แบ่งปันความรู้เรื่องสุขภาพ

แบ่งปันความรู้เรื่องสุขภาพ http://www.smartguard.org
Tel. 085-8468135

การใช้เรสเวอราทรอลในการต่อสู้กับโรคมะเร็งในสตรี: บทวิจารณ์The use of resveratrol in the fight against Cancer in women: a...
26/11/2025

การใช้เรสเวอราทรอลในการต่อสู้กับโรคมะเร็งในสตรี: บทวิจารณ์

The use of resveratrol in the fight against Cancer in women: a review

บทคัดย่อ:
มะเร็งยังคงเป็นความท้าทายด้านสุขภาพที่สำคัญระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิง การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดมุ่งเน้นไปที่เรสเวอราทรอล (RSV) ซึ่งเป็นโพลีฟีนอลธรรมชาติที่พบในพืชบางชนิด ในฐานะทางเลือกในการรักษาเสริมสำหรับโรคมะเร็ง บทวิจารณ์นี้ประเมินหลักฐานที่มีอยู่เกี่ยวกับผลกระทบของเรสเวอราทรอลต่อเซลล์มะเร็ง ศึกษากลไก ประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น และผลกระทบทางคลินิก งานวิจัยนี้ประกอบด้วยการวิเคราะห์บทความจาก PUBMED ที่มีคำสำคัญ ได้แก่ "(resveratrol) AND (cancer) AND (women)" (197 บทความ), "(resveratrol) AND (ovarian cancer)" (149 บทความ) และ "(resveratrol) AND (endometrial cancer)" (21 บทความ) การคัดเลือกบทความพิจารณาจากความจำเพาะของผลการศึกษาเกี่ยวกับบทบาทของเรสเวอราทรอลในการต่อสู้กับโรคมะเร็งในผู้หญิง โดยเลือกบทความล่าสุดในได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการยับยั้งการมีชีวิตและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง รวมถึงในมะเร็งเต้านม เรสเวอราทรอล มีอิทธิพลต่อการส่งสัญญาณของเซลล์ กระตุ้นการตายของเซลล์แบบอะพอพโทซิสและลดการเติบโตของเนื้องอก และควบคุมไซคลินและไคเนสเพื่อหยุดยั้งวงจรเซลล์ ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์ที่ควบคุมไม่ได้ คุณสมบัติต้านการอักเสบของเรสเวอราทรอล ยับยั้งการลุกลามของเนื้องอกมะเร็ง และฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระจะกระตุ้นเอนไซม์เพื่อป้องกันเซลล์จากอันตรายจากออกซิเดชัน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง เรสเวอราทรอลเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันมะเร็ง การเสริม เรสเวอราทรอลถือเป็นแนวทางที่มีแนวโน้มดีในการต่อสู้กับมะเร็ง

สรุปบทความ "Renal Protective Effects of Resveratrol" ผลการปกป้องไตจากเรสเวอราทรอล)​บทความวิชาการจาก: Oxidative Medicine ...
13/11/2025

สรุปบทความ "Renal Protective Effects of Resveratrol" ผลการปกป้องไตจากเรสเวอราทรอล)

​บทความวิชาการจาก: Oxidative Medicine and Cellular Longevity
(PMCID: PMC3863562)

​1. บทนำ: ความสำคัญของโรคไตและสารเรสเวอราทรอล
​บทความนี้เริ่มต้นด้วยการชี้ให้เห็นถึงความรุนแรงของ โรคไตเรื้อรัง (CKD) และ ภาวะไตวายเฉียบพลัน (AKI) ซึ่งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั่วโลก ภาวะเหล่านี้ไม่เพียงแต่นำไปสู่โรคไตระยะสุดท้าย (ESRD) แต่ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเพิ่มอัตราการเสียชีวิตและลดคุณภาพชีวิต ​ในขณะเดียวกัน เรสเวอราทรอล (Resveratrol) ซึ่งเป็นสารประกอบโพลีฟีนอล (Polyphenolic phytoalexin) ที่พบได้ตามธรรมชาติในพืชหลายชนิด เช่น องุ่นแดง, มัลเบอร์รี่ ฯลฯ ได้รับความสนใจอย่างมาก
​ความสนใจนี้ส่วนหนึ่งมาจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "French Paradox" ที่สังเกตเห็นว่าประชากรชาวฝรั่งเศสมีอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดต่ำ แม้จะบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งสรุปว่าเรสเวอราทรอลในไวน์แดงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ให้ผลการป้องกันนี้

​บทความนี้มุ่งเน้นไปที่การรวบรวมหลักฐานและอธิบายกลไกที่เรสเวอราทรอลมีบทบาทในการ "ปกป้องไต" (Renal Protective Effects) จากการบาดเจ็บในรูปแบบต่างๆ

​2. กลไกการออกฤทธิ์หลักของเรสเวอราทรอลในการปกป้องเซลล์ ​บทความได้ระบุกลไกหลัก 2 ประการที่เรสเวอราทรอลใช้ในการปกป้องเซลล์ (Cytoprotective effects) โดยเฉพาะเซลล์ไต:

​2.1) คุณสมบัติการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant Properties)
​ภาวะ "เครียดออกซิเดชัน" (Oxidative Stress) ซึ่งเกิดจากความไม่สมดุลระหว่างการผลิตอนุมูลอิสระ (Reactive Oxygen Species - ROS) และความสามารถของร่างกายในการต้านอนุมูลอิสระ เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดโรคและความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ รวมถึงไต
​อนุมูลอิสระเหล่านี้ เช่น ซูเปอร์ออกไซด์, ไฮดรอกซิล, และ เปอรอกซีไนไตรท์ จะเข้าทำลายโปรตีนและ DNA ภายในเซลล์
​เรสเวอราทรอลออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระใน 2 รูปแบบ:
​การกำจัดโดยตรง (Direct Scavenging): เรสเวอราทรอลสามารถทำปฏิกิริยาและกำจัดอนุมูลอิสระ (ROS) โดยตรง ป้องกันไม่ให้สารเหล่านี้ไปทำลายเซลล์

​การกระตุ้นเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ (Modulation of Antioxidant Enzymes): เรสเวอราทรอลสามารถปรับเปลี่ยนการแสดงออกและกิจกรรมของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย เช่น Superoxide Dismutase (SOD), Glutathione Peroxidase (GPx) และ Catalase ผ่านการควบคุมปัจจัยการถอดรหัส (Transcription factors) เช่น Nrf2 และ FOXO

​2.2) การกระตุ้นโปรตีน SIRT1 (Activation of SIRT1)
​นี่คือกลไกสำคัญที่บทความเน้นย้ำ SIRT1 (Sirtuin 1) เป็นเอนไซม์ NAD+-dependent deacetylase ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีบทบาทสำคัญในกระบวนการชะลอวัยและการยืดอายุขัย

​SIRT1 และการจำกัดแคลอรี (Calorie Restriction - CR): การศึกษาจำนวนมากพบว่าการจำกัดแคลอรี (CR) เป็นวิธีเดียวที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถชะลอความเสื่อมตามวัยและยืดอายุขัยในสิ่งมีชีวิตหลายชนิดได้ ซึ่งกลไกสำคัญที่ CR ทำงานก็คือการ "กระตุ้น SIRT1"
​เรสเวอราทรอลในฐานะ "CR Mimetic": เรสเวอราทรอลได้รับการระบุว่าเป็นหนึ่งในสารที่สามารถกระตุ้น SIRT1 ได้อย่างมีนัยสำคัญ (SIRT1 activator) ทำให้มันถูกมองว่าเป็น "สารเลียนแบบการจำกัดแคลอรี" (CR mimetic)

​บทบาทของ SIRT1 ที่ถูกกระตุ้น: เมื่อ SIRT1 ถูกกระตุ้น (ไม่ว่าจะโดย CR หรือเรสเวอราทรอล) มันจะไปควบคุมการทำงานของโปรตีนเป้าหมายจำนวนมากในเซลล์ ส่งผลดีในหลายด้าน ได้แก่:
​การต้านการอักเสบ (Anti-inflammation)
​การต้านการตายของเซลล์ (Anti-apoptosis)
​การปรับปรุงการเผาผลาญกลูโคส/ไขมัน (Glucose/Lipid Metabolism)
​การสร้างไมโทคอนเดรียใหม่ (Mitochondrial Biogenesis): เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพลังงานของเซลล์
​การกระตุ้น Autophagy: กระบวนการกำจัดของเสียหรือส่วนประกอบเซลล์ที่เสียหาย

​บทความตั้งข้อสังเกตว่า เรสเวอราทรอลกระตุ้น SIRT1 ทั้งทางตรงและทางอ้อม (เช่น ผ่านการกระตุ้น AMPK ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์พลังงานของเซลล์)

​3. หลักฐานการปกป้องไตในแบบจำลองการศึกษา
​บทความได้รวบรวมหลักฐานจาก "การศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าการให้เรสเวอราทรอลสามารถบรรเทาหรือป้องกันการบาดเจ็บของไตในบริบทต่างๆ ได้ดังนี้:
​โรคไตจากเบาหวาน (Diabetic Nephropathy): ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของไตวายเรื้อรัง
​การบาดเจ็บของไตจากยา (Drug-induced Injury): เช่น ยาเคมีบำบัด หรือยาปฏิชีวนะบางชนิด
​การบาดเจ็บจากภาวะขาดเลือดมาเลี้ยง (Ischemia-Reperfusion Injury): มักเกิดขึ้นหลังการผ่าตัดใหญ่หรือการปลูกถ่ายอวัยวะ
​การบาดเจ็บที่เกิดจาก Aldosterone
​การบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับภาวะพิษเหตุติดเชื้อ (Sepsis-related Injury)
​การอุดกั้นท่อไต (Unilateral Ureteral Obstruction - UUO): ซึ่งเป็นแบบจำลองของภาวะพังผืดในไต (Renal Fibrosis)
​ในแบบจำลองเหล่านี้ เรสเวอราทรอลแสดงให้เห็นว่าสามารถลดความเสียหายของไต โดยผ่านกลไกต้านอนุมูลอิสระและการกระตุ้น SIRT1 ที่กล่าวมาข้างต้น

​4. บทสรุปและข้อเสนอแนะ
​บทความสรุปว่า เรสเวอราทรอล แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งในการปกป้องไตจากการบาดเจ็บเฉียบพลันและเรื้อรังหลายรูปแบบ กลไกสำคัญคือความสามารถแบบ "สองทาง" (Dual mechanisms) ได้แก่ (1) การเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ และ (2) การเป็นตัวกระตุ้น SIRT1 ซึ่งเลียนแบบผลดีของการจำกัดแคลอรี
​ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ผู้เขียนจึงเสนอว่า เรสเวอราทรอลเป็น "การรักษาเสริมที่มีประโยชน์" (Useful supplemental treatment) เพื่อใช้ในการป้องกันหรือชะลอความก้าวหน้าของการบาดเจ็บของไตในมนุษย์

สรุปบทความเรื่อง "Potential anticancer therapeutic targets of resveratrol and its role in the therapy of hepatocellular ...
10/11/2025

สรุปบทความเรื่อง "Potential anticancer therapeutic targets of resveratrol and its role in the therapy of hepatocellular carcinoma" (เป้าหมายการรักษาโรคมะเร็งของเรสเวอราทรอลและบทบาทในการบำบัดมะเร็งเซลล์ตับ) มาให้ดังนี้

​สรุปบทความ
​บทความนี้เป็นบทความทบทวน (Review article) ที่สำรวจศักยภาพของ เรสเวอราทรอล (Resveratrol หรือ RES) ซึ่งเป็นสารประกอบธรรมชาติที่พบในพืชบางชนิด ในการใช้เป็นยารักษามะเร็งเซลล์ตับ (Hepatocellular Carcinoma - HCC)

​ประเด็นสำคัญของบทความมีดังนี้:
​คุณสมบัติของเรสเวอราทรอล
​เรสเวอราทรอลเป็นสารไฟโตเอสโตรเจน (phytoestrogen) จากธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติหลากหลาย เช่น:
​ต้านมะเร็ง (Anti-cancer)
​ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)
​ปกป้องหัวใจ (Cardioprotective)
​ต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory)

​บทบาทในการรักษามะเร็งตับ (HCC)
​จากการศึกษาในวรรณกรรมพบว่า เรสเวอราทรอลมีศักยภาพในการบำบัดมะเร็งตับในหลายกลไก ได้แก่:
​การป้องกันระยะเริ่มต้น: ช่วยปกป้องตับจากการพัฒนาไปเป็นมะเร็งตับในระยะแรกเริ่ม
​การกระตุ้นการตายของเซลล์มะเร็ง: สามารถชักนำให้เกิด อะพอพโทซิส (Apoptosis) หรือ "การตายของเซลล์อย่างเป็นระบบ" ในเซลล์ตับที่เติบโตผิดปกติ (เซลล์มะเร็ง)
​การยับยั้งการลุกลาม: ช่วยลดกระบวนการที่สำคัญของมะเร็งในระยะลุกลามได้อย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่:
​การสร้างหลอดเลือดใหม่ (Angiogenesis): ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ไปเลี้ยงเนื้องอก
​การแพร่กระจาย (Metastasis): ยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
​การทดลองในเซลล์เพาะเลี้ยง: ในการทดลองกับเซลล์มะเร็งตับ (HepG2) พบว่าเรสเวอราทรอลช่วยกระตุ้นการตายของเซลล์ และยังป้องกันเซลล์มะเร็งจากการแบ่งตัว การเคลื่อนที่ และการบุกรุก
​การเพิ่มประสิทธิภาพเคมีบำบัด: เรสเวอราทรอลยังแสดงให้เห็นว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) โดยการทำงานร่วมกันและทำให้เซลล์มะเร็งไวต่อการรักษามากขึ้น

​สรุป
​บทความนี้ได้ให้ภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับกลไกการออกฤทธิ์ของเรสเวอราทรอลต่อมะเร็งตับ โดยเน้นที่เส้นทางการเผาผลาญและส่งสัญญาณในระดับเซลล์ที่ได้รับผลกระทบจากสารนี้ นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของเรสเวอราทรอลต่อความผิดปกติอื่นๆ ของตับ

ไรฝุ่นขยาย 2,000 เท่า ตัวต้นเหตุโรคภูมิแพ้
10/11/2025

ไรฝุ่นขยาย 2,000 เท่า ตัวต้นเหตุโรคภูมิแพ้

เรสเวอราทรอลและภาวะเจริญพันธุ์ในสตรี: การทบทวนอย่างเป็นระบบResveratrol and Female Fertility: A Systematicเรสเวอราทรอลเป็...
29/10/2025

เรสเวอราทรอลและภาวะเจริญพันธุ์ในสตรี: การทบทวนอย่างเป็นระบบ

Resveratrol and Female Fertility: A Systematic

เรสเวอราทรอลเป็นสารประกอบโพลีฟีนอลธรรมชาติที่มีประโยชน์หลายประการต่อสุขภาพของมนุษย์ ได้แก่ การชะลอวัย ต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มความไวต่ออินซูลิน ปกป้องหัวใจ และขยายหลอดเลือด หลักฐานที่เพิ่มมากขึ้นยังชี้ให้เห็นถึงผลเชิงบวกที่อาจเกิดขึ้นของเรสเวอราทรอลต่อภาวะเจริญพันธุ์ในสตรี วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการรวบรวมและประเมินวรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเรสเวอราทรอลและภาวะเจริญพันธุ์ในสตรี เราได้ค้นคว้าอย่างเป็นระบบจาก Medline, PubMed, Web of Science และ Embase ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งฐานข้อมูล (ปี 1951, 1951, 1947 และ 1900 ตามลำดับ) จนถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2024 งานวิจัยทั้งหมดรวมถึงการศึกษาแบบย้อนหลังหรือแบบไปข้างหน้า (in vivo) หรือการศึกษาในหลอดทดลอง (in vitro) ที่รายงานผลของการแทรกแซงด้วยเรสเวอราทรอลต่อภาวะเจริญพันธุ์ในสตรี สุดท้าย เราได้รวมงานวิจัยจำนวน 24 ชิ้นเข้าไว้ในการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบพร้อมสรุปผลการศึกษาแบบบรรยาย จากการศึกษาทั้งหมด 9 ชิ้น เป็นการศึกษาในสตรีที่ต้องการมีบุตรยากตามธรรมชาติหรือโดยการช่วยการเจริญพันธุ์ และอีก 15 ชิ้น เป็นการศึกษาในหลอดทดลองกับเซลล์และเนื้อเยื่อของมนุษย์ในระยะต่างๆ ของกระบวนการเจริญพันธุ์ งานวิจัยปัจจุบันแม้จะมีจำกัด แต่ชี้ให้เห็นว่าเรสเวอราทรอลมีบทบาทต่อภาวะมีบุตรยากในสตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรสเวอราทรอลส่งผลเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อผลลัพธ์ด้านการเจริญพันธุ์ เนื่องจากมีฤทธิ์ทางการรักษาที่ช่วยปรับปรุงการทำงานของรังไข่

🔬 ทำไมคนไทยที่เป็นผู้ใหญ่ ดื่มนมวัวแล้วท้องเสีย แล้วเรสเวอราทรอลสกัดจากมัลเบอร์รี่ช่วยได้อย่างไร?คนไทยจำนวนมากขาดเอนไซม์...
24/10/2025

🔬 ทำไมคนไทยที่เป็นผู้ใหญ่ ดื่มนมวัวแล้วท้องเสีย แล้วเรสเวอราทรอลสกัดจากมัลเบอร์รี่ช่วยได้อย่างไร?

คนไทยจำนวนมากขาดเอนไซม์ แลคเตส (Lactase) ซึ่งมีหน้าที่ย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมให้เป็นกลูโคสและกาแลคโตส เมื่อไม่มีเอนไซม์นี้
➡️ แลคโตสจะค้างอยู่ในลำไส้เล็ก
➡️ ถูกจุลินทรีย์บางชนิดหมักจนเกิดแก๊ส (เช่น E. coli, Clostridium)
➡️ ทำให้เกิดอาการ ท้องอืด ปวดท้อง และท้องเสีย

🌿 บทบาทของ “เรสเวอราทรอล” ต่อจุลินทรีย์ในลำไส้

เรสเวอราทรอลจากมัลเบอร์รี่มีคุณสมบัติเป็น โพลีฟีนอล (polyphenol) ที่สามารถปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ (gut microbiota modulation) ได้ ดังนี้

1. เพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ดี
เช่น Lactobacillus และ Bifidobacterium ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ช่วยย่อยแลคโตสได้บางส่วน แม้ในคนที่ขาดเอนไซม์แลคเตส

เมื่อเรสเวอราทรอลเพิ่มจำนวนแบคทีเรียเหล่านี้ → การย่อยแลคโตสดีขึ้น

ลดการหมักผิดปกติของแลคโตสในลำไส้ใหญ่

2. ลดจำนวนจุลินทรีย์ก่อแก๊สและท้องเสีย
เรสเวอราทรอลมีฤทธิ์ยับยั้ง pathogenic bacteria เช่น E. coli, Clostridium perfringens, และ Enterobacter ที่เป็นสาเหตุของการหมักแก๊สมากเกิน
→ จึงลดอาการท้องอืดและท้องเสียหลังดื่มนม

3. ลดการอักเสบของเยื่อบุลำไส้ (Anti-inflammatory effect)
เรสเวอราทรอลช่วยให้ผนังลำไส้แข็งแรง ไม่ระคายเคืองจากการหมักแลคโตส ส่งผลให้ระบบย่อยและดูดซึมดีขึ้นโดยรวม

⚙️ สรุปกลไกโดยย่อ

ขั้นตอน ผลของเรสเวอราทรอล

ปรับสมดุลจุลินทรีย์ เพิ่ม Lactobacillus, Bifidobacterium
ลดเชื้อก่อท้องเสีย ลด E. coli, Clostridium
ลดการอักเสบในลำไส้ ผนังลำไส้แข็งแรง ดูดซึมดีขึ้น
ผลลัพธ์ ย่อยแลคโตสดีขึ้น → ดื่มนมได้โดยไม่ท้องเสีย

🧠 สรุปใจความสำคัญ

เรสเวอราทรอลจากมัลเบอร์รี่ไม่ได้ช่วย “เพิ่มเอนไซม์แลคเตส” โดยตรงแต่ ช่วยให้จุลินทรีย์ในลำไส้ปรับสมดุลจนสามารถย่อยแลคโตสได้ดีขึ้น และลดการเกิดแก๊สหรือท้องเสียหลังดื่มนมวัว
จึงอธิบายได้ว่าทำไมบางคนที่เคยท้องเสียจากนมวัว เมื่อรับประทานเรสเวอราทรอลเป็นประจำแล้วไม่มีอาการท้องเสีย

ค่าอัตราการกรองไต(eGFR) ของเสี่ยสุธี(แขก) อายุ 68 ปีตรวจวัดล่าสุด 97.5 ml/min/1.73m^2 เทียบเท่าคนอายุ 30 ปี (หลังรับทานเ...
23/10/2025

ค่าอัตราการกรองไต(eGFR) ของเสี่ยสุธี(แขก) อายุ 68 ปีตรวจวัดล่าสุด 97.5 ml/min/1.73m^2 เทียบเท่าคนอายุ 30 ปี (หลังรับทานเรสเวอราทรอล Dr.Vee มาหลายปี)

การที่ค่าการกรองของไต (eGFR: estimated Glomerular Filtration Rate) เพิ่มขึ้นหลังรับประทานเรสเวอราทรอลสกัดจากมัลเบอร์รี่ต่อเนื่อง สามารถอธิบายได้จากกลไกทางชีวภาพหลายประการ ดังนี้ครับ 👇

🧬 1. เรสเวอราทรอลช่วยลดภาวะอักเสบในไต

เรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์ ต้านการอักเสบ (anti-inflammatory) อย่างชัดเจน โดยมันจะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ NF-κB และ COX-2 ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในไต

> เมื่อการอักเสบลดลง เซลล์ไตที่เหลืออยู่จะทำงานได้ดีขึ้น ทำให้ค่าการกรอง eGFR ดีขึ้นตามลำดับ

💪 2. ปกป้องเซลล์ไตจากอนุมูลอิสระ

ในคนที่ไตทำงานลดลง มักพบภาวะ oxidative stress สูง — ซึ่งเรสเวอราทรอลช่วยได้โดย

เพิ่มระดับเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ เช่น SOD, catalase, glutathione peroxidase

ลดการสะสมของอนุมูลอิสระ (ROS) ที่ทำลายเซลล์ไต

> การลดภาระจากอนุมูลอิสระนี้ช่วยให้เนื้อเยื่อไตฟื้นตัวและคงสภาพการทำงานไว้ได้ดีขึ้น

❤️ 3. ปรับการไหลเวียนเลือดในไตให้ดีขึ้น

เรสเวอราทรอลช่วยกระตุ้นการสร้าง ไนตริกออกไซด์ (NO) ทำให้หลอดเลือดในไตขยายตัวและไหลเวียนเลือดดีขึ้น

> ส่งผลให้มีออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงหน่วยไต (nephrons) ได้ดีขึ้น ซึ่งส่งเสริมให้การกรองของไตเพิ่มขึ้น

🧫 4. ปรับสมดุลระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด

ในผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือไขมันในเลือดสูง — ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคไต — เรสเวอราทรอลช่วย

เพิ่มความไวของอินซูลิน

ลดระดับน้ำตาลและไขมันเลว (LDL)

> ทำให้ไตได้รับความเสียหายน้อยลง และสามารถฟื้นตัวจากภาวะการทำงานบกพร่องได้

🧠 5. กระตุ้นยีนยืดอายุเซลล์ SIRT1

เรสเวอราทรอลถูกจัดว่าเป็น SIRT1 activator ซึ่งยีนนี้มีบทบาทในการฟื้นฟูและป้องกันความเสื่อมของเซลล์

> การกระตุ้น SIRT1 ในเซลล์ไตช่วยลด apoptosis (การตายของเซลล์) และเพิ่มความทนต่อภาวะขาดออกซิเจนในหน่วยไต

📈 สรุปผลลัพธ์ในภาพรวม

เมื่อรับประทานเรสเวอราทรอลสกัดจากมัลเบอร์รี่ต่อเนื่อง
✅ ลดการอักเสบและอนุมูลอิสระในไต
✅ เพิ่มการไหลเวียนเลือดในไต
✅ ปรับสมดุลน้ำตาล ไขมัน และความดันโลหิต
✅ กระตุ้นกลไกฟื้นฟูระดับเซลล์

> ผลรวมของกลไกเหล่านี้ทำให้ ค่าการกรองของไต (eGFR) ดีขึ้น หรือชะลอการเสื่อมของไตได้อย่างมีนัยสำคัญในระยะยาว

ให้ chatGPT5 บอกข้อมูลเกี่ยวกับเรสเวอราทรอล Dr.Vee ที่สกัดจากมัลเบอร์รี่ และให้บอกประโยชน์กับสุขภาพนี่คือข้อมูลเกี่ยวกับ...
22/10/2025

ให้ chatGPT5 บอกข้อมูลเกี่ยวกับเรสเวอราทรอล Dr.Vee ที่สกัดจากมัลเบอร์รี่ และให้บอกประโยชน์กับสุขภาพ

นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับ เรสเวอราทรอล Dr.Vee ที่สกัดจากมัลเบอร์รี่ พร้อมสรุป ประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างละเอียดและเข้าใจง่าย:

🫐 เรสเวอราทรอล Dr.Vee คืออะไร

เรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอดที่พบในผลไม้บางชนิด เช่น องุ่นแดง และ มัลเบอร์รี่ (Mulberry)
แบรนด์ Dr.Vee ได้พัฒนาสูตรสกัดเข้มข้นจากมัลเบอร์รี่สายพันธุ์ไทย โดยใช้เทคโนโลยีสกัดเย็น (Cold Extraction Technology) เพื่อคงคุณค่าสารต้านอนุมูลอิสระและโพลีฟีนอลไว้ได้อย่างเต็มที่

🌿 จุดเด่นของ เรสเวอราทรอล สกัดจากมัลเบอร์รี่

1. ✅ สกัดจากมัลเบอร์รี่แท้ธรรมชาติ 100% ไม่มีสารเคมีตกค้าง

2. ✅ เข้มข้นกว่าสารจากองุ่นแดงหลายเท่า ตามงานวิจัยพบว่ามัลเบอร์รี่ให้เรสเวอราทรอลสูงกว่าพืชหลายชนิด

3. ✅ ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี ด้วยเทคโนโลยีไมโครนาไนซ์ (Micronized Extraction)

4. ✅ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการชะลอวัย ดูแลหัวใจ และลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง รวมถึงโรคมะเร็ง

💪 ประโยชน์ของเรสเวอราทรอล Dr.Vee ต่อสุขภาพ

🧠 1. ป้องกันและชะลอความเสื่อมของเซลล์

เรสเวอราทรอลช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายของอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของ ความชราและโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง เบาหวาน และอัลไซเมอร์

❤️ 2. เสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

ช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) เพิ่มไขมันดี (HDL) และลดการอักเสบในหลอดเลือด ทำให้ หัวใจแข็งแรง ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดตีบตัน

🩸 3. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงหรือเป็นเบาหวาน เพราะช่วยให้เซลล์ตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น

🧬 4. เสริมภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ

เรสเวอราทรอลมีฤทธิ์ต้านการอักเสบตามธรรมชาติ ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูจากความเครียด ออกกำลังกายหนัก หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ

✨ 5. ชะลอวัยและบำรุงผิวพรรณ

ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปกป้องผิวจากรังสี UV และลดริ้วรอย ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ สดใส

👨‍⚕️ เหมาะกับใครบ้าง

คนวัยทำงานที่ต้องการดูแลสุขภาพและลดความเครียด

ผู้สูงอายุที่ต้องการชะลอความเสื่อมของร่างกาย

ผู้ที่ต้องการป้องกันโรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง

ผู้ที่ต้องการบำรุงผิวพรรณและดูอ่อนกว่าวัย

คนไทยจำนวนไม่น้อยยังคิดว่า “อะฟลาทอกซิน” สารพิษที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารแห้งอย่างพริกแห้ง พริกป่น หรือถั่วลิสง “กินได้ ไม่เ...
18/10/2025

คนไทยจำนวนไม่น้อยยังคิดว่า “อะฟลาทอกซิน” สารพิษที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารแห้งอย่างพริกแห้ง พริกป่น หรือถั่วลิสง “กินได้ ไม่เป็นไรหรอก”

ความคิดแบบนี้ ไม่ใช่แค่ประมาท แต่โง่จนเสี่ยงตาย

อะฟลาทอกซินไม่ใช่เรื่องเล็ก มันคือ สารก่อมะเร็งในมนุษย์ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้อยู่ใน กลุ่ม Class 1 — ระดับอันตรายที่สุด หมายความว่า “มีหลักฐานชัดเจนแล้ว” ว่ามันก่อมะเร็งตับในคนจริง ๆ ไม่ใช่แค่ในสัตว์ทดลอง

การที่ยังกล้ากินอาหารแห้งที่ขึ้นรา หรือพริกป่นที่เก็บไว้นานโดยไม่รู้ที่มา เท่ากับคุณกำลัง “ยื่นบัตรเชิญให้มะเร็ง” เข้ามาในร่างกายด้วยมือของตัวเอง

อย่าคิดว่า “ของแห้งไม่เสีย”
อย่าคิดว่า “กินนิดเดียวไม่เป็นไร” เพราะอะฟลาทอกซินไม่ต้องการปริมาณมาก — มันต้องการแค่โอกาสครั้งเดียว เพื่อทำลายตับคุณตลอดชีวิต

นักวิทยาศาสตร์ของต่างประเทศพบว่าพิษของแมงป่องในป่าฝนอเมซอล สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งเต้านม นักวิทยาศาสตร์ไทยบอกว่า มะเร็งต้อง...
17/10/2025

นักวิทยาศาสตร์ของต่างประเทศพบว่าพิษของแมงป่องในป่าฝนอเมซอล สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งเต้านม นักวิทยาศาสตร์ไทยบอกว่า มะเร็งต้องอย่าเป็น ฉลาดต้องรู้จักป้องกัน (ไม่รู้จักป้องกัน แล้วยังเอาสารก่อมะเร็งเข้าปากทุกวัน มะเร็งถามหาแน่นอน)

คนไทยที่เป็นมะเร็งและอยู่ระหว่างการรักษาในปัจจุบันประมาณ 500,000 คน ซึ่งหมายความว่าประชากรจำนวนมากกำลังต่อสู้กับโรคร้ายท...
15/10/2025

คนไทยที่เป็นมะเร็งและอยู่ระหว่างการรักษาในปัจจุบันประมาณ 500,000 คน ซึ่งหมายความว่าประชากรจำนวนมากกำลังต่อสู้กับโรคร้ายที่ต้องอาศัยทั้งการรักษาทางการแพทย์และการดูแลตนเองในชีวิตประจำวันอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเรื่อง อาหารการกิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของการรักษา

🔬 สารอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) คืออะไร

อะฟลาทอกซินเป็น สารพิษจากเชื้อรา กลุ่ม Aspergillus flavus และ Aspergillus parasiticus ที่มักปนเปื้อนอยู่ในอาหารแห้ง ที่สำคัญเช่น พริกแห้ง, พริกป่น, ถั่วลิสง, ธัญพืช ฯลฯ

ในบริบทของอาหารไทย “พริกแห้งและพริกป่น” เป็นส่วนประกอบแทบทุกเมนู ตั้งแต่ต้ม ผัด แกง ยันน้ำจิ้ม ซึ่งการตรวจสอบในตลาดประเทศไทยพบว่า พริกแห้งและพริกป่นที่จำหน่ายจากตลาด มีการปนเปื้อนอะฟลาทอกซินเกือบ 100% — การรับเป็นเวลานานเกือบจะทุกวัน จะทำให้สะสมในร่างกาย

⚠️ ผลกระทบของอะฟลาทอกซินต่อผู้ป่วยมะเร็ง

อะฟลาทอกซินเป็นสารก่อมะเร็ง (carcinogen) มีความร้ายแรงสูงมาก ซึ่งได้รับการจัดอยู่ในกลุ่ม สารก่อมะเร็งชนิดที่ 1 โดยองค์การอนามัยโลก (WHO)

ในผู้ที่กำลังรักษามะเร็งอยู่ —
ร่างกายจะอยู่ในภาวะอ่อนแอ ระบบภูมิคุ้มกันลดลง

ตับและไตต้องทำงานหนักจากการรับยาเคมีบำบัด

การได้รับอะฟลาทอกซินเพิ่มเข้าไปจะยิ่งเพิ่มภาระให้ตับ ทำให้ การขับสารพิษและการเผาผลาญยาได้ผลลดลง

ส่งผลให้ ประสิทธิภาพของการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร และเร่งให้เกิดการกลับเป็นซ้ำของเซลล์มะเร็งได้ง่ายขึ้น

💡 สรุป:
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งหรือผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษา ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโอกาสปนเปื้อนอะฟลาทอกซินโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะพริกแห้งและพริกป่น เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับสารก่อมะเร็งเพิ่มอีก และเพื่อช่วยให้การรักษาได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ที่อยู่

Nonthaburi
11200

เบอร์โทรศัพท์

0858468135

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ แบ่งปันความรู้เรื่องสุขภาพผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง แบ่งปันความรู้เรื่องสุขภาพ:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram