Ganoexcel Enterprises Thailand Co., Ltd

Ganoexcel Enterprises Thailand Co., Ltd ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก Ganoexcel Enterprises Thailand Co., Ltd, การแพทย์และสุขภาพ, Nonthaburi.

ความรู้ และข้อมูลดีดี #สุขภาพดี
20/12/2017

ความรู้ และข้อมูลดีดี
#สุขภาพดี

โรคอื่นๆ ที่หลินจือช่วยรักษาได้นอกจากผลลัพธ์ในการใช้เห็ดหลินจือ ซึ่งนายแพทย์บรรเจิด ตันติวิท ได้ประสบพบพานกับตนเองโดยตรง...
19/12/2017

โรคอื่นๆ ที่หลินจือช่วยรักษาได้

นอกจากผลลัพธ์ในการใช้เห็ดหลินจือ ซึ่งนายแพทย์บรรเจิด ตันติวิท ได้ประสบพบพานกับตนเองโดยตรงแล้ว ยังมีข้อมูลอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายประการด้วยกัน อาทิ ทฤษฎี (ความเห็น)เกี่ยวกับกลไกการทำงานของเห็ดหลินจือ นอกเหนือจากทฤษฎีใยแผลเป็น ยังมีทฤษฎีขับพิษ ทฤษฎีเกร็ดเลือด ทฤษฎีประหยัดออกซิเจน ฯลฯ หาอ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือ “หลิงจือกับข้าพเจ้า” นอกจากนี้ยังมีกรณีศึกษาเกี่ยวกับโรคที่ใช้เห็ดหลินจือช่วยได้อีกด้วย
มะเร็ง
ผู้ป่วยรายหนึ่งเป็นมะเร็งสมอง แพทย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ได้ให้การรักษาด้วยวิธีมาตรฐาน คือ ผ่าตัด ฉายแสง และคีโม หลังจากมีอาการดีขึ้นราวหนึ่งปี มะเร็งร้ายก็กลับมาอีกครั้ง ในครั้งนี้แพทย์ต้องตัดสินใจหยุดการให้คีโมหลังทำการรักษาเพียง 2 ครั้ง เนื่องจากฤทธิ์ของคีโมไปทำลายระบบหายใจ พร้อมกันนั้นได้แจ้งกับพ่อแม่ให้ทราบว่าบุตรชายของตนอาจมีอายุต่อได้อีกไม่กี่สัปดาห์
แต่หลังจากตัดสินใจทานหลินจือภายใต้เงื่อนไข 2 ประการ คือ ต้องเป็นหลินจือที่มีคุณภาพสูงและต้องทานวันละ 20 แคปซูล เมื่อผ่านพ้นไป 3 ปี คนไข้รายนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้
อาจกล่าวได้ว่า เห็ดหลินจือช่วยทำให้เซลล์มะเร็งหยุดการเจริญเติบโต หรือในผู้ป่วยบางรายมะเร็งอาจหดหายไปเลยทีเดียว โดยทุกรายที่ทานเพื่อรักษามะเร็งนั้นจะต้องทานเป็นจำนวนมากเพื่อให้ได้ระดับที่ต้องการ อาจจะมากถึงวันละ 60 แคปซูล หรืออย่างน้อยต้องเกิน 20 แคปซูล
ตับแข็ง
ผู้กว้างขวางในสังคมปีนังรายหนึ่ง ป่วยด้วยโรคตับแข็งจากการดื่มเหล้า แม้แต่ยาบำรุงตับ Essential ก็มิอาจช่วยได้ โชคยังดีที่ผู้ป่วยรายนี้ได้ทำความรู้จักกับเห็ดหลินจือ
หลังจากปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ โดยการทานวันละ 4 แคปซูล เมื่อผ่านพ้นไป 7 วันอาการหัวเข่าอักเสบ มีน้ำบวมทั้ง 2 ข้าง ซึ่งเป็นโรคประจำตัวอีกอย่างหนึ่งก็หายไป พร้อมทั้งสังเกตเห็นว่า อาการตับของเขาดีขึ้นด้วยผู้ป่วยรายเดิมตัดสินใจทานหลินจือต่อไปวันละ 6 แคปซูล ช่วยให้อาการตับแข็งของเขาดีขึ้นเรื่อยๆ และสามารถหายเป็นปกติได้ในเวลา 6 เดือน
หลินจือมีสรรพคุณอย่างน้อย 3 ประการด้วยกันที่ช่วยรักษาโรคตับแข็งได้ คือ
1. ช่วยขจัดสารอนูมูลอิสระ (Free Radical) หรือโมเลกุลที่ไม่มีเสถียรภาพอันเกิดจากการใช้ออกซิเจนเป็นเชื้อเพลิง
2. ช่วยทำให้ใยแผลเป็นอ่อนนิ่ม คลายตัว ไม่รัดเส้นเลือดและเนื้อเยื่อของตับ
3. ช่วยกระตุ้นให้ตับเกิดการสร้างเซลล์ใหม่
ภูมิเพี้ยน
ตัวอย่างของโรคในกลุ่มนี้ที่รู้จักดีคือโรค SLE หรือโรคพุ่มพวงนั่นเอง เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันที่เคยทำหน้าที่ขจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย หันกลับมาทำร้ายเนื้อเยื่อของเราเอง
ผู้ป่วยชาวเยอรมันรายหนึ่ง อายุ 66 ปี ป่วยด้วยโรคนี้ และมีอาการท้องเสียบ่อยและถ่ายออกมาเป็นเลือด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพยายามรักษาด้วยยาต่างๆ บางครั้งก็ใช้ยาสเตอรอยด์แต่ไม่ได้ผล ในที่สุดแพทย์แนะนำให้ทำการผ่าตัด แต่ผู้ป่วยปฏิเสธเนื่องจากต้องการเข้ารับการรักษาโรคโดยการแพทย์ทางเลือก และแล้ว หลังจากทานหลินจือได้ 1 เดือน อาการท้องเสียของเขาก็หายไป ก่อนจะกายเป็นปกติใน 10 เดือน
ในเห็ดหลินจือมีโปรตีนชนิดหนึ่งซึ่งเรียกว่า “Lz-8” โปรตีนนี้มีคุณสมบัติปรับภูมิเพี้ยนให้กลายเป็นปกติได้ อีกทั้งยังมีสเตอรอยด์ธรรมชาติที่คงจะมีส่วนช่วยด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับการรักษาโรคภูมิเพี้ยนอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน เช่น SLE รูมาตอยด์
เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ผู้ป่วยรายหนึ่งอายุ 50 ปี (เป็นเบาหวานมานาน 10 ปี) นอกเหนือจากยารักษาเบาหวานแล้ว ผู้ป่วยรายนี้ยังรับยาตามศาสตร์การแพทย์ทางเลือก ประกอบด้วยวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งเห็ดหลินจือผู้ป่วยรายเดียวกันเปิดเผยให้ทราบว่า หลังจากทานเห็ดหลินจือแล้ว ความต้องการทางเพศของเขาสูงขึ้นอย่างมาก จากเดิมเคยมีเพศสัมพันธ์สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นสัปดาห์ละ 5 ครั้ง และต้องปรึกษาแพทย์ว่ามากเกินไปหรือไม่
แก้ภูมิแพ้
คุณโสภา ประภัสสราวุธ วัย 55 ปี ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์แคปซูลสกัดจากเห็ดหลินจือมานาน เล่าประสบการณ์การใช้เห็ดหลินจือของตนให้ฟังว่า “นับจากอายุ 20 ปีเป็นต้นมา ตนเองก็มีปัญหาด้านสุขภาพมาโดยตลอดโดยมีโรคที่เป็นหนักอยู่ในตอนนี้คือภูมิแพ้ ทั้งแพ้อากาศ อาหาร ความเย็น ความร้อน รวมถึงควันพิษเมื่อมีอาการครั้งใดก็จะรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก แสบตาจนน้ำตาไหล หลายครั้งถึงขนาดต้องรีบเดินทางไปพบแพทย์เพื่อนำสายออกซิเจนเข้าครอบจมูก”
“หลังจากทานสารสกัดเห็ดหลินจือติดต่อกัน อาการก็เริ่มดีขึ้น รู้สึกได้ถึงการไหลเวียนของเลือด ความสมดุลในร่างกาย หายใจโล่งขึ้น เลิกงานดึกก็สามารถอาบน้ำเย็นได้จากที่ครั้งหนึ่งเคยเข้ารับการผ่าตัดจนรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มแทงที่ปอดอยู่ตลอดเวลา ปัจจุบันอาการดีขึ้นมาก ยาเคมีทั้งหลายที่เคยทานและฉีดเข้าร่างกายเป็นประจำจนรู้สึกปวดกระดูก ปวดฟัน ฟันหัก ผิวเสีย เป็นภูมิแพ้ ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป โดยที่ยังมีการตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลอยู่เสมอ ซึ่งแพทย์ก็บอกว่าเป็นปกติดี”
บำรุงหัวใจ
ยิ่งไปกว่านั้น คุณประโยชน์ที่ได้รับกับคุณแม่ของคุณโสภาวัย 80 ปี ก็ชัดเจนไม่แพ้กัน
“คุณแม่ท่านป่วยด้วยโรคหัวใจ หมอให้ยาจนตัวบวมไปหมด สุดท้ายแล้วก็แนะนำให้ทำบายพาส (การผ่าตัดรักษาโรคหัวใจวิธีหนึ่ง) เราเองเคยเห็นผู้ป่วยที่มีอายุไล่เลี่ยกับคุณแม่ผ่าตัดได้ไม่นานก็เสียชีวิตเนื่องจากร่างกายทนแบกรับภาระหลังการผ่าตัดไม่ไหว จึงไม่เห็นด้วยกับวิธีดังกล่าว และเริ่มต้นให้ท่านทานสารสกัดจากเห็ดหลินจือ”
“จากที่เริ่มต้นทานเพียงคราวละ 1 แคปซูล (เพราะเกิดความอ่อนเพลีย ทรงตัวลำบาก เสียงหาย) ภายหลังร่างกายของท่านก็เริ่มปรับตัว สามารถรับยาได้ จึงค่อยเพิ่มปริมาณให้ ปัจจุบันท่านแข็งแรงดี มีชีวิตที่เป็นปกติได้โดยไม่ต้องผ่าตัดหัวใจบายพาส”
คุณโสภากล่าว เธอใช้ผลิตภัณฑ์สารสกัดจากเห็ดหลินจือยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งมีส่วนผสมของเห็ดหลินจือ 6 สายพันธุ์ ได้แก่ จินซัน ยูอี รูปหัวใจ รูปสมอง รูปตับ และนกยูงรำแพน
(บริษัท กาโนเอ็กเซล เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้จดลิขสิทธิ์เป็นเจ้าของหลินจือรากและดอก 6 สายพันธุ์ หนึ่งเดียวในโลก)
ขอขอบคุณผู้มีรายนามต่อไปนี้ที่อนุเคราะห์ข้อมูล
นายแพทย์บรรเจิด ตันติวิท และดวงจิตต์ สรรพศรี ตันติวิท ผู้เขียนหนังสือ “หลิงจือกับข้าพเจ้า” อาจารย์มงคลศิลป์ บุญเย็น ผู้อำนวยการมูลนิธิการแพทย์ทางเลือกเพื่อมะเร็ง คุณสมศักดิ์ ชินกร ผู้เขียนหนังสือเห็ดหลินจือกับการรักษาโรค คุณโสภา ประภัสสราวุธ ผู้ป่วยที่รักษาโรคด้วยสารสกัดจากหลินจือ 6 สายพันธุ์
หนังสืออ้างอิง
เห็ดหลินจือ Ling Zhi โดยนายแพทย์สุรพล รักปทุม ละนายแพทย์ชวลิต สันติกิจรุ่งเรือง
เห็ดหลินจือในการรักษาโรค โครงการศึกษาวิจัยและเผยแพร่ “การแพทย์ผสมผสานและการใช้สมุนไพรรักษาโรค” โรงพยาบาลแม่ใจ จังหวัดพะเยา
57 เห็ดเป็นยาแห่งป่าอีสาน โดย วินัย และดร. อุษา กลิ่นหอม
เห็ดหลินจือแปรรูป วารสารอุตสาหกรรมสาร

หายป่วยด้วยหลินจือนายแพทย์บรรเจิด ตันติวิท แพทย์แผนปัจจุบันผู้เขียนหนังสือ “หลิงจือกับข้าพเจ้า” เป็นผู้หนึ่งซึ่งตัดสินใจ...
18/12/2017

หายป่วยด้วยหลินจือ

นายแพทย์บรรเจิด ตันติวิท แพทย์แผนปัจจุบันผู้เขียนหนังสือ “หลิงจือกับข้าพเจ้า” เป็นผู้หนึ่งซึ่งตัดสินใจกินหลินจือ ภายหลังจากที่ได้ศึกษาค้นคว้าจนเกิดความมั่นใจสรรพคุณทางยาและการปราศจากพิษ
“เมื่อตัดสินใจทานหลิงจือ ผมคิดเพียงว่าจะให้มันช่วยบำรุงสุขภาพเท่านั้น ไม่เคยคิดจะให้รักษาโรคหรืออาการของผมเลย โดยปกติแล้ว ยาบำรุงต่างๆ เมื่อทานเข้าไป ผลที่ได้จะไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน อย่างน้อยก็ไม่รวดเร็วทันตาเหมือนยารักษาโรค แต่สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจมากภายหลังการทานเห็ดหลิงจือ คือ อาการหลายอย่างที่เป็นมานาน หลายสิบปี เช่น มือสั่นหรือกัดปากตัวเองหายไป ต่อมน้ำเหลืองหลังต้นคอด้านขวาที่เคยอักเสบ หดเล็กลงจนเกือบคลำไม่พบ”
นายแพทย์บรรเจิด แสดงทรรศนะในเรื่องดังกล่าวว่า
อาการมือสั่นมีหลายชนิด เกิดจากสาเหตุต่างๆกันทั้งที่เป็นโรคและมิใช่โรค อีกทั้งยังมีสารบางชนิดที่ทำให้มือสั่นได้ อาทิ อดรีนาลีน (Adrenaline) เป็นต้น
สำหรับอาการมือสั่นของนายแพทย์วัย 74 ปี เป็นชนิดที่เรียกว่า “Familial Tremor” ซึ่งนับเป็นโรคกรรมพันธุ์ น้องและลูกทั้ง 4 คน(จากทั้งหมด 5 คน) ก็มีอาการเช่นกัน “อาการนี้จะเป็นมากเมื่อหิวหรือตื่นเต้นบางครั้งเป็นหนักถึงขั้นทำให้ผมเขิน เพราะขณะที่ยื่นมือไปตักแกง มือผมสั่นจนแกงหกต่อหน้าต่อตาแขกร่วมโต๊ะ”
แต่หลังจากเริ่มทานเห็ดหลินจือไประยะหนึ่ง อาการดังกล่าวก็หายไป
“อาการมือสั่นของผม คิดว่าคงเกี่ยวข้องกับอดรีนาลีน สารชนิดนี้จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของหัวใจและทำให้กล้ามเนื้อเกิดความตื่นตัวสูง (เช่นเดียวกับ ยาบ้า ก็คือสารประเภทนี้นี่เอง) ซึ่งร่างกายของผมอาจมีแนวโน้มในการผลิตสารนี้มากเกินไป”
แล้วเห็ดหลินจือเข้าไปทำอะไร จนทำให้อาการมือสั่นหายไปได้
“เป็นที่ยอมรับว่าหลิงจือมีผลทางการระงับประสาท อาจเป็นสารชนิดเดียวกับที่พบในชาจีน คือ ธีแอนิน (Theanine) ซึ่งให้ผลตรงข้ามกับคาเฟอีนที่ทำให้ประสาทตื่นตัวและเกิดการเสพติด”
“รวมทั้งสรรพคุณด้านการควบคุมการทำงานของสมอง ประสาท และกล้ามเนื้อ ทำให้อาการกัดปากตัวเองเป็นประจำของผมหายไป โรคพาร์กินสัน ซึ่งเกิดจากการ ประสานงานของกล้ามเนื้อบกพร่อง เห็ดหลิงจือก็น่าจะช่วยได้”
อีกกรณี คือ ต่อมน้ำเหลืองหลังต้นคอด้านขวาที่เคยอักเสบหดเล็กลงจนเกือบคลำไม่พบ นายแพทย์บรรเจิดไขข้อข้องใจให้ดังนี้
“เป็นเรื่องน่ายินดีที่ต่อมน้ำเหลืองหลังต้นคอด้านขวา ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ครั้งยังเรียนหนังสือ ได้หดเล็กลง ปกติแล้ว ต่อมน้ำเหลืองเมื่อเกิดการอักเสบ หลังจากหายจะมีเส้นใย “Fibrous Tissue” มาแทนที่ ทำให้เกิดเป็นเต้าแข็งเส้นใยนี้เมื่อมีขึ้นแล้วจะคงอยู่อย่างถาวร ยิ่งนานวันก็ยิ่งแข็ง”
การที่หลินจือทำให้ต่อมน้ำเหลืองของผม ซึ่งแต่เดิมเคยมีขนาดประมาณ 1เซนติเมตร หดเล็กลงเกือบจะคลำไม่พบได้นั้น น่าจะมีความหมายในทางการแพทย์ ซึ่งผมได้ตั้งเป็นทฤษฎี (ความเห็น) ที่ชื่อ “ทฤษฎีใยแผลเป็น” ขึ้นมา”
ทฤษฎีใยแผลเป็นของคุณหมอ กล่าวถึงการที่เนื้อเยื่อหรืออวัยวะใดๆ (ทั้งภายในและภายนอก) เมื่อถูกทำลายจากการบาดเจ็บ อักเสบ หรือสารพิษแล้ว หลังจากได้รับการบำบัดซ่อมแซมด้วยเส้นใยใหม่ (เป็นกรรมวิธีตามธรรมชาติของร่างกาย) จะก่อให้เกิดแผลเป็นขึ้นมา บางครั้ง ใยแผลเป็น นี้เองที่สร้างปัญหาในการทำงาน (เช่น ไปเหนี่ยวรั้ง ดึง เบียด ให้เนื้อเยื่อเสียรูปทรง) ขณะที่เห็ดหลิงจือสามารถละลายเส้นใยให้กลายเป็นใยแผลที่อ่อนนิ่มและหดตัวเล็กลงได้
“ผมคิดว่าสารสเตอรอยด์ธรรมชาติในหลิงจือมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดผลเช่นนี้ เช่นเดียวกับสเตอรอยด์สังเคราะห์ในยาแผนตะวันตกที่ผมเคยใช้รักษาแผลเป็น (ที่โตผิดปกติ) บนผิวหนัง เมื่อฉีดสเตอรอยด์สังเคราะห์เข้าไป แผลเป็นจะนิ่มลงและหดตัว สรรพคุณนี้ทำให้หลิงจือมีคุณประโยชน์มาก โรคทั้งหลายที่มีใยแผลเป็นต้นเหตุ หรือต้องการหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดแผลเป็นมากเกินไป เห็ดหลิงจือน่าจะช่วยได้”

“โอสถสาร” สารออกฤทธิ์ สำคัญทางยาเป็นเวลาเนิ่นนานหลายสิบปีมาแล้วที่ทีมแพทย์และคณะวิจัยของประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น สหรัฐอเ...
18/12/2017

“โอสถสาร” สารออกฤทธิ์ สำคัญทางยา
เป็นเวลาเนิ่นนานหลายสิบปีมาแล้วที่ทีมแพทย์และคณะวิจัยของประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ฯลฯ ได้ศึกษาค้นคว้าหาสาเหตุแห่งการออกฤทธิ์และสรรพคุณทางยาจากเห็ดหลินจือ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1958 อาจกล่าวได้ว่าญี่ปุ่นเป็นชาติแรกที่เผยแพร่รายงานการค้นพบ “โอสถสาร” หรือสารออกฤทธิ์ที่สำคัญทางยาของเห็ดหลินจือ ซึ่งในปัจจุบันพบว่ามีอยู่มากมายถึง 150 ชนิดเลยทีเดียว
เราสามารถจำแนกสารออกฤทธิ์ดังกล่าวได้เป็น 5 กลุ่ม ดังต่อไปนี้ (การจำแนกอาจเปลี่ยนแปลง – เพิ่มเติมได้ตามองค์ความรู้)
1. กลุ่มสารไตรเทอร์ปินนอยด์ชนิดขม (Bitter Triterpenoids) เป็นสารรสขมซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ดอกและก้าน จัดเป็นโอสถสารกลุ่มใหญ่ที่สุดในเห็ดหลินจือ คือ มีอยู่ราวร้อยชนิด ใช้เป็นการรักษาโรคภูมิแพ้ (ยับยั้งการหลั่งของสารฮิสตามีนตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปฎิกิริยาภูมิแพ้) ลดความดันโลหิต ลดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ต้านทานสารพิษที่มีผลเสียต่อตับ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในตับ สาระสำคัญในกลุ่มนี้ได้แก่ กราโนเดอริค และกรดลูซิเดนิค
ปัจจุบัน มีการผลิตยาจากสมุนไพรจากเห็ดหลินจือ เพื่อใช้เป็นยาบำรุงตับอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่เป็นโรคตับแข็ง ตับอักเสบ และผู้ที่ชอบดื่มสุรา ทั้งนี้ ได้มีการจดสิทธิบัตรไตรเทอร์ปินนอยด์ แฟรกชันจากเห็ดหลินจือ เพื่อใช้เป็นยาลดความดันโลหิต รวมทั้งสิทธิบัตร สารกาโนโดสเตอโรน เพื่อใช้ผลิตเป็นยาเม็ด กระตุ้นการทำงานของตับด้วย
โอสถสารรสชาติขมในกลุ่มนี้ เคยได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นตัวยาสำคัญที่ใช้ในการรักษาโรค แต่จากการค้นคว้าอย่างละเอียดกลับพบว่ายังมีสารอื่นๆ อีกพลายชนิดที่แม้จะปราศจากรสขม แต่ให้สรรพคุณทางยาที่สำคัญไม่แพ้กัน
2. สเตอรอยด์ (Steroids) เรียกได้ว่าเป็น “สเตอรอยด์ธรรมชาติ” หรือ “สเตอรอยด์พันธุ์ดี” ที่มีอยู่ในพืช แตกต่างจากสเตอรอยด์พันธุ์สังเคราะห์ฝีมือมนุษย์ ซึ่งติดภาพลักษณ์ของความเป็นผู้ร้ายมาเสียมากกว่า
สาระสำคัญในกลุ่มนี้ที่สามารถพบได้ในเห็ดหลินจือ รวมทั้งเห็ดหรือราทั่วไป คือ เออร์โกสเตอรอลหรือโปรวิตามินดี 2 ซึ่งร่างกายจะเก็บสะสมไว้ใต้ผิวหนัง เมื่อได้รับอุลตราไวโอเลตจากแสงแดดก็จะสังเคราะห์เป็นวิตามินดี ทำหน้าที่ช่วยในการดูดซึมของแคลเซียมฟอสฟอรัสในลำไส้ เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน ป้องกันและรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูก (โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในช่องวัยทอง) ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ยังมีสเตอรอยด์บางชนิดที่ตรวจพบในเห็ดหลินจือเท่านั้น คือ กาโนสเตอโรน ซึ่งมีฤทธิ์ลดสารพิษที่มีผลต่อตับ ใช้เป็นยาบำรุงตับในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับแข็งหรือตับอักเสบ
3. กลุ่มสารนิวคลีโอไทด์ (Nucleotides) มีการค้นพบสารอินทรีย์อะดีโนไซน์ในเห็ดหลินจือ ซึ่งทำหน้าที่กักเก็บพลังงานจากการหายใจ พร้อมไว้สำหรับการแตกตัว ก่อให้เกิดพลังงานในระดับสูงเมื่อร่างกายต้องการ
อะดีโนไซน์มีส่วนช่วยในการบรรเทาความเจ็บปวด และมีฤทธิ์เช่นเดียวกับกัวโนไซน์ (นิวคลีโอไทด์อีกชนิด) ในการยับยั้งการรวมกลุ่มกันของเกร็ดเลือด อันหมายถึงประสิทธิภาพในการป้องกันการอุดตันของลิ่มเลือดภายในเส้นเลือด บรรเทาการเกิดโรคอัมพฤกษ์และอัมพาต
นอกจากนี้ยังมีการค้นพบสารอัลคาลอยด์ที่มีฤทธิ์ในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดอัตราการใช้ก๊าซออกซิเจนของกล้ามเนื้อหัวใจทำให้หัวใจมีภาวะความทนทานต่อการขาดออกซิเจนได้เป็นเวลานานอีกทั้งยังมีการค้นพบสารสำคัญอื่นๆ ในกลุ่มนี้ที่มีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสได้ดีอีกด้วย
4. สารประกอบเยอร์มาเนียม (Germanium, Gc contents) เราสามารถพบธาตุแข็งที่ชื่อเยอร์มาเนียมได้ในโสม กระเทียม แต่จะพบได้มากเป็นพิเศษในเห็ดหลินจือ ถ้าเปรียบเทียบกันโดยอัตราส่วนน้ำหนักต่อน้ำหนักแล้ว จะพบว่าภายในเห็ดหลินจือมีเยอร์มาเนียมเป็นส่วนประกอบอยู่มากกว่าโสมราว 6 เท่าเลยทีเดียว สรรพคุณของสารประกอบเยอร์มาเนียม คือ การเสริมสร้างระบบการทำงานของร่างกายให้ทำงานร่วมกันได้อย่างสอดคล้อง กำจัดสารพิษและสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกาย
ปัจจุบันมีการนำมาใช้ร่วมกันกับยาแผนปัจจุบัน เพื่อกำจัดพิษทุเลาความเจ็บปวดในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง
5. กลุ่มสารโพลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) สารกลุ่มนี้มีหลายชนิดที่ให้สรรพคุณทางยา อาทิ กาโนเดอแรนส์ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยการเพิ่มปริมาณสารอินซูลินที่ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำตาลให้เหมาะสม จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
เบต้าดีกลูแคนและพอลิเซ็กคาไรด์ (หลายชนิด) ทำงานร่วมกันในการเพิ่มอัตราการสังเคราะห์โปรตีนในเลือด ไขกระดูก และตับ ลดภาวะการอักเสบ กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวชนิดบีเซลล์และทีเซลล์อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เห็ดหลินจือมีประสิทธิภาพในการเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ลดภาวะแทรกซ้อนจากการทำเคมีบำบัดหรือรังสีบำบัดในผู้ป่วยโรคมะเร็งได้
นอกจากนี้ยังมีสารกึ่งเซลลูโลส ซึ่งเป็นอาหารประเภทมีกากที่ช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็ง และพอลิแซ็กคาไรด์บางชนิด ช่วยเพิ่มความแรงในการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ
นอกเหนือจากสารสำคัญ 5 กลุ่ม ดังที่กล่าวมาแล้ว เห็ดหลินจือยังมีสารและองค์ประกอบอื่นๆ อีก ที่ไม่อาจถูกจัดเข้ากลุ่มใด อาทิ สารที่มีฤทธิ์ต้านทานความพิการของทารกในครรภ์ สารที่มีคุณสมบัติเป็นยาปฏิชีวนะทำหน้าที่ย่อยสลายเชื้อแบคทีเรีย สารที่ช่วยระงับการไอ ขับเสมหะ รวมถึงสารที่มีคุณสมบัติเด่นในการชะลอความชรา
จะเห็นได้ว่าสรรพคุณทางยาของเห็ดหลินจือมีมากมายหลายประการ เปรียบได้ดั่งยาครอบจักรวาล ทั้งในด้านการป้องกันและบำบัดการรักษา สิ่งนี้เองคือเหตุผลสำคัญในการดำรงอยู่ของเห็ดหลินจือ ในฐานะสมุนไพรสำคัญในประวัติศาสตร์การแพทย์แผนตะวันออกที่สืบทอดกันมาเนิ่นนานนับพันปี

เห็ดหลินจือในเมืองไทยข้อมูลจากการสำรวจผืนป่าได้เปิดเผยให้ทราบว่า พื้นที่ป่าหลายแห่งของไทยต่างก็มีเห็ดหลินจือหลายสายพันธุ...
17/12/2017

เห็ดหลินจือในเมืองไทย
ข้อมูลจากการสำรวจผืนป่าได้เปิดเผยให้ทราบว่า พื้นที่ป่าหลายแห่งของไทยต่างก็มีเห็ดหลินจือหลายสายพันธุ์เติบโตงอกงามอยู่ด้วย หรือแม้แต่ในแหล่งชุมชนอันมีผู้คนอยู่อาศัย ก็สามารถพบเห็ดชนิดนี้ปรากฎกายอยู่ได้เช่นกัน
หลินจือ (Lingzhi) คือ ชื่อที่ชาวไทยใช้เรียกเห็ดชนิดนี้ (หลิงจือหรือลิงชิในจีน, มันเน็นทาเกะในญี่ปุ่น, แลกเคอร์เรดมัชรูมหรือโฮลี่มัชรูมในอังกฤษ) พร้อมมอบสมญานามให้ว่าเห็ดหมื่นปีหรือเห็ดอมตะจากโครงสร้างของดอกเห็ดซึ่งแห้งและแข็งเหมือนไม้ ทำให้คงสภาพเดิมอยู่ได้นานนับชั่วชีวิตคนผนวกกับคำว่าหมื่นปีเป็นคำมงคล สอดคล้องกับสรรพคุณการเป็นยาอายุวัฒนะ โดยมิได้สื่อความหมายว่าเห็ดหมื่นปีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินี้ จะมีอายุยาวนานถึงหนึ่งหมื่นปีแต่อย่างใด
ตำนานการใช้เห็ดหลินจือในไทยมีการกล่าวถึงอยู่บ้างเช่นกัน แม้จะมิได้เก็บรวบรวมไว้เป็นลายลักษณ์อักษร แต่จากการลาดตระเวนสำรวจพันธุ์เห็ดและสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านหลากหลายพื้นที่ พบว่ามีการใช้เห็ดชนิดนี้ในการบรรเทารักษาอาการหวัด ป้องกันฝ้า เห็ดพิษ แมลงสัตย์กัดต่อย บำรุงกำลัง แก้ปวดหลัง รวมทั้งใช้รักษาโรคภายในที่คาดว่าจะเป็นเนื้องอกและมะเร็งมาเนิ่นนานแล้ว
เหตุใดจึงรักษาได้หลายโรค
อาจารย์มงคลศิลป์ บุญเย็น ผู้อำนวยการมูลนิธิการแพทย์ทางเลือกเพื่อมะเร็งบอกเล่าถึงความสำคัญของเห็ดหลินจือให้ฟังว่า “หลินจือถือเป็นสมุนไพรหลัก เรียกได้ว่าเป็น “หัวหน้ายา” ของผมเลยทีเดียว ใช้บำรุงร่างกายและรักษาโรคร้ายได้แทบทุกชนิด แม้แต่โรคที่ไม่อาจใช้หลินจือรักษาได้โดยตรงเมื่อนำมาใช้เป็นตัวเสริมเพิ่มเข้าไปในสูตรยาเฉพาะทาง ก็สามารถช่วยให้หายจากอาการป่วยได้เร็วขึ้น”
“เหตุใดหลินจือจึงรักษาได้หลายโรค”
คำถามสั้นๆข้างต้น เป็นคำถามสำคัญที่พบได้บ่อยที่สุดคำถามหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ดูให้ดีจะพบว่าสามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยาก
“แผนปัจจุบัน ยาแต่ละเม็ดมีตัวยาอยู่เพียงตัวเดียว จึงรักษาได้เพียงโรคเดียว ขณะที่สมุนไพรมีสารออกฤทธิ์ทางยาหลายสิบชนิด จึงไม่แปลกที่สมุนไพรสามารถรักษาได้หลายโรค” นายแพทย์บรรเจิด ตันติวิท แพทย์แผนปัจจุบันผู้เขียนหนังสือ “หลิงจือกับข้าพเจ้า” กล่าว
เมื่อนักวิทยาศาสตร์ตัดสินใจนำสารสกัดจากเห็ดหลินจือไปค้นคว้า สิ่งที่พบก็คือ สรรพคุณทางยาอันหลากหลายที่อัดแน่นอยู่ในอณูเนื้อของเห็ดหมื่นปีชนิดนี้ สารบางอย่างออกฤทธิ์โดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกัน บางอย่างกระตุ้นการทำงานของร่างกาย ปรับสมดุลให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ สารบางอย่างทำหน้าที่ลดระดับน้ำตาลในเลือด ทำลายเซลล์มะเร็ง และยังมีอีกหลายอย่างที่สารสกัดจากเห็ดหลินจือทำได้
คำกล่าวที่ว่าเห็ดหลินจือรักษาได้หลายโรค จึงไม่ใช่เรื่องอวดอ้างเกินจริงแต่อย่างใด

16/12/2017
ตามรอยหลินจือจากประวัติศาสตร์อันยาวนาน เห็ดหลินจือเป็นยาจีน (Chinese Traditional Medicine) ที่ได้รับการจดบันทึกไว้เป็นลา...
16/12/2017

ตามรอยหลินจือ

จากประวัติศาสตร์อันยาวนาน เห็ดหลินจือเป็นยาจีน (Chinese Traditional Medicine) ที่ได้รับการจดบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกในสมัยจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ (กว่า 2,000 ปี ล่วงมาแล้ว) นับเป็นของหายากและมีคุณค่าสูงล้ำในยุคนั้น เนื่องจากสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง ไร้สารพิษใดๆมีความปลอดภัยสูง สามารถกินต่อเนื่องในระยะยาวได้
แม้แต่ “เสินหลงเปิ่นเฉ่า” ค้มภีร์ด้านการแพทย์ที่ครบถ้วนสมบูรณ์และคงความเก่าแก่ที่สุดของจีน ซึ่งรวบรวมตัวยาไว้ถึง 365 ชนิด ก็ยกย่องให้เห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรชั้นสูง อยู่เหนือสมุนไพรจีนด้วยกัน อีกทั้งยังกล่าวว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งชีวิต” มีพลังมหัศจรรย์ในการบำรุงร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง มีความทรงจำที่ดีประสาทสัมผัสชัดเจนขึ้น บำรุงการไหลเวียนของโลหิต ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สีหน้าแจ่มใส และช่วยชะลอความชรา
ส่วนสรรพคุณอื่นๆ ซึ่งได้มีการเก็บรวบรวมไว้ในปัจจุบันได้แก่ การรักษาและต้านทานการเกิดมะเร็ง ตับแข็ง ตับอักเสบ บำรุงไต ขับปัสสาวะ ปรับความดันโลหิต (ทั้งสูงและต่ำ) แก้ปัญหาภาวการณ์มีบุตรยากการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โรคภูมิแพ้ โรคประสาทลมบ้าหมู เส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดอุดตันในสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต ปวดข้อ ปวดประจำเดือน ริดสีดวงทวารอาหารเป็นพิษ โรคเอสแอลอี บำรุงสายตา ฯลฯ
ปัจจุบัน นับได้ว่าเห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรที่มีรายงานการวิจัยและผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ออกมาอย่างต่อเนื่องและมีเป็นจำนวนมากติดอันดับต้นๆของโลก โดยมีสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมและให้สรรพคุณทางยาสูง คือ กาโนเดอร์มา ลูซิดัม (Ganoderma lucidum)
อาจกล่าวได้ว่าพืชสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงยามากที่สุด ก็คือสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรฝังใจ (อันได้แก่สิ่งมีชีวิตเล็กกระจิริดอย่างเห็ดรา) นามว่าเห็ดหลินจือชนิดนี้นั่นเอง

ปี ค.ศ. 1578 หลี่สือเจิน ปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนแห่งราชวงศ์หมิงย้ายเห็ดหลินจือจากประเภทหญ้าซึ่งเป็นยา มาเป็นอาหารเพื...
16/12/2017

ปี ค.ศ. 1578 หลี่สือเจิน ปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนแห่งราชวงศ์หมิงย้ายเห็ดหลินจือจากประเภทหญ้าซึ่งเป็นยา มาเป็นอาหารเพื่อสุขภาพประเภทผัก พร้อมทั้งแนะนำว่า การกินหลินจือเป็นประจำทำให้ตัวเบาไม่แก่ชราตามอายุ และจะกลายเป็นเซียนหรือเทวดาได้ อีกทั้งยังมีคำพังเพยยุคนั้นที่กล่าวไว้ว่า
“จอมจักรพรรดิที่มีความเมตตาปราณี สวรรค์จะส่งเห็ดหลินจือมาเป็นเครื่องกำนัล”
ปัจจุบัน ยังคงมีความร่ำลือถึงสรรพคุณการเป็นยาอายุวัฒนะ ยกย่องให้เป็นเห็ดศักดิ์สิทธิ์ สามารถบำบัด ฟื้นฟู รักษาโรคได้นานาชนิด ผู้รู้บางท่านถึงขนาดเปรียบเปรยคุณค่าของเห็ดหลินจือให้ฟังว่า “หากคนไทยยกย่องช้างเผือกเป็นสิ่งล้ำค่า ถ้าพบเจอเมื่อใดก็ต้องนำขึ้นทูลเกล้าถวายองค์พระมหากษัตริย์แล้วไซ้ ชาวจีนก็เฉกเช่นกัน เมื่อมีเห็ดหลินจือไว้ในครอบครองก็ต้องนำขึ้นทูลเกล้าถวายองค์ฮ่องเต้”
แม้แต่รูปปั้นกังใสหรือเทพเจ้า “ฮก ลก ซิ่ว” ซึ่งมีความหมายบ่งบอกถึงความเป็นสิริมงคลก็ยังมีเทพเจ้าบางองค์ถือเห็ดหลินจืออยู่ในมือ
ข้อความข้างต้นอาจถูกใครหลายคนประเมินเป็นเพียงตำนานเก่าแก่ที่กล่าวยกย่องสรรพคุณสมุนไพรโบราณกันจนเกินจริงแต่เชื่อหรือไม่ว่าในโลกแห่งความเป็นจริงยุคปัจจุบัน คุณค่าของหลินจือก็แทบไม่แตกต่างไปจากที่กล่าวขานกันมาแต่โบร่ำโบราณเลย เมื่อมีผลงานการทดลองทางวิทยาศาสตร์มากมายให้การยืนยันยอมรับในคุณค่าความมหัศจรรย์แห่งการบำบัดรักษาโรคด้วย “เห็ดหมื่นปี” ชนิดนี้

นี่คือคำยืนยันจากคอกาแฟท่านนี้ บอกว่ารสชาติกลมกล่อมจริงๆ
15/12/2017

นี่คือคำยืนยันจากคอกาแฟท่านนี้ บอกว่ารสชาติกลมกล่อมจริงๆ

เห็ดหลินจือ สมุนไพรหมื่นปี โอสถทิพย์จากสรวงสวรรค์ในบรรดาพืชสมุนไพรที่มีอยู่อย่างมากมาย กระจัดกระจายทั่วทุกภูมิภาค ดูเหมื...
15/12/2017

เห็ดหลินจือ สมุนไพรหมื่นปี โอสถทิพย์จากสรวงสวรรค์
ในบรรดาพืชสมุนไพรที่มีอยู่อย่างมากมาย กระจัดกระจายทั่วทุกภูมิภาค ดูเหมือนชื่อของ “หลินจือ” เห็ดสมุนไพรเจ้าของฉายา “เห็ดหมื่นปี” จะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นส่วนผสมในการปรุงยามากเป็นอันดับหนึ่ง
ประวัติความเป็นมาและคุณค่าของเห็ดหลินจือเป็นเช่นไร ขอให้ดูข้อมูลประกอบดังต่อไปนี้
ปี ค.ศ. 317 ชื่อของหลินจือปรากฎในคัมภีร์จีนโบราณ กล่าวถึงยาเทวดาชนิดหนึ่งซึ่งขึ้นบนยอดภูเขาสูง ใต้ไม้ใหญ่ หรือข้างลำธาร มีรูปร่างเหมือนห้องหับในพระราชวัง รถม้า หรือเสือมังกร เมื่อทำให้แห้งแล้วนำไปกิน จะทำให้กลายเป็นเทวดาหรือ “เซียน” ได้ แม้แต่ชนิดรองลงไปก็ยังสามารถทำให้อายุยืนถึงพันปี
ปี ค.ศ. 1115 สมัยราชวงศ์ซ่ง คัมภีร์ไทผิงเซิ่นอุ้ยฟัง ได้กล่าวถึงตำหรับยาจากเห็ดหลินจือไว้ 2 ขนาน คือ ยาเม็ดจื่อจือ ใช้รักษาอาการอ่อนเพลีย มือ เท้าเย็น ปวดข้อ ทำให้สดชื่น ผิวหนังเปล่งปลั่ง รวมทั้งตำรับยาเซิ่นตานฟัง ซึ่งมีฐานะเป็นยาเทวดา (อ่านต่อพรุ่งนี้นะ)

ที่อยู่

Nonthaburi
11120

เบอร์โทรศัพท์

+66823294463

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Ganoexcel Enterprises Thailand Co., Ltdผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram