Dr.kamol Clinic The Service of Health about Ear,Nose,Throat and Head&Neck and Allergy by Specialist.

29/11/2025
29/11/2025

จากสถานการณ์ปีนี้ชี้ชัดว่า ไทยและอาเซียนเริ่มเข้าเขตเสี่ยงภัยพิบัติถาวรแล้ว โดนหนักกันทั่ว ถ้าคนไทยยังรับมือน้ำท่วมแบบเดิม เวลาน้ำมาแรง ๆ แบบปีนี้ จะมีคนเดือดร้อนโดยไม่จำเป็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะในภาคใต้ ภาคกลางล่าง และพื้นที่ลุ่มต่ำทั่วประเทศ

น้ำท่วมปี 2025 ต่างจาก 10–20 ปีก่อนตรงที่ฝนตกกระหน่ำเป็นชั่วโมง ๆ แล้วท่วมทันที (flash flood) เมืองใหญ่ท่วมลึก เร็ว และระบายไม่ทัน ผู้คนติดอยู่บนหลังคาเป็นสิบเป็นร้อยครอบครัว แล้วก็ไฟดับ น้ำประปาดับ การสื่อสารล่มในบางพื้นที่

ลักษณะนี้มันเหมือนอเมริกาที่อยู่ในเขตแนวพายุทอร์นาโดและเฮอริเคนมากขึ้นทุกปี ฉะนั้นถ้ายังคิดว่าน้ำท่วมปีนี้เดี๋ยวก็ผ่านไป เรากำลังเสี่ยงมากกว่าที่คิด

บ้านคนอเมริกันในเขตพายุทำอะไรบ้าง?

นี่พูดในฐานะไปอบรมและดูงานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติมาหลายที่ คนอเมริกันเขาไม่เคยรอรัฐบาลมาช่วย เพราะรู้ว่าตอนเกิดเหตุจริง หน่วยกู้ภัยไปไม่ถึงทุกบ้านภายใน 1–3 ชั่วโมงแรกดอก

คนอเมริกันในรัฐที่โดนพายุประจำ เช่นรัฐฟลอริด้า หลุยเซียน่า ฯลฯ เขาจะเตรียมของพวกนี้ไว้ในบ้าน

1. เรือยางเป่าลม ที่สูบลม และเสื้อชูชีพ สำหรับอพยพภายในหมู่บ้าน (รวมทั้งเชือกที่ใช้ผูกโยงดึง)

2. Go-bag หรือกระเป๋าหนีภัย 5–7 วัน

3. สำรองน้ำ 1 แกลลอนต่อคนต่อวัน 3–7 วัน

4. ไฟฉาย เพาเวอร์แบงค์ หรือ solar charger (ถ้าเป็นแบบมือหมุนปั่นไฟได้เองยิ่งดี)

5. อาหารแห้ง 3–7 วัน

6. ถังน้ำสำรอง กับ น้ำยาฆ่าเชื้อ

7. ชุดเอกสารสำคัญในซองกันน้ำ

8. นกหวีด (เป่าขอความช่วยเหลือ) และวิทยุสื่อสาร (เพราะมือถือบางครั้งล่ม) ออ วิทยุทรานซิสเตอร์ไว้ฟังข่าว (แบบมือหมุนปั่นไฟยิ่งดี)

9. แผนการอพยพของครอบครัว

10. ประกันภัยบ้านและน้ำท่วม

นี่คือ “มาตรฐานสากล” ในประเทศที่ยอมรับความจริงว่า พายุกลับมาแน่นอน

แล้วไทยควรทำแบบนั้นไหม? คำตอบคือ ต้องทำ (นาน) แล้ว เพราะไทยมีพื้นที่ลุ่มต่ำมาก ท่วมทุกปี น้ำมา เร็วและลึก แล้วไม่มีทางหนีทัน และระบบเตือนภัยของรัฐยังไม่ทันใจคน ประเทศไหนก็มีปัญหานี้ทั้งนั้น) ประกาศเตือนช้า และหลายครั้งคนไม่ทันขนของ หรืออพยพ

ความพร้อมของแต่ละคนแต่ละบ้านจึงสำคัญกว่าแผนของรัฐ

ที่สำคัญคือ พายุมรสุมจะรุนแรงขึ้นจากปัญหาโลกร้อน climate change นี่จึงไม่ใช่ว่าปีนี้ผิดปกติ แต่นี่จะเป็น “อนาคตที่ปกติ”

รอรัฐช่วยตลอดไม่ได้หรอก โตได้แล้ว

24/10/2025

แปลโดย chat GPT.. แน่นอนครับ นี่คือคำแปลภาษาไทยฉบับสมบูรณ์และอ่านเข้าใจง่ายของข้อความทั้งหมด 👇



🌿โรคหลายอย่าง… แท้จริงแล้วไม่ใช่โรค แต่คือ “ความปกติของวัยชรา”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในปักกิ่งได้ให้คำแนะนำแก่ผู้สูงอายุไว้ 5 ข้อ ดังนี้

คุณไม่ได้ “ป่วย” — คุณแค่ “แก่ขึ้น” เท่านั้น
โรคหลายอย่างที่คุณคิดว่าเป็นโรค แท้จริงแล้วเป็นเพียง “สัญญาณของการเสื่อมตามวัย” ของร่างกาย



1. ความจำไม่ดี

ไม่ใช่ “อัลไซเมอร์” แต่คือกลไกการป้องกันตัวเองของสมองผู้สูงอายุ
อย่าตกใจไป นี่คือ “สมองแก่ลง” ไม่ใช่ “สมองเสื่อม”
ถ้าคุณแค่ลืมว่ากุญแจอยู่ไหน แต่สุดท้ายก็หาเจอเองได้ — นั่นยังไม่ใช่ภาวะสมองเสื่อม



2. เดินช้า หรือขาไม่มั่นคง

ไม่ใช่ “อัมพาต” แต่คือกล้ามเนื้อเริ่มเสื่อม
วิธีแก้ไม่ใช่กินยา แต่คือ “ขยับตัวและออกกำลังกาย”



3. นอนไม่หลับ

ไม่ใช่โรค แต่คือสมองกำลัง “ปรับจังหวะการนอน”
เป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของโครงสร้างการนอน
อย่ากินยานอนหลับพร่ำเพรื่อ เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการหกล้ม ความจำเสื่อม และภาวะสับสน

ยานอนหลับที่ดีที่สุด สำหรับผู้สูงอายุคือ
“ออกไปตากแดดตอนกลางวัน” และ “เข้านอนตื่นนอนให้เป็นเวลา”



4. ปวดเมื่อยตามร่างกาย

ไม่ใช่ “โรครูมาตอยด์” แต่คือ “ปฏิกิริยาปกติของเส้นประสาทที่เสื่อมลงตามวัย”



5. ปวดแขนขา ปวดไปทั่วตัว

หลายคนเข้าใจว่าเป็น “รูมาตอยด์” หรือ “กระดูกงอก”
ความจริงคือกระดูกอาจบางลง แต่ 99% ของอาการปวดเหล่านี้
ไม่ใช่โรค แต่เกิดจาก “การส่งสัญญาณของเส้นประสาทที่ช้าลง” ทำให้รู้สึกปวดมากขึ้น

เรียกว่า ภาวะประสาทไวเกิน (central sensitization)
ไม่จำเป็นต้องกินยาแก้ปวด แต่ควรใช้
การออกกำลังกาย + กายภาพบำบัด

แนะนำให้ “แช่เท้า อบอุ่นก่อนนอน และนวดเบาๆ”
จะได้ผลดีกว่าการกินยาเสียอีก



6. ผลตรวจสุขภาพผิดปกติ

อาจไม่ใช่โรค แต่เป็นเพราะ “เกณฑ์มาตรฐานยังไม่ปรับตามอายุ”

องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่า
ค่ามาตรฐานสุขภาพของผู้สูงอายุควร “ผ่อนคลายมากกว่า” คนหนุ่มสาว เช่น
• ค่าคอเลสเตอรอลสูงเล็กน้อยในผู้สูงอายุ ไม่ได้อันตราย กลับช่วยให้อายุยืนขึ้น
เพราะคอเลสเตอรอลเป็นวัตถุดิบในการสร้างฮอร์โมนและเยื่อหุ้มเซลล์
ถ้าต่ำเกินไปจะทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง
• ความดันโลหิต สำหรับผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องต่ำกว่า 140/90
แต่ให้อยู่ที่ ต่ำกว่า 150/90 มม.ปรอท ก็เพียงพอแล้ว

อย่ามอง “ความแก่” เป็น “โรค”
อย่ามอง “การเปลี่ยนแปลง” เป็น “ความผิดปกติ”



7. “ความแก่” ไม่ใช่โรค แต่มันคือเส้นทางที่ทุกคนต้องเดินผ่าน



สิ่งที่อยากฝากถึงผู้สูงอายุและลูกหลาน
1. จำไว้ว่า: ความไม่สบายบางอย่าง “ไม่ใช่โรค”
2. อย่ากลัว: อย่าตกใจไปกับผลตรวจสุขภาพหรือโฆษณาชวนเชื่อ
3. สิ่งสำคัญที่สุดของลูกหลาน คือ
ไม่ใช่แค่พาพ่อแม่ไปโรงพยาบาล
แต่คือ “พาเดินเล่น พาออกแดด กินข้าวด้วยกัน พูดคุยกันบ่อยๆ”

ความแก่ไม่ใช่ศัตรู
แต่ “การหยุดนิ่งไม่ทำอะไรเลย” ต่างหากคือศัตรูที่แท้จริง

🌿 ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงครับ



💭แง่คิดจากนักมะเร็งวิทยาชาวบราซิล
1. วัยชราเริ่มต้นที่อายุ 60 ปี และสิ้นสุดที่ 80 ปี
2. วัยชราตอนปลาย (หรือ “วัยชราลึก”) เริ่มที่ 80 ถึง 90 ปี
3. “อายุยืนยาว” คือหลัง 90 ปี จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต



ปัญหาหลักของผู้สูงอายุคือ “ความโดดเดี่ยว”

บ่อยครั้งคู่ชีวิตไม่ได้แก่ไปพร้อมกัน — มักมีคนหนึ่งจากไปก่อน
เมื่อเหลือตามลำพัง มักรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของลูกหลาน
ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ “อย่าตัดขาดจากเพื่อน”
ต้องพยายามพบปะ พูดคุย ติดต่อกันเสมอ
เพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นภาระของคนรุ่นหลัง



คำแนะนำส่วนตัว

อย่าสูญเสีย “การควบคุมชีวิตตัวเอง”
หมายถึง
• ตัดสินใจได้เองว่าจะไปไหน
• กินอะไร
• แต่งตัวยังไง
• คุยกับใคร
• เข้านอนเวลาไหน
• อ่านหนังสืออะไร
• ใช้เวลาว่างทำอะไร
• จะอยู่ที่ไหน

เพราะถ้าทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
คุณจะกลายเป็น “คนที่อยู่ยาก” และ “เป็นภาระต่อผู้อื่น”



วิลเลียม เชกสเปียร์ เคยกล่าวไว้ว่า

“ข้าพเจ้ามีความสุขเสมอ”
เพราะข้า “ไม่คาดหวังสิ่งใดจากใคร”

การรอคอยทำให้ทุกข์เสมอ
ทุกปัญหามีทางออก — นอกจาก “ความตาย” เท่านั้น

ก่อนจะ “ตอบโต้” — ให้ “หายใจลึกๆ”
ก่อนจะ “พูด” — ให้ “ฟัง”
ก่อนจะ “วิจารณ์” — ให้ “มองตัวเอง”
ก่อนจะ “เขียน” — ให้ “คิด”
ก่อนจะ “ทำร้าย” — ให้ “ยอมรับ”
และก่อนจะ “ตาย” — ให้ “ใช้ชีวิตให้สวยงามที่สุดเท่าที่ทำได้”



ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด
ไม่ใช่กับคนที่ “สมบูรณ์แบบ”
แต่กับคนที่ “เรียนรู้จะใช้ชีวิตอย่างน่าสนใจและงดงาม”

มองเห็นข้อบกพร่องของคนอื่นได้
แต่ก็ “ชื่นชมข้อดี” ของเขาให้เป็น



ถ้าอยากมีความสุข — จงทำให้คนอื่นมีความสุขก่อน
ถ้าอยากได้อะไร — จง “ให้” ก่อน
จงอยู่ท่ามกลางคนดี มีน้ำใจ และน่าสนใจ — และจงเป็นหนึ่งในนั้น

จำไว้ว่า
แม้ในวันที่ยากลำบากที่สุด ต่อให้มีน้ำตาไหล
จงลุกขึ้นยืนแล้วยิ้ม พร้อมพูดว่า

“ทุกอย่างยังดีอยู่ เพราะเราคือผลลัพธ์ของวิวัฒนาการแห่งชีวิต”



🪷 แบบทดสอบสั้นๆ:
ถ้าคุณไม่ส่งข้อความนี้ต่อให้ใครเลย
นั่นแปลว่าคุณกำลัง “โดดเดี่ยวและไม่มีเพื่อน”

แต่ถ้าคุณส่งต่อให้คนที่คุณห่วงใย
คุณจะ “ไม่ลืมข้อความนี้ตลอดไป” ❤️

19/10/2025

ฮอร์โมนแห่งความสุขที่คุณสร้างเองได้ 🧪
นอกจากการออกกำลังกาย!
เปิดโลกของโรงงานเคมีส่วนตัว ที่ไม่ต้องมีเทรนเนอร์
ก็จุดติดความสุขได้ด้วยตัวเอง
หลายคนยังติดภาพว่า “จะมีความสุขต้องออกกำลังกายเท่านั้น” แต่จริง ๆ แล้วร่างกายเรามี โรงงานฮอร์โมนลับ ที่พร้อมทำงานได้ทันที ขอแค่คุณรู้วิธีเปิดสวิตช์ให้ถูกจังหวะ
พร้อมไหม? มาเปิดโรงงานความสุขในตัวคุณกัน 🤸‍♀️
🧘‍♀️ เซโรโทนิน : ฮอร์โมนแห่งความสุขที่ “ทำ” ได้เอง

1. หายใจ 4-7-8 ชุบชีวิตหัวใจ ✨
เทคนิคหายใจแบบมีจังหวะง่าย ๆ นี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างเซโรโทนินได้แบบไม่ต้องนั่งขัดสมาธินาน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 7 วินาที แล้วค่อย ๆ ผ่อนออก 8 วินาที
ทำแค่ 5 รอบ อารมณ์ก็พุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันที

2. รับแดดเช้า เติมพลังสมอง ☀️
แสงแดดยามเช้าคือเพื่อนซี้ของเซโรโทนิน แค่ยืนรับแดด 10-15 นาทีต่อวัน ระบบประสาทจะสั่งให้โรงงานผลิตฮอร์โมนแห่งความสุขลุยงานทันที

3. Mindfulness ง่ายกว่าที่คิด 🧘
ไม่ต้องนั่งหลับตานาน ๆ แค่เฝ้าดูลมหายใจของตัวเอง 5-10 นาทีต่อวัน ใจจะสงบ และเซโรโทนินก็จะค่อย ๆ หลั่งออกมาเป็นรางวัล
🎯 ดอปามีน : ฮอร์โมนแห่งแรงจูงใจที่คุณควบคุมได้

1. ตั้งเป้าเล็ก ๆ ให้สำเร็จ ✅ ✅
ทุกครั้งที่ทำเป้าหมายเล็ก ๆ สำเร็จ เช่น จัดโต๊ะให้เรียบร้อย อ่านหนังสือจบ 1 บท หรือทำอาหารสักมื้อให้สำเร็จ สมองจะฉีบดอปามีนเหมือนโบนัสความภูมิใจ

2. ฟังเพลงโปรด 🎵
เสียงดนตรีที่เรารัก คือเครื่องปั๊มดอปามีนชั้นยอด ยิ่งร้องตาม ยิ่งอิน สมองยิ่งปล่อยสารแห่งแรงจูงใจแบบล้น ๆ

3. เรียนสิ่งใหม่🧩
เมื่อเราได้ความรู้หรือทักษะใหม่ ๆ สมองจะปล่อยดอปามีนให้แบบไม่กั๊ก ไม่ว่าจะเรียนภาษาใหม่ ทำอาหารเมนูใหม่ หรือดูสารคดีเจ๋ง ๆ ก็ตาม
🤝 ออกซิโทซิน : ฮอร์โมนแห่งความผูกพัน

แค่จับมือ ก็ลดความเครียดได้จริงนะ!
ออกซิโทซินจะหลั่งทุกครั้งที่มีการสัมผัส ไม่ว่าจะกอด จับมือ หรือแม้แต่ลูบหัวสัตว์เลี้ยง ก็ช่วยลดคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) ได้ทันที

เทคนิคเพิ่มออกซิโทซินให้ชีวิต

1. การให้อย่างสม่ำเสมอ: ให้ความช่วยเหลือคนอื่น แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย ก็ทำให้ออกซิโทซินวิ่งพล่าน

2. การแสดงความขอบคุณ: บอกคำขอบคุณอย่างจริงใจ สมองจะปล่อยออกซิโทซินแบบฟรี ๆ

3. กินข้าวกับคนที่รัก: เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องอาหาร แต่เป็นเรื่องของการเชื่อมโยงใจถึงใจกัน
😆 เอนดอร์ฟิน : ยาแก้ปวดธรรมชาติ

รู้ไหมครับว่า การหัวเราะ คือยาแก้เครียดขั้นเทพ
เอนดอร์ฟินจะหลั่งทันทีเมื่อเราหัวเราะ ดูหนังตลก คุยเล่นกับเพื่อน หรือแค่ บังคับยิ้ม สมองก็จะถูกหลอกให้เชื่อว่า “เรามีความสุข”

ดาร์กช็อกโกแลตก็ช่วยได้นะ ขอให้โกโก้มากกว่า 70% นะ ถึงจะช่วยกระตุ้นเอนดอร์ฟินให้ทำงานเต็มที่ (และระวังการพึ่งของหวานเยอะเกินไปนะครับ 😆🍫)
🪄 เทคนิคผสมผสาน คือ พลังคูณสอง
ลองเอาหลายเทคนิคมาผสมกันดู เช่น

🔹นั่งรับแดดเช้าพร้อมฟังเพลง
🔹ทำอาหารให้คนที่รักพลางฟังเพลงโปรด
🔹หรือแชร์เรื่องใหม่ที่เพิ่งเรียนกับเพื่อน

บอกเลยว่าโรงงานฮอร์โมนคุณจะทำงานสนุกจนหยุดไม่อยู่ 🫶
#หมีว่า 🐻
การกระตุ้นฮอร์โมนเหล่านี้ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและเป็นธรรมชาติ ถ้าอารมณ์ยังแกว่งแรงแบบผิดปกติต่อเนื่อง อย่าลังเลที่จะคุยกับผู้เชี่ยวชาญนะ
สุดท้าย อย่าลืมว่าความสุขจริง ๆ มาจากการดูแลตัวเองรอบด้าน ไม่ใช่แค่รอให้ฮอร์โมนทำงาน แต่ใช้เทคนิคเหล่านี้เป็น “เครื่องมือ” เพื่อช่วยให้คุณ เป็นเจ้าของอารมณ์ของตัวเอง ได้มากขึ้นนะครับ 💪💖

18/10/2025

💧 เจลปฏิวัติข้อเสื่อม: เยอรมนีประกาศจุดจบการเปลี่ยนข้อเข่า โดยไม่ต้องผ่าตัด
คุณลองจินตนาการดู…
ถ้าข้อเข่าที่เคยเสื่อม เจ็บ และเคลื่อนไหวลำบาก
วันหนึ่งกลับมาเดินได้คล่องเหมือนเดิม โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฝังข้อเทียม
แค่ฉีดเจลเข้าไปเพียงครั้งเดียว 💉
นี่ไม่ใช่นิยายไซไฟ แต่มันคือ นวัตกรรมการแพทย์ล่าสุดจากเยอรมนี ปี 2025 ที่อาจทำให้ “การเปลี่ยนข้อเข่า” กลายเป็นอดีตไปตลอดกาล

เจลมหัศจรรย์ที่ทำให้ร่างกาย “สร้างข้อใหม่” เอง
นักวิจัยเยอรมันได้พัฒนา ไฮโดรเจลชีวภาพแบบฉีด (Injectable Bioactive Hydrogel) ซึ่งเลียนแบบโครงสร้างกระดูกอ่อนจริง ประกอบด้วย
• คอลลาเจนและไฟเบอร์ที่ทำหน้าที่เป็น “โครงสร้างรองรับ”
• สารที่ดึงดูดเซลล์ต้นกำเนิด (stem cells)
• และตัวกระตุ้นการเจริญเติบโต
เมื่อถูกฉีดเข้าไปในข้อที่สึก เจลจะ จับและกระตุ้นสเต็มเซลล์ของร่างกาย ให้ค่อย ๆ งอกกระดูกอ่อนใหม่ทีละชั้น
ผลการทดสอบในผู้ป่วยจริง พบว่าในเวลาเพียง 60 วันแรก กระดูกอ่อนเริ่มงอกขึ้น ลดการอักเสบ ลดความเจ็บปวด และทำให้ผู้ป่วยกลับมาเดินได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน

จุดเปลี่ยนที่เหนือกว่าการผ่าตัด
• ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฝังวัสดุสังเคราะห์ → ลดความเสี่ยงติดเชื้อ
• งอกใหม่เป็นธรรมชาติ → กระดูกอ่อนที่ได้ใกล้เคียงของเดิม ทนแรงกด แรงเคลื่อนไหว
• หายแล้วหายเลย → เจลจะสลายตัวเอง เหลือเพียงกระดูกอ่อนใหม่ที่แข็งแรง
นวัตกรรมนี้เหมาะอย่างยิ่งกับ นักกีฬา คนอายุน้อย หรือผู้ที่ไม่อยากเจ็บตัวจากการผ่าตัดใหญ่

แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร?
ตอนนี้เจลกำลังอยู่ระหว่างการขออนุมัติด้านความปลอดภัยในยุโรป และคาดว่าจะเริ่มใช้จริงในคลินิกเยอรมนีปี 2026
หากได้รับอนุมัติเต็มรูปแบบ โลกการแพทย์อาจเข้าสู่ยุคใหม่ที่ การเปลี่ยนข้อประดิษฐ์ไม่ใช่คำตอบหลักอีกต่อไป

✨ บทเรียนจากนวัตกรรมนี้
1. Medical Disruption: สิ่งที่เคยคิดว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ (เช่นการผ่าตัดใหญ่) อาจถูกแทนที่ด้วยวิธีง่ายกว่า ปลอดภัยกว่า
2. Regenerative Economy: ธุรกิจที่ช่วยให้ร่างกาย “ซ่อมตัวเอง” จะมาแรง เพราะตอบโจทย์ความยั่งยืนทั้งสุขภาพและค่าใช้จ่าย
3. โอกาสธุรกิจสุขภาพไทย: หากเทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้ในเอเชีย โอกาสในตลาดผู้สูงอายุและกีฬาเพื่อสุขภาพจะเติบโตแบบก้าวกระโดด

นี่อาจไม่ใช่แค่เจลรักษาข้อเข่า แต่คือสัญญาณของ “การแพทย์ยุคใหม่” ที่เชื่อว่า ร่างกายคนเราซ่อมแซมตัวเองได้…ถ้าเราให้วัสดุอัจฉริยะที่ถูกต้อง
#เจล #นวัตกรรมการแพทย์ #การรักษา #ข้อเข่าเสื่อม

03/10/2025
27/09/2025

ผู้หญิงท่านนี้ไม่เหมือนหมอเลย..เหมือนอาม่ามากกว่า แต่พอพูดออกมา อ้าวว เป็นหมอจริงๆด้วย ฟังให้จบนะ เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง.!!

31/08/2025

*จดหมายจากแพทย์กระดูกและข้อถึงผู้สูงอายุ (อายุ 50-100 ปีขึ้นไป)*

ตอนนี้ไม่แนะนำให้ตรวจความหนาแน่นของกระดูกอีกต่อไปแล้ว เพราะผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนสูง เมื่ออายุมากขึ้น ภาวะกระดูกพรุนจะยิ่งแย่ลง และความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

สูตรมีดังนี้:
ความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก = แรงกระแทกจากภายนอก / ความหนาแน่นของกระดูก

ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักมากขึ้น เนื่องจากความหนาแน่นของกระดูกลดลง จึงทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้สูงอายุในการป้องกันกระดูกหักคือการทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

*จะลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุได้อย่างไร*

ผมได้สรุปเป็น 7 คำลับ:
“ระวังตัว ระวังตัว ระวังตัว!”

*ข้อควรระวังโดยเฉพาะ ได้แก่:-*
1. *อย่ายืนบนเก้าอี้หรือม้านั่งเพื่อหยิบของ* แม้กระทั่งม้านั่งเตี้ยๆ

2. *หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกในวันที่ฝนตกหากเป็นไปได้* .

3. *ระมัดระวังขณะอาบน้ำหรือเข้าห้องน้ำ* เพื่อป้องกันการลื่นล้ม

4. *สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ:* หลีกเลี่ยงการสวมชุดชั้นในในห้องน้ำโดยพิงผนังหรือสิ่งของอื่น ๆ นี่เป็นสาเหตุหลักของการลื่นล้มและกระดูกสะโพกหัก หลังจากอาบน้ำแล้ว ให้กลับเข้าห้อง นั่งสบาย ๆ บนเก้าอี้หรือเตียง แล้วจึงสวมชุดชั้นใน

5. *เมื่อเข้าห้องน้ำ* ให้แน่ใจว่าพื้นแห้งและไม่ลื่น ใช้โถส้วมนั่งและติดราวจับเพื่อรองรับตัวเองเมื่อลุกขึ้น ให้ใช้เก้าอี้อาบน้ำหากอาบน้ำขณะนั่ง

6. *ทำความสะอาดพื้นให้เรียบร้อยก่อนเข้านอน* และระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อพื้นเปียก

7. *หากตื่นกลางดึก* ให้นั่งบนเตียง 3-4 นาทีก่อนลุกขึ้น เปิดไฟก่อน แล้วจึงลุกขึ้น

8. *อย่าล็อคประตูห้องน้ำจากด้านใน* โดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือแม้กระทั่งตอนกลางวัน หากเป็นไปได้ ให้ติดตั้งกระดิ่งฉุกเฉินในห้องน้ำเพื่อเรียกความช่วยเหลือหากจำเป็น

9. *นั่งบนเก้าอี้หรือเตียงเสมอเพื่อสวมกางเกง* เป็นต้น

10. *หากคุณล้ม* ให้ใช้มือพยุงตัวเอง จะดีกว่าหากข้อมือหรือปลายแขนหักมากกว่ากระดูกต้นขาหักที่ข้อต่อสะโพก

11. *ออกกำลังกายสม่ำเสมอ* อย่างน้อยก็เดินให้มากที่สุด

12. *สำหรับผู้หญิง* การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้เป็นสิ่งสำคัญ การควบคุมอาหารเป็นสิ่งสำคัญ หลีกเลี่ยงการกินอาหารเหลือ แต่ให้ให้สัตว์จรจัดกินแทน การควบคุมน้ำหนักควรเป็นสิ่งสำคัญเสมอ “ควรหยุดกินอาหารเมื่ออิ่มครึ่งหนึ่งดีกว่ากินจนอิ่มจนแน่น”

13. เพื่อเพิ่มมวลกระดูก ฉันขอแนะนำ *อาหารเสริม* เช่น *ผลิตภัณฑ์จากนม อาหารจากถั่วเหลือง และผลไม้ที่มีแคลเซียมสูง เช่น กล้วย* แทนอาหารเสริมทางการแพทย์

14. *ใช้เวลาอยู่กลางแจ้ง* เพื่อรับแสงแดด (ภายใต้รังสี UV) ซึ่งจะเปลี่ยนคอเลสเตอรอลในผิวหนังให้เป็นวิตามินดี ซึ่งส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียมและชะลอการเกิดโรคกระดูกพรุน

ใส่ใจดูแลให้พื้นห้องน้ำไม่ลื่น ใช้ราวจับเมื่อขึ้นบันได และหลีกเลี่ยงการล้ม ดูแลตัวเอง

*ดังนั้น ผู้สูงอายุต้องเน้นใช้มาตรการป้องกันการลื่นและล้ม*

การล้มเพียงครั้งเดียวอาจทำให้เสียชีวิตได้สิบปี เนื่องจากกระดูกและกล้ามเนื้อทั้งหมดอาจได้รับความเสียหาย ดังนั้นควรใช้ความระมัดระวัง

*หลีกเลี่ยงการยืนเป็นเวลานาน*

ข้อความนี้อาจดูยาว แต่ควรอ่าน โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุและผู้ดูแลผู้สูงอายุ

*ดร. Shrujal Shah*
ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อและผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนข้อ

*กรุณาแชร์ในกลุ่มของคุณ*

ส่งต่อเมื่อได้รับแล้ว

ที่อยู่

70/47 Pattanakarn Kukwang Road
Nakon Sri Tammarat

เวลาทำการ

จันทร์ 11:30 - 13:30
17:30 - 19:30
อังคาร 11:30 - 13:30
17:30 - 19:30
พุธ 11:30 - 13:30
17:30 - 19:30
พฤหัสบดี 11:30 - 13:30
17:30 - 19:30
ศุกร์ 11:30 - 13:30
17:30 - 19:30
เสาร์ 10:00 - 14:00

เบอร์โทรศัพท์

+66858819189

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Dr.kamol Clinicผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท