22Fellow

24/09/2022

ธรรมชาติสร้างสรรค์ 🎄🎄🎄🎄🎄🎄🎄

920 สุขสันต์วันเห็ดวิเศษโลก 🍄🎂🎉

หลายคนคงรู้จักตัวเลขว่า 4/20 กันดีว่า เป็นวันกัญชาสากล และ 4/19 คือ วันไบซีเคิลเดย์ ที่นักเคมีอัลเบิร์ตฮอฟมันน์ค้นพบสาร L*D บนหลังขี่จักรยานของเขาที่จัดให้เป็นวันหยุดสากล ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่เห็ดวิเศษก็มีวันหยุดเหมือนกัน คือวัน 9/20

แล้ววันเห็ดวิเศษนั้นมันแตกต่าง จากวันที่ 20 เมษายน (420) ที่ถูกกำหนดให้เป็นวันหยุดในปี 1970 และวันไบซิเคิลเดย์ 19 เมษายน ในปี 1943 ยังไง?

วันที่ 20 กันยายน (920) ถือว่าเป็นวันหยุดที่ค่อนข้างใหม่ เพราะมันพึ่งถูกเข้าสู่พจนานุกรมของ psychonauts ในปี 2015 เมื่อ Nicholas Reville ผู้สนับสนุนเห็ดจากเมือง Rhode Island บัญญัติให้ 20 กันยายนเป็น "วันแห่งการศึกษา" เพื่อสร้างจุดมุ่งหมายเพื่อในการเจรจาเกี่ยวกับประโยชน์ของสาร ซิโลไซบิน ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ทางจิตในเห็ดวิเศษ

ในขณะที่คนส่วนใหญ่เฉลิมฉลอง 420 โดยการสูบกัญชากันอย่างเปิดเผย แต่การเฉลิมฉลอง 920 มีรูปแบบที่แตกต่างออกไปมาก 920 กลับเป็นการฉลองด้วยการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านการศึกษา เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมมากกว่าที่จะมาใช้เห็ดกันตามท้องถนน

แล้วทำไมต้องเป็น 20 กันยายน?? เพราะมันเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นช่วงที่มีเห็ดขึ้นมากที่สุดจากฝนตก และเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล เพื่อเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ที่กำลังเข้ามาในอนาคต

✍️ Nick

-----------------------------------------------
กดติดตาม Psychedelic Thailand บนช่องทางต่าง ๆ
Line open chat: https://bit.ly/3ORs2e3
Instagram: https://bit.ly/3t8ZtQZ
Youtube: https://bit.ly/35VtWta
Tiktok : https://bit.ly/38xZUfU

12/09/2022

✅️ดูเพศกัญชาให้เป็น 🚹🚺🚻

นอกจากสายพันธุ์แล้ว เมื่อมองลึกเข้าไปอีกคือ "เพศของกัญชา" ซึ่งมีหลายเพศ โดยข้อมูลจาก cannhealth องค์ความรู้เรื่องกัญชาเพื่อสุขภาพ ได้อธิบายถึงลักษณะของกัญชาแต่ละเพศ ที่มีจุดเด่นต่อการใช้งานแตกต่างกันออกไป ดังนี้

กัญชาตัวผู้
วิธีสังเกต:
- กัญชาตัวผู้สูงกว่าและโตเร็วกว่ากัญชาตัวเมีย
- กัญชาตัวผู้ผอมกว่ากัญชาตัวเมีย
- กัญชาตัวผู้มีใบไม่มาก และไม่มีกิ่งแขนงมาก
- กัญชาตัวผู้ไม่ออกดอกและมีค่าสาร THC ต่ำ

แม้ว่ากัญชาตัวผู้จะไม่มีผลผลิตที่นำไปใช้ในการรักษาได้ แต่ก็มีความสำคัญในการขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ ได้ เช่น สร้างสายพันธุ์ใหม่ หรือรักษาสายพันธุ์เดิมเอาไว้, ทำยาสารสกัด, ใช้รากเพื่อทำยา,ใช้ทำน้ำกัญชา เป็นต้น

กัญชาตัวเมีย
วิธีสังเกต: กัญชาตัวเมียดูแข็งแรงกว่ากัญชาตัวผู้ ดอกของกัญชาตัวเมียกหุบไม่สุด บานและมีขน ซึ่งก็คือเกสรเพศเมีย ดอกของกัญชา

กัญชาตัวเมียคือตัวที่ออกดอกและมีสาร THC มากที่สุด หากได้รับการถ่ายละอองเรณูจากกัญชาตัวผู้ (ผสมพันธุ์) ดอกของตัวเมียจะกลายเป็นเมล็ดซึ่งอาจเป็นผลผลิตที่คนนิยมน้อยกว่าดอก

กัญชากะเทย
วิธีสังเกต: กัญชากะเทย ตัวเมียมีสีเหลืองอ่อน ครีมและขาว กัญชากะเทยมีดอก แต่ดอกเต็มไปด้วยเมล็ด

กัญชากะเทย มักไม่นิยมนำผลิตผลมาใช้เนื่องจากดอกที่เต็มไปด้วยเมล็ด แปลว่าสารแคนนาบินอยด์มีจำนวนไม่มาก จึงไม่นิยมนำมาใช้ในการรักษา อีกทั้งคุณภาพของตัวต้นจะไม่ดีเท่ากัญชาตัวผู้หรือกัญชาตัวเมีย

อย่างไรก็ตาม กัญชากะเทยสามารถผสมพันธุ์เองได้ แปลว่ากัญชารุ่นหลังจะเป็นกัญชาที่สามารถเป็นพืช 2 เพศในต้นเดียวกันที่จะทำให้แหล่งรวมยีนด้อยลง ไม่หลากหลายเพราะการผสมพันธุ์กันเอง

06/09/2022

ดีทุกดอก สรรพคุณทุกส่วน😁

19/08/2022

โรคพืชที่มักพบเจอ
🐛🐛🐛🐛🦗🦗🦗🦗
1.โรคราแป้ง (Powdery mildew) เกิดจากเชื้อรา Golovinomyces sp. จะเห็นเป็นผงสีขาวหรือสีขาวอมเทาปรากฏขึ้นที่ผิวใบด้านบนหรือด้านล่างของใบ ใบที่ได้รับผลกระทบจะบิดเบี้ยว ม้วนงอขึ้น และแคระแกรนในช่วงอากาศร้อนและแห้ง
2.โรคเน่าคอดิน (Damping Off) เกิดจากเชื้อรา Pythium sp. เชื้อราจะเข้าไปทำลายรากในระยะของต้นกล้าหรือต้นอ่อนของกัญชง ทำให้ลำต้นเหี่ยว เน่าและตายอย่างรวดเร็ว ซึ่งเส้นใยของเชื้อราที่เป็นสาเหตุนั้นจะสามารถแพร่กระจายอยู่ในดินได้ และเข้าสู่ต้นกล้าโดยแทงเข้าไปในเซลล์ผิว
3.โรคราสีเทา (Gray Mold aka. Bud Rot) เกิดจากเชื้อรา Botrytis sp. มักพบโรคราสีเทาในช่วงทำดอกของกัญชง จะเกิดเมื่อสภาวะอากาศที่เหมาะสม เช่น ฝนตก หรือสภาพอากาศที่ฟ้าปิด ไม่มีแสงแดดต่อเนื่องเป็นเวลานาน โรคราสีเทาทำให้ใบแห้ง ลำต้นอ่อนและเป็นสีน้ำตาล ราสีเทาในระยะแรกจะเห็นเป็นผงสีขาว ซึ่งจะเข้มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปจนกลายเป็นสีเทา (บางครั้งอาจเป็นสีดำหรือสีม่วง) และในที่สุดก็กลายเป็นเมือกสีน้ำตาลเทา
#แมลงศัตรูพืชที่มักพบเจอ
1.ไรแดง (Spider mites) จะใช้ปากแหลมเล็กๆ เจาะเซลล์พืชแต่ละเซลล์เพื่อดูดน้ำเลี้ยงบนใบพืช ทำให้ พืชชะงักการเจริญเติบโต และจะสังเกตุเห็นจุดสีเหลือง สีส้ม หรือสีขาวเล็กๆบนใบของพืช มักระบาดอย่างรวดเร็วในช่วงอากาศแห้งและร้อน
2.แมลงหวี่ขาว มักจะวางไข่ใต้ใบกัญชงเพื่อขยายพันธุ์ และจะดูดสารอาหารจากต้นกัญชง ทำให้พืชโตช้าและเกิดรอยด่างสีขาวบริเวณฝั่งด้านบนของใบ
3.เพลี้ยอ่อน มักอาศัยอยู่ใต้ใบ ลำต้น หรือยอดของกัญชา จะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ยอดหงิก ใบหงิก และน้ำเลี้ยงที่เพลี้ยอ่อนปล่อยออกมายังเป็นสาเหตุของโรคราดำ

14/08/2022

🙏 สวัสดีวันอาทิตย์สีแดง ❤️

🎄 ความแตกต่างที่น่าค้นหา 🧐

🌱 🌱

🚫 #20ปีขึ้นไป🔞

01/08/2022

28/07/2022

สำหรับผู้ปลูกสายพันธุ์ออโต้ หลายคนลังเลที่จะเทรนเพราะกังวลเกี่ยวกับการชะลอการเติบโต !!!
แต่สำหรับคนที่ต้องการผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้น จะเลือกใช้เทคนิคการเทรนที่สำคัญ 4 เทคนิค ดังนี้
1. วิธีการผูกมัด (THE TIE-DOWN METHOD)
เป็นการฝึกความเครียดต่ำ หรือ LST ทำได้โดยการดัดโคล่าหลักไปด้านข้างของต้น ใช้ลวดหรือสายเคเบิลดึงก้านและมัดเข้ากับภาชนะ คุณสามารถทำ LST โคล่าอื่นๆ ได้เช่นกัน เพื่อให้แน่ใจว่าโคล่าทั้งหมดอยู่ที่ความสูงเท่ากันและได้รับแสงในปริมาณเท่ากัน ด้วยเหตุนี้ ออกซินจึงมีการผลิตในลักษณะที่สม่ำเสมอ และลำต้นทั้งหมดที่ใกล้กับแสงจะทำให้เกิดตาจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ส่วนล่างจะได้รับแสงมากขึ้นเมื่อดันก้านหลักไปด้านข้าง วิธีนี้ทุกส่วนได้รับแสงเพียงพอจึงผลิตดอกไม้มากขึ้น
พูดง่ายๆ ก็คือ เรากำลังหลอกให้ต้นไม้คิดว่าลำต้นรองทั้งหมดเป็นโคล่าหลักหรือลำต้น เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น พืชจะกระจายความสำคัญไปยังส่วนอื่นๆ มากขึ้นในความพยายามที่จะอยู่รอด
LST สามารถทำได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก LST ช่วยให้คุณประหยัดพื้นที่โดยการลดการเติบโตในแนวดิ่งคุณจะได้รับประโยชน์มากขึ้น
2. S***G (Screen of Green)
S***G เป็นคำย่อของ Screen of Green หากคุณใช้ตะแกรงเพื่อฝึกพืช แสดงว่าคุณกำลังใช้เทคนิค S***G
โดยทั่วไป S***G ใช้สำหรับพืชช่วงแสง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสายพันธุ์ออโต้มีระยะเวลาออกดอกและให้ผลผลิตที่แน่นอน S***G จึงทำได้ค่อนข้างยาก
เพื่อใช้เทคนิค S***G คุณจะต้องมีตาราง ตาข่าย (ตะแกรง/เชือก) เพียงพอ โดยสามารถวางอุปกรณ์ไว้ก่อนวางตำแหน่งต้นไม้ หรือเพียงแค่วางตาข่ายหลังจากที่ต้นไม้เริ่มเติบโต
เมื่อต้นพืชเริ่มเติบโตและโตเข้าใกล้ตาข่าย ให้คว้าโคล่าหลักแล้วจับมันกดลงด้านล่างตาข่ายเบาๆ ตอนนี้โคล่าจะเริ่มเติบโตในแนวนอนชั่วขณะหนึ่ง แต่คุณจะเห็นว่าโคล่าจะวางตำแหน่งตัวเองอย่างรวดเร็วและเริ่มโตขึ้นอีกครั้ง เมื่อถึงจุดนี้ ให้วางโคล่าไว้ใต้ตาข่ายอีกครั้งและกระบวนการจะดำเนินต่อไป
เราสามารถทำฝึกกับโคล่าได้มากเท่าที่ต้องการ แนวคิดพื้นฐานคือการทำให้พืชเติบโตในแนวนอนมากกว่าแนวตั้ง หลังจากนั้นไม่นาน โคล่าจะหยุดโตขึ้นและคุณสามารถหยุดใช้เทคนิคนี้ได้ หากคุณฝึกฝเทรนต้นไม้ทุกวันตามแผนที่วางไว้ คุณจะเห็นว่าตาข่ายเต็มไปด้วยโคล่า และนั่นเป็นสาเหตุที่เทคนิคนี้เรียกว่า Screen of Green ที่มีเหตุผลหลักก็คือว่ามันเพิ่มผลผลิต
3. Topping
Topping เป็นการฝึกพืชที่ทำให้พืชเครียดสูง (HST) โดยทั่วไปจะไม่นิยมใช้เทคนิค HST กับออโต้ เพราะผู้ปลูกหลายคนเชื่อว่าสามารถลดการเจริญเติบโตของพืชได้ อย่างไรก็ตาม อาจไม่เป็นความจริงทั้งหมด สายพันธุ์ออโต้ไม่ได้บอบบางอย่างที่คุณคิด คุณสามารถทำได้ เว้นแต่คุณจะเป็นผู้ปลูกที่ไม่มีประสบการณ์
การ Topping จะทำให้เกิดตามากกว่าที่จะจินตนาการได้ เมื่อตัดส่วนปลาย ส่วนล่างของพืชจะได้รับแสงสว่างมากขึ้น เมื่อใบไม้ได้รับแสงมากขึ้น มันจะผลิตตามากขึ้นและให้ผลผลิตของคุณเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
4. Fimming
Fimming เกือบจะเหมือนกับ Topping แต่แทนที่จะตัดส่วนปลายของโคล่าหลัก มันจะถูกบีบในลักษณะที่พืชยังมีบางส่วนของส่วนบนที่เหลืออยู่
พืชจะผลิตโคล่าได้ 4-6 หน่อ เนื่องจากวิธีการหนีบปลาย ออกซินจึงถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังส่วนอื่นๆ ของพืชด้วย FIMming เครียดได้น้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับการ Topping เพราะยังมีส่วนปลายเหลืออยู่เมื่อคุณหนีบ ต้นออโต้จะฟื้นตัวเร็วขึ้นและเติบโตตามปกติอีกครั้ง
สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ FIM หรือ TOP เฉพาะเมื่อพืชยังไม่ได้ผลิตดอก หากคุณเห็นดอกห้าม FIM เด็ดขาด
เมื่อเทียบกับการ Topping การ FIMing ให้ผลตอบแทนมากกว่า อย่างไรก็ตาม หากคุณทำเช่นนี้เมื่อพืชออกดอกมันจะลดการผลิตดอกลงอย่างแน่นอน
ข้อสรุป
แนะนำให้ผู้เริ่มต้นใช้ LST เพราะการฝึกด้วยความเครียดต่ำจะช่วยให้ต้นพืชของคุณฟื้นตัวเร็วขึ้นแม้ในสภาพการเจริญเติบโตที่ไม่ดี เพียงจำไว้ว่าคุณควรทดลองและหาข้อสรุปของคุณเอง แต่ถ้าคุณเพิ่งเริ่มปลูก และไม่ต้องการเสี่ยง ให้เริ่มด้วย LST และพัฒนาทีละน้อย
และพึงระลึกไว้เสมอว่าคุณต้องใช้เทคนิคต่างๆ ในเวลาที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้ประโยชน์และไม่เกิดผลตรงกันข้าม ซึ่งอาจส่งผลต่อผลตอบแทนของคุณ

24/07/2022

การเติบโตที่มหัศจรรย์ 💯

18/07/2022

🚫10 อย่า...ทำเมื่อเริ่มต้นปลูกกัญ🚫
หากนี่เป็นครั้งแรกที่คุณปลูกกัญชา ต้องเข้าใจว่าการปลูกมีปัจจัยต่างๆ ที่ซับซ้อน ดังนั้น จึงควรเริ่มปลูกกัญในทิศทางที่ถูกต้อง และนี่คือข้อผิดพลาดบางอย่างที่คุณไม่ต้องการ
1. อย่ามองข้ามความรู้ มีความรู้มากมายที่ต้องเรียนรู้ ทั้งทางอินเทอร์เน็ตหรือในหนังสือ และตอนนี้คุณก็อ่านมันอยู่ (ดีมาก)
2. อย่าตัดแต่งต้นมากเกินไป บางคนคิดว่าการตัดแต่งจะทำให้มันยิ่งเติบโตเร็ว และดีขึ้น แน่นอนคุณควรจะตัดแต่งกิ่งที่ตาย เสีย เสี่ยงโรคออก แต่หากตัดเยอะไปมันย่อมเครียด ไม่โต หรืออาจได้ผลผลิตน้อย
3. อย่าลืมสนใจมันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพืชอารมณ์ดีมีอายุขัยค่อนข้างสั้น มันจึงต้องการความสนใจเป็นอย่างมาก จำเป็นต้องได้รับอาหาร ตัดแต่งกิ่ง และรดน้ำ มีแสงสว่างเพียงพอ และการระบายอากาศที่เหมาะสม
4. อย่าใช้ปุ๋ยเพียงอย่างเดียว คุณอาจถูกแนะนำให้ซื้อปุ๋ยธรรมดาเพราะหาง่าย แต่ปุ๋ยที่แตกต่างกันมีอัตราส่วนโพแทสเซียม (k) ไนโตรเจน 👎 และฟอสฟอรัส (p) ต่างกัน ในทุกขั้นตอนก่อนออกดอก พืชของคุณต้องการปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง อย่างไรก็ตามเมื่อพืชอยู่ในระยะออกดอกก็ต้องการปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสสูง
5. อย่าปลูกในพื้นที่แสงน้อย พื้นที่ดังกล่าวเช่นหน้าต่าง เพราะมันอาจจะไม่ได้รับแสงมากเพียงพอ
6. อย่าอวด หากพืชชนิดนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งมีความเสี่ยง และอาจนำพวกศัตรูพืชมายังพื้นที่ปลูกได้ เช่น ไรแดง
7. อย่าลืมวางแผนล่วงหน้า ทางหนีที่ไล่ของคุณในการทำให้พืชอยู่รอดปลอดภัย นอกจาก แสงแดด ปุ๋ย แมลงรบกวน คาร์บอนไดออกไซด์ คุณควรวางแผนล่วงหน้าในการจัดการเรื่องต่างๆ
8. อย่าคิดเองว่าดินปลูกกลางแจ้งของคุณจะได้ผล ดินที่แตกต่างกันมีระดับ pH ต่างกัน คุณต้องการ เช็คให้แน่ใจว่าดินต้องมีค่าอยู่ช่วง 7.0 หากคุณต้องการพืชที่ดี มีผลผลิตสูง
9. อย่าปล่อยให้ต้นโตเกินภาชนะปลูก เมื่อพืชของคุณเติบโตอย่างรวดเร็ว รากของมันก็จะยาวออกไป ตรวจสอบให้แน่ใจว่าต้นไม้ของคุณอยู่ในภาชนะที่มีขนาดเพียงพอ หากดูเหมือนว่าโตเกินไปแล้ว ให้ย้ายไปปลูกในกระถางที่ใหญ่กว่าอย่างระมัดระวัง
10. อย่าตื่นตระหนก ถ้าต้นไม้ของคุณเริ่มเหี่ยวหรือเหลือง ก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดจะตาย มันอาจจะขาดสารอาหารบางอย่าง ลองทำอะไรซักอย่างก่อนที่คุณจะหมดหวังและโยนต้นไม้ของคุณทิ้ง