ดีคอนแทค-Dcontact วิตามินดูแลดวงตา

ดีคอนแทค-Dcontact วิตามินดูแลดวงตา ดีคอนแทค Dcontact ดูแลดวงตา ต้อลม ต้อเนื้อ ตาพร่ามัว แสบคันเคือง น้ำตาไหล ต้อกระจก ต้อหิน

ดีคอนแทค เอ็กซ์ มีส่วนช่วยบำรุงดวงตา ต้อลม ต้อกระจก ต้อเนื้อ ต้อหิน วุ้นในตาเสื่อม แพ้แสง
-contact X (ดี-คอนแทค เอ็กซ์) สูตรใหม่ไฉไลกว่าเดิม
ีคอนแทคเอ็กซ์ สารสกัดจากธรรมชาติมี อย.รับรองมีส่วนช่วย ต้อลม ต้อหิน ต้อกระจก ต้อเนื้อ ตาแห้ง แสบตา คันเคืองตา น้ำตาไหล ตาพร่ามัว ขี้ตาเยอะ วุ้นในตาเสื่อม ทดลองทานดีคอนแทคได้เลยจ้า
🌈สารสกัดสำคัญมีดังนี้
☘️สารสกัดจากดอกดาวเรือง
ช่วยกรองหรือป้องกันรังสีจากแสงแดด ป้องกันเซลส์ของจอประสาทตา ไม่ให้ถูกทำลาย
☘️สารสกัดจากบูลเบอรี่
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลส์ให้ดียิ่งขึ้น
☘️สารสกัดจากแครนเบอร์รี่
ช่วยต่อต้านอาการป่วยเรื้อรังของสมอง
☘️สารสกัดจากบิลเบอรี่
ช่วยถนอมสายตาทำให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้น
☘️สารสกัดจากเบต้า แคโรทีน
ช่วยต้านอนุมูลอิสระลดความเสื่อมของเซลส์ลูกตา และช่วยสร้างระบบการมองเห็น
☘️วิตามิน บี12
ช่วยบำรุงประสาททำให้ระบบประสาทแข็งแรงขึ้น
☘️แอสคอบิก เอซิด
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี
☘️เบต้ากลูแคนจากยิสต์
ช่วยบำรุงและเพิ่มความสามารถของสมองกับท้ายทอยใช้ในการควบคุมการมองเห็น
☘️สารสกัดจากใบบัวบก
มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านการเสื่อมของเซลส์ต่างๆในร่างกาย
มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงและรักษาสายตาฟื้นฟูรอบดวงตา
☘️วิตามิน เอ
ช่วยบำรุงสายตาในการทำงานของจอประสาทตา มีส่วนสำคัญในการมองเห็นในที่มืด
ดีคอนแทค เอ๊กซ์ Dcontact X เป็นนวัตกรรมใหม่ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ สำหรับต้อเนื้อ ต้อกระจก ต้อหิน ต้อลม วุ้นในตาเสื่อม แสบตา ตามัว คันตา น้ำตาไหล เบาหวานขึ้นตา ตาแพ้แสง สายตาสั้น สายตายาว จอประสาทตาหลุดลอก ตาบอดกลางคืน ได้รับรองจาก อย. ปลอดภัย
ดีคอนแทค เอ็กซ์ (D-Contact X) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับดวงตา
ส่วนประกอบที่สำคัญใน 10 ชนิด
1.YeastBeta-Glucan (เบต้า-กลูแคนจากยีสต์ 85%) 100 mg/มก.
2.Bilberry extract (สารสกัดจากบิลเบอร์รี่) 100 mg/มก.
3.Blueberry extract(สารสกัดจากบลูเบอร์รี่) 50 mg/มก.
4.Cranberry extract(สารสกัดจากแครนเบอร์รี่) 50 mg/มก.
5.Ascobic acid(กรดแอสคอร์บิก) 50 mg/มก.
6.Marigold extract (สารสกัดจากดอกเรือง) 40 mg/มก.
7.Beta-Carotene 10% (บีต้า-แคโรทีน 10%) 15 mg/มก.
8.Centella asiatica extract(สารสกัดจากใบบัวบก) 11 mg/มก.
9.Vitamin A acetate(วิตามินเอ อะซีเทต) 4 mg/มก.
10.Vitamin B12(วิตามิน บี12) 0.002 mg/มก.
เลขสารรบบ อย. : 10-1-15456-5-0042
ขนาดบรรจุ: 1 กล่อง 3 แผง แผงละ 10 เม็ด รวม 30 เม็ด
สอบถามเพิ่มเติมที่ โทร.062 3976546

สุขสันต์วันสงกรานต์ขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรงร่ำรวยเงินทองเฮงๆรวยๆค่ะ
13/04/2025

สุขสันต์วันสงกรานต์ขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรงร่ำรวยเงินทองเฮงๆรวยๆค่ะ

5 สัญญาณอันตราย โรค “ต้อกระจก”1. สายตามัว มองอะไรเหมือนมีฝ้า หรือหมอกมาบัง และจะยิ่งมองภาพมัวมากขึ้นหากอยู่ในที่แสงจ้า2....
12/04/2025

5 สัญญาณอันตราย โรค “ต้อกระจก”
1. สายตามัว มองอะไรเหมือนมีฝ้า หรือหมอกมาบัง และจะยิ่งมองภาพมัวมากขึ้นหากอยู่ในที่แสงจ้า
2. รูม่านตาพบจุดสีขาวขุ่น อาจจะมีขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ก็ได้
3. เห็นภาพซ้อน สายตาพร่า สู้แสงไม่ได้ มองเห็นวงๆ รอบแสงไฟ
4. สายตาสั้นขึ้น หรือมีการเปลี่ยน จนต้องเปลี่ยนแว่นตาบ่อยๆ
5. หากปล่อยทิ้งไว้จนอาการหนักขึ้น อาจกลายเป็นโรคต้อหิน ม่านตาอักเสบ ทำให้ปวดตา ตาแดง ไปจนถึงตาบอดได้
สาเหตุของโรคต้อกระจก
- อายุมากขึ้น ทำให้เลนส์ตาขุ่นมัวขึ้น มักเกิดกับผู้สูงอายุ 40 ปีขึ้นไป
- เป็นโรคตา หรือโรคที่ส่งผลกระทบถึงตาได้ เช่น ติดเชื้อในตา โรคเบาหวาน โรคตาบางชนิด หรือการรับประทานยาบางตัว
- กรรมพันธุ์ หรืออาการผิดปกติตั้งแต่กำเนิด เช่น มารดาป่วยเป็นโรคหัดเยอรมันขณะตั้งครรภ์ เป็นต้น
วิธีการรักษา
เข้ารับการผ่าตัด โดยจะต้องรอจนกว่าต้อกระจกที่ตาจะสุกเต็มที่ หรือจุดขาวขุ่นที่เห็นอยู่ในระยะที่เหมาะแก่การผ่าตัด
(ok)ดีคอนแทค ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดูแลสุขภาพดวงตา
ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูง จากธรรมชาติ
ตรงเข้าฟื้นบำรุงดวงตาของคุณ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาการ #ตาแห้ง #ตาล้า #มองภาพเบลอ #เห็นภาพซ้อน และสภาวะ ของโรค
(pencil) #ต้อลม #ต้อเนื้อ #ต้อกระจก #ต้อหิน #วุ้นในตาเสื่อม #เบาหวานขึ้นตา
สนใจผลิตภัณท์ -D-CONTACT ดีคอนแทค

🔥ดีคอนแทคเอ็กซ์ D-Contact X สารสกัดจากธรรมชาติ สั่งทานเลยจ้า
📣ติดต่อสอบถามใต้โพสต์ได้เลยค่ะ หรือ ทิ้งชื่อ เบอร์ โทร ไว้ได้นะคะ 👇👇
☎️ 062-397-6546

📲สั่งซื้อเพิ่มเพื่อนในไลน์ คลิกลิ้งค์นี้นะคะ👇👇
https://lin.ee/kMzyD5N
https://lin.ee/kMzyD5N

แสงแดดที่เราเจอทุกวัน นอกจากจะเป็นอันตรายต่อผิวหนังของเราแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อดวงตาของเราอีกด้วย สาเหตุก็มาจากรังสียูวี...
14/10/2024

แสงแดดที่เราเจอทุกวัน นอกจากจะเป็นอันตรายต่อผิวหนังของเราแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อดวงตาของเราอีกด้วย สาเหตุก็มาจากรังสียูวีที่เราต้องเจอในทุกวันนั่นเอง โดยอันตรายจากแสงแดดมีผลต่อส่วนต่างๆ ของดวงตาซึ่งทำให้เราเสี่ยงตาบอดได้
แสงแดดทำร้ายดวงตาเราได้อย่างไร?

มะเร็ง
แสงแดดทำให้เกิดจุดด่างดำ ริ้วรอยรอบดวงตา การอยู่ท่ามกลางแสงแดดแรงๆ เป็นเวลานาน เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังรอบดวงตา

ต้อลม
เกิดจากการระคายเคืองจากรังสียูวีจากแสงแดด ลม และฝุ่น ทำให้เยื่อบุตาบริเวณที่เกิดกับขอบตาดำเกิดการเสื่อม โดยจะมีอาการตาแดง ตาแห้ง แสบตา คันตา และระคายเคืองตา

กระจกตาอักเสบ
เมื่อดวงตาได้รับรังสียูวีในปริมาณมาก เช่น รังสียูวีจากการเชื่อมโลหะโดยไม่ใส่อุปกรณ์ป้องกัน ทำให้กระจกตาเกิดการอักเสบเฉียบพลัน มักเกิดอาการประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง หลังจากได้รับรังสียูวีปริมาณมาก อาการนี้ผู้ป่วยมักไม่รู้สึกในทันที ควรสังเกตว่าตนเองมีอาการเคืองตา ตาแห้ง ตาแดง ปวด บวม หรือมีอาการตาบอดชั่วคราว เกิน 24 ชั่วโมง ควรพบแพทย์ทันที

ต้อกระจก
การได้รับรังสียูวีอย่างต่อเนื่อง จะกระตุ้นให้มีความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจกเพิ่มมากขึ้น

จอประสาทตาเสื่อม
การอยู่กลางแสงแดดจัดเป็นเวลานาน จะทำให้กระบวนการป้องกันจอตาตามธรรมชาติลดลงและเกิดการเสื่อมของจอตาได้ง่ายขึ้นเมื่อได้รับรังสียูวี ซึ่งอาจนำไปสู่อาการตาบอดถาวรได้

สัณญาณเตือน!!โรคจอประสาทตาเสื่อมจอประสาทตาเสื่อม เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมบริเวณส่วนกลางของจอประสาทตา อาการมักจะเกิดขึ...
14/10/2024

สัณญาณเตือน!!โรคจอประสาทตาเสื่อม
จอประสาทตาเสื่อม เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมบริเวณส่วนกลางของจอประสาทตา อาการมักจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงทำให้ความสามารถในการมองเห็นของผู้ป่วยลดลงอย่างช้าๆ

โดยทั่วไปผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อม จะมีสัญญาณเตือนดังต่อไปนี้

มองเห็นไม่ค่อยชัด
ภาพที่เห็นบิดเบี้ยว
เห็นสีผิดเพี้ยน
มีจุดดำกลางภาพ
มองในที่สว่างไม่ชัด/แพ้แสง

โรคจอประสาทตาเสื่อมนั้นมีทั้งหมด 2 ชนิด คือ1. ชนิดเปียก หรือแบบเร็ว มักจะสูญเสียการมองเห็นอย่างรวดเร็วทันที เพราะจุดกลาง...
13/10/2024

โรคจอประสาทตาเสื่อมนั้นมีทั้งหมด 2 ชนิด คือ

1. ชนิดเปียก หรือแบบเร็ว มักจะสูญเสียการมองเห็นอย่างรวดเร็วทันที เพราะจุดกลางรับภาพจอประสาทตาบวม มีหลอดเลือดผิดปกติที่งอกขึ้นใหม่ในผนังลูกตา หรือมีเลือดออกที่จอประสาทตา อาจตาบอดได้

2. ชนิดแห้ง เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุด โดยเซลล์จอประสาทตาจะค่อยๆ เสื่อมไปอย่างช้าๆ การมองเห็นจะลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น โอยยย น่ากลัว มีทั้งเปียกและแห้งเหมือนขยะเลยเนาะ

สำหรับอาการที่มักจะเจอ ได้แก่ แพ้แสง เห็นภาพเบี้ยว ตาพร่ามัว เห็นจุดดำกลางดวงตา เห็นสีผิดเพี้ยน ซึ่งมักเจอในคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันเราพบโรคนี้ในผู้ที่มีอายุน้อยลง เนื่องจากการใช้ชีวิตติดหน้าจอที่มากเกินไป
..

Advertisements

ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีรายงานการป้องกันโรคนี้อย่างแน่ชัด แต่การพักสายตาจากหน้าจอเป็นระยะ หมั่นตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ งดการสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หมั่นออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงแสงแดดหรือรังสี UV เป็นระยะเวลานาน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ก็สามารถใช้เป็นแนวทางช่วยชะลอการเกิดโรคประสาทตาเสื่อมก่อนวัยอันควรได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่เปราะบาง และต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เริ่มต้นดูแลดวงตาวันนี้ ลดความเสี่ยงต่อโรคจอประสาทตาเสื่อมก่อนเวลาอันควรกันดีกว่า.

จอประสาทตาเสื่อมตามวัย จอประสาทตาเสื่อมตามวัย (Age – Related Macular Degeneration: AMD) เกิดจากจุดรับภาพบริเวณกลางจอประส...
12/10/2024

จอประสาทตาเสื่อมตามวัย
จอประสาทตาเสื่อมตามวัย (Age – Related Macular Degeneration: AMD) เกิดจากจุดรับภาพบริเวณกลางจอประสาทตาเสื่อม มักเป็นไปตามวัย พบมากในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีความร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น อาการที่สังเกตได้คือ มองภาพไม่ชัด มองเห็นบิดเบี้ยว ตาพร่ามัว มีจุดดำหรือเงาตรงกลางภาพ ซึ่งจอประสาทตาเสื่อมเป็นโรคที่ต้องรีบทำการรักษากับจักษุแพทย์โดยเร็วเพื่อรักษาและช่วยควบคุมไม่ให้การมองเห็นแย่ลงจนรบกวนคุณภาพชีวิต ที่น่าสนใจคือปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาจอประสาทตาเสื่อมให้หายขาด การป้องกันดูแลที่ดีที่สุดคือ การตรวจคัดกรองและรักษาดูแลดวงตา เลี่ยงแดดจ้า ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนัก งดสูบบุหรี่ จะช่วยชะลอความเสื่อมที่อาจเกิดขึ้นได้

👉ถ้าหากตาพร่ามัว มองไม่ชัด น้ำตาไหล เห็นหยากไย่ลอยไปมา มองเห็นจุดดำเส้นใย และมองไกล มองใกล้ ไม่ชัด อยากให้ดูวีดีโอนี้🚨 ส...
15/05/2024

👉ถ้าหากตาพร่ามัว มองไม่ชัด น้ำตาไหล เห็นหยากไย่ลอยไปมา มองเห็นจุดดำเส้นใย และมองไกล มองใกล้ ไม่ชัด อยากให้ดูวีดีโอนี้

🚨 สัญญาณเตือน "ต้อกระจก"

✅ต้อกระจกในระยะเริ่มแรก อาจไม่มีอาการแสดงใดๆ แต่หากเลนส์ตามีความขุ่นมัวมากขึ้น อาจพบอาการดังต่อไปนี้ได้..
✅ตามัว มองเห็นไม่ชัดเจน
✅การมองเห็นในตอนกลางคืนแย่ลง
✅ต้องใช้แสงสว่างมากขึ้นในการอ่านหนังสือ หรือ การทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องเพ่งสายตา
✅มองเห็นแสงไฟกระจาย
✅สายตาไวต่อแสงจ้า
✅ระดับค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย สายตาสั้นมากขึ้น
✅มองเห็นสีผิดเพี้ยนไปจากเดิม ภาพที่เห็นมีสีซีดจางหรือมีสีเหลือง
✅มองเห็นภาพซ้อน

👉อย่าลืมซื้อดีคอนแทค ฟื้นฟูดวงตาของท่าน
ดีคอนแทค สารสกัดจากธรรมชาติ มี อย. รับรอง
ทานได้เลย..

❗รักดวงตา ใส่ใจดวงตาต้องทาน ดีคอนแทคนะคะ❗

☎️สนใจสั่งซื้อ/ปรึกษา
โทร 062-397-6546
ดีคอนแทค ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำค่ะ
🛒มีบริการจัดส่งทั้งในและต่างประเทศ

👇คลิกลิ้งค์สั่งซื้อได้เลย👇

D-CONTACT X ดี คอนแทค เอ็กซ์ https://share.dnwplatform.com/Jsch

#ดีคอนแทค #ดีคอนแทคราคาเท่าไหร่ #ต้อลม #ต้อเนื้อ #ต้อกระจก #ต้อหิน #ตาพร่ามัว #สั่งซื้อดีคอนแทคจากสำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ #วุ้นในตาเสื่อม #ดีคอนแทคของแท้ #น้ำตาไหล #เบาหวานขึ้นตา #อาการต้อกระจก #สาเหตุของจอประสาทตาเสื่อม #ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม #คันเคืองตา #ขัดเคืองตา

ปัญหาสายตาอย่าปล่อยทิ้งไว้ ดีคอนแทคดูแลดวงตา  #ดีคอนแทค  #ดูแลดวงตา
24/10/2023

ปัญหาสายตาอย่าปล่อยทิ้งไว้ ดีคอนแทคดูแลดวงตา
#ดีคอนแทค #ดูแลดวงตา

6 สารอาหารและวิตามินบำรุงสายตาคนยุคดิจิทัลในโลกยุคดิจิทัลที่คนทุกวัยใช้สายตาไปกับการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถ...
08/06/2023

6 สารอาหารและวิตามินบำรุงสายตาคนยุคดิจิทัล
ในโลกยุคดิจิทัลที่คนทุกวัยใช้สายตาไปกับการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานจนอาจทำให้เกิดปัญหาสายตาเพิ่มขึ้น หลายคนจึงมองหาสารอาหารหรือวิตามินบำรุงสายตาเพื่อเป็นตัวช่วยดูแลสายตาและป้องกันการเกิดปัญหาสายตาก่อนวัยอันควร โดยอาจมาจากอาหารที่เรารับประทาน เช่น ผัก ผลไม้ ปลา ไข่ หรือสารสกัดในรูปแบบอาหารเสริม

ดวงตาเป็นอวัยวะที่ช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัว การใช้สายตาอย่างหนักต่อเนื่องกันอาจทำให้ตาล้า ปวดตา แสบตา ระคายเคืองตา ตาแห้ง และอาจนำไปสู่ปัญหาด้านสายตา เช่น จอประสาทตาเสื่อม (Age-Related Macular Degeneration) และต้อกระจก การดูแลสุขภาพดวงตาด้วยการหลีกเลี่ยงการใช้สายตาอย่างไม่เหมาะสมและเลือกรับประทานอาหารที่บำรุงสายตา จะช่วยให้เรามีสุขภาพดวงตาที่ดีได้อย่างยาวนาน

6 สารอาหารและวิตามินบำรุงสายตาคนยุคดิจิทัล
วิตามินบำรุงสายตา รวมทั้งสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสายตามีหลายชนิด ส่วนมากพบในอาหารที่เรารับประทาน เช่น

1. วิตามินเอ

วิตามินเอมีบทบาทสำคัญในการบำรุงสายตา เพราะเป็นส่วนประกอบของโปรตีนโรดอปซิน (Rhodopsin) ของจอประสาทตาหรือเรตินา (Retina) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ผลิตเม็ดสีที่ทำให้เรามองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ในที่มืดหรือตอนกลางคืน นอกจากนี้ วิตามินเอยังมีประโยชน์ในการผลิตความชุ่มชื้นที่เพียงพอเพื่อหล่อเลี้ยงดวงตา

การขาดวิตามินเออาจทําให้เกิดภาวะซีรอฟทาลเมีย (Xerophthalmia) โดยในระยะแรกจะมีอาการตาบอดกลางคืน (Night Blindness) ท่อน้ำตาและดวงตาแห้ง หากมีอาการรุนแรงอาจสูญเสียการมองเห็นได้

วิตามินเอพบมากในปลาทะเล เช่น แซลมอนและทูน่า ตับ ไข่ นม ผักและผลไม้ เช่น มันฝรั่ง ปวยเล้ง เคล (Kale) แครอท ฟักทอง แคนตาลูป และโกจิเบอร์รี่ (Goji Berries)

2. วิตามินซี

วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในดวงตา ทำหน้าที่ปกป้องเลนส์ตาจากรังสียูวี (UV) และช่วยสร้างวิตามินอีและกลูตาไธโอน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

การรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมและต้อกระจกได้ โดยวิตามินซีพบได้ในผักผลไม้ เช่น คะน้า ปวยเล้ง บรอกโคลี ฝรั่ง ส้ม และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น สตรอเบอร์รี่ บิลเบอร์รี่ (Bilberries) และมัลเบอร์รี่ (Mulberries)

3. แอสตาแซนทิน (Astaxanthin)

แอสตาแซนทินเป็นสารที่อยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์เช่นเดียวกับลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดสีแดงหรือสีชมพูในพืชและสัตว์ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)

ผลการศึกษาบางส่วนพบว่าแอสตาแซนทินมีส่วนช่วยป้องกันและชะลอความเสียหายของโรคตา เช่น จอประสาทตาเสื่อม ต้อหิน และต้อกระจก เช่น งานวิจัยขนาดเล็กชิ้นหนึ่งให้ผู้ป่วยจอประสาทตาเสื่อมระดับปานกลางรับประทานแอสตาแซนทินวันละ 4 มิลลิกรัม ร่วมกับลูทีนและซีแซนทีน พบว่าอาการเสื่อมของบริเวณจุดภาพชัดของจอตาดีขึ้น

แอสตาแซนทินอาจช่วยยับยั้งภาวะจอตาขาดเลือดจากเซลล์จอประสาทตาตาย โดยงานวิจัยหนึ่งทำการทดลองในหนู โดยให้แอสตาแซนทินขนาดวันละ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมเป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่าช่วยลดการตายของเซลล์จอประสาทตา อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยเกี่ยวกับแอสตาแซนทินในปัจจุบันยังเป็นการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างจำนวนไม่มากหรือทดลองในสัตว์ จึงต้องรอผลการศึกษาเพิ่มเติมในอนาคต

แอสตาแซนทินพบมากในฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส (Haematococcus Pluvialis) ซึ่งเป็นสาหร่ายสีแดงขนาดเล็ก ปลาแซลมอน กุ้ง เคย และยีสต์

4. ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin)

ลูทีนและซีแซนทีนเป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของแมคูลา (Mecular) ในจอประสาทตา ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยให้มองภาพได้คมชัด ช่วยกรองแสงสีฟ้า และมีส่วนช่วยป้องกันความเสื่อมของดวงตาจากโรคจอประสาทตาเสื่อมและต้อกระจก

ผลการศึกษาพบว่าการได้รับลูทีนและซีแซนทีน ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทำให้ระดับของลูทีนในเลือดและในแมคูลาสูงขึ้น ทำให้การมองเห็นดีขึ้น และอาจช่วยป้องกันและชะลอความรุนแรงของโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ ทั้งนี้ ลูทีนและซีแซนทีนพบมากในผักใบเขียว เช่น คะน้า ปวยเล้ง เคล ผักกาดแก้ว และบรอกโคลี รวมทั้งดอกดาวเรืองที่มีลูทีนสูง จึงนิยมนำมาสกัดเป็นอาหารเสริม

5. แอนโทไซยานิน (Anthocyanin)

ผลเบอร์รี่ส่วนใหญ่มีปริมาณแอนโทไซยานินสูง ซึ่งเป็นสารให้เม็ดสี (Pigment) ในผักและผลไม้ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ที่มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ และอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคตา เช่น เบาหวานขึ้นตา (Diabetic Retinopathy) และต้อหิน (Glaucoma)

ผลการวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่าผู้ป่วยต้อหินที่รับประทานสารสกัดแอนโทไซยานินจากบิลเบอร์รี่ปริมาณ 60 มิลลิกรัม วันละ 2 แคปซูล มีผลการทดสอบสายตาที่ดีขึ้น นอกจากนี้ สารแอนโทไซยานินมีส่วนช่วยให้การโฟกัสภาพวัตถุดีขึ้น บรรเทาความเมื่อยล้าของดวงตา และช่วยสร้างสารโรดอปซินในจอประสาทตาซึ่งทำให้เรามองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ในที่มืด

สารแอนโทไซยานินพบมากในผักผลไม้ที่มีสีแดง ม่วง และน้ำเงิน เช่น มัลเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ บิลเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ และทับทิม

6. โอเมก้า 3 (Omega 3)

โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันที่ช่วยในการทำงานของต่อมไมโบเมียน (Meibomian Gland) บริเวณดวงตา ซึ่งเป็นส่วนที่ผลิตชั้นไขมันในน้ำตา ซึ่งช่วยให้ตาของเรามีความชุ่มชื้นอยู่เสมอและป้องกันไม่ให้ตาแห้ง นอกจากนี้ โอเมก้า 3 อาจช่วยลดอาการอักเสบบริเวณเปลือกตาหรือผิวดวงตาที่อาจทำให้อาการตาแห้งรุนแรงขึ้น โดยโอเมก้า 3 แบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่

กรดไขมันแอลฟาไลโนเลนิก (Alpha-Linolenic Acid: ALA) เป็นกรดไขมันสายสั้นที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ และจะได้รับจากการรับประทานอาหาร เช่น เมล็ดแฟลกซ์ (Flax Seed) ถั่วเหลือง และน้ำมันพืช
กรดไขมันอีพีเอ (Eicosapentaenoic Acid: EPA) และกรดไขมันดีเอชเอ (Docosahexaenoic Acid: DHA) ซึ่งเป็นกรดไขมันสายยาวที่ร่างกายสร้างจาก ALA แต่สร้างได้น้อย จึงควรบริโภคอาหารที่มีกรดไขมันอีพีเอและดีเอชเอโดยตรง ซึ่งพบมากในอาหารทะเล เช่น ปลาซาร์ดีน แซลมอน ทูน่า และแมคเคอเรล
วิตามินบำรุงสายตามีส่วนช่วยชะลอความเสื่อมของดวงตาจากการใช้สายตาอย่างหนักในแต่ละวัน จึงควรเน้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ส่วนการรับประทานอาหารเสริมนั้นไม่สามารถทดแทนยารักษาโรคได้ เพียงแต่เป็นทางเลือกเพื่อเสริมสารอาหารสำหรับผู้ที่ได้รับไม่เพียงพอเท่านั้น เช่น คนวัยทำงานที่ไม่มีเวลาเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพดวงตา

🔥ดีคอนแทคเอ็กซ์ D-Contact X สารสกัดจากธรรมชาติ สั่งทานเลยจ้า
📣ติดต่อสอบถามใต้โพสต์ได้เลยค่ะ หรือ ทิ้งชื่อ เบอร์ โทร ไว้ได้นะคะ 👇👇
☎️ 062-397-6546

📲สั่งซื้อเพิ่มเพื่อนในไลน์ คลิกลิ้งค์นี้นะคะ👇👇
https://lin.ee/kMzyD5N
https://lin.ee/kMzyD5N

#ตาเมื่อยล้า #จอประสาทตาเสื่อม #ปวดตา #แสบตา #เคืองตา #คันตา #น้ำตาไหล #ต้อเนื้อ #ต้อลม #ต้อกระจก #ต้อหิน #เห็นแสงแฟลช #มองภาพเบลอ #ภาพซ้อน #แพ้แสง #วุ้นในตาเสื่อม #ขับรถกลางคืนไม่ได้ #เห็นจุดดำๆในลูกตา #ตามัวมองไม่ชัด #เลนส์ตาขุ่นมัว

น้ำตาเทียมสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปโดยที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อให้สามาร...
07/06/2023

น้ำตาเทียมสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปโดยที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อให้สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ผลิตภัณฑ์น้ำตาเทียมที่วางจำหน่ายทั่วไปในประเทศไทยจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด ได้แก่ ชนิดสารละลายที่ไม่ใส่สารกันเสียจัดจำหน่ายในรูปแบบกระเปาะเล็ก ชนิดสารละลายที่ใส่สารกันเสียจัดจำหน่าย 2 รูปแบบ คือ แบบขวดและแบบหลอด ที่สามารถใช้ได้นาน 1 เดือนหลังเปิดใช้แล้ว และแบบกระเปาะเล็กที่ต้องใช้ให้หมดภายใน 1 วันหลังเปิดใช้ โดยการเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับความสะดวก การใช้ชีวิตประจำวัน หรือใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ เป็นต้น

ส่วนประกอบหลักของน้ำตาเทียมในรูปแบบสารละลายและเจล เป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้นและช่วยหล่อลื่นดวงตา เช่น โพลิไวนิลแอลกอฮอล์ (Polyvinyl Alcohol) คาร์บอกซิเมทิลเซลลูโลส (Carboxymethyl Cellulose) ไฮโปรเมลโลส (Hypromellose) และโซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate)

ข้อแนะนำและข้อควรระวังในการใช้น้ำตาเทียม

การใช้น้ำตาเทียมมีข้อควรระวัง ดังต่อไปนี้

หากเคยมีประวัติอาการแพ้จากการใช้น้ำตาเทียม ควรหลีกเลี่ยงการใช้หรือปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้
น้ำตาเทียมใช้สำหรับบรรเทาอาการตาแห้งเท่านั้น ไม่สามารถรักษาสาเหตุของอาการตาแห้งได้
หลีกเลี่ยงการใช้น้ำตาเทียมในการรักษาหรือป้องกันการติดเชื้อที่ตา ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ตา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อความปลอดภัยในการใช้
หากมีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นหลังจากใช้น้ำตาเทียม เช่น เกิดอาการระคายเคือง ให้หยุดใช้ทันทีและรีบพบจักษุแพทย์ รวมไปถึงผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง
สำหรับผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ โดยทั่วไปควรเอาคอนแทคเลนส์ออกก่อน จึงค่อยหยอดน้ำตาเทียม ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงค่อยใส่คอนแทคเลนส์กลับไป เพราะการใช้น้ำตาเทียมชนิดที่มีสารกันเสียอาจทำให้คอนแทคเลนส์เปลี่ยนสี หรืออาจทำลายเซลล์เยื่อบุกระจกตาได้ เช่น สารเบนซาลโคเนียมคลอไรด์ (Benzalkonium Chloride) หากเยื่อบุกระจกตาต้องสัมผัสกับสารนี้เป็นเวลานานอาจทำให้เซลล์เยื่อบุกระจกตาถูกทำลายได้ หรือควรเลือกน้ำตาเทียมที่เหมาะสำหรับใช้กับคอนแทคเลนส์ คือ เลือกใช้น้ำตาเทียมแบบกระเปาะที่ใช้ได้ภายใน 1 วัน หรือเลือกใช้น้ำตาเทียมชนิดที่ไม่ใส่สารกันเสีย หรือใส่สารกันเสียที่มีผลเสียกับเยื่อบุกระจกตาน้อย
หากมีความจำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียมรวมกับยาหยอดตาชนิดอื่น ควรเว้นให้ห่างกันประมาณ 10 นาที
ควรระมัดระวังไม่ให้ปลายหลอดน้ำตาเทียมสัมผัสกับดวงตา ผิวหน้า หรือส่วนใดของร่างกาย เพราะอาจทำให้ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียจนทำให้เกิดการติดเชื้อตามมาได้
น้ำตาเทียมทุกชนิด เมื่อหมดอายุแล้วควรทิ้งส่วนที่เหลือทันทีและห้ามนำมาใช้
ควรเก็บน้ำตาเทียมไว้ที่อุณหภูมิห้อง ประมาณ 15-30 องศาเซลเซียส และห้ามแช่แข็ง
สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อความปลอดภัยในการใช้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบว่าการใช้น้ำตาเทียมมีอันตรายต่อทารกในครรภ์ หรือสตรีให้นมบุตร

น้ำตาเทียม ใช้อย่างไรให้ปลอดภัยน้ำตาเทียม (Artificial Tears) มีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้หล่อลื่นลูกตา เพราะมีคุณสมบัติใกล...
06/06/2023

น้ำตาเทียม ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย
น้ำตาเทียม (Artificial Tears) มีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้หล่อลื่นลูกตา เพราะมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติ ช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง อาการแสบหรือไม่สบายตา ซึ่งมีสาเหตุมาจากตาแห้ง และอาจนำมาใช้เพื่อหล่อลื่นลูกตาสำหรับผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์

น้ำตาเทียมสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปโดยที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อให้สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ผลิตภัณฑ์น้ำตาเทียมที่วางจำหน่ายทั่วไปในประเทศไทยจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด ได้แก่ ชนิดสารละลายที่ไม่ใส่สารกันเสียจัดจำหน่ายในรูปแบบกระเปาะเล็ก ชนิดสารละลายที่ใส่สารกันเสียจัดจำหน่าย 2 รูปแบบ คือ แบบขวดและแบบหลอด ที่สามารถใช้ได้นาน 1 เดือนหลังเปิดใช้แล้ว และแบบกระเปาะเล็กที่ต้องใช้ให้หมดภายใน 1 วันหลังเปิดใช้ โดยการเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับความสะดวก การใช้ชีวิตประจำวัน หรือใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ เป็นต้น

ส่วนประกอบหลักของน้ำตาเทียมในรูปแบบสารละลายและเจล เป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้นและช่วยหล่อลื่นดวงตา เช่น โพลิไวนิลแอลกอฮอล์ (Polyvinyl Alcohol) คาร์บอกซิเมทิลเซลลูโลส (Carboxymethyl Cellulose) ไฮโปรเมลโลส (Hypromellose) และโซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate)

แสงสีฟ้าจากหน้าจอ เสี่ยงจอประสาทตาเสื่อมแสงสีฟ้า (Blue Light) คือ แสงพลังงานสูงที่มองเห็นได้ (High-energy Visible Light:...
04/06/2023

แสงสีฟ้าจากหน้าจอ เสี่ยงจอประสาทตาเสื่อม
แสงสีฟ้า (Blue Light) คือ แสงพลังงานสูงที่มองเห็นได้ (High-energy Visible Light: HEV) เป็นหนึ่งในเจ็ดของสเป็คตรัมแสงสีรุ้งที่ประกอบไปด้วยสีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง อย่างที่เราเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้าก็เพราะแสงนี้นั่นเอง แสงสีฟ้ามีคลื่นความยาวประมาณ 400-500 นาโนเมตร เป็นคลื่นความยาวที่สั้นที่สุด พลังงานมากที่สุด นอกจากจะมีอยู่ในแสงแดดแล้วก็ยังมีอยู่ในสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วย

แสงสีฟ้านำมาใช้ในอุปกรณ์ดิจิทัลเพื่อเพิ่มความสว่างและความชัดของหน้าจอ แม้ว่าแสงสีฟ้าที่สังเคราะห์ขึ้นจะเป็นส่วนเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับแสงที่ปล่อยโดยตรงมาจากดวงอาทิตย์ แต่การใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัลเหล่านี้บ่อย ๆ อย่างต่อเนื่องหลายปีสามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อสายตา เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ ดังนี้

เสี่ยงจอประสาทตาเสื่อม
ในระยะยาวดวงตาที่รับแสงสีฟ้ามากเกินไปสามารถนำไปสู่การเสื่อมของศูนย์กลางเรตินา การวิจัยทางการแพทย์เผยว่าแสงสีฟ้าสามารถแทรกผ่านสารสีที่พบในตาและเป็นอันตรายต่อดวงตาบริเวณเซลล์ที่ศูนย์กลางเรตินา โดยจะเข้าไปลดความเข้มข้นของสารสี เกิดเป็นปัจจัยเสี่ยงให้จอประสาทตาเสื่อมเมื่อมีอายุมากขึ้น ที่สำคัญโรคนี้อันตรายถึงขั้นตาบอดได้เลย นอกจากนี้สถาบันโรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุยังรายงานว่า แสงสีฟ้าอาจเป็นตัวเร่งให้เกิดโรคนี้ก่อนวัยอันควร จากที่ปกติพบในผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป

ดวงตาล้าจากการจ้องหน้าจอ
ทุกครั้งที่จ้องหน้าจอ ดวงตาของคนเราต้องทำงานหนักจากการเพ่งมองภาพที่ประกอบขึ้นมาจากพิกเซลเล็กๆ ที่สั่นไหวอยู่ตลอดทุกวินาที และเนื่องจากคุณสมบัติของแสงสีฟ้าที่มีคลื่นความยาวสั้นที่สุด ทำให้การกระจายของแสงสูงกว่าแสงสีอื่น ๆ ส่งผลให้ระบบสายตาทำงานลำบากและโฟกัสภาพบนจอได้ยาก ความคมชัดของภาพจึงลดลงและทำให้ตาอ่อนล้า นอกจากนี้อาจตามมาด้วยอาการปวดไหล่ ปวดหัว ระคายเคืองที่ตา เจ็บตา ตาพร่าหรือเห็นภาพซ้อน ตาอ่อนไหวต่อแสงแดด น้ำตาไหล ตาแห้ง และมองภาพไม่ชัดเจนได้ด้วย

ที่อยู่

18/762 หมู่ 5 ต. บางพูด อ. ปากเกร็ด
Pak Kret
11120

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ดีคอนแทค-Dcontact วิตามินดูแลดวงตาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง ดีคอนแทค-Dcontact วิตามินดูแลดวงตา:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ดีคอนแทค วิตามินดูแลดวงตา

ให้คำปรึกษาเรื่องสายตา ตาแห้ง ตาล้า ปวดตา ตาพร่ามัว แพ้แสง เคืองตา วุ้นในตาเสื่อม เยื่อบุตาอักเสบ ต้อลม ต้อหิน ต้อเนื้อ ต้อกระจก

4 อาการตาต้อในผู้สูงอายุ

อาการตามัว มองภาพไม่ชัด ที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุดูจะเป็นเรื่องปกติที่หลายๆ คนไม่ได้ให้ความใส่ใจเท่าที่ควรเพราะคิดว่าท่านแก่แล้ว แต่ในความเป็นจริงอาการตามัวในผู้สูงอายุสามารถป้องกันและรักษา ทำให้การมองเห็นกลับมาดีขึ้น หรือดีเหมือนเดิมได้ กลุ่มโรคที่ประชาชนทั่วไปรู้จักกันดี คือ กลุ่มโรคต้อ ประกอบด้วย ต้อลม ต้อเนื้อ ต้อหิน ต้อกระจก เป็นต้น

1.ต้อลม (Pinguecula) และต้อเนื้อ (Pterygium) เป็นกลุ่มโรคเดียวกัน เพราะต้อลมคือ ระยะเริ่มต้นของต้อเนื้อ ลักษณะของต้อลมคือ มีลักษณะนูนๆ สีขาว เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของชั้นใต้เยื่อตาขาว มักเกิดได้ทั้งบริเวณหัวตาและหางตา แต่ยังไม่ลุกลามเข้าไปที่ตาดำ แต่หากเป็นมากขึ้นการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุตาจะลามเข้าไปในตาดำ จนกลายเป็นแผ่นเนื้อสีแดง เรียกว่าต้อเนื้อ โดยส่วนที่ยื่นเข้าไปในตาดำนั้นมักจะมีลักษณะคล้ายเนื้อ ซึ่งสาเหตุเกิดจากกรรมพันธุ์ และรังสีUV เป็นหลัก ผู้ป่วยจะมีอาการระคายเคืองเรื้อรังจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น แสงแดดซึ่งมีรังสีอัลตราไวโอเลต ฝุ่นละออง ควัน อาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรค จึงมักพบโรคนี้ในกลุ่มผู้ที่ต้องทำงานกลางแดด เช่น ชาวไร่ ชาวสวน ชาวประมง นอกเหนือจากกลุ่มผู้สูงอายุวิธีการป้องกันง่ายๆ คือ หลีกเลี่ยงแสงแดด ฝุ่นละออง ควัน สวมแว่นกันแดดที่ได้มาตรฐานซึ่งสามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตได้จริง ปรึกษาจักษุแพทย์ เมื่อมีอาการเคืองตามากไม่ควรซื้อยาหยอดตาใช้เอง เพราะยาบางตัวอาจมีส่วนผสมที่อันตราย ผู้ที่เป็นต้อเนื้อซึ่งลุกลามเข้าไปบนกระจกตาขนาดพอสมควร ปิดบังการมองเห็น หรือทำให้การมองเห็นลดลง แพทย์จะพิจารณาให้การรักษาโดยการผ่าตัด แต่ต้อเนื้อสามารถเป็นซ้ำได้อีกแม้จะผ่าตัดแล้ว ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุด คือการป้องกันการเกิดโรคนั่นเอง