Music & Mind Music-Psychotherapy (GIM/MI) | Psychologist
[Depression, anxiety, stress, insomnia, neurodiversities (Autism, ADHD, LD, GDD), and mindfulness]. (2019).

Music & Mind เป็นเพจแรก ที่นำเสนอเนื้อหาด้านจิตวิทยาและเทคนิค Guided Imagery and Music (GIM) และ Music & Imagery (MI) ซึ่งเป็นแนวทางสมัยใหม่ในการใช้ดนตรีควบคู่กับกระบวนการจิตบำบัด (modern music-psychotherapy approach)*

GIM/MI สามารถประยุกต์ใช้ได้ในทุกช่วงวัยโดยการใช้ดนตรีควบคู่กับศิลปะ Mandala ในหลากหลายวัตถุประสงค์ เช่น เมื่อต้องเผชิญกับภาวะซึมเศร้า เครียด ประสบการณ์ความรุนแรงในอดีต (PTSD) นอนไม่หลับ หรือความรู้สึกเชิงลบอื่นๆ

ความงดงามของเทคนิค GIM/MI คือเอื้อให้เด็กๆสะท้อนความรู้สึก ความคิดและศักยภาพ ผ่านจินตนาการและศิลปะ Mandala ซึ่งบางครั้งอาจจะยากในการอธิบายความรู้สึกเชิงซ้อนออกมาเป็นรูปธรรมทางคำพูด เช่น ความรู้สึกภูมิใจ เชื่อมั่น มุ่งมั่น เหงา โดดเดี่ยว ผิดหวังและความรู้สึกอีกหลายทั้งเชืงบวกและลบ

เพจเรามีความตั้งใจที่อยากจะแบ่งปันความรู้ด้านดนตรีบำบัดด้วยเทคนิค GIM/MI ให้เป็นที่รู้จักเนื่องจากเป็นเทคนิคที่ค่อนข้างใหม่ในประเทศไทย เรายินดีที่จะแบ่งปัน รับฟัง ทุกๆข้อเสนอแนะหรือหากท่านมีหัวข้อใดที่สนใจเป็นพิเศษสามารถ inbox เพื่อ request หัวข้อนั้นๆได้เลยค่ะ

ดร.ชนารี เลาหะพงษ์พันธ์ (หยุน)
Counseling Psychologist, Assumption University
Advanced GIM/MI trainee, Atlantis Institute for Consciousness & Music, USA


สำหรับผู้ที่สนใจรับบริการจิตวิทยาให้คำปรึกษาด้วยเทคนิค GIM/MI (online/on-site) สามารถ inbox เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ค่ะ


GIM is a modern music-psychotherapy approach which is an extremely effective form of music therapy
* Grocke D.E. Guided Imagery and Music: The Bonny Method and Beyond. As cited by Abbott E. Chapter 2: The Individual Form of the Bonny Method of Guided Imagery and Music, p.41-48, Barcelona Publisher.

ในบางครั้งสื่อถึงอารมณ์หรือความคิดกลับกลายเป็นเรื่องที่ยาก ดังนั้นในกระบวนการทำจิตบำบัดหรือชั่วโมงให้คำปรึกษา อาจจะมีตัว...
04/02/2025

ในบางครั้งสื่อถึงอารมณ์หรือความคิดกลับกลายเป็นเรื่องที่ยาก ดังนั้นในกระบวนการทำจิตบำบัดหรือชั่วโมงให้คำปรึกษา อาจจะมีตัวช่วยให้ผู้รับบริการสามารถสื่อความหมายและช่วยบรรยายความรู้สึกได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

การใช้ Mood Card หรือ Mood Meter เป็นอีกหนึงอุปกรณ์ที่ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เมื่อต้องเจอกับเรื่องราวที่ซับซ้อนหรือช่วยอธิบายความหมายของงานศิลปะ อุปกรณ์นี้ช่วยให้ผู้รับบริการสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของตนเองในเชิงบวกหรือลบรวมถึงพลังงานที่มีอยู่ในปัจจุบันระหว่างที่พูดคุยในเรื่องนั้นๆ

ในตอนต้นของการพูดคุย ผู้เข้ารับบริการสามารถเลือกหยิบการ์ดเท่าที่ตนเองรู้สึกกับเรื่องราวต่างๆ หลังจากนั้นนักจิตวิทยาจะทำหน้าที่ช่วยให้ผู้รับบริการค่อยๆค้นหาความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในที่แท้จริง

#จิตวิทยา #อารมณ์ความรู้สึก #สับสน #การ์ดอารมณ์ #เข้าใจตังเอง #ซึมเศร้า #เครียด

หมายเหตุ
1) ภาพกิจกรรมได้รับอนุณาตให้เผยแพร่จากผู้ปกครอง
2) Mood Meter credit image: https://www.ps120q.org/mood-meter

การเล่นบทบาทสมมติ (Role-playing) เป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการหลายด้านของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การใช้ความค...
07/01/2025

การเล่นบทบาทสมมติ (Role-playing) เป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการหลายด้านของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การใช้ความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาทักษะทางสังคม หรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยการออกแบบกิจกรรมที่เด็กสนใจและส่งเสริมให้เกิดการสื่อสารสองทางถือเป็นหัวใจสำคัญ

ตัวอย่างเช่น การเล่นบทบาทสมมติ "เปิดร้านราเมง" ที่ไม่เพียงแค่สนุกสนาน แต่ยังช่วยพัฒนาในหลายๆ ด้าน ในใบออร์เดอร์จะมีเงื่อนไขต่างๆ เช่น การใส่หรือไม่ใส่ส่วนผสมบางอย่าง จำนวนท็อปปิ้ง หรือการตีความปริมาณ เช่น "ไม่เผ็ด" หรือ "ขอมะเขือเยอะเป็นพิเศษ" ซึ่งทำให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการอ่าน การตีความ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเวลาเดียวกัน

การเล่นแบบนี้ช่วยเสริมทักษะทั้งในด้านการอ่าน การเข้าใจคำสั่ง รวมถึงการคิดแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วในสถานการณ์จริง ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ✨🍜

#การเล่นบทบาทสมมติ #พัฒนาการเด็ก #ทักษะการสื่อสาร #การเรียนรู้ผ่านการเล่น #กิจกรรมสร้างสรรค์ #การแก้ปัญหาผ่านการเล่น #จิตวิทยาเด็ก #จิตวิทยาพัฒนาการ

สนใจกิจกรรมเพื่อพัฒนาการที่เหมาะสมกับน้องเป็นรายบุคคล ติดต่อได้ที่แอดมินเลยค่ะ 🏠

การประยุกต์ใช้ color identity ในการฝึก phonic เป็นอีก 1 เทคนิคที่น่าสนใจและช่วยให้น้องๆในกลุ่ม neurodiversity สามารถเรีย...
05/01/2025

การประยุกต์ใช้ color identity ในการฝึก phonic เป็นอีก 1 เทคนิคที่น่าสนใจและช่วยให้น้องๆในกลุ่ม neurodiversity สามารถเรียนรู้ได้ง่ายและสนุกไปกับความคิดสร้างสรรในเวลาเดียวกัน

, #การศึกษาพิเศษ, #กิจกรรมบำบัด, #เด็กพิเศษ, , #กิจกรรมเด็ก

Role Play & Problem Solving Skillsโดยทั่วไปเมื่อเด็กๆมีพัฒนาการด้านการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นคำพูด (verbal language) ท่าทาง...
03/05/2024

Role Play & Problem Solving Skills

โดยทั่วไปเมื่อเด็กๆมีพัฒนาการด้านการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นคำพูด (verbal language) ท่าทาง (guestures) หรือพฤติกรรม (action) ได้ในระดับหนึ่ง เราจะเริ่มสังเกตุเห็นทักษะการเล่นที่พัฒนาตามไปด้วยนั่นคือ การเล่นบทบาทสมมติ เช่น ตัวละครในการ์ตูนหรือคนใกล้ชิด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเลยค่ะ

แล้วการเล่นสมมติเกี่ยวข้องอะไรกับทักษะการแก้ปัญหา?

เกี่ยวข้องแน่นอนค่ะ หากเราเอาตัวเองเข้าไปเล่นกับน้องๆตามเส้นเรื่อง (storyline) ที่เขาเป็นคนกำหนดเอง เราจะใช้โอกาสนี้ในการสร้างทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยการทดลองยื่นโจทย์หรืออุปสรรคใส่เข้าไปในเรื่องราวนั้น แต่ต้องไม่ซับซ้อนเกินวัยหรือถี่เมากจนเกินพอดี ซึ่งอาจจะทำความสนุกและตื่นเต้นหายไป

หากน้องๆกำลังเล่นบทบาทสมมติเป็นพ่อครัว คุณพ่อหรือคุณแม่ก็อาจจะเล่นเป็นลูกค้า เช่น ถ้าปกติคุณแม่ชอบทานไข่เจียวหมูสับ แต่วันนี้อยากเปลี่ยนรสชาติสามารถใส่อะไรแทนหมูสับได้บ้าง

ฟังดูเหมือนเป็นบทสนทนาง่ายๆ แต่สำหรับพัฒนาการในเด็กนั้น มีกระบวนการเรียนรู้เกิดขึ้นในหลายขั้นตอนเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของสมองที่ต้องเริ่มประมวณผลว่าจะใช้อะไรแทนหมูสับ ในขณะเดียวกันก็ใช้สายตาดูของเล่นที่มีอยู่ในมือว่าจะใช้ของเล่นชิ้นไหนแล้วถ้าหากไม่มี น้องๆจะใช้อะไรแทน ซึ่งก็จะเป็นทักษะสร้างจินตการ ขั้นตอนสุดท้ายคือการที่เด็กต้องใช้ทักษะในการตอบคำถามและให้เหตุผลว่าทำไมจึงเลือกของเล่นชิ้นนั้นๆแทนหมูสับของคุณแม่

เห็นไหมคะ การเล่นที่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างพัฒนาการเด็กในทุกช่วงวัย

อย่าลืมเข้าไปมีส่วนร่วมหรือชวนน้องๆเล่นบทบาทสมมติบ่อยเท่าที่มีโอกาสนะคะ เพราะทุกการเล่นคือพัฒนาการของเด็กค่ะ

บทความโดย
ดร.ชนารี (หยุน)

แม่ทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ?เป็นประโยคที่หยุนมักจะได้ยินจากคุณแม่ที่ดูแลน้องๆที่มีภาวะออทิสติก (ASD) นอกเหนือจากคำถามที่เกี่...
22/04/2024

แม่ทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ?

เป็นประโยคที่หยุนมักจะได้ยินจากคุณแม่ที่ดูแลน้องๆที่มีภาวะออทิสติก (ASD) นอกเหนือจากคำถามที่เกี่ยวข้องกับภาวะและการดูแลน้องๆ ... หยุนยังยืนยันคำตอบเดิมคือ 'ไม่ใช่ความผิดของคุณแม่และที่ผ่านมาคุณแม่ทำดีที่สุดแล้วค่ะ'

คุณแม่บางคนโดนกล่าวโทษว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องมีภาวะ ASD เช่นดูแลตัวเองไม่ดีในช่วงตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน พักผ่อน หรือบางครั้งก็ลุกลามบานปลายไปถึงพันธุกรรมจากฝั่งคุณแม่ แต่ในความเป็นจริงแล้วพันธุกรรมอาจจะเป็นปัจจัย แต่ไม่ใช่จากฝั่งแม่เท่านั้น พันธุกรรมจากฝั่งคุณพ่อก็อาจจะส่งผลให้เกิดภาวะ ASD ได้เช่นกัน หลังจากที่ได้รับคำวินิจฉัยแล้ว ควรที่จะหยุดกล่าวโทษกันว่าสาเหตุมาจากใครหรืออะไรที่เป็นสาเหตุทั้งคุณพ่อคุณแม่หรือคนในครอบครัวควรหันหน้าเข้าหากัน เพื่อหาทางดูแลน้องๆภายใต้คำแนะนำจากแพทย์หรือนักวิชาชีพที่เชี่ยวชาญค่ะ

คุณแม่หลายๆคนจึงอยู่ในภาวะเครียด ซึมเศร้าและโทษตัวเอง บางคนอยู่ในภาวะนี้มายาวนานตั้งแต่วันแรกที่ลูกได้รับคำวินิจฉัยด้วยภาวะดังกล่าว

นอกจากนั้น คุณแม่บางคนกลายเป็นคุณแม่(เสมือน)เลี้ยงเดี่ยว คือ รับภาระหน้าที่ในการดูแลลูกเพียงลำพังโดยปราศจากการให้กำลังใจสนับสนุนจากคุณพ่อของเด็ก สภาวะนี้ยิ่งตอกย้ำและทำให้คุณแม่ย้อนถามตัวเองตัวเองซ้ำๆว่าฉันผิดอะไรกับลูกหรือกระทั่งสามี

จากประสบการ์ณที่ผ่านมา หยุนมักจะเห็นคุณแม่ทุ่มเทความรักทั้งแรงกายและใจในการดูแลน้องๆที่มีภาวะ ASD จนลืมดูแลตัวเอง อย่าลืมนะคะ คุณแม่เองก็ต้องใช้ความพยายาม ความอดทน ซึ่งไม่ใช่เป็นงานที่ง่ายเลยสำหรับคุณแม่

หยุนอยากสนับสนุนให้คุณแม่มีช่วงเวลาที่มีความสุขอาจจะเป็นช่วงสั้นๆในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็น ฟังเพลง จุดเทียนหอม ทานอาหารหรือขนมที่ตัวเองชอบหรือกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งความสุขเล็กๆน้อยๆนี่แหละค่ะ ที่จะเป็นตัวช่วยของคุณแม่อย่างมหัศจรรย์ ลองค่อยๆใช้เวลากับตัวเองว่าก่อนหน้านี้เราเคยมีความสุขกับอะไร ถึงแม้จะไม่สามารถกลับไปทำได้เต็มที่เหมือนก่อน แต่ก็จะเป็นสิ่งที่เติมเต็มความรัก ความสุขและใจดีกับตัวเองได้อย่างมากมายเลยค่ะ

Self-care doesn't mean selfish

บทความโดย
ดร.ชนารี (หยุน)

#แม่ซึมเศร้า, #ออทิสติก, , , , , , , #แม่เลี้ยงเดี่ยว, #จิตวิทยา, #ดูแลลูก, #พัฒนาการเด็ก, #พัฒนาการลูก

✈️ Post-holiday Depression 😥เชื่อว่าสุดสัปดาห์นี้ เป็นช่วงเวลาที่หลายๆคนเริ่มกลับมาจากวันหยุดยาวและเตรียมตัวกลับไปทำงานต...
20/04/2024

✈️ Post-holiday Depression 😥

เชื่อว่าสุดสัปดาห์นี้ เป็นช่วงเวลาที่หลายๆคนเริ่มกลับมาจากวันหยุดยาวและเตรียมตัวกลับไปทำงานตามปกติ แต่ช่วงวันหยุดโค้งสุดท้ายนี้ กลับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับหลายๆคน โดยเฉพาะคนที่รู้สึกยังไม่พร้อมจะกลับไปเริ่มต้นวันทำงาน โดนเฉพาะวันจันทร์แรกหลังวันหยุดยาว หลายๆคนอาจจะอยู่กับความรู้สึก ซึมเศร้า หดหู่ หมดแรง กังวล เก็บตัว หรือแม้กระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านการกินอาจจะมากหรือน้อยกว่าปกติที่เป็น

Monday Sickness เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะคนที่อาจจะอยู่ในภาวะหมดไฟหรือต้องเผชิญกับความเครียด ความท้าทายในที่ทำงานในรูปแบบต่างๆ และยิ่งถ้าเป็นหลังวันหยุดยาว อาจจะยิ่งส่งผลกระทบในชีวิตประจำวันไม่มากก็น้อย แต่โดยทั่วไปอาการเหล่านั้นจะค่อยๆดีขึ้นหลังจากจากปรับตารางชีวิตให้กลับมาเป็นปกติในช่วงสัปดาห์แรก

หากคุณไม่แน่ใจว่าภาวะทางอารมณ์เชิงลบที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะ Post-holiday Depression หรือปัจจัยภายในจิตใจอื่นๆ คุณสามารถรับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา เพื่อให้คุณกลับมาเป็นคนเดิมได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง

สนใจรับบริการให้คำปรึกษา สามารถ inbox เพื่อสอบถามรายละเอียด
Counseling Fee:
1. Guided Imagery & Music (GIM) [3,000 Baht / 1.30 Hours]
2. Verbal Therapy (1,800 Baht / 1 Hour)

สามารถรับบริการได้ทั้ง on-site หรือ online ผ่านระบบ Zoom

#ซึมเศร้าหลังวันหยุด, #ซึมเศร้า, #ซึมเศร้าวันจันทร์, #ดนตรีบำบัด, #จิตวิทยา, #เศร้า, #เบื่องาน, #เบื่อหัวหน้า, #เบื่อวันจันทร์, #จิตตก,

Music & Mind ขอขอบคุณคณะดุริยางคศาสตร์ ม.ศิลปากร ให้เกียรติเชิญ ดร.ชนารี เลาหะพงษ์พันธ์ นำเสนอการบรรยายเชิงปฏิบัติการและ...
05/04/2024

Music & Mind ขอขอบคุณคณะดุริยางคศาสตร์ ม.ศิลปากร ให้เกียรติเชิญ ดร.ชนารี เลาหะพงษ์พันธ์ นำเสนอการบรรยายเชิงปฏิบัติการและจัด workshop ในหัวข้อ 'การใช้ดนตรีเพื่อการทำจิตบำบัดด้วยเทคนิค Guided Imagery and Music (GIM)

และขอขอบคุณคณาจารย์และนักศึกษาที่ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมและแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้สึกที่มีอยู่ในใจ ได้เห็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และฟังเสียงจากข้างใน (หัวใจ) ตัวเองได้ชัดมากขึ้นผ่านดนตรีและศิลปะ mandala

หวังว่ากิจกรรมครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งด้านวิชาการและภาคปฏิบัติสำหรับผู้เข้าร่วมทุกท่าน

ท่านที่สนใจเทคนิดการทำจิตบำบัดด้วยเทค GIM/MI สามารถ inbox สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ค่ะ

GIM is a modern music-psychotherapy approach which is an extremely effective form of music therapy*

* Grocke D.E. (2019). Guided Imagery and Music: The Bonny Method and Beyond. As cited by Abbott E. Chapter 2: The Individual Form of the Bonny Method of Guided Imagery and Music, p.41-48, Barcelona Publisher.

#ดนตรีบำบัด, therapy, , #จิตวิทยา, #ซึมเศร้า, #พัฒนาตนเอง, #กําลังใจ, #ฮีลใจ

ดร.ชนารี เลาหะพงษ์พันธ์ ได้รับเกียรติจากคณะดุริยางคศาสตร์ (Faculty of Music) มหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อบรรยายเชิงปฏิบัติกา...
01/03/2024

ดร.ชนารี เลาหะพงษ์พันธ์ ได้รับเกียรติจากคณะดุริยางคศาสตร์ (Faculty of Music) มหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อบรรยายเชิงปฏิบัติการในการนำดนตรีมาใช้เพื่อทำจิตบำบัดด้วยเทคนิค Guided Imagery & Music (GIM)

บุคคลทั่วไปที่สนใจอยากเข้าร่วมโปรดสำรองที่นั่งได้ที่ Facebook / IG / Line อย่างเป็นทางการของคณะได้เลยค่ะ

เนื่องจากที่นั่งมีจำนวนจำกัด จึงขอสงวนสิทธิ์ในช่วง workshop สำหรับอาจารย์และนักศึกษา บุคคลทั่วไปสามารถเข้ารับฟังบรรยายโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

GIM is a modern music-psychotherapy approach which is an extremely effective form of music therapy*

* Grocke D.E. (2019). Guided Imagery and Music: The Bonny Method and Beyond. As cited by Abbott E. Chapter 2: The Individual Form of the Bonny Method of Guided Imagery and Music, p.41-48, Barcelona Publisher.

#ดนตรีบำบัด, #จิตวิทยา, ,

คอร์สดนตรีบำบัดด้วยเทคนิคดนตรีและจินตภาพ (Music & Imagery หรือ MI) เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการและดึงศักยภาพสำหรับน้องๆอายุ 8...
12/10/2022

คอร์สดนตรีบำบัดด้วยเทคนิคดนตรีและจินตภาพ (Music & Imagery หรือ MI) เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการและดึงศักยภาพสำหรับน้องๆอายุ 8 - 12 ปี โดย ดร.ชนารี เลาหะพงษ์พันธ์ (ครูหยุน) เป็นการใช้ดนตรีคลาสสิคที่ได้รับการรับรองและจัดเรียงเป็นหมวดหมู่ตามหัวข้อพัฒนาการ ควบคู่กับการใช้ศิลปะ mandala

คอร์สนี้เหมาะสำหรับน้องๆทุกคน เพื่อช่วยให้น้องๆรับรู้ความรู้สึกของตนเอง ควบคู่ไปกับเสียงดนตรี โดยที่กิจกรรมนี้จะมีการทำต่อเนื่องอย่างน้อย 6 ครั้ง (สัปดาห์ละ 1 ครั้ง) เพื่อประสิทธิผลในการเสริมสร้างพัฒนาการรอบด้าน ตามหัวข้อที่กำหนดไว้ในแต่ละสัปดาห์

สำหรับท่านผู้ปกครองที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดของ MI ได้ที่ เพจ https://www.facebook.com/music.mind.therapy หรือสอบเพิ่มเติม - สำรองที่นั่งโดยตรงที่ ครูหยุน (085) 908 - 2658 จำกัดที่นั่ง ไม่เกินกลุ่มละ 12 คน

ประโยชน์ดนตรีบำบัดด้วยเทคนิค MI มีอะไรบ้าง
1) ทักษะด้านภาษา (language skills) MI เปิดโอกาสให้เด็กๆสื่อสารผ่านหลากหลายช่องทาง นอกเหนือจากภาษาพูด เช่น การสื่อสารผ่านภาพวาด สี ลายเส้น หรือกิจกรรมอื่นๆควบคู่ไปด้วย ดังนั้นน้องๆที่เข้าร่วมกิจกรรม จะได้ฝึกทักษะการใช้ภาษาเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ ความรู้สึก ของแต่ละเรื่องราวหรือหัวที่เตรียมไว้ในแต่ละสัปดาห์ควบคู่กับเสียงดนตรี

2) เสริมสร้างสมาธิ (concentration) สิ่งที่สำคัญของเทคนิค MI คือการฝึกสร้างสมาธิ ความรู้สึจดจ่อ และรวบยอดความคิด ในขณะที่ฟังเรื่องราวและใช้สมาธิอยู่กับตัวเอง

3) ทักษะการควบคุมตนเอง (self-regulation) เป็นทักษะสำคัญในการเข้าสังคมและเชื่อมโยงกับพัฒนาการด้านอื่นๆ เช่น ความคิด ควบคุมอารมณ์ การแสดงออกทางพฤติกรรม ซึ่งจะส่งผลต่อ ความสามารถในการรับมือกับความรู้สึกเชิงลบ เช่น การอดทนรอคอย ผิดหวัง ไม่พอใจ เสียใจ

4) ทักษะทางสังคม (social skills) MI ถือเป็นกิจกรรมกลุ่มที่เน้นให้น้องๆทุกคน อยู่ภายใต้การเรียนรู้ร่วมกัน ฝึกการรับฟัง ยอมรับความเห็นที่แตกต่าง และไม่รู้สึกว่าอยู่ในสภาวะที่ถูกตัดสิน ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้เอง จะค่อยๆนำพาไปสู่ทักษะการเข้าสังคมในอนาคตที่มีความซับซ้อนมากขึ้น

5) ทักษะการจดจำ (memory skills) เด็กๆจะมีช่วงเวลาในการจดจำเรื่องราวและแสดงออกผ่านศิลปะ Mandala ควบคู่ไปกับ การใช้คำศัพท์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนฝึกทักษะการจดจำ

6) ทักษะความคิดเชิงสัญลักษณ์และจินตภาพ (symbolic thinking & mental imagery) สมองของเด็กจะค่อยๆพัฒนาความคิดเชิงสัญลักษณ์ตั้งแต่ 2 ปี เพื่อสื่อถึงอารมณ์ ความรู้สึกและความคิดเชิงนามธรรมที่ลึกซึ้งขึ้นในช่วงวัย 10 - 12 ปี เทคนิค MI มีส่วนช่วยให้เด็กๆฝึกผนทักษะด้านนี้ความด้วยเหตุผลของตนเอง ที่ได้รับการกระตุ้นจากนิทานปลายเปิดและบทเพลง

7) ทักษะแยกแยะความเป็นจริงและจินตนาการ (reality v.s. fantasy) เด็กในช่วงก่อนวัยเรียนจะมีการเชื่อมโยงความคิดสนุกสนาน สิ่งมหัศจรรย์ ซึ่งอาจจะยากสำหรับเด็กในการอธิบายที่มาที่ไป แต่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการต่อยอดเรียนรู้และพัฒนาความสามารถในการแยกแยะโลกแห่งความเป็นจริงและจินตนาการ กิจกรรม MI จะช่วยให้เด็กๆเชื่อมโยงจินตนาการกับความเป็นจริง ซึ่งอาจจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่เติบโต ปัจจัยด้านสุขภาพร่างกายและอารมณ์

References:
1) Powell L.T. (2007). Stories, Music, and Imagery. A Doorway to a child’s self-esteem. Word Association Publisher, United Stated of America

2) Grocke D.E. (2019). Guided Imagery and Music: The Bonnu Method and Beyond (2nd ed.). Barcelona Publisher, Texas, United States of America

3) Hallam S. (2019). The Psychology of Music. Routledge Publisher, United States of America.

4) https://www.integrativegim.org/about-gim

สอนโดย ดร.ชนารี เลาหะพงษ์พันธ์ (ครูหยุน)
Academic Educations
PhD.C.P Counseling Psychology, Assumption University
M.A. Global Communications, Bangkok University
B.A. Communication Arts, Bangkok University International Collage

Post-graduated Education
The Bonny Method of Guided Imagery and Music (GIM)
Advanced GIM trainee, Atlantis Institute for Consciousness & Music, USA

Music Education
Classical Piano Performance Grade 8, TCL
Music Theory Grade 5 (Distinction), ABRSM

Academic Experiences
Former lecturer for master degree
School of Communication Arts/Media
(Bangkok University, Webster University, and Sripratum)

Former lecturer for bachelor degree
School of Psychology (Webster University)
School of Communication Arts/Media (Stamford International University)

16/08/2022

BRIEF: ผู้เชี่ยวชาญเริ่มกังวล คลิปสั้นๆ ในโซเชียล มีลักษณะน่าเสพติดจนสร้าง ‘TikTok Brain’ ที่ทำให้เด็กๆ สมาธิสั้น และมีปัญหาการจดจำ
หลายๆ ครั้งเราอาจจะหลงเข้าไปในโลกแห่งคอนเทนต์คลิปสั้นๆ ที่มาไว้ไปไว้ จบภายในไม่ถึงนาที รู้ตัวอีกทีก็หยุดดูคลิปเหล่านั้นไม่ได้ ดูกันไปต่อเนื่องจนหลงลืมเวลา นี่คือลักษณะความ ‘เสพติด’ ที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายคนกำลังเผชิญ
ประเด็นเรื่องผลกระทบของคลิปขนาดสั้นๆ ต่อสมองของผู้ใช้งาน กำลังอยู่ในความสนใจในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการของเด็กๆ รวมถึงนักจิตวิทยาในต่างประเทศ แม้จะยังไม่มีงานวิจัยออกมามากมายนัก แต่ระดับของปัญหานี้ก็เรียกได้ว่าไม่สามารถปล่อยปะละเลยไปได้
บทความของ The Wall Street Journal ถึงกับเปรียบเทียบผลกระทบของคลิปสั้นๆ เหล่านี้ว่าจะทำให้เกิด ‘TikTok Brain’
เจมส์ วิลเลียมส์ นักวิชาการด้านปรัชญาและจริยศาสตร์จากมหาวิทยาลัย ออกซฟอร์ด บอกกับ Wall Street Journal ถึงความกังวลใจนี้ โดยเปรียบเทียบว่า ตอนนี้โซเชียลมีเดียต่างๆ เป็นเหมือนกับโรงงานผลิตลูกกวาดขนาดใหญ่ ที่ผลิตลูกกวาดต่างๆ ออกมาให้กับเด็กๆ กินทุกวัน (เขาเปรียบเทียบคลิปสั้นๆ ว่าเป็นลูกกวาด)
ปัญหาที่จะตามมาก็คือ เมื่อกินลูกกวาดนี้เข้าไปเรื่อยๆ จนเคยชิน พวกเขาจะคุ้นเคยกับการได้รับสารโดปามีน (สารที่ก่อให้เกิดความสุข) อย่างรวดเร็ว และด้วยความที่มันเป็นคลิปสั้นๆ เด็กๆ ก็จะต้องการเสพลูกกวาดเหล่านี้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ และกว่าที่ผู้ใหญ่จะขอร้องให้เด็กๆ ไปเสพอย่างอื่นแทนบ้าง มันก็อาจจะสายไปแล้ว
“ตอนนี้เหมือนกับเราให้เด็กๆ ใช้ชีวิตอยู่ในร้านขายลูกกวาด แต่เราบอกให้พวกเขาเลิกกินของเหล่านั้น และเปลี่ยนมากินผักแทน” วิลเลียมส์ ระบุกับ Wall Street Journal
ด้าน มิเชล มานอส แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนรู้ของเด็ก อธิบายว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่สมองของเด็กๆ เริ่มคุ้นชินกับคลิปที่มาไวไปไวมากๆ แล้ว สมองก็จะเกิดอุปสรรคที่จะเรียนรู้โลกแห่งความเป็นจริงที่สิ่งต่างๆ ไม่ได้เคลื่อนผ่านเร็วเหมือนอย่างกับในโลกดิจิทัล
สิ่งที่ดูน่าเป็นกังวลมากที่สุดก็คือสมองในส่วน Prefrontal cortex ซึ่งอยู่ส่วนหน้าของสมอง มันทำหน้าที่ควบคุมสมาธิ และมีผลต่อการโฟกัสต่อสิ่งต่างๆ แม้จะยังไม่มีงานวิจัยมาศึกษาถึงผลของคลิปสั้นๆ เหล่านั้นต่อสมองส่วนนี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการก็ตั้งข้อสังเกตว่า ผลกระทบของมันจะเป็นอย่างไร
แต่ถึงอย่างนั้นก็เคยมีการศึกษาอยู่บ้าง ในมุมที่ว่า เมื่อมีคนเข้าไปอยู่ในสภาวะเสพคลิปสั้นๆ อย่างต่อเนื่องแล้ว มันจะไปกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนกลาง ซึ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถเลิกดูคลิปเหล่านั้นได้ง่ายๆ
ขณะที่ เจสสิกา กริฟฟิน ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์ จาก University of Massachusetts Medical School ให้ความเห็นว่า ถ้าเราเสพติดคลิปสั้นๆ อย่างต่อเนื่องจนหยุดดูไม่ได้ มันก็อาจจะส่งผลต่อปัญหาในด้านการจดจ่อ การมีสมาธิ และการจัดเก็บความทรงจำระยะสั้น (short-tern memory) ได้
“วิดีโอสั้นๆ มันก็เหมือนกับขนมหวาน มันทำให้เราเกิดโดปามีน หรือสารเคมีแห่งความสุข...ความมาไวไปไวของพวกมัน ทำให้คุณอยากจะดูต่อไปอีกเรื่อยๆ เหมือนกับเด็กๆ ที่อยู่ในร้านขนมหวาน” กริฟฟิน กล่าว
การมาถึงของคลิปวิดีโอขนาดสั้นๆ มาไว้ไปไว เลื่อนดูได้ต่อเนื่อง ย่อมส่งผลต่อการเรียนรู้และการทำงานของสมองมนุษย์ สิ่งที่ต้องจับตากันตอนนี้คือผลกระทบต่อสมองของเด็กๆ ที่ยังไม่ได้มีพัฒนาการอย่างเต็มที่
อ้างอิงจาก

https://www.wsj.com/articles/tiktok-brain-explained-why-some-kids-seem-hooked-on-social-video-feeds-11648866192

https://www.verywellhealth.com/tiktok-brain-5225664

https://www.dailymail.co.uk/health/article-10712479/TikTok-like-candy-store-immediate-pleasure-child-users.html

ที่อยู่

Phra Nakhon

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Music & Mindผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง Music & Mind:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram