่า #โทเมซิง #ริดจิ #โมดิ #กรีนเคอมิน #ไอโซ่เคอม่า #มาคูน็อกซ์ #ไวเลอตอง #โปรแม็ทซ์ #อาหารเสริม

07/08/2023

มัดรวมโปรโมชั่นสุขภาพ 8.8 2022 เคมเปญสุดปัง จากร้านค้าออนไลน์ King HERB Thailand

ด่วนมาก โปรนี้มีจำกัด หมดแล้วหมดเลย
สั่งซื้อตอนนี้ จิ้มที่ลิ้งได้เลย https://lin.ee/uaVtLYA
สายด่วน 0636458878 / 0822517822

#โอลิซ่า #โทเมซิง #ริดจิ #โมดิ #กรีนเคอมิน #ไอโซ่เคอม่า #มาคูน็อกซ์ #ไวเลอตอง #โปรแม็ทซ์ #อาหารเสริม

31/07/2023

10 คุณประโยชน์ของขมิ้นชัน สรรพคุณป้องกันสารพัดโรค
"ขมิ้นชัน" (Turmeric) สมุนไพรคู่ครัวที่คนไทยรู้จักกันดี อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด นิยมนำมาทำอาหารเนื่องจากมีสีสันสวยงามและให้กลิ่นหอมเครื่องเทศ ขมิ้นชันถูกจัดอยู่ในตำรับยาสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณป้องกันและรักษาโรคต่างๆ โดยองค์การเภสัชกรรมยังได้ยกให้ขมิ้นชันเป็น "มหัศจรรย์สมุนไพร" ที่ได้รับการบรรจุเข้าในบัญชียาหลักแห่งชาติ เรามาทำความรู้จักพืชสมุนไพรชนิดนี้ให้มากขึ้น แล้วจะรู้ว่าขมิ้นชันที่อยู่ใกล้ตัว...มีประโยชน์มากกว่าที่คิด!

10 คุณประโยชน์และสรรพคุณของขมิ้นชัน
ขมิ้นชัน มีสารเคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoid) พบได้ในพืชมีเหง้าและพืชวงศ์ขิง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดอาการอักเสบ และลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ทำให้มีการนำขมิ้นชันมาประยุกต์ใช้ในอาหารและยาอย่างแพร่หลาย ซึ่งมีประโยชน์และสรรพคุณ ดังนี้

1. ล้างพิษตับ
ขมิ้นชันมีสรรพคุณช่วยขับพิษที่สะสมในตับ เนื่องจากมีฤทธิ์ป้องกันตับอักเสบ ช่วยบำรุงตับ และฟื้นฟูตับ โดยมีการใช้ขมิ้นชันทดลองรักษาโรคตับแข็งในหนู ผลปรากฏว่าอาการไม่ลุกลามเพิ่ม ทำให้นิยมใช้เป็นสมุนไพรยาที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพและล้างพิษออกจากตับ

2. รักษาโรคผิวหนังเรื้อรัง
ขมิ้นชันสามารถใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับผิวหนังได้ เช่น โรคผื่นคัน กลาก เกลื้อน ผิวหนังอักเสบจากอาการแพ้ คนไทยสมัยก่อนใช้เหง้าสดของขมิ้นชันมาฝนและบดให้ละเอียด ก่อนจะนำไปทาบริเวณที่มีอาการคัน แต่ปัจจุบันสามารถใช้ผงขมิ้นชันสำเร็จรูปผสมน้ำเปล่าหรือน้ำมันมะพร้าว นำไปทาบริเวณที่อักเสบหรือคันได้

3. แก้อาการท้องร่วง
ใครที่กินของผิดสำแดงเข้าไปแล้วเกิดอาการท้องร่วง สามารถหาขมิ้นชันในครัวมาใช้เป็นยาได้ โดยนำมาล้างให้สะอาด ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปตำพร้อมผสมน้ำเปล่า หลังจากนั้นคั้นเฉพาะน้ำให้ได้สัก 1 ถ้วยตวง แบ่งกินคราวละ 2 ช้อนโต๊ะ จะช่วยสร้างสมดุลให้ระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหาร
4. รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
ขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการรักษาอาการอักเสบ จึงสามารถช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารให้หายเร็วขึ้น นอกจากนี้หากหั่นขมิ้นชันผสมกับน้ำผึ้ง จะช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และจุกเสียดแน่น เรียกว่าเป็นสมุนไพรที่มอบประโยชน์ให้คนกินอย่างครบสูตร ทั้งในรูปแบบอาหารและรูปแบบยา

5. ชะลอการแก่ก่อนวัย
เนื่องจากขมิ้นชันออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จึงถูกนำมาสกัดเป็นยาเสริมอาหารที่ใช้บำรุงร่างกาย ป้องกันโรค ป้องกันการเสื่อมโทรมของเซลล์ และป้องกันร่างกายไม่ให้เสื่อมไปตามวัย ถือเป็นสรรพคุณด้านความงามที่น่าจะถูกใจใครหลายคน

6. รักษาริดสีดวง
สำหรับผู้ที่เป็นริดสีดวงทวารและมีแผลบริเวณทวารหนัก ให้ใช้ผงขมิ้นทาหัวริดสีดวง จะช่วยสมานแผลให้แห้งและหายเร็วขึ้น เพราะขมิ้นชันจะช่วยลดการอักเสบ ช่วยฆ่าเชื้อโรค และทำให้เนื้อเยื่อบริเวณแผลกระชับเร็วขึ้น

7. แก้พิษแมลงกัดต่อย
หากถูกแมลงกัดจนเป็นแผล มีอาการบวมแดง สามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้ผงขมิ้นชันผสมกับน้ำมันมะพร้าว แล้วนำไปเคี่ยวบนไฟ จะได้น้ำมันนวดสำหรับทาแก้พิษแมลงกัดต่อย หรือจะนำผงขมิ้นชันไปผสมกับน้ำปูนใสเพื่อนำมาพอกแผลก็ได้เช่นกัน

8. ป้องกันโรคข้อเข่าอักเสบ
ในผู้สูงอายุนิยมใช้ขมิ้นชันรักษาอาการข้อตึง ปวดเมื่อยตามข้อเข่า ซึ่งอาจจะเป็นไปตามวัยหรือพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน แต่ขมิ้นชันสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดในโรคข้อเข่าเสื่อมได้ โดยมีการนำมาใช้ทดแทนยาแผนปัจจุบันอย่างแพร่หลาย

9. ลดระดับไขมันในเส้นเลือด
สารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ที่อยู่ในพืชธรรมชาติอย่างขมิ้นชันจะช่วยยับยั้งคอเลสเตอรอล มีฤทธิ์ในการลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตันและโรคหัวใจ

10. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ขมิ้นชันสามารถช่วยปรับสมดุลและสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย โดยเฉพาะในปัจจุบันมีปัญหามลพิษฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย ทำให้เป็นภูมิแพ้ได้ง่าย จึงนิยมกินขมิ้นชันเพื่อเป็นตัวช่วยเสริมร่างกายให้แข็งแรงต่อมลพิษ

ขมิ้นชันแคปซูล สารสกัดจากธรรมชาติ
ขมิ้นชัน เป็นสมุนไพรที่ได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา รวมถึงได้ขึ้นบัญชียาหลักแห่งชาติ ทำให้ได้รับความนิยมในการกินทดแทนยาแผนปัจจุบัน โดยทั่วไปถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้ประกอบอาหารอยู่แล้ว แต่ในปัจจุบันมีการนำขมิ้นชันมาสกัดให้อยู่ในรูปแบบแคปซูลเพื่อให้สะดวกในการรับประทาน บ้างก็อยู่ในรูปแบบอาหารเสริม ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์การใช้ หากจะซื้อ "ขมิ้นชันแคปซูล" ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ และมีฉลากรับรองชัดเจน
..

อย่างไรก็ตาม การกินขมิ้นชันแคปซูลติดต่อกันนานๆ ก็อาจทำให้ร่างกายมีสารตกค้างได้ ควรจำกัดในปริมาณที่เหมาะสมพอดี และหากจะกินเพื่อรักษาโรค ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เนื่องจากสรรพคุณในขมิ้นชันมีผลกระทบข้างเคียงต่อผู้ป่วยบางกลุ่ม เช่น เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ที่เป็นท่อน้ำดีอุดตัน และนิ่วในถุงน้ำดี

สูตรพอกหน้าใส เนรมิตความสวยด้วยผงขมิ้นชัน
สมุนไพรไทยถูกใช้เป็นเครื่องประทินผิวเพื่อบำรุงรักษาผิวมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะขมิ้นชันที่ได้รับความนิยมในการนำมาพอกหน้า คืนความนุ่มชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ที่สำคัญยังมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีเจือปน สำหรับสูตรพอกหน้าด้วยขมิ้นชันที่สามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน ได้แก่

สูตรผงขมิ้นชัน ผสมน้ำผึ้ง
ให้ใช้ผงขมิ้นประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้งอีก 2 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้นนำมาพอกให้ทั่วใบหน้า หรือจะเลือกแต้มเฉพาะบริเวณที่มีแผลอักเสบจากสิวก็ได้ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วค่อยล้างออก ขมิ้นชันจะช่วยสมานแผล ในขณะที่น้ำผึ้งจะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิว

สูตรผงขมิ้นชัน ผสมน้ำมะนาว..

บีบน้ำมะนาวสัก 1 ช้อนโต๊ะ นำไปผสมกับผงขมิ้นชัน 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน หากต้องการให้เจือจางสามารถเติมน้ำเปล่าสะอาดลงไปได้ ก่อนจะทาลงบนใบหน้า นวดเบาๆ น้ำมะนาวจะช่วยผลัดเซลล์เก่าให้ผิวเปล่งปลั่ง ทิ้งไว้สัก 10 นาทีแล้วค่อยล้างออก

สูตรขมิ้นชัน ผสมโยเกิร์ต
ใช้โยเกิร์ตธรรมชาติ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากับผงขมิ้นชัน 2 ช้อนโต๊ะ นำมาพอกบนใบหน้า ทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วจึงล้างออก จะช่วยบำรุงให้ผิวหน้าเนียนนุ่ม และช่วยลดความหมองคล้ำ

ไม่น่าเชื่อว่า "ขมิ้นชัน" สมุนไพรใกล้ตัวที่อยู่คู่ครัวทุกบ้านจะมีสรรพคุณมากมายขนาดนี้ อีกทั้งยังสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ นับว่าเป็นของขวัญและยาจากธรรมชาติที่เราไม่ควรมองข้าม.

ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข

#ขมิ้น #กรีนเคอมิน #เคอม่าแม็กซ์

31/07/2023

ไลโคปีน คืออะไร?

ผิวสวยกระจ่างใส ปราศจากจุดด่างดำและริ้วรอย แลดูสุขภาพดี และอ่อนกว่าวัย ล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ผิวพรรณจากที่เคยเต่งตึง เปล่งปลั่ง กลายเป็นผิวที่หย่อนคล้อย มีริ้วรอย และหมองคล้ำ เนื่องจากเซลล์ผิวผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง ส่งผลให้ผิวขาดความแข็งแรง การผลัดเซลล์ผิวเกิดช้าลง และมีการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีผิวที่เพิ่มจำนวนขึ้น ทำให้ผิวหมอง ไม่สดใส รวมทั้งเซลล์ผิวอุ้มน้ำน้อยลง ทำให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น และเกิดริ้วรอยได้ง่าย นอกจากอายุที่เพิ่มขึ้นแล้ว ตัวการสำคัญที่เร่งให้ผิวเสื่อมหรือผิวแก่ก่อนวัย คือ แสงแดด เนื่องจากในแสงแดดเต็มไปด้วย รังสีอัลตร้าไวโอเล็ต (รังสียูวี) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

รังสียูวีเอ (UVA) ซึ่งเป็นแสงในช่วงความยาวคลื่น 320-400 นาโนเมตร สามารถผ่านทะลุผิวชั้นหนังกำEpidermis) กระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซด์ (Melanocyte) ทำงานผิดปกติ คือ เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) เพิ่มมากขึ้น โดยอาศัยเอนไซม์ “ไทโรสิเนส” (Tyrosinese) ทำให้สีผิวหมองคล้ำหรือเข้มขึ้นได้ สีผิวไม่สม่ำเสมอ รวมถึงเกิดกระและฝ้า นอกจากนี้ รังสียูวีเอ ยังสามารถผ่านทะลุไปถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) กระตุ้นให้ร่างกายสร้างอนุมูลอิสระ ซึ่งจะไปทำลายโครงสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังและเส้นใยอิลาสติน (Elastin) ทำให้ผิวหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอยก่อนวัย
รังสียูวีบี (UVB) ซึ่งเป็นแสงในช่วงความยาวคลื่น 290-320 นาโนเมตร สามารถผ่านทะลุผิวชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น กระตุ้นให้เกิดกระ ฝ้า และจุดด่างดำ ผิวบวมแดงและแสบร้อน เกิดอาการไหม้แดด (Sunburn) และเมื่อได้รับรังสียูวีบีอย่างต่อเนื่อง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้
วิธีการป้องกันไม่ให้ผิวถูกทำลายจากรังสียูวีในแสงแดด คือ การหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วง 09.00 น. ถึง 15.00 น. ซึ่งจะมีปริมาณรังสียูวีอยู่มาก หากจำเป็นต้องออกไปกลางแดด ควรสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ใส่หมวกปีกกว้าง หรือกางร่ม นอกจากหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดด ซึ่งเป็นการปกป้องผิวจากภายนอกแล้ว สิ่งสำคัญคือ การเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว บำรุงผิวให้แข็งแรงจากภายใน ด้วยการเลือกรับประทานสารอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และมีฤทธิ์ในการต้านแดด ปกป้องเซลล์ผิวจากรังสียูวี และชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ได้แก่

#ไลโคปีน เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่ละลายได้ดีในไขมัน ทำให้พืชหรือผลไม้มีสีแดง เหลือง หรือส้ม พบมากในมะเขือเทศ โดยไลโคปีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระแรงที่สุดในกลุ่มแคโรทีนอยด์ โดยมีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าเบต้าแคโรทีน (-carotene) 2 เท่า นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าแอลฟา โทโคฟีรอล (-tocopherol) 10 เท่า ซึ่งไลโคปีนจะช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายด้วยรังสียูวีในแสงแดด ลดความรุนแรงที่เกิดจากอาการผิวไหม้จากแสงแดด และช่วยชะลอผิวไม่ให้แก่ก่อนวัย โดยการศึกษาวิจัยทางคลีนิก พบว่า

ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายด้วยรังสียูวีในแสงแดด : การรับประทานไลโคปีน หรือมะเขือเทศเข้มข้นที่มีไลโคปีนในปริมาณ 8 - 16 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 10 - 12 สัปดาห์ ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายด้วยรังสียูวีในแสงแดด โดยช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่ถูกสร้างขึ้นหลังจากผิวได้รับแสงแดด และช่วยดูดซับรังสียูวีเอ และ รังสียูวีบี ทำให้ผิวทนต่อแสงแดดได้มากขึ้น และช่วยลดอาการผิวไหม้อันเกิดจากแสงแดด ทำให้ผิวไม่คล้ำเสียง่าย
ปกป้องผิวลึกถึงระดับดีเอ็นเอ (DNA) : การรับประทานมะเขือเทศเข้มข้นที่มีไลโคปีน 16 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายด้วยรังสียูวีในแสงแดดได้ลึกถึงระดับดีเอ็นเอ (DNA) โดยช่วยลดการทำลายดีเอ็นเอในเซลล์ไมโตคอนเดรียล (Mitochondrial) ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการสร้างพลังงานให้แก่เซลล์ต่างๆในร่างกาย รวมทั้งเซลล์ผิวด้วย และช่วยเพิ่มโปรคอลลาเจน (Procollagen) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์คอลลาเจนเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้ผิวแข็งแรง กระชับ และยืดหยุ่น จึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิวได้
เพิ่มความชุ่มชื้นและปกป้องเซลล์จากการถูกทำร้ายด้วยอนุมลอิสระ : นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยพบว่า การรับประทานสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ อย่างเช่น ไลโคปีน ร่วมกับ วิตามินอี จะเสริมฤทธิ์กันในการปกป้องเซลล์จากการถูกทำร้ายด้วยอนุมลอิสระ ช่วยลดอาการผิวไหม้แดดและช่วยให้ผิวไหม้แดดหายได้เร็วขึ้น รวมทั้ง วิตามินอี ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอีกด้วย
ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างไลโคปีนได้ จึงต้องรับประทานเข้าไปเท่านั้น โดยพบว่า การรับประทานไลโคปีน 10 มิลลิกรัม เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ ทำให้ระดับไลโคปีนในเลือดเพิ่มสูงขึ้น และช่วยเพิ่มระดับแคโรทีนอยด์ในผิวหนัง ซึ่งช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด และช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่ถูกสร้างขึ้นหลังจากผิวได้รับแสงแดด โดยการรับประทานผักผลไม้ที่เป็นแหล่งของไลโคปีน อย่างเช่น มะเขือเทศ ควรนำมะเขือเทศมาทำให้สุกก่อนรับประทาน เพราะมะเขือเทศที่ผ่านความร้อนแล้วจะทำให้โครงสร้างของไลโคปีนเปลี่ยนจาก Trans isomers เป็น Cis isomers ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมไลโคปีนได้ดีกว่ารับประทานแบบสดๆ นอกจากนี้ควรรับประทานร่วมกับอาหารที่มีไขมันดี เพราะไขมันในอาหารจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมไลโคปีนได้ดี ดังนั้น การเลือกรับประทานสารอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และมีฤทธิ์ในการต้านแดด อย่างเช่น ไลโคปีนจากมะเขือเทศ และ วิตามินอี จึงเปรียบเสมือนการเสริมสร้างเกราะปกป้องผิวจากแสงแดด ให้ผิวสวยกระจ่างใส มีสุขภาพที่ดีจากภายใน นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 6-8 แก้ว เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว พักผ่อนให้เพียงพอ รวมทั้งหลีกเลี่ยงปัจจัยทำร้ายผิวจากภายนอก ซึ่งได้แก่ แสงแดด มลภาวะต่างๆ แอลกอฮอล์ และ บุหรี่ ผิวพรรณของเราก็จะคงความสวยงามและอ่อนเยาว์อยู่กับเราได้ยาวนานขึ้น

#ไลโคปีน #แคโรทีนอยด์ #มะเขือเทศ #โทเมซิง

29/07/2023

คาเฟอีนกับการบำรุงสมอง
โดยปกติแล้วเรามักดื่มกาแฟหลังตื่นนอนตอนเช้าเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ หรือดื่มในยามบ่ายเพื่อคลายความรู้สึกเหนื่อยล้า สงสัยไหมว่าทำไมเมื่อดื่มกาแฟเราจึงรู้สึกตื่นตัวและคลายความง่วงได้เป็นปลิดทิ้ง? นั่นเป็นเพราะคาเฟอีนที่อยู่ในเมล็ดกาแฟคือสารที่จะทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งเป็นระบบสำคัญที่คอยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ด้วยเหตุนี้ ร่างกายของเราจึงรู้สึกตื่นตัวมากขึ้นหลังได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่เพียงพอ นอกจากนี้ การดื่มกาแฟยังช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ทำให้เราสามารถโฟกัสกับการทำงานได้มากขึ้นอีกด้วย

คาเฟอีนกับอารมณ์
นอกจากคาเฟอีนจะส่งผลต่อสมองและร่างกายแล้ว ยังมีงานวิจัยที่ยืนยันว่าคาเฟอีนคือสารที่ทำหน้าที่เป็น Mood-Enhancer ช่วยให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่น แจ่มใส และมีความสุขมากขึ้น หลายคนอาจรู้สึกได้ว่าหลังดื่มกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟร้อนหรือกาแฟเย็น จะทำให้เราอารมณ์ดีขึ้นได้ทันที และยังทำให้รู้สึกมีแรงบันดาลใจในการทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงช่วยให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่องมากขึ้น เรียกได้ว่ากาแฟนั้นเป็นเครื่องดื่มแก้วสำคัญที่ขาดไม่ได้ในทุกเช้าเลยทีเดียว

คาเฟอีนกับการควบคุมน้ำหนัก
หลายคนอาจยังไม่รู้มาก่อนว่า คาเฟอีนในกาแฟคือสารที่มีคุณสมบัติช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้ด้วยเช่นกัน เพราะคาเฟอีนนั้นช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย และช่วยให้เราสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น หากใครที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก แนะนำว่าควรดื่มกาแฟแบบไม่เติมน้ำตาลในตอนเช้าหลังรับประทานอาหาร หรือดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกายอย่างน้อย 30-60 นาที เพื่อให้ร่างกายได้ประโยชน์จากคาเฟอีนอย่างเต็มที่

คาเฟอีนกับการขับถ่าย
อีกหนึ่งประโยชน์ดี ๆ ที่มีอยู่ในคาเฟอีนก็คือ คาเฟอีนนั้นมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ หลายคนจึงนิยมดื่มกาแฟในช่วงเช้าหลังตื่นนอน เพื่อกระตุ้นการขับถ่ายก่อนออกจากบ้าน แน่นอนว่าเมื่อระบบขับถ่ายทำงานได้ดี จะช่วยให้ร่างกายขจัดของเสียและสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ ส่งผลให้สุขภาพโดยรวมของเราดีขึ้นตามไปด้วย
ดื่มคาเฟอีนอย่างไรให้ได้ประโยชน์เต็ม ๆ
ถึงแม้ว่าคาเฟอีนจะเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลากหลายด้าน แต่หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปหรือดื่มผิดวิธีก็อาจทำให้เกิดโทษได้เช่นกัน แล้วเราควรดื่มกาแฟอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด มาดูกันเลย

ใน 1 วัน ไม่ควรดื่มกาแฟเกินวันละ 2-4 แก้ว ไม่เช่นนั้นร่างกายอาจได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่มากเกินไป และอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวได้
ไม่ควรดื่มกาแฟที่มีส่วนผสมของนม น้ำตาล หรือครีมเทียม
ควรดื่มน้ำเปล่าตามทุกครั้งหลังดื่มกาแฟ
ไม่ควรดื่มกาแฟตอนท้องว่าง แต่ควรดื่มพร้อมอาหารอื่น ๆ
สำหรับใครที่กังวลเรื่องการนอน แนะนำว่าควรดื่มกาแฟในช่วงเช้าก่อน 12.00 เพื่อป้องกันไม่ให้คาเฟอีนตกค้างอยู่ในร่างกายจนทำให้นอนไม่หลับ

25/06/2023

#สารแกมมาออริซานอล ทำหน้าที่เพิ่มระดับไขมันชนิดดีให้แก่ร่างกาย ซึ่งไขมันชนิดนี้จะไปขจัดไขมัน คอเลสเตอรอล ซึ่งก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย) และไตรกลีเซอไรด์ในเส้นเลือด ทำให้ลดการตีบตันของหลอดเลือด เพิ่ม การไหลเวียนของโลหิตและยังมีฤทธิ์ในการลดความเครียด ทำให้อวัยวะ สำคัญต่างๆ เช่น ตับ ไต หัวใจ สมอง ตับ อ่อน เป็นต้น มีเลือดไปเลี้ยงมากขึ้น

แนะนำให้ โอลิซาคิวเท็น ให้สารสำคัญ คือสาร (Gamma-Oryzanol) แกมมาออริซานอลถึง 100 มิลลิกรัม

ประโยชน์ที่ได้รับจากโอลิซ่า คิวเท็น (OLISA-Q10)
-บำรุงสมองลดความดันสูง
-ลดคอเรสเตอรอล
-ลดไตรกลีเซอไรด์
-ช่วยให้หลับลึก ตื่นมาไม่เพลีย สดชื่น ไม่เหนื่อยง่าย
-ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน
-ช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์
-ลดภาวะเสี่ยงโรคสมองขาดเลือด
-ลดภาวะเสี่ยง #เส้นเลือดในสมองแตก
-ลดภาวะเสี่ยงหัวใจขาดเลือด
-กลับมาแข็งแรงสดชื่นได้อีกครั้ง
-พร้อมเริ่มต้นวันใหม่ ที่สุดชื่นได้ทุกวัน
-พลังในร่างกายที่สมดุลมากขึ้น เพื่อใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักอีกยาวนาน
-เพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพในใช้ชีวิตประจำวันของคุณ

ปกติ3 กล่อง 2่,850.-
แต่สำหรับวันนี้-สิ้นเดือนนี้ ไม่ปกติ เหลือเพียง 1900 ส่งฟรีอีก ว้าวละสิ

ด่วนมาก โปรนี้มีเพียง 30ชุด เท่านั้น หมดแล้วหมดเลย
สั่งซื้อตอนนี้ จิ้มที่ลิ้งได้เลย https://lin.ee/uaVtLYA

สายด่วน 0636458878 / 0822517822

#โอลิซา #โอลิซาคิวเท็น #นอนไม่หลับ #หลับลึก #แกรมม่าอ #ไขมัน #ไตรกลีเซอไรด์ #คอเรสเตอรอล

ที่อยู่

Choho
30000

เบอร์โทรศัพท์

+66636458878

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ King HERB Thailandผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง King HERB Thailand:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram