20/10/2025
หลังคลอดไม่ได้ตั้งใจคิดลบ ไม่ได้ตั้งใจเศร้า แต่ร่างกายกำลังโดน “ถอนฮอร์โมน” มันรู้สึกของมันเอง
การคลอดบุตร คือการ ‘ถอน’ ฮอร์โมน บางคนเลยมีภาวะ Baby blue ซึ่งเสี่ยงพัฒนาเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้ (Postpartum depression: PPD)
ช่วงตั้งครรภ์ร่างของผู้หญิง จะอาบด้วยมวลมหาฮอร์โมน จนขนาดอวัยวะ/การทำงานของอวัยวะ/จิตใจ เพิ่มขึ้นชั่วคราว
Estrogen (Estriol) และ Progesterone ที่สูงมาก ทั้งช่วยให้การตั้งครรภ์ดำเนินไปด้วยดี แถมยังช่วยสร้างสาร Allopregnanolone ช่วยทำให้สารสื่อประสาท GABA ยับยั้งสมองหลายจุดได้ดีขึ้น (โดยเฉพาะ BNST/Amygdala) ทำให้ควบคุมความกังวลได้ สงบ เพื่อให้ตัวเองดีที่สุดเพื่อลูกน้อย
ช่วงใกล้จะคลอด รกจะผลิตฮอร์โมน (CRH) เร่งแกนฮอร์โมนเครียดของแม่แบบรุนแรง ทำให้มี Cortisol สูงมากขึ้น แล้ว Cortisol ก็จะวนมาเพิ่ม CRH จากรกอีก
วงจรนี้นี่แหละ ทำให้ต่อมหมวกไตได้รับการกระตุ้นจนสร้างสารตั้งต้น (DHEA) มาจำนวนมาก ซึ่งจะเปลี่ยนเป็น Estrogen สูงมาก ประสานงานให้กล้ามเนื้อมดลูกสามัคคีกัน (Gap junction) เพื่อรอรับฮอร์โมนสุดท้าย นามว่า Oxytocin มาสั่งการคลอด
และจากคลอดลูกน้อยออกไปแล้ว แม่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนมหาศาลค่ะ
1️⃣ เหล่าฮอร์โมนเพศ (Estrogen, progesterone) ดรอปฮวบๆ ทำให้เจ้า Allopregnanolone ที่คอยกดสมองให้สงบนั้นหายไป ทำให้ความคิดความกังวลต่างๆ ปะทุขึ้นมาตอนนั้น
2️⃣ ฮอร์โมน CRH จากรกที่กระตุ้นแม่รุนแรง หายไป ทำให้ระบบแกนฮอร์โมน cortisol ของแม่ ‘รวน’ บางคนก็ต่ำไปเลย บางคนก็สูงลอย บางคนก็ขึ้นลงไม่เป็นไปตามจังหวะ (Circadian rhythm)
3️⃣ Estrogen ที่ต่ำ + Cortisol ที่มีจังหวะผิดปกติ ทำให้ ‘วิถีการสร้าง serotonin’ เปลี่ยนไป แทนที่สารตั้งต้นอย่าง Tryptophan จะสร้างจนได้ Serotonin กลับชิฟไปสร้างเป็น Quinolinic acid ซึ่งตัวนี้ จะเร่งการอักเสบของสมอง (กลไกนี้ไม่ได้รุนแรงมากใน maternal blue แต่จะแรงมากใน PPD)
ผลลัพธ์คือทำให้สมองหลายจุดทำงานผิดปกติ
1️⃣ สมองส่วน BNST/Amygdala ที่ประสานงานให้นำเรื่องไกลตัวมาคิด ทำงานรุนแรงเพราะขาด Allopregnanolone ที่คอยกดเอาไว้ ความกังวลเลยปะทุสารพัด ยิ่งลูกคนแรกนี่ยิ่งหนักเพราะขาด ‘ความทรงจำเชิงทักษะ’ ที่เคยเลี้ยงลูกมาช่วย ทำให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน กังวลสารพัด จึงทำให้อารมณ์แปรปรวนง่าย
2️⃣ การเชื่อมต่อระหว่าง pgACC/sgACC กับ reward system ทำงานลดลง ทำให้เริ่มทำอะไรก็ไม่ค่อยสุข อาการเกือบจะสิ้นยินดีในซึมเศร้าละค่ะ แต่ไม่รุนแรงเท่า แต่มันจะทำให้คาดหวังแล้วผิดหวังได้ง่าย แล้วเปิดโทนไปในทางเศร้าแทน
3️⃣ ไม่มีตัวเบรก Insula ซึ่งเจ้านี่นี่แหละค่ะ ที่ทำให้ ‘สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในสมอง’ คิดอะไรเชิงลบ ก็ขุดขึ้นมาเสมอ ยิ่งเป็นเรื่องแนวๆ ลูก ยิ่งหวั่นไหว
💡 และทั้งหมดนี้เรียกว่า ภาวะอารมณ์แปรปรวนหลังคลอดบุตร (Maternity blues หรือ baby blues) - อารมณ์หวั่นไหวง่าย เศร้าง่าย กังวลหนักๆ มีปัญหาการนอน ซึ่งเป็นชั่วคราวประมาณ 3-10 วัน จนกว่าระบบสมองจะ ‘ชิน’ กับสภาพตอนไม่ตั้งครรภ์อีกครั้ง
ภาวะนี้พบได้เฉลี่ยคือ 39% เลยค่ะ (ตาม paper ต่างชาตินะคะ) แต่ความรุนแรงมากน้อยต่างกัน โดยคนที่มีประวัติมีอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ในระดับรุนแรง (PMDD) จะยิ่งเสี่ยงสูง เพราะสมองมันไวต่อการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนมาตั้งแต่แรกแล้ว
⚠️ จุดสำคัญที่สุดคือ คนที่มีภาวะ Baby blues เพิ่มปัจจัยเสี่ยงที่จะพัฒนาไปเป็น Postpartum depression (PPD) ในอนาคต โดยเฉพาะมีปัจจัยเสี่ยงของ Depression อยู่แล้ว (พันธุกรรม/ประสบการณ์เลวร้ายวัยเด็ก/เครียดเรื้อรัง ช่วงก่อนตั้งครรภ์)
โดยภาวะซึมเศร้าหลังคลอด จะเกิดภายใน 4-12 สัปดาห์หลังคลอด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสมองจะรุนแรงเท่าโรคซึมเศร้าเลยค่ะ คือมีการฝ่อหลายจุดในสมอง ทำให้เกิดอาการต่างๆ เต็มสตรีมคือ เศร้า สิ้นยินดี ปัญหาการนอน รู้สึกไร้ค่า อยากทำร้ายตัวเอง ฯลฯ
ดังนั้นหมั่นสังเกตตัวเองเสมอนะคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นในจิตใจเรา ภาวะนี้สามารถหายไปเองได้ แต่ถ้าเกิน 2 สัปดาห์แล้วยังดูไม่หาย และเป็นรุนแรงขึ้น อาจจะเป็น PPD ไปแล้ว ควรพบจิตแพทย์นะคะ