หยุดภูมิแพ้เรื้อรังด้วย KoreginsD Dshine Dpot โดย กชพร 0995688501

หยุดภูมิแพ้เรื้อรังด้วย KoreginsD Dshine Dpot โดย กชพร 0995688501 ปรับสมดุลร่างกาย ตับ ไต หัวใจ ม้าม ป?

โกเรจินส์ ดี ปรับสมดุลร่างกาย ดูแล 10 ระบบของร่างกาย ตับ ไต หัวใจ ม้าม ปอด ระบบเลือด
ดีพอต D-POT ดูแลปอด เพื่อปอดที่แข็งแรง
ดีชาย D-SHINE เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านแบคทีเรีย

ผลิตภัณฑ์ "ดีกลูแคน" สุดยอดผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพมารู้จักกับ "เบต้ากลูแคน" จากพืชให้ลึกซึ้ง (1)เบต้ากลูแคน ในสมัย 20-30 ปีท...
13/09/2023

ผลิตภัณฑ์ "ดีกลูแคน" สุดยอดผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ

มารู้จักกับ "เบต้ากลูแคน" จากพืชให้ลึกซึ้ง (1)

เบต้ากลูแคน ในสมัย 20-30 ปีที่แล้ว เป็นที่ฮือฮากันมากเลยในวงการตลาดสุขภาพ เพราะว่ามันเป็นสารอาหารทางการแพทย์ ซึ่งมีคุณสมบัติในเรื่องของการดูแลสุขภาพและหลังจากนั้นก็จะมีงานวิจัยที่ช่วยดูแลในกลุ่มของการฟื้นฟูสุขภาพ ตัวเบต้ากลูแคนสมัยก่อนในวงการทางการแพทย์ตื่นเต้นมากๆ แล้วก็จะมีหลากหลายชนิดมากๆ เลย ในกลุ่มโรคมะเร็งโครงการแค่ตื่นตัวแล้วก็ต้องการสร้างในเรื่องของความรู้ให้กับประชาชนโดยทั่วไปในเรื่องของการตื่นตัวเกี่ยวกับโรคมะเร็งเพื่อที่จะทำให้สุขภาพของคนไทยอัตราการเสียชีวิตของประชากรโลกเนี่ยให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น แล้วก็ในสมัยนี้ต้องกลับมาฟื้นฟูอีกในช่วงยุคกลางเพราะฉะนั้นวันนี้ค่ะในวงการ เพราะฉะนั้นในตลาดของบริษัท
จะเป็นการออมสุขภาพเหมือนเราหยอดกระปุกไปเรื่อยๆๆเพื่อให้ร่างกายเรามีความทนทานมีความแข็งแรงในส่วนของภูมิคุ้มกันที่มันบกพร่องกำจัดเชื้อโรคและเซลล์แบบฟอร์มต่างๆ ลดความเสี่ยงในเรื่องของการเกิดโรคมะเร็ง ต้านการอักเสบอย่างที่เราเคยเรียนกันไปในพาร์ทของการที่เราเรียนนเรื่ององค์ประกอบร่างกายแล้วใช่ไหมคะ แต่การอักเสบภายในเนี่ยนะคะมันจะเป็นปฏิกิริยาที่มันค่อยๆสะสมไปเรื่อยๆๆๆๆๆจนท้ายที่สุดค่ะกระบวนการของร่างกายไม่สามารถกำจัดการอักเสบได้ด้วยตัวของมันเองมันก็เลยทำให้เราเกิดเป็นการอักเสบร้ายแรงและก่อให้เกิดเป็นโรคมะเร็งหรือโรคชนิดต่างๆ นั่นเอง เพราะฉะนั้นการป้องกันโรคที่เกี่ยวข้อง

การได้รับสารก่อภูมิแพ้หรือสารเคมี หรือว่ามีปัญหาในส่วนของการที่ร่างกาย เราเจอเชื้อโรคเข้าไปในอันดับแรกเลยคือเราจาม คือประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกัน ทำไมถ่ายบ่อยถ่ายเยอะไม่ต้องตกใจ เป็นการขับถ่ายของเสียออก ออกทางอุจจาระอยู่ในรูปของของแข็ง ขับสารพิษออกนอกร่างกายด้วย ตับแข็งแรง หลอดเลือดสะอาด ลำไส้สะอาด

ช่วยในเรื่องของการดูระบบขับถ่ายและการขับสารพิษจะทำให้ร่างกายได้กำจัดสารพิษออกได้นะคะร่างกายสะอาด ร่างกายแข็งแรง กระบวนการเผาผลาญ มันก็จะมีเพื่อนเซลล์ทุกเซลล์ทำงานได้ดีเกิดมานี่เกิดความสัมพันธ์ของการใช้เซลล์ จะช่วยทำให้การย่อยอาหารของเรามีประสิทธิภาพและหมายความว่าระดับไขมันในเลือด ช่วยในเรื่องของการลดระดับคอเลสเตอรอลด้วย เบต้ากลูแคน LDL ลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจโรคหลอดเลือดต่างๆ แล้วก็ป้องกันการเติบโตการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งหรือเชื้อโรคก็ลดน้อยลงสะอาดขึ้นไหมคะ เราทานอะไรเข้าไประบบการย่อยของเรามีการดูดซึมก็ดี ตามระบบการเผาผลาญของเราก็ยิ่งดีมากขึ้นตามไปด้วยการลดน้ำหนักหรือลดไขมัน

เบต้ากลูแคน โดยเฉพาะจากยีสต์จากขนมปังจะเสริมภูมิคุ้มกัน ประสิทธิภาพของเม็ดเลือดขาวอินโฟไซด์ เป็นเม็ดเลือดขาว เป็นทหารเอกเป็นด่านหน้าในการกำจัดเชื้อโรค จะมีบทบาทในการเสริมประสิทธิภาพระดับเซลล์หรือจากระดับ DNA เลยก็ว่าได้ ระดับยีนส์หากร่างกายสูญเสียประสิทธิภาพเม็ดเลือดขาวกลุ่มนี้จะทำให้ร่างกายเสี่ยงมะเร็ง โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำนหักตัวเกิดมาตรฐานจะติดเชื้อง่ายกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวตามเกณห์ มีภาวะอ้วนลงพุง คอเลสเตอรอลสูง หากร่างกายมีระดับไขมันเยอะก็จะเสี่ยงต่อการเป็นภูมิแพ้ ภูมิเพี้ยน ภูมิพัง ถ้าเป็น
ภูมิแพ้ก็เป็นหวัด เป็นหอบ เป็นผื่น หรือที่เรียกกันว่าเป็นภูมิแพ้มานานรักษามาเท่าก็ไม่หาย จะเรียกว่า
ภูมิเพี้ยน เช่น SLE โรคพุ่มพวง รูมาตอยด์ จะเป็นในลักษณะของเม็ดเลือดขาวทำงานผิดปกติ ภูมิพัง ก็คือ
ภูมิคุ้มกันมันกัดกินตัวมันเอง ก็กลายเป็นโรคอื่นๆ ที่รักษาไม่หายค่อนข้างยากและการรักษาเรื้อรังมาก คุณภาพชีวิตของคนที่เป็นโรคภูมิเพี้ยง ภูมิพัง ก็ค่อนข้างทรมานเปรียบเสมือนรถยนต์ที่พัง เราไม่สามารถที่จะมีเครื่องยนต์กลไกที่จะดูแลสุขภาพที่ดีพอหรือมากเพียงพอ

เบต้ากลูแคนเป็นสารสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ มีประโยชน์ต่อร่างกายที่ดีที่สุดในโลก
- ต้านมะเร็ง
- ต้านเชื้อไวรัส
- ป้องการการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้ภูมิคุ้มกันทำงานปกติได้ดีขึ้น
- ช่วยลดน้ำหนัก
- ลดคอเรสเตอรอล

ปรึกษา สอบถาม โทร.099-5688-501

5 "ผักพื้นบ้าน" ยิ่งทาน ยิ่งห่างไกล "มะเร็ง" ขนาดแพทย์ยังยกนิ้วให้ งานนี้รีบหามาทานด่วน แชร์เก็บไว้เป็นความรู้ !มีคำกล่า...
23/08/2023

5 "ผักพื้นบ้าน" ยิ่งทาน ยิ่งห่างไกล "มะเร็ง" ขนาดแพทย์ยังยกนิ้วให้ งานนี้รีบหามาทานด่วน แชร์เก็บไว้เป็นความรู้ !

มีคำกล่าวว่ายาที่ดีที่สุดคือสิ่งที่เรากินเข้าไปไม่ว่าจะเป็นผักหรือเนื้อสัตว์ชนิตต่างๆถ้าเราเลือกกินดีๆอาหารนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายแต่ถ้า เรารับแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์แทนที่จะดีกลับเป็นโทษต่อร่างกายชะงั้น วันนี้เราเลยอยากจะพาทุกท่านที่อยากห่างไกลจากมะเร็งมารู้จักกับผัก สมุนไพรพื้นบ้านของไทยที่ยิ่งกินรับรองได้เลยว่ามะเร้งตัวร้ายจะกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย

1.สะเดา

ผักสะเดานี้มีรสชาติขม แต่ประโยชน์ของมันนั้นมีมากในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงร่างกาย ขับเสมหะ ลดไข้ แก้ท้องผุก ขับลม และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกและมะเร็งได้อีกด้วย

2. ผักชีลาว

ช่วยแก้ท้องผูก ขับลม แก้อาการวิงเวียนศรีษะ เสริมภูมิต้านทานโรค และยังมีฤทธิ์ต่อต้าน อนุมูลอิสะ ช่วยยับยั้งและชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง

3.ผักแขยง

ผักแขยงหรือผักกะแยเป็นอีกหนึ่งผักพื้นบ้านที่พบมากในภูมิภาคอีสานมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงมีฤทธิ์ต่อต้านเซลลืมะเร็งได้เช่นกัน คนอีสานจึงมักนำมาประกอบอาหาร ทั้งประเภทแกง ลาบหรือน้ำพริก

4.ผักติ้ว

ชาวบ้านแถบอีสานสามารถหามาทานกันได้ง่ายๆ วึ่งผักติ้วมีสารอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ต้านมะเร็งตับอีกด้วย

5.ขี้เหล็ก

เรียกว่าหวานเป็นลมขมเป็นยาจริงๆกับขี้เหล็กแม้จะขมแต่ฤทธิ์ของมันมีมากจนต้องหามาทานทั้งช่วยยับยั้งการเจริญเติบดตของเซลล์มะเร็ง ในส่วนของแก่นขี้เหล็ก ยังช่วยรักษามะเร็งต่างๆเช่นมะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย

ปรึกษา/สั่งซื้อโทร:099-5688-501 พี่ป้อมค่ะ/ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมคลิก👇👇👇

https://lin.ee/Tr4xYS0
https://lin.ee/Tr4xYS0

ชุดภูมิคุ้มกันผลิตภัณฑ์2ตัวหลัก คือดีกลูแคน. และดีมุนด์ชึ่งมีส่วนช่วยเรื่องภุมิคุ้มกันโดยตรงเพราะถ้าภูมิเราดีเชื้อโรคร้า...
22/08/2023

ชุดภูมิคุ้มกัน

ผลิตภัณฑ์2ตัวหลัก คือ

ดีกลูแคน. และดีมุนด์
ชึ่งมีส่วนช่วยเรื่องภุมิคุ้มกันโดยตรง

เพราะถ้าภูมิเราดีเชื้อโรคร้ายจะทำอะไรเราไม่ได้ทุกอย่างอยู่ที่ภูมิคุ้มกันเรา

-โดยดีกลุแคน จะทำหน้าที่ดังนี้คือ
1. ผลิตเชลล์ภูมิต้านทานและยังกระตุ้นให้เม้ดเลือดขาวตื่นคอยกัดกินดักจับเชื้อไวรัสที่เข้าสู่ร่างกายของเรา

2. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเม้ดเลือดขาวให้ดีขึ้น ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดี

รสชาด ก้อร่อยมากเป็น
รสน้ำสัปปะรด ดื่มง่าย
ทานเป็นประจำยิ่งดี

ส่วนอีกตัวคือ ดีมุนด์. มีสารสกัดที่ตรงจุดหลายอย่าง ทั้ง โสม
เบต้ากลุแคน
ชาเขียว
ปัญจขันธ์
อาร์ติโชค
เห็ดยามาบูชิตาเกะ
อบเชย
แคลเซี่มเอสคอเบต
และพูลคาว

โดยดีมุนด์ จะช่วยให้ สร้างภุมิต้านทาน -ป้องกันโควิดได้ จากสารสกัดเหล่านี้ ที่มีหลายตัวช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันโดยตรง

จากโสม-ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน/ช่วยให้เม็ดเลือดขาวมฝทำงานดีขึ้น ลดเชื้อโรคต่างๆได้/กระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้ทำงานดีขึ้น

- จากปัญจขันธ์/เจี่ยวกู้หลาน
มีสารปรับสมดุลย์เทียบเท่าโสม/มีผลต่อภูมิคุ้มกัน
- จากพลูคาว ชึ่งตอนนี้มีงานวิจัยออกมารองรับว่าช่วยฆ่าเชื้อไวรัสได้
- สารจากพลูคาวกระตุ้นภูมิคุ้มกันและการทำงานของเม็ดเลือดขาว

-และสารสกัดจากอบเชย/แคลเชี่ยมเอสคอเบต/เห็ดยามาบูชิตาเกะ ก็ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันลดเชื้อไวรัสได้.
ที่สำคัญ ยังมีสารเบต้ากลุแคนด้วยที่ช่วยไปกระตุ้นการทำงานของเม้ดเลืดขาว กระตุ้นภุมิคุ้มกัน ต้านอนุมุลอิสระ

และชาเขียว ก็มีสารต้านอนุมุลอิสระด้วยเช่นกัน

สรุปว่า ถ้าทาน ดีกลุแคน-ดีมุนด์ จะช่วยให้ พี่มีภูมิ ที่ดี ต้านโควิด ได้ดีเลยค่ะ

ทานรวมกันทั้ง 2 ตัว เสริมภูมิคุ้มกันคุณ 2 เท่า
ถ้าร่างกายเรามีภูมิคุ้มกันที่ดี โอกาส เป็นโรคภูมิคุ้มกันหรือเชื้อต่างๆมากร้ำกราย ก็จะไม่มีนะคะ
ลดความเสี่ยงตั้งแต่วันนี้ค่ะ

-เพราะโควิดติดง่าย หากสัมผัสสารคัดหลั่งจาก น้ำมูก จามไอ ทานอาหารร่วมกัน พี่คงไม่อยากตกเป็นผุ้ได้รับความเสี่ยงนะคะ ดังนั้น

" ป้องกันก่อนต้องรักษานะคะ "

ปรึกษา/สั่งซื้อโทร:099-5688-501 พี่ป้อมค่ะ/ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมคลิก👇👇👇

https://lin.ee/Tr4xYS0
https://lin.ee/Tr4xYS0

👩‍⚕️👩‍⚕️ โรคไทรอยเป็นพิษแบบไม่แสดงอาการโรคไทรอยด์เป็นพิษแบบไม่แสดงอาการ (Subclinical hyperthyroidism) คืออะไรSubclinical...
17/08/2023

👩‍⚕️👩‍⚕️ โรคไทรอยเป็นพิษแบบไม่แสดงอาการ

โรคไทรอยด์เป็นพิษแบบไม่แสดงอาการ (Subclinical hyperthyroidism) คืออะไร

Subclinical hyperthyroidism หรือเรียกว่า mild thyroid failure หมายถึงผู้ที่มีการทำงานของต่อมไทรอยด์มากกว่าปกติ แต่มักไม่มีอาการแสดงของภาวะฮอร์โมนไทรอยด์เป็นพิษ หรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ใจสั่น เป็นต้น โดยทั่วไปไม่ก่อให้เกิดปัญหาในคนอายุน้อยแต่สำหรับผู้สูงอายุอาจก่อให้เกิดโรคหัวใจและกระดูกพรุนได้

ภาวะนี้เกิดจากสาเหตุหรือปัจจัยใด

สาเหตุการเกิดสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดคือ

- ความผิดปกติที่เกิดภายในร่างกาย (endogenous subclinical hyperthyroidism) ได้แก่ ภาวะผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เช่น Graves’ disease, ไทรอยด์อักเสบ (thyroiditis) เป็นต้น

- ความผิดปกติที่เกิดจากการได้รับสารจากภายนอก (exogenous subclinical hyperthyroidism) ได้แก่ การได้รับฮอร์โมนไทรอยด์เพื่อการรักษา ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด หรือเกิดจากการได้รับยาหรือสารรังสีที่มีส่วนประกอบของไอโอดีน เช่น ยารักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ amiodarone เป็นต้น

ภาวะนี้มีอันตรายอย่างไร

ภาวะนี้ทำให้เกิดความผิดปกติของกระดูกและหัวใจ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุในวัยหมดประจำเดือนหรือผู้ที่มีปัญหาโรคกระดูกพรุนร่วมด้วยอยู่แล้ว ภาวะนี้จะทำให้เกิดปัญหาภาวะกระดูกพรุนมาก เนื่องจากฮอร์โมนไทรอยด์มีผลในการกระตุ้นการสลายกระดูก นอกจากนั้น พบการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (atrial fibrillation) ซึ่งระดับความรุนแรงของโรคสัมพันธ์กับปริมาณ TSH ที่ต่ำ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี หรือมีภาวะโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะร่วมด้วยอยู่แล้ว มีความเสี่ยงมากกว่าคนปกติ และพบอาการอื่นๆ บ้างแต่ไม่รุนแรง เช่น อาการนอนไม่หลับ อ่อนเพลีย กังวล มือสั่น หงุดหงิดง่าย

https://lin.ee/Tr4xYS0

สนับสนุนโดย #โกเรจินส์ดี Koregins D #ปรับสมดุล 10 ระบบของร่างกาย
ติดต่อปรึกษาโทร. 099-5688501 พี่ป้อมค่ะ

ฮอร์โมนเอสโตรเจน (1)ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) คืออะไร?ฮอร์โมนเอสโตรเจน คือฮอร์โมนเพศหญิงที่สำคัญ ทำหน้าที่ควบคุมระบบสื...
07/08/2023

ฮอร์โมนเอสโตรเจน (1)

ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) คืออะไร?
ฮอร์โมนเอสโตรเจน คือฮอร์โมนเพศหญิงที่สำคัญ ทำหน้าที่ควบคุมระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิง ผลิตจากรังไข่เป็นส่วนใหญ่ และมีส่วนน้อยที่ผลิตจากต่อมหมวกไตและเซลล์ไขมัน โดยจะมีผลต่อการเจริญเติบโตทางเพศ ลักษณะของเพศหญิงต่างๆ การมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ และการหมดประจำเดือน

ฮอร์โมนเอสโตรเจน มีหน้าที่อะไร?
ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีหน้าที่ในการควบคุมการมีประจำเดือนและการหมดประจำเดือนของเพศหญิงและยังดูแลเรื่องระบบของอวัยวะต่างๆในร่างกายอีกด้วย

- ระบบหัวใจและหลอดเลือด ควบคุมการผลิตคอเลสเตอรอลทั้ง คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับของคอเลสเตรอลที่ดี (HDL)

- ระบบกล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อ นอกจากนี้ยังช่วยในการรักษาคอลลาเจนเพื่อคงความยืดหยุ่นให้กับผิว ซึ่งฮอร์โมนนี้จะเริ่มมีปริมาณลดลงตั้งแต่ช่วงอายุ 30 ปีเป็นต้นไป และอีกหน้าที่ของฮอร์โมนเอสโตรเจนก็คือการกำจัดอนุมูลอิสระ (Free Radical) ทำให้ผิวของเรานั้นไม่เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร

- ระบบประสาทและสมอง ช่วยเรื่องความทรงจำ รักษาสมดุลทางด้านอารมณ์และจิตใจ

ถ้าฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่สมดุล?

ปัจจัยที่มีผลต่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน ได้แก่ น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ความเครียดสะสมเรื้อรัง อาหารที่รับประทาน รวมถึงยาหรือสารเคมีที่รับเข้าสู่ร่างกาย หากฮอร์โมนมากไปหรือน้อยเกินไปย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น เรื่องผิวพรรณ ผิวแห้งหรือเกิดรอยเหี่ยวย่น

ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนมากไปมีผลต่อร่างกาย ดังนี้ ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดอาการก่อนมีประจำเดือนผิดปกติ เช่น อยากรับประทานของหวาน ตัวบวม น้ำหนักขึ้นไว ปวดไมเกรน คัดตึงเต้านม นอนหลับยากขึ้น อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย อาจทำให้เกิดเนื้องอก ถุงน้ำเต้านม มดลูก หรือรังไข่


ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำมีผลต่อร่างกาย ดังนี้ ไม่มีสมาธิในการทำงาน หลงลืม ขาดสมาธิในการจดจ่อกับงานที่ทำ ปัญหานอนไม่หลับ ทำให้เซโรโทนินต่ำส่งผลต่อการนอน ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า เนื่องจากระดับของฮอร์โมนเซโรโทนิน ที่ช่วยลดภาวะซึมเศร้านั้นลดลง มีผลต่อกระดูก เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ ทำให้ความหนาแน่นของกระดูกลดลง ช่องคลอดฝ่อ สูญเสียความยืดหยุ่นทำให้หลั่งสารหล่อลื่นได้ช้าลง

ฮอร์โมนเอสโตรเจนส่งผลต่อผิวอย่างไร ความชุ่มชื้นของผิว: เอสโตรเจนช่วยรักษาระดับความชุ่มชื้นของผิวโดยกระตุ้นการผลิตกรดไฮยาลูโรนิกซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้ผิวอุ้มน้ำได้ดีขึ้น มีส่วนช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำและดูอ่อนเยาว์ การผลิตคอลลาเจน: เอสโตรเจนช่วยเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยเรื่องโครงสร้างแก่ผิวหนัง คอลลาเจนจะช่วยคงความยืดหยุ่นของผิว กระชับ และลดเลือนรอยเหี่ยวย่น การผลิตน้ำมัน: เอสโตรเจนสามารถควบคุมการผลิตน้ำมันตามธรรมชาติของผิว สำหรับการรักษาความชุ่มชื้นของผิว แต่การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจทำให้เกิดการผลิตซีบัมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดสิวมากขึ้น การควบคุมเมลานิน: เอสโตรเจนมีส่งผลต่อการผลิตเมลานินซึ่งเป็นเม็ดสีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสีผิว สามารถช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้นและป้องกันแสงแดดได้

ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สมดุลควรมีค่าเท่าไหร่? ผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์จะมีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ 15-350 pg/mL โดยจะแตกต่างกันในช่วงของการตกไข่และมีประจำเดือน ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนจะมีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดต่ำลงที่

วิธีดูแลรักษาระดับเอสโตรเจน? (2)การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยเอสโตรเจนในวันหลังไข่ตก มีส่วนช่วยรักษาระดับฮอร์โมนเอสโตรเ...
07/08/2023

วิธีดูแลรักษาระดับเอสโตรเจน? (2)
การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยเอสโตรเจนในวันหลังไข่ตก มีส่วนช่วยรักษาระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย ซึ่งสารเลือกรับประทานอาหารต่างๆ และควรรับประทานแต่พอดี การรับประทานมากไปก็อาจทำให้เกิดอาการฮอร์โมนเสียสมดุลด้วยเช่นกัน

👉ผลไม้สด
เป็นอาหารที่มีไบโอฟลาโวนอยด์ ช่วยเสริมสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งผลไม้สดที่มีสารไบโอฟลาโวนอยด์อยู่มาก เช่น มะขาม ส้มโอ ส้มเขียวหวาน มะนาว

👉ดื่มน้ำมะพร้าว
เพราะในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนอสโตรเจนสูง ช่วยทดแทนฮอร์โมนในช่วงที่สวิงดาวน์ลงได้ นอกจากนี้ก็มีส่วนช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย ด้วยกระบวนการที่คล้ายกับการดีท็อกซ์อีกด้วย

👉น้ำเต้าหู้
เพราะถั่วเหลืองในน้ำเต้าหู้นอกจากจะเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง แล้วยังมี ฮอร์โมนไฟโตเอสโตรเจนทำหน้าที่คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่วยปรับฮอร์โมนของผู้หญิงที่ขาดไป

👉วิตามินบี
วิตามินบีมีส่วนสำคัญในการสร้างและกระตุ้นฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย หากร่างกายมีวิตามินบีในระดับที่ต่ำอาจทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง

👉วิตามินดี
วิตามินดีและฮอร์โมนเอสโตรเจนทำงานร่วมกันช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยวิตามินดีมีบทบาทในการสังเคราะห์ฮอร์โมนเอสโตรเจน

👉การรับประทานเมล็ดแฟลกซ์
มีส่วนช่วยต่อต้านผลกระทบของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีมากเกินไปทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้อย่างเหมาะสมพร้อมลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งท่อปัสสาวะ และมะเร็งรังไข่

เอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนสำคัญของเพศหญิงและเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาดูแลผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์ และมีสุขภาพดี เป็นหัวใจแห่งความงามของผู้หญิงทุกคนที่ต้องการดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่, การออกกำลังกาย, การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ หรือ การมีสุขภาพจิตที่ดี ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยทำให้เรามีสุขภาพที่ดีและมีผิวที่อ่อนเยาว์ได้

ปรึกษา สั่งซื้อ โทร.099-5688-501
ศูนย์สุขภาพ-พี่ป้อม

'วันฉัตรมงคล' เปิดประวัติความเป็นมา พระราชพิธี ที่สำคัญประวัติความเป็นมา “วันฉัตรมงคล”พระราชพิธีฉัตรมงคล เป็นพระราชพิธีบ...
03/05/2023

'วันฉัตรมงคล' เปิดประวัติความเป็นมา พระราชพิธี ที่สำคัญ

ประวัติความเป็นมา “วันฉัตรมงคล”

พระราชพิธีฉัตรมงคล เป็นพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสมโภชพระมหาเศวตฉัตร เครื่องราชูปโภค ฉลองสิริราชสมบัติเนื่องในวันคล้ายวันบรมราชาภิเษก ของพระมหากษัตริย์ในพระบรมราชวงศ์จักรี เริ่มมีครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามธรรมเนียมเดิม ในเดือน 6 (ตรงกับเดือน พ.ค.) เจ้าพนักงานทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายในที่มีหน้าที่รักษาเครื่องราชูปโภคและพระราชนิเวศน์ จะทำพิธีสมโภชเป็นการภายใน โดยฝ่ายในจะตั้งเครื่องสังเวย เครื่องประโคม และร้อยดอกไม้ประดับบูชา ส่วนฝ่ายหน้าจะจัดพิธีสวดมนต์เลี้ยงพระด้วย เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 6 ขึ้น 15 ค่ำ ปีกุนตรีศก จ.ศ. 1213 ตรงกับวันที่ 15 พ.ค. 2394 นั้น ตรงกับเดือนที่เจ้าพนักงานทำพิธีสมโภชเครื่องราชูปโภค จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชกุศลในวันคล้ายวันบรมราชาภิเษก และพระราชทานชื่อว่า “ฉัตรมงคล” โดยจัดการพระราชพิธีในเดือน 6 ขึ้น 13 14 15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ รวม 4 วัน

แต่ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชพิธีฉัตรมงคล จัดขึ้นทุกวันที่ 5 พ.ค. เพราะทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2493 และทางราชการ ถือเป็นวันหยุดตามประเพณีวันหนึ่งของประเทศไทย

ทั้งนี้ เนื่องจากวันฉัตรมงคล ถูกกำหนดวันขึ้นตามวันบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีนี้ขึ้น ในวันที่ 4 - 6 พ.ค. 2562 โดยพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างเป็นทางการ จัดขึ้นในวันที่ 4 พ.ค. 2562 ดังนั้น วันฉัตรมงคลในปัจจุบัน จึงตรงกับวันที่ 4 พ.ค. ของทุกปี

พระราชพิธีฉัตรมงคลนั้น เป็นพิธีจัดสมโภชเครื่องราชกกุธภัณฑ์ในพระบรมมหาราชวัง เจ้าพนักงานอัญเชิญเครื่องมงคลสิริเบญจราชกกุธภัณฑ์ ขึ้นประดิษฐานบนพระแท่นใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร จากนั้นพระราชครูหัวหน้าพราหมณ์อ่านประกาศพระราชพิธีฉัตรมงคล พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์เย็น สำหรับเครื่องสิริเบญจราชกกุธภัณฑ์ ประกอบด้วย

1. พระมหาพิชัยมงกุฎ

พระมหาพิชัยมงกุฎ ทำด้วยทองลงยาประดับเพชร มีค่าสำคัญเท่ากับราชกกุธภัณฑ์อื่น ภายหลังประเทศไทยติดต่อกับประเทศในทวีปยุโรป จึงนิยมตามราชสำนักยุโรป ที่พระมหากษัตริย์สวมมงกุฎ จากนั้นมาจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ พระมหากษัตริย์จะทรงสวมพระมหาพิชัยมงกุฎในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

2. พระแสงขรรค์ชัยศรี

พระแสงขรรค์ชัยศรี ด้ามและฝักทำด้วยทองลงยา ประดับอัญมณี เป็นพระแสงราชศัสตราวุธประจำพระองค์พระมหากษัตริย์ เป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเศษ เมื่อ พ.ศ.2328 โดยพระยาอภัยภูเบศร์ (แบน) ให้ข้าราชการเมืองพระตะบองนำมาทูลเกล้าฯ ถวายรัชกาลที่ 1

3. ธารพระกร

รัชกาลที่ 1 โปรดให้สร้างธารพระกรจากไม้ชัยพฤกษ์ปิดทอง หัว และส้นเป็นเหล็กคร่ำลายทอง ที่สุดส้นเป็นส้อมสามง่าม เรียกว่า ธารพระกรชัยพฤกษ์ ภายหลังรัชกาลที่ 4 โปรดให้สร้างด้วยทองคำ ภายในมีพระเสนา ยอดมีรูปเทวดา เรียกว่า ธารพระกรเทวรูป มีลักษณะเป็นพระแสงดาบมากกว่า ครั้งถึงรัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ธารพระกรชัยพฤกษ์ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสืบมาจนถึงรัชกาลที่ 9

4. วาลวิชนี

วาลวิชนี หรือ พัดและแส้ รัชกาลที่ 1 โปรดให้สร้างขึ้น พัดเป็นใบตาลปิดทองทั้ง 2 ด้าน ขอบขลิบทองคำ ด้ามทำด้วยทองลงยา ต่อมารัชกาลที่ 4 ทรงพระราชดำริให้เรียกตามภาษาพระบาลีว่า “วาลวิชนี” เป็นเครื่องโบกทำด้วยขนหางจามรี และขนหางช้างเผือกในเวลาต่อมา เป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ใช้ควบคู่กับพัดใบตาล

5. ฉลองพระบาทเชิงงอน

ฉลองพระบาทเชิงงอน เป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ตามแบบอินเดียโบราณ ทำด้วยทองคำลงยาราชาวดีฝังเพชร และพราหมณ์เป็นผู้สวมถวายในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

วันฉัตรมงคล 2566 หยุดวันไหนบ้าง


วันหยุด วันพฤหัสบดีที่ 4 พ.ค. 2566
วันหยุด วันศุกร์ที่ 5 พ.ค. 2566 รัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดราชการเพิ่มอีก 1 วัน

👩‍⚕️👩‍⚕️ โรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ "ทำลายข้อต่อ" EP6...ข้ออักเสบ (Arthritis) - เป็นโรคของข้อที่เกิดจากมีการอั...
02/04/2022

👩‍⚕️👩‍⚕️ โรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ "ทำลายข้อต่อ" EP6...
ข้ออักเสบ (Arthritis)
- เป็นโรคของข้อที่เกิดจากมีการอักเสบของเนื้อเยื่อต่างๆ ของข้อ เช่น เยื่อบุภายในข้อ (Synovial membrane) เอ็นกระดูก และเอ็นกล้ามเนื้อ ถุงลดการเสียดสี (Bursa) ที่อยู่ในเนื้อเยื่อต่างๆ รอบๆ ข้อ
- ทำให้เกิด อาการปวดข้อ ข้อติดขัด ไม่สามารถเคลื่อนไหว และ ใช้งานได้ตามปกติ
- ข้ออักเสบ มักเป็นโรคเรื้อรัง อาจมีการอักเสบ มีอาการเป็นๆ หายๆ ได้
สาเหตุของข้ออักเสบที่พบได้บ่อย
ก. ข้อเสื่อมตามอายุ : เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด จึงพบได้สูงสุดในผู้สูงอายุ
ข. ข้ออักเสบจากการทำงานซ้ำๆ ต่อเนื่อง ; เช่น จากการเล่นกีฬาอาชีพ (เช่น ข้อศอกอักเสบจากเทนนิส) งานเย็บปักถักร้อย งานคอมพิวเตอร์
ค. ข้อเสื่อมจากข้อรับน้ำหนักมากต่อเนื่อง : เช่น ข้อเข่าอักเสบจากโรคอ้วน และน้ำหนักตัวเกิน
ง. ข้ออักเสบติดเชื้อ : เกิดจากข้อติดเชื้อโรคโดยตรง ที่พบบ่อย คือ จากเชื้อแบคทีเรีย
จ. โรคออโตอิมมูน : เป็นโรคที่มีการอักเสบของเนื้อเยื่อข้อ จึงพบข้ออักเสบ เป็นภาวะที่เกิดร่วมในโรคออโตอิมมูนเสมอ เช่น ใน โรคเอสแอลอี โรคข้อรูมาตอยด์
ฉ. โรคจากความผิดปกติในการเผาผลาญพลังงานจากอาหาร เช่น โรคเก๊าท์
โรคข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
- พบได้ทั่วโลก ในแต่ละปี มีอุบัติการณ์ประมาณ 3 ราย ค่อประชากร 10,000 คน
- ผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชายประมาณ 3-5 เท่า
- ช่วงอายุที่เริ่มเป็นส่วนใหญ่ คือ 35-50 ปี
- เป็นโรคเรื้อรังที่มีกลไกเกิดจาก ระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายทำลายอวัยวะของตัวเอง
- เป็นลักษณะเฉพาะของโรค และ เป็นปัญหาทำให้เกิดความพิการที่ข้อต่างๆ เกิดการอักเสบโดยเฉพาะ ข้อมือ และ ข้อนิ้วมือ
- ไม่มียาสำหรับป้องกันการเกิดโรค และ รักษาโรคให้หายขาด แต่มียาที่ช่วยบรรเทาอาการ และลดความรุนแรงของโรคลงได้
สาเหตุ ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด จากการศึกษาพบว่า
- พันธุกรรม
- การติดเชื้อบางชนิด เช่น เชื้อแบคทีเรีย และ ไวรัส
- ฮอร์โมน
- ระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของรางกาย ถูกกระตุ้นให้ทำงานมากเกินผิดปกติ โดยเฉพาะที่ข้อต่างๆ
เซลล์เม็ดเลือดขาว และ เซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective tissue) ถูกกระตุ้นให้ทำงานมากขึ้น และ หลั่งสารเคมีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ ซึ่งเป็นการอักเสบแบบเรื้อรัง และส่งผลทำให้เนื้อเยื่อปกติถูกทำลาย
อาการเริ่มต้น คือ จะค่อยเป็นค่อยไปฉะนั้นกว่าจะรู้ตัวว่าเป็น กว่าหมอจะวินิจฉัยว่าเป็น ก็เป็นมาหลายเดือนแล้ว เพราะอาการเริ่มต้นของรูมาตอยด์ ยังไม่ได้มีอาการบ่งชี้ว่า เป็นข้ออักเสบรูมาตอยด์อย่างชัดเจน เพราะอาการของโรครูมาตอยด์จะมาด้วยอาการ
- การอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร
- อาการไข้ ต่อน้ำเหลืองโต และ ม้ามโต
- ตามด้วยอาการที่เกิดจาก ข้ออักเสบ ที่เป็นลักษณะของ รูมาตอยด์
> อาการปวดตามข้อ พบมากในข้อขนาดเล็ก เช่น ข้อนิ้วมือ ฝ่ามือ ข้อนิ้วเท่า และ ฝ่าเท้า จะพบมากที่สุด
> ข้ออื่นๆ ที่พบได้ เช่น ข้อมือ ข้อเข่า ข้อไหล่ ข้อเท้า ข้อศอก ข้อสะโพก
> อาการปวดตามข้อ จะมีอาการที่ตำแหน่งข้อเหมือนกันทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
> อาการปวดจะเป็นมากขึ้น เมื่อใช้งานข้อนั้นๆ และ เมื่อพักการใช้ข้อนานๆ เช่น หลังตื่นนอน จะมีอาการข้อยึดแข็ง ขยับไม่ได้ เป็นเวลามากกว่า 1 ชั่วโมง
ข้ออักเสบรูมาตอยด์ต่างจากข้ออักเสบอย่างอื่นคือ มีน้ำสะสมอยู่รอบข้อ ซึ่งน้ำจะไปออกันอยู่จึงเกิดอาการบวม เยื่อหุ้มข้อเกิดการหนาตัวขึ้นก็เลยทำให้มีอาการบวมขึ้น ส่วนอาการปวด เกิดจากเม็ดเลือดขาวถูกกระตุ้นให้ทำงานมากผิดปกติ เม็ดเลือดขาวมารวมกันอยู่เป็นจำนวนมากบริเวณข้อก็มีการหลั่งสารเคมีอักเสบออกมา ก็จะทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง อาการอักเสบเรื้อรังนานหลายปี ทำให้ไปทำลายผิวอ่อนกระดูกข้อต่อ ทำให้ผิวบาง และเมื่อเนื้อเยื่อเกิดการอักเสบซ้ำๆ ก็จะเริ่มมีพังผืดจะมีการดึงรังทำให้นิ้วผิดรูปโค้งงอ นี่คือที่มาว่า ทำไมโรครูมาตอยด์ทำไมถึง บวม ปวอ ข้อผิดรูป แดง
ความพิการของข้อต่างๆ และผลกระทบที่พบคือ
- เมื่อไรก็ตามที่เกิดขึ้นที่ข้อมือ เกิดพังผืดตรงรอบข้อมือ จะมีผลทำให้อาจกดทับเส้นประสาทส่วนปลาย ทำให้เกิดอาการชาปลายมือได้ และกล้ามเนื้อเกิดการฝ่าลีบ
- ถ้าเป็นที่ข้อเท้า ข้อนิ้วเท้า ก็ทำให้ผิดรูป และอาจพิการจนเดินไม่ได้
- ถ้าเป็นที่ข้อศอก ข้อศอกจะหดงอ ยืดไม่ออก
- ถ้าเป็นที่ข้อเข่า ก็จะทำให้เข่าหดงอ อาจเดินไม่ได้ และ มีถุงน้ำเกิดด้านข้อพับของเข่าได้
- ถ้าเป็นที่ข้อกระดูกสันหลังส่วนคอ อาจทำให้ข้อมีการเสื่อมหลุด และ กระดูกที่เสื่อมหลุดอาจไปกดทับเส้นประสาทส่วนปลาย ทำให้มีอาการปวดชา หรือ เสียวแขน มีแขนอ่อนแรงได้ หรือที่อันตรายคือ ไปกดทับไขสันหลัง ทำให้เป็นอัมพาตได้
นอกจากอาการจะเกิดกับข้อต่างๆ แล้ว ยังสามารถตรวจพบความผิดปกติที่อวัยวะอื่นๆได้ด้วย
> การเกิด ปุ่มเนื้อ ของผู้ป่วยโรคข้อรูมาตอยด์ เป็นปุ่มเนื้อที่เกิดจาก การรวมตัวของเม็ดเลือดขาวชนิดเก็บกินเซลล์ต่างๆ ที่ตายแล้ว (Macrophage) ซึ่งสามารถเกิดขึ้นในเนื้อเยื่อชนิดใดและอวัยวะใดก็ได้ เช่น เยื่อหุ้มปอด เยื่อหุ้มสมอง แต่ตำแหน่งที่พบได้บ่อยคือ เนื้อเยื่อชั้นในใต้ผิวหนังที่อยู่บริเวณปลายแขน ศีรษะด้านหลัง และ เส้นเอ็นที่ปลายขา
> กล้ามเนื้อเกิดการฝ่าลีบ ซึ่งมักเกิดกับกล้ามเนื้อที่อยู่เหนือ ข้อที่มีการอักเสบ
> ความผิดปกติที่เกิดขึ้นที่ปอดมีได้หลายอย่าง ได้แก่ การเกิดพังผืดในปอด เนื้อเยื่อปอดอักเสบ มีปุ่มเนื้อ Rheumatoid nodule ในเนื้อปอด เยื่อหุ้มปอดอักเสบ มีน้ำในเยื่อหุ้มปอด โดยส่วนใหญ่มักไม่ทำให้เกิดอาการที่รุนแรง
> การเกิดเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ แต่ผู้ป่วยจะไม่มีอาการใดๆ
> การเกิด หลอดเลือดอักเสบทั่วร่างกาย จะพบในผู้ป่วยที่มีระดับสารภูมิต้านทาน Rheumatoid factor ในเลือดขึ้นสูงมากๆ โดยตรวจร่างกายพบ จุดสีน้ำตาลที่ซานเล็บ ปลายนิ้ว มีอาารชาปลายมือ ปลายเท้า และอาจมีแผลเรื้อรังที่ขาร่วมด้วย จากเนื้อเยื่อขาชาดเลือดหล่อเลี้ยง
> การเกิดกระจกตาอักเสบ พบได้น้อยคือ น้อยกว่า 1% ของผู้ป่วยโรคนี้ บางครั้งอาจรุนแรงจนทำให้เปลือกลูกตาบางและทะลุได้ในที่สุด
> การเกิดโรคกระดูกพรุน โดยตัวของโรคข้อรูมาตอยด์เองทำให้มวลกระดูกลดลงปานกลาง แต่การที่ต้องใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ (steroid) รักษาจะยิ่งกระตุ้นให้สูญเสียมวลกระดูกมากขึ้น
> การเกิดกลุ่มอาการที่่เรียกว่า Felty's syndrome คือ ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อรูมาตอยด์ ร่วมกับมีม้ามโตและเม็ดเลือดขาวต่ำ มักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อรูมาตอยด์มานาน และเนื่องจากมีเม็ดเลือดขาวต่ำ ผู้ป่วยจึงมีความเสี่ยงได้ง่าย และ อาจรุนแรงจนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้
เนื่องจากภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติไวเกินมาทำลายเนื้อเยื่อตัวเราเอง
🔥🔥 สนับสนุนโดย #ดีมุนด์ #ดีกลูแคน #เพื่อร่างกายที่แข็งแรง
☎️☎️ ติดต่อปรึกษาโทร. 099-5688501 พี่ป้อมค่ะ

👩‍⚕️👩‍⚕️ โรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ  EP5...โรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis)มีสาเหตุเริ่มต้นจากมีอาการภูมิแพ้เรื้อรัง ไซนั...
30/03/2022

👩‍⚕️👩‍⚕️ โรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ EP5...

โรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis)

มีสาเหตุเริ่มต้นจากมีอาการภูมิแพ้เรื้อรัง

ไซนัสอักเสบ (Sinusitis) เป็นโพรงอากาศในกระดูกใบหน้า อยู่บริเวณรอบๆ จมูก และ มีท่อซึ่งจะเปิดในช่องจมูก ในโพรงอากาศ หรือไซนัสนี้ จะมีเยื่อบุซึ่งเป็นชนิดเดียวกับเยื่อบุช่องจมูก และ ติดต่อกันโดยผ่านรูปเปิดเล็กๆ ภายในไซนัสจะมีเยื่อเมือก จะให้ความอบอุ่น และ ความชื้นกับอากาศที่ผ่านเข้าไป

อาการ
- จะมีอาการปวดหน่วงๆ ตามจุดไซนัส เช่นหน้าผาก หัวตา โหนกแก้ม หรือรอบๆ กระบอกตา ถ้าเอานิ้วกด หรือเคาะแรงๆ จรงไซนัสที่อักเสบก็จะเจ็บ
- ปวดศีรษะ อาการปวดมักเป็นมากในตอนเช้า หรือ บ่าย และ เวลาก้มศีรษะ หรือ เปลี่ยนท่า
- มีน้ำมูกเป็นหนองข้นสีเหลือง หรือ สีเขียว น้ำมูกจะไหลลงคอหรือเวลาสูดจมูกแรๆ จะมีหนองไหลลงหลังคอ
- คัดจมูก และ มีน้ำมูกไหล น้ำมูกไหลลงคอ มีการคัดแน่นจมูกหรือหายใจมีกลิ่นเหมือนคาว
- มีอาการปวดหู หูอื้อ เนื่องจาการอุดตันของท่อยูสเตเชื่ยน ทำให้ความดันในไซนัสสูงกว่าอาากาศ
- เจ็บคอ มีไข้ ไอ มีกลิ่นปาก

การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้
- หลีกเลี่ยงกรรสัมผัสกับสาร หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
> ภายในบ้าน เช่น ฝุ่นในบ้าน ตัวไร เชื้อราในอากาศ แมลงสาบ
> สัตว์เลี้ยงมีขน วัชพืช และ ดอกไม้ทุกชนิด
> ละอองเกสรหญ้า วัชพืช และดอกไม้ทุกชนิด
> สารระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ ควันท่อไอเสียรถยนต์ ควันธุูปกลิ่นฉุนๆ
- การนอนหลับพักผ่อน ไม่ควรเข้านอนดึกจนเกินไป เพื่อให้ระบบภุมิคุ้มกันของร่างกายมีการซ่อมแซม และ ฟื้นฟูปรับสมดุลได้อย่างเพียงพอ
- ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างสม่ำเสมอ ครั้งละไม่ต่อกว่า 30 นาที
- หลีกเลี้ยงอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบหมู่ รวมทั้งผักและผลไม้ รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่เสมอ
- อย่างให้เครียด หรือวิตกวังวลเกินไป
- เมื่อมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรือบริเวณรอบๆ จมูก เช่น หวัด ไซนัสอักเสบ คอ หรือ ต่อมทอนซิลอักเสบ ควรรับไปหาแพทย์ การติดเชื้อดังกล่าวจะทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง อาการของโรคอาจกำเริบขึ้นได้
- ควรนำที่นอน หมอน ผ้าห่ม มุ้ง ผ้าคลุมเตียง มาตากแดดจัดๆ ทุกสัปดาห์ อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที แสงแดดจะฆ่าตัวไรฝุ่น ให้ลดจำนวนลงได้

สารอาหารช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

- รับประทานอาหารให้ครบถ้วยเพียงพอตามหลักโภชนาการ โดยเฉพาะอาหารเสริมภุมิต้านทาน เช่น ผัก ผลไม้ ที่มีเบต้าแคโรทัน วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี และ แร่ธาตุบางชนิด ได้แก่ ซีลิเนียมและสังกะสี ซึ่งมีผล เพิ่มการสร้างเซลล์ต่างๆ ในระบบภูมิคุ้มก้น

- กระเทียม เป็นเครื่องเทศที่มีฤทธิ์เสริมภูมิต้านทาน โดยสารอัลลิซิน (allicin) และซัลไฟด์ (sulfides) ในกระเทียมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ชลอความเสื่อมของเซลล์ ลดการอักเสบด้วย

- กรดโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับการส้างเม้ดเลือดขาว และแอนติบอดี้ พบมากในปลาทะเล เช่น แซลมอน ทูน่า แมคเคอเรล ซาร์ดีน ถั่ววอลนัท รวมทั้งพืชผักใบเขียว

- โยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์แลคโตแบคโทีเรีย (Lactobacteria) เช่น แลคโตบาซิลัส แอชิโดฟิลัส (lactobacillus adidophilus) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกา โดยจะยับยั้งการเกิดจุินทรีย์ตัวร้ายในระบบย่อยอาหาร เช่น แบคทีเรีย รา หรือยีสต์ รวมทั้งยังกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว และแอนติบอดีได้กำจัดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อาหารที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการป้องกันสารพิษ และสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย คือ

การที่มีภาวะโภชนาการที่ดี ได้รับพลังงาน สารอาหารหลัก ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และ สารอาหารรองทั้งวิตามิน A, C, E, D, B6, B9 (โฟเลต, B12 และ แร่ธาตุสังกะสี ซิลีเนียม เหล็ก ทองแดง แมกนิเซียม และแมงกานิส รวมทั้งดื่มน้ำสะอาดที่เพียงพอและสมดุลอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : ดร.วนพร ทองโฉม นัการโภชนศาสตร์
คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

- วิตามินซี ช่วยการทำงานของเมล็ดเลือดขาว และช่วยกระบวนการทำลายเชื้อโรค โดยแหล่งวิตามินซีในอาหารจะอยู่ในผักและผลไม้เป็ส่วนใหญ่

- วิตามินเอ ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยแหล่งอาหารที่ดีที่ร่างกายสามารถดูดซึมและใช้ประโยชน์ได้สูง ได้แก่ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง นม ผลิตภัณฑ์จากนม และแหล่งอาหารรองลงมาได้จากพืช ได้แก่ ผักใบเขียวเข้ม ผักและผลไม้สีเหลืองและส้ม เช่น ตำลึง ผักบุ้ง แครอท ฟักทอง มันเทศสีเหลือง มะละกอสุก

- โปรตีน ช่วยสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกัน และ สารภูมิตุ้มกันต่างๆ โดยแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพดีมีกรดอะมิโนจำเป็นที่ครบถ้วน เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม (พรอ่งหรือขาดมันเนย) เต้าหู้ ถั่วเหลือง ถั่แดง ถั่วดำ ถั่วเปลือกแข็ง

- สังกะสี มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ที่่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มมกัน รวมทั้ง ควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่เป็นกลไกหลักในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยแหล่งอาหารที่ดี ได้แก่ เนื้อสัตว์และเครื่องใน หอยนางรม สัตว์ปีกและปลา และที่รองลงมา ได้แก่ ไข่ นม

- จุลินทรีย์สุขภาพ (โพรไบโอติกส์) และ อาหารสำหรับจุลินทรีย์สุขภาพ (พรีไบโอติกส์) ช่วยส่งเสริมระบบภุมิคุ้มกันภายในร่างกาย โดยแหล่งอาหารที่ดีที่มีจุลินทรีย์สุขภาพ ได้แก่ โยเกิร์ตและนมเปรี้ยว อาหารสำหรับจุลินทรีย์สุขภาพ อยู่ในแหล่งอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ธัญพืช ข้าวโอ๊ต ถั่วเมล็ดแห้ง กล้วย หัวหอมใหญ่ กระเทียม หน่อไม่ฝรั่ง
ข้อมูล ดร.จนภัค

ยังมีเห็ดทางการแพทย์นานาชาติ (International Journal of Medicinal Mushroom) ของ ดร.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ ระบุว่า
เห็นทางการแพทย์ มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว เพื่อปรับสมดุลการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ได้ประสิทธิภาพ ช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็ง เปรียบได้กับการ "ยกระดับภูมูคุ้มกัน" ให้กับร่างกาย มีอยู่หลายสายพันธุ์ ได้แก่

1. เห็ดไมตาเกะ (Maitake)
สามารถกระตุ้นเซลล์เมคโครฟาจ (Macrophage) เปรียบเสมือนกองทัพใหญ่ที่ทำงานในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในระดับเซลล์

2. เห็ดหลินจือ (Reishi)
มีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความแข็งแรงในปอด โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหา หอบหืด และ ผู้ที่ไอเรื้อรัง

มีการวิจัยทดลองรักษาโรคปอดอักเสบเรื้อรังของชาวจีน 2,000 ราย เมื่อได้รับยาน้ำเชื่อมเห็ดหลินจือ พบว่า ภายใน 2 สัปดาห์ อาการดีขึ้น 60-90%

3. เห็ดชิตาเกาะ หรือเห็ดหอม (Sh*take)
อุดมไปด้วยสาร "โพลิแซคดาไรด์ กลูแคน" ที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น และ ยังช่วยป้องกันระบบภูมิคุ้กันทำงานมากเกินไป

พูดได้ว่า เห็นชนิดนี้ สามารถที่จะเสริมภูมิคุ้มกันเมื่อร่างกายต้องการเพิ่มภูมิ แต่หากระบบภูมิคุ้มกันทำงานมากเกินไป ก็จะสามารถลดภูมิคุ้มกัน ให้อยู่ในระดับที่ร่างกายต้องการได้

4. เห็นยามาบูชิตาเกะ (Hericium erinaceus)
ช่วยกระตุ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเม็ดเลือดชาวชนิด B และ T ลิมโฟไซด์

นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อการเพิ่มระดับของเซลล์ CD4 (เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่ควบคุมและต่อสู้กับเชื้อโรค และมีบทบาทในการสร้างสารภูมิคุ้มกันให้ร่างกายเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค) และ เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาจ ช่วยในการจับกินเชื้อโรคอีกด้วย

หมดที่ดีที่สุดคือ ตัวเรา
โรงพยาบาลที่ที่ดีที่สุด คือ ห้องครัว

🔥🔥 สนับสนุนโดย #ดีมุนด์ D MUND #ดีกลูแคน D-GLUCAN #เพื่อร่างกายที่แข็งแรง
☎️☎️ ติดต่อปรึกษาโทร. 099-5688501 พี่ป้อมค่ะ

👩‍⚕️👩‍⚕️ โรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ EP4...1. กลุ่มโรคภูมิคุ้มกันทำงานไวเกินไป     - ภูมิแพ้ (Allergy)    -...
30/03/2022

👩‍⚕️👩‍⚕️ โรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ EP4...

1. กลุ่มโรคภูมิคุ้มกันทำงานไวเกินไป
- ภูมิแพ้ (Allergy)
- หอบหืด (Asthma)
- ไซนัสอักเสบ (Sinusitis)
2. กลุ่มโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- มะเร็ง (ลำไส้ใหญ่)
3. กลุ่มโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง
- โรคสะเก็ตเงิน
- โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง MG, ALS
- โรครูมาตอยด์

ภูมิแพ้ (Allergy)

ภูมิแพ้ (Allergy) เป็นโรคที่สามารถพบเห็นได้บ่อยในทุกที่ทั่วโลก
- เกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อสารกระตุ้น เช่น ไรฝุ่น ละลองเกสรของพืช ทำให้เกิดอาการอักเสบ กับ อวัยวะที่สัมผัส กับ สารก่อนภูมิแพ้

คนที่เป็นภูมิแพ้ ยังมีการตอบสนองไวกว่าปกติต่อสิ่งี่ไม่ใช้สารกระตุ้น หรือสารก่อภภูมิแพ้ เช่น ความเย็น ความร้อน ความชื้น ฝน ซึ่งสามารถเกิดอาการได้ โดยไม่ต้องสัมผัสสารก่อนภูมิแพ้

สาเหตุของโรคภูมิแพ้
- การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- สิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่นละออง ขนสัตว์เลี้ยง ควันบุหรี่ เกสรดอกไม้ สารเคมี อาหารทะเล ฯลฯ

การทดสอบภูมิแพ้ (Allergy Skin Prick Test) การรักษาที่ดีที่สุด คือ การหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ เป็นการทดสอบภูมิแพ้ต่อสารชนิดต่างๆ ทางผิวหนัง ด้วยน้ำยาทดสอบภูมิแพ้โดยเฉพาะจะทำให้ทราบว่า มีอาการแพ้สารใดบ้าง เช่น แมลงสาบ ขนแมว ไรฝุ่น เชื้อรา ขนสุนัข เกสร หญ้า ฝุ่นบ้าน และ แพ้อากาศต่างๆ

อาหารที่มีสารก่อนภูมิแพ้หลักๆ มี 14 ชนิด

ปัจจุบันทางการแพทย์ ได้กำหนดว่า ส่วนใหญ่อาหารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้มีอะไรบ้าง
1. อาหารทะเล เช่น ปู หอย ปลา แต่อาหารประเภทอื่นที่กินเข้าไปแล้วก็แพ้ได้ เช่น ไข่ นม ทานแล้วทำไมมีลมพิษเกิดขึ้น บางคนก็แพ้นมวัว บางคนก็แพ้นมถั่วเหลือง
2. แพ้ Gluten กลูเตนคือธัญชืพพวกแป้งสาลี ข้าวบาร์เร่- ทำขนมปังทำให้ขนมปัง นิ่ม อร่อย บางคนที่แพ้ Gluten ทำให้ปากบวม หน้าบวม
3. แพ้ถั่ว ถั่วลิสง ถั่วอัลมอน งา หรือถั่วเหลือง
4. บางคนแพ้สารซัลเวอร์ไดออกไซค์ ซึ่งเป็นสารถนอมอาหารเป็นตัวที่ทำให้ยืดอายุของสารอาหาร (เก็บไว้ได้นาน) ที่นิยมนำมาใช้ เช่น อาหารกระเป๋า ผลไม้กระป๋อง แยม ผลไม้แช่อิ่มซึ่งทำไมบางคนทานผลไม้แช่อิ่มแล้วมีผื่นขึ้น ซึ่งบางคนแพ้วุ้นเส้น วุ้นเส้นก็เป็นตัวนึงที่ใส่สารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ หรือบางคนทำไมดื่มเบียร์จึงมีผืนหรือลมพิษขึ้น ก็เพราะมีส่วนผสมของซัลเฟอร์ได์ออกไซด์ด้วย

ชนิดของโรคภูมิแพ้ แบ่งตามระบบการทำงานของร่างกายได้ 5 กลุ่ม
- โรคภูมิแพ้ที่ทำให้โพรงจมูกอักเสบ หรือ โรคแพ้อากาศ
- โรคภูมิแพ้ที่เกิดกับทางผิวหนัง
- โรคภูมิแพ้ทางตา
- โรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงที่มีอาการเกิดกับหลายระบบ
- โรคภูมิแพ้ที่เกิดกับทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหอบหืด

1. โรคแพ้อากาศ (Allergic rhinitis)
อาการของโรคภูมิแพ้ทางจมูก สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ชนิด ดังนี้
- อาการที่แสดงออกชัดเจนทางจมูก เล่น มีคันจมูก จาม น้ำมูกไหล
- อาการที่แสดงออกชัดเจนทางอาการคัดจมูก มักจะไม่มีน้ำมูกไหล หรืออาการจาม
- อาการที่มีทั้งอาการทางน้ำมูก และ อาการคัดจมูกรวมกัน คือ มีน้ำมูกใส และคัดจมูก
- อาการที่วินิจฉัยได้ยาก ถ้าผู้ตรวจไม่ชำนาญมากพอ อาการมีได้ทั้ง
> ไอเรื้อรัง หรือ ต้องกระแอมตลอดเวลา เพราะ มีเสมหะไหลลงคอ ตื่นเช้ามารู้สึกเหมือนมีเสมหะติดคอ
> ปวดหัวเรื้อรัง
> นอนกรน
> ถอนหายใจบ่อยๆ
> ปากแพ้ง
> ในบางคนมีอาการคันที่หัวตา

2. โรคภูมิแพ้ทางดวงตา (Eye allergy)
การเกิดโรคนี้จะเกิดอาการอักเสบที่เยื่อตาขาวและใต้หนังตา โดยมีอาการคันตา ตาแดง น้ำตาไหล แสบตา และ มีขี้ตา โดยอาการที่เกิดขึ้นมักจะเกิดเมื่อได้รับสารกระตุ้น เช่น ฝุ่นละอองเกสรหญ้า หรือ ขนสัตว์

ผู้ป้วยที่มีอาการภูมิแพ้างดวงตา มักพบอาการโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร่วมด้วย

3. โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Allergic skin desease)
โรคนี้พบได้บ่อย คือ โรคลมพิษ ผื่นที่ผิวหนัง ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ โดยอาการของโรคจะเริ่มที่ อาการคัน หลังจากนั้นก็จะบวม ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งตัว โดยเฉพาะในบริเวณที่ถูกเกา หรือ ถูกกดรัด มักจะเป็นๆ หาย โดยอาการบวมจะมีลักษณะ เป็นตุ่มนูนที่มีขนาดแตกต่างกัน

4. โรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงที่มีอาการหลายระบบ
อาการแพ้นี้จะเกิดรุนแรง รวดเร็ว และ มีอาการหลายระบบ โดยจะมีทั้ง
- อาการคัน ลมพิษ ปากบวม หน้าบวม แน่นในลำคอ จาม น้ำมูกไหล หายใจขัด
- ในบางรายอาจจะมีอาการ ปวดท้อง ท้องเสีย อาเจียน ความดันโลหิตต่ำ หมดความรู้สึก และ อาจจะถึงแก่ชีวิตได้

บางครั้งการทานอาหารเสิรมบางตัวไม่ได้เกิดจากการแพ้สารอาหาร แต่มีอาการบางอย่างเกิดขึ้น ถ้าจะรู้ว่าแพ้สารอาหารตัวนั้นหรือไม่หรือแพ้อาหารที่กินหรือไม่ หรือแพ้ยาที่กินหรือไม่ อาการหลักเลย จะมีอาการปวกบวม หน้าบวม หายใจติดขัด ผื่นที่เกิดขึ้นจะเป็นลักษณะผื่นลมพิษ อันนั้นจะเป็นอาการชัดมากของอาการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแพ้สารอาหาร

5. โรคภูมิแพ้ที่เกิดกับทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหอบหืด

ภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นกับระบบทางเดินหายใจคือโรคที่เราเรียกว่า หอบหืด (Aasthma) ซึ่งโรคหอบหืดเป็นโรคทางเดินหายใจที่ร้ายแรงจนอาจทำให้เสียชีวิตได้ พบว่า สถิติทั่วโลกที่มีอาการภูมิแพ้พบการเสียชีวิตมากว่า 3 ร้อยล้านคน ซึ่งตรงนี้ใครที่เป็นโรคหอบหืด ต้องพยายามทำตัวให้แข็งแรง ซึ่งปัจจุบันนี้ฝุ่น PM2.5 กำลังเริ่มมาอีกแล้ว นอกจากเชื้อ โอไมคอล ที่มาใหม่ ที่กลายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังมาแรง ที่ทุกคนกำลังตื่นตระนก ซึ่งคุณหมดบอกว่า ไม่ควรตื่นตระนก แต่ควรตระหนัก ซึ่งคนที่เป็นโรคหอบหืดจะต้องพยายามห่างไกลจากโรคหอบหืดนะคะ

🔥🔥 สนับสนุนโดย #ดีมุนด์ D MUND #ดีกลูแคน D-GLUCAN #เพื่อร่างกายที่แข็งแรง
☎️☎️ ติดต่อป👩‍⚕️👩‍⚕️รึกษาโทร. 099-5688501 พี่ป้อมค่ะ

ที่อยู่

ถนนรังสิตนครนายก
Pathum Rat
12130

เบอร์โทรศัพท์

+66649313915

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ หยุดภูมิแพ้เรื้อรังด้วย KoreginsD Dshine Dpot โดย กชพร 0995688501ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง หยุดภูมิแพ้เรื้อรังด้วย KoreginsD Dshine Dpot โดย กชพร 0995688501:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram