07/11/2025
📍การใช้ยาทาสเตียรอยด์ให้ปลอดภัย
จากประสบการณ์ตรวจโรคผิวหนังและคำแนะนำจากสมาคมแพทย์ผิวหนังฯ
💊 ยาทาสเตียรอยด์มีหลายความแรง (Class 1–7)
• แรงที่สุดคือ Clobetasol (Class 1)
• อ่อนที่สุดคือ Hydrocortisone (Class 7)
• ความแรงต่างกันได้ถึง 600 เท่า!
👶 ในเด็กเล็ก / ทารก ใช้กลุ่มอ่อน (6–7) เช่น 1% Hydrocortisone
👦 เด็กโตขึ้น ใช้กลุ่มกลาง (4–5) เช่น 0.1% Triamcinolone, Mometasone
❌ ห้ามใช้ยากลุ่มแรงบนใบหน้า ซอกพับ หรือรอบดวงตา
🧴 รูปแบบยา:
• Ointment เหมาะผิวแห้ง ผื่นหนา
• Cream ใช้ทั่วไป
• Lotion/สเปรย์ เหมาะหนังศีรษะ
⚠️ ข้อควรระวัง
1. ใช้เมื่อวินิจฉัยแน่ชัด ไม่ทาแบบ “ยาหลอดเดียวครอบจักรวาล”
2. ทาวันละ 1–2 ครั้งพอ
3. ความแรงสูงห้ามใช้เกิน 2–3 สัปดาห์
4. ใช้ปริมาณพอดี — ไม่เกิน 45 กรัม/สัปดาห์ (แรงสูง)
5. ผื่นที่หน้า รอบตา อวัยวะเพศ ใช้ยากลุ่มอ่อนเท่านั้น
6. เด็กเล็กใช้เกิน 20% ของพื้นที่ตัว อาจทำให้ “หยุดโต”
🚫 ผลข้างเคียงจากการใช้ผิดวิธี:
ผิวบาง, รอยแตกลาย, สิวสเตียรอยด์, การติดเชื้อ, หนวดขึ้น, เตี้ยจากการกดการเจริญเติบโต
💬 “การใช้ยาที่ถูกต้องช่วยให้หายเร็ว แต่การใช้มั่วๆ ทำให้เกิดผลข้างเคียงแก้ไม่ได้”
🙏❤️
อ้างอิง: Clinical Practice Guideline for Topical Steroid Usage – สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย
📍การใช้ยาทาสเตียรอยด์ให้ปลอดภัยจากประสบการณ์ของผม
ยาทาที่ผมเจอบ่อย คนไข้มักเอามาให้ดู คือ Clobetasol ครีมสเตียรอยแรงสูงสูงสุด บางครั้งคนไข้เอามาทาหน้าซึ่งอันตรายมาก 😱
ยาสเตียรอยสามารถผื่นที่หน้าได้ ตัวไหนปลอดภัยให้ดูตารางกรอบล่างสุด คือ ความแรงต่ำ(กลุ่ม 6,7)จะปลอดภัย เช่น 0.02% Triamcinolone , 1% Hydrocortisone ปลอดภัยกับเด็กมาก เพราะว่า hydrocortisone นั้นอ่อนกว่า ความแรงสูงสุด(กลุ่ม 1)คือ Clobetasol ถึง 600 เท่า
ในเด็กเล็กมาก ทารก ควรใช้ กลุ่มนี้นะครับ 6,7 ปลอดภัย
เด็กโตขึ้นมาหน่อย เกิน 1 ปี ก็ควรอาจใช้ กลุ่ม 4,5 เช่น 0.1% Triamcinolone, Mometasone ได้ ในผื่นที่ดูเรื้อรัง ในตำแหน่งที่ไม่ใช่ใบหน้า ซอกพับ แต่ต้องระมัดระวัง ถ้าใช้กลุ่ม 6,7 ได้ จะดีที่สุด
🙏❤️🙇♂️ จากประสบการณ์ตรวจโรคผิวหนังและข้อแนะนำจากคณาจารย์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยผม ขอแนะนำการใช้ยาทาสเตียรอยด์ อย่างถูกต้องและปลอดภัย ดังนี้
1.ก่อนจะใช้ยาทาสเตียรอยด์ ควรวินิจฉัยให้แน่ชัดว่าจำเป็น หรือ ไม่จำเป็น การให้ยาหว่านแห (หลอดเดียว มีทุกตัว ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ฆ่าเชื้อรา สเตียรอยด์อย่างแรง ผสมปนเป) แล้วแถมใช้อย่างกว้างขวาง ทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมา โรคที่ทาสเตียรอยด์ได้ผล เช่น สะเก็ดเงิน ผื่นภูมิแพ้ในเด็ก(Atopic dermatitis) ผื่นแพ้สัมผัส(Allergic contact dermatitis) ผื่นแมลงกัดต่อย
2.รูปแบบของยา
ขี้ผึ้ง (ointment) เหมาะกับผิวที่แห้งมาก ใช้ดีในผื่นที่หนา แตก ทาเคลือบเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดี ดูดซึมได้ดี แต่จะเหนียวเหนอะหนะ และมักไม่ผสมสารกันบูด
ครีม(cream) ใช้ในผิวหนังอักเสบทั่วไป แต่มักผสมสารกันบูด อาจแพ้สารกันบูด
โลชั่น(lotion) หรือ สเปรย์ เป็นลักษณะของเหลว อาจมีส่วนผสมแอลกอฮอล์ระคายเคืองง่าย ดูดซึมสู่ผิวได้ไว เพราะเนื้อบางกว่าครีม เหมาะกับใช้ในเส้นผม หนังศีรษะ
3.ความแรงของสารสเตียรอยด์ (ตามตาราง) มีถึง 7 ระดับ โดย ความแรงของ class 1 super potent steroid เช่น 0.05% Clobetasol นั้นมีความแรงกว่า Class 7 Hydrocortisone ถึง 600 เท่า
โดยยาตัวเดียวกัน ointment จะแรงกว่า cream และ cream แรงกว่า lotion
4.ลักษณะรอยโรค ผื่นหนาเรื้อรัง ควรใช้สเตียรอยแรง แต่ / ผื่นไม่หนา ผื่นเฉียบพลัน ควรใช้ความแรงกลางหรือต่ำ
5.ตำแหน่งของรอยโรค ใบหน้า รอบดวงตา ซอกพับควรใช้สเตียรอยความแรงต่ำ เช่น ผิวที่เปลือกตานั้นบางมาก(very thin stratum corneum) การดูดซึม อาจดูดซึมถึง 30% แต่ฝ่ามือฝ่าเท้าที่ผิวหนาอาจดูดซึมสเตียรอยด์ แค่ 0.1% (ควรใช้ความแรงต่ำมากๆ ที่เปลือกตา และเยื่อบุอ่อน เช่นอวัยวะเพศ เพื่อลดผลข้างเคียง) และฝ่ามือฝ่าเท้า ดูดซึมยาน้อยควรได้รับสเตียรอยด์แรงสูงถึงได้ผล
6.พื้นที่รอยโรค พื้นที่มากทั่วร่างกาย ควรใช้ความแรงต่ำเพราะการดูดซึมจะมาก อย่างในเด็กนั้น body surface area ต่อน้ำหนักตัว จะสัดส่วนสูง การทายาสเตียรอยด์ที่มากกว่า 20% ของ Body surface area นั้นมีผลในการ กด HPA axis ทำให้หยุดสูงได้ เช่น เคยเจอคนไข้เด็กอายุ 14 แต่ตัวเตี้ยเท่าเด็ก 8-9 ขวบ เพราะ น้องเป็นสะเก็ดเงิน แล้วคุณพ่อไปซื้อยาเอง เนื่องจากเป็นบริเวณกว้าง คนขายยาก็จัด super potent steroids คือ Clobetasol มาให้ทีละกระปุก 450 กรัม ซื้อบ่อย ทาไปนานๆ ผิวบาง ผิวแตก หนวด ขึ้น สุดท้ายตัวเตี้ย น่าสงสารมาก ช่วยกันระมัดระวังนะครับ
7.อายุ เด็กและคนสูงอายุ มีผิวบางดูดซึมยาได้ดี คนสูงอายุที่ทายาแก้คันบ่อยๆ จะสังเกตเห็น รอยช้ำจากเส้นเลือดฝอยแตก เพราะ skin atrophy ควรใช้ยาความแรงต่ำ
8.ระยะเวลา ทาแล้วหายควรหยุดทา ยาความแรงสูง ไม่ควรใช้เกิน 2-3 สัปดาห์ แต่ถ้าจำเป็น แล้วลดความแรง หรือความถี่ลง เช่น สะเก็ดเงิน ถ้าเป็นหนัก ช่วงแรกอาจทาทุกวัน ดีขึ้น อาจทา 5 วัน พัก 2 วัน แล้ว เป็น วันเว้นวัน หรือ ลดความแรงเป็นระดับกลาง การใช้โดยไม่คำนึง มีผลข้างเคียงแน่นอน
9.ความถี่ ทาวันละ 2 ครั้ง ก็พอดี ทา 3 ครั้งไม่เพิ่มประสิทธิภาพยา แถมเพิ่มผลข้างเคียง ,ยาความแรงสูง ทาวันละครั้งก็อาจเพียงพอ ลดผลข้างเคียงได้ครับ
10.ปริมาณยา ความแรงสูงไม่ควรเกิน 45 กรัม ต่อสัปดาห์ , ความแรงต่ำไม่ควรเกิน 100 กรัม ต่อสัปดาห์
11.ผลข้างเคียงยา
ผิวบาง(skin atrophy ) หลอดเลือดขยาย มีรอยแตกลาย (striae) มีจ้ำเลือด
สีผิวจางลง(hypopigmentation)
สิวสเตียรอย Rosacea. Perioral dermatitis
การติดเชื้อ ยาไปกดภูมิคุ้มกัน ติดเชื้อรา กลาก เชื้อแบคทีเรีย
กดการเจริญเติบโต ในเด็ก
Cushing syndrome
Adrenal insufficiency
การใช้ยาที่ดีช่วยให้คนไข้หาย การใช้ยามั่วๆ ผลข้างเคียงมากมาย บางอย่างก็แก้ไขไม่ได้ ควรระมัดระวังในการใช้ยาสเตียรอยด์มากๆ ครับ
❤️
References
🙏❤️🙇♂️
Clinical Practice Guideline for
Topical Steroid Usage
แพทย์หญิงศรีศุภลักษณ์ สิงคาลวณิช
แพทย์หญิงสุวิรากร โอภาสวงศ์
แพทย์หญิงกอบกุล อุณหโชค
แพทย์หญิงพู่กลิ่น ตรีสุโกศล
แพทย์หญิงเพ็ญพรรณ วัฒนไกร
แพทย์หญิงวรัญญา บุญชัย
https://www.iod.go.th/wp-content/uploads/2021/04/1530955388a6388ad7_010-Guideline_TopicalSteroidUsage_
รูปจาก American Academy of Family Physicians