คลินิกแพทย์หญิงธัญรดา

คลินิกแพทย์หญิงธัญรดา ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก คลินิกแพทย์หญิงธัญรดา, แพทย์, คลินิกเวชกรรมแพทย์หญิงธัญรดา, Phibun Mangsahan.

แม่ๆ ที่กำลังเตรียมตัวคลอด เตรียมของจำเป็นให้ลูกน้อยจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยสิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนคลอด แน่นอนสิ่งแรกที่น...
26/07/2025

แม่ๆ ที่กำลังเตรียมตัวคลอด เตรียมของจำเป็นให้ลูกน้อยจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนคลอด แน่นอนสิ่งแรกที่นึกออกและต้องเตรียมคือ เสื้อผ้าเด็กทารก เช่น เสื้อ ชุดนอน ถุงมือ หมวกและถุงเท้า นอกจากนั้นหลายอย่างโรงพยาบาลเอกชนก็จะสามารถจัดหาให้ได้ แต่บางอย่างก็อาจจะไม่มีให้ เช่น
ผ้าห่อตัวลูก
ผ้าอ้อม 2-3 ผืน, แพมเพิส, ผ้าเช็ดตัวเด็ก
ขวดนม จุกนม
ชุดเด็ก และหมวกเพื่อใส่ในวันกลับบ้าน
เตรียมรถเข็นคันใหม่ และรวมถึงที่นั่งในรถ
ต้องเตรียมเอกสารสำคัญก่อนคลอด ทำสูติบัตร
สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับใบเกิดก็คือ พ่อแม่จะต้องแจ้งเกิดภายใน 15 วันหลังจากเด็กคลอด แต่แจ้งช้าเกินกำหนด 15 วันที่ว่า ก็จะถูกปรับตามกฎหมายนะคะ และต่อไปนี้คือสิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับเอกสารตอนคลอดค่ะ
เตรียมสำเนาบัตรประชาชนพ่อและแม่ อย่างละ 1 ฉบับ (เตรียม passport สำหรับชาวต่างชาติ)
เตรียมสำเนาทะเบียนบ้านพ่อและแม่
สำเนาหน้าแรกทะเบียนบ้านที่จะย้ายเด็กเข้า ถ้าไม่ใช่ที่อยู่เดียวกับพ่อและแม่
สำเนาทะเบียนสมรส ลงชื่อรับรองเอกสาร (ถ้ามี)
นอกจากนี้สำหรับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับลูกน้อยเพื่อเสริมภูมิต้านทานและสมองไม่ว่าจะเป็นผ่าคลอดหรือคลอดธรรมชาติอ่านเพิ่มเติมได้ที่
https://www.hifamilyclub.com/c-section/synbioticplus.html
ทั้งนี้คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการผ่าคลอดนะคะ​
ปรึกษาเรื่องสุขภาพและโภชนาการของลูกน้อยกับไฮแฟมิลี่แคร์ไลน์ คลิก👉 https://bit.ly/3HZ4fre​
#นมแม่ดีที่สุด​
#เด็กผ่าคลอด ​
#ซินไบโอติก​

17/07/2025
👉คุณพ่อคุณแม่สามารถติดตามพัฒนาการทารก และเรียนรู้วิธีการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้ง่ายๆ ดังนี้​พัฒนาการเด็กแรกเกิด (ทารก...
27/06/2025

👉คุณพ่อคุณแม่สามารถติดตามพัฒนาการทารก และเรียนรู้วิธีการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้ง่ายๆ ดังนี้​

พัฒนาการเด็กแรกเกิด (ทารก 2-3 สัปดาห์แรก)​

ช่วงสัปดาห์แรกหลังจากที่ลูกน้อยเกิดมาเป็นเวลาที่ลูกต้องปรับตัวและทำความคุ้นเคยกับโลกใหม่ ​

🥰 การมองเห็นของทารกแรกเกิด​

พัฒนาการทารกแรกเกิดยังมองเห็นได้ไม่ชัดนัก โดยสามารถมองเห็นได้ในระยะ 8-10 นิ้ว หรือช่วงห่างระหว่างสายตาลูกกับใบหน้าแม่ขณะอุ้มให้นมลูก และต้องใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือน สายตาจึงจะพัฒนาได้เต็มที่จนสามารถมองเห็นความลึกของวัตถุและเห็นสีสันต่างๆ ได้​

🥰 มีปฏิกิริยาสะท้อนกลับตามธรรมชาติ​

พัฒนาการทารกเกิดมาพร้อมกับปฏิกิริยาสะท้อนกลับตามธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นก่อนที่การมองเห็นจะดีขึ้นและกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ลูกจะกำมือแน่นเมื่อใส่ของในมือและจะหันไปหาทันทีเมื่อถูกเขี่ยที่แก้ม รวมทั้งจะดูดของที่เข้าไปในปาก​

อ่านพัฒนาการทารกเพิ่มเติม คลิกที่นี่​

https://www.hifamilyclub.com/baby/months/month-0.html?​



#นมแม่ดีที่สุด​​

#สร้างสมองที่เหนือกว่าให้ทุกศักยภาพไร้ขีดจำกัด​

#ซินไบโอติก​​

22/06/2025

ทางเลือกใหม่ สำหรับรักษาการติดเชื้อ HPV
เจลสเปรย์รักษาไวรัส HPV

❤️70% ไม่ต้องทำอะไีร หายได้เอง
❤️เจลสเปรย์ ช่วยกำจัดเชื้อ HPV ได้มากขึ้น
⭕️ กำจัดรอยโรค CIN1 ได้ 95%
⭕️ กำจัดการเชื้อ HPV ได้มากกว่า 2 เท่า

✅สร้างฟิล์มปกป้องเยื่อบุปากมดลูกและช่องคลอด
✅ส่งเสริมการสร้างเยื่อบุผิวใหม่และการลดลงของรอยโรคที่ปากมดลูก
✅ฟื้นฟูและรักษาจุลินทรีย์ชนิดดีในช่องคลอด โดยการปรับสมดุลความเป็นกรดด่างและจากผลของพรีไบโอติก

👉คุณพ่อคุณแม่สามารถติดตามพัฒนาการทารก และเรียนรู้วิธีการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้ง่ายๆ ดังนี้พัฒนาการเด็กแรกเกิด (ทารก ...
28/05/2025

👉คุณพ่อคุณแม่สามารถติดตามพัฒนาการทารก และเรียนรู้วิธีการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้ง่ายๆ ดังนี้
พัฒนาการเด็กแรกเกิด (ทารก 2-3 สัปดาห์แรก)
ช่วงสัปดาห์แรกหลังจากที่ลูกน้อยเกิดมาเป็นเวลาที่ลูกต้องปรับตัวและทำความคุ้นเคยกับโลกใหม่
🥰 การมองเห็นของทารกแรกเกิด
พัฒนาการทารกแรกเกิดยังมองเห็นได้ไม่ชัดนัก โดยสามารถมองเห็นได้ในระยะ 8-10 นิ้ว หรือช่วงห่างระหว่างสายตาลูกกับใบหน้าแม่ขณะอุ้มให้นมลูก และต้องใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือน สายตาจึงจะพัฒนาได้เต็มที่จนสามารถมองเห็นความลึกของวัตถุและเห็นสีสันต่างๆ ได้
🥰 มีปฏิกิริยาสะท้อนกลับตามธรรมชาติ
พัฒนาการทารกเกิดมาพร้อมกับปฏิกิริยาสะท้อนกลับตามธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นก่อนที่การมองเห็นจะดีขึ้นและกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ลูกจะกำมือแน่นเมื่อใส่ของในมือและจะหันไปหาทันทีเมื่อถูกเขี่ยที่แก้ม รวมทั้งจะดูดของที่เข้าไปในปาก
อ่านพัฒนาการทารกเพิ่มเติม คลิกที่นี่
https://www.hifamilyclub.com/baby/months/month-0.html?
#นมแม่ดีที่สุด
#สร้างสมองที่เหนือกว่าให้ทุกศักยภาพไร้ขีดจำกัด
#ซินไบโอติก

👉คุณพ่อคุณแม่สามารถติดตามพัฒนาการทารก และเรียนรู้วิธีการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้ง่ายๆ ดังนี้​พัฒนาการเด็กแรกเกิด (ทารก...
08/04/2025

👉คุณพ่อคุณแม่สามารถติดตามพัฒนาการทารก และเรียนรู้วิธีการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้ง่ายๆ ดังนี้​

พัฒนาการเด็กแรกเกิด (ทารก 2-3 สัปดาห์แรก)​

ช่วงสัปดาห์แรกหลังจากที่ลูกน้อยเกิดมาเป็นเวลาที่ลูกต้องปรับตัวและทำความคุ้นเคยกับโลกใหม่ ​

🥰 การมองเห็นของทารกแรกเกิด​

พัฒนาการทารกแรกเกิดยังมองเห็นได้ไม่ชัดนัก โดยสามารถมองเห็นได้ในระยะ 8-10 นิ้ว หรือช่วงห่างระหว่างสายตาลูกกับใบหน้าแม่ขณะอุ้มให้นมลูก และต้องใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือน สายตาจึงจะพัฒนาได้เต็มที่จนสามารถมองเห็นความลึกของวัตถุและเห็นสีสันต่างๆ ได้​

🥰 มีปฏิกิริยาสะท้อนกลับตามธรรมชาติ​

พัฒนาการทารกเกิดมาพร้อมกับปฏิกิริยาสะท้อนกลับตามธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นก่อนที่การมองเห็นจะดีขึ้นและกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ลูกจะกำมือแน่นเมื่อใส่ของในมือและจะหันไปหาทันทีเมื่อถูกเขี่ยที่แก้ม รวมทั้งจะดูดของที่เข้าไปในปาก​

อ่านพัฒนาการทารกเพิ่มเติม คลิกที่นี่​

https://www.hifamilyclub.com/baby/months/month-0.html?​



#นมแม่ดีที่สุด​​

#สร้างสมองที่เหนือกว่าให้ทุกศักยภาพไร้ขีดจำกัด​

#ซินไบโอติก​​

ทำความเข้าใจพัฒนาการเด็กทารกแรกเกิด ตั้งแต่ 2-3 สัปดาห์แรก ทั้งการสื่อสารกับลูก เข้าใจพฤติกรรมการเคลื่อนไ....

08/03/2025

7 ตำแหน่งปวดของคนท้องที่ต้องเจอ และวิธีบรรเทา

อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเป็นสิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนต้องเผชิญ เนื่องจากร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทั้งน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง และการปรับสมดุลของร่างกาย วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ 7 ตำแหน่งปวดยอดฮิตของคุณแม่ตั้งครรภ์ พร้อมวิธีบรรเทากัน!

1. ปวดหลังส่วนล่าง (Lower Back Pain)

สาเหตุ: เมื่อน้ำหนักครรภ์เพิ่มขึ้น จุดศูนย์ถ่วงของร่างกายจะเปลี่ยน แนวของกระดูกสันหลังก็เปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้หลังต้องรับภาระมากขึ้น จึงเกิดอาการปวดบริเวณเอวและหลังส่วนล่าง

วิธีบรรเทา:
✅ หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งนาน ๆ
✅ ใช้หมอนรองหลังขณะนั่ง
✅ ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น โยคะหรือพิลาทิสสำหรับคนท้อง

2. ปวดเชิงกราน (Pelvic Girdle Pain)

สาเหตุ: ฮอร์โมนรีแล็กซินทำให้ข้อต่อและเอ็นรอบเชิงกรานหย่อนตัวลงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด กระดูกเชิงกรานเป็นกระดูกขนาดใหญ่มากชิ้นนึงเลยครับ จึงส่งผลให้เกิดอาการปวดได้ชนิดที่ทรมานเอาการทีเดียว

วิธีบรรเทา:
✅ หลีกเลี่ยงการก้าวขากว้างเกินไป
✅ ใช้สายพยุงครรภ์ช่วยพยุงเชิงกราน
✅ ทำกายภาพบำบัดหรือนวดบรรเทาอาการ

3. ปวดสะโพกและก้น (Hip & Buttock Pain)

สาเหตุ: การขยายตัวของมดลูกและการเปลี่ยนแปลงของท่าทางทำให้สะโพกต้องรองรับน้ำหนักมากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจเกิดอาการ Piriformis Syndrome (เส้นประสาทถูกกดทับ) ทำให้ปวดร้าวลงขาได้ จนหลายๆคนท้องกังวลว่ามีการกดทับประสาทใช่ไหมเลยครับ การเดินที่มากเกินไปอาจทำให้อาการนี่เป็นมากขึ้นได้ด้วยในบางคน

วิธีบรรเทา:
✅ นอนตะแคงโดยใช้หมอนรองระหว่างขา
✅ ยืดกล้ามเนื้อสะโพกเบา ๆ
✅ ประคบร้อน-เย็นบริเวณที่ปวด

4. ปวดขาและตะคริว (Leg Cramps)

สาเหตุ: ขณะที่ครรภ์โตขึ้น การไหลเวียนเลือดที่ขาลดลง เพราะเลือดกลับขึ้นไปได้น้อยลง ทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนล้าและเกิดตะคริวได้ง่าย โดยเฉพาะจะเป็นกันมากตอนกลางคืน

วิธีบรรเทา:
✅ ยืดน่องก่อนนอน
✅ ดื่มน้ำให้เพียงพอ กินแคลเซียมตามคำแนะนำหมอ
✅ นวดและประคบร้อนบริเวณที่เป็นตะคริว

5. ปวดหน้าท้อง (Abdominal Pain)

สาเหตุ: มดลูกที่ขยายตัวทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องยืดออก และอาจเกิดอาการ Round Ligament Pain หรืออาการปวดเอ็นรอบมดลูก

วิธีบรรเทา:
✅ เปลี่ยนท่าทางช้า ๆ อย่าลุกหรือบิดตัวเร็วเกินไป
✅ ใช้ผ้ารัดพยุงหน้าท้อง
✅ นวดหรือทำโยคะเบา ๆ

6. ปวดคอและไหล่ (Neck & Shoulder Pain)

สาเหตุ: การเปลี่ยนแปลงของท่าทาง การขยายของหน้าอก และความเครียดที่สะสมอาจทำให้กล้ามเนื้อคอและไหล่ตึงมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นอีกครับ

วิธีบรรเทา:
✅ นั่งให้หลังตรงเสมอ
✅ ยืดกล้ามเนื้อคอและไหล่วันละ 5-10 นาที
✅ นวดหรือใช้หมอนรองคอเวลานั่งพัก

7. ปวดมือและข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)

สาเหตุ: การบวมน้ำและฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงทำให้เส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ ทำให้มือชา ปวด หรือมีอาการเสียวซ่า

วิธีบรรเทา:
✅ หลีกเลี่ยงการใช้มือจับของหนักหรือขยับข้อมือซ้ำ ๆ
✅ ใส่เฝือกพยุงข้อมือ และมีการยืดเหยียดในท่าที่เหมาะสม
✅ ยกมือให้สูงกว่าระดับหัวใจเพื่อลดอาการบวม

••••••••

7 จุดสลบของคนท้องที่มักจะมีการเจ็บในช่วงใดช่วงนึงของการท้องแน่ๆ

ใครมีประสบการณ์หรือคำแนะนำช่วยกันเล่าให้เพื่อนๆนะครับ #จุดไหนปวดหนักสุด #จุดไหนที่ลืมบอกไป

เคล็ดลับสำหรับแม่ผ่าคลอดหลังผ่าตัดคลอด คุณแม่จำเป็นต้องได้รับโภชนาการที่เพียงพอ เพื่อให้แผลผ่าคลอดหายเร็วและเตรียมสารอาห...
27/02/2025

เคล็ดลับสำหรับแม่ผ่าคลอด
หลังผ่าตัดคลอด คุณแม่จำเป็นต้องได้รับโภชนาการที่เพียงพอ เพื่อให้แผลผ่าคลอดหายเร็วและเตรียมสารอาหารสำหรับสร้างน้ำนมให้ลูก หลายๆ ท่านมีความกังวลในเรื่องของการดูแลรักษาแผลผ่าตัดคลอด ต้องกินอะไรแผลจึงหายเร็ว ไม่เป็นแผลเป็นนูน และมักมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับอาหารบางชนิดว่าอาจแสลงต่อแผลผ่าตัด เช่น ข้าวเหนียว ทำให้แผลเน่า เป็นหนอง หรือไข่ ทำให้แผลนูน ไม่เรียบ และแผลอักเสบหายช้า ซึ่งทางการแพทย์ ไม่มีข้อห้ามในการทานอาหารดังกล่าว
หญิงหลังมีแผลผ่าคลอด ควรได้รับโภชนาการให้ครบทั้ง 5 หมู่ รับประทานไข่ไก่วันละ 1 – 2 ฟอง ไข่เป็นแหล่งของโปรตีนชั้นดีที่หาง่าย จะช่วยซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอหลังการผ่าตัด โปรตีนเหล่านี้จำเป็นต่อการสร้างเนื่อเยื่อและผิวหนังใหม่ที่ช่วยให้แผลหาย เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงโดยเร็ว ส่วนข้าวเหนียวนั้นเป็นอาหารจำพวกแป้ง ให้พลังงานและมีคุณค่าทางอาหารสูง⁴
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลแผลผ่าคลอดที่นี่ :
10 เคล็ดลับทำให้แผลผ่าคลอดหายเร็วขึ้น และอะไรทำให้แผลหายช้า
#นมแม่ดีที่สุด
#ฤกษ์ผ่าคลอด
#เด็กผ่าคลอด
#ซินไบโอติก

ที่อยู่

คลินิกเวชกรรมแพทย์หญิงธัญรดา
Phibun Mangsahan
34110

เวลาทำการ

จันทร์ 17:00 - 20:00
อังคาร 17:00 - 20:00
พุธ 17:00 - 20:00
พฤหัสบดี 17:00 - 20:00
ศุกร์ 17:00 - 20:00
เสาร์ 09:00 - 16:00
อาทิตย์ 09:00 - 12:00

เบอร์โทรศัพท์

0821593301

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกแพทย์หญิงธัญรดาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram

ประเภท