บ้านสมุนไพรไทย & แก่นตะวัน

บ้านสมุนไพรไทย & แก่นตะวัน ยินดีต้อนรับสู่ร้าน บ้านสมุนไพร & แก

**** บ้านสมุนไพรไทย & แก่นตะวัน ****

*** จำหน่ายสมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพ ทั้งปลีกและส่ง ***

- สมุนไพรอบแห้ง
- เครื่องสำอางค์สมุนไพร
- น้ำสมุนไพร , น้ำธัญญาพืช , น้ำธัญญาหาร
- อุปกรณ์ดีท็อกช์

*** จำหน่าย สมุนไพร " แก่นตะวัน " สุดยอดสมุนไพรมหัศจรรย์สารพัดประโยชน์ ****

- หัวสดแก่นตะวันสำหรับทาน
- หัวพันธุ์แก่นตะวันสำหรับปลูก
- ต้นกล้าแก่นตะวัน
- แก่นตะวันอบแห้ง
- แก่นตะวันอบน้ำผึ้ง

** ยินดีให้คำปรึกษาการดูแลรักษาสุขภาพด้วยวิถีธรรมชาติและสมุนไพร **

13/11/2020
เก็บง่ายๆสบายกระเป๋า
23/06/2015

เก็บง่ายๆสบายกระเป๋า

มารู้จัก ประโยชน์ของอาหารเช้า กันเถอะปัจจุบันการดำเนินชีวิตในแต่ละวันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ หลายคนอาจจะมองข้ามความสำคั...
12/06/2015

มารู้จัก ประโยชน์ของอาหารเช้า กันเถอะ
ปัจจุบันการดำเนินชีวิตในแต่ละวันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ หลายคนอาจจะมองข้ามความสำคัญของอาหารเช้าและอาจทำให้หลายคนหลงลืมทาน "อาหารเช้า" ไปด้วยความตั้งใจเพราะมองว่าการรับประทานอาหารตอนเช้าเป็นเรื่องที่เสียเวลา จะมีเพียงไม่กี่คนที่ให้ความสำคัญกับอาหารเช้า วันนี้เราก็เลยนำเอาความรู้ความเข้าใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับความสำคัญที่คุณก็นึกไม่ถึงว่า อาหารเช้าสําคัญอย่างไรกันค่ะ แล้วคุณก็จะหันมาให้ความสำคัญกับอาหารเช้าที่คุณเคยมองข้ามได้อย่างง่ายดายเชียวค่ะ

ประโยชน์ของอาหารเช้า

ช่วยให้ความจำดี
มีการวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารเช้ามีส่วนเพิ่มประสิทธิภาพการเรียน การทำงาน ทำให้ระบบความจำ ทักษะการเรียนรู้ และอารมณ์ดีขึ้นด้วยค่ะ แต่หากใครไม่ทานอาหารเช้าจะมีสมาธิน้อยลงและสมองก็ทำงานได้ไม่เต็มที่

ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้
โดยคนที่รับประทานอาหารเช้าจะมีภาวะผิดปกติของฮอร์โมนอินซูลิน หรือที่เรียกว่าภาวะดื้อต่ออินซูลินซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานนั้นลดลงถึง 35-50% เลยทีเดียวค่ะ

ช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้
อาหารเช้าช่วยควบคุมโรคอ้วนและน้ำหนักได้เป็นอย่างดีค่ะ นั่นเพราะจากมื้อดึกจนถึงเช้าวันใหม่เราอดอาหารมานานเกือบ 12 ชั่วโมง และหากเรายิ่งไม่ทานอาหารเช้าเข้าไปอีกจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง จนไปเพิ่มแนวโน้มการรับประทานอาหารที่มีพลังงานและไขมันสูงในมื้อเที่ยงมากขึ้นและนี่ก็เป็นสาเหตุให้มีน้ำหนักเกินและโรคอ้วนได้อย่างไม่รู้ตัวอีกด้วยค่ะ

ลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคหัวใจ
ผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจในอเมริกาเมื่อปี 2003 พบว่า การรับประทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมออาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมองและโรคหัวใจได้ด้วย เพราะในตอนเช้าเลือดของเรามีความเข้มข้นสูงและทำให้เส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมอง หรือหัวใจอุดตันได้ แต่ถ้ารับประทานอาหารเช้าเข้าไปจะช่วยให้ระดับความเข้มข้นในเลือดเจือจางลงด้วยค่ะ

ช่วยลดโอกาสเกิดโรคนิ่ว
การไม่รับประทานอาหารนานกว่า 14 ชั่วโมงจะทำให้คอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีจับตัวกันนาน หากนาน ๆ ไปสิ่งที่จับตัวกันนั้นจะกลายเป็นก้อนนิ่ว แต่หากเราทานอาหารเช้าเข้าไปล่ะก็ มันจะไปกระตุ้นให้ตับปล่อยน้ำดีออกมาละลายคอเลสเตอรอลที่จับตัวกันอยู่ได้ค่ะ

ช่วยพัฒนาสมอง
สำหรับเด็ก ๆ การอดอาหารเช้าเป็นประจำ อาจทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอส่งผลให้ร่างกายไม่แข็งแรง การเจริญเติบโตไม่เป็นไปตามเกณฑ์และยังส่งผลต่อสติปัญญา ทำให้ขาดสมาธิ ส่งผลเสียในระยะยาวอีกด้วยนะคะ

ทีนี้เราก็รู้แล้วว่าอาหารเช้ามีประโยชน์มากมายขนาดไหน ยังไงก็จะต้องจัดสรรเวลาที่เร่งรีบและมีน้อยนิดนี้ แบ่งออกมาเพื่อรับประทานอาหารมื้อเช้าของเรากันแล้วค่ะ

มหัศจรรย์ กัวซา ขูดพิษ พิชิตโรค
04/06/2015

มหัศจรรย์ กัวซา ขูดพิษ พิชิตโรค

มะพร้าวเป็นพืชยืนต้นที่ คนไทยคุ้นเคยมานานแสนนาน ในอดีตบรรพบุรุษของเราเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากทุกส่วนของ พืชชนิดนี้และ...
03/06/2015

มะพร้าวเป็นพืชยืนต้นที่ คนไทยคุ้นเคยมานานแสนนาน ในอดีตบรรพบุรุษของเราเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากทุกส่วนของ พืชชนิดนี้และได้บอกต่อลูกหลาน จนกลายเป็นภูมิปัญญาไทย ที่สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ยกตัวอย่างเช่น การนำใบมะพร้าว ทั้งอ่อนและแก่รวมถึงก้านใบมาใช้มุงหลังคา ทำเครื่องจักสาน และไม้กวาดทางมะพร้าว การนำเปลือกมะพร้าวไปแยกเอาเส้นใย ใช้ทำเชือก รวมถึงการนำกะลามาทำเป็นภาชนะ เครื่องประดับ และเครื่องดนตรีอย่างซออู้ที่หลายคนรู้จักกันดี

เหล่านี้ยังไม่นับรวมถึงคุณประโยชน์ของมะพร้าวที่นำมาประกอบอาหารและมีสรรพคุณทางยานานัปการ

นอกจากเนื้อและยอดมะพร้าวที่นิยมนำมาทำเป็นอาหารทั้งคาวหวานแล้ว คนไทยยังเชื่อว่าน้ำมะพร้าวคือสุดยอดเครื่องดื่ม เพื่อสุขภาพที่หาได้ง่ายๆ จากธรรมชาติ เนื่องจากมะพร้าวมีลำต้นสูง การลำเลียงสารอาหารมายังลูกมะพร้าวจึงต้องผ่านการกลั่นกรองตามชั้นต่างๆ ของลำต้น ทำให้น้ำมะพร้าวที่ได้มีความบริสุทธิ์และอุดมไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม เหล็ก โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ทองแดง กรดอะมิโน กรดอินทรีย์ และวิตามินบี แถมยังมีน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ภายใน 5 นาที ชึ่งสามารถช่วยในการขับสารพิษและชำระล้างร่างกายได้อีกด้วย

มากกว่าประโยชน์ในแง่ของการขับพิษ หลายคน ไม่คาดคิดว่าการดื่มน้ำมะพร้าวทุกวันจะช่วยชะลออาการอัลไซเมอร์ได้ โดยผลจากงานวิจัยพบว่า ในน้ำ มะพร้าวมีฮอร์โมนชนิดหนึ่งคล้ายกับฮอร์โมนเพศหญิงหรือเอสโตรเจน ซึ่งมีผลช่วยชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อมในสตรีวัยทอง

สำหรับสาวๆ ท่านใดที่อยากมีผิวพรรณสดใส น้ำมะพร้าวก็สามารถช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งและขาวเด้งขึ้นได้จากภายในสู่ภายนอก เพราะ อุดมไปด้วยเอสโตรเจนซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย อีกทั้งความเป็นด่างของน้ำมะพร้าวยังช่วยปรับสมดุลของร่างกายในช่วงที่มี ความเป็นกรดสูง ทำให้กลไกการทำงานของระบบภายในเป็นปกติ แถม ในน้ำมะพร้าวยังมีสารที่สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโต มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้นกว่าปกติและไม่ทิ้งรอยแผลเป็นอีกด้วยปกติและไม่ ทิ้งรอยแผลเป็นอีกด้วย

ถึง แม้ว่าน้ำมะพร้าวจะเป็นเครื่องดื่มจากธรรมชาติที่สามารถรับประทานได้ทุกเพศ ทุกวัย เนื่องจากไม่มีการปรุงแต่งและไม่มีสารตกค้างเหมือนน้ำหวานหรือน้ำอัดลมที่ จำหน่ายตามท้องตลาด แต่กระนั้นก็ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสตรีที่กำลังมีประจำเดือนควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำ มะพร้าว เพราะจะทำให้ประจำเดือนหยุด เนื่องจากมีฮอร์โมนเพศหญิงที่ทำให้ผนัง เยื่อบุมดลูกหยุดการลอกตัว

วิธีที่ดีที่สุดในการดื่มน้ำมะพร้าว ควรเปิดฝาลูกมะพร้าวแล้วรับประทานให้หมดทันทีในครั้งเดียว เพื่อ คุณประโยชน์และสารอาหารที่ร่างกายพึงได้รับอย่างเต็มที่ หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้นควรเลือกบริโภคมะพร้าวจากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ อย่างที่ตลาดไท ก็นับเป็นตลาดกลางจำหน่ายสินค้าเกษตรอีกแห่งหนึ่งที่เราวางใจได้ เพราะที่นี่เค้ามีกระบวนการตรวจสอบสินค้าเกษตรที่ได้มาตรฐาน ยึดมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยเหนือสิ่งอื่นใด

อัพเดทคอร์สล้างพิษที่นวพรรีสอร์ทเดือนกันยายน วันที่ 12-14เดือนตุลาคม วันที่ 17-19เดือนพฤศจิกายน วันที่ 14-16สมัครได้ที่ ...
20/08/2014

อัพเดทคอร์สล้างพิษที่นวพรรีสอร์ท

เดือนกันยายน วันที่ 12-14

เดือนตุลาคม วันที่ 17-19

เดือนพฤศจิกายน วันที่ 14-16

สมัครได้ที่ 081-5791940

ค่าใช้จ่ายรวมที่พัก 2 คืน 2800 บาท ค่ะ

28/08/2013

อัพเดท คอร์สล้างพิษตับ ริเวียร่า รีสอร์ท จ.นครนายก

ครั้งที่ 1 วันที่ 30 ก.ย.-2 ต.ค. 56
ครั้งที่ 2 วันที่ 29-31 ต.ค. 56
ครั้งที่ 3 วันที่ 26-28 พ.ย.56

นวพร รีสอร์ท โคราช
ครั้งที่ 1 วันที่ 30,31 ส.ค.-1 ก.ย. 56
ครั้งที่ 2 วันที่ 6-8 ก.ย. 56
ครั้งที่ 3 วันที่ 22-24 ต.ค. 56
ครั้งที่ 4 วันที่ 2-4 พ.ย. 56

เขาชะเมาเฮลล์ รีสอร์ท จ.ระยอง
วันที่ 13-15 ก.ย. 56

มณฑปเนินฆ้อ อ. แกลง จ. ระยอง
วันที่ 24-26 ก.ย. 56

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีพระพุทธบาท จ. สระบุรี
11-13 ต.ค. 56

โรงแรมวังจันทร์ จ. พิษณุโลก
18-20 ต.ค. 56

อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
8-10 พ.ย. 56

วารี วัลเล่ย์ รีสอร์ท ริมเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น
12-14 พ.ย.56

วัดป่าแดนสงบ จ.นครราชสีมา
15-17พ.ย.56

มณฑปเนินฆ้อ อ. แกลง จ.ระยอง
22-24 พ.ย.56

04/06/2013

อัพเดท คอร์ส บียอนด์ ริเวอร์ รีสอร์ท นครนายก

เดือน กรกฏาคม
วันที่ 23-25 ก.ค. 56

เดือน สิงหาคม
วันที่ 23-25 ส.ค. 56

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อินบ็อกซ์ คุณเหน่ง หรือโทร. 081-579-1940 , 081-878-2384

เรื่องของ ตับอ่อนตับอ่อน เป็นอวัยวะที่สำคัญมากต่อร่างกายคนเรา ทำหน้าที่ทั้งในด้านช่วยย่อยอาหารและช่วยผลิตฮอร์โมน ตับอ่อน...
31/05/2013

เรื่องของ ตับอ่อน

ตับอ่อน เป็นอวัยวะที่สำคัญมากต่อร่างกายคนเรา ทำหน้าที่ทั้งในด้านช่วยย่อยอาหารและช่วยผลิตฮอร์โมน

ตับอ่อนอยู่ในตำแหน่งช่องท้อง ด้านหลังกระเพาะอาหาร อยู่ใกล้กับตำแหน่งของลำใส้ มีสีเหลืองอ่อน ตับอ่อนมีความยาวราวๆ 6 นิ้ว แบ่งออกได้เป็นส่วนหัว (Head) ส่วนกลาง (Body) และส่วนหาง (Tail)

ตับอ่อนทำหน้าที่หลัก 2 ประการคือ

1. ช่วยย่อยอาหาร
ตับอ่อนช่วยย่อยอาหารโดยช่วยสร้างเอนไซม์แล้วส่งไปช่วยย่อยอาหารที่ลำไส้เล็ก โดยมีเอนไซม์ไลเปสช่วยย่อยไขมัน เอนไซม์อะไมเลสช่วยย่อยแป้ง เอนไซม์ทริบซินช่วยย่อยโปรตีนให้เป็นกรดอะมิโน

2. เป็นต่อมไร้ท่อ ช่วยผลิตฮอร์โมน
ตับอ่อนทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนหลายชนิด โดยฮอร์โมนที่สำคัญที่สุดคือฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin)

ฮอร์โมนอินซูลินทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล กล่าวคือจะเปลี่ยนน้ำตาลที่ร่างกายได้รับให้เป็นสารจำพวกกลัยโคเจน (glyeogen) เพื่อเก็บไว้ในตับและกล้ามเนื้อเพื่อเป็นพลังงานสำรองในร่างกาย นอกจากนี้ฮอร์โมนอินซูลินยังช่วยกระตุ้นให้เซลล์ต่างๆเผาผลาญน้ำตาลให้ได้พลังงานที่ร่างกายเอาไปใช้

ในคนที่ตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้เพียงพอหรือมีความบกพร่องในการสร้างฮอร์โมนอินซูลิน จะทำให้การเผาผลาญน้ำตาลมีประสิทธิภาพต่ำลง เหลือน้ำตาลตกค้างในร่างกายและในกระแสเลือด ทำเกิดภาวะโรคเบาหวานได้ง่าย ในภาวะตรงกันข้าม ถ้าตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินมากเกินไป ก็จะทำให้น้ำตาลถูกเผาผลาญมากเกินไป จนเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้เกิดอาการใจหวิว หน้ามืด ตัวเย็น ถ้าเป็นมากๆ อาจทำให้เป็นลมหมดสติเป็นอันตรายได้เช่นกัน

อาหารบำรุงตับอ่อน

ตับอ่อน ไม่ดีหรือเสียเป็นสาเหตุหนึ่ง ทำให้คนเป็นโรคเบาหวาน เพราะตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลีน ขับถ่ายของเสียได้ ดังนั้น การฟื้นฟูตับอ่อนให้กลับสู่ปกติ จึงจะทำให้โรคเบาหวานลดลงหรือดีขึ้นได้ ในทางสมุนไพรมีวิธีง่าย ๆ คือเอามะตูมแห้ง 30 กรัม กับรากเตยหอม 30 กรัม ต้มกับน้ำตามต้องการจนเดือดดื่มขณะอุ่น เช้า กลางวัน เย็น ครั้งละครึ่งแก้ว ต้มกินประจำจะทำให้ตับอ่อนค่อย ๆ ดีขึ้น ทำให้โรคเบาหวานลดลงได้(ต้มไม่ใส่น้ำตาล ดื่มแบบชา)

ที่มา : สาระน่ารู้ดีดี.com/by สาระแห่งสุขภาพ

10 แนวทางป้องกันโรคนิ้วล็อค !!!เป็นกลุ่มโรคที่ทำให้มีการติดขัดหรือเจ็บหรือนิ้วติดเวลามีการใช้งานหรือขยับนิ้ว ซึ่งเมื่อเร...
30/05/2013

10 แนวทางป้องกันโรคนิ้วล็อค !!!

เป็นกลุ่มโรคที่ทำให้มีการติดขัดหรือเจ็บหรือนิ้วติดเวลามีการใช้งานหรือขยับนิ้ว ซึ่งเมื่อเรางอนิ้ว กำมือแล้วพยายามเหยียดนิ้วออก อาจจะทำให้เกิดเสียงหรือเกิดความรู้สึกดังป็อบได้ครับ หรือในกรณีที่เป็นมากๆ อาจจะทำให้เหยียดนิ้วมือออกไม่ได้เลยก็เป็นได้

โรคนี้พบได้ทุกนิ้วของมือรวมทั้งนิ้วโป้ง พบได้ทุกกลุ่มอายุ แต่ส่วนมากเกิดขึ้นในช่วงอายุ 40-60 ปี มักพบกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายด้วยนะครับ โดยมากจะเกิดกับผู้ที่ใช้งานมือในลักษณะเกร็งนิ้วบ่อยๆ เช่น การทำงานบ้าน การบิดผ้า การหิ้วของหนัก การยกของหนัก การใช้กรรไกรตัดกิ่งไม้ หรือการทำงานเจาะถนนเจาะสว่าน เป็นต้น

สาเหตุ ที่แท้จริงนั้นไม่มีใครทราบ แต่มีปัจจัยหลายๆอย่างที่ทำให้อุบัติการณ์ของการเกิดโรคนี้พบได้มากขึ้น เช่นในกลุ่มคนที่ใช้มือหรือนิ้วมากกว่าคนทั่วไปเป็นประจำ เช่น นักพิมพ์ดีด นักตกแต่งสวนที่ต้องใช้กรรไกรตัดกิ่งไม้ พนักงานออฟฟิศ ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ หรือ แม่บ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวบางอย่างร่วมด้วย เช่น โรคเบาหวาน หรือโรครูมาตอยด์ ก็จะพบอุบัติการณ์ของโรคนิ้วล็อคสูงขึ้นได้เช่นกัน

ลักษณะอาการ อาจจะมีอาการได้หลายลักษณะเช่น

- มีก้อนเจ็บที่ฝ่ามือ
- มือบวม
- มีเสียงหรือความรู้สึก"ป็อบ"เวลาขยับหรือใช้งานนิ้วมือ
- ปวดเวลางอหรือเหยียดนิ้ว
- มีความรู้สึกข้อนิ้วมือยึดแข็งติด โดยเฉพาะหลังตื่นนอน
- ปวดมากจนงอนิ้วมือไม่ได้
- ในรายที่เป็นมากๆอาจจะทำให้นิ้วมือล็อกอยู่ในท่างอตลอดเวลา ต้องใช้มืออีกข้างในการช่วยแกะเพื่อให้นิ้วมือเหยียดออกมาได้ หรือถ้าปล่อยให้เป็นมากไปนานๆ อาจจะทำให้เหยียดนิ้วออกเองไม่ได้เลย

อาการอาจจะแบ่งง่ายๆเป็น 3 ระยะ คือ

1. ระยะแรก ปวดบริเวณโคนนิ้วมือ และจะปวดมากขึ้น ถ้าเอานิ้วกดบริเวณฐานนิ้วมือด้านหน้า
2. ระยะที่สอง เริ่มมีอาการสะดุด และจะปวดมากขึ้น เวลาขยับนิ้ว งอ และเหยียดนิ้ว
3. ระยะที่สาม มีอาการติดล็อค โดยเมื่องอนิ้วลงไปแล้ว จะติดล็อคจนไม่สามารถเหยียดนิ้วออกเองได้
ต้องเอามืออีกข้างมาช่วยแกะ หรืออาจมีอาการมากขึ้นจนไม่สามารถงอนิ้วลงได้เอง

การรักษาแบ่งออกเป็น 2 วิธีใหญ่ๆคือ

1. การรักษาโดยการไม่ผ่าตัด
- หยุดพักผ่อน ในกรณีที่อาการเป็นไม่มากหรือเป็นน้อย อาจจะใช้วิธีการพักการใช้นิ้วมือเพื่อทำให้การอักเสบลดลง
- การรับประทานยา อาจจะใช้ยากลุ่มลดการอักเสบของเนื้อเยื่อเช่นยากลุ่ม non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDS) เพื่อให้การอักเสบลดลงเร็วยิ่งขึ้น
- การฉีดยา โดยทั่วไปจะเป็นการฉีดยา Steroid เข้าไปในตำแหน่งที่มีการอักเสบโดยตรงบริเวณโคนนิ้วมือ เป็นการรักษาแบบชั่วคราว และข้อจำกัดก็คือ ไม่ควรฉีดยาเกิด 2 หรือ 3 ครั้ง ต่อ 1 นิ้วที่เป็นโรค
- การดูแลและควบคุมโรคประจำตัวอื่นๆร่วมด้วย เช่นในคนไข้ที่เป็นเบาหวาน ก็ควรควบคุมระดับน้ำตาลไปด้วย
- การใช้วิธีทางกายภาพบำบัด ได้แก่ การใช้เครื่องดามนิ้วมือ การนวดเบาๆ การใช้ความร้อนประคบ และการออกกำลังกายเหยียดนิ้ว

2. การรักษาโดยใช้การผ่าตัด โรคนิ้วล็อคไม่ใช่โรคที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาหรือการผ่าตัด จะทำการผ่าตัดก็ต่อเมื่อผู้ป่วยมีอาการที่รุนแรงหรือเป็นมากขึ้นจนทนไม่ได้และผู้ป่วยยินยอมให้ผ่าตัด

การผ่าตัดจะดีที่สุดในแง่ที่จะทำให้โรคไม่กลับมาเป็นใหม่ที่นิ้วที่ได้รับการผ่าตัด หลักในการผ่าตัด คือ เป็นการผ่าตัดเฉพาะที่ โดยการตัดปลอกหุ้มเส้นเอ็นที่หนาอยู่ให้เปิดกว้างออก เพื่อให้เส้นเอ็นเคลื่อนผ่านได้โดยสะดวก ไม่ติดขัดหรือสะดุดอีก หลังผ่าตัดหลีกเลี่ยงการใช้งานหนักของนิ้วมือ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ดูแลไม่ให้แผลเปียกน้ำ ไม่จำเป็นต้องทำแผลทุกวันถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ

การป้องกัน

1. ไม่หิ้วของหนัก เช่น ถุงพลาสติก ตะกร้า ถังน้ำ ถ้าจำเป็นต้องหิ้ว ควรใช้ผ้าขนหนูรองและหิ้วให้น้ำหนักตกที่ฝ่ามือ แทนที่จะให้น้ำหนักตกที่ข้อนิ้วมือ หรือใช้วิธีการอุ้มประคองช่วยลดการรับน้ำหนักที่นิ้วมือได้
2. ไม่ควรบิดหรือซักผ้าด้วยมือเปล่าจำนวนมากๆ
3. นักกอล์ฟที่ต้องตีแรง ตีไกล ควรใส่ถุงมือ หรือใช้ผ้าสักหลาดหุ้มด้ามจับให้หนาและนุ่มขึ้น เพื่อลดแรงปะทะ และไม่ควรไดร์กอล์ฟต่อเนื่องเป็นเวลานาน
4. เวลาทำงานที่ต้องอาศัยอุปกรณ์ช่าง ควรระวังการกำหรือบดเครื่องมือทุ่นแรง เช่น ไขควง เลื่อย ค้อน ฯลฯ ควรใส่ถุงมือหรือห่อหุ้มด้ามจับให้ใหญ่และนุ่มขึ้น
5. ชาวสวนควรระวังเรื่องการตัดกิ่งไม้ด้วยกรรไกร หรืออื่นๆ ที่ใช้แรงมือควรใส่ถุงมือเพื่อลดการบาดเจ็บของปลอกเอ็นกับเส้นเอ็น
6. คนที่ยกของหนักๆ เป็นประจำ เช่นคนส่งน้ำขวด ถังแก๊ส แม่ครัวพ่อครัว ควรหลีกเลี่ยงการยกมือเปล่า ควรมีผ้านุ่มๆ มารองจับขณะยก และใช้เครื่องทุ่นแรง เช่น รถเข็น รถลาก
7. หากจำเป็นต้องทำงานที่ต้องใช้มือกำ หยิบ บีบ เครื่องมือเป็นเวลานานๆ ควรใช้เครื่องทุ่นแรง เช่น ใช้ผ้าห่อที่จับให้หนานุ่ม เช่น ใช้ผ้าห่อด้ามจับตะหลิวในอาชีพแม่ครัวพ่อครัว
8. งานบางอย่างต้องใช้เวลาทำงานนานต่อเนื่อง ทำให้มือเมื่อยล้าหรือระบม ควรพักมือเป็นระยะๆ เช่นทำ 45 นาที ควรจะพักมือสัก 10 นาที
9.ถ้ามีอาการข้อฝืด กำไม่ถนัดตอนเช้า ควรแช่น้ำอุ่น และบริหารโดยการขยับมือกำแบเบาๆ ในน้ำ จะทำให้นิ้วมือเคลื่อนไหวได้คล่องขึ้น
10.ไม่ขยับนิ้วหรือดีดนิ้วที่มีอาการเล่น เพราะจะทำให้เส้นเอ็นอักเสบมากยิ่งขึ้น

นพ.ไพบูลย์ เลาหสินนุรักษ์
ศัลยแพทย์เชี่ยวชาญกระดูกสันหลังและข้อ
โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์

รู้จักเลือก...รู้จักเลี่ยง ไม่เสี่ยงเป็น"ความดันโลหิตสูง"           ชีวิตของผู้คนในยุคสมัยนี้ ต้องเผชิญกับปัญหาหลากหลายท...
30/05/2013

รู้จักเลือก...รู้จักเลี่ยง ไม่เสี่ยงเป็น"ความดันโลหิตสูง"

ชีวิตของผู้คนในยุคสมัยนี้ ต้องเผชิญกับปัญหาหลากหลายที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต สร้างความบั่นทอนร่างกายและจิตใจให้ถดถอยลง ส่งผลให้ ความดันโลหิต ในร่างกายสูงตามไปด้วย

โรคความดันโลหิตสูง นับเป็นหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขสำคัญที่กำลังคุกคามโลก โดยในปัจจุบันมีประชากรหลายร้อยล้านคนทั่วโลกเป็น โรคความดันโลหิตสูง และมีการคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2568 ผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านคน

สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขคาดว่า จะมีผู้มีภาวะความดันโลหิตสูง หรือเป็น โรคความดันโลหิตสูง ประมาณ 10 ล้านคน ซึ่ง 70% ของคนกลุ่มนี้ไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะดังกล่าว ทำให้ไม่ได้รับการรักษาหรือการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเหมาะสม อันจะนำไปสู่การเกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย อาทิ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ด้วย

นพ.ธวัชชัย ภาสุรกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวาน ไทรอยด์และต่อมไร้ท่อ ให้ความรู้ว่า ความดันโลหิต หมายถึง แรงดันเลือดที่เกิดจากการ ที่หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ซึ่งหัวใจคนเราจะเต้น 60-80 ครั้ง ความดันก็จะเพิ่มขณะที่หัวใจบีบตัวและลดลงขณะที่หัวใจคลายตัว ความดันโลหิตของคนเราไม่เท่ากันตลอดเวลาขึ้นอยู่กับท่าของผู้ถูกวัดด้วย โดยท่านอนความดันโลหิตมักจะสูงกว่าท่ายืน นอกจากนั้นแล้ว ยังขึ้นกับสิ่งกระตุ้นต่างๆ เช่น การออกกำลังกาย การทานอาหาร การนอนหลับ กิจกรรมที่ทำอยู่ รวมทั้งสภาพจิตใจด้วย

โดยปกติคนจะมีระดับความดันโลหิต 120/80-139/89 มิลลิเมตรปรอท หากมีค่าความดันมากกว่านี้จัดว่าเป็นผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง หรือเป็น โรคความดันโลหิตสูง ส่วนสาเหตุของ โรคความดันโลหิตสูง 90% ของผู้ที่มีภาวะดังกล่าวไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน พบมากในกลุ่มคนอายุ 40 ปีขึ้นไป นอกจากนั้น เกิดจากอาการป่วยบางอย่าง เช่น อาการป่วยเกี่ยวกับสมอง ต่อมหมวกไต และต่อมไร้ท่อบางประเภท

"ผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักจะไม่ปรากฏอาการใดๆ จึงไม่ได้เข้ารับการรักษาและไม่มีการควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งในรายที่มีภาวะความดันโลหิตสูงมากๆ อาจนำไปสู่การเสียชีวิตแบบเฉียบพลันได้ ดังนั้นความดันโลหิตสูงจึงเปรียบเสมือนเพชฌฆาตเงียบที่คร่าชีวิตคนจำนวนมากไปแบบไม่รู้ตัว"

โรคความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งของโรคอัมพาตและยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคไต โรคหลอดเลือดแดงแข็ง โดยผู้ที่ไม่ได้รักษา โรคความดันโลหิตสูง จะมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเพิ่มขึ้น 3 เท่า มีโอกาสเกิดโรคหัวใจวายเพิ่มขึ้น 6 เท่า และมีโอกาสเกิดโรคอัมพาตเพิ่มขึ้น 7 เท่า

"ภาวะความดันโลหิตสูงจะค่อยๆ ทำให้หลอดเลือดภายในร่างกายค่อยๆ เสื่อมไป โดยเฉพาะ 3 อวัยวะสำคัญ คือ หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจและกล้ามเนื้อหัวใจ รวมทั้งไต ซึ่งเมื่อมีการตีบหรือแตกของหลอดเลือดในอวัยวะสำคัญเหล่านี้จะทำให้เสียชีวิตได้แบบเฉียบพลัน หรือทำให้เป็นอัมพาตได้ ดังนั้นแม้ในคนปกติ หรือผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจวัดความดันโลหิตสูงอยู่ อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากหากได้รับการรักษาหรือปรับการปฏิบัติตัวแต่เนิ่นๆ จะทำให้หลอดเลือดไม่ผิดปกติเร็วเกินไปนัก สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงอยู่แล้วนั้น หากมิได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้"

ปัจจัยเสี่ยงต่อ โรคความดันโลหิตสูง นพ.ธวัชชัย กล่าวว่า ได้แก่ กรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อม โดยมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์ ได้ประมาณ 30- 40% รวมทั้งสิ่งแวดล้อมที่เคร่งเครียด รีบเร่งมีผลต่อการก่อ โรคความดันโลหิตสูง ได้เร็วขึ้น ด้าน อายุ มักพบในอายุตั้งแต่ 40-50 ปี ขึ้นไป เพศซึ่งมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังวัยหมดประจำเดือน รูปร่างพบมากในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนมากกว่าคนผอม ส่วนเชื้อชาติ พบมากที่สุดในคนอเมริกันเชื้อสายคนดำแอฟริกัน รวมไปถึงผู้ที่ทานเกลือสูงหรือชอบกินเค็มมีโอกาสเกิด โรคความดันโลหิตสูง ได้

สำหรับการรักษา โรคความดันโลหิตสูง มี 2 ทางเลือกด้วยกัน คือ การใช้ยา และไม่ใช้ยา ในผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง ที่เริ่มรู้ตัวว่าเป็น แพทย์จะสามารถรักษา โรคความดันโลหิตสูง ได้โดยป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน แต่สำหรับผู้ที่มีโรคแทรกซ้อนร่วมด้วย แพทย์จะต้องให้ยาและพยายามควบคุมระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ

ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถตรวจวัดความดันโลหิตได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ได้ที่บ้าน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง ทราบระดับความดันโลหิตของตนเองตลอดเวลา หากมีระดับสูงผิดปกติก็สามารถรีบไปพบแพทย์หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม อันจะนำไปสู่การควบคุมระดับความดันโลหิตที่ดีขึ้น ตลอดจนลดปัญหาจากการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ ความดันโลหิตสูงเป็นเพชฌฆาตเงียบ เป็นแล้วไม่หายขาด ต้องดูแลรักษาตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นจึงคุ้มที่จะป้องกันและรักษาก่อนที่จะสายเกินแก้

ทุกคนสามารถป้องกันการเกิดภาวะ ความดันโลหิตสูง ได้ โดยการเลือกทานอาหารที่เหมาะสม หลีกเลี่ยง อาหารเค็มจัด เพราะเกลือทำให้ความตึงตัวของผนังหลอดโลหิตแดงเพิ่มขึ้น รวมทั้งอาหารกลุ่มไขมัน ควรให้อยู่ในระดับกลางค่อนข้างต่ำ ควรหลีกเลี่ยงไขมันจากสัตว์และจำพวกกะทิ อีกทั้ง อาหารกลุ่มแป้งและน้ำตาลขัดขาวทุกชนิด เพราะจะทำให้น้ำหนักตัวและระดับไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยง การสูบบุหรี่ และ แอลกอฮอล์ หรือดื่มได้ในปริมาณที่พอเหมาะ (วิสกี้ 2 ออนซ์หรือ ไวน์ 8 ออนซ์) รวมทั้งพยายามควบคุมน้ำหนักตัว เพราะความอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิด โรคความดันโลหิตสูง และออกกำลังกายให้พอควรและสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด และมีการตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ

"อยากให้ทุกคนตระหนักและเข้าใจถึงความสำคัญของ โรคความดันโลหิตสูง ถ้าสามารถรักษาควบคุมให้ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม อย่าละเลย อย่าประมาท ก็จะมีโอกาสลดการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ต่อหัวใจ สมอง และไตได้ แล้วคุณจะห่างไกลจาก โรคความดันโลหิตสูง " นพ. ธวัชชัย กล่าวทิ้งท้าย



ไม่ใช่เรื่องยากที่จะดูแลรักษาระดับของความดันโลหิต ไม่ให้เป็น โรคความดันโลหิตสูง ... เพียงแค่คุณใส่ใจ

Credit: Kapook.com

ท่านั่งทำงานที่ถูก เพื่อสุขภาพ
30/05/2013

ท่านั่งทำงานที่ถูก เพื่อสุขภาพ

ที่อยู่

379/8-9 หมู่ 10 ถ. ราชสีมา-โชคชัย ต. โชคชัย อ. โชคชัย
Nakhon Ratchasima
30190

เวลาทำการ

จันทร์ 08:00 - 17:00
อังคาร 08:00 - 17:00
พุธ 08:00 - 17:00
พฤหัสบดี 08:00 - 17:00
ศุกร์ 08:00 - 17:00
เสาร์ 08:00 - 17:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ บ้านสมุนไพรไทย & แก่นตะวันผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง บ้านสมุนไพรไทย & แก่นตะวัน:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram